หน้าต่างบานแรก : เด็กหญิงข้างหน้าต่าง
โฮ่ๆๆๆ ไม่ได้อัพบล็อกไปเสียนาน วันนี้ว่างๆ(ไม่ว่างเท่าไหร่หรอก เพราะยังมีงานที่ต้องส่งวันจันทร์หน้า แต่ยังไม่ได้เริ่มแตะเลยแม้แต่นิดเดียว )อยู่กะบ้าน เลยอัพสักหน่อยดีกั่วจำได้ว่าเมื่อก่อน มีเพลงอยู่เพลงนึง ชื่อเพลงน่ารัก สมตัวนักร้องดี คือ เพลง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง ที่ร้องโดย พลอย ณัฐชา เด็กหญิงผิวขาว ตัดผมสั้นแค่ติ่งหู และดัดฟัน ดูเผินๆเหมือนลูกแมว(น่าร้ากกคร้าบ ไม่ใช่น่ากิน เหอ เหอ หุหุ)มิวสิควิดีโอเพลงนั้น ผมชอบมาก(ปล.ผมไม่ใช่พวกพลัง L นะคร้าบบบ)เป็นน้องพลอย ยืนร้องเพลงอยู่ข้างหน้าต่าง เนื้อร้องทำนองว่า ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร โดยหน้าต่างก็คือโลกกว้างของเด็กหญิงวัย 15 คนนั้น จะเป็นอย่างไร ดีเลวแค่ไหนก็ไม่รู้ ล้วนแล้วแต่เป็นการเรียนรู้ ฯลฯ ซึ่งผมลืมไปบ้างเพราะมันนานมากแล้ว และแม้ว่าอัลบั้มนี้จะแป้ก ไม่ดัง ผมก็ยังจำได้เสมอๆจากเพลงนี้ ทำให้ผมนึกไปถึงหนังสือเล่มนึง ที่เคยอ่านเมื่อนานมากมาแล้ว เป็นนวนิยาย 10 กว่าตอนจบ เล่มบางนิดเดียว อ่านวันเดียวก็จบ ของกฤษณา อโศกสิน เรื่อง หน้าต่างบานแรกเนื้อเรื่องก็ทำนองว่า เด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัย ไปเจอสาวตามที่เที่ยว และทำสาวนั้นท้อง ด้วยความหลงผิดคิดว่าสาวนั้นเป็นสาวดี บริสุทธิ์เหมือนน้ำค้างกลางหาว ฯลฯพ่อแม่ก็ต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กสาวคนนั้น จะเอาไปคืนก็ไม่ได้ แม่มันตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว ในที่สุด ไม่รู้ทำยังไงดี เลยต้องเอาไปเลี้ยง จนคลอดออกมา ทันทีที่คลอดเสร็จ แม่เด็กก็ทิ้งลูกวัยแบเบาะนั้นไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งให้เป็นภาระของพระเอกที่คอยเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำ รับผิดชอบกับภาระที่ตัวเองก่อขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ที่คิดว่าสาวคนนั้น ที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นผู้หญิงดี เหมือนกับเด็กหนุ่มที่เปิดหน้าต่างบานแรกของชีวิต ออกไปพบกับดอกอุตพิด ด้วยความอ่อนประสบการณ์ ก็หลงคิดไปว่า ดอกอุตพิดนั้น เป็นดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลก และวิวทิวทัศน์ที่เห็น ก็มองว่าเป็นโลกทั้งหมด โดยไม่คิดจะเปิดหน้าต่างบานอื่นๆออกดูเลยเรื่องนี้ ผู้แต่งเปรียบเทียบไว้อย่างคมคาย ว่าการเรียนรู้โลกภายนอกของของคนในครั้งแรก ก็เหมือนกับการเปิดหน้าต่างบานแรก หน้าต่างนั้น เมื่อเปิดออกอาจจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นสิ่งดี หรือไม่ดี ถ้ามันไม่ดี ก็ต้องรีบปิดซะ และเปิดหน้าต่างบานใหม่ออกดู สิ่งเหล่านี้ มันย่อมขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ของเด็กเอง หรือการชี้แนะจากผู้ปกครอง ว่าอย่าไปหลงใหลได้ปลื้มกับดอกอุตพิด อย่าไปคิดว่าหน้าต่างบานแรก หรือ คนๆแรกที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะเป็นตัวแทนของโลกภายนอกทั้งหมดทั้งมวล จนไม่สนใจที่จะเปิดหน้าต่างบานต่อๆไปอีกปล.ง่า วันนี้ผมง่วงจังเลยครับปล.2 การบ้านยังไม่ได้ทำเลยอ่ะ ส่งวันจันทร์หน้าแย้วว
จะหาแมวที่ไหนกวน teen เท่าแมวผมเป็นไม่มี
บ้านผม เมื่อปีที่แล้ว ได้แมวตัวผู้ลายสีเหลืองมาเลี้ยงตัวนึง ตั้งชื่อให้มันว่าแต้ม ชื่อเต็มๆว่าแต้มขวัญ(คือ ได้มันมาช่วงที่ละครเรื่องนึง ที่นางเอกคือเบนซ์ พรชิตา เล่นเป็นนางเอกอยู่พอดี เลยขอยืมมาตั้งเป็นชื่อแมวสักหน่อย)แรกๆมันมาอยู่ก็ไม่มีอะไร เลี้ยงแบบปล่อยๆ ทิ้งๆขว้างๆ แต่ก็ให้กินอิ่มทุกมื้อ มันก็ชอบมาสีๆจะให้อุ้มเสียเหลืออเกิน แต่ก็ไม่ค่อยได้เล่นกะมันหรอก ตั้งใจเลี้ยงไว้จับหนูตะหากแต่มันก็ยังอุตซ้า อุตส่าหืทำลายความหวังที่จะให้มันเป็นผู้กำจัดหนูเสียหมดสิ้น ด้วยการกินกับนอนเนื่องจากการพฤติกรรมเยี่ยงนี้ของมัน เป็นที่ไม่สบอารมณ์ของทุกคนในบ้านเป็นอย่างยิ่ง เลี้ยงไว้ทำไม เปลืองวิสกัสแต่ไม่อยากเพิ่มบาปให้กับตัวเองโดยการเอามันไปอยู่ในอุปถัมภ์ของหลวงพ่อวัดข้างบ้าน เลยทนทู่ซี้เลี้ยงมันต่อไปสิ่งหนึ่ง ที่จะเกิดขึ้นเป็นประจำ ในทุกๆค่ำคืนแห่งการนอนหลับของทุกคนในบ้าน คือเสียงแมวฟัด กัด อัดกันบนหลังคา ใต้ต้นไม้ ลานดิน ฯลฯในความหมายที่ง่ายที่สุด(สำนวนคุ้นๆว่ะ)คือ ไอ้แต้มกำลังโดนแมวดำข้างบ้านที่ตัวใหญ่ยังกะลูกเสือกัดนั่นเองผมเองก็จนปัญญาจะแก้ เพราะมันนั่นเอง ที่ฝากรอยแผลเป็นอันเกิดจากการกัดและข่วน ที่ท่อนแขนข้างซ้ายของผมได้แต่เรียกไอ้แต้มให้มากบดานในบ้านซะ มานี่ ลูกมา เมี๊ยวๆแล้วมันก็จะเข้ามากบดานทุกที ซึ่งสภาพที่เข้ามาในแต่ละคืนนั้น ดูไม่จืดเลย บ้างเปื้อนโคลน เพราะไปฟัดกันในท้องร่อง ขาหัก ตูดเหวอะ สารพัดจะเป็นและจากรอยฟันนั่นเอง ขาไอ้แต้มเลยเสียไปข้าง มีหนองไหลตลอดเวลา ต้องพาไปหาหมอสัตว์ข้างบ้านรักษากว่าจะหายเป็นปกติผมรู้สึกว่า หลังจากที่มันเดี้ยงเพราะแมวฟัดนี่ มันจะกวนตีน(ขอประทานอภัย)ผมมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกทีๆ เพิ่มดีกรีความหมั่นไส้เข้าไปเรื่อยๆอาการของมัน คือ ทุกเช้า มันจะขึ้นไปร้องเมี้ยวๆหง่าวๆบนหลังคาถ้ามันร้อง ก็เรื่องของมันไป ไม่เกี่ยวกะคนอย่างผมแต่นี่มันมาร้องที่เบื้องหัวนอนกะเบื้องปลายตีนผมอ่ะสิ เพราะระเบียงตรงนั้น มันตรงกะห้องนอนผมพอดีคนนอนดึกๆ อยากจะตื่นสายๆ ก็ต้องมาเดือดร้อน ดูมัน นึกว่ามันเป็นอะไร อ้าว เห็นมันเดี้ยงนี่หว่า ก็คิดว่ามันคงปีนขึ้นมา แล้วเสือก(ขออภัยในคำพูด)ลงไม่ได้(แล้วมันขึ้นไปได้ยังไง ผมยังไม่ได้ใส่ใจตรงนี้)ถึงผมไม่เคยเรียนสังคมสงเคราะห์มาก่อน แต่ผมก็จะลงมือสังเราะห์มัน โดยเอื้อมมือออกนอกหน้าต่าง หิ้วคอมันขึ้นมาปล่อยไว้บนพื้นดิน ด้วยเหตุว่าสงสาร โถๆ ขึ้นมาแล้ว คงปีนกลับลงไม่ได้ครั้งแรก สองครั้งแรก ยังพอทำเนา เมตตาจิตยังค้ำจุนใจผมอยู่ ก็สงเคราะห์มัน แต่ครั้งที่สาม สี่ นี่ ชักเริ่มแปลกๆ เลนยปล่อยมันทิ้งไว้บนหลังคานั่นแหละ ตัวผมก้อาบน้ำ แต่งตัว ไปโรงเรียนตามปกติกลับมาอีกที ตอนบ่ายๆ เห็นมันมาเดินปร๋ออยู่หน้าบ้านแล้วอ้าว ไหนว่าขาเจ็บ ลงมาจากหลังคาไม่ได้ยังไงถ้ามันเป็นคน ผมจะถามแบบนี้แต่ถ้ามันเป็นแมว แหม ผมแทบจะไล่กระทืบปล.ตอนนี้ไอ้ดำ มันหายสาปสูญไปจากบ้านผมเรียบร้อยแล้ว เจ้าของสันนิษฐานว่า มันคงจะโดน"ตัวเหี้ย" ที่ชอบมาเดินสวนสนามทุกบ่อยๆแถวบ้าน คาบเอาไปแด๊ก(ขออภัยอีกหน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรืออีกที อาจจะโดนงูกัดไปแล้วก็ได้ เพราะบ้านผมงูชุม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้รับรายงานจากพี่ของผมว่าเจองูสามเหลี่ยมนอนขดอยู่ข้างๆบ้านของแกปล.2 ขอโทษที่บล๊อกนี้ อาจจะอัพโดยไร้อารมณ์ และใช้คำซ้ำบ่อย ได้โปรดเห็นใจ เพราะบล๊อกนี้ผมเขียนสดๆตอนอีก 5 นาที จะตีหนึ่งใครที่มีประสบการณ์เจอสัตว์เลี้ยงกวนตีนใส่ ไม่ชอบหน้า ออดอ้อน ออเซาะ เชิญมาเล่าให้ฟังกันหน่อยครับ
สมาร์ต การ์ด
ผมเป็นนิสิตคนหนึ่ง ที่ใช้บัตรนิสิตค่อนข้างเปลือง คือใช้ไปสามใบ ภายในเวลา สาม ปี เฉลี่ยปีละ 1 ใบเมื่อปีหนึ่ง แรกเข้า มหาวิทยาลัยจะทำบัตรนิสิตให้ฟรี คนละ หนึ่งใบ เป็นบัตรแบบสมาร์ทการ์ด ค่าทำบัตร เลยแพงกว่าบัตรเอทีเอ็มปกติเป็นพิเศษ คือ ตกใบละ 200 บาทเป็นบัตรเอทีเอ็มของแบงค์ไทยพาณิชด้วย และเป็นบัตรนิสิตด้วยแต่ที่พิเศษกว่า คือหน้าบัตร มันจะมีชิบ(หาย)ติดอยู่ มันแพงตรงชิบนี่แหละจนปัจจุบันนี้ ผมยังไม่เห็นคุณประโยชน์ของชิบ(หาย)ตรงนี้ ที่ไหนเลยอ่ะครับ นอกจากเอาไปเสียบเวลาเข้าหอกลางเท่านั้นมิหนำซ้ำ ยังเสียง่ายอีกด้วย ขูดๆขีดๆนิดหน่อย เครื่องก็อ่านไม่ได้แล้วแต่นั่นไม่ใช่สาเหตุสำคัญ ที่สำคัญคือ ผมมักจะทำบัตรนิสิตหาย เป็นประจำเพราะลืมไว้ที่ที่ยึดบัตรมั่ง เคาน์เตอร์ยืมหนังสือมั่ง ตู้เอทีเอ็มมั่ง ชนิดเสียบคาไว้กับตู้ ยังเคยทำมาแล้วอ้า ฝนหยุดตกแล้ว ผมกลับบ้านก่อนหละครับ ที่มาอัพบลีอกนี่ ติดฝนน่ะ แหะๆแล้วจะมาเขียนต่อครับผมมาแล้ว ต่อๆครับแล้วเรื่องมันมีอยู่ต่ออีกจึ๋งนึงว่า ผมมีเหตุต้องไปขอบัตรนิสิตใหม่เพิ่มอีกใบ เพราะว่าบัตรเมื่อก่อนมันงอได้ แล้วก็อ่อน หักง่าย เลยกดเอทีเอ็มไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องขอใหม่ เมื่อบัตรเก่าถึงแก่กาลกริยาไป(หักครับผม)ส่วนชิบ(หาย)เองจนบัดนี้ ผมยังหาประโยชน์ไม่ได้ ว่ามันมีไว้ทำไม(วะ)หรือกลัวบัตรนิสิตราคาจะถูกเกินไปหรือกลัวว่า บัตรนิสิตจะไม่มีเอกลักษณ์ต่างจากสถาบันอื่นพูดกันตรงๆ เว้ากันซื่อๆ ผมงงว่ะ เหอ เหอจบแล้วคร้าบบบบบ
คอมพิวเตอร์ กับการทำ "กิจกรรม" ตอนดึกๆของผม
ผมเป็นคนชอบกิจกรรม คือชอบทำงานดึกๆอ่ะครับ ด้วยหลายสาเหตุ หลายเหตุผล แต่หนึ่งในเหตุผลทั้งหลาย คือ กลางคืนมันเงียบและเย็น เหมาะแก่การทำงาน อ่านหนังสือ และกลางคืน ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้ผมเป็นเจ้าของคนเดียว วะ5555 จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องสนใจสายตาใครหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ที่ทำให้กลางคืนของผมมีสีสันมากขึ้นอีกอักโข คือมีคอมใช้ เวลาทำงานผมชอบเปิดเพลงฟัง ไปเรื่อยๆ เพลงก็อาศัยโหลดเอาจากเว็บมากมายมหาศาลนี่แหละ และก็จะออนอินเตอร์เนทกับmsnทิ้งไว้ เอาไว้ค้นนู่น ค้นนี่ และเผื่อคุยกับใครสักคน ที่หลงมาออนmsn ตอนดึกๆเวลาผมออน ก็จะ set busy เอาไว้ ไม่ได้ยุ่งจริงหรอก ชิวๆมากกว่ากับงานที่ทำ หรือหนังสือที่อ่าน แต่มีเพื่อเอาไว้ เวลาคุยกะใคร แล้วเสียงสัญญาณของมัน จะได้ไม่ดังรบกวนอรรถรสของการฟังเพลงของผมตะหากล่ะส่วนตัวผม เลิกดูทีวีหนักๆมานานแล้ว รายการดึกๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ สรยุดก็งั้นๆ เว้นไว้แต่ว่าคืนไหน มีอะไรน่าสนใจจริงๆ เป็นไฮไลท์จริงๆจึงจะดูเลยอาศัยคอมฯเครื่องยาก(ที่ซื้อมาตั้งแต่อยู่ม.4 สมัยเครื่องละ 40,000 กว่า ตอนนี้ผมอยู่ปีสามแล้ว ก็นานโข แล้วเงินสี่หมื่นสมัยก่อน เมื่อเอามาเทียบในสมัยนี้แล้ว ใช้ซื้อโน้ตบุ๊คคุณภาพปานกลางค่อนไปทางสูงได้เครื่องนึงเลยทีเดียว) และเจ้าคอมเครื่องนี้ก็ทนทายาด ขนาดไฟดับ ติดไวรัสมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ก็ยังอยู่ยงคงกระพันให้ผมใช้ได้จนถึงบัดนี้(และคาดว่าคงจะไปถึงในอนาคตด้วย)ผมเองก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าไม่มีคอมแล้ว การทำงานอ่านหนังสือของผมในตอนดึกๆจะเป็นอย่างไร คงขาดสีสรร เหมือนกินแกงจืดไม่ได้ใส่เกลือ กินโจ๊กไม่ได้โรยพริกไทยแน่ๆ
สักวาหน้าฝน....
สวัสดีครับทุกท่านท่ามกลางสายฝนอันเย็นฉ่ำวันนี้ผมมีความสุขมากครับจนอยากจะร้องเพลงแต่งกลอนแต่นั่นแหละ หัวกวีผมไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่วันนี้วิชาที่ที่ปรึกษาผมสอน งด(สงสัยว่าคนสอนจะติดฝน เลยมาสอนไม่ได้) ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะมาเรียนทำไม มีวิชานี้วิชาเดียวเสียด้วยกว่าจะฝ่าฝนมาแสนยากลำบากเอ้า ไหนๆก็ไหนๆมามหาลัยแล้ว ลองมาใช้คอมจุฬาฯอัพบล๊อกหน่อยซิเมื่อวาน ที่หอประชุมจุฬาฯ มีการสัมมนา และให้ความรู้แก่นักเรียนม.6ที่กำลังจะเอนทรานส์ เอ้ย แอดมิสชั่นส์ ถึงระบบใหม่ ว่าเป็นเช่นไร อย่างไรทำให้ผมนึกย้อนไปถึงวันใสๆ ที่ผมยังเป็นเด็กมัธยม ยื่นใบสมัครเอนท์นึกๆแล้วก็อยากจะไปสอบอีก ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรเหอ เหอ อยากสอบอีกอ่ะครับปล.กลับมาแก้ไขใหม่ครับ ตอนนี้โดนหวัดกินงอมแงมเลยอ่ะ