Fire and Ice: Chapter 1 The New King of Asgard
สวัสดีค่ะ อ่านตรงนี้ก่อนนะคะ
ฟิคนี้เป็นฟิคที่เราเขียนขึ้นเล่น ๆ หลังจากที่ไปดู Thor: The Dark World มาค่ะ
แล้วก็ปลื้มปริ่มกับความน่ารักแบบร้ายๆ ของโลกิเบา ๆ น่ะค่ะ
(จริงๆ ปลื้มมาตั้งแต่ภาคแรกแล้วแหละค่ะ >///<)
เนื้อหาของฟิคเรื่องนี้จะต่อจาก Thor 2 นะคะ เพราะฉะนั้นมันจะสปอยหนังภาค 2 ค่ะ
อันที่จริงแล้วมันสปอย Thor, Avengers และ Thor 2 ค่ะ เรียกได้ว่าสปอยหมดเลย
เพราะฉะนั้นใครที่ไม่เคยดูหนังแล้วไม่อยากเจอสปอยก็ไปดูหนังมาก่อนแล้วค่อยมาอ่านนะคะ ^^
สำหรับเนื้อเรื่องในฟิคนี้ที่ต่อจากภาค 2 นั้นมาจากจินตนาการของเราล้วน ๆ ค่ะ
ไม่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนแต่อย่างใดนะคะ (เพราะคนเขียนไม่เคยอ่านหรือดูการ์ตูนของมาร์เวลค่ะ เสพแต่หนังอย่างเดียว)
แต่อ้างอิงหนัง้เป็นหลักและอิงตำนานเทพนอร์สบางส่วนค่ะ ส่วนนางเอกในเรื่องนี้
เราอ้างอิงมาจากตัวละครหนึ่งในตำนวนนอร์สนะคะ
แต่ก็ไม่ใช่คนรักของโลกิในเทพนอร์สนะคะ เผื่อใครที่อ่านตำนานนอร์สมาอาจสงสัยว่าทำไมนางเอกเป็นคนนี้
สรุปก็คือฟิคเรื่องนี้พื้นฐานมาจากหนังบวกตำนานบ้างเล็กน้อยและเอามาแต่งแต้มด้วยจินตนาการของเราค่ะ
สำหรับใครที่คิดว่าน่าสนใจ ชักน่าอ่านขึ้นมาแล้วก็ตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ
อ้อ ฟิคเรื่องนี้เราเขียนไปได้หลายตอนแล้วแต่ยังไม่ได้ตรวจ จะค่อย ๆ ทยอยลงให้นะคะ
สำหรับแฟนฟิคเรื่องอื่นที่เราดองไว้สัญญาว่าจะเขียนให้จบค่ะ
แต่ที่ผ่านมาเรายุ่งมากเลย เลยเอาฟิคเรื่องนี้มาลงให้อ่านแก้ขัดกันไปก่อนนะคะ
แต่รับรองมาจะพยายามมาอัพให้ครบทุกเรื่องเลยค่ะ
สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้จะบอกอะไรนอกจากขอให้อ่านให้สนุกนะคะ
คิดเห็นอย่างไร อยากติชมอะไรเม้นไว้ได้เลยนะคะ
ส่วน fanart อันนี้เราไม่ได้ทำเองนะคะ แต่เซฟมาจากอินเตอร์เน็ตค่ะ
แบบว่าแอบขอยืมตัวละครจาก Game of Thrones มาเป็นรูปนางเอกฟิคนี้หน่อยน่ะค่ะ
สุดท้าย ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยค่ะ ^^
Titles: Fire and Ice
Main Characters: Loki/OC Minor Characters: Thor, Odin, Heimdell, Sif, Fandral, Hogun, Volstagg Genres: Alternate Universe, Angst, Drama, Romance Spoilers: Thor (2011), The Avengers (2012), Thor: the Dark World (2013) Warnings: Alternate Universe, Lime [Mind Smut], Dark. Rated: PG Series: None Summary: After Loki had taken Asgard, he punished Nornheim for treason against his right to rule. He killed King of Nornheim at the battlefield and conquered his Kingdom. After the death of the King, his daughter, Princess of Nornheim came to him, seeking avenge for her father.
***Chapter 1 The New King of Asgard: ราชาคนใหม่แห่งแอสการ์ด***
โลกิไม่เคยคิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะผ่านเรื่องราวอันตรายรวมทั้งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายต่อหลายครั้งจนกว่าเขาจะมาถึงจุดที่อยู่เขากำลังยืนอยู่ในตอนนี้ก็ตาม แต่ในขณะที่มือของเขาสัมผัสบัลลังค์สีทองแอสการ์ดซึ่งมันเคยเป็นของโอดิน บิดาบุญธรรมของเขามาก่อน แถมยังเป็นบังลังค์ที่โลกิเคยนั่งเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่โอดินเข้าสู่ภาวะหลับใหลซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่ธอร์ถูกเนรเทศไปยังโลกมนุษย์ด้วยนั้น
เขาก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังจากที่เขาได้ขึ้นมาครองบัลลังค์ของแอสการ์ดเป็นครั้งแรก เรื่องราวที่เขาส่งหุ่นดิสตรอยเยอร์ลงไปจัดการธอร์ พี่ชายที่ถูกเนรเทศไปยังโลกมนุษย์ของเขา เรื่องราวที่เขาวางแผนทำลายโยธันไฮม์โดยสะพานไบฟรอสต์ เรื่องที่ธอร์กลับมาขัดขวางแผนการของเขาได้ทันท่วงที รวมทั้งเรื่องที่เขาพ่ายแพ้แก่ธอร์จนต้องจมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เขาต้องร่อนเร่พนเจรไปยังพิภพต่าง ๆ จนกระทั่งเขาตัดสินใจเปิดศึกกับโลกมนุษย์เพื่อเป็นการแก้แค้นธอร์ในทุกสิ่งที่ธอร์ช่วงชิงไปจากเขา
แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายนับตั้งแต่จุดเปลี่ยนในชีวิตเขาเมื่อครานั้น นับตั้งแต่วันแรกที่เขาค้นพบว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของโอดินและฟริกก้า เขาไม่ใช่เจ้าชายแห่งแอสการ์ดผู้มีสิทธิในราชบัลลังค์โดยกำเนิดอย่างที่โอดินเคยพร่ำบอกเขามาตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำเขายังเป็นยักษ์น้ำแข็งซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นศัตรูกับแอสการ์ดมาช้านานอีกด้วย และเพราะการได้ทราบความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอดนั้นเองทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมันยังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่อาจจะหวนกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีกด้วย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถึงแผนการในการยึดครองโลกมนุษย์ของเขาจะล้มเหลวเพราะฝีมือของทีมอเวนเจอร์ ซึ่งมีธอร์ พี่ชายคู่ปรับของเขารวมอยู่ด้วย จนเขาต้องเสียท่าพ่ายแพ้และถูกจับตัวกลับมากักขังที่แอสการ์ดในฐานะนักโทษก็ตาม แต่ไม่นานนักการปรากฏตัวของพวกดาร์กเอลฟ์ นำโดยมาลาคิธที่หวังจะเปลี่ยนจักรวาลให้กลับไปสู่ความมืดอีกครั้งก็ทำให้เขาได้มีโอกาสออกจากคุกใต้ดินที่เดิมเขาจำเป็นจะต้องถูกจองจำอยู่ที่นั่นชั่วนิรันดร์ตามคำสั่งของโอดิน ด้วยข้อเสนอของธอร์ในการช่วยเขาออกจากคุกแลกกับที่การเขาจะช่วยพาตัวธอร์และหญิงสาวคนรักออกจากแอสการ์ดไปยังดาร์กเวิล์ดเพื่อตามหามาลาคิธ
และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ส่งผลให้เขามีโอกาสมานั่งอยู่บนบัลลังค์แอสการ์ดในตอนนี้ ถึงแม้ว่าธอร์จะระมัดระวังตัวต่อการทรยศหักหลังของโลกิเป็นอย่างดี รวมทั้งพี่ชายที่มีกำลังกายมากกว่ามันสมองของเขาจะได้รับความร่วมมือจากเขาในการต่อสู้กับมาลาคิธครั้งนี้ก็ตาม เมื่อเขาตัดสินใจยอมช่วยธอร์หลอกล่อมาลาคิธให้ดึงอีเธอร์ออกมาจากร่างของเจน ฟอสเตอร์ หญิงสาวมนุษย์ผู้เป็นคนรักของธอร์ แล้วธอร์ก็จะอาศัยจังหวะนี้ทำลายอีเธอร์เสีย แต่แผนการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่ธอร์คาด เพราะนอกจากธอร์จะไม่สามารถทำลายอีเธอร์ซึ่งเป็นสสารที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดได้แถมยังต้องเสียมันไปให้กับศัตรูอย่างมาลาคิธไปนั้น ธอร์ยังหลงกลโลกิที่แกล้งทำเป็นตายจากการสู้รบ จากเหตุการณ์ครั้งนั้นธอร์เชื่ออย่างสนิทใจว่าโลกิเสี่ยงชีวิตช่วยตนจนต้องตาย โลกิได้ตายอย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี โดยที่รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังค์แห่งแอสการ์ดไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วนี่เป็นอีกครั้งที่โลกิซึ่งเพียงแค่บาดเจ็บจากการต่อสู้เท่านั้นแต่เขาใช้เวทย์มนตร์ตบตาธอร์ให้เข้าใจว่าเขากำลังจะตาย และธอร์เองก็ไม่ฉลาดพอที่จะรู้ทันโลกิดังที่เขาเคยตกหลุมพรางที่โลกิวางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ในคราวนี้โลกิไม่เพียงแต่วางแผนหลอกลวงธอร์ว่าเขาตายไปแล้วเท่านั้น โลกิยังหลอกโอดินด้วยคำลวงอย่างเดียวกัน โดยโลกิได้แปลงร่างเป็นนายทหารแอสการ์ดที่ถูกส่งมายังที่เกิดเหตุ แล้วกลับไปรายงานโอดินเรื่องการตายของบุตรบุญธรรมที่โอดินเก็บมาจากโยธันไฮม์ แม้ว่าโอดินจะโกรธเคืองโลกิกับความผิดร้ายแรงที่เขาทำไว้บนโลกมนุษย์มากเพียงใดก็ตาม แต่การรับรู้ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของโลกิผนวกกับการสูญหายของธอร์และการได้รู้ว่าบัดนี้อีเธอร์ได้ตกไปอยู่ในมือของมาลาคิธผู้ที่กำลังจะใช้มันเปลี่ยนจักรวาลนี้ให้กลับไปสู่ความมืดมิดเสียอีกครั้ง บวกกับความโศกเศร้าเสียใจจากการเสียชีวิตของฟริกก้าผู้เป็นราชินีของเขาก่อนหน้านั้น ทำให้โอดินผู้ไม่สามารถทนรับกับเหตุการณ์ทั้งหมดได้จึงเข้าสู่ภาวะหลับใหลอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามที่โลกิต้องการ เพราะเมื่อโอดินเข้าสู่ภาวะหลับใหล และธอร์ก็กำลังเข้าไปโรมรันในศึกของพวกดาร์กเอลฟ์ที่โลกมนุษย์อยู่นั้นบัลลังค์แอสการ์ดจึงย่อมว่างลง และที่สำคัญก็คือโลกิมีวิธีที่จะทำให้บัลลังค์ตกอยู่ในมือเขาอีกครั้งได้ไม่ยาก
เริ่มจากการที่เขาเคลื่อนย้ายร่างของโอดินไปยังแท่นบรรทมโดยปราศจากคนรู้เห็น โลกิได้ร่ายคาถาเพื่อป้องกันการตื่นและปิดบังการรับรู้ของโอดินไว้เพื่อให้โอดินหลับอย่างสงบไปในขณะที่เขาวางแผนครอบครองแอสการ์ด ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็สามารถแปลงร่างเป็นโอดินโดยที่ไม่มีใครสังเกตหรือรู้เห็นได้แม้กระทั่งไฮม์ดัลก็ตาม และเมื่อธอร์ชนะศึกกับมาลาคิธและกลับมาจากโลกมนุษย์เยี่ยงวีรบุรุษได้แล้ว ธอร์ก็มาเข้าเฝ้าเขาในร่างโอดินเพื่อออกปากปฏิเสธบัลลังค์แอสการ์ดตามที่โลกิคาดเดาไว้ โลกิในร่างโอดินแสร้งทำเป็นยินยอมอย่างเสียไม่ได้ รวมทั้งยังไม่ยอมรับโยลเนียร์ ค้อนคู่ชีพที่ธอร์ตั้งใจจะคืนให้และปล่อยให้ธอร์กลับไปทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรทั้งเก้าตามเดิม ธอร์เองก็เดินทางออกไปจากท้องพระโรงโดยไม่ล่วงรู้มาก่อนเลยว่าผู้ที่ตนเองสนทนาด้วยในร่างพระบิดานั้นคือโลกิ น้องชายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาเอง อีกทั้งธอร์ยังเดินทางกลับไปยังโลกมนุษย์เพื่อไปพบหญิงสาวที่เขารัก โดยเขาไม่รู้เลยว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสหวนกลับมาที่แอสการ์ดอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้!
หลังจากที่ธอร์เดินทางออกจากแอสการ์ด โลกิก็เริ่มแผนการครอบครองแอสการ์ดของเขาในทันที เขาลงไปยังห้องลับสำหรับเก็บสมบัติของโอดิน ซึ่งมีอาวุธที่มีค่าและมีพลานุภาพร้ายแรงสองอย่างถูกเก็บรักษาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือเทสเซอร์แรคซึ่งเป็นขุมพลังมหาศาล เป็นอัญมณีอันล้ำค่าที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรทั้งเก้า โลกิถ่ายพลังจากเทสเซอร์แรคไปยังไม้คทาของเขา ซึ่งมันทำให้เขามีพลังอำนาจในการควบคุมจิตใจคนเช่นเดียวกับที่เขาเคยได้มี แถมในคราวนี้พลังอำนาจที่เขามีอาจจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการยึดครองแอสการ์ดของเขา เมื่อโลกิทำให้ไฮม์ดัลตกอยู่ในอำนาจของเขาได้แล้ว โลกิก็สั่งให้ไฮม์ดัลปิดสะพานไบฟรอสท์ไม่ให้ใครผ่านเข้าออกนอกจากตน รวมทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้เปิดสะพานให้ธอร์ผ่านจากโลกมนุษย์กลับมายังแอสการ์ดอีกด้วย เพราะโลกิรู้ดีว่าบัลลังค์ไม่มีทางเป็นของเขาได้นานถ้าหากเขาไม่หาทางกำจัดธอร์ไปเสีย แต่ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารธอร์ ดังนั้นการปล่อยธอร์ที่ยังไม่รู้เรื่องราวไว้ที่โลกมนุษย์จึงเป็นการจำกัดเสี้ยนหนามที่ดีที่สุด
นอกจากใช้อำนาจสะกดไฮม์ดัลแล้ว โลกิยังจำเป็นต้องใช้อำนาจสะกดคนอื่น ๆ ให้ตกอยู่ใต้อาณัติของเขาด้วย บุคคลเหล่านั้นก็คือซิฟและสามสหายผู้เป็นเพื่อนรักของธอร์ซึ่งเคยทำแผนการของเขาพังมาแล้วในคราก่อน โดยการช่วยนำตัวพี่ชายแสนรักของเขากลับมายังแอสการ์ดได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้เขาก็ยังจำเป็นต้องใช้มนต์สะกดชาวแอสการ์ดอีกหลายคนที่จงรักภักดีต่อโอดินและธอร์ เช่น นายพลอาร์นเฮอยาผู้คุมกองทัพของแอสการ์ด แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อเขาสามารถทำให้ นายพล นักรบ และบุคคลสำคัญ ๆ ของแอสการ์ดตกอยู่ใต้มนต์สะกดของเขาได้แล้วนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะทำให้คนอื่น ๆ ยอมจำนนต่อเขาแต่โดยดี
อีกทั้งเป็นเพราะเรื่องราวที่โลกิลงไปก่อความวุ่นวายในโลกมนุษย์จนเขาถูกจับกลับมากักขังไว้ที่แอสการ์ดเยี่ยงนักโทษนั้นไม่ได้เปิดเผยให้ประชาชนชาวแอสการ์ดรู้แต่อย่างใด เนื่องจากโอดินรู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะป่าวประกาศออกไปว่าหนึ่งในเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลังค์แอสการ์ดได้กระทำการเยี่ยงอาชญากรรมสงครามลงไปในโลกมนุษย์ซึ่งบิดาของเขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง มีเพียงแค่สมาชิกของราชสำนักไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความจริงทั้งหมดในสิ่งที่โลกิได้ทำลงไปจนเขาได้รับโทษจองจำชั่วชีวิต และเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เป็นการง่ายยิ่งขึ้นไปอีกในการที่โลกิจะยึดครองบัลลังค์แอสการ์ด หลังจากที่เขาจัดการควบคุมจิตใจผู้ที่เขาคิดว่าจะต้องต่อต้านเขาได้เรียบร้อยแล้ว โลกิก็ป่าวประกาศออกไปถึงการเข้าสู่ภาวะหลับใหลของโอดิน การสละสิทธิในบัลลังค์ของธอร์ รวมถึงการกลับมาของเขาซึ่งเป็นผู้ที่มีสิทธิในราชบัลลังค์เช่นเดียวกับธอร์ ทำให้ในตอนนี้สิทธิในการครองบัลลังค์จึงตกมาเป็นของโลกิซึ่งเป็นทายาทอันดับสองของโอดินแทน
หลังจากผ่านการดำเนินแผนการที่แทบจะเรียกได้ว่าราบรื่นอย่างไม่มีที่ติไปแล้วนั้น บัลลังค์ของแอสการ์ดก็ตกเป็นของโลกิอย่างที่เขาตั้งใจไว้ และถึงแม้ว่าการครองบัลลังค์ครั้งนี้ของเขาจะไม่มีพิธีเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริกเช่นเดียวที่ธอร์เคยมีในครั้งที่เขาเกือบจะได้เป็นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดก็ตาม แต่ประชาชนชาวแอสการ์ดก็ไม่ได้ต่อต้านการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่แต่อย่างใด แถมยังไม่มีวี่แววว่าธอร์ พี่ชายผู้สละสิทธิในบัลลังค์ไปให้เขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวจะกลับมาทวงบัลลังค์ของตนคืนแต่อย่างใด โลกิจึงสามารถครอบครองแอสการ์ดได้อย่างราบรื่น หากแต่เมื่อมาถึงตอนนี้ เมื่อเขาได้กลับมานั่งบนบัลลังค์แอสการ์ดในฐานะผู้ปกครองแอสการ์ดและคุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้าอย่างที่เขาเคยต้องการมาตลอดแล้ว โลกิกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างขาดหายไป
แต่สิ่งนั้นคืออะไรกันเล่า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ายังมีอะไรขาดหายไปในเมื่อเขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการมาครอบครองแล้วในตอนนี้ โลกิขมวดคิ้วและมีสีหน้าครุ่นคิด นิ้วมือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะริมฝีปาก ขณะที่มืออีกข้างของเขาลูบพนักวางแขนของบัลลังค์ที่ตนกำลังนั่งอยู่อย่างใจลอย ในตอนนี้เขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการมาครอบครองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัลลังค์แอสการ์ด หรือการได้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรทั้งเก้า เขาเป็นคนวางอุบายล่อลวงให้ธอร์ยอมสละบัลลังค์ให้เขาและบัดนี้พี่ชายตัวดีของเขาก็คงติดแหงกอยู่ที่โลกมนุษย์กับหญิงสาวมนุษย์ที่ธอร์รักนักรักหนาจนธอร์เองอาจจะยังไม่ล่วงรู้เลยด้วยซ้ำว่าในตอนนี้แอสการ์ดตกอยู่ภายใต้การปกครองของโลกิเสียแล้ว เขาสามารถใช้เวทย์มนต์คาถาทำให้โอดินคงอยู่ในภาวะหลับใหลและใช้อำนาจของเทสเซอร์แรกทำให้แอสการ์ดตกอยู่ในกำมือของเขาได้แล้ว แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกว่างเปล่ายิ่งกว่าตอนที่เขาถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินนั่นอีกล่ะ เป็นเพราะอะไรกัน
เป็นเพราะนางหรือ เสียงนั้นดังขึ้นในหัวเมื่อกระแสความคิดของโลกิหวนนึกไปถึงมารดาผู้ล่วงลับของเขา โลกิยังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดทรมาน ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างยามเมื่อเขาได้รับรู้ถึงการจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาของฟริกก้า การได้ล่วงรู้ว่าเขาต้องสูญเสียมารดาไปอย่างไม่มีทางหวนกลับนั้นช่างเจ็บปวดทรมานมากกว่าการตกลงไปในหุบเหวดำมืดที่เขาเคยได้เผชิญก่อนหน้านี้เสียอีก และในตอนนี้โลกิก็ไม่อาจปฏิเสธตนเองได้ว่า เขาแคร์ฟริกก้าเพียงใด และถึงนางจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเขาก็ตาม แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกแค้นเคืองนางเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับโอดินหรือธอร์ อาจจะเป็นเพราะว่าฟริกก้าไม่เคยทำผิดอะไรต่อเขา อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้โลกิรู้ดีว่านางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริง และมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่แสดงความรักต่อเขาและธอร์ออกมาอย่างเท่าเทียม มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รักเขาไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าธอร์ พี่ชายผู้สมบูรณ์แบบของเขาเลย แม้ว่านางจะรู้มาตลอดว่าเขาไม่ได้ลูกแท้ ๆ ของนาง อีกทั้งกำเนิดของเขายังเป็นยักษ์น้ำแข็ง เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่นางสมควรจะรังเกียจ แต่นางก็สามารถเรียนรู้ที่จะรักเขาได้อย่างเท่าเทียมกับลูกชายแท้ ๆ ของนาง ทั้ง ๆ เขาเป็นเพียงลูกของยักษ์น้ำแข็งที่โอดินเอามายัดเยียดให้เป็นลูกของนางเท่านั้น และอาจจะเป็นเพราะการจากไปของนางหรือเปล่านะที่ทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าแม้ในยามที่เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการมาครอบครองแล้วแบบนี้
ถึงแม้ว่าจะเขาจะได้พบสิ่งที่อาจจะเป็นคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่แล้วก็ตาม แต่โลกิก็ต้องสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่มันผุดขึ้นมา ด้วยเหตุผลที่ว่าการยอมรับว่าความรู้สึกอ้างว้างเปลี่ยวที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้มาจากการที่เขาไม่มีมารดาอยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป เป็นการย้ำเตือนว่าเขาให้ความสำคัญกับฟริกก้ามากเกินไปจนการจากไปของนางทิ้งรอยแผลเอาไว้ในจิตใจของเขา จนมันไปทำลายความพึงพอใจในชัยชนะที่เขาเพิ่งได้ครอบครองไปจนหมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นการโหยหามารดาของตนเองนั้นยังเป็นการเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่โลกิไม่ต้องการยอมรับมากที่สุดกับตัวของเขาเองว่า แท้ที่จริงแล้วเขายังาต้องการความรักจากผู้อื่นอยู่ เขาต้องการความรักจากคนในครอบครัวอย่างฟริกก้า หรือบางทีเขาอาจจะต้องการความรักจากโอดิน หรือแม้กระทั่งจากธอร์อีกด้วยก็เป็นได้ และความจริงในข้อนี้เป็นสิ่งที่โลกิคิดว่ามันอันตรายเสียยิ่งกว่าโทษทัณฑ์จากพวกชิทอรี่เสียอีก เพราะเมื่อคิดได้เช่นนั้นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดคนใหม่ก็ได้แต่สะบัดศรีษะแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดไม่เข้าท่านั้นออกไปเสีย ในไม่ช้าดวงตาสีอ่อนที่เคยส่อแววหมองเศร้าของโลกิก็เปลี่ยนมามีแววมุ่งมั่นตามเดิมเมื่อเขาพูดย้ำกับตัวเองขึ้นมาดัง ๆ ว่า
ข้าไม่ต้องการความรักจากใคร สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงอำนาจเท่านั้น
..
หลังจากปกครองบัลลังค์แอสการ์ดไปได้ระยะหนึ่ง โลกิก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการเป็นกษัติรย์พอ ๆ กับที่เขากลับพบว่าการเป็นผู้คุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้านั้นเป็นหน้าที่ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นและออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ เพราะหลังจากการรุกรานของมาลาคิธซึ่งได้สิ้นชีวิตลงด้วยน้ำมือของพี่ชายของเขาที่ตอนนี้น่าจะยังคงถูกปล่อยทิ้งอยู่ในโลกมนุษย์อยู่นั้น อาณาจักรทั้งเก้าก็กลับสู่ภาวะปกติสุข ไม่มีสงครามใด ๆ มาพ้องพานความสงบสุขของดินแดนที่เขาปกครอง และถึงแม้ว่าโลกิจะรู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเขาเองนั้นไม่ใช่ผู้กระหายสงครามที่ต้องการจะเปิดศึกเหนือใต้อย่างเช่นธอร์เคยทำเมื่อครั้งยังเยาว์ แต่หลังจากปกครองแอสการ์ดมาได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการนั่งบัลลังค์กษัตริย์และเฝ้ามองความเป็นไปภายในอาณาจักรเสียเหลือเกิน
การเป็นกษัติรย์นั้นแม้ว่าจะดูยิ่งใหญ่ แต่ก็กลับไม่มีพื้นที่ให้สนุกสนานเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนมาให้เขาปรับมือด้วยอย่างทัดเทียมอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาธอร์จะเปรียบเสมือนหนามยอกอกชิ้นใหญ่ซึ่งขวางกั้นหนทางไปสู่อำนาจของเขาก็ตาม แต่ในวันที่เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครอบครองอย่างในวันนี้แล้ว โลกิกลับค้นพบว่าเขาคิดถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับธอร์ เขาคิดถึงการที่ธอร์พลาดท่าหลงกลเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วธอร์จะกลับมาเอาคืนเขาจนได้ก็ตาม แต่ในตอนนี้ธอร์ถูกทอดทิ้งให้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว และเมื่อลองคิดดูอีกครั้ง ถึงแม้ว่าโลกิจะคิดถึงการลับเหลี่ยมลับคมระหว่างเขากับพี่ชายแสนรักแสนเกลียดของเขามากเพียงใดก็ตาม แต่เขาก็คงไม่ลงทุนพาตัวธอร์กลับมาที่นี่เพื่อทวงบัลลังค์แอสการ์ดคืนจากเขาเป็นแน่
ท่ามกลางการค้นหาวิธีทางเพื่อกำจัดความสงบสุขที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้ออกไปเสีย แวบหนึ่งโลกิคิดจะเปิดสงครามกับอาณาจักรอื่น แวบหนึ่งเขาคิดว่าจะกลับไปทำตามแผนการในการทำลายโยธันไฮม์อีกครั้งหลังจากความพยายามครั้งแรกของเขาถูกทำลายอย่างย่อยยับด้วยน้ำมือของธอร์ แต่เมื่อลองมาคิดดูอีกทีว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์น้ำแข็งนั้นคงช่วยให้เขาหายเบื่อได้เพียงช่วงเดียวเท่านั้น อีกทั้งมันยังเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความภักดีของอาณาจักรอื่น ๆ อีกหากข่าวแพร่งพรายออกไปว่าราชาคนใหม่แห่งแอสการ์ดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกโยธันโดยไม่มีสาเหตุ โลกิก็จำเป็นต้องละทิ้งความคิดนี้เสียแล้วกลับมาหาหนทางวิธีอื่นเพื่อดึงความสนใจของเขาออกจากการคิดถึงฟริกก้าแทน
แต่หลังจากใช้ความคิดอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังค์ของแอสการ์ดซึ่งเดิมเคยเป็นของโอดินนั้น ทหารนายหนึ่งก็รุดหน้าเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเร่งรีบเพื่อแจ้งข่าวกับเจ้าเหนือหัวของเขา และมันคงเป็นข่าวที่ทำให้โลกิรู้สึกพออกพอใจไม่น้อยหลังจากได้รับฟังเมื่อนายทหารคนดังกล่าวคุกเข่าลงตรงหน้าโลกิพร้อมกับรายงานออกมาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักว่า
ฝ่าบาทเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!
เรื่องใหญ่ที่เจ้าว่านั่นคือเรื่องอะไรกัน โลกิถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย เขายังคงไม่ยอมลุกจากบัลลังค์หากแต่ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาจับจ้องนายทหารคนนั้นอย่างสนใจเมื่อทหารคนดังกล่าวเงยหน้าขึ้นก่อนจะรายงานให้เจ้าเหนือหัวของเขาฟังว่า
นอร์นไฮม์ก่อกบฎพะย่ะค่ะ สิ้นเสียงนายทหารคนดังกล่าว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของซีดเซียวของโลกิหลังจากที่เขามีท่าทีตกใจอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ราชาแห่งแอสการ์ดลุกขึ้นจากบัลลังค์ขณะที่สายตากำลังจับจ้องนายทหารคนนั้นอย่างพอใจ มือข้างหนึ่งกำคฑาไว้ก่อนที่เขาจะสั่งออกไป
ถ้าเช่นนั้นนอร์นไฮม์ก็จะต้องชดใช้ในการกระทำของพวกมัน เจ้าไปตามเลดี้ซิฟกับนักรบทั้งสามมา เขาสั่งอย่างไม่ลังเล สิ้นเสียงเจ้าเหนือหัว นายทหารคนดังกล่าวก็รุดไปหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างรวดเร็ว ทางด้านโลกินั้นได้แต่มองตามแผ่นหลังที่หายลับไปของนายทหารคนดังกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจไม่แพ้ในครั้งที่เขาจ้องมองธอร์เดินจากเขาไปโดยทิ้งบัลลังค์แอสการ์ดให้เป็นของขวัญเขาเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดก็มีเรื่องมาให้เขาทำแก้เบื่อเสียที!
************************************************************
Create Date : 09 เมษายน 2557 | | |
Last Update : 9 เมษายน 2557 21:24:28 น. |
Counter : 1101 Pageviews. |
| |
|
|
|