Group Blog
 
All Blogs
 

LOVR YOU HATE YOU : Chapter 1 New Head Boy and Girl

LOVE YOU HATE YOU
[ห้ามใจไม่ให้รักเธอ]


ฟิคเรื่องนี้เป็นคู่โรส/สกอร์เปียส ที่เป็นลูกสาวของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่และ เดรโกกับแอสทีเรีย กรีนกราสนะคะ แต่ก็มีฉากเดร/เฮอร์ในอดีตเหมือนกัน ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ

Title : Pretty Girl
Pairing : Scopius Malfoy and Rose Weasley
Main Characters : Draco Malfoy, Hermione Granger, Scopius Malfoy, Rose Weasley, Asteria Greenglass, Ron Weasley, Harry Potter, James Potter II, Albus Potter, Lily Potter II
Genres : Romance, Drama, Hogwarts, Post-Hogwarts and Next Generation
Spoilers : DH

Summary : Draco and Hermione was in love with each other during the 7th year, but because of family thing Draco had to break up with her. Hermione who was heart-broken turned to go out with Ron and married him few years ago as well as Draco married Asteria Greenglass according to his father’s order to have the heir in Malfoy name.
Several years have passed, but they couldn’t forget each other until Scopius son of Draco went to Hogwarts at the same year with Rose, Hermione’s Daughter and Scopius found something interesting in the little red-haired know-it-all Weasley girl.



***Chapter 1 New Head Boy and Girl***

สกอร์เปียส มัลฟอยกำลังอารมณ์เสีย แม้มันออกจะเป็นเรื่องแปลกอยู่บ้างที่เขาสามารถอารมณ์เสียได้ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานนักเรียนชายของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ และเขาคงจะยินดีกับตำแหน่งนี้มากด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งรู้ว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานนักเรียนหญิงคือใคร
ประธานนักเรียนหญิงที่ต้องทำงานร่วมกับเขาตลอดทั้งปีนี้คือโรส วีสลีย์ เด็กสาวที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นของเขา เธอเป็นยายหนอนหนังสือแสนอวดรู้ของบ้านกริฟฟินดอร์ แถมยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาอีกต่างหาก
สกอร์เปียสพาดเท้าของเขาขึ้นกับโต๊ะในห้องหนังสือ เขาถอนหายใจเมื่อหน้าของโรส วีสลีย์ผุดขึ้นในสมอง เด็กหนุ่มนึกถึงดวงหน้าเรียวได้รูปของของเด็กสาว ผมสีแดงสยายที่รับกับปากอวบอิ่มสีแดงและดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอ แน่นอนว่ายายวีสลีย์นี่ก็เป็นคนสวยอยู่เหมือนกันในสายตาของสกอร์เปียส ถ้าไม่ติดว่าเธอชอบคล้องหนังสือไม่ต่ำกว่าห้าเล่มไว้บนบ่าและทำตัวอวดรู้ไปเสียทุกเรื่อง
เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงวันที่เขาพบเธอครั้งแรกที่ตรอกไดแอกอนก่อนที่เขาจะเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์

Flash Back

เมื่อหกปีก่อน สกอร์เปียสกำลังเลือกซื้อหนังสืออยู่ที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เขามาที่ตรอกไดแอกอนก่อนวันเปิดเรียนหนึ่งอาทิตย์กับพ่อและแม่ของเขา หลังจากมาถึงพ่อของเขา เดรโก มัลฟอย ก็ต้องไปทำธุระที่กริงกอตส์ เดรโกจึงให้แอสทีเรีย มัลฟอย แม่ของสกอร์เปียสพาลูกชายไปซื้อหนังสือเสียก่อนในระหว่างที่เขาทำธุระอยู่ แต่เมื่อเขาและแม่มาถึงร้านตัวบรรจงและหยดหมึกแม่ของสกอร์เปียสกลับเจอเพื่อนเก่าของเธอเข้าพอดี เธอจึงปล่อยให้สกอร์เปียสไปเลือกหนังสือตามใจชอบขณะที่เธอกำลังถามสารทุกข์สุขดิบอยู่กับเพื่อนสมัยเรียนที่ฮอกวอตส์
แม้ว่าจะเคยเข้ามาในร้านตัวบรรจงและหยดหมึกบ่อยครั้ง แต่สกอร์เปียสก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาไม่รู้จักหนังสือในร้านนี้ดีเสียที เนื่องจากมันเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่และมีหนังสือมากที่สุดในตรอกไดแอกอน เด็กชายจึงได้แต่เดินดูรอบ ๆ ก่อนเพื่อจะหาหนังสือที่เขาต้องการ ความจริงสกอร์เปียสรู้ดีว่าเขาสามารถหาหนังสือที่ต้องใช้ซื้อได้ง่าย ๆ โดยการยื่นรายการหนังสือจากฮอกวอตส์ให้เจ้าของร้านช่วยหาให้ แต่เป็นเพราะนิสัยที่ไม่ชอบรับความช่วยเหลือจากใครของเด็กชาย เขาจึงเลือกที่จะเดินหาเองมากกว่า
ขณะที่สกอร์เปียสกำลังดูหนังสืออยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลังเขา มันเป็นเสียงกังวานใสของเด็กหญิงคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะ!” แน่นอนว่าเสียงนั้นไม่ได้พูดกับเขา แต่มันก็ดังพอจะทำให้เขาหันกลับไปสนใจ เด็กชายหันกลับไปและเขาก็เห็นร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ของร้าน เธอกำลังเรียกความสนใจจากเจ้าของร้านที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือ
“สวัสดีครับคุณหนู ฮอกวอตส์ใช่ไหมครับ” เจ้าของร้านวางหนังสือในมือพลางหันมาทางเธอ
“ค่ะ หนูอยากจะถามว่าคุณมีหนังสือคณิตวิทยาระดับกลางและการแปลงร่างพื้นฐานระดับเบื้องต้นเล่มสามมั๊ยคะ” เธอถามด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว สกอร์เปียสกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอนั้นไม่อาจเห็นส่วนใดของใบหน้าเธอนอกจากเส้นผมสีแดงสยายของเธอเท่านั้น
“มีครับ ว่าแต่คุณหนูเรียนปีอะไรแล้วครับนี่” เจ้าของร้านถามอย่างแปลกใจ แน่ล่ะ ที่เขาจะต้องแปลกใจเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอคงไม่มีทางเรียนอยู่ปีสามซึ่งเป็นปีที่เริ่มเรียนหนังสือที่เธอกำลังหาอยู่เป็นแน่
“คือ.....ความจริงหนูยังไม่ได้เริ่มเรียนที่ฮอกวอตส์เลยน่ะค่ะ แต่หนูกำลังจะไปที่นั่นปีนี้” เด็กสาวอึกอัก ขณะที่สกอร์เปียสขยับตัวไปมองเธอมากขึ้นจนเขาสามารถเห็นเสี้ยวหน้าของเธอโผล่มาจากกลุ่มผมหยักศกสีแดงเพลิงของเธอ เด็กชายสังเกตเห็นแม้กระทั่งรอยแดง ๆ บนแก้มของเธอราวกับเธอกำลังอายที่ต้องบอกว่าเธอยังไม่ได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นผมเกรงว่าหนังสือที่คุณหนูหาคงไม่ได้เอาไปอ่านเองใช่ไหมครับ เพราะมันออกจะเกินอายุของคุณหนูไปหน่อย” เจ้าของร้านพูดอย่างสุภาพ เด็กหญิงหน้าแดงมากขึ้น เธออ้อมแอ้มออกมา
“เปล่าค่ะ หนูจะเอาไปอ่านเองค่ะ หนูสนใจเรื่องคณิตวิทยากับการแปลงร่างมากน่ะค่ะ”
“งั้นหรือครับ แต่คงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับถ้าผมจะแนะนำหนังสือมาตรฐานของเด็กปีหนึ่งน่ะครับ ไม่ทราบว่า......” เจ้าของร้านพูด
“หนูมีหมดแล้วค่ะ หนูมาซื้อของใช้ไปฮอกวอตส์ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วค่ะ แต่วันนี้ที่หนูมาที่นี่เพราะหนูบอกแม่ว่าหนูอยากมาหาหนังสืออ่านเพิ่มเติมน่ะค่ะ อ้อ แล้วก็ขอหนังสือป้องกันตัวจากศาสตร์มืดขั้นสามด้วยค่ะ หนูอยากอ่านเรื่องคำแช่งกับการป้องกันคำแช่งน่ะค่ะ” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะที่สกอร์เปียสซึ่งฟังบทสนทนามานานก็หัวเราะขึ้นมา
เด็กหญิงคนนั้นหันมามองเขาทันที และนั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กชายได้เห็นหน้าเธออย่างเต็มตา เธอมีดวงหน้ารูปไข่ดูเฉลียวฉลาด ดวงตาสีฟ้าของเธอออกแววซุกซน จมูกรั้นแลดูเย่อหยิ่ง ผมหยักศกสีแดงเพลิงของเธอสยายไปทั่วแผ่นหลังรับกับปากอวบอิ่มสีแดง
“เธอหัวเราะอะไร” เด็กหญิงคนนั้นถามขึ้น พลางมองสกอร์เปียสด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เธอพูดกับฉันเหรอ” เด็กชายถาม
“แน่นอนสิ ก็ฉันได้ยินว่าเธอหัวเราะฉันนี่นา” เธอพูดพลางมองเขาด้วยสายตาคมกริบ
“ใครบอกว่าฉันหัวเราะเธอกัน ฉันกำลังหัวเราะหนังสือต่างหาก” เขาพูดพลางชูหนังสือควิดดิชในยุคต่าง ๆ ในมือของเขาให้เธอดู เด็กหญิงขมวดคิ้ว
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอกว่าเธอจะหัวเราะเพราะหนังสือเล่มนี้น่ะ แต่ก็ช่างเถอะฉันไม่อยากมีเรื่องกับคนอย่างเธอ” เธอพูดพลางหันกลับไปที่เคาเตอร์อีกครั้ง สกอร์เปียสขมวดคิ้ว
“คนอย่างฉันมันทำไม” เขาพูดขึ้นพลางก้าวเข้ามายืนหน้าเธอ เด็กหญิงมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“ก็คนที่ชอบดูถูกคนอื่นยังไงล่ะ ฉันรู้ว่าเธอหัวเราะเรื่องที่ฉันพูด แต่ฉันไม่ถือเธอหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่อยากสาปเธอด้วย” เธอพูดอย่างหยิ่งทระนง สกอร์เปียสหัวเราะอีกครั้ง และครั้งนี้เขาไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
“เธอน่ะเหรอจะสาปฉัน อย่างเธอรู้วิธีที่จะสาปใครได้หรือไง เธอน่ะก็เป็นเด็กที่ยังไม่ขึ้นปีหนึ่งพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ อีกอย่างเธอมีไม้กายสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ” เขาพูดอย่างดูถูกราวกับเขาไม่คิดจริง ๆ ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้จะทำอะไรเขาได้
จู่ ๆ ใบหน้าของเด็กสาวก็เป็นสีแดงจนเกือบจะเหมือนสีผมของเธอ
“อย่ามาดูถูกฉันนะ ฉันสาปนายได้แน่ถ้าฉันจะทำ ฉันรู้คำแช่งเยอะแยะมาจากพ่อของฉัน แม้ว่าเขาจะสอนฉันใว้ให้ป้องกันตัวก็ตาม แต่เขาก็เป็นมือปราบมาร เพราะฉะนั้น.....” เธอพูดอย่างโกรธเคือง
“เดี๋ยว เธอว่าอะไรนะ.....อ้อ ฉันรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร เธอเป็นลูกของพวกวีสลีย์ใช่ไหม” สกอร์เปียสพูดพลางมองผมสีแดงเพลิงของเธอ
“ที่แท้ก็เป็นพวกวีสลีย์นี่เอง แต่ฉันแปลกใจนะที่เธออวดเก่งขนาดนี้ เพราะพ่อฉันพูดเสมอว่าพวกวีสลีย์น่ะเป็นพวกทรยศต่อเลือดที่น่ารั......” สกอร์เปียสไม่ทันจะพูดจบก็มีลำแสงหนึ่งตรงเข้ามามาปะทะร่างของเขา เด็กชายกระเด็นไปกระทบชั้นหนังสือเข้าอย่างจังจนเกินเสียงดังสนั่น ในขณะที่เด็กหญิงที่เพิ่งสาปเขายังคงชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เขาด้วยความโกรธ
สิ่งที่ตามมาคือการปรากฏตัวของหญิงสองคน คนหนึ่งสกอร์เปียสรู้ดีว่าคือแม่ของเขา เธอกรีดร้องขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าลูกชายเธอลงไปกองอยู่กับพื้นข้างชั้นหนังสือ แอสทีเรียเข้าไปประคองสกอร์เปียสไว้ก่อนที่จะหันมาที่โรสอย่างมุ่งร้าย
แต่ก่อนที่แม่เขาจะได้ทำอะไรเด็กหญิงคนนั้นก็มีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้น เธอรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของร้านทันทีที่เกิดเรื่อง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากทีเดียวแม้ว่าเธอจะอายุมากแล้วก็ตาม สกอร์เปียสพอเดาได้ว่าเธอคงเป็นแม่ของเด็กหญิงเพราะทั้งสองมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันมาก ต่างกันแค่หญิงคนที่มาใหม่มีผมสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น
“พระเจ้า โรส! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เธอร้องพลางรุดไปยังลูกสาว ขณะที่เด็กหญิงลดไม้กายสิทธิ์ในมือลง
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามใช้เวทย์มนตร์นอกบ้านน่ะ” เธอเอ็ดก่อนจะมองไปยังผู้เสียหาย ใบหน้าของเธอดูพิศวงอยู่ชั่วครู่เมื่อจ้องมองสกอร์เปียส ก่อนที่สายตาของเธอจะเลื่อนไปที่แม่ของเขา
“แอสทีเรีย มัลฟอย” เธอพึมพำออกมา
“เฮอร์ไมโอนี่ วีสลีย์” แอสทีเรียพูดกับตัวเอง แต่ก่อนที่เธอจะทันพยุงสกอร์เปียสขึ้นจากพื้นเสียงกระดิ่งที่หน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง
บุคคลที่มาใหม่นั้นเป็นคนสุดท้ายที่สกอร์เปียสอยากจะเจอในตอนที่เขาเพิ่งโดนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สาปจนต้องมานอนเปื้อนฝุ่นอยู่กับพื้นแบบนั้น เพราะร่างที่มาใหม่นั้นคือ เดรโก มัลฟอย พ่อของเขาเอง
เดรโกกวาดสายตามองไปทั่วร้าน เขามองลูกชายอย่างแปลกใจขณะที่แม่ของเขาพยุงเขาขึ้นจากพื้น จากนั้นสายตาของชายผมบลอนด์ก็ไปหยุดอยู่ที่แม่ลูกวีสลีย์แทน
“เกรนเจอร์” เดรโกพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเขากำลังพึมพำอยู่กับตัวเอง
“มัลฟอย” คุณนายวีสลีย์พึมพำออกมา ขณะที่เดรโกเดินไปหยุดหน้าเฮอร์ไมโอนี่และลูกสาว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉันไม่รู้ ฉันเองก็เพิ่งเข้ามาเห็นเหมือนกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เห็นได้ชัดอยู่แล้ว [i] วีสลีย์ [/i] ว่าลูกสาวเธอสาปลูกชายของฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม น้ำเสียงแบบที่พวกมัลฟอยมักใช้กับคนที่พวกเขาเห็นว่าต่ำกว่า “จริงไหม”
“ที่หนูทำอย่างนั้นเพราะเขามาว่าหนูก่อนต่างหากล่ะ” โรสพูดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอสาปสกอร์เปียส ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เดรโกมองเธอแล้วทำให้เขานึกถึงรอน วีสลีย์พ่อของเธอ ที่มักจะโกรธจนหน้าแดงแบบนี้ทุกครั้งที่เดรโกพูดจาดูถูกอะไรเขา
“ลูกชายคุณว่าครอบครัวของหนู.........เขา.....เขา” เธอชี้นิ้วที่สั่นเทามาทางสกอร์เปียสด้วยความโกรธ
“เขาพูดอะไรจ๊ะ โรซี” เฮอร์ไมโอนี่ลูบหลังลูกสาวที่กำลังโกรธของเธอ
“เขาว่าพวกเราเป็นพวกทรยศต่อเลือดค่ะ” โรสพูดออกมาพลางมองไปยังสกอร์เปียสอย่างโกรธเคือง และเมื่อแม่ของเธอได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูดขึ้นมาเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเดรโกทันที
“ฉันไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นออกมาจากปากของเขาน่ะ” เธอพยักหน้าไปทางสกอร์เปียส “เห็นได้ชัดว่า[i]พวกมัลฟอย[/i]มีการอบรมคนในครอบครัวไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย” เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าชายผมบลอนด์ที่เริ่มขาวซีดด้วยความโกรธ แต่เดรโกก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันอบรมลูกชายของฉันตามแบบที่ทายาทตระกูลมัลฟอยสมควรได้รับ วีสลีย์” เขาเอ่ยนามสกุลของเธอออกมาด้วยน้ำเสียงเดียดฉันท์ “และฉันก็ไม่คิดว่ามันผิดตรงไหนที่ลูกชายของฉันจะพูดอะไรที่เป็นความจริง” เขาพูด ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ แต่เธอก็เก็บอาการนั้นไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะถึงอย่างไรเธอก็ต้องไม่ทะเลาะกับเขาต่อหน้าลูกสาวของเธอ
“ตอนแรกฉันคิดว่าลูกของฉันผิดที่สาปลูกชายของเธอ และความจริงเธอก็ควรจะขอโทษ” เธอปรายตาไปยังโรส “แต่เห็นได้ชัดว่าคำขอโทษของลูกสาวฉันไม่ควรจะมาใช้กับคนอย่างพวกเธอ” เธอละสายตาจากเดรโกไปยังครอบครัวที่เหลือของเขา หญิงสาวสังเกตได้ว่าสกอร์เปียส มัลฟอยนั้นช่างเหมือนเดรโกราวกับแกะ ชนิดที่ว่าไม่มีส่วนไหนที่คล้ายคลึงกับแม่ของเขาเลย พอ ๆ กับที่โรสเหมือนเธอมาก ยกเว้นแค่สีผมและสีตาเท่านั้น แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้สำรวจมัลฟอยคนลูกไปมากกว่านั้นเธอก็คว้ามือของลูกสาวขึ้นมา
“ไปกันเถอะจ๊ะ โรซี พ่อกับฮิวโก้คงรอเราแย่แล้ว” เธอพูดกับเด็กหญิงผมแดง และกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่เดรโกกลับมาขวางเธอไว้ก่อน
“ลูกเธอสาปลูกฉันแล้วเธอคิดจะเดินไปเฉย ๆ อย่างนั้นเหรอ” เขาพูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้า
“ใช่ มัลฟอย เรากำลังจะไป และถ้าเธอไม่หลีกทางให้เราดี ๆ เธอก็คงต้องสู้กับฉัน” เธอพูดอย่างเด็ดเดี่ยวพลางเลื่อนมือไปกุมไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม ทั้งสองมองหน้ากันอึดใจหนึ่งก่อนที่เดรโกจะเป็นฝ่ายหลีกทางให้เธอ
หลังจากแม่ลูกวีสลีย์เดินออกจากร้านไปโดยไม่ทันจะซื้อหนังสือซักเล่ม [โรสมีท่าทีผิดหวังมาก แต่เธอก็ดูโล่งใจที่ได้ออกไปจากร้าน] แอสทีเรียก็เดินเข้ามาหาสามี
“คุณคะ” เธอเอ่ยขึ้น
“ช่างเถอะ” เขาสะบัดศีรษะอย่างไม่ใส่ใจแต่สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่และโรสไปจนลับตา ก่อนจะหันมาสนใจลูกชายของเขา ผมสีบลอนด์ของสกอร์เปียสยุ่งเหยิงเล็กน้อยเรื่องจากการต่อสู้เมื่อครู่
“ไม่คิดเลยนะว่าลูกชายของฉันจะแพ้ยายเด็กวีสลีย์นั่นน่ะ” เขาพูดราวกับเขาลืมไปแล้วว่าเขาเองก็เคยถูกแม่ของ ‘ เด็กวีสลีย์ ’ นั่นสั่งสอนมาก่อน สกอร์เปียสอ้าปากจะเถียงอะไรบางอย่าง แต่แอสทีเรียแม่ของเขารู้ทันเลยปรามให้ลูกชายเงียบไปเสียก่อน
“แล้วนี่ได้หนังสือครบหรือยัง เราจะได้ไปซื้อไม้กายสิทธิ์กันซะที” เดรโกถามขึ้นพลางมองหน้าภรรยา ขณะเดียวกันเธอก็มองไปยังลูกชายของเธออย่างหาคำตอบ
“เอ้อ ยังฮะ ผมยังไม่ได้ซื้อเลย” สกอร์เปียสสารภาพออกมา เขาไม่ชอบเลยที่ถูกพ่อมองด้วยแววตาไม่พอใจ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาทำอะไรผิด
“งั้นก็ไปจัดการเสียสกอร์เปียส เสร็จแล้วพ่อจะพาลูกไปซื้อไม้กายสิทธิ์ แล้วเราจะได้เรียนการใช้คาถากันจริง ๆ ซะที” เดรโกพูดอย่างขณะที่ลูกชายพยักหน้าให้เขา

End of Flash Back

สกอร์เปียสตื่นขึ้นจางภวังค์เมื่อมีใครบางคนเปิดประตูห้องหนังสือเข้ามา เขารีบเอาเท้าที่พาดโต๊ะลงทันทีแต่นั่นก็ไม่เร็วพอที่แม่ของเขาจะไม่สังเกตเห็น
“แม่บอกกี่ครั้งแล้ว สกอร์เปียส” แอสทีเรีย มัลฟอยส่ายศีรษะอย่างจนใจ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งทีเดียว ใบหน้าของเธอรูปไข่ ผมของเธอเหยียดตรงเป็นสีดำขลับต่างกับดวงตาสีฟ้าอ่อนของเธอ
“ขอโทษครับแม่” สกอร์เปียสพูดขณะที่มารดาของเขาตรงเข้ามานั่งใกล้ ๆ แอสทีเรียยิ้มให้กับลูกชาย
“แม่มาตามลูกไปทานอาหารเย็นน่ะจ๊ะ วันนี้แม่สั่งให้เอลฟ์ทำของโปรดของลูกเยอะเชียว ลูกก็รู้นี่จ๊ะ งานฉลองน่ะ” เธอพูดพลางมองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และภาคภูมิใจ สกอร์เปียสเหมือนสามีของเธอทุก ๆ วันที่เขาโตขึ้น จนตอนนี้เขาที่อายุสิบเจ็ดนั้นไม่ได้มีหน้าตาที่แตกต่างไปกับเดรโกในสมัยหนุ่ม ๆ เลยแม้แต่น้อย สกอร์เปียสมีผมสีบลอนด์และดวงตาสีเงินแบบเดียวกับที่เดรโกมี ดวงตาเยือกเย็นที่เธอแสนจะหลงใหล แต่สกอร์เปียสต่างกับเดรโกแค่ตรงที่ใบหน้าของเขาไม่เรียวเท่าพ่อของเขาเท่านั้น สกอร์เปียสมีรูปหน้าคล้ายกับเธอนิด ๆ แต่นอกจากนั้นแล้วเขาเหมือนเดรโกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ครับ แล้วพ่อล่ะครับ” เด็กหนุ่มถาม
“พ่อเพิ่งกลับมาน่ะจ๊ะ พ่อเลยให้แม่ขึ้นมาตามลูก” นางมัลฟอยบอกลูกชาย และหล่อนก็เห็นแววกังวลอยูในดวงตาของลูกชาย “เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“อ้อ เปล่าครับแม่ ผมว่าเรารีบลงไปข้างล่างกันดีกว่า” สกอร์เปียสพูดพลางลุกขึ้นจากโต๊ะหนังสือ


*************************************************

ชอบไม่ชอบยังไง คอมเม้นติชมมานะคะ




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2552    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2552 11:49:49 น.
Counter : 2982 Pageviews.  


piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.