Group Blog
 
All Blogs
 
เธอคือทาสหัวใจของฉัน: Chapter 30 เคียงคู่อีกครั้ง

คุยกันก่อนอ่านนะคะ

ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากขอโทษที่ดองฟิคตอนใหม่นี้นานไปหน่อย (หรือไม่หน่อย) เนื่องมาจากว่าพิกยุ่งกับการสอบและเรื่องอื่น ๆ มากมายค่ะ (ปีนี้พิกเรียนปีสุดท้ายแล้วค่ะ) ตอนใหม่นี้อาจจะสั้นไปซักหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าตอนหน้ายาวกว่านี้อย่างแน่นอนค่ะ สุดท้าย ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

อ้อ สำหรับรูปประกอบตอนใหม่นี้ ขอขอบคุณน้อง Ray แฟนฟิคที่น่ารักที่ช่วยหารูปหวานๆ รูปนี้มาให้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ




***Chapter 30 เคียงคู่อีกครั้ง: Together Again***






“ถ้าอย่างนั้นเราลองกลับไปเริ่มต้นในวันนั้นกันใหม่ดูไหม เริ่มจากการที่เธอกับฉันรักษาสัญญาที่เราให้ไว้แก่กันก่อน”

ถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่จะเป็นคนเริ่มความคิดที่ให้พวกเขาลองกลับไปเริ่มต้นใหม่ดูอีกครั้งก็ตาม แต่เด็กสาวกลับรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบว่าการเริ่มต้นใหม่ของพวกเขาครั้งนี้นั้นเป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่นเกินกว่าที่เธอคิดไว้มากนัก เพราะหลังจากที่เธอและเดรโกได้ปรับความเข้าใจรวมทั้งพลอดรักกันอยู่ครู่หนึ่งแล้ว (แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ล่วงเกินเธอไปมากกว่าการจูบแต่อย่างใด) ทั้งคู่ก็นั่งอ้อยอิ่งกันอยู่ในห้องพักอีกพักหนึ่งก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามมาด้วยการปรากฏตัวของบริกรที่มาเสิร์ฟอาหารมื้อเที่ยงให้ทั้งคู่ หลังจากนั้นเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ทานอาหารมื้อเที่ยงตามแบบฉบับไอซ์แลนด์ด้วยกันเป็นครั้งแรก แม้ว่ารสชาติของมันจะต่างจากอาหารที่อังกฤษอยู่มาก แถมเด็กสาวยังไม่แน่ใจด้วยว่าอาหารที่เธอกำลังทานอยู่นั้นประกอบด้วยอะไรบ้างก็ตาม แต่เธอก็พบว่าอาหารพวกนี้มีรสชาติดีทีเดียว

หลังจากที่อิ่มหนำจากอาหารมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เดรโกก็ชวนเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเที่ยวในเมืองหลังจากที่เด็กหนุ่มสอบถามบริกรที่มาเสิร์ฟอาหารแล้วทราบว่าในเมืองดัลวิกนี้มีเขตของพ่อมดแม่มดซ่อนอยู่ในตัวเมืองเช่นเดียวกับเมืองต่าง ๆ ในอังกฤษ รวมทั้งในเมืองนี้มีถนนสายสำคัญของย่านพ่อมดแม่มดอยู่ซึ่งมีชื่อเป็นภาษาไอซ์แลนด์ติกว่า ‘ เลาแยตต์ ’ ถนนสายนี้ประกอบไปด้วยร้านค้าจำนวนมากจนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านการค้าของเมืองนี้ และที่สำคัญก็คือทางเข้าถนนสายนี้นั้นซ่อนอยู่ด้านหลังบาร์คัลมาเหมือนกับทางเข้าของตรอกไดแอกอนที่ซ่อนอยู่หลังร้านหม้อใหญ่รั่วไม่มีผิด

หลังจากผ่านช่วงเวลาสำหรับอาหารเที่ยงไปได้ไม่นานนัก เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ก็มายืนอยู่บนถนนสายการค้าของพ่อมดแม่ดในเมืองดัลวิก แม้ว่าถนนเลาแยตต์สายนี้จะไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและเต็มไปด้วยร้านค้าจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างตรอกไดแอกอนก็ตาม แต่ร้านค้าที่เรียงรายอยู่สองฝั่งถนนนั้นก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ไม่น้อย จนเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเดินไปมองดูของที่วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจกของแต่ละร้านด้วยท่าทีตื่นเต้น โดยที่มีเดรโกยืนมองทาสสาวของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูเมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่มองร้านค้าแต่ละร้านบนถนนสายนี้ด้วยท่าทีตื่นเต้นราวกับเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งเห็นของเล่นใหม่ และมัลฟอยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเขาเห็นว่าเด็กสาวที่เพิ่งสังเกตุเห็นร้านหนังสือร้านแรกบนถนนนั้นกำลังเดินลิ่ว ๆ ไปยังร้านหนังสือดังกล่าวราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดให้เธอเข้าไปหา มือเล็กของเฮอร์ไมโอนี่เกาะกระจกของร้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นพลางมองหนังสือที่โชว์อยู่ภายในร้านด้วยสายตาที่แทบจะเรียกได้ว่าหลงใหลโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้านายของเธอได้เข้ามายืนข้าง ๆ พลางมองท่าทางของเธอพร้อมกับยิ้มบาง ๆ อย่างเอ็นดู

“เธออยากเข้าไปดูข้างในไหม” เด็กหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่เขามายืนอยู่ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ มือข้างหนึ่งของเดรโกล้วงอยู่ในเสื้อคลุมสีดำสนิทแบบที่เขาสวมประจำ ขณะที่อีกมือหนึ่งของเขาเลื่อนมากุมมือเล็กของเด็กสาวไว้เมื่อเธอหันมามองเขาก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“งั้นก็ไปกันเถอะ” เดรโกพูด ก่อนจะจูงมือเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าร้านหนังสือดังกล่าวไปโดยที่เด็กสาวไม่ได้ขัดขืนการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย และถ้าหากมองจากสายตาของคนภายนอกแล้ว พวกเขาก็คงคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักที่มาท่องเที่ยวกันในช่วงวันหยุด ไม่ใช่เจ้านายหรือทาสที่ผูกพันกันด้วยสัญญาทาสชั่วนิรันดร์แต่อย่างใด

แม้ว่าอยากจะจับมือเล็กของเด็กสาวที่เขารักไว้ให้นานมากที่สุดก็ตาม แต่เดรโกก็จำเป็นต้องปล่อยมือของเฮอร์ไมโอนี่ออกหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในร้าน เพราะหลังจากที่ทั้งสองก้าวผ่านประตูร้านหนังสือเข้ามาและพบกับหนังสือจำนวนมากที่เรียงรายอยู่บนชั้นสูงเกือบจรดเพดาน เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบพุ่งไปหาพวกมันทันที แต่หลังจากใช้เวลาสำรวจหนังสือบนชั้นอยู่ไม่นานเด็กสาวก็รู้ทันทีว่าหนังสือเหล่านั้นล้วนแต่เป็นหนังสือภาษาไอซ์แลนด์ติกที่เธออ่านไม่ออกทั้งสิ้น และในขณะเดียวกับที่เธอกำลังถอยออกมาจากชั้นหนังสืออย่างผิดหวังนั้น เสียงแหบห้าวเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางเคาเตอร์ แต่มันกลับเป็นเสียงที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจับใจความได้ และเมื่อทั้งเธอและเดรโกซึ่งได้ยินเสียงนั้นเหมือนกันหันไปมองทางต้นเสียง เด็กทั้งสองก็พบว่าที่เคาเตอร์ร้านนั้นมีร่างของชายวัยกลางคนที่มีผมสีอ่อนและมีดวงตาสีฟ้าสดใสยืนอยู่ ชายคนนั้นกำลังพูดกับทั้งสองเป็นภาษาไอซ์แลนด์ติก แต่แน่นอนว่าทั้งเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่เข้าใจภาษาไอซ์แลนด์ติก เด็กหนุ่มจึงพูดออกไปว่า

“ขอโทษที เราทั้งสองคนไม่ได้พูดภาษาไอซ์แลนด์ติก”

“อ้อ งั้นพวกคุณก็คงเป็นนักท่องเที่ยวล่ะนะ” ชายที่เคาเตอร์เปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษทันทีที่ทราบว่าเด็กทั้งสองไม่ใช่คนไอซ์แลนด์ แม้ว่าภาษาอังกฤษของเขาจะติดสำเนียงไปบ้าง แต่ก็นับได้ว่าเขาพูดได้อย่างฉะฉานทีเดียว

“พวกคุณคงเป็นคนอังกฤษสินะ” ชายเจ้าของร้านพูดหลังจากที่มองลูกค้าสองคนของเขาด้วยสายตาพิจารณา แต่ดูเหมือนว่าเดรโกจะไม่ค่อยพอใจในคำพูดนี้ของชายคนดังกล่าวซักเท่าไหร่นัก

“แล้วคุณรู้ได้ยังไง ว่าพวกเรามาจากอังกฤษ” มัลฟอยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ก็พวกคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ใช่หรือ” เจ้าของร้านตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหันไปทางเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังของเดรโก

“ร้านของเราไม่มีหนังสือภาษาอังกฤษหรอกครับ แต่ถ้าเป็นหนังสือภาษารูนเราพอมีอยู่บ้างที่ชั้นสอง ผมจะพาไปดูก็ได้ถ้าคุณต้องการ” คำพูดนั้นเจาะจงมาที่เด็กสาวโดยเฉพาะ ราวกับชายคนนี้มองออกว่าคนที่ต้องการเข้ามาซื้อหนังสือในร้านนั้นคือเฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่เดรโก ขณะที่เด็กสาวมีท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ว่าที่ร้านหนังสือร้านนี้มีหนังสือภาษารูนอยู่ด้วย

“แน่นอนค่ะ คุณมีหนังสือเป็นภาษารูนเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่

“หลายอย่างครับ แต่ก็ไม่หลากหลายเท่ากับหนังสือภาษาไอซ์แลนด์ติก ส่วนมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และคาถาโบราณน่ะครับ” ชายเจ้าของร้านบอก ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นมีท่าทีตื่นเต้นราวกับเธอเพิ่งคิดค้นคาถาแปลงร่างอันใหม่ได้ก่อนจะหันมาทางเด็กหนุ่มผู้อยู่ในฐานะเจ้านายของเธออย่างขอความเห็น แต่มัลฟอยกลับพูดขึ้นก่อนว่า

“ไปสิ ไปดูหนังสือข้างบนกัน แล้วถ้าเธออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ เดี๋ยวฉันจ่ายเงินให้เอง” เขาพูดอย่างใจดี ราวกับเขาและเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคู่รักที่มาท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยกันเท่านั้น ขณะที่เด็กสาวยิ้มให้เขาอย่างดีใจ

“ขอบคุณนะ เดรโก” เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะหันไปทางเจ้าของร้านที่เริ่มเดินนำพวกเขาเข้าไปในร้านเพื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ขณะที่เด็กหนุ่มเองก็เดินตามเด็กสาวไปติด ๆ

แน่นอนว่าหลังจากที่เจ้าของร้านพาเฮอร์ไมโอนี่ไปยังโซนหนังสือภาษารูนที่อยู่บนชั้นสองแล้ว เธอก็ใช้เวลาสำรวจชั้นหนังสือเหล่านั้นอยู่เนิ่นนานทีเดียว อันที่จริงเธอแทบจะพุ่งไปยังชั้นดังกล่าวทันทีหลังจากที่คนขายบอกเธอว่าชั้นไหนบ้างที่เป็นชั้นวางหนังสือภาษารูน เด็กสาวสำรวจหนังสือแต่ละเล่มด้วยท่าทีตื่นเต้นราวกับเด็ก มือเล็ก ๆ ของเธอไล่ไปตามสันหนังสือที่เรียงรายกันอยู่บนชั้นพร้อมกับอุทานออกมาทุกครั้งที่เธอพบชื่อหนังสือที่เธอสนใจ ขณะที่เดรโกที่กำลังยืนพิงชั้นหนังสืออยู่ไม่ไกลจากเฮอร์ไมโอนี่นักมองทาสสาวของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูพร้อมกับพูดขึ้น

“ถ้าเธออยากได้เล่มไหนก็เลือกเอาเลยนะ เดี๋ยวฉันซื้อให้” เขาพูด ขณะที่เด็กสาวหันมามองเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนที่จะยิ้มบาง ๆ ให้เขา แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเดรโกต้องการจะเอาใจเธอ รวมทั้งเขาต้องการจะทำอะไรให้เธอเพื่อเป็นการชดเชยในสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยได้ทำลงไปกับเธอ พอ ๆ กับที่เธอก็รู้ดีว่าไม่ว่าเจ้านายของเธอจะเอาอกเอาใจเธอโดยการทำดีกับเธอมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะซื้อหนังสือทั้งร้านนี้ให้เธอก็ตาม มันก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับเธอได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดสิ่งที่เธอคิดออกไปตามตรงในเวลานี้ เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นไม่อาจนำผลดีใด ๆ มาสู่ทั้งตัวเธอและเดรโก ตรงกันข้ามมันรังแต่จะนำความเจ็บปวดมาให้ทั้งคู่มากกว่า

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเด็กสาวจึงใช้มือข้างหนึ่งเสยผมที่ปรกใบหน้าขึ้นทัดหูพร้อมกับพูดขึ้น

“ฉันเลือกไม่ถูกน่ะ มันเยอะไปหมดเลย แถมยังน่าสนใจทั้งหมดด้วย……” เธอพูดพลางมองชั้นหนังสือตรงหน้าด้วยท่าทีกึ่งสับสนกึ่งสนอกสนใจ ขณะที่เดรโกเดินเข้ามาใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง

“ที่นี่มีทั้งหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ของไอซ์แลนด์ ตำนานโบราณ คาถาเก่าแก่ แล้วก็เรื่องสัตว์วิเศษของที่นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดประโยคสุดท้ายออกไปโดยไม่ทันจะได้คิด และดูเหมือนว่าเด็กสาวจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไปเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเดรโกกระตุก มือขวาของเด็กหนุ่มขยับขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่มันจะไปวางอยู่ที่ใหล่ซ้ายซึ่งเป็นที่อยู่ของบาดแผลของเขานั้น มัลฟอยซึ่งรู้ตัวก่อนก็ชะงักมือไว้ได้ทันก่อนจะแกล้งวางมันลงบนชั้นหนังสือข้างกายแทน แต่แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ทันได้สังเกตุเห็นอาการทั้งหมดของร่างตรงหน้า

“เดรโก.......ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เธอพูดขึ้นพลางมองเขาด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่ฝ่ายตรงข้ามกับทำท่าราวกับเขาไม่ใส่ใจในเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“มันก็ไม่มีอะไรนี่” เขาพูดกลบเกลื่อน “ว่าแต่เธอเลือกเล่มที่ชอบได้หรือยัง”

“ฉัน.......ยังน่ะ ฉันยังเลือกไม่ถูกเลย สงสัยจะต้องใช้เวลาอีกหน่อย” เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาของเธอยังคงมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเป็นห่วงอยู่

“งั้นก็เลือกต่อสิ แต่อย่านานจนเลยเวลาอาหารเย็นล่ะ ฉันอยากพาเธอไปเที่ยวที่อื่นอีก” เขาพูดด้วยท่าทีปกติราวเมื่อครู่นั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เผลอพูดถ้อยคำที่ทำให้เขานึกถึงชะตากรรมที่เลวร้ายของตัวเองขึ้นมาเลย แต่ถึงกระนั้นเดรโกก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พบว่ามือเล็กของร่างตรงหน้าเลื่อนมากุมมือใหญ่ของเขาไว้ และเมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเด็กสาว เด็กหนุ่มก็พบว่ามันกำลังมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง

“เธอโอเคนะ” เธอถาม

“อืม ไปเลือกหนังสือของเธอต่อเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่จนร้านปิดหรอกนะ” เขาพูดพลางยิ้มบาง ๆ ให้เด็กสาว และเมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไร เฮอร์ไมโอนี่จึงหันกลับไปเลือกหนังสือที่ชั้นต่อด้วยท่าทีปกติ โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่าจริง ๆ แล้วความรู้สึกของเดรโกในตอนนี้นั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าปกติเลยแม้แต่น้อย

เด็กสาวจะไม่มีวันรู้เลยว่าเด็กหนุ่มนั้นกลัวแค่ไหนกับเรื่องที่เขาจะต้องเผชิญต่อไป เพราะมัลฟอยรู้สึกว่าหัวใจของเขาแกว่งวูบด้วยความหวาดกลัวทุกครั้งที่มีใครก็ตามเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขานึกถึงสัตว์วิเศษประภทนี้ แม้กระทั่งในตอนนี้เด็กหนุ่มก็ยังหวาดกลัวอยู่เต็มอกว่าหากการเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์ของเขาในครั้งนี้ไม่สำเร็จและเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์ไม่สามารถรักษาเขาให้หายเป็นปกติได้ สักวันหนึ่งเขาก็จะต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่ารวมทั้งจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในฐานะของสัตว์ร้ายที่ผู้คนหวาดกลัว

แต่ถึงกระนั้นเดรโกก็ไม่ต้องการจะแสดงความหวาดกลัวนั้นออกมาให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นแต่อย่างใด เพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มคิดว่าเขาก็ได้แสดงด้านที่อ่อนแอของเขาออกมาให้เด็กสาวเห็นมามากเกินพอแล้ว จนเขาไม่ต้องการให้เด็กสาวที่เขารักเห็นเขาเป็นคนที่อ่อนแอไปมากกว่านี้อีกแล้ว และแม้ว่ามัลฟอยจะรู้สึกว่าความหวาดกลัวของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหลังจากที่พวกเขามาเหยียบแผ่นดินไอซ์แลนด์นี้ รวมทั้งมันยังคงทวีขึ้นอีกในทุก ๆ นาทีไปผันผ่านไป มัลฟอยก็ไม่ต้องการจะบอกเฮอร์ไมโอนี่ในเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความคิดที่ฟังดูไร้สาระมากก็ตาม เพราะเฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นเพียงคนเดียวที่เคยเห็นเดรโกมาในแทบจะทุกด้านของเขา ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากที่เขาสวมอยู่ในชีวิตประจำวัน ตัวตนที่แท้จริงของเขาที่อ่อนแอจนเขาต้องการจะปกปิดมันไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น หรือแม้กระทั่งความป่าเถื่อนโหดร้ายของเขาที่ทำให้เขาลงมือทำร้ายเธออย่างไร้ความปราณีในคืนที่เขาทำให้เธอตกเป็นทาสของเขาตลอดไปก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเดรโกเองก็ยังคงต้องการให้ตัวเองดูเข้มแข็งในสายตาของผู้หญิงที่เขารักอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้เป็นต้นไป ถึงเขาจะเจ็บปวดหรือหวาดกลัวมากเพียงใดก็ตาม เขาก็จะพยายามไม่แสดงท่าทีอ่อนแอออกมาให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นโดยไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการมากกว่าอะไรทั้งหมดในตอนนี้ ซึ่งอาจจะยกเว้นการหายจากการเป็นมนุษย์หมาป่านั้นก็คือการได้เป็นผู้ครอบครองหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ รวมทั้งการได้ดูแลและปกป้องเธออย่างดีที่สุด ซึ่งเดรโกแน่ใจว่าถ้าหากตัวเขาเองยังไม่เข้มแข็งพอที่จะจัดการกับอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตของตัวเองได้แบบนี้แล้ว เขาจะเอากำลังที่ไหนมาปกป้องผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดได้เล่า


……………………………………………………………



หลังจากใช้เวลาเลือกหนังสืออยู่พักหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็เลือกซื้อหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ คาถา และการปรุงยาที่เป็นภาษารูนขึ้นมาทั้งหมดสามเล่ม ก่อนที่เธอจะหันไปเลือกตำราเกี่ยวกับการแปลงร่างซึ่งเธอต้องตัดสินใจที่จะเลือกระหว่างหนังสือสองเล่มที่มีเนื้อหาแตกต่างกันแต่เนื้อหาของแต่ละเล่มนั้นล้วนน่าสนใจทั้งคู่ และหลังจากที่มองดูเด็กสาวตัดสินใจอย่างยากลำบากในการเลือกหนังสือทั้งสองเล่มอยู่ครู่หนึ่งเดรโกจึงพูดขึ้น

“มันตัดสินใจยากขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถาม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเธอด้วยท่าทีที่บอกว่าเธอยังตัดสินใจไม่ถูกอยู่ดีว่าควรจะซื้อเล่มไหนกันแน่

“ก็มันน่าสนใจทั้งสองเล่มเลยนี่นา” เด็กสาวอิดออดออกมา

“ถ้าอย่างนั้นฉันตัดสินใจแทนเธอเลยแล้วกัน ว่าซื้อทั้งสองเล่มนี่แหละ” เขากล่าวพลางเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับการแปลงร่างทั้งสองเล่มมาจากมือของเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่อีกฝ่ายประท้วงขึ้นมา

“แต่……” เธอตั้งท่าจะพูด แต่แน่นอนว่าเดรโกไม่ให้โอกาสร่างตรงหน้าได้โต้เถียงพอ ๆ กับที่เขาไม่ยอมส่งหนังสือในมือคืนให้เธอ

“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะฉันไม่ได้ซื้อให้เธอฟรี ๆ หรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งบัดนี้ลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวมีท่าทีตกใจกับคำพูดของเขา เด็กหนุ่มจึงรีบพูดขึ้น

“ฉันแค่อยากจะขออะไรแลกเปลี่ยนนิดหน่อยเท่านั้นเอง” เดรโกพูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม ก่อนที่เขาจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่มากขึ้น และก่อนที่เด็กสาวจะทันได้ไหวตัวหรือว่าขัดขืนใด ๆ เด็กหนุ่มก็จูบเธอที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบผลักเจ้านายของเธอออกในทันที

“นายทำอะไรน่ะ นี่มันในร้านหนังสือนะ!” เด็กสาวร้องอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองรอบข้าง ซึ่งก็โชคดีเหลือเกินที่ชั้นสองของร้านหนังสือนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยนอกจากพวกเขา ส่วนทางด้านเดรโกนั้นดูเหมือนจะไม่ยี่หระในสิ่งที่ทำให้ทาสสาวของเขาตกใจเลยแม้แต่น้อย

“ก็ได้......ถ้าอย่างนั้นฉันค่อยไปเก็บค่าหนังสือกับเธอตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ได้” เด็กหนุ่มพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่เขาก็ต้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อเด็กสาวตีเขาที่แขนพร้อมกับกระซิบออกมาว่าอย่างดุ ๆ ว่า ‘เดรโก!’

“ฉันแค่ล้อเล่นน่า” มัลฟอยพูดออกมาเมื่อเขาเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่เริ่มมองเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว ซึ่งบอกเขาว่าเขาควรจะหยุดล้อเธอได้แล้ว

”งั้นตอนนี้ฉันว่าเราเอาหนังสือพวกนี้ไปคิดเงินก่อนจะดีกว่านะ” เดรโกพูดก่อนถอยห่างออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่ เนื่องจากเขาไม่รู้จะโดนลูกหลงจากเด็กสาวอีกหรือไม่ และในวินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็หันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังบันไดเพื่อลงไปชั้นล่าง โดยที่เขาถือหนังสือเกี่ยวกับการแปลกร่างทั้งสองเล่มของเฮอร์ไมโอนี่ไปด้วย เด็กหนุ่มเดินไปที่บันไดโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเด็กสาวแต่อย่างใด เขาเพียงแต่หันกลับมามองในเชิงรอคอยให้เธอเดินตามเขามาเท่านั้น

“เดรโก เดี๋ยวสิ!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกไป แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นไม่ได้สนใจเสียงเรียกของตนเอง รวมทั้งเขาตั้งใจที่จะเอาหนังสือที่เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อเล่มไหนดีไปคิดเงินให้ทั้งสองเล่มแบบนี้ เด็กสาวจึงรีบหยิบหนังสือที่เธอเลือกไว้ก่อนหน้าทั้งสามเล่มขึ้นมา และรีบเดินตามเจ้านายของเธอลงบันไดไป

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลงมาถึงชั้นล่างของร้านเธอก็พบว่าเดรโกกำลังยืนอยู่ตรงเคาเตอร์ของร้าน และกำลังนำหนังสือไปจ่ายเงินให้เธออยู่ และเมื่อเด็กสาวเดินไปถึงเคาเตอร์สำหรับคิดเงิน เจ้าของร้านคนเดียวกับที่เป็นคนพาเฮอร์ไมโอนี่ไปยังชั้นสองก็กำลังถามมัลฟอยด้วยภาษาอังกฤษที่ติดสำเนียงไอซ์แลนด์ติกและฟังของแปร่งหูไม่น้อยว่า “ทั้งหมดแค่นี้ใช่ไหมครับ”

“อันนี้ด้วยค่ะ” เธอพูด ก่อนจะวางหนังสือในมืออีกสามเล่มลงบนเคาเตอร์ และเป็นเพราะการกระทำนั้นของเฮอร์ไมโอนี่เองที่ทำให้เจ้าของร้านมีโอกาสเห็นตราทาสที่ประทับอยู่บนฝ่ามือซ้ายของเด็กสาว

หลังจากที่ได้เห็นตราทาสที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของของพ่อมดหรือแม่มดอีกคนหนึ่งบนตัวของเด็กสาวแล้ว ชายเจ้าของร้านซึ่งดูเหมือนจะรู้ดีว่าตราบนฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่นั้นมีความหมายว่าอย่างไรก็เงยหน้ามองเด็กทั้งสองด้วยท่าทีแปลกใจระคนตกใจ มือที่จับหนังสือของเขานั้นชะงักค้างอยู่ชั่วครู่ แต่ท่าทีของชายเจ้าของร้านนั้นก็กลับไปเป็นแบบเดิมในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นหลังจากที่เขาเห็นว่าเดรโกเองก็เห็นสิ่งที่เขาเห็นและมองออกว่าเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่บนมือของเฮอร์ไมโอนี่นั้นคืออะไร

หลังจากที่ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดเพียงครู่เดียวได้ผ่านไปโดยที่เด็กสาวไม่มีโอกาสสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเลยเพราะเธอมัวแต่สนใจหนังสือที่วางอยู่ตรงชั้นข้าง ๆ เคาเตอร์สำหรับคิดเงินอยู่ ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านก็พูดขึ้น

“ทั้งหมดสิบเจ็ดแกลเลียนครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติแต่ก็พยายามจะเอาของใส่ถุงด้วยท่าทีเงอะงะเล็กน้อย ขณะที่เดรโกหยิบเหรียญทองออกมาให้เจ้าของร้านเป็นเงินยี่สิบแกลเลียน

“ไม่ต้องทอน” เด็กหนุ่มพูดเรียบ ๆ ก่อนที่หยิบถุงหนังสือขึ้นมา โดยที่มืออีกข้างของเขาเอื้อมมาโอบบ่าของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้และพาเธอเดินออกไปจากร้านด้วยท่าทีราวกับพวกเขาเป็นเพียงคู่รักปกติธรรมดาเท่านั้น


……………………………………………………………



หลังจากที่ออกจากร้านหนังสือแล้ว เดรโกก็พาเฮอร์ไมโอนี่ไปเดินดูร้านรวงต่าง ๆ บนถนนต่อ ทั้งสองเดินไปยังร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน ร้านขายวัตถุเวทย์มนต์ รวมทั้งร้านขายอุปกรณ์สำหรับปรุงยา และร้านอื่น ๆ อีกมากมายเท่าที่ทั้งสองจะเข้าไปดูได้ และหลังจากที่ผ่านการเดินเที่ยวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เดรโกที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านขายเครื่องมือดาราศาสตร์พร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่ก็เหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างเข้า ก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับเด็กสาวที่อยู่ข้างกาย

“ไปร้านนั้นกันเถอะ” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปยังร้านขายเสื้อผ้าสำหรับกันหนาว และเมื่อเด็กสาวข้างกายพยักหน้าให้เขาอย่างแปลกใจ เด็กหนุ่มก็กุมมือเธอพร้อมกับพาเธอเดินไปยังร้านดังกล่าว

ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาในร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องกันหนาวนี้ เด็กสาวก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอับภายในร้าน ราวกับร้านนี้เป็นที่สะสมของฝุ่นจำนวนมากเกินปกติเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของเสื้อผ้าและเครื่องกันหนาวที่ทำจากไหมพรมเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ถูกพับและวางเรียงกันอยู่บนตู้ที่สูงจรดเพดาน และที่แขวนอยู่บนราวและเสาสำหรับแขวนเสื้อผ้า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ก็ตาม แต่การได้มาอยู่ในห้องที่มีไหมพรมมากขนาดนี้ก็ไม่ได้สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ชอบเลย

“เธออยากมาซื้ออะไรเหรอ เดรโก” เด็กสาวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเธอเริ่มเดินดูของในร้านด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกลับเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่จะต้องมาอยู่ในร้านนี้เหมือนเธอ พลางนึกสงสัยว่าเดรโกต้องการจะมาซื้ออะไรในร้านนี้ เพราะเท่าที่เธอรู้เด็กหนุ่มได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเดินทางในครั้งนี้มาพร้อมแล้วทั้งของเธอและของเขา อีกทั้งอากาศที่ไอซ์แลนด์นี่ก็ไม่ได้หนาวอย่างที่เธอคิดไว้แม้แต่น้อย

“ฉันอยากดูอะไรนิดหน่อยน่ะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินหายไปหลังราวแขวนผ้าที่สูงเกือบเท่าศีรษะของเด็กสาว แต่อีกไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับของบางอย่างที่เลือกมาได้ ซึ่งเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นก็มีผ้าพันคอ เสื้อคลุมกันหนาว และถุงมืออีกสามคู่

เด็กสาวเลือกที่จะไม่ถามอะไรขณะที่มัลฟอยเอาของที่เขาเลือกซื้อไปคิดเงิน และไม่นานนักเด็กทั้งสองก็กลับออกมาที่ถนนอีกครั้ง ซึ่งในตอนนั้นเป็นเวลาใกล้มืดและอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเล็กน้อยแล้ว

“ฉันว่าเราไปแวะหาอะไรดื่มกันก่อนจะกลับไปกินอาหารเย็นที่ที่พักดีกว่าไหม” เดรโกพูด และเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้โต้แย้งข้อเสนอของเขา เด็กหนุ่มก็พาทาสสาวของเขาเดินไปตามถนนที่เริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนในยามเย็นมุ่งตรงไปยังร้านขายเครื่องดื่มเล็ก ๆ ที่ทั้งสองเดินผ่านในตอนขามา

ไม่นานนักเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้ามานั่งในร้านขายเครื่องดื่มที่มีลักษณะเป็นบาร์เล็ก ๆ ที่ตกแต่งด้วยไม้แบบเก่าแต่ดูสะอาดสะอ้าน เด็กหนุ่มเลือกที่นั่งด้านในสุดของร้านซึ่งเป็นบริเวณที่ปราศจากผู้คน เมื่อบริกรเดินมารับออเดอร์เขาก็สั่งบัตเตอร์เบียร์สองแก้วสำหรับเขาและเฮอร์ไมโอนี่ และหลังจากที่เด็กเสิร์ฟเดินไปแล้ว เดรโกจึงหันไปพูดกับทาสสาวของเขา

“เธอยากเดินซื้อของต่อไหม” เขาถามขึ้นเรียบ ๆ และเด็กสาวก็ส่ายหน้าเพราะคำถามนั้น

“ไม่หรอก แค่ที่ซื้อมานี่ก็เยอะแล้ว” เธอพูด “แล้วเธออยากไปที่ไหนอีกหรือเปล่าล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม และเดรโกก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ให้เธอ

“ฉันไม่ได้คิดไว้น่ะ นี่ก็ใกล้มืดแล้ว ฉันว่าเราคงมีเวลาเดินเที่ยวอีกซักนิดแล้วค่อยกลับที่พัก” เขาพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่างร้านที่ความมืดเริ่มปกคลุมเข้ามาแล้ว พลางคิดว่าที่ไอซ์แลนด์นี่มืดเร็วกว่าอังกฤษมากทีเดียว

“อันที่จริงฉันอยากคุยกับเธอบางเรื่อง” เดรโกพูดด้วยเสียงที่เบาลงพร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่มากขึ้น ราวกับว่าสิ่งที่เขาต้องการจะพูดกับเด็กสาวนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจกับท่าทีของเจ้านายของเธอ แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกมาเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยการปรากฏตัวของบริกรพร้อมกับบัตเตอร์เบียร์สองแก้ว และหลังจากที่เด็กเสิร์ฟส่งบัตเตอร์เบียร์ให้พวกเขาและเดินไปจากโต๊ะแล้ว เด็กหนุ่มจึงพูดต่อ ท่ามกลางสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเฮอร์ไมโอนี่

“เธอจำตอนที่เราเข้าไปซื้อหนังสือในร้านหนังสือกันได้ไหม” เดรโกพูดขึ้น และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าพยักหน้าเขาจึงพูดต่อ

“ฉันคิดว่าเจ้าของร้านเห็นตราที่มือของเธอตอนที่เธอส่งหนังสือให้เขา และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ด้วยว่ามันคืออะไร” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความวิตก ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนมือขวาของเธอไปกุมตราทาสที่มือซ้ายอย่างอัตโนมัติ สีหน้าของเด็กสาวดูตกใจไม่น้อยหลังจากได้ยินเรื่องดังกล่าว

“แล้ว.....แล้วเราจะทำยังไงดี” เธอถามคำถามแรกที่ผุดขึ้นในสมองออกมา ขณะที่เดรโกมีสีหน้าเคร่งเครียดราวกับเขากำลังใช้ความคิดอยู่

“มันไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก เพราะถึงยังไงเจ้าของร้านนั้นก็ไม่น่าจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอกับฉันเป็นใคร จากที่ฉันเห็นสีหน้าของเขาแล้ว เขาคงแปลกใจมากกว่าที่เห็นตรานั่นบนมือของเธอ” เดรโกอธิบาย และเฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าการที่มีชาวเมืองดัลวิกที่เป็นพ่อมดเห็นตราทาสบนมือของเธอนั้นอาจจะไม่ได้นำไปสู่การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองก็ได้ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายเจ้าของร้านคนนั้นจะเดาได้ว่าแท้จริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่เป็นใคร รวมทั้งเด็กหนุ่มที่เข้ามาซื้อของกับเธอในร้านนั้นแท้จริงแล้วเขาเป็นเจ้านายที่เป็นเจ้าของทั้งร่างกายและชีวิตของเธอ และตราทาสที่อยู่บนมือของเธอนั้นก็ย่อมาจากชื่อของเขา เดรโก มัลฟอยซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของลูเซียส มัลฟอย ผู้เสพความตายมือขวาของโวลเดอมอร์ เด็กสาวไม่คิดว่าแค่การเห็นตราทาสที่มีคำว่า D.M. อันเป็นชื่อย่อของเดรโกบนมือของเธอนั้นจะทำให้คนขายหนังสือคนนั้นสามารถเดาความสัมพันธ์รวมทั้งตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาทั้งสองได้ แต่สิ่งที่ทำให้ชายคนนั้นตกใจจากที่เดรโกบอก น่าจะเป็นเพราะเขาได้เห็นสัญลักษณ์ของคาถาศาสตร์มืดขั้นสูงที่มีคนเรียนรู้ใช้งานอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้นมากกว่า รวมทั้งเขาคงจะแปลกใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นทาสของพ่อมดหรือแม่มดคนใดคนหนึ่ง เพราะถ้าดูจากการที่เดรโกปฏิบัติกับเธอในร้านหนังสือแล้ว การกระทำของเขานั้นห่างไกลจากการปฏิบัติตัวระหว่างเจ้านายกับทาสมากทีเดียว
หลังจากที่ได้เข้าใจถึงเรื่องทั้งหมดแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รู้สึกหนักใจอีกต่อไป ตรงกันข้ามกับเดรโกที่ไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อยขณะที่เขาล้วงมือเข้าไปในถุงใส่ของที่ซื้อมาก่อนจะดึงอะไรบางอย่างออกมา

“พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันก็คิดว่าเราไม่น่าจะให้คนอื่นได้เห็นตราบนมือของเธออีก” เขาพูดพลางยื่นถุงมือสองสามคู่ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากร้านขายเสื้อผ้าให้เด็กสาว ถุงมือเหล่านั้นมีทั้งถุงมือแบบหนาที่ทำจากไหมพรมซึ่งเอาไว้ใส่ในเวลาที่อากาศหนาวและถุงมือแบบบางสำหรับใส่ในวันที่อากาศธรรมดารวมทั้งถุงมือหนังด้วย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองถุงมือทั้งสามคู่ตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเธอซึ่งกำลังมองเธอด้วยสายตาที่บอกให้เธอเลือกถุงมือคู่ใดคู่หนึ่งมาใส่เสีย และเมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงเอื้อมมือไปหยิบถุงมือแบบบางสีครีมขึ้นมาแล้วค่อย ๆ สวมมันลงบนมือของเธอ

“ถ้าเธอไม่อยากให้มีใครรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเรา เธอก็ไม่ควรจะพาฉันออกมาข้างนอกตั้งแต่แรกนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปก่อนที่เธอจะห้ามตัวเองได้ทัน และสิ่งที่เด็กสาวได้รับหลังจากที่ถ้อยคำดังกล่าวหลุดปากของเธอออกไปก็คือสายตาที่มีแววเจ็บปวดของเดรโกที่มองมาทางเธอ เด็กหนุ่มดูตกใจไม่น้อยกับคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ และมันต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งทีเดียวกว่าที่เขาจะตอบเธอออกไปได้

“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันอยากพาเธอมาเที่ยวที่นี่.....เธอก็รู้ว่าฉันอยากให้เราสองคนเป็นเหมือนคู่........เหมือนคนปกติทั่วไป” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าว เด็กหนุ่มเลือกที่จะละบางคำในประโยคสุดท้ายเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็สามารถเดาได้ว่าเจ้านายของเธอต้องการจะพูดคำว่าอะไรออกมา แน่นอนว่าเดรโกต้องการให้เขาและเธอเหมือนกับคู่รักปกติทั่วไปเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เด็กหนุ่มก็รู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาไม่มีวันจะเป็นเพียงคู่รักธรรมดา ๆ ได้เลย

และเมื่อรู้ว่าเธอได้พูดจาทำร้ายจิตใจมัลฟอยออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจแล้วนั้น เฮอร์ไมโอนี่จึงเอื้อมมือที่สวมถุงมือเรียบร้อยแล้วของเธอไปกุมมือใหญ่ของเด็กหนุ่มเอาไว้ เธอกลั้นหายใจก่อนจะพูดออกมา

“ฉัน......ฉันขอโทษ เดรโก ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอรู้สึกผิดจริง ๆ ขณะที่เดรโกเงยหน้าขึ้นสบตาเธอแล้วจึงพูดขึ้น

“ช่างเถอะ ฉันไม่โกรธเธอหรอก” เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ หากแต่ดวงตาสีเงินของเขายังคงแฝงไว้ด้วยแววปวดร้าว แต่แววปวดร้าวนั้นก็ปรากฏอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่ดวงตาคู่นั้นของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนมามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างหนักแน่นแทน

“ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่า สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือให้เธอมาอยู่ในฐานะคนรักของฉัน ไม่ใช่ในฐานะทาสแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมากกว่าอะไรทั้งหมด จนเฮออร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหาเหตุผลใด ๆ มาบอกตัวเองไม่ให้เชื่อเขาได้ ตรงกันข้ามคำพูดนั้นของเดรโกกลับทำให้เด็กสาวรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ราวกับคำพูดที่หนักแน่นและจริงใจของเขานี้เปรียบเสมือนตัวยาที่มาเยียวยาหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเธอซึ่งที่จริงแล้วบาดแผลเหล่านั้นล้วนแต่เกิดจากการกระทำของเด็กหนุ่มเองทั้งสิ้น ท่ามกลางความรู้สึกที่แปลกประหลาดนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าให้เดรโกเบา ๆ พร้อมกับบีบมือเขาเพื่อเป็นการบอกเด็กหนุ่มว่าเธอเชื่อในสิ่งที่เขาบอกกับเธอ แม้ในความเป็นจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่จะไม่แน่ใจว่าเดรโกจะสามารถช่วยรักษาบาดแผลภายในใจของได้หรือไม่ พอ ๆ กับที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเธอนั้นจะช่วยเด็กหนุ่มรักษาบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจของเขาได้มากแค่ไหน แต่เท่าที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ในตอนนี้ก็คือพวกเขาทั้งสองต่างผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายและช่วงเวลาที่เจ็บปวดมาด้วยกันทั้งสิ้น และถึงแม้ว่าในบางครั้งคนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายทำร้ายอีกคนให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเองก็ตาม แต่ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่อาจจะละทิ้งกันและกันได้ พอ ๆ กับที่พวกเขาไม่อาจจะหันหน้าไปหาใครได้นอกจากอีกฝ่ายเท่านั้น

และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาการเป็นมนุษย์หมาป่าของเดรโก รวมทั้งเรื่องของสงครามที่น่าจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน เธอไม่รู้เลยว่าทั้งเธอและเดรโกจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง และมีอะไรรอพวกเขาอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปพบเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์ หรือเรื่องแผนการของจอมมารที่ต้องการจะเอาเธอไปเป็นเหยื่อล่อให้เพื่อนรักของเธอมาติดกับซึ่งมันเป็นจุดประสงค์หลักที่นายลูเซียสจับตัวเธอมาตั้งแต่แรกก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ได้เพียงอย่างเดียวว่า สิ่งที่เธอสามารถทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คืออยู่เคียงข้างเดรโกและคอยปลอบโยนเขาเท่านั้น เช่นเดียวกับที่เขาก็จะคอยอยู่เคียงข้างเพื่อดูแลและปกป้องเธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสามารถดำเนินไปในทิศทางไหนต่อไปได้ เพราะนอกจากสัญญาทาสที่ได้ผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์แล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเดรโกนั้นจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนอกจากความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับทาสที่ทั้งสองเป็นอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่ แต่เท่าที่เธอรวมทั้งเดรโกรู้ดีก็คือพวกเขาจะต้องอยู่เคียงข้างและดูแลอีกฝ่ายไปแบบนี้ตราบชั่วนิรันดร์หรือจนกว่าความตายจะมาพรากพวกเขาออกจากกันนั่นเอง

ท่ามกลางกระแสความคิดที่สับสนนั้น เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งก็รู้สึกถึงสัมผัสที่มือของตนเมื่อเดรโกยกมือซ้ายของเด็กสาวขึ้นมากุมไว้และจุมพิตที่มือซึ่งสวมถุงมือของเธอเบา ๆ ก่อนจะยกมันขึ้นแนบแก้ม โดยให้ฝ่ามือด้านที่มีตราทาสอยู่นั้นแนบเข้ากับแก้มของเขา ขณะที่เด็กหนุ่มกระซิบขึ้นพร้อมกับมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาที่บอกว่าเธอเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา

“ฉันรักเธอ”

แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดที่แผ่วเบาแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน เด็กสาวยิ้มบาง ๆ กับถ้อยคำนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบออกไปว่าเธอเองก็รักเขาเช่นเดียวกัน แต่เธอก็ไม่ได้ทีท่าทีปฏิเสธถ้อยคำสารภาพรักดังกล่าวอีกต่อไป ราวกับว่าการที่เจ้านายของเธอมาบอกรักทาสที่ต่ำต้อยอย่างเธอนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด แทนคำตอบรับ เฮอร์ไมโอนี่ส่งยิ้มบ้าง ๆ ให้เดรโกพลางหยักหน้าอย่างรับรู้ในสิ่งที่เขาต้องการจะบอกเธอ ในตอนนี้เด็กสาวเข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์ฉันท์เจ้านายกับทาสของทั้งสองนั้นไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด เพราะมันสามารถทำได้เพียงแค่ผูกร่างกายของทั้งสองไว้ด้วยกันเท่านั้น แต่มันไม่อาจห้ามความรู้สึกรักใคร่ที่เดรโกมีต่อเธอได้
ใช่แล้ว ความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับทาสนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดอีกต่อไป เพราะในตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้แล้วว่าถึงร่างกายและอิสระภาพของเธอจะตกเป็นของเดรโก แต่ในขณะเดียวกันหัวใจของเด็กหนุ่มก็ตกเป็นของเธอเช่นเดียวกัน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่อาจจะขาดอีกฝ่ายได้ เพราะในขณะที่ร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหลบหนีไปจากเดรโกได้ตามสัญญาทาส หัวใจของเด็กหนุ่มก็ไม่อาจจะทนที่จะพรากจากเธอได้ และนี่คงจะถึงเวลาแล้วสินะที่เด็กสาวจะต้องยอมรับเสียทีว่าบางทีชะตากรรมอาจจะกำหนดมาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ร่วมกันตลอดไปอย่างที่ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถแยกจากอีกฝ่ายไปได้ และถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่แน่ใจว่าต่อไปเธอจะสามารถรักเดรโกอย่างที่เขารักเธอได้หรือไม่ แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ไม่อาจจะหลีกหนีความจริงที่ว่าเธอและเขาจะต้องอยู่เคียงข้างกันไปตราบชั่วนิรันดร์ได้เลย



*************************************************





คุยกันหลังอ่านนะคะ

ตอนใหม่นี้เป็นยังไงบ้างคะ มีความคิดเห็นยังไงแชร์กันเข้ามาได้นะคะ ฟิคเรื่องนี้ก็เดินทางมาใกล้ถึงตอนจบแล้วค่ะ ส่วนฟิคตอนหน้านั้นจะเป็นฉากปรากฏตัวของเฟรย่าแล้วค่ะ ซึ่งพิกจะลงให้ในอีกไม่เกิน 2 วีคนะคะ ช่วงนี้เปิดเทอมแล้ว พิกคงยุ่ง ๆ นิดหน่อย แต่จะพยายามหาเวลามาอัพบ่อย ๆ นะคะ




Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 20:25:37 น. 12 comments
Counter : 3983 Pageviews.

 
สนุกมากเลยค่ะ

อ่านวันเดียวตั้งแต่ตอนที่1ยัน30เลย

อยากอ่านตอนต่อไปมากเลยค่ะ ติดตามอยู่นะค่ะ

รีบๆอัพน้าาาาา :D



โดย: แนม IP: 1.2.174.45 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:47:24 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเม้นค่ะ อีกไม่เกิน 2 วีคคงอัพตอนต่อไปค่ะ ^^


โดย: piksi วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:21:37 น.  

 
เย่ ดีใจจังที่คุณพิกซี่อัพแล้วนะค่ะ คุณรู้หรือป่าว เราติดตามฟิกคุณมาตั้งแต่ประมาณปี48-49 ที่เว็บเด็กดีเลยละค่ะ แล้วรู้สึกคุณจะเขียนที่บอร์ดตัวกวนรึป่าวเราจำไม่ได้แล้วอ่า มันนานมากๆๆๆ ฮ่าๆ จำได้ว่าตอนอ่านเรื่องนี้คุณเพิ่งอัพลงไม่นานมีคนคอมเม้นยังไม่เยอะเลย 55555+ เราชอบแฮร์รี่พอตเตอร์มากๆๆและตอนนั้นก็เป็นช่วงบ้าอ่านฟิกๆ ของคุณสนุกที่สุดเลยค่ะ เราเปลี่ยนคอมมาสองเครื่องแล้วตามเก็บฟิกของคุณอ่าน มีตั้งแต่แรกที่คุณยังไม่แก้เนื้อหาด้วย 555555+ แต่หายไปแล้วเศร้าเพราะเราเปลี่ยนคอมใหม่

เราขอเป็นกำลังใจให้คุณอัพต่อไปนะค่ะ นิยายจะยาวนาน 10 ปีก็จะรอค่ะ จัดเต็มไปเลยนะค่ะ ไม่ต้องกลัวเนื้อหาจะรุนแรงจะไร ขอบคุณมากๆๆนะค่ะ ที่เขียนเรื่องสนุกให้อ่าน ขอบคุณจากใจมากๆๆเลยค่ะ ขอให้สร้างสรรค์จินตนาการของคุณโลดแล่นเป็นฟิกเนื้อหาแฮรี่อีกเยอะๆนะค่ะ

ป.ล. อ่อตอนนี้นอกจากแฮร์รี่ เราก็คลั่งทไวไลท์ด้วย แนะนำฟิกเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ ลองเขียนดูนะค่ะแล้วจะตามอ่านแน่นอนเลยค่ะ ^^


โดย: kwanggalo วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:3:16:21 น.  

 
เย้ๆ อัปแล้วๆ ลุ้นมากคะอยากเจอเฟรย่าแล้ว
ไม่รู้เฮียจะหายมั้ย แล้วจะจบยังไง โอ้ยๆเข้มข้นจิงๆ
เรื่องนี้แพรรี่ติดตามมานาน ชอบมากคะ
แวะมาดูแทบทุกวัน พี่พิกไม่ต้องขอโทษหรอกนะคะ
พี่ยุ่งๆเรื่องเรียน เรื่องสอบ คนอ่านทุกคนเข้าใจค่ะ
แพรรี่เป็นกำลังใจให้พี่พิกนะคะ สู้ๆ ^____^
ปล.ฝากเรื่องMy Tearด้วยนะคะ ถ้าแต่งเรื่องนี้จบ


โดย: PearyHermione IP: 206.53.148.241 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:46:10 น.  

 
ชอบฟิคทุกเรื่องเลยแต่ชอบเรื่องนี้มากที่สุด
รออัพอยู่นะคะ


โดย: Dramione IP: 182.53.221.69 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:35:26 น.  

 
พี่พิคคะสองอาทิตย์ตามสัญญาแล้วนะ

แวะมาดูทุกวันเลยอยากอ่านตอนต่อไปแย่แล้ว

รีบอัพหน่อยนะคะ


โดย: Dramione IP: 182.53.217.3 วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:3:59:36 น.  

 
3 อาทิตแล้วนะค่ะ

จะลงแดงแล้วน้าาาาาาาาา


โดย: แนม IP: 1.2.136.131 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:17:48:16 น.  

 
เดือนกว่าแล้วค่ะ เมื่อไหร่พี่พิกจะอัพหว่า รออ่านอยู่นะคะ


โดย: Dear IP: 182.53.208.2 วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:14:11:07 น.  

 
เอิ่ม ๆ เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองหรือว่ามีวางขายใน ซีเอ้ดบุ๊ค ค้ะ ? อยากทราบ เพราะสนุกมากๆๆๆ


โดย: Momay IP: 49.49.64.223 วันที่: 24 มกราคม 2556 เวลา:17:39:40 น.  

 

@Momay เป็นเรื่องที่แต่งเองไม่ได้ไปก็อปใครมาค่ะ อีกอย่างฟิคเนี่ยก็ตีพิมพ์ไม่ได้ด้วยค่ะ


โดย: piksi วันที่: 25 มกราคม 2556 เวลา:20:34:34 น.  

 
นุกมากกกกก
😄😍😍😍😍


โดย: Ploy IP: 171.97.162.200 วันที่: 22 กันยายน 2557 เวลา:18:33:53 น.  

 
คุณต้องการซื้อไตหรือต้องการขายของคุณ
¿ไต? เป็นคุณ
กำลังมองหาโอกาสที่จะขายไตของคุณเพื่อเงิน
เนื่องจากการเสียทางการเงินและคุณไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร
ทำแล้วติดต่อเราวันนี้และเราจะให้คุณดี
จำนวนเงินสำหรับไตของคุณ ฉันชื่อ Doctor UMAR
ฉันเป็น Nephrologist ที่ UMAR Clinic คลินิกของเราคือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดไตและเรายังรักษา
การซื้อและปลูกถ่ายไตด้วย
ผู้บริจาคที่สอดคล้องกัน
เราอยู่ในอินเดียตุรกีไนจีเรียสหรัฐอเมริกามาเลเซียดูไบคูเวต
หากคุณสนใจในการขายหรือซื้อไตกรุณาอย่า
อย่าลังเลที่จะติดต่อเราผ่านทางอีเมล
อีเมล: doctorumarclinic@gmail.com

อย่างตั้งอกตั้งใจ
DR UMAR


โดย: DR UMAR IP: 188.165.201.164 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2560 เวลา:5:11:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.