Group Blog
 
All Blogs
 

คุณว่าใครทำลายชาติ และสถาบันตัวจริงเสียงจริงกันแน่ครับ

ทำไมผมถึง ไม่เห็นด้วยและต้องต่อต้านการกระทำของพวกคุณ พวกคุณในที่นี้ ผมหมายถึงกลุ่มคนทั้งหมดที่กำลังทำลายประเทศไทยของผม นับตั้งแต่ผมเกิดมาเป็นคนไทย ที่มีสัญชาติไทย ผมไม่เคยได้ฟังพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัว ในลักษณะนี้มาก่อน เพราะทุกครั้งที่ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท พระองค์ท่าน จะทรงพระราชทานในลักษณะของปริศนาธรรม หรือเรื่องเล่า เพื่อให้ลูกหลานไทยได้นำกลับไปคิด แต่ในคราวนี้พระองค์ท่านกลับมีพระบรมราโชวาทในลักษณะที่ตรงประเด็นไม่มีการ อ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอพระราชหฤทัยอย่างมาก กับการกระทำของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่กำลังมีบทบาทอยู่ในขณะนี้ เช่นมีกระแสะพระราชดำรัสว่า “การขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษนะ แบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล”หรือข้อความบางตอนที่ว่า “ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก เอะอะอะไรก็ขอนายกฯ พระราชทาน” ซึ่งพระองค์ท่านไม่เคยที่จะแสดงความรู้สึกของพระองค์เช่นนี้มาก่อน ว่าพระองค์ท่านทรงมีความรู้สึกอย่างไร แล้วใครครับที่ต้องแสดงความรับชอบ ไม่ต้องมีเลยหรือครับ นี่คือสังคมไทยหรือครับ คนที่ทำผิดอยู่ตำตา แต่ยังคงเดินหน้าด่าว่าคนอื่นๆ ว่าทำผิดทำเลว ทั้งๆที่สิ่งที่ตนเองและพวกพ้องทำอยู่นั้น มันมากเกินกว่าการผิดพลาดธรรมดาไปมากต่อมากแล้ว มีใครคิดว่าตนเองจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้บ้างครับ

ผมเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้ง หมด เป็นเพียงการสนองตอบ ต่อความต้องการของบุคคลกลุ่มเดียวเท่านั้น ที่อยู่ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป ที่พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548 ต่อ พรรค ไทยรักไทย เรื่องทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้นจริงๆ ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น ตามมาดูครับ ผมจะไม่พูดถึงการโจมตีท่านนายกทักษิณ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องจากพลพรรคต่างๆที่รวมหัวกัน ใครผิดใครถูกรอเวรกรรมละกัน แต่สิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า พรรค ปชป และพรรคพวก มีการกระทำที่ส่อไปในทางทำลายสถาบันหลักของชาติ และทำลายท่านนายกทักษิณนั้น มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งบอกเหตุ

ถ้ายัง จำได้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีการถวายฎีกา โดยเป็นการถวายคืนพระราชอำนาจของพระองค์ นี่คือการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ถือว่าเป็นการกดดันครั้งที่ 1 (สิ่งที่ผมเรียกว่าเป็นการกดดันนั้น ก็คือการที่ต้องการให้พระองค์ท่าน ถูกตำหนิในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ เช่นการเสนอคืนพระราชอำนาจนั้น จริงๆแล้วทำได้หรือ มีหรือกลุ่มคนชั้นสูงพวกนี้จะไม่เข้าใจ เหตุผลที่ทำ มีเพียงเพื่อต้องการดึงสถาบันหลักของชาติ ให้ลงมาคลุกฝุ่นกับพวกตนเท่านั้น รู้ทั้งรู้ว่าพวกสื่อเมืองนอก ต้องหาทางทำลายชาติเราอยู่แล้ว ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง พวกเขาก็มีเรื่องเขียนทำลายสถาบันได้อย่างเสรี) แต่พระองค์ท่านทรงยกฎีกาฉบับนั้น ด้วยการทรงไม่ตอบรับใด ๆทั้งสิ้น แต่บุคคลกลุ่มนี้ยังคง กดดันให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระราชทานนายกรัฐมนตรีตาม ม 7 ลงมาให้ได้ โดยขบวนการนี้ ก็กระทำการอันเป็นการกดดันพระองค์ท่านอีก ด้วยการรวบรวมรายชื่อของบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงทางสังคม ตลอดจนเหล่าบรรดาราชสกุล อาจารย์ นักวิชาการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 96 คน คนเหล่านี้ได้ร่วมกับบุคคลที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ร่วมกันทูลเกล้าถวายฎีกา เพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกเป็นครั้งที่ 2

แต่ อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ยังทรงนิ่งเงียบ กับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และขบวนการดังกล่าวนี้ ก็ได้เพิ่มความกดดันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นไปอีก ด้วยการไม่ยอมย้ายที่ชุมนุมประท้วง (เพื่อไล่รัฐบาลของท่านนายกทักษิณ) ออกจากบริเวณสถานที่จัดงานกาชาด ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกๆปี ทั้งที่เป็นงานการกุศลของชาติ และมีสมเด็จพระเทพฯ เป็นองค์ประธานในการจัดงานด้วย ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลุ่มคนพวกนี้ ยังคงไม่สำนึกใดๆทั้งสิ้น แต่ในภายหลังคนกลุ่มนี้ถูกกระแสสังคมกดดันมากยิ่งขึ้น จึงต้องยอมย้ายสถานที่ในการชุมนุม นี่คือการกดดันครั้งที่ 3 ที่กลุ่มคนพวกนี้กระทำต่อพระองค์ท่าน ทุกท่านครับเหตุการณ์ต่างๆถ้าเราไม่คิดไม่ใส่ใจ บางทีความสูญเสียและผลที่ตามมา มันก็มากมายเกินคาด ผมคิดว่าเราต้องเฝ้ามองกันต่อไปครับ

และการกดดันครั้งที่ 4 น่าจะเป็นการที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้จัดขบวนคาราวาน “เรารักในหลวง” เพื่อเดินทางไปยังพระราชวังไกลกังวล (มีใครไปบ้างครับจำได้ไหม) อันเป็นที่ประทับของพระองค์ท่าน โดยคาดว่าจะมีผู้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 10,000 คน และในเวลาเดียวกัน เสือร้ายที่ซ่อนตัว ตอนนี้ออกทำหน้าที่แล้วครับ หลังจากแอบซ่อนอยู่ข้างหลัง อยู่เป็นนานสองนาน และในวันเดียวกันนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีกำหนดการปราศัยใหญ่ในวันเดียวกัน ณ โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อร่วมกันกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กดดันครั้งที่ 4) ให้พระองค์ท่านทรงพระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามที่พวกตนเองต้องการ และไม่ต้องถามความในใจของคนกลุ่มนี้นะครับ ว่าจริงๆแล้วต้องการอะไร ต้องการนายกจริงๆ หรือว่าต้องการทำลายสถาบันหลักของชาติกันแน่ ทุกท่านมีคำตอบในใจหรือยังครับ ลองคิดต่อซิครับ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงพระราชทาน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความวุ่นวายในชาติจะมีมากแค่ไหน ข้ออ้างความชอบธรรมในเรื่องต่างๆ เราจะบอกกับต่างชาติอย่างไร สิ่งเดียวที่พอมองเห็นก็คือ เขาต้องการสร้างความแตกแยก ให้เกิดขึ้นในประเทศของเราเท่านั้น และจะเป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงที่สุด ทั้งภายในและภายนอกประเทศ

และในตอนหลัง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีพรรค ปชป และพวกนักวิชาการไร้สำนึก สนับสนุนอยู่นั้น ได้แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีก เช่น นางสาว รสนา ว่าที่ สว.กรุงเทพมหานคร บังอาจกระทำการอันเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งเป็นการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ เท่ากับเป็นการไม่เคารพพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์นั่นเองนี่คือการท้าทาย ครั้งที่ 5 และในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินผ่านบริเวณ ถนนราชดำเนิน เพื่อไปยังพระบรมมหาราชวัง เนื่องในวโรกาสวันจักรี ในวันที่ 6 เมษายน 2549 นั้น พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร ฯ กลับกล่าวว่า พวกตนจะต้องไปปรึกษากลุ่มแกนนำก่อน ว่าจะยอมให้พระเจ้าอยู่หัวทรงผ่านไปในสถานที่ตรงนั้นได้หรือไม่ ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสิทธิที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปในทุกตารางนิ้วในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใครๆ เพราะแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วเป็นของพระองค์ท่าน เราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่กลุ่มพันธมิตรบังอาจกระทำการกระด้างกระเดื่องต่อพระองค์ท่าน นี่คือการกดดันครั้งที่ 6 สังเกตุให้ดีเราจะเห็นว่าการกระทำทุกเรื่อง มักจะสอดรับกับหลายๆองค์กร ที่มักจะเป็นไปในลักษณะร่วมกันตีแยกกันเดิน

ทุก ท่านครับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงหาได้มีความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงค์ศานุวงค์ แม้แต่น้อย แต่ในทางกลับกัน เป้าหมายหลักของคนกลุ่มนี้ หาใช่เพียงแต่ต้องการที่จะโค่นล้มรัฐบาลเท่านั้น แต่เป้าหลักที่แท้จริงคือต้องการโค่นล้มสถาบันหลักของชาติ เพื่อที่ตนเองจะสามารถครอบงำประเทศไทยของเราได้เท่านั้น

และ เวลาที่เหล่าคนไทยที่มีความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เรารอคอยก็มาถึง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานวโรกาส ให้ ประธานศาลฎีกา และ ประธานศาลปกครองสูงสุด เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และได้พระราชทานพระบรมราโชวาทที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของประเทศ และเกี่ยวข้องกับการใช้มาตรา 7 ที่มีการทูลเกล้าถวายฎีกา ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ซึ่งพระองค์ทรงเห็นว่าผิด ไม่ได้เป็นไปตามการปกครองระบบประชาธิปไตย การที่จะใช้มาตรา 7 นั้นจะอ้างไม่ได้ การขอนายกพระราชทานไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ มั่ว ไม่เป็นเหตุเป็นผล และมีกระแสพระราชดำรัสว่า เป็นการสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะจะมีผู้คนติฉินนินทา ว่าพระองค์ทำอะไรตามใจ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และพระองค์ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์อยู่ ไม่เคยปฏิบัติอะไรตามใจตนเองเลย และยังมีกระแสพระราชดำรัสต่อไปอีกว่า เอะอะอะไรก็จะกู้ชาติ กู้ชาติ เดี๋ยวนี้มันไม่จม จะมากู้ชาติทำไม แต่ต้องป้องกันไม่ให้ชาติจม จะได้ไม่ต้องกู้ชาติ และในท้ายที่สุดก็ได้มีกระแสพระราชดำรัสว่า ถ้าทำหน้าที่ให้ดี ก็ไม่ต้องกู้ชาติ


แต่บุคคลที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ยังหาได้แสดงความรับผิดชอบใด ๆ ไม่ แต่ยังได้บังอาจกระทำการอันเป็นการทำลายชาติ และทำลายพระองค์ท่านอยู่ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น วันที่ 25 เมษายน 2549 พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสว่า

“ดังนั้น ก็ขอให้ไปปรึกษากับศาลอื่นๆ ด้วย จะทำให้บ้านเมืองปกครองแบบประชาธิปไตยได้. อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกพระราชทาน เพราะขอนายกพระราชทาน ไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย. ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก ที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทานนายกพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย. ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด. มันอ้างไม่ได้. มาตรา 7 มี 2 บรรทัดว่า อะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีหรือตามที่เคยทำมา ไม่มี เขาอยากจะได้นายกพระราชทานเป็นต้น. จะขอนายกพระราชทานไม่ใช่เป็นเรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษพูด แบบมั่ว แบบไม่มี ไม่มีเหตุมีผล. สำคัญอยู่ที่ท่านที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่ ที่แจ่มใส สามารถ ควรที่จะสามารถที่จะไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ. คือ ปกครองต้องมี ต้องมีสภา สภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วน เขาว่าไม่ได้. แต่ก็เขา แต่อาจจะหาวิธีที่จะ ที่จะตั้งสภาที่ไม่ครบถ้วน และทำงาน ทำงานได้. ก็รู้สึกว่ามั่วอย่างที่ว่า. ต้องขอโทษอีกทีนะ ใช้คำว่ามั่ว ไม่ถูก ไม่ทราบใครจะทำมั่ว แต่ว่าปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ที่จะคิดอะไรแบบ แบบว่าทำปัดๆ ไป ให้เสร็จๆ ไป. ถ้าไม่ได้ เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอย่างอื่น เพราะพระมหากษัตริย์ ไม่ ไม่มีหน้าที่ที่จะไปมั่ว.ก็เลยขอร้องฝ่ายศาลให้คิดช่วยกันคิด”


และ ดูการกดดันพระองค์ท่านครั้งที่ 7 ของพรรค ปชป และพวกสิครับ ดังข้อความข้างล่าง พรรค ปชป ออกแถลงการณ์นี้ เมือวันที่ 27 มิถุนายน 2549 นี้ครับ

." พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่า การเสนอใช้มาตรา 7 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกประการตามคำชี้แจงข้างต้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ยอมรับว่าเงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอเรื่องการใช้มาตรา 7 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ จึงเป็นเรื่อง.........ไร้เหตุผล.......ที่จะกล่าวหาว่า เป็นข้อเสนอที่ขัดกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ...."


ลอง อ่านและคิดครับ พรรค ปชป เขาบอกออกมาว่า ไร้เหตุผล เขาว่าใครไร้เหตุผลครับ ถ้าไม่มีพระราชดำรัสออกมาก่อนหน้านี้ พรรค ปชป จะว่า จะทำ จะเสนออะไร ก็น่าจะไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่ตอนนี้ทุกคนน้อมรับ พระราชดำรัสกันหมดแล้ว และยังหวังว่า บ้านเราจะเดินหน้าไปได้ แต่พอมาวันนี้ พรรค ปชป ก็ออกมาบอกแบบนี้อีก ผมเองทนไม่ได้ครับ พอผมบอกออกมามันก็ไม่ดีอีก ที่ผมนำเรื่องเลวๆแบบนี้มาขยายความต่อ แต่ถามว่าถ้านิ่งเงียบไว้ อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตครับ หรือว่าปล่อยไปตามปกติ แล้วอย่างนั้นพรรค ปชป และพวก ก็จะทำลายสถาบันหลักของชาติไปได้เรื่อยๆ โดยที่มีคนไทยทั้งหลายนั่งดู จะเอาอย่างนั้นหรือครับ

โดยคุณ chiangraiplus




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 6:25:55 น.
Counter : 619 Pageviews.  


my-op
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add my-op's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.