สูตรการออมที่จะไม่เป็นภาระกับคุณ
สูตรการออมที่ไม่เป็นภาระหนัก เริ่มต้นกำหนดเงินออม โดยพิจารณาจากเงินเดือน หักค่าใช้จ่ายจำเป็นที่เหลือจะเป็นตัวเลขที่คุณสามารถออมได้โดยไม่เป้นภาระหนักเกินไป จากนั้นให้มองหาแหล่งลงทุนที่จะช่วยเพิ่มเงินออมของคุณ โดจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของคุณ และภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน ด้านล่างเป็นตัวอย่างแนะนำการจัดการสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม ส่วนที่1 : ออมเงินในระบบการออมเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์จากการจ่ายเงินสมทบของรัฐบาลและนายจ้าง เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่จะมีผลประโยชน์ด้านส่วนลดภาษี ส่วนที่2 : ลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ก็มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย ดังนั้นหากคุณไม่มีความชำนาญพอ ควรเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมจะปลอดภัยกว่า ส่วนที่3 : ลงทุนในแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยพิจารณาให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าตัวเลขเงินเฟ้อ หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม ส่วนที่4 : ลงทุนในหลักประกันต่างๆ เช่นประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันรายได้ และประกันการว่างงาน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ประกันเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องรบกวนเงินออม ส่วนที่5 : เก็บเงินไว้ในธนาคาร พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และตราสารทางการเงินต่างๆ เพื่อสร้างสภาพคล่อง เผื่อไว้ในกรณีเกิเหตุจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉินขึ้นมา รูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ให้พิจารณาถึงความสามารถในการหารายได้เป็นหลัก จากนั้นจึงนำเอาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ความถนัดในการลงทุน มาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ ซึ่งโดยหลักแล้ว รูปแบบการลงทุนที่เหมาะในแต่ละช่วงวัยมีรายละเอียดดังนี้ ช่วงอายุ 25 35 ปี : วัยเริ่มต้นทำงาน จนถึงเริ่มต้นชีวิตคู่ ยังไม่มีภาระอะไรมากนัก อีกทั้งความสามารถในการหารายได้สูง แบกรับความเสี่ยงได้มาก ควรลงทุนในหุ้น 75 % ตราสารหนี้ 25 % เพื่อให้เงินออมมีขนาดความสามารถในการเพิ่มค่าสุงสุด ช่วงอายุ 36 45 ปี : ความสามารถนการหารายได้สูงสุด แต่แบกรับความเสี่ยงได้น้อยลงเพราะภาระการเลี้ยงดูบุตร และสร้างครอบครัว ควรลงทุนในหุ้น 55 % ตราสารหนี้ 45 % ช่วงอายุ 46 55 ปี : ภาระค่าใช้จ่ายเริ่มลดลง แต่ความสามารถในการหารายได้ก็ลดถอยลงตามไปด้วย ควรลงทุนในหุ้น 35 % ตราสารหนี้ 65 % ช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไป : ความสามารถในการหารายได้ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ จึงควรลงทุนในหุ้น 25 % ตราสารหนี้ 75 % กระนั้น แม้อยู่ในวัยเกษียณแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจไม่สามารถหารายได้ได้ด้วยตนเองเลย เรี่ยวแรงในการทำงานอาจจะลดน้อยลง แต่เงินออมที่มีอยู่ยังสามารถทำงานแทนคุณได้ การแบ่งสว่นเงินออมไปลงทุนในแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูง จะทำให้คุณยังคงมีรายได้อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีเงินปันผลจ่ายทุกปีและกระจายการลงทุนไปในทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม ทีนี้เราลองมาสำรวจพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ ลองถามตัวคุณเองว่า ทุกวันนี้คุณเป็นคนที่มีลักษณะการใช้เงินแบบไหน ชักหน้าไม่ถึงหลังหรือไม่ ใช้เงินเกินตัวหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณคงต้องลองทำบัญชีรายได้ รายจ่าย ของคุณดู แล้วลองดูว่ารายการใดที่สามารถตัดทิ้งได้ ก็ให้ตัดทิ้งไป แบ่งสัดส่วนการใช้เงินดูนะครับ ตัวอย่างเช่น - ค่าที่อยู่อาศัย 20 % - ค่าอาหาร 20 % - ค่าเดินทาง 10 % - ค่าเสื้อผ้า เครื่องประดับ 10 % - ค่ารักษาพยาบาล 5 % - ค่าผักผ่อน/ สันทนาการ / เอนเตอร์เทน 10 % - การกุศล 5 % - ออมและลงทุน 20 %
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2556 21:46:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 616 Pageviews. |
|
|
|