พอเรารู้หลักการคร่าวๆ แล้วเรามาเริ่มลุยคัดกองทุนกันเลย โดยผมจะขอคัดเฉพาะกองทุนหุ้นเป็นหลักนะครับ แต่เนื่องจากกองทุนมันมีเยอะมาก ผมเลยจะขอใช้ตะแกรงร่อนกองทุนออกก่อน เหลือเพียงไม่กี่กองเท่านั้น โดยตระแกรงที่ว่าคือ คัดเลือกเฉพาะกองที่มีผลการดำเนินงานชนะ SET TRI (ไม่ใช่ SET Index นะ)
SET TRI ดัชนีผลตอบแทนรวม คือ การคำนวณผลตอบแทนทุกประเภทของการลงทุนในหลักทรัพย์ให้สะท้อนออกมาในค่าดัชนี ทั้งผลตอบแทนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ที่ลงทุน (Capital gain/loss) สิทธิในการจองซื้อหุ้น (Rights) ซึ่งเป็นสิทธิที่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งมักจะให้สิทธิซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ขณะนั้น และเงินปันผล (Dividends) ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีสมมติฐานเพิ่มเติมว่าเงินปันผลที่ได้รับนี้จะถูกนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ด้วย (Reinvest)
จะเห็นว่า SET TRI นั้นมีผลตอบแทนสะสมที่สูงกว่า SET Index ดังนั้นกองทุนที่ชนะ SET Index อาจจะแพ้ SET TRI ก็ได้ ภาพบนคือ SET TRI ที่คำนวนโดยตลาดหลักทรัพยืแห่งประเทศไทยที่เริ่มทำตั้งแต่ปี 2002 แต่ภาพล่างคือ SET TRI ที่ผมคำนวนเองเริ่มตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้นผมจึงขอใช้ดัชนี SET TRI เป็นเครื่องมือคัดกรองทุนนะครับ โดยจะขอพิจารณาที่ บลจ. ก่อน โดยจะนำผลการดำเนินงานของกองทุน LTF แบบ Active Fund ของแต่ละ บลจ. มาถ่วงน้ำหนักด้วย Fund Size เพื่อหาผลการดำเนินงานรวมว่าแต่ละ บลจ. ว่ามีฝีมือในการบริหารงานมากขนาดไหน ซึ่งจะพบว่ามีเพียง 6 จาก 19 บลจ. ที่มีผลการดำเนินงานกองทุน LTF ชนะ SET TRI และจะเห็นว่า บลจ. ที่มีคนซื้อมากที่สุดกว่า 3 หมื่นล้านนั้น มีผลการดำเนินงานรั้งท้ายเลยทีเดียว แสดงให้เห็นชัดว่าคนส่วนใหญ่เลือกซื้อกองทุน แต่ไม่ได้ดูผลการดำเนินงานเลย
แต่เมื่อเรามาพิจารณารายกองทุนแทนก็จะได้ตามภาพด้านล่าง พบว่ามีเพียง LTF 9 กองทุนเท่านั้นที่มีผลการดำเนินงานชนะ SET TRI
แล้วเมื่อเรานำผลการดำเนินงานของ 9 กองทุน LTF ที่ชนะ SET TRI โดยนำมาดูผลการดำเนินงานรายปี แล้วพิจารณาผลตอบแทนส่วนต่างจาก SET Index เพื่อดูความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงาน โดยจะพบว่า B-LTF และ KK LTFD นั้นมีผลการดำเนินงานที่มีความผันผวนกว่า SET Index อย่างมากโดยดูจาก S.D. หรือ Standard Deviation ที่สูงผิดปกติ และเมื่อนำค่าเฉลี่ยของส่วนต่างจะพบว่า VALUE-D LTF ของ UOBAM มีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด
จะสังเกตุว่าแต่ละ บลจ. จะมีกองทุน LTF ส่งเข้าท้าชิง บลจ. ละ 1 กองทุนเท่านั้น แต่ของค่าย ING เก่าหรือปัจจุบันคือ UOB ที่มา Take Over ไปเข้าท้าชิงถึง 3 กองทุน และติด Top 3 ถึง 2 กองทุน คือ VALUE-D LTF และ CG-LTF และ BIG CAP-D LTF ตามลำดับ แต่สิ่งที่เราต้องติดตามคือต่อจากนี้ไปเมื่อ UOB Take Over ING ไปแล้วจะทำให้ฝีมือการบริการของ ING เปลี่ยนไปหรือไม่