Cute Sanrio Glitter Graphics
Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 1 มาเก๊า



ทริปนี้เดินทางตั้งแต่วันที่ 18-21 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมานี้ แต่ก็เพิ่งจะมารีวิวการเดินทาง ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างนะคะ ถ้าไงเพื่อนๆก็คอย update ข้อมูลด้วยละกันนะคะ



เอาล่ะเริ่มเลยละกันนะคะ จำได้ว่าัวันแรกแทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะยังจัดกระเป๋าไม่เสร็จ(เฮ้อ! ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง) วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ค่ะ เพื่อให้ไปถึงสุวรรณภูมิตอนตี 5 เพราะเครื่องออกเดินทางไปยังมาเก๊าตอน 7 โมงเช้าค่ะ



พอไปถึงสุวรรณภูมิไม่ต้องเช็คอินค่ะ โหลดกระเป๋าได้เลย โดยไปที่เคาน์เตอร์ Row : D19 ได้เลยค่ะ ( เพราะใช้บริการเวบเช็คอินของแอร์เอเชียไปแล้วค่ะ ซึ่งแอร์เอเชียจะเปิดให้เช็คอินล่วงหน้า 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทางค่ะ ที่ใช้บริการเช็คอินก่อนเพราะอยากนั่งด้วยกันค่ะ แล้วก็อยากได้ที่นั่งติดหน้าต่างด้วยค่ะ แล้วก็ได้ผลอย่างที่ต้องการเลย)




ลืมบอกไปเคาน์เตอร์ของแอร์เอเชียอยู่ที่ประตูทางเข้าที่ 2 นะคะ (เคาน์เตอร์เช็คอินจะอยู่ช่อง E ค่ะ (กรณีที่ไม่ได้เข้าเวบเช็คอินก่อน)




(คนที่ใช้บริการเวบเช็คอินแล้วไม่ได้ปริ้นท์ Bording pass ก็ให้ไปที่ Row E ก่อนเหมือนเช็คอินปกตินะคะ แต่ดีกว่าคนที่ไม่ได้เช็คอินล่วงหน้าคือ คุณได้ที่นั่งแน่นอนแล้วนั่นเองค่ะ เพียงแต่เสียเวลาไปเข้าแถวตรงที่เค้าเช็คอินกันเยอะๆนั่นแหละค่ะ)




เคาน์เตอร์ที่โหลดกระเป๋าจริงๆแล้วเปิดบริการตอนตี 5 นะคะ พนักงานน่ารักมาก วันนั้นเอ๋ไปถึงตอนตีสี่ครึ่งเค้าก็ให้บริการนะคะไม่ว่าอะไรเลย น่ารักมาก แค่ยื่น Bording pass ที่เราปริ้นท์เก็บไว้ตอนเข้าเวบเช็คอินแค่นั้นแหละค่ะ แล้วพนักงานเค้าก็จะโหลดกระัเป๋าใต้เครื่องให้ พร้อมกันนั้นก็จะยื่นใบ ตม. ขาออกประเทศไทยให้ เพื่อให้เราไปยื่นที่ ตม. ก่อนเข้า Gate ค่ะ กรอกเสร็จก็ไปต่อแถวที่ตรง ตม.ได้เลยค่ะ ดูแถวให้ดีนะคะ เค้าจะแบ่งแถวสำหรับคนต่างชาติ และสำหรับคนไทยไว้ค่ะ ถ้าเห็นฝรั่งต่อแถวอยู่ ก็ไม่ต้องต่อคิวกับเค้านะคะ เราต้องไปอยู่อีกแถวนึงค่ะ





การกรอกใบ ตม.ขาออกประเทศไทย วันนั้นเอ๋เขียนเป็นภาษาไทยค่ะ ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ว่าอะไรนะคะ ตอนแรกนึกว่าเสียใช้ไม่ได้ เพราะต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษซะอีก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ พอผ่านพิธีการที่ ตม. เสร็จ ก็เข้าไปเดินเล่นที่ Duty Free ได้เลยค่ะ อย่าเดินจนเพลินนะคะ เพราะแอร์เอเชีย Gate อยู่ไกลค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันตอนเค้าเรียก bord ค่ะ







แล้วเค้าก็เรียกบอร์ดตอนประมาณ 6.30 น. ค่ะ แล้วก็จะขึ้น Shuttle bus ไปขึ้นเครื่องบินอีกที ดีนะคะวันนั้นได้ที่นั่งไม่ได้อยู่ตรงปีก แต่อยู่ก่อนปีกแถวนึงเลยเห็นวิวได้ชัดเลยค่ะ


ตอนอยู่บนเครื่องแอร์เค้าจะแจกใบตม. ขาเข้ามาเก๊า+ใบตรวจโรคให้นะคะ กรอกให้เรียบร้อยเลยจะดีกว่า





ช่องที่เค้าให้กรอก Home Address เอ๋กรอกแค่ Wang Thonglang , Bangkok แค่นั้นแหละค่ะ

ส่วนช่องที่เค้าให้กรอก Address in Macau ใส่ชื่อโรงแรมที่เราจะไปพัก+ ชื่อถนนก็พอค่ะ ไม่ต้องกรอกข้อมูลให้ยืดยาว (เอ๋กรอกแค่ Man Va Hotel , Rua da Felicidade )



เบอร์โทรศัพท์ต้องกรอกนะคะ กรอกเบอร์มือถือที่ไทยก็ได้(กรณีไม่มีซิมมาเก๊า) หรือจะกรอกเบอร์มั่วๆก็ได้ ถ้าไม่กรอกเจ้าหน้าที่เค้าจะบังคับให้กรอกค่ะ



ถ้าเอ๋จำไม่ผิดเดี๋ยวนี้ใบ ตม. ของมาเก๊า(หรือของฮ่องกงหว่า?) เป็นกระดาษก็อปปี้นะคะ คือใบขาเข้าอยู่แผ่นบน ใบขาออกอยู่แผ่นล่าง ไม่ต้องกรอก 2 ใบ(ขาเข้าใบนึง ขาออกอีกใบนึง)เหมือนเมื่อก่อน เก็บให้ดีละกันค่ะ แต่ถ้าหายก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอใหม่ได้ตอนที่เราประทับตราออกมาเก๊าไงคะ



นั่งอยู่บนเครื่องก็อย่าลืมปรับเวลาให้เป็นเวลาท้องถิ่นด้วยนะคะ ที่มาเก๊าเวลาเร็วกว่าประเทศไำทย 1 ชั่วโมงค่ะ ตอนนั่งอยู่บนเครื่อง ดูวิวทะเลเมฆไป นั่งจิบกาแฟไปมีความสุขมากๆค่ะ(กาแฟบนเครื่องแบบ 3 in 1 แก้วละ 40 บาทค่ะ) มองไปแล้วเห็นทะเลเมฆสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีคราม มันสวยจริงๆเลยค่ะ ดูยังไงก็ไม่เบื่อค่ะ ไม่ง่วงเลยค่ะ แอบอิจฉานกตั้งหลายที คริ คริ




นั่งชมความงามได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินมาเก๊าแล้วค่ะ ก่อนเครื่องลงเอ๋ว่าน่าหวาดเสียวนะคะ เพราะเครื่องมันจะต้องร่อนลงทะเลอ่ะค่ะ เนื่องจากมาเก๊ามันเป็นเกาะ โอ้! ตอนนั้นก็นั่งนิ่งแล้วค่ะ เริ่มมองไม่เห็นความงาม เห็นแต่หน้าพ่อหน้่าแม่แล้วอ่ะ




วันนั้นเสล่อมากเลยค่ะ พอลงจากเครื่องแล้วเค้าไม่มีงวงช้างให้ไงคะ ก็เลยหันไปจะถ่ายรูปให้ดูว่าแอร์เอเชียเค้าให้เดินเข้าอาคารเอง ปรากฏขณะที่ยกกล้องจะถ่ายรูป ก็ได้ยินเสียง "No Photo" แหะๆ หน้าแตกเลยค่ะ ถ่ายไม่ทัน แต่อิอิถ่ายทันแต่รูปนี้อ่ะค่ะ







เอาล่ะค่ะมาถึงก็ผ่านพิธีการ ตม. ขาเข้าให้เรียบร้อย แล้วก็ไปเอากระเป๋าที่สายพานค่ะ รอตั้งนานกว่าจะมา ได้กระเป๋าแล้วก็เดินออกไปเลยค่ะจะเห็นเคาน์เตอร์แลกเงินอยู่ตรงทางออกพอดี แลกเหรียญซะหน่อย เอาไว้ขึ้นรถเมล์ค่ะ



ที่มาเก๊านี่เค้าอนุญาตให้แลกเงินคนละ 10 เหรียญเท่านั้นนะคะ(งงมาก กฎไรไม่รู้) เวลาแลกก็ยื่น passport ให้เค้าด้วยค่ะ(คนที่นั่นออกเสียงว่า "พั๊ก-ซี-ป๊อก" ฟังตั้งนานกว่าจะรู้เรื่อง) แต่ถ้าใครอยากได้เหรียญเพิ่มก็ให้ไปแลกที่ธนาคารอีกค่ะ ธนาคารก็อยู่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์แลกเงินนั่นแหละค่ะ แนะนำให้แลกเหรียญเก็บไว้ติดตัวนั่นแหละค่ะดีแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเหลือแล้วเอาไปใช้ที่ไหนไม่ได้ ไม่เหลือหรอกค่ะ จริงๆนะ




และที่สนามบินเท่านั้นค่ะที่เราจะได้เห็นป้ายที่มีภาษาอังกฤษ หลุดจากนี้ไม่มีแล้วนะคะ(ถ้าไม่นับในคาสิโนนะ) มันจะกลายเป็นภาษาโปรตุเกส กับภาษาจีนกวางตุ้งไปเลยค่ะ






เอ๋จะมุ่งหน้าไปโรงแรม Man Va แถว Senado square ค่ะตามข้อมูลก็ให้นั่งรถเมล์สาย AP1 ไปลงที่ท่าเรือมาเก๊าค่ะ(Macau Ferry) แล้วไปต่อสาย 3 หรือสาย 3A อีกที




ค่ารถเมล์สาย AP 1 ก็คนละ 4.2 MOP ค่ะ และคิดค่ากระเป๋าอีกใบละ 3 MOP แต่หย่อนไปเลยค่ะคนละ 7.5 MOP เพราะมันไม่มีเหรียญ 20 AVOS หรอกค่ะ มีแต่เหรียญ 50 AVOS ถ้าจะเอาราคา 4.2 MOP จะต้องมีบัตรเติมเงิน(คล้ายๆบัตร Octopus ของฮ่องกงอ่ะค่ะ) ถึงจะได้ราคา 7.20 MOP(รวมค่ากระเป๋า1ใบ) แต่เราเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ไม่กี่วันไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ ไม่คุ้มอย่างแรง เพราะถ้าหากว่าคืนบัตรก่อน(ไม่แน่ใจว่าก่อน 3 เดือนรึเปล่า)เราจะโดนปรับเพิ่มด้วย(ไม่ใช่แค่โดนหักเงินนะคะ ย้ำ!โดนปรับเพิ่ม)


ส่วนค่ารถเมล์สาย 3 หรือ 3A คนละ 3.2 MOP ค่ะ แต่ไม่คิดค่ากระเป๋านะคะ



จะขึ้นรถเมล์เตรียมไปให้พอดีนะคะ งานนี้ไม่มีทอนค่ะ เพราะเค้าให้เราหยอดเงินในกล่อง เหมือนรถ ป.อ.พ. สมัยก่อนอ่ะค่ะ อ้อ ! แล้วที่มาเก๊าเนี่ยเค้าไม่รับเหรียญฮ่องกงนะคะ รับแต่ธนบัตรฮ่องกงค่ะ



แต่สำหรับใครที่ไฮโซ หรือมีผู้สูงวัยมาด้วย เอ๋ก็แนะนำให้นั่ง TaXi เลยค่ะ จากสนามบินไปเซนาโด้ก็ประมาณ 65 MOP (ไม่รวมราคากระเป๋านะคะ)




แต่ใครที่นิยมของฟรีนะคะ ก็ให้นั่งรถ Shuttle bus ของ The Venetian คันสีฟ้า(ที่สนามบิน) รถจะไปส่งผู้โดยสารที่เวเนเชี่ยนก่อน โดยรถจะไปจอดที่ Main Lobby ของโรงแรมค่ะ แล้วเราก็ค่อยๆลากกระเป๋าๆไปฝั่ง West Lobby นะคะ เพื่อจะขึ้นรถของโรงแรมไปยังท่าเรือมาเก๊าอีกที หลังจากนั้นก็นั่งรถของโรงแรม Wynn (หรือโรงแรมอื่นก็ได้ ไม่แน่ใจว่า Grand Lisbou มีรถโรงแรมจอดที่ท่าเรือรึเปล่านะคะ ถ้ามีนั่งรถโรงแรมนี้จะดีกว่าเพราะใกล้เซนาโ้ด้มากกว่า) มาลงที่โรงแรม แล้วก็ลากกระเป๋าไปเซนาโด้อีกทีอ่ะค่ะ




ตามข้อมูลเค้าบอกว่าหากเราขึ้นรถเมล์ไปแล้วไม่ต้องกลัวหลง เพราะในรถเมล์จะมีป้ายบอกตลอดเลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ป้ายหน้าจะลงที่ไหน ปรากฏว่าภาพที่เอ๋เห็นเบื้องหน้า..........






โอ้ว ! แม่เจ้า แล้วอิชั้นจะอ่านออกมั้ย คราวนี้แหละค่ะดูทางแบบใจจดใจจ่อเลยค่ะ กลัวหลงนั่งมองดูแต่ข้างทางแบบกังวล ซึ่งตอนนี้สมองมันปรับไม่ค่อยทันค่ะ เมื่อกี้ยังอยู่สุวรรณภูมิยังมีตัวหนังสือภาษาไทยให้เห็นอยู่เลย แต่ตอนนี้ป้ายข้างถนนมันกลายเป็นภาษาจีนกับภาษาโปรตุเกสเต็มไปหมดเลยค่ะ แต่มองๆไปก็เพลินนะคะ บ้านเมืองเค้าสวยดี
แต่ใจนึงก็กลัวหลงค่ะไม่อยากจะพลาด เพราะหลงแล้วมันจะยุ่ง แต่ดีนะคะที่ท่าเรือมาเก๊ามันดูง่าย เพราะเราจะเห็นเรือจอดอยู่เยอะแยะมากมาย แล้วจะเห็นรถของคาสิโนต่างๆจอดเรียงรายอยู่ และฝั่งตรงข้ามท่าเรือก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์รถแข่งค่ะ พอถึงแล้วก็รีบลงนะคะ



เอาล่ะค่ะพอถึงท่าเรือแล้วก็ให้นั่งรถเมล์สาย 3 หรือ 3A ที่ฝั่งเดียวกับท่าเรือมาเก๊าเลยนะคะ แต่แนะนำว่าก่อนขึ้นรถเมล์ให้ถามคนขับก่อนว่าไปเซนาโด้มั้ย แต่แหมคนมาเก๊าไม่พูดภาษาอังกฤษนะคะ ถ้าบอกว่าไป Senado เค้าไม่รู้จักแน่ๆค่ะ ก็คงเหมือนบ้านเราอ่ะค่ะ ถ้าฝรั่งถามว่ารู้จัก Emerald Buddha Temple มั้ย เราก็คงเง็งเหมือนกันอ่ะค่ะ แต่ถ้าถามว่ารู้จักวัดพระแก้วฯมั้ย เราก็คงร้อง อ๋อ ทันที ดังนั้นวิธีถามก็คือ ให้เราถามว่า "ซันมาโหล่ว ?" แล้วทำหน้างงๆใส่เค้าไปค่ะ ถ้าเค้าพยักหน้าก็ขึ้นไปได้เลยค่ะ



ที่ให้ถามก่อนเนี่ย เพราะรถเมล์ของมาเก๊ามันเป็นรถที่วิ่งวนค่ะ ถ้าไปเจอะกับรถที่วนกลับเกาะไทปาแล้วจะหนาว(เอ๋เองแหละ อิอิ วันนั้นเลยไปเที่ยวเกาะไทปามาหลายรอบเลย) เพราะต้องกลับไปเกาะไทปาอีกรอบ จะหวังอ่านป้ายสายรถเมล์ หรือจะอ่านจากป้ายหน้ารถเมล์ล่ะก็ ยากสสสสสสส บอกแล้วไงว่ามันเป็นภาษาโปรตุเกสกับภาษาจีน




พอขึ้นรถแล้ว ซักพักรถจะผ่าน Lisboa หรือ Grand Lisboa แล้วพอรถเลี้ยวขวา ด้านซ้ายมือก็จะเป็น Grand Emperor หรือ โรงแรม Sintra ค่ะ พอรถมาถึงตรงนี้ ให้เรามองไปทางขวามือค่ะ จะเห็นพื้นที่กว้างๆเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมด้านหน้า มีคนเดินเข้าออกกันเยอะๆ นั่นแหละค่ะ แสดงว่าเราถึงแล้วก็ลงได้ โดยป้ายรถเมล์จะเลยเซนาโด้ไปนิดเดียวค่ะ (ตอนนี้ลงรถแล้วยังไม่เที่ยวนะคะ หาที่พักก่อนค่ะ กระเป๋ามันเกะกะ)


จะไปโรงแรม Man Va

ตอนนี้ถ้าเราหันหน้าเข้าหาเซนาโด้ ให้เดินไปตามถนนสายหลักนะคะ(ให้เดินคนละฟากกับเซนาโด้) ถามตำรวจท่องเที่ยวเอาก็ได้ค่ะ แต่เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ให้ใช้วิธีเอากระดาษยื่นให้เค้าดูเลยค่ะว่าเราจะไป ถนน. Rua da Felicidade หรือไม่งั้นก็ดูแผนที่โรงแรม Sanva ก็ได้ค่ะ เพราะ 2 โรงแรมนี้อยู่ใกล้ๆกันค่ะ


แผนที่ โรงแรม Sanva




แหมเสียดาย ที่วันนั้นลืมถ่ายรูปหน้าตึกโรงแรม Man Va มาให้ดู แต่เล่าคร่าวๆละกันนะคะว่า โรงแรมนี้ไม่ต้องจองก่อนนะคะ เค้าให้ Walk in อย่างเดียว ราคาห้อง Twin beds 300 MOP/คืน ค่ะ ห้องสะอาด กว้าง ห้องน้ำก็สะอาดค่ะ แต่เพื่อนๆไม่ต้องห่วงนะคะในซอยนี้โรงแรมเยอะมาก เพราะเลยไปหน่อยก็เป็นโรงแรม Kho Wa ค่ะ ราคาก็เท่ากันค่ะ ค่ามัดจำห้องก็ 100 HKD ค่ะ บอกเ้ค้าด้วยนะคะว่าตอนคืนให้เค้าคืนเป็นเงินฮ่องกงให้เราด้วย เพราะที่ฮ่องกงไม่รับเงินสกุลมาเก๊านะคะ




ได้ห้องแล้ว เอากระเป๋าเก็บแล้วก็ได้เวลาทานข้าวสิคะ งั้นตามข้อมูลที่ได้มา มื้อแรกขอถูกๆเร็วๆละกันค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว งั้นเราไปตลาด S.Domingos เลยนะคะ




ตลาด S.Domingos ก็อยู่ที่เซนาโด้แหละค่ะ อยู่ทางฝั่งขวามือ(ถ้าหันหน้าหาถนนใหญ่) เอาง่ายๆก็คืออยู่ในซอยตรงข้าม Mcdonald ค่ะ เป็นตึกสูงๆสีเขียว ข้างล่างจะเป็นตลาดสดค่ะ แต่ศูนย์อาหารจะอยู่ชั้นบนนะคะไม่แน่ใจว่าชั้น 4 หรือเปล่า(ลืมจด)




พอไปถึงก็อึ้งค่ะ ทุกร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษให้เห็นเลย เห็นมีร้านตามสั่งด้านหน้าร้านเดียวเท่านั้นที่มีเมนูภาษาอังกฤษ แต่คิวยาวเลยค่ะ รอไม่ไหวอ่ะค่ะ เลยใช้วิชามารดูว่าร้านไหนมีคนสั่งอยู่ก็ชี้ๆว่าจะเอาแบบคนนี้ที่นึงอ่ะ สั่งเสร็จก็ไปหาที่นั่งเลยนะคะเดี๋ยวเค้าเอาไปเสริฟให้ และนี่แหละค่ะหน้าตาอาหารที่สั่ง บะหมี่เนื้อ+เอ็นตุ๋น+หมูบด ชามละ 20 MOP กินไม่หมดอ่ะค่ะให้เยอะเกิน





น้ำจิ้มที่กินกับบะหมี่รสชาติเหมือนน้ำแกงมัสมั่นเลย แปลกดีค่ะ แต่กลิ่นเนื้อนี่สิคะสาบมาก สู้ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นสาธุประดิษฐ์บ้านเราไม่ได้ แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะเนื้อเค้าหั่นชิ้นเบ้อเริ่ม ให้แบบสะใจเลยอ่ะค่ะ




ส่วนเครื่องดื่ม เช่นน้ำเปล่าก็ราคา 7 เหรียญค่ะ แต่นี่ลองสั่งดูค่ะ เป็นเฉาก๊วยในน้ำเต้าหู้ค่ะ แปลกดีราคา 7 เหรียญเหมือนกันค่ะ





กินเสร็จก็ได้เวลาเที่ยวค่ะ แต่วันนี้เอ๋ตั้งใจไว้แล้วค่ะว่าจะยังไม่เที่ยวเซนาโด้+ซากประตูโบสถ์เซ้นต์ปอล เพราะคนเยอะมาก ถ่ายรูปไปก็ไม่สวยค่ะ เอาเป็นว่าตื่นเช้าแล้วมาถ่ายรูปละกันค่ะ(ก็ที่พีกเราใกล้กับเซนาโด้นี่นา) จะได้ไม่ติดหัวคน ถ้างั้นโปรแกรมของเราต้องไปไหว้พระวัดอาม่าเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเลยค่ะ



จากเซนาโด้ไปวัดอาม่านะคะ ให้นั่งรถเมล์สาย 5 ค่ะ โดยนั่งฝั่งตรงข้ามกับเซนาโด้(หรือฝั่งเดียวกับที่รถเมล์มาจอดตอนที่เรามาจากท่าเรืออ่ะค่ะ) ตามข้อมูลเค้าบอกว่านั่งสาย 10 ได้ แต่พอเอ๋ถามนายท่ารถเมล์(คนที่คอยเช็ครถเมล์ว่ามีสายไหน คันไหนผ่านมาบ้างแล้ว) เค้าบอกว่าสาย10ไม่ไป ซึ่งตอนนี้เอ๋ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วสาย10 ไปได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าจะเอาให้ชัวร์ก็นั่งสาย 5 ละกันค่ะ



แหะๆ อย่าคิดว่านายท่าคนนี้เค้าพูดภาษาอังกฤษได้นะคะ ที่เอ๋ถามเค้ารู้เรื่องเพราะเอ๋เอารูปวัดอาม่าในหนังสือให้เค้าดูค่ะ



ลืมบอกไป ถ้ามาเที่ยวที่มาเก๊านะคะ เอ๋ขอแนะนำให้เอารูปสถานที่ที่เราต้องการไปให้คนที่นั่นดูนะคะ เค้าเต็มใจตอบเราค่ะ คนมาเก๊าถึงจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่เค้าก็พยายามช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมากเลยค่ะ ประทับใจมากๆๆๆๆ น้ำใจงาม น่ารักทุกคน



เอาล่ะค่ะ พอรถเมล์สาย 5 มาก็ขึ้นเลยนะคะ นั่งประมาณ 5-10 นาทีได้ ก็มาถึงวัดอาม่าแล้วค่ะ พอถึงคนขับรถก็จอดให้เราลง แล้วชี้ๆไปที่วัดอาม่าตามคำฝากฝังของนายท่าที่ป้ายรถเมล์ค่้ะ นี่ไงคะมาปุ๊ปก็เจอคนใจดี สมแล้วค่ะที่บ้านเมืองเค้าเป็นเมืองมรดกโลก เมืองแห่งการท่องเที่ยว



แต่ถ้าใครอยากนั่ง TaXi จากเซนาโด้มาวัดอาม่านะคะก็ประมาณ 16 MOP ค่ะ



มาถึงก็ไหว้พระขอพรท่านก่อนค่ะ(ขอเรื่องอะไรไม่บอกนะคะ คริ คริ) ไหว้พระเสร็จก็ถ่ายรูปก้อนหินก้อนนี้ด้วยนะคะ ซึ่งก้อนหินก้อนนี้ได้แกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เป็นจุดที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊าค่ะ





เสร็จแล้วจุดหมายที่ต่อไปของเราก็จะไปมาเก๊าทาวเวอร์ค่ะ เป็นตึกที่สูงที่สุดในมาเก๊าอ่ะค่ะ



ตามข้อมูลที่ได้มาเค้าบอกว่าจากวัดอาม่าไปมาเก๊าทาวเวอร์ให้นั่งรถเมล์สาย 18 , 21 ไปได้ แต่พอถามคนแถวนั้น(เผอิญเจอคนที่เค้าพูดอังกฤษได้ เรียนอยู่ที่ฮ่องกง) เค้าบอกว่าจากด้านหน้าวัดอาม่าไม่มีรถเมล์สายไหนไปมาเก๊าทาวเวอร์ค่ะ อ้าว ! งงแล้วล่ะสิ เอ๋ก็มองฝั่งตรงข้ามก็เห็นมีรถเมล์สาย 18 กับสาย 21 อยู่นะ แต่ไหงเค้าบอกไม่ไปล่ะ เค้าบอกว่ารถเมล์จะต้องไปที่อื่นก่อนแล้วค่อยไปผ่านมาเก๊าทาวเวอร์อีกฝั่งนึง ถ้าจะนั่งจากวัดอาม่าแล้วไปมาเก๊าทาวเวอร์ โดยขึ้นรถฝั่งเดียวกับวัดอาม่าไม่มีรถสายไหนไปทางนั้นเลย


ตอนนั้นแดดร้อนแล้วสิ ไม่ไหวแดดแรงเหมือนแดดเที่ยงบ้านเราเลย เอางี้ละกันนั่งรถTaXi ไปเลย จะได้ไปถึงเร็วๆ ก่อนลมจับค่ะ







ค่าแท๊กซีจากวัดอาม่าไปมาเก๊าทาวเวอร์นะคะ 16 MOP ค่ะ เวลาขึ้นรถแท๊กซี่ที่มาเก๊านะคะ พอลงจากรถแล้วไม่ต้องปิดประตูนะคะ เดี๋ยวคนขับเค้าจะกดปุ่มให้ประตูมันปิดเองค่ะ แปลกดี




พอมาถึงมาเก๊าทาวเวอร์วันนั้นร้อนๆๆๆๆๆๆมากเลยค่ะ ขนาดเป็นบ่ายแก่ๆนะคะนั่น เลยไม่ขึ้นไปดูวิวมันแล้วค่ะตอนนั้นเริ่มรู้สึกอยากไปที่อื่นแล้วอ่ะ เพราะกะไปดูวิวมุมสูงที่ป้อมมองท์เตพรุ่งนี้อยู่แล้ว งั้นที่นี่ถ่ายรูปด้านหน้าเป็นพิธีก็พอค่ะ



และแล้วเราก็เจอคนดีศรีมาเก๊าอีกแล้วค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย High Scool ที่ช่วยเราหาสายรถเมล์ที่ป้ายว่าจาก Macau Tower ไป รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่งนั่งรถเมล์สายอะไร(เราอ่านเองไม่เป็นอ่ะ) เพราะเราไม่สามารถที่จะเดินไปได้ค่ะเนื่องจากแดดมันร้อนเอามากๆ น้องคนนั้นเค้าก็ไม่แนะนำให้เดินเวลานี้กลัวเราจะเป็นลมไปซะก่อน เอ๋ก็เลยตัดปัญหาว่ายังไม่ไปที่รูปปั้นก็แล้วกัน ถึงไปก็ถ่ายไม่ได้ เพราะรูปมันคงย้อนแสง ฉะนั้นเราไปที่สวนสนุก Fishermen's Wharf เลยละกัน หาไปมาก็หาไม่เจอค่ะ ไม่เป็นไร งั้นนั่งแท็กซี่ไปเลยละกัน เอ้า!ไปก็ไป เอาเงินค่าช้อปปิ้งเนี่ยแหล่ะไปขึ้นแท๊กซี่



ค่าแท๊กซี่จาก Macau Tower ไป Fishermen's Wharf ถ้าเอ๋จำไม่ผิดอยู่ที่ราวๆ 18-23 MOP เนี่ยแหล่ะค่ะจำไม่ค่อยได้ ไปถึงก็ถ่ายรูปค่ะบรรยากาศดี สวย (บรรยากาศนะคะดี แต่อากาศไม่ไหวจริงๆร้อนมากๆ)






คราวหน้าถ้าเอ๋ไปมาเก๊าอีกนะคะ เอ๋คงไปวัดอาม่าก่อนเหมือนเดิม แต่หลังจากนั้นเอ๋จะข้ามฝั่งมาขึ้นรถกลับทางด้านที่จะไปเซนาโด้ เพื่อที่จะนั่งรถเมล์ต่อไปยังท่าเรือมาเก๊าแล้วเที่ยวฟิชเชอร์แมนวาร์ฟก่อน แล้วค่อยๆเดินไปที่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่ง แล้วค่อยหาทางต่อไปที่มาเก๊าทาวเวอร์ เสร็จแล้วค่อยนั่งรถกลับมาที่ท่าเรือเพื่อมาขึ้นรถเวเนเชี่ยนไปที่เวเนเชี่ยน แล้วนั่งแท็กซี่จากเวเนเชี่ยนไปหมู่บ้านไทปา เพราะค่าแท็กซี่จากเวเนเชี่ยนไปหมู่บ้านไทปา 29 MOP ค่ะ ประหยัดเอาไว้ช้อปปิ้ง




หลังจากถ่ายรูปที่ Fishermen's Wharf สาแก่ใจแล้ว เอ๋ก็เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านไทปาค่ะ สูตรเดิมคือเอารูปพิพิธภัณฑ์ไทปาในหนังสือให้คนขับดู แล้วเค้าก็บอกว่า O.K.




ตอนนั่งอยู่ในรถตาก็มองวิวด้านข้างนะคะ มันสวยเจริญหูเจริญตาดีแท้ แต่พอรถข้ามฝั่งมาถึงเกาะไทปาเท่านั้นแหละค่ะ ตาเอ๋เริ่มลายมองไม่เห็นความงามแล้วล่ะค่ะ ค่าแท็กซี่ตอนนี้มันวิ่งปรู้ดดดดดดเร็วกว่ารถไฟหัวจรวดที่ญี่ปุ่นซะอีก(เว่อร์ไปละ) หลังจากนั้นตาก็คอยมองมิเตอร์ และข้างทางสลับกันไป สุดท้ายก็คิดได้ว่าช่างมันเหอะคราวหน้าจะได้รู้ไว้ว่าควรนั่งอะไร เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ดื่มด่ำกับความไฮโซซะให้พอ มิเตอร์มันจะวิ่งไปถึงเลขอะไรก็ช่างมัน คิดได้งี้ก็สุขใจค่ะ




และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วค่ะ ค่าแท็กซี่จาก Fishermen's Wharf ไปพิพิธภัณฑ์ไทปารู้สึกจะประมาณ 61-65 MOP นี่แหล่ะค่ะ



ดีนะคะที่เรามาถึงตอน 4 โมงกว่าๆ เพราะพิพิธภัณฑ์ไทปาเค้าปิด 5 โมงเย็นค่ะ ว่าแล้วเราก็ไปเก็บวิวที่พิพิธภัณฑ์ไทปากันเลยค่ะ




จะว่าที่นี่สวยมั้ย ก็ดีนะคะ แต่ถามใจเอ๋แล้วเอ๋ว่าพระราชวังมฤคทายวันบ้านเราสวยกว่าเยอะเลยค่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะไปที่นู่นก็ไปดูวิถีชีวิตของคนที่นู่นละกันว่าเค้ามีประวัติความเป็นมา แล้วอยู่กันกันยังไง (แต่ก็ต้องบอกตรงๆแหละค่ะว่าเมืองไทยสวยไม่แพ้กัน) อืม ก็ดีนะคะ เอาเป็นว่าสำหรับที่นี่ถ้ามีเวลาจะมาก็ดีนะคะ (ไม่รู้จะพูดไงอ่ะ)



อยู่เที่ยวพิพิธภัณฑ์ซักพัก เริ่มหิวน้ำค่ะ ใครที่มาที่นี่เอ๋แนะนำให้ไปตู้กดน้ำนะคะจะอยู่ที่อาคารด้านนอกอ่ะค่ะ โค้กกระป๋องละ 3 เหรียญเองค่ะ เย็นด้วย ถ้าเราซื้อที่ตรงซุ้มขายน้ำหน้าบ้าน 5 หลัง(ที่เป็นพิพิธภัณฑ์)แพงค่ะ น้ำไม่เย็นด้วย




เดินเที่ยวจนรู้สึกได้อารมณ์หายเหนื่อยแล้ว งั้นเราเดินไปเรื่อยๆเลยนะคะ เรามุ่งหน้าไปถ่ายรูปที่โบสถ์กันก่อนแล้วค่อยๆเดินลงไปที่หมู่บ้านไทปา ตรงโซนที่เป็นชุมชนเก่ากันดีกว่าค่ะ จะได้ผ่านถนนสายโรแมนติกด้วย



แล้วนี่ไงคะถนนสายโรแมนติกของมาเก๊า (ภาพบนซ้าย-ขวา)

ส่วนภาพด้านล่างซ้าย-ขวาบริเวณด้านหน้าของถนนสายอาหารค่ะ






ข้อมูลเรื่องร้านอาหาร-ขนมในถนนสายอาหารที่เค้าว่ากันว่าอร่อยเนี่ย เอ๋มีเพียบเลยค่ะ แต่คุณแฟนสิค่ะ ไม่ทานค่ะ เค้าบอกว่าจะเลือกร้านเอง แล้วดูสภาพร้านทีี่เค้าเลือกนะคะ เอ๋ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปเลย



เก่าก็เก่า เล็กก็เล็ก นักท่องเที่ยวก็ไม่มี ดูแล้วไม่มีแรงดึงดูดให้เข้าไปเลยอ่ะค่ะ แต่เค้ายืนยันค่ะว่าจะกินร้านนี้ไม่กินร้านอื่น เอ๋เลยบอกคุณแฟนไปว่าให้เค้ากินเองละกัน เอ๋จะกินแต่โค้ก ในใจเซ็งมาก




พอเข้าไปในร้านค่ะ เอ๋สั่ง "หอหลอก"(แปลว่าโค้ก) ดีนะที่เตรียมตำราภาษาจีนกวางตุ้งไป ส่้วนคุณแฟนเค้าก็ชี้ไปที่ขนมที่อยู่ในตู้หน้าร้านอ่ะค่ะพร้อมทำนิ้วว่าเอา 1 ชิ้น ซักพักเจ๊เจ้าของร้านก็มาเสริฟด้วยตัวเองค่ะ


ตอนนี้เอ๋เซ็งค่ะ แฟนเค้าเลยทำเป็นแบ่งขนมให้ชิม ปรากฏว่า...........
พระเจ้า! ทำไมมันอร่อยงี้เนี่ย






ขนมหอมเนยมาก เสริฟมาตอนร้อนๆ แถมข้างบนยังมีแมคคาเดเมีย(รึเปล่า หรือวอลนัทอ่ะ)อยู่ด้านบน ด้านนอกของขนมกรอบนิดๆเนื่องจากความร้อนของเตาอบ แต่ด้านในกลับเนื้อนุ่ม หอมเนย รสชาติหวานมันนิดๆกำลังดี ไม่เลี่ยนเนยเลยค่ะ บอกไว้ก่อนนะคะไม่เหมือนขนมไข่บ้านเรานะคะ คนละแบบกันเลยค่ะ ทนไม่ไหวค่ะเลยสั่งมากินอีกชิ้นค่ะ โอ้ว! กินไปก็ทำเป็นชูนิ้วโป้งให้เจ้าของร้านไปค่ะว่ามันอร่อยจริงๆ



หลังจากเอร็ดอร่อยแล้ว เอ๋ก็ถามเจ๊เจ้าของร้านค่ะว่า "เก๋ย์ต้อ"(เท่าไหร่) แต่เจ๊แกสอนค่ะว่า ต้องพูดว่า "เก๋ย์ต๊อฉิน" เอ๋ก็พูดตามอ่ะค่ะ แต่ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่า"ฉิน" ที่เติมไปแปลว่าอะไรอ่ะค่ะ สรุปแล้ววันนั้นมีน้ำแข็งเปล่า 2 แก้ว โค้ก 1 ขวด กับขนม 2 ก้อน ราคา 18 MOP ค่ะ ไม่แพงเลยค่ะ

สุดท้ายคุณแฟนเค้าบอกว่าที่เค้าเลือกร้านนี้ เพราะเค้าเคยดูหนังจีนที่โจวซิงฉือเล่น เค้าบอกว่าร้านที่กุ๊กเทวดาอยู่มักจะมีสภาพเป็นร้านเก่าๆสไตล์แบบนี้ (เฮ้อ ! เอาเข้าไปนั่น)



ฉะนั้นถ้าเกิดใครได้ไปถนนสายอาหารเนี่ย เอ๋ขอแนะนำร้านนี้นะคะ ช่วยเชียร์ร้านนี้ค่ะ







เอาล่ะค่ะ จุดหมายปลายทางของเราต่อไปก็เป็น The Venetian ค่ะ นั่งแท็กซี่เลยค่ะ เพราะตามข้อมูลที่ได้มาไม่ปรากฏว่ามีรถเมล์จากหมู่บ้านไทปาไปยังเวเนเชี่ยนเลยค่ะ เราก็เลยนั่งแท็กซี่ค่ะ ค่าแท็กซี่ราคาประมาณ 29 เหรียญค่ะ(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ใช้้เวลาไม่นานก็ถึงเวเนเชี่ยนแล้วค่ะ แล้วเรา 2 คนก็เก็บภาพเมืองจำลองเวนิซกันค่ะ สวยมากๆเลย



อีกซักภาพนะคะ





เรา 2 คนอยู่ที่นี่นานมากค่ะ ได้ไปสมัครสมาชิก Cotai Rewards Club มาด้วยค่ะ สมัครฟรีแถมยังได้ของแถมอีกด้วย วิธีสมัครก็ให้ไปที่เคาน์เตอร์ที่เค้าเล่นคาสิโนนะค่ะ แล้วยื่น passport ให้เค้าไป ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ได้บัตรสามาชิกแล้วล่ะค่ะ
แต่เอ๋ไม่กล้าถ่ายรูปให้ดูนะคะ เพราะเค้าไม่ให้ถ่ายรูปในคาสิโน (แต่จริงๆตรงเ้คาน์เตอร์ที่รับสมัครเนี่ยถ่ายได้) ได้ของที่ระลึกมาด้วยนะคะเป็นผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆ (5555 ชอบของฟรี)





แล้วเราก็ทำการทัวร์อ้อมโลกอีกแล้วล่ะค่ะ เราจะไปกินนมตุ๋นร้าน Ison (หยี่เสิ่น) ที่เซนาโ้ด้(ที่เค้าว่ากันว่าอร่อยนักอร่อยหนาไงคะ) เราจึงมุ่งหน้าไปที่เซนาโด้โดยขึ้นรถของเวเนเชี่ยนเพื่อไปที่ท่าเรือมาเก๊าค่ะ แล้วค่อยต่อสาย 3 หรือ 3A ไปเซนาโด้อีกที (ตามข้อมูลข้างบน)


ไม่นานนักเราก็ถึงร้านหยี่เสิ่นแล้วค่ะ พนักงานที่นี่แล้วก็เจ้าของร้านพูดไทยได้ค่ะ คุณจึงไม่มีปัญหาในการสั่งเลย แล้วนี่ไงคะหน้าตานมตุ๋นที่เค้าว่าอร่อย



รูปมุมซ้ายบน เป็นนมตุ๋นแบบเย็นค่ะ ส่วนสีเหลืองที่เห็นเนี่ยเป็นนมตุ๋นร้อนรสไข่ค่ะ(เอ๋ว่ารสชาติเหมือนกินไข่ตุ๋นแล้วมีกลิ่นนมด้วยอ่ะค่ะ)
ถามว่าอร่อยมั้ย เอ๋ว่าก็อร่อยนะ แต่ถ้าพลาดก็ไม่เป็นไรอ่ะค่ะมันไม่ได้อร่อยล้ำ จนห้ามพลาดขนาดนั้น ราคา 3 อย่างเนี่ย 42 MOP ค่ะ แพงนะกับราคานมตุ๋นแบบเนี้ยค่ะ แต่ก็แล้วแต่คนชอบนะเอ๋ว่า

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วค่ะ ตอนนี้ประมาณ 19.30 น.ได้มั้ง(วันนั้นจำได้ว่าพระอาทิตย์ตกตอน 1 ทุ่มค่ะ) เอกินนมตุ๋นแล้ว งั้นเดินเล่นไปถ่ายรูปดีกว่าค่ะเพราะที่มาเก๊าตอนกลางคืนสวยมากเลยค่ะ สมแล้วที่เค้าเรียกว่าเป็น Lasvegus แห่งเอเชียค่ะ


แหะๆ รูปไม่สวยนะคะ ถ่ายรูปไม่เก่งเลย

หลังจากนั้นเราก็เลยเดินไปเรื่อยๆค่ะ จนถึงโรงแรม Wynn เพื่อจะมาชมน้ำพุเต้นระบำ แล้วก็ก็ต้นไม้ 12 ราศีค่ะ

วิธีไปโรงแรม Wynn นะคะ ก็ให้ตั้งต้นจาก Grand Lisboa แล้วมองไปทางถนนใหญ่ที่มีทะเลอยู่ข้างหลังนั่นแหละค่ะ แล้วก็ข้ามถนนไป น้ำพุจะอยู่หน้าโรงแรมค่ะ

แผนที่โรงแรม Grand Lisboa







ส่วนการแสดงชุดต้นไม้ 12 ราศี เอ๋ขอบอกเลยว่า "คุณไม่ควรพลาดค่ะ" เป็นการแสดงที่อลังการมากเลยค่ะ แต่ขอไม่เล่าละกันนะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆไปดูแล้วจะไม่สนุก
เอาเป็นว่าถ้าดูน้ำพุเต้นระบำเสร็จแล้ว ก็ค่อยไปดูต้นไม้ 12 ราศี วิธีไปก็ให้เดินเข้าไปในโรงแรมเลยค่ะอยู่ชั้น G อยู่ตรงห้องโถงของโรงแรมค่ะ เท่าที่เอ๋ทราบการแสดงจะมี 2 ชุดนะคะ โดยเริ่มการแสดงตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึง 4 ทุ่มค่ะ และนี่ค่ะ ต้นไม้ 12 ราศี

เอางี้ เอารูปที่เอ๋เอามาจาก Website ของโรงแรม Wynn มาให้ดูดีกว่าว่าการแสดงชุดนี้ อลังการแค่ไหน





แต่รูปที่เอ๋ถ่ายเอง


ถ่ายไม่สวยเลย อิอิ

อย่าพลาดนะคะ สวยจริงๆค่ะ แต่ตอนนั้นเอ๋ดูการแสดงแค่ชุดเดียวค่ะ เพราะมันเกือบ 3 ทุ่มแล้ว เพราะเอ๋ตั้งใจจะไปดูการแสดงที่ City of Dream ค่ะ เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมานั่นเอง งั้นเราจะไป City of Dream โดยนั่งรถฟรีของโรงแรม Wynn นะคะ ไปลงที่ท่าเรือมาเก๊า แล้วก็เดินข้ามฟาก(ลอดอุโมงค์)ไปนั่งรถของ City of Dream อีกทีนะคะ (555 กลับเกาะไทปาอีกแย้วววว)

พอมาถึง City of Dream เอ๋ก็เลยรู้ค่ะว่าเอ๋คิดถูกที่ เที่ยวเวเนเชี่ยนเสร็จแล้วเอ๋ก็ไปดูการแสดงที่โรงแรม Wynn ก่อน ไม่ไป City of Dream เลย ทั้งๆที่มันใกล้กับเวเนเชี่ยน เหตุผลก็เพราะ

1. เราต้องต่อคิวดูการแสดงที่ City of Dream นานมาก (นอกจากว่าเราจะซื้อของที่ City of Dream เช่น swarovski อ่ะค่ะ ถึงจะได้รอบดูการแสดงเลย) เอ๋ไป 3 ทุ่มกว่าๆ ได้รอบ 5 ทุ่มครึ่งแหน่ะ กว่าจะดูเสร็จก็อดดูการแสดงของโรงแรม Wynn พอดี

2. เอ๋ว่าการแสดงที่ City of Dream มันอลังการมากๆๆ ถ้าหากว่าเราไปดูการแสดงที่ City of Dream ก่อนการแสดงของโรงแรม Wynn ล่ะก้อ อาจทำให้เรารู้สึกการแสดงที่โรงแรม Wynn ไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่(ทั้งๆที่มันก็อลังการมากๆเหมือนกัน แต่มันคนละแนวกับของ City of Dream แค่นั้นเอง)

เอ๋เลยว่าเอ๋ย้อนไปมาแหละดีแล้ว อิอิ ปลอบใจตัวเองซะงั้น)

อันนี้เป็นรูปตั๋วที่จะเข้าชมการแสดงที่ City of Dream



ระหว่างที่เอ๋รอดูการแสดงของ City of Dream อยู่นั้นนึกได้ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเลย หลังจากกินที่ตลาด S.Domingos คุณแฟนเค้าก็หิวมากแล้วด้วย เราเลยต้องจำใจหาไรกินที่ City of Dream น่ะค่้ะ มีศูนย์อาหารอยู่ที่ ชั้น 2 หรือ 3(จำไม่ค่้อยได้) ปรากฏว่าซื้อแฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น แล้วก็โค้ก 1 แก้ว สิริราคาก็ประมาณเป็นเงินไทย ก็ 300 กว่าบาท หืมมมม งั้นเอ๋ให้แฟนกินคนเดียวละกันค่ะ เอ๋หิวไม่ลง เดี๋ยวค่อยไปหาไรกินแถวๆโรงแรมก็ได้ ทนหิวได้ค่ะ

การแสดงที่ City of Dream เอ๋ก็คงไม่เล่าให้ฟังนะคะ เดี๋ยวจะไม่สนุก พอดูเสร็จแล้ว ตอนนั้นมันก็ประมาณเที่ยงคืนแล้วค่ะ รถของ City of Dream ที่จะไปส่งลูกค้าที่ท่าเรือมาเก๊ามีไม่พอจำนวนคนที่มันช่างมหาศาลเหลือเกิน เราเลยต้องนั่งแท๊กซี่กลับค่ะ ค่าแท็กซี่จาก City of Dream ไปเซนาโด้ก็ประมาณ 65 เหรียญนะคะ (ไม่เกินนี้) แหละนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เรานั่งแท็กซี่ค่ะ เลยเอารูปมาให้ดูละกัน



พอมาถึงโรงแรมก็เอาของไปเก็บค่ะ แล้วก็ออกมานั่งกินบะหมี่ข้างโรงแรม อร่อยค่ะ ถูกด้วย ชามละ 20 MOP ค่ะ (อย่างนี้ค่อยกินลงหน่อย)

หน้าตาบะหมี่ไก่ แล้วก็อะไรไม่รู้(สั่งเลียนแบบโต๊ะข้างๆค่ะ



มีน้ำพริกเผาสีแดงให้ด้วยค่ะ ส่วนอีกขวดที่เป็นสีเหลืองๆตอนแรกเข้าใจว่าเป็นมัสตาร์ด ที่ไหนได้พอดมเข้าไปมันฉุนจมูกมากเลยค่ะ กลิ่นเหมือนวาซาบิ แต่รสชาติไม่ใช่

กินเสร็จแล้วก็เข้านอนค่ะ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปถ่ายรูปที่เซนาโด้อีก
ZZZZZZZZZZ

เช้าแล้วววววววววววว ตื่นได้ เพราะวันนี้เราต้องไปฮ่องกงกันต่อ
งั้นไปเซนาโ้ด้+ Ruins of St.Paul's+ Monte Fort กันเลยนะคะ จะได้ไปดูวิวมาเก๊ามุมสูงด้วย อันนี้ไม่ขออธิบายอะไรมากเพราะแต่ละที่อยู่ใกล้ๆกัน ไปไม่ยากเลยค่ะ มีป้ายบอกตลอด

อันนี้เป็นรูปในถนนแห่งความสุขค่ะ Rua da Felicidade ตอนเช้าค่ะ


และนี่ค่ะเอาแบบรวมมิตรเลย




เสร็จแล้วก็เดินไปที่ร้านมาการ์เร็ตค่ะ ต้องซื้อทาร์ตไข่ซะหน่อย เค้าบอกว่าอร่อยไม่แพ้ที่เกาะโคโลอานเลยนะคะ ร้านมาการ์เร็ตจะอยู่ที่ถนน Dr.Pedro Jose Lobo นะคะ ร้านจะหลบมุมหน่อย ทาร์ตชิ้นละ 7 MOP ค่ะ (เอ๋ว่าร้านนี้อร่อยแต่ทาร์ตไข่นะคะ พวกขนมปัง พิซซ่า ไม่อร่อยเลย ร้าน Yamazaki บ้านเรายังอร่อยกว่าอีก ถูกกว่าด้วย)
นี่ค่ะร้านเนี้ยแหละ


ทานเสร็จก็กลับโรงแรมเพื่อ Check out ได้แล้วค่ะ เพราะเราต้องรีบข้ามฝั่งไปฮ่องกงกันแล้วค่ะ นั่งรถเมล์สาย 3 หรือ 3A อีกแล้วไปลงท่าเรือมาเก๊าค่ะ

ถึงท่าเรือแล้ว เอ๋เลือกนั่งเรือของ Turbo jet ค่ะเพราะใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึงฮ่องกงแล้ว เดี๋ยวรายละเอียดของการนั่งเรือไปฮ่องกงเอ๋เอาไปไว้ตอน 2 นะคะ
Bye Bye มาเก๊า












Create Date : 12 สิงหาคม 2552
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2552 15:30:20 น. 10 comments
Counter : 3330 Pageviews.

 
มาเก๊า backpack สนุกดีค่ะ หลงกันมันส์เลย แต่เมืองเค้าถ่ายรูปสวยดีนะคะ ^^


โดย: travelsaint วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:18:56:46 น.  

 
ไปมาเก๊ามาแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนไปร้อนสุดๆ เหนียวตัวมากๆเลยค่ะ หลงระเบิด ไปไหนไม่รู้คลำทางกันไป


โดย: Globetrotter วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:19:59:24 น.  

 
ขอบคุณ คุณ travelsaint , คุณ Globetrotter ที่เข้ามาอ่านค่ะ ตอนที่เอ๋ไปร้อนสุดๆเลยค่ะ ไอ้ที่แต่งหน้าไปเครื่องสำอางค์หลุดหมด ร้อนตับแตกเลยอ่ะ ส่วนเรื่องหลงทางที่ต้องกลับไปเกาะไทปาอีกรอบเนี่ย ตอนนนั้นเสียความมั่นใจไปเลยล่ะค่ะ


โดย: Jhaaenaja วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:22:41:47 น.  

 
นายแบบหล่อ นางแบบสวย อาหารน่ากิน
อธิบายละเอียดดี
เก่งมากค่ะ!!


โดย: พี่ดาว IP: 10.58.1.64, 10.1.5.21, 58.137.129.220 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:23:37 น.  

 
ขอบคุณนะค้า พี่ดาวววววววว
อิอิอิ


โดย: Jhaaenaja วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:14:53:58 น.  

 
สวัสดีคะ
นู๋ชอบการเล่าเรื่องของพี่มากเลยคะ
ละเอียด แล้วก็มีประโยชน์มากๆ
พอดีนู๋จะไปเที่ยวมาเก๊ากับคุณแม่ เดือนตุลานี้อะคะ
ไปแบบแบคแพ็ค
ตอนนี้ก็กำลังหาข้อมูลอยู่
ไปแล้วกลัวหลงจังคะ เพราะนู๋พูดภาษาจีนกวางตุ้งกับโปรตุเกสไม่เป็น
ได้ก็แต่ภาษาจีนกลางกับอังกฤษแบบงูๆปลาๆ
ไงก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
แล้วนู๋จะมาจิดตามบล็อคเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณ และยินดีที่ได้รู้จักคะ

...N'B ^ ^ ...


โดย: YaWeN วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:0:43:57 น.  

 
ละเอียดดีจังเลยค่ะ
ขอบคุณมากกๆๆๆๆ เลยน้า กะลังปวดหัวอยู่เลยค่ะ
เป็นครั้งแรกที่จัดทริปเอง T^T

หลงตั๋วถูก ฮือๆ
แต่แอบดีใจไปไฟลท์เดียวกันเลย อิอิ

ปล.นางแบบ นายแบบ น่ารักดีนะคะ อิอิ


โดย: puffy IP: 10.100.100.86, 202.183.208.222 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:02:54 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ที่ชม อิอิ เขินนนนนนจัง คุณ Puffy เที่ยวให้สนุกนะคะ


โดย: Jhaaenaja วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:58:41 น.  

 
ข้อมูลมีประโยชน์มากเลยจ้ะ เด๋วจะลองไปตามที่บอกไว้ ถ้าหลงจะมาเคลียร์


โดย: auoue IP: 119.42.115.240 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:11:41:19 น.  

 
กลัวๆเหมือนกันคะแฟนไม่รู้ภาษาด้วยและไปครั้งแรกด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงขอบคุณคะที่ได้แชร์ประสบการให้ดู


โดย: สีน้ำกำลังชิวชิว IP: 1.46.226.231 วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:22:20:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jhaaenaja
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jhaaenaja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.