|
เกร็ดตรุษจีน # 9 เหนียนฟ่าน (年饭) อาหารรับวันปีใหม่
ช่วงเทศกาลสำคัญที่สุดอย่างวันตรุษจีน หรือ วันขึ้นปีใหม่ เหนียนชูอี (年初一) การตระเตรียมอาหารการกิน นับเป็นงานช้างแห่งปีทีเดียว โดยราว 10 วัน ก่อนวันปีใหม่ ชาวจีนจะเริ่มสาละวนกับการซื้อหาข้าวของ สำหรับเทศกาลตรุษจีน อาทิ เป็ด ไก่ ปลา เนื้อ ชา เหล้า ซอส วัตถุดิบเครื่องปรุงสำหรับอาหารผัดทอด ขนมนานาชนิด และผลไม้ สิ่งเหล่านี้ต้องตระเตรียมไว้อย่างชนิดไม่มีขาดตกบกพร่อง
ตามประเพณีของเจียงหนัน ก่อนวันตรุษจีน จะมีการจัดสำรับอาหารปีใหม่ใส่ภาชนะที่ทำจากไม้ไผ่ มีส้มติดกระดาษมงคลสีแดงไว้ข้างบน นอกจากนี้ยังมีกระจับ แห้ว ผลไม้ ขนมมงคล จัดวางเรียงไว้ด้วยกันให้สวยงาม แล้วปักด้วยกิ่งไม้ ที่โค้งค้อมตัวลงมาอย่างอ่อนโยนเพื่อเป็น เหนียนฟ่าน (年饭) หรือ อาหารมื้อแรกของวันใหม่
สำหรับคนทางเหนือ จะจัด " ข้าวเงินข้าวทอง " (ข้าวเหนียวข้าวเจ้า) เข้าสำรับกับผลเจ่า เกาลัด ลำไย ประดับด้วยกิ่งไม้หอม และทำเกี๊ยว (饺子) กินกันในครอบครัว ซึ่งบ้างก็ใส่ไส้หวานเพื่อเป็นเคล็ดว่า ชีวิตจะได้ประสบแต่ความหวานชื่น บางแห่งก็ทำเกี้ยวไส้ถั่วลิสง เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญเติบโต เพื่อเป็นเคล็ดของความมีอายุยืน บ้างก็ใส่เหรียญเงินไว้ในจานเกี๊ยว เพื่อบันดาล โชคลาภเงินทองและความราบรื่น นอกจากนี้ เกี๊ยวยังมีรูปร่างคล้ายกับเงินแท่งสมัยโบราณ ที่ปลายทั้ง 2 ด้านงอนขึ้น ในวันปีใหม่ ชาวจีนจึงมักกิน เส้นหมี่ และ เกี๊ยว ที่เรียกว่า เงินห่อไหมทอง
ยิ่งไปกว่านั้นอาหารการกินในวันตรุษจีน ยังโปรยประดับด้วยคำที่เป็นสิริมงคล เช่น ชาสำหรับคารวะแขก ในวันปีใหม่ของคนเจียงหนันยังใส่ " ลูกสมอ 2 ลูก " ไว้ในจานรองถ้วยชาหรือถาดชุดชา เพื่อสื่อความหมายว่า ชาเงิน และในสำรับอาหารจะต้องมีผัดผักกาดรวมอยู่ด้วย เพื่อเป็นเคล็ดว่า กินแล้วจะบันดาล ความสนิทสนมอบอุ่น เนื่องจาก ผัดผักกาด ในภาษาจีนคือ " เฉ่าชิงไช่ " (炒青菜) ซึ่งมีเสียงใกล้เคียงกับ " ชินชินเย่อเย่อ " (亲亲热热) ที่แปลว่า ความสนิทสนมอบอุ่น และอาหารสำคัญอีกอย่าง คือ " ผัดถั่วงอก " เนื่องจากถั่วงอกเหลืองมีรูปร่างคล้ายกับ หยกหยูอี้ ซึ่งมีเสียงพ้องกับคำว่า " หยูอี้ " (如意) ที่แปลว่า สมปรารถนา นอกจากนี้ ตามประเพณีการกินอาหารปีใหม่จะต้องกิน " หัวปลา " แต่อย่ากินเกลี้ยงจนแมวร้องไห้ ธรรมเนียมการกินปลาให้เหลือนี้ เพื่อเป็นเคล็ดว่า เหลือกินเหลือใช้ ซึ่งในภาษาจีน มีคำว่า " ชือเซิ่งโหย่วอี๋ว์ " (吃剩有鱼) คำว่า 鱼-อี๋ว์ ที่แปลว่าปลานั้น พ้องเสียงกับ 余 อี๋ว์ ที่แปลว่า เหลือ จึงเป็นเคล็ดว่า ขอให้ชีวิตมั่งมีเหลือกินเหลือใช้
กินเหนียนเกา
การทำเหนียนเกา
เหนียนเกา จัดเป็นของหวาน โดยมากทำจากแป้งข้าวเหนียวที่มีทั้งประเภทอบ หรือ นึ่ง และ ทอด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นต่างๆ อาทิ เหนียนเกาที่ขึ้นชื่อที่สุดเห็นจะเป็น ไป๋เกา ของภาคเหนือ หวงหมี่เกา แถบมณฑลเหอเป่ย และเหนียนเกาของหมู่บ้านชาวน้ำ แห่งเจียงหนัน และของไต้หวันซึ่งเรียก หงกุยเกา ทางภาคใต้ของจีนยังมีการหั่นเป็นแผ่นแล้วนำไปทอดหรือต้มในน้ำแกง รสชาติหวานๆ เค็มๆ ด้วย
ขนมเหนียนเกา
สำรับทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งดีงาม และความเป็นมงคลของวันรุ่งอรุณแห่งปีใหม่
***ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ
- ผู้จัดการออนไลน์ - BG สวยๆ จาก คุณ lozocat
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 22:09:47 น. |
Counter : 833 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เกร็ดตรุษจีน # 8 ' โส่ยซุ่ย ' กิจกรรมคืนต้อนรับปีใหม่
ในคืนก่อนวันตรุษจีน ทุกบ้านจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และตลอดทั้งคืนนี้ก็จะไม่หลับไม่นอน ลักษณะแบบนี้ชาวจีนเรียกว่า โส่วซุ่ย
ทั้งนี้ สมาชิกในบ้านจะไม่ได้นั่งรอคอยเวลากันเฉยๆ แต่มีกิจกรรมร่วมกันมากมาย เช่น กิจกรรมด้านการกินและดื่ม ไม่ว่าจะเป็นอาหารทั่วไป เกี๊ยว เหนียนเกา เหล้า เบียร์ เมล็ดแตง ของว่าง ขณะเดียวกันก็มีเกมให้เล่น ส่วนใหญ่ก็เล่นกันในห้องรับแขก เช่น ผู้ใหญ่ก็เล่นหมากล้อม หมากฮอร์ส ไพ่กระดาษ ไพ่นกกระจอก ส่วนเด็กๆ ก็มีเกมแบบเด็กๆ เช่น ขี่ม้าไม้ไผ่ วิ่งไล่จับ ซ่อนแอบ
การรวมตัวกันดูรายการโทรทัศน์ส่งท้ายปีใหม่ เป็นอีกกิจกรรมโส่วซุ่ยยอดฮิตอย่างหนึ่งของชาวจีน
กระทั่งใกล้เวลาเที่ยงคืน ผู้อาวุโสในบ้านก็จะเริ่มตั้งโต๊ะเพื่อจัดเรียงธูปเทียนไหว้บรรพบุรุษ และต้อนรับเทพแห่งโชคลาภ (ไฉ่สิ่งเอี๊ย / ไฉ่เสิน) นอกจากนั้นก็ยังมีการจุดประทัด จุดโคมไฟ ซึ่งยิ่งใกล้เวลาเที่ยงคืนเท่าไหร่ เสียงประทัดก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเวลาของวันใหม่เริ่มต้นขึ้น ก็จะเริ่มกล่าวสวัสดีปีใหม่แก่กันและกินเกี๊ยว ทั้งนี้ ตั้งแต่ยุค 80 ของศตวรรษที่แล้วเป็นต้นมา การดูโทรทัศน์รายการ คืนต้อนรับปีใหม่ ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ CCTV พร้อมกันทั้งบ้านก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมโส่วซุ่ยที่ชาวจีนชื่นชอบ .
***ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ
- ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงวัฒนธรรมจีน - BG สวยๆ จาก คุณ lozocat
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 22:08:33 น. |
Counter : 667 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เกร็ดตรุษจีน # 7 กินเกี๊ยวแล้วโชคดีตลอดปี
" เจี่ยวจือ หรือ เกี๊ยวต้ม " อาหารยอดนิยมที่สุดของชาวจีน
" เจี่ยวจือ (饺子)หรือ เกี๊ยวต้มจีน " เป็นอาหารท้องถิ่นจีนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตลอดจนได้รับความนิยมมาอย่างไม่เสื่อมคลาย จนกระทั่งมีคำกล่าวว่า ไม่มีอะไรอร่อยเท่าเจี่ยวจืออีกแล้ว และในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนของชาวจีนทางเหนือ อาหารชนิดนี้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ทั้งยังได้รับเกียรติให้เป็นอาหารมื้อแรกของวันด้วย
ประเพณีการกินเจี่ยวจือในวันตรุษจีน เริ่มเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์หมิง(ค.ศ.1368-1644) โดยคนในครอบครัวจะต้องห่อเจี่ยวจื่อให้เสร็จก่อนเที่ยงคืนของวันสิ้นปี รอจนยามที่เรียกว่า " จื่อสือ ( 子时) " ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 23 - 1 นาฬิกาของวันถัดมาก็จะเริ่มรับประทานกัน และเป็นเวลาเริ่มต้นวันใหม่ของปีใหม่พอดี การทานเจี่ยวจือจึงมีความหมายว่า เปลี่ยนปีเชื่อมเวลา (更岁交子) ' เพราะคำเรียกอาหารชนิดนี้ 饺- เจียว ก็ออกเสียงคล้าย 交-เจียว ซึ่งมีความหมายว่า เชื่อมต่อกัน และ 子-จื่อ ก็คือ 子时 จื่อสือ นั่นเอง
นอกจากนั้น การรับประทานอาหารชนิดนี้ ยังมีความหมายสำคัญของการรวมตัวของคนในครอบครัวอีกด้วย เมื่อแป้งที่ห่อไส้ เรียกว่า 和面- เหอเมี่ยน คำว่า 和พ้องเสียงกับคำว่า 合 เหอ ที่แปลว่า ร่วมกัน และ 饺 - เจี่ยว ก็ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 交 ที่มีอีกความหมายว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันด้วย
การรับประทานเจี่ยวจือในวันตรุษจีนยังมีตำนานและเรื่องเล่ามากมาย ดังเช่น มีการกล่าวกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ หนี่ว์วา (女娲) ผู้สร้างมนุษย์ โดยเชื่อว่า ในระหว่างที่หนี่ว์วากำลังปั้นดินให้เป็นมนุษย์นั้น เนื่องจากอากาศเย็นจึงทำให้ดินร่วนแตกง่าย เพื่อให้ส่วนที่ปั้นเป็นหูไม่หลุดออกจากหัว หนี่ว์วา จึงเจาะรูในหูและใช้เส้นด้าย (线- เสี้ยน) คล้องไว้ แล้วลอดออกมาทางปากของตุ๊กตาดิน ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงบุญคุณของหนี่ว์วา ชาวบ้านจึงปั้นเจี่ยวจือให้เป็นรูปคล้ายหูคน ภายในบรรจุไส้ (馅-เสี้ยน) แล้วนำมารับประทาน
กรรมวิธีการห่อเจี่ยวจือ ต้องแผ่แป้งให้บางเป็นรูปวงกลมแล้วจึงนำมาใส่ไส้ที่ผสมแล้ว
นอกจากนั้น ก็มีเรื่องที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเล่าขานกันว่า ในสมัยปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ.22-220) ขณะที่ จางจงจิ้ง แพทย์หลวงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น หมอเทวดา กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม ที่เมืองหนันหยัง-มณฑลเหอหนัน หลังจากลาออกจากราชการ ระหว่างทางซึ่งบังเอิญเป็นวันเทศกาลตงจื้อ (วันที่ช่วงกลางวันสั้นที่สุด และกลางคืนยาวที่สุดของปี เมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว กลางวันก็จะค่อยๆ นานขึ้น ปัจจุบันระบุในปฏิทินระบบสุริยคติว่าคือวันที่ 22 หรือ 23 ธันวาคมของทุกปี) เขาได้พบกับชาวบ้านมากมายที่ต้องทนทุกข์กับความหนาวเหน็บ จนหูทั้งสองข้างมีเลือดออก และที่ป่วยกระทั่งเสียชีวิตไปก็มีไม่น้อย
หมอเทวดาจางเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจตั้งเพิงเพื่อรักษาผู้ป่วย ทั้งยังตั้งเตาขนาดใหญ่เพื่อต้มเนื้อแพะปรุงพิเศษด้วยยาจีน ที่มีฤทธิ์ร้อนและขับไล่ความหนาว แล้วนำแป้งมาห่อเนื้อแพะเหล่านั้นเป็นรูปคล้ายหูคน เมื่อปรุงเสร็จแล้วก็นำไปแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ได้รับประทานกัน ตั้งแต่วันตงจื้อไปจนถึงวันตรุษจีน อันเป็นระยะเวลาร่วม 1 เดือน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้กับคนยากคนจนได้มากมาย
ตั้งแต่นั้นมา คนในหมู่บ้านดังกล่าวและคนรุ่นหลังที่สำนึกในบุญคุณ จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวเรื่อยมา และเรียกแป้งห่อเนื้อรูปหูว่า " เจี่ยวเอ่อร์ ( 饺耳) " 耳แปลว่า หู และ 饺子เจี่ยวจือ จนกลายเป็นประเพณีสืบทอดเรื่อยมา
สมาชิกในครอบครัวช่วยกันห่อเกี๊ยว ฉลองตรุษจีน
การที่เจียวจื่อเป็นอาหารสำคัญที่ไม่อาจขาดได้ในวันตรุษจีน ยังมีเหตุผลมาจากรูปลักษณ์ของเจี่ยวจือ ที่เป็นรูปทรงคล้ายเงินในสมัยโบราณ การรับประทานเจี่ยวจือ จึงเหมือนการนำเงินทองเข้ามาสู่ตัว นอกจากนั้น ไส้ในเจี่ยวจือก็ยังสะดวกต่อการบรรจุสิ่งที่เป็นมงคลลงไป เป็นการให้ความหวังต่อคนที่รับประทานด้วย เช่น ลูกกวาด ถั่วลิสง พุทราแดง เม็ดเกาลัด เหรียญเงิน โดยคนที่กัดเจอลูกกวาด หมายถึง ชีวิตในปีใหม่ก็จะยิ่งหอมหวาน ในขณะที่ ถั่วลิสง มีความหมายว่า แข็งแรงและอายุยืนนาน ส่วน พุทราแดง และ เกาลัด หมายถึง การจะมีบุตรภายในปีนั้น และหากกัดเจอ เหรียญเงิน ก็จะยิ่งร่ำรวยเงินทอง
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน เจี่ยวจือไม่ได้จำกัดวงแค่เป็นอาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้วเท่านั้น แต่ยังพัฒนาจนกลายเป็นอาหารหลักของชาวจีนทางเหนือ ดังที่เราจะสามารถสั่งเจี่ยวจือไส้ต่างๆ มาทานได้ตามร้านอาหารทั่วไปในปักกิ่ง และ เหลียวหนิง นอกจากนั้น ยังมีการประยุกต์ไส้ของเจียวจื่อให้มีความหลากหลาย และมีราคาแพงขึ้นกว่าเดิมด้วย เช่น ไส้หูฉลาม เป๋าฮื้อ หรือ อาหารพิสดารทั้งหลาย ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของอาหาร
เจี่ยวจือประยุกต์ มีสีสันดึงดูดใจผู้รับประทาน
และสำหรับใครที่อยากจะไปลองชิมเจียวจื่อ ก็ได้มีผู้รู้กรุณาแนะนำร้านมาให้ดังนี้ค่ะ
ร้านเจี่ยวจือชื่อดังในปักกิ่ง
1.หลงถันเจี่ยวจือไห่เซียนเฉิง ที่อยู่เขตย่ายุ่นชุนเสี่ยวชีว์, ฮุ่ยจงเป่ยหลี่, ซื่อชีว์ หมายเลขโทรศัพท์ 010-64858038 2.เทียนจินไป่เจี่ยวจือหย่วน ที่อยู่เขตซีเฉิงชีว์, ถนนซินเหวินฮั่วเจี่ย12, ฮ่าว หมายเลขโทรศัพท์ 010-66059371 3.จิ่วพิ่นเจี่ยวจือเฉิง ที่อยู่เขตเสวียนอู่ชีว์, ถนนกว่างเน่ยต้าเจียหลิน 89, ฮ่าว หมายเลขโทรศัพท์ 0106318 ร้านเจี่ยวจือชื่อดังในกว่างโจว(กวางเจา)
1.ตงเป่ยเหริน มีทั้งสิ้น 5 สาขา คือ 1.เถาจินเป่ย 020-83576277, 83575276 2.ฮัวหยวนต้าซ่า 020-87501711, 87571507 3.เหอไท่ 020-87751854, 87600688-3111 4.หลันเป่าสือต้าซ่า 020-81361466, 81362476 5.เจียงหนันซีลู่ 020-84401818, 84439889 2.เฮยเทียนเอ๋อ มีทั้งสิ้น 12 สาขา เช่น 1.เทียนเหอ 020-87547095 2.ตงซัน 020-87675687 3.เจี่ยฟั่งเป่ยลู่ 020-83643305 4.ซีหูลู่ 020-83365096 5.กงเยี่ยต้าเต้าลู่ 020-84341582 ฯลฯ
***ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาขอข้อมูล, บทความและภาพประกอบ - ผู้จัดการออนไลน์ - //www.yesky.com - //www.china.org.cn - //www.etiquette.aisec.com - //www.5c5w.com - BG สวยๆ จาก คุณ lozocat
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 22:06:51 น. |
Counter : 927 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เกร็ดตรุษจีน # 6 เหนียนเยี่ยฟ่าน (年夜饭) - มื้อส่งท้ายปีเก่า
เหนียนเยี่ยฟ่าน (年夜饭) หมายถึง อาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญก่อนขึ้นปีใหม่ ที่ชาวจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมักไหว้บรรพบุรุษและจุดประทัดกัน ก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหารมื้อพิเศษนี้
เหนียนเยี่ยฟ่าน มีความพิเศษตรงที่ เป็นมื้อใหญ่ที่สมาชิกในครอบครัวทุกรุ่นทุกวัยและทุกเพศ จะพร้อมหน้าพร้อมตาล้อมวงร่วมรับประทานอาหารกัน สมาชิกที่แยกไปอยู่ที่อื่นจะพยายามกลับมาให้ทันวันส่งท้ายปี แต่หากกลับมาไม่ได้จริงๆ ครอบครัวจะเว้นที่ว่างพร้อมวางชามและตะเกียบไว้ เสมือนหนึ่งว่ามากันครบ หลังจากทาน เหนียนเยี่ยฟ่าน เสร็จแล้ว ผู้ใหญ่จะให้ ยาซุ่ยเฉียน (压岁钱) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า อั่งเปา หรือ " แต๊ะเอีย " แก่เด็กๆ
ความพิเศษของ เหนียนเยี่ยฟ่าน ยังอยู่ที่ความหลากหลายของอาหารที่รับประทาน เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งปี ได้ผ่อนคลายและทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัว ในคืนสุดท้ายของปี
ขณะที่ชื่อของอาหารที่นำมาตั้งโต๊ะยังแฝงไว้ด้วยความหมายที่เป็นสิริมงคล จานบังคับที่ทุกโต๊ะต้องมี คือ จี / ไก่ (鸡) และ อี๋ว์ /ปลา (鱼) แทนความหมาย จี๋เสียงหยูอี้ (吉祥如意 เป็นสิริมงคลสมดังปรารถนา) และ เหนียนเหนียนโหยวอี๋ว์ (年年有余 มีเงินทองเหลือใช้ทุกปี) ส่วนที่ ไต้หวัน ยังนิยมทานลูกชิ้น หมายถึง การกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา นอกจากนี้ ยังมี จิ่วไช่ (韭菜 ผักกุ้ยช่าย) ที่หมายถึง อายุมั่นขวัญยืน ((年寿长久)) สำหรับชาวหมิ่นหนัน ชนกลุ่มน้อยในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนใต้ของจีน เรียก " แครอท " ในภาษาถิ่นว่า ไช่โถว (菜头)) แฝงความหมายการเริ่มต้นปีที่ดี ((好彩头)) และในบางพื้นที่จะกินเกี๊ยว หรือเรียกในภาษาจีนว่า เจี่ยวจือ ( (饺子)) ที่มีรูปร่างคล้ายกับเงินแท่งสมัยโบราณที่ปลาย 2 ด้านงอนขึ้น บางครั้งก็ใส่เหรียญเงินไว้ในเกี๊ยวด้วย เพื่อบันดาล โชคลาภเงินทอง เป็นต้น.
ซอง ยาสุ่ยเฉียน/อั่งเปา แบบต่างๆ
*** ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ
- ผู้จัดการออนไลน์ - BG สวยๆ จาก คุณ lozocat
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 22:05:23 น. |
Counter : 809 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|