กระดาษคู่ที่เขียนตัวอักษรในแนวตั้งคู่ 4 ตัวอักษร หรือคู่ 7 ตัวอักษร ที่ชาวจีนแขวนไว้ที่เสาหรือประตูหน้าบ้านทั้งสองข้าง เรียกว่า " ตุ้ยเหลียน "ถ้าเรียกให้เฉพาะเจาะจงถึงตุ้ยเหลียนที่ใช้แขวนประดับในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนที่มักเป็นกระดาษแดงที่เขียนบทกลอนหรือคำขวัญอวยพรในวันปีใหม่ด้วยตัวอักษรสีทองหรือสีดำนั้น เรียกว่า " ชุนเหลียน " (春联)
จากบทสัมภาษณ์ คุณลุงเจิงเจิ้นเต๋อ โดยผู้จัดการออนไลน์คุณลุงเจิงเจิ้นเต๋อ ผู้ยึดอาชีพเขียนตุ้ยเหลียนริมถนนเจริญกรุงมา 10 กว่าปี เล่าว่า ในช่วงตรุษจีนคำอวยพรที่นิยมในกลุ่มพ่อค้าเชื้อสายจีนในไทย มักเป็นคำกลอนเพื่อขอพรให้กิจการค้ารุ่งเรือง อาทิ 财源广进 生意兴隆 (ไฉหยวนกว่างจิ้น เซิงอี้ซิงหลง) หรือ คำอวยพรทั่วไปที่ติดปากคนไทยไปแล้ว อย่างเช่น 新正如意 新年发财(ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวกไช้) ตรงกับเสียงในภาษาจีนกลางว่า " ซินเจิ้งหยูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ "หมายถึง อวยพรให้สมปรารถนาและร่ำรวยในวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการเขียนชุนเหลียนนับเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง อักษรบนกลอนคู่ชุนเหลียนต้องเป็นลายมือที่งดงามจริงๆ จึงจะสามารถขายได้ ตัวอักษรที่พบเห็นบนชุนเหลียนแถบเยาวราช โดยมากมักเขียนเป็นตัวบรรจงสมัยฮั่น ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีลีลาสะบัดพู่กันแตกต่างกัน เสน่ห์ของชุนเหลียนเหล่านี้อยู่ที่น้ำหนักของเส้นสายสีทองบนพื้นกระดาษสีแดงสดที่ถ่ายทอดมาจากมือผู้เขียน คนที่รับจ้างเขียนตุ้ยเหลียนหรือชุนเหลียนจึงไม่อาจว่างเว้นการฝึกฝีมือเขียนพู่กันจีน หรือ 书法(ซูฝ่า)ได้เลย ถึงแม้ในปัจจุบัน วิวัฒนาการด้านการพิมพ์ก้าวหน้าสามารถผลิตแผ่นกลอนคู่ออกมาแข่งกับชุนเหลียนทำมือทีละจำนวนมากๆ สีสันก็สดใสแวววาวกว่า แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ชื่นชมในความงามทางศิลปะที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษรจีนซึ่งเขียนขึ้นด้วยมืออยู่นั่นเอง
ประเพณีการติดชุนเหลียนในเมืองและชนบทของจีนในช่วงเทศกาลตรุษเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง และแพร่หลายเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์หมิงในบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า จักรพรรดิหมิงไท่จู่จูหยวนจาง ทรงโปรดตุ้ยเหลียนเป็นอย่างมาก ถึงกับทรงพู่กันจีนประพันธ์ตุ้ยเหลียนอยู่บ่อยครั้ง และยังสนับสนุนข้าราชการในราชสำนักและชาวเมืองให้เขียนตุ้ยเหลียนกันถ้วนหน้า มีเรื่องเล่าว่า ในวันตรุษปีหนึ่ง องค์ไท่จู่ได้เสด็จประพาสบ้านเรือนประชาชนเพื่อทอดพระเนตรชุนเหลียน พบว่าที่บ้านหลังหนึ่งยังไม่มีชุนเหลียนติดที่ประตู สืบถามได้ความว่า เจ้าของบ้านเป็นคนฆ่าหมูกำลังกลุ้มใจว่าหาคนเขียนชุนเหลียนไม่ได้ พระองค์จึงพระราชทานชุนเหลียนฝีพระหัตถ์แก่คนฆ่าหมูผู้นั้น ความหลงใหลในความงามบนตัวอักษรและศิลปะการประพันธ์กลอนคู่ของฮ่องเต้ไท่จู่ ส่งผลให้ความนิยมชุนเหลียนในหมู่สามัญชนแพร่หลายอย่างมากในสมัยนั้น
คำอวยพรบนกลอนคู่วันตรุษในแผ่นดินใหญ่ที่นิยม เช่น 爆竹一声除旧岁 桃符万户迎新年 เป้าจู๋อี้เซิงฉูจิ้วซุ่ย เถาฝูวั่นฮู่อิ๋งซินเหนียน หมายถึง การพรรณนาบรรยากาศการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยการจุดประทัด 天增岁月人增寿 春满乾坤福满门 เทียนเจิงซุ่ยเย่ว์เหยินเจิงโซ่ว ชุนหม่านเฉียนคุนฝูหม่านเหมิน หมายถึง โชคดีปีใหม่สุขถ้วนหน้า สำหรับผู้ทำการค้านิยมกลอนคู่ที่มีความหมายอวยพรให้การค้ารุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา เช่น 财源茂盛达三江 生意兴隆通四海 (ไฉหยวนเม่าเซิ่งต๋าซันเจียง เซิงอี้ซิงหลงทงซื่อไห่) หรือ 门迎春夏秋冬福 户纳东西南北财 (เหมินอิ๋งชุนเซี่ยชิวตงฝู ฮู่น่าตงซีหนันเป่ยไฉ) เป็นต้น
ในบรรดาสารพัดสิ่ง เสริมสิริมงคล ช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น นอกจากการแขวนโคมแดง กินเกี๊ยว แปะภาพตัดกระดาษ(เจี๋ยนจื่อ 剪纸) ติดคำอวยพรกลอนคู่ (ชุนเหลียน 春联) แล้ว ชาวจีนยังถือเคล็ดตกแต่งบ้านเรือนด้วย ภาพมงคลต้อนรับปีใหม่หรือเหนียนฮว่า(年画) มาช้านาน เหนียนฮว่า เจ้าเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อลือนามเป็นผลงานจาก หมู่บ้านหยังหลิ่วชิง (杨柳青) ในนครเทียนจิน ที่มีมาตั้งแต่ราชวงศ์หมิง ในสมัยจักรพรรดิฉงเจิน (ค.ศ.1627-1644) พัฒนาฝีมือรุ่งเรืองมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงสมัยจักรพรรดิกวงซี่ว์ (กวงสู) แห่งราชวงศ์ชิง(ค.ศ.1644-1911) และเกือบสูญสลายไปในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครอง ก่อนจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งในทศวรรษที่ 60 เอกลักษณ์ของภาพมงคลสกุลช่างหยังหลิ่วชิง อยู่ที่กรรมวิธีการผลิตแบบ ครึ่งพิมพ์ครึ่งวาด โดยใช้แม่พิมพ์ไม้แกะสลักฝีมือประณีต ที่ให้ภาพพิมพ์ลวดลายงดงามคมชัด แล้วนำมาแต่งแต้มเติมสีด้วยมืออย่างวิจิตรบรรจง
ไม่เพียงเหนียนฮว่าจะดึงดูดใจด้วยสีสันที่สดใส แต่ยังมีเสน่ห์ที่สรรพสิ่งในภาพล้วนซ่อนความหมายมงคลไว้ อย่างของบ้านหยังหลิ่วชิงแต่โบราณ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปเด็กน้อยอ้วนท้วนแก้มสีชมพูระเรื่อ ร่าเริงน่ารัก มักถือลูกท้อ ลูกทับทิม อุ้มปลาคราฟ ปลาทอง หรือ ถือดอกบัวในมือ โดยแต่ละอย่างจะแฝงความหทายที่เป็นสิริมงคลไว้ ได้แก่ - เด็กน้อยอ้วนท้วน แทน ความสมบูรณ์พูนสุข - ลูกท้อ (เถาจื่อ 桃子) แทน อายุมั่นขวัญยืน - ลูกทับทิม (สือหลิ่ว 石榴) แทน ลูกหลานมากมาย - ค้างคาว (เปียนฝู 蝙蝠) พ้องเสียงกับคำว่า " ฝู (福) " ที่แปลว่า ความสุขสวัสดี - ปลา (อี๋ว์ 鱼) พ้องเสียงกับคำว่า " อี๋ว์ (余) " ที่แปลว่า เหลือ,เกิน - ปลาทอง (จินอี๋ว์ 金鱼) แทน เงินทอง - ปลาคราฟ (หลี่อี๋ว์ 鲤鱼) แทน ความเจริญก้าวหน้า - แจกัน (ฮวาผิง 花瓶) พ้องเสียงกับคำว่า " ผิงอัน (平安) " ที่แปลว่า ความสงบสุข - ดอกโบตั๋น (หมู่ตันฮวา 牡丹花) แทน ความร่ำรวยมีวาสนา - ดอกบัว (เหลียนฮวา 莲花) แทน ความต่อเนื่องยืนยาวตลอดไป
ภาพมงคลยังถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนแนวคิด วิถีชีวิต ตำนานเรื่องเล่า และความหวังของชาวมังกร โดยเชื่อว่า การติดเหนียนฮว่า จะนำมาซึ่งความเจริญมั่งคั่ง อยู่เย็นเป็นสุข อายุมั่นขวัญยืน เป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย ส่วนเหนียนฮว่าภาพเทพเจ้า จะช่วยปกป้องคุ้มครอง ขับไล่ภูตผีและสิ่งชั่วร้าย ขณะที่ภาพมงคลในยุคปิดกั้นวัฒนธรรมโบราณ ได้แปลงโฉมเป็นภาพวิวทิวทัศน์แทน ปัจจุบันเหนียนฮว่ายังกลายเป็นของล้ำค่าในบรรดานักสะสม ทั้งนี้ เหนียนฮว่า แบ่งได้ 3 ประเภทตามลักษณะการผลิต ได้แก่ ภาพพิมพ์ ภาพลายฉลุกระดาษ และภาพวาด ซึ่งสำหรับประเภทภาพจากแม่พิมพ์ไม้แกะสลัก นอกจากหยังหลิ่วชิงแล้ว ยังมีภาพมงคล " เหวยฝาง ( 潍坊) " จาก มณฑลซันตง " เหมียนจู๋ ( 绵竹) " จาก เสฉวน และ " เถาฮวาอู้ ( 桃花坞) " จาก เจียงซู เหนียนฮว่า จากที่ง 4 แห่งนี้ ได้รับการขนานนามเป็น " 4 สุดยอดสำนักภาพพิมพ์เหนียนฮว่าแห่งแดนมังกร "