Group Blog
 
All Blogs
 
การใช้และความแตกต่างระหว่าง AHA และ BHA




Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2548 19:49:07 น. 3 comments
Counter : 1217 Pageviews.

 
ผู้เขียนบทความ : Start now

ทั้ง AHA และ BHA นั้นต่างก็เป็นสารที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวด้วยกันทั้งสิ้น ทั้ง 2 ตัวนั้นต่างทำหน้าที่เดียวกันนั่นก็คือการผลัดเซลล์ผิวเฉพาะเซลล์ผิวที่ตายแล้วเท่านั้น ให้หลุดลอกออกไปโดยการทำลายพันธะที่ยึดเหนี่ยวเซลล์ที่ตายเหล่านี้ให้หลุดออกจากผิวชั้นบนสุดของเราได้ง่ายขึ้น โดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเซลล์ผิวที่ยังดีอยู่แต่อย่างใด AHA (alpha hydroxy acid) / BHA (beta hydroxy acid) นั้น เป็นการผลัดเซลล์ผิวทางเคมีหรือ chemical peeling โดยอาศัยกรดชนิดต่างๆเข้าทำการผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวถือว่ามีความจำเป็น เพราะว่ามีผลดีหลายด้านเช่นช่วยทำความสะอาดรูขุมขน, ช่วยทำให้ผลิตภัณ์บำรุงต่างๆซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น ช่วยเผยผิวใหม่ที่มีสุขภาพดี กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ที่หมองคล้ำ ที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป ช่วยลดการเกิดสิวอันมีสาเหตุมาเนื่องจากรูขุมขนที่อุดตัน การผลัดเซลล์ผิวที่ดีควรจะทำทั้งแบบสารเคมีและแบบกายภาพควบคู่กันไป (การผลัดเซลล์ผิวทางกายภาพ คือการใช้สครับ หรือ physical peeling) เพราะเมื่อเซลล์ผิวเมื่อได้รับการทา AHA/BHA แล้ว การขัดทางกายภาพจะช่วยนำซากเซลล์ที่ตายแล้วเหล่านั้น ให้หลุดออกจากผิวหน้าและรูขุมขนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งหมดที่เขียนมาข้างบนนั้น ทั้งคู่คือ AHA และ BHA ต่างมีประสิทธิภาพเหมือนกัน ทำอย่างเดียวกัน ในเรื่องของข้อแตกต่างนั้น จะอยู่ที่เรื่องการทำงานในระดับความลึก

AHA : สกัดได้จากกรดผลไม้ต่างๆ ตัวที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ Glycolic acid ส่วนค่าความเข้มข้นที่นิยมใช้กันส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 10% อาจน้อยกว่านั้นในรายที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย, AHA จะเหมาะสมกว่าสำหรับผิวที่แห้งเพราะว่ามันจะทำการผลัดเซลล์ผิวที่ระดับความลึกที่ตื้นกว่า ไม่ซึมผ่านเข้ารูขุมขนไปถึง sebum ดังนั้นจึงรักษาความชุ่มชื่นได้ดีกว่า และระคายเคืองน้อยกว่า และยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้ผิวสังเคราะห์ collagen อีกด้วย

BHA : คือ Salicylic acid ทำงานที่ระดับความลึกมากกว่า สามารถซึมผ่านรูขุมขนเข้าไปได้และลึกไปถึงต่อมไขมัน ดังนั้นจึงช่วยลดความมันได้มากกว่า จึงเหมาะสมกับผู้ที่มีผิวมัน และผิวค่อนข้างแข็งแรง ไม่ระคายเคืองง่าย และ salicylic นั้นยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งการการะจายและการเติบโตของสิวอีกด้วย ซึ่งพวกผลิตภัณฑ์ต่อต้านสิวหลายๆยี่ห้อมักจะใช้เป็นส่วนผสม, ค่าความเข้มข้นที่ใช้ตามปรกติจะอยู่ที่ 1-1.5% ไม่มากเกิน 2% เพราะว่าอาจจะทำให้ผิวลอกออกมาได้ ถ้ามากกว่านั้นอีกหน้าคงจะไหม้นะครับ :-)

ทั้ง AHA และ BHA นั้น สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น โดยขึ้นอยู่กับค่าความเข้มข้นเป็นหลักนะครับ เช่น BHA ประมาณ 1% สามารถใช้ตอนเช้าได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นไม่ควร เพราะว่าอาจจะทำให้หน้าแสบหรือระคายเคืองเมื่อถูกแสงแดด ซึ่งไม่ว่าจะใช้ตัวไหนก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะว่าผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น และสำหรับผู้ที่มีผิวผสมนั้น การใช้ AHA เฉพาะ U-zone (ส่วนที่แห้ง ไม่รวมคาง) และ BHA เฉพาะ T-zone (ส่วนที่มัน) ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน


โดย: Start now วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:19:49:28 น.  

 
เหรอคับ


โดย: เขียว IP: 203.150.217.114 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:0:04:51 น.  

 
เออ...คือว่า AHA นั้นจะซึมลงสู่ผิวได้ลึกกว่า BHA นะครับ ไม่ใช่ตรงกันข้ามอย่างที่คุณ Start Now บอก แต่ว่า BHA นั้นจะเป็นพวก fat/lipid soluable ในขณะที่ AHA นั้นเป็น water soluable ดังนั้นจึงสามารถเข้าไปกำจัดสิวได้ดีกว่า AHA ครับ ดังนั้นเราจึงเห็นว่า cleanser นั้นจะใช้ BHA (Salicylic Acid) แทนที่จะเป็น AHA เพราะ AHA นั้นต้องทำงานโดยการผ่านซึมเข้าผิวหนัง แต่เวลาล้างหน้าคงไม่นานพอที่จะให้ AHA ซึมเข้าได้หรอกนะครับ แล้วก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็น water soluable ด้วย ดังนั้นมันก็คงละลายหายไปกับน้ำที่ล้างหน้าแหละครับ แต่ AHA นั้นจะมีประโยชน์มากกว่า BHA เมื่อใช้ในครีมบำรุงเพราะว่าซึมได้ลึกกว่าจึงแพ้และระคายเคืองได้ง่ายกว่าเช่นกันครับ BHA นั้นก็จะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายครับ


โดย: a pharmacist IP: 202.183.173.223 วันที่: 7 ตุลาคม 2548 เวลา:2:12:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Start now
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สบายๆครับ รักธรรมชาติ รักชีวิต รักความถูกต้อง..

ความสุข คือ
1. การมองเห็นความสุขในตัวผู้อื่น
2. การมองเห็นความสุขในตัวเอง

แค่นี้ก็มีความสุขแล้วนะ....














Friends' blogs
[Add Start now's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.