ประสบการณ์ มรรคผลของความสมถะ เช่นนี้เอง..
ปเจอภาพชาวเน็ตเอาภาพกุฏิที่พำนักของเกจิพระอาจารย์ผู้โด่งดัง มากมาย

เห็นภาพแล้ว..ช่างทำให้จิตเราบางเบาลงไปด้วย พลอยหายหนักหน่วงไปกับอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่อยากนึกถึง

(เราแบกๆ ต่างรูป ต่างแบบ กันไป )  


ทำไมถึงมองไปถึง มรรคผลตามมา  ดิฉันเคยไปบวชปฏิบัติธรรม วัดบ้านนี่แหละ อยู่ไกล้ๆ บ้าน (ทางภาคใต้ค่ะ วัดเป็นวัดที่ด้อยพัฒนาพอควร ไม่มีโบถส์งามๆ มีโบสถ์ไม้เก่าๆ ที่เข้าไปใช้งานไม่ได้ ถล่มทับเราได้ เจ้าอาวาสก็ว่างวายมานาน จนตอนนี้มีมา 1 ท่าน กว่าท่านจะทำให้วัดร้างเป็นวัดมีชีวิตได้ ลำบากมากจริงๆ ยากเพราะโยมรอบๆ วัดห่างเหินธรรมะค่ะ คุณแม่เปรยๆ ว่าถ้าไม่ห่าง ไม่มีใครปล่อยให้วัดร้างได้หรอก สาเหตุหลักมาจาก พระในวัดปฏิบัติตนไม่ดี และขาดศรัทธา วัดนี้มีประวัติ เจ้าอาวาสวัดนี้โดนฆ่าตาย

เจ้าอาวาสเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ มีคนข้างวัดกู้เงินวัดมากมายเป็นที่รู้ๆ กัน เจ้าอาวาสมีโยมมาคุยเป็นเพื่อนยามวิกาล พิจารณาธรรมกันแทบทุกวัน ข่าวว่าหลายคนสลับกันไป วันนึงเจ้าอาวาสก็โดนฆาตกรรมถึงแก่ความตาย อย่างโหดเหี้ยม จับผู้ร้ายไม่ได้ เรื่องนี้เกิดดิฉันยังไม่เกิดคุณแม่เล่าให้ฟัง

เจ้าอาวาสท่านต่อมาก็ถูกฆ่าตายเช่นเดิม ดิฉันเพิ่งเกิดและมีอายุไม่กี่ปี พาลทำให้กลัวผีที่วัด คือ ผีเจ้าอาวาส หรือ ผีพระ!!   



ดิฉันและครอบครัวก็มุ่งมั่นเป็นโยมที่ดีข้างวัดเสมอๆ วัด และในบริเวณวัด ยังเป็นแบบนี้ ชาวบ้านแถวนั้นเป็นอย่างไร นึกภาพเอา ห่างเหินทาน ศีล ภาวนา เต็มทนใช่หรือไม่!  



เรื่องทำบุญทานก็ยากเต็มที เมื่อมีการหันมาพัฒนาวัด ก็มีเจ้าอาวาส ท่านก็มีอุปการะสามเณร ให้มาศึกษา มีพระบิณฑบาตรทุกวัน ด้วยความมีมานะ และเวลามีกิจใดๆ รับนิมนต์ได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะพระไม่ครบ ต้องไปเชิญที่อื่นมาช่วย มีช่วยก็รับได้ ไม่มีก็รับนิมนต์ไม่ได้ เป็นเช่นนี้เสมอๆ  

จนตอนนี้วัดเริ่มเจริญ เราก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัด เริ่มมีกุฏิเรือนไม้ เจ้าอาวาสลงมือ ค่อยๆ สร้างไปเรื่อยๆ ง่ายๆ ราคาถูกๆ คนมาเห็นเข้า โอ มีแม่ชีด้วย ได้เหรอที่วัดรับได้เหรอ เราว่า ได้สิ ก็ดี มีคนมาทำความสะอาดส้วมบ้าง วัดได้งบมาเพราะมีโยมมาช่วยทำห้องน้ำให้ เมื่อเห็นว่ามีแม่ชีมาปฏิบัติธรรม (โยมผู้หญิงนี่ลำบากห้องน้ำนี่เรื่องใหญ่) การรักษาความสะอาด ก็แสนเข็ญ ไปปฏิบัติธรรม ได้ขัดถูห้องน้ำจนเพลียเลยค่ะ

เมื่อห้องน่ำ สวยงามสะอาด ก็มีประสบการณ์เพิ่ม พบว่า มีคนข้างวัด หลายๆ บ้าน เช้าๆ วิ่งมาขับถ่ายที่วัด แต่เช้ามืดเลย เป็นชายหญิง เด็กวัยรุ่น วัยเยาว์ ดิฉันตื่นวัตรเช้า ทำสมาธิ เตรียมครัว รอพระบิณฑบาตรมา พระต้องเป็นคนหยิบให้แม่ชี เราห้ามแต่ะ อาหารพระที่ประเคนพระแล้ว แปลกใจ เวลาจะหาคนช่วยถางหญ้า ทำความสะอาดเตรียมทำอะไร วัดหาคนช่วยไม่ได้ แต่ทุกเช้าเราเห็นคนเดินเข้าออกวัดขวักไข่ว ยังกะผีหลอกหลอนตอนเช้ามืด แต่กลางวันหรือวันมีกิจสำคัญ เงียบกริบ ????  


และช่วงที่เคยไปปฏิบัติธรรมนั้น เจอพระเถึยงกันเรื่องท่านเจ้าอาวาส เดินเอาบิลค่าไฟมาส่งให้รองเจ้าอาวาส เพื่อมาหารค่าไฟกับพระในวัด ท่านมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ ดิฉันมาเข้าใจทีหลังคือ พระเปิดแอร์ืทิ้งทั้งวัน ดูทีวีทั้งวัน เปิดเพลงเล่นเกมส์ทั้งวัน แอบทำในกุฏิ ท่านเจ้าอาวาสเตือนก็แล้ว เดินคุมดูทั้งวัดก็ไม่ไหว (แม่ชีไม่เกี่ยวค่ะ เพราะแม่ชีนอนกุฏิไม้ ที่เก็บโลงศพ เจ๋งมั้ยหละ มีพัดลมเล็กๆ ตกกลางคืนหนาวแทบไม่ได้เปิด) กุฏิติดสุข ก็ห้ามกันยาก 

เดือนนั้น บังเอิญค่าไฟมาช้า พระสึกออกไปองค์หนึ่ง ก่อน .. ทำให้พระที่เหลือ บ่นกันใหญ่ ค่าไฟแพง งานนี้แม่ชีพากพิงไปเล็กน้อย ด้วยมีแม่ชีไปบวช พระไม่กล้าปิดไฟให้วัดมืด (เพราะแม่ชีสวย) กลัวเป็นอันตราย ไปเลยเถิด..เลยค่าไฟ กระฉูด

แม่ชีเข็ด จะไม่ไปวัดบ้านอีก ขอไปบวชวัดป่า เท่านั้น .. 555555 ประสบการณ์จริงค่ะ 




Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 14:11:23 น.
Counter : 1050 Pageviews.

1 comment
สัญญาณความเห็นแก่ตัว
🙏🙏🙏
1. คนอื่นเป็นฝ่ายยอมตลอด
อันนี้เป็นสัญญาณแรก คือ การให้คนอื่นเป็นฝ่ายยอมตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรหรือคิดอะไร ก็มักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลและคนอื่นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่คิดที่ทำทุกครั้ง แม้บางครั้งคนอื่นอาจจะไม่ชอบสิ่งที่หยิบยื่นให้ก็ตาม การที่คนยอมนั้นไม่ได้แปลว่ากลัว แต่มันเป็นการรักษามิตรภาพ อย่าลืมว่า "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ความหมายนี้

2. ตัวเองก้าวก่ายเรื่องต่างๆได้ คนอื่นอย่าแหยมไม่ชอบให้ใครมาพูดหรือคิดเห็นต่าง ยามคนอื่นพูดหรือเตือน กลับมองว่าเป็นการก้าวก่าย อารมณ์เสีย ในขณะที่ตัวเองสามารถวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่

3. อยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่ต้องการเคยถามความต้องการของคนอื่นบ้างหรือเปล่า ต้องกินเหมือนกัน ต้องไปด้วยกัน ต้องไลฟ์สไตล์แบบเดียวกัน อันนี้ไม่ใช่แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่ทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วย เพราะมันแสดงถึงว่าไม่เคยพอใจในสิ่งที่คนอื่นมีหรือสิ่งที่คนอื่นเป็น แต่กลับอยากให้เป็นอย่างที่ต้องการไปเสียทุกอย่าง

4. เอาแต่ใจตัวเอง
ไม่ว่าจะถกเถียง โต้แย้ง หรือกำลังหาคำตอบเรื่องใดอยู่ก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้วจะผู้ที่เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ในเมื่อมีคำตอบ มีปักธงอยู่ในใจแล้ว จะขอความคิดเห็นทำไม คือ แบบนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ต้องการคนที่มาสนับสนุนความคิดเท่านั้นแหละ อย่าถามให้เหนื่อยเพราะสุดท้ายแล้วก็เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ดี

5. ไม่เคยขอโทษเป็นฝ่ายผิดแต่กลับมองว่าตัวเองถูก หรือ รู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่เคยขอโทษ และที่แย่กว่านั้นคือขอโทษแบบไม่จริงใจ ขอโทษแบบขอไปที

6. หงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดเสมอ หากสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ดั่งใจ ที่หนักไปไปกว่านั้น ไม่ว่าจะหงุดหงิดมาจากไหนก็ตาม มักจะมาระบายหรือหงุดหงิดใส่คนอื่นอีกต่างหาก เช่น การพูดประชดประชัน ตวาด เสียงดัง หรือใครไม่อินไปด้วยกับปัญหาที่เจอหรือสิ่งที่เล่าให้ฟัง ก็มักจะทำสิ่งนั้นเพื่อให้คนอื่นได้รู้สึกแบบเดียวกัน อาจตามมาด้วยคำพูดประมาณว่า "เข้าใจหรือยังล่ะ" หรือ “รู้สึกหรือยังล่ะว่าฉันรู้สึกยังไง"

7. ไม่เคยช่วย หรือ ช่วยก็ทวงบุญคุณอย่าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่จะปล่อยให้คนอื่นทำทุกอย่างโดยอ้างว่าเหนื่อย หรือทำมามากแล้ว หรือช่วยก็เพียงเพื่อให้รู้สึกถึงบุญคุณ ทั้งๆที่ประโยชน์ตกอยู่กับตัวเองมากกว่า

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่าความเห็นแก่ตัวเป็นกิเลสในตระกูลโลภะ และโลภ หนักไปหน่อยจึงเห็นแก่ตัว

เจอคนเห็นแก่ตัวต้องเข้าใจว่า...นิสัยเห็นแก่ตัวมี 2 สาเหตุใหญ่ ๆ

สาเหตุแรก เป็นสันดาน คือ นิสัยที่ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมา ถ้าเจอประเภทนี้หนักหน่อย เจอต้องทำใจ

สาเหตุที่ 2 เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นในชาตินี้ คือ เกิดจากสิ่งแวดล้อมไม่ดี คนรอบข้างไม่ดี การเลี้ยงดูไม่ดี ก็เลยทำให้อาจจะต้องแย่งชิง สิ่งเหล่านี้ค่อย ๆ สั่งสมขึ้นมา แล้วกลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว อันนี้พอจะกล่อมเกลาได้แต่ต้องอดทน🙏🙏🙏



Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2559 19:41:19 น.
Counter : 654 Pageviews.

0 comment
4 คำสอนดีๆในการเลี้ยงดูบุตรแบบชาวจีน
1. เด็กทารก (ขวบปีแรก)
เลี้ยงให้มั่น อย่าปล่อยให้ห่างตัว เป็นช่วงที่ควรโอบกอดให้มากๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกอบอุ่นสบายใจที่ได้รับการทนุถนอมและความคุ้มครอง

2. เด็กอ่อน (1-5 ปี)
ปล่อยให้ห่างตัวแต่อย่าปล่อยให้ห่างมือ เป็นช่วงที่เด็กอยากรู้อยากเห็น จึงควรปล่อยให้ห่างตัว แต่ก็ยังต้องคอยให้การปกป้องคุ้มครอง

3. เด็กชาย – หญิง (6- 16 ปี)
ปล่อยให้ห่างมือ แต่อย่าปล่อยให้ห่างสายตาเป็นช่วงที่เด็กเรียนรู้สังคมจากการคบหาเพื่อนฝูง จึงควรปล่อยให้ทำกิจกรรมอย่างมีอิสระ แต่ก็ยังต้องคอยช่วยเฝ้าดู เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอเดินผิดเส้นทาง

4. วัยรุ่น (16 ปี – 20 ปีขึ้นไป)
ปล่อยให้ห่างสายตา แต่อย่าปล่อยให้ห่างใจเป็นช่วงที่เด็กมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง และกำหนดเส้นทางชีวิตแล้ว พ่อแม่จึงควรปล่อยให้เด็กใช้ชีวิตตามเส้นทางของตน แต่ยังคงเป็นที่พึ่งและที่ยึดเหนี่ยวทางใจ
และแถมข้อความตามภาพประกอบ หมายถึง อย่ากลัวความผิดพลาด จงตำหนิลูกบ้าง ในแบบสั่งสอนให้คิด รู้จักคิดปรับปรุง..หากลูกทำผิดไปบ้าง เพื่อสร้างภูมิต้านทานในการเรียนรู้พฤติกรรมลูกให้หัดยอมรับคำตำหนิเป็น...


เพราะเหตุผล..ตามภาพ!




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2559 10:09:39 น.
Counter : 1225 Pageviews.

0 comment
กรรไกรเล็บมังกร
คำถาม
อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องสมัครงานว่าในการสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงาน ผู้สัมภาษณ์เค้าเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการสัมภาษณ์ ดิฉันไม่เข้าใจว่าตำแหน่งบางตำแหน่งทำไมเค้าต้องถามเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวว่าแต่งงานหรือยัง หรือถามว่าชอบดูหนังประเภทไหน ฟังดูแล้วเหมือนผู้สัมภาษณ์มีเจตนาอื่นแอบแฝง ดิฉันแน่ใจว่าไม่ได้คิดเอง เพราะเพื่อนดิฉันก็ถูกถามจากผู้สัมภาษณ์ท่านเดียวกันถามว่าใช้รถยี่ห้ออะไรอยู่ ใช้มากี่ปีแล้วซ่อมรถเองหรือเปล่า ทั้งๆที่สมัครในตำแหน่งเกี่ยวกับการเงินแท้ๆ ดิฉันยังแอบมาแซวกันเองเลยหรือบริษัทนี้เขาให้ฝ่ายการเงินดูแลเรื่องรถยนต์ด้วย

คำตอบ
ก่อนอื่น เปิดให้ใจกว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้นะครับ


ผมจะพาคุณขึ้นยานย้อนเวลาไปยังยุคราชวงศ์หมิงของประเทศจีนในสมัยของ กษัตริย์หมิงซื่อจง ถ้านับปีก็ราวๆ1500 ปีก่อนโน่น...

ในสมัยนั้นมีคำล่ำลือกันทั่วไปว่า ในเมืองหลวงมีช่างตัดเสื้อผู้หนึ่งชื่อ ช่างหยู เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการตัดเสื้อผ้าได้งดงามดั่งมีเทพยดามาช่วยตัดเย็บ เสื้อผ้าที่ช่างหยูตัดเย็บนั้นจะมีความละเอียดละออในทุกๆจุดจนหาที่ติแทบมิได้ สำคัญไปกว่านั้นก็คือไม่ว่าจะตัดให้กับผู้ใดใส่ ความสั้นยาวของชายผ้าจะพอดีตัวผู้ใส่ตามธรรมเนียมการแต่งตัวของราชสำนักเสมอ 

หลายเสียงพูดกันว่าช่างหยูมีกรรไกรวิเศษที่ใช้ในการตัดผ้าทำมาจากเล็บของมังกร บ้างก็เรียกช่างหยูว่าช่างกรรไกรเล็บมังกร

แม้จะล่ำลือกันอย่างนั้น ก็หามีใครเคยเห็นกรรไกรที่ทำมาจากเล็บมังกรของช่างหยูไม่ ในที่สุดชื่อเสียงของช่างหยูก็ดังมาถึงหูของขุนนางหนุ่มนามว่าเถียน 

ขุนนางเถียนจึงเรียกช่างหยูเขาไปพบเพื่อจะให้ตัดเสื้อชุดสำหรับเข้าเฝ้ากษัตริย์ในพระราชวัง “เจ้าเอากรรไกรเล็บมังกรของเจ้ามาด้วยหรือเปล่า” ขุนนางเถียนพูดขึ้นขณะที่ช่างหยูกำลังวัดตัวอยู่

“ใต้เท้า…กรรไกรของข้าพเจ้านั้นทำจากเหล็กธรรมดา ข้าพเจ้าจ้างสหายช่างเหล็กที่แคว้นเว่ยทำให้ มิได้ทำจากเล็บมังกรอย่างที่ผู้คนล่ำลือ” ช่างหยูตอบ
“แล้วเจ้าใช้ของวิเศษใดตัดเย็บเสื้อผ้าได้ถูกอกถูกใจผู้คน” ขุนนางเถียนหมุนตัวหันหลังให้ช่างหยูวัดต่อ

“ข้าพเจ้ามิได้ใช้ของวิเศษใดเลยใต้เท้า เข็มเย็บผ้าของข้าพเจ้าก็หาซื้อมาจากตลาด ด้ายข้าพเจ้าก็จ้างเขาฝั้นขึ้นมาเหมือนช่างคนอื่นๆ” ช่างหยูจดความยาวของลำตัวขุนนางเถียนลงบนเศษผ้า 

ขุนนางเถียนยังคงสงสัย “เจ้าตัดเย็บเสื้อผ้ามากี่ปีแล้ว”
“ยี่สิบปีแล้วขอรับ ใต้เท้า” ช่างหยูถอยออกมาทำท่าคำนับ 

แล้วก็ถามขุนนางเถียนกลับไปว่า “ใต้เท้าเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณมาเป็นเวลานานเท่าไรแล้วขอรับ” 

“เจ้าว่าอะไรนะ” น้ำเสียงขุนนางหนุ่มไม่พอใจ

“ข้าพเจ้าถามใต้เท้าว่า ท่านรับราชการมาเป็นเวลานานเท่าไรแล้วขอรับ” ช่างหยูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม

“บังอาจมาก” ขุนนางเถียนลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยอารมณ์ขุ่น “เจ้าเป็นเพียงช่างตัดเสื้อ หน้าที่ของเจ้าก็คือการวัดตัว แล้วก็ตัดเสื้อผ้า เจ้าจะมาถามเราว่าเรารับราชการมานานกี่ปีแล้วทำไม มันเป็นธุระอะไรของเจ้า หรือเห็นว่าข้าถามเจ้าได้ เจ้าก็สำคัญผิดถามข้ากลับหรืออย่างไร”

“หามิได้ท่านใต้เท้า” ช่างหยูโค้งคำนับ “คำถามที่ข้าพเจ้าถามท่านนั้น ข้าพเจ้ามิได้มีความตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใต้เท้าเลยแม้สักน้อย แต่ที่จำต้องถามก็เพราะจะได้นำไปใช้ในการตัดเย็บชุดให้เหมาะเจาะสวยงาม”

“นี่เจ้าเป็นคนวิกลจริตหรือเป็นช่างตัดเสื้อกันแน่” ขุนนางหนุ่มยังข้องใจ “การตัดเสื้อผ้ามันจะไปเกี่ยวอะไรกับอายุราชการของเรา” 

“ใต้เท้า…ขอข้าพเจ้าได้ชี้แจง” ช่างผู้มีฉายาว่ากรรไกรเล็บมังกรโค้งคำนับอีกครั้ง 
“ขึ้นชื่อว่าขุนนางนั้นไซร้ เมื่อรับราชการแล้วก็ย่อมมีการเลื่อนขั้นเป็นธรรมดาขุนนางหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับราชการ เมื่อได้ปูนบำเหน็จตำแหน่งสูงขึ้นก็ย่อมจะเกิดความพึงใจ เวลาเดินก็จะยืดอกผึ่งผาย เมื่อข้าพเจ้าตัดเสื้อให้ก็จะตัดให้ชายเสื้อด้านหลังสั้นด้านหน้ายาว ครั้นรับราชการไปได้สักกึ่งอายุ จิตใจก็จะค่อยๆเยือกเย็นวางเฉยมากขึ้น ท่าเดินก็จะลดความผึ่งผายลง เสื้อผ้าที่ข้าพเจ้าจะตัดเย็บก็จะให้ชายเสื้อด้านหน้าและด้านหลังเสมอกัน และเมื่อรับราชการไปจนใกล้อายุเกษียณ นอกจากความวางเฉยแล้ว อาจจะมีความรู้สึกไม่สบายใจปะปนอยู่ ซึ่งย่อมจะแสดงออกมาในท่าเดินที่ค้อมตัวลง ข้าพเจ้าก็จะตัดเสื้อให้ชายเสื้อด้านหน้าสั้นส่วนด้านหลังยาว” ขุนนางเถียนฟังแล้วก็นิ่งไป

“ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าจึงจำต้องไถ่ถามเรื่องที่ใต้เท้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่สมควรถาม แต่เพื่อจะได้ตัดชุดให้เข้ารูปและถูกใจ ข้าพเจ้าจำต้องถามทุกคนขอรับ”
…………………………………………………….


ฟังอย่างผิวเผินแล้ว การสอบถามว่ารับราชการมากี่ปีแล้วไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกับการตัดเย็บเสื้อผ้าอย่างที่ขุนนางเถียนว่าจริงๆ แต่ด้วยความละเอียดละออลึกซึ้งทำให้ช่างหยูนำมาวิเคราะห์เพื่อตัดชุดได้  ผมว่านี่แหละครับ กรรไกรเล็บมังกร" ของจริง


กลับมาที่คำสัมภาษณ์ที่คุณคนหางานถูกสัมภาษณ์ ลองเปิดใจให้กว้างสักนิด คุณคนหางานอาจเข้าใจได้ว่าการถามเรื่องดูหนังแบบไหน สามารถบ่งบอกรสนิยมอะไรบางอย่างของผู้สัมภาษณ์ ซึ่งถ้าเป็นตำแหน่งที่จำต้องใช้รสนิยมก็สามารถนำมาวิเคราะห์วิจารณ์ได้

รู้ไหมครับว่าในการสอบสวนของตำรวจนั้น แม้แต่คำถามว่า “กินข้าวกับอะไรมา” เขาก็ถามนะครับ ทุกคำตอบสามารถนำมาโยงบอกบุคลิกของผู้คนได้

ดังนั้น การถามว่าขับรถอะไร ขับมากี่ปีแล้ว ซ่อมเองหรือเปล่า นี่ก็เช่นกัน

รสนิยม การใช้จ่ายเงินทอง การดูแลรักษารถ ความรู้พื้นฐานเรื่องเครื่องจักร จะถูกวิเคราะห์ออกมาจากคำตอบที่คุณตอบคำถามเหล่านี้

ผมเองก็เคยเป็นผู้สัมภาษณ์พนักงานเข้าทำงานบริษัท คำถามของผมนั้นหนักกว่าที่คุณคนหางานโดนอีกนะครับ ลองฟังคำถามของผมดูก็ได้
คุณว่าคุณเป็นคนดีไหม
เคยล้อชื่อพ่อเพื่อนไหม
วันนี้เอาเงินมาเท่าไร มีแบ๊งค์อะไรบ้าง
ชุดที่ใส่มาวันนี้รีดเมื่อไร
ฯลฯ

ที่มา : แกะดำทำธุรกิจ



Create Date : 14 กันยายน 2556
Last Update : 14 กันยายน 2556 10:34:16 น.
Counter : 1170 Pageviews.

0 comment
เกลือ ใช่มีแต่โทษต่อไตเท่านั้น ...



Create Date : 13 กันยายน 2556
Last Update : 13 กันยายน 2556 15:41:33 น.
Counter : 1458 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

Changixmas
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



คนเรามี 2 ถูก คือ ถูกต้องและถูกใจ
ในการใช้ชีวิตมันมี 2 ถูกนี้เสมอ ถ้ามันทั้งถูกต้องและถูกใจ ดีสุด แต่ยามใดมันสองแพร่ง ระหว่างถูกต้อง กับถูกใจ นี่จะโคตรกระอักกระอ่วนเลย และมันมักอยู่ในลำดับถูกใจ แล้วไปหา ความถูกต้อง
ถ้าเรามองหาความถูกต้อง มักจะอดถูกใจ




New Comments
All Blog
MY VIP Friends