ตอน 5 - เปิ่นสาหัส นอกบ้านนอกเมือง
คาดไม่ถึงว่าเรื่องเปิ่นๆ ของอิฉันจะระลึกได้เยอะ ...แวะไปแวะมา ถึงตอน 5 อย่างไม่รู้ตัว เขียนไป เล่าไป ไม่อยากให้มันยาว แต่ทำไมมันไม่จบสักทีแฮ่ะ อยากเขียนเหมือนเล่าสู่กันฟัง ... แล้วไม่ใช่แค่ว่า จะจบเรื่องก็ยังยากส์ เรื่องระลึกถึงต่างๆ มากมาย ก็ทะลักเริ่มฉายภาพตามมาในมโนจิต..ยังมีเปิ่นๆ อีกเป็นกุรุส ...โอ้ย..นี่อิฉัน"เปิ่น" จริงๆ ขนาดนี้เลยเหรอ ...แต่ยังไง ยังไง มันก็เล่าสู่กัน นำมายังความเป็นตัวเราในวันนี้หละ นะคะ (ออกจะน่ารัก แห่ะๆ !) 

อันที่จริงแล้วตัวเองก็ไม่ใช่คนช่างจดจำอะไรมากมาย แต่บางเรื่องมันอายจับจิต !! ยังไม่ได้รวมถึงเรื่อง ความเปิ่นในเมืองไทย ร่วมด้วยกับการหัวทิ่ม หน้ากระทุ้งพื้น ในพื้นที่สาธารณะอีกบ่อยครั้ง...ช่างก่อแต่เรื่องแสนอับอาย จริงๆ

เมื่ออิฉันเดินทาง งกๆ เงิ่นๆ ด้วยความหนาว มาถึงบ้านหลังเล็กๆ กลางทุ่งหญ้า หลังพงป่าตรงทางเข้า...สภาพบ้านน่ารักแบบบ้านคนอังกฤษทั่วไป ที่มีอาณาบริเวณและมีรั้วหินเตี้ยๆ นี่ก็อีกแหละ..รสนิยมเรื่องรั้วๆ อิฉันเป็นคนชอบรั้วหินในอังกฤษเนี่ยมากๆ เลย มันดูเย็น อึด ดูเหมาะสมกับความเย็นของอากาศ มันดูเหมาะกับโรคภัยแพร่เชื้อชนิดแวมไพร์ ผีดูดเลือด เหมาะกับนิสัยเย็นชาของคนอังกฤษ และ เด็กดื้ออย่างเรา...เข้ากั๊น เข้ากัน...

หน้าบ้านเขากับทางเข้า ไม่ห่างกันเท่าไร ไม่เหมือนบ้านเรา หากบ้านใดมีลานทุ่ง ทางเข้าบ้านนับจากรั้วบ้านห่างเหินปานตะโกนได้โน่นแหละ เฮ้ ฉานมาเยี่ยม ล่ามหมาหน่อยนะ...แตกต่างจาก ที่นี่รู้สึกเหมือนว่า ขืนเราส่งเสียงดัง เขาอาจยิงสวนมาก็ได้ ..ไม่กล้า... อิฉันก็ค่อยๆ ย่องย๊อกแย๊กๆ เข้าไปเมียงมอง ไม่เห็นใคร ตัดสินใจเคาะประตู พักหนึ่ง ยังไม่มีใครมาเปิด ทันใดนั้นระหว่างสอดแนมช่องหน้าต่างอยู่..มียายแก่คนหนึ่ง..ตัวอวบๆ ไม่สูง แต่อาจสูงกว่าอิฉัน เธออายุสัก 65-70 เห็นจะได้ เธอไม่เปิดประตู แต่กลับเมียงมองลอดช่องกระจกหน้าต่างออกมา ไม่ถึงขั้นจ๊ะเอ๋กัน แต่มองกันชัดเจนมาก เห็นสายตาอันเย็นชาและตาน้ำข้าวขุ่นๆ มีเส้นเลือดก่ำๆ ด้วย! เส้นแดงๆ อยู่รายรอบลูกกะตา...อุ๊ปส์!! อิฉันนึกในใจ โอว..ยายจ๋ายาย ขอบคุณสวรรค์ อย่างน้อยยายก็อยู่...ใจชื้นมาเป็นกอง...

อิฉันก็พอจะเข้าใจนะคะ ว่ายายแกคงกลัวเราเหมือนกันเพราะเรา "หัวดำ" เราดูเอเซีย ไม่น่าไว้ใจ และวันนั้น สภาพอิฉันผอมหน้าแหลม...หัวยุ่งเหยิง..ลมพัดเอาผมยาวๆ พันกันดูสังคะตังมาก...ผิวก็ดำไม่มีสง่าราศีอะไรกับเขาเลย เป็นไปได้ที่ยายจะดูเรา และคิดว่าอาจจะเป็น"อาชญากรต่างชาติ" ได้ ...หากอิฉันเข้าไปด้วยสภาพกำลังหิวโหยในขณะนั้น...ยายจึงไม่ยอมเปิดประตู ...อิฉันรู้สึกเหนื่อยใจ แค้นใจ ทำไมหละย๊าย มาคุยกันดีๆ ได้มั้ย ... ทนฟังหนูหน่อยเถิดยาย...ปัญหาต่อไปคือ จะพูดยังไงให้ คนแก่ หัวโบราณ มาพยายามเข้าใจสำเนียงใหม่ๆ จากไทยแลนด์ของเรา...แค่คิดนะยังไม่ได้ลงมือทำ อิฉันก็เหนื่อยใจเสียแล้ว...

เอาหละ คิดว่า ถ้าให้อิฉันกลับไปปีนถนน กลับไปโดยไม่ได้พยายาม ก็คงไม่ใช่ลูกนางฟ้า หลานป๋ารามฯ เด็ดขาด อิฉันจึงพยายามเท่าที่สภาพเอื้ออำนวย ไม่มั่นใจว่าเสียงและสำเนียงของเราจะลอดรูอะไรไปถึงใบหูหน่อนยานของแกมั่ง ไม่รู้มีรูที่ยังพอหลงเหลือให้เสียงลอดเข้าไปในตัวบ้านแกมีมั่งมั้ย เพราะยายแกมุ่งมั่นไม่ยอมเปิดประตูท่าเดียวหรือ แม้แต่จะแง้มหน้าต่าง!! ....อิฉันก็พยายามพูดแบบอ้าปากกว้างๆ พยายามสุดขีด...ฮัลโหล มาดาม ไอ ว้อน ทูยูส ยัวร์ เทเลโฟน พลีส ... ไอ แอม Pattama ไอ แอม โอเว่อซี สติวเด้นท์ .... So on and So on .... ตามด้วย ฮือๆๆๆๆๆ ร้องให้ค่ะ น้ำตาจระเข้ ดันไม่ยอมไหลออกมาซะอีก ได้แต่ตาแดงๆ ข้อสำคัญคือ...ไอ้ที่แกพูดมา เราก็ฟังไม่รู้เรื่องสักคำเดียว !!

เมื่อต่างคนต่างพูดกันไม่รู้เรื่อง และไม่สามารถเข้าใจกันได้ ก็ต้องแยกทางกันเดิน...อิฉันหันหลังกลับ มองทางกลับไป ทางที่จะปีนขึ้นบนถนนอย่างเซ็งสุดขีด...เดินคอตก คราวนี้คอตกจริงๆ ไม่มีลูกกะตาเฟ้อฝัน กับอีเถาวัลย์พันลึกข้างทางอีกต่อไป จ้ำพรวดๆๆๆ กลับไปยังถนนที่เราเพิ่งจากมาเมื่อครู่ใหญ่ๆ...เรื่องกลับไปคอลเลจน์ลืมไปก่อน ตอนนี้ยังไงๆ อิฉันต้องกลับบ้านพักให้ได้!

ในที่สุดก็กลับมาเดินแกว่งกระเป๋า กับแก่วงแขนเสื้อกันหนาว ที่มันยาวกว่าแขนจริงๆของเรา หมุนเป็นวงกลม หมุน หมุน เอามือซ่อนไว้ด้านใน เพราะมันหนาวมาก...ใบหูก็เอาผมปิดไว้ สมัยนั้นอิฉันก็คงเป็นอิฉันเนี่ยแหละค่ะ ไม่เหมือนชาวบ้าน อิฉันไม่ใช้เป้กะเขาหรอกค่ะ อิฉันให้กระเป๋าสะพายแบนๆ แบบที่เขาใส่โน๊ตบุ๊คสมัยนี้เนี่ยแหละ ใบใหญ่หน่อยหนังควายอย่างดี...เหมือนพี่มอสเขาใช้ แล้วโยนไปปิดบังตูด เอ้ย ก้นด้านหลังไว้ มองไกลๆ เราจะเหมือนเด็กผู้ชาย...บอกแล้วว่า เสื้อกันหนาวอิฉัน แมนมาก!!

หมดหนทางต่อสู้ชีวิต อิฉันก็เริ่มทำใจ เลิกทุรนทุรายที่จะไปเรียนสายๆ หรือ กังวลว่าจะไม่ได้ไปเรียน ..ตั้งใจว่าจะเดินๆๆๆ ไปจนเจอผู้คน เจอบ้านเมือง หรือ ออกในทาวน์มันไปเลย จึงจะเริ่ม ชีวิตการต่อสู้ใหม่อีกครั้ง...เมื่อนั้น ...

หยุดตอนนี้ไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ตอน 7 ก็จะจบแล้วหละค่ะ มันจะยาวไปแล้ว... เกิดจิ้มอะไรผิดพิมพ์ใหม่ คงตาลายน่าดู กันพลาด..น้องมิชลินไปก่อนนะฮ้า....




Create Date : 09 มกราคม 2557
Last Update : 9 มกราคม 2557 21:56:46 น.
Counter : 293 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Changixmas
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



คนเรามี 2 ถูก คือ ถูกต้องและถูกใจ
ในการใช้ชีวิตมันมี 2 ถูกนี้เสมอ ถ้ามันทั้งถูกต้องและถูกใจ ดีสุด แต่ยามใดมันสองแพร่ง ระหว่างถูกต้อง กับถูกใจ นี่จะโคตรกระอักกระอ่วนเลย และมันมักอยู่ในลำดับถูกใจ แล้วไปหา ความถูกต้อง
ถ้าเรามองหาความถูกต้อง มักจะอดถูกใจ




New Comments
MY VIP Friends