วัดของศาสนามานีเคที่เหลืออยู่ในเมืองจีน
ศาลของพระมาณี หรือศาสนามานีเค Manichaeism ที่เขา Huabiao เมืองกวางโจว ประเทศจีน เชื่อว่าเหลืออยู่แห่งเดียวในโลก ศาสนามานีเคเป็นร่องรอยของศาสนาโบราณที่เกิดขึ้นเปอร์เซีย ในช่วงศตวรรษที่ 3 และแพร่หลายไปทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ 7 ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดตีคู่มาเทียบเคียงแข่งขันกับคริสตศาสนาได้ ศาสนานี้แพร่ไปถึงโรมัน และแอฟริกาเหนือ ขณะที่ในเอเซียแพร่ผ่านจีนไปถึงญี่ปุ่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ และคำสอนบางอย่างก็เคยมีอิทธิพลต่อคำสอนในคริสตศาสนาด้วย
นักบุญออกุสตินโน (St. Augustine of Hippo) พระสังฆราชชาวแอฟริกาเหนือ ก็เคยนับถือศาสนามาณีเคมาก่อนที่จะกลับใจมาเป็นคริสต์ ในโลกตะวันตก ศาสนานี้สูญหายไปหมดแล้ว เนื่องจากคำสอนขัดกับศาสนาคริสต์อย่างรุนแรง เกี่ยวกับเรื่องสัมบูรณ์ของพระเป็นเจ้า
ศาสนามานีเค เชื่อในทวินิยม (Dualism) ที่จักรวาลถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วคือ ดี และ เลว ทั้งความดีและความเลวนี้ แสดงออกด้วยเทพแห่งความดี และเทพแห่งความชั่ว ที่ต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา เหมือนศาสนาโบราณต่างๆในดินแดนเปอร์เซียและเมโสโปเตเมีย จึงมีพระเจ้า 2 องค์ ซี่งแตกต่างออกไปจากศาสนาคริสต์ที่นับถือพระเป็นเจ้าเพียงองค์เดียว
ดังนั้นในโลกตะวันตก มานีเคไม่สามารถต้านแรงเสียดทานจากคริสต์ศาสนาได้ แต่ในเอเซีย มานีเครุ่งเรืองมาก จึงเหลือที่ตกค้างอยู่ในกวางโจว เป็นศาลเล็กๆที่มีแม่ชีจำพรรษา ส่วนพระมาณีถูกหล่อหลอมให้เป็นพระพุทธเจ้าแห่งแสงสว่างองค์หนึ่ง เพราะคำว่า มาณี ใกล้เคียงกับ มุนี ชื่อของศากยมุนีได้ง่ายๆ ทุกวันนี้วัดมีแต่แม่ชีจำนวนเล็กน้อย และนับถือพระมาณีเคในฐานะพระพุทธเจ้าแห่งแสงสว่าง ชาวบ้านแถวนั้นก็นับถือพระองค์เป็นเทพองค์หนึ่งที่มีมีกายแดง
ศาลของพระมานีเค ทุกวันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นวัดในพุทธศาสนา แต่ยังคงรูปเคารพประธานไว้
พระมาณี ถูกนับถือในฐานะพระพุทธเจ้าแห่งแสงสว่าง