ประวัติกล้วยไม้ลูกผสม (2)
ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาที่ชาวยุโรปกำลังตื่นเต้นกับการหัดผสมเกสรพืช โดยเฉพาะกล้วยไม้ หลังจากมะงุมมะงาหราอยู่กับวนิลามาเป็นร้อยๆปี กว่าจะทำให้มันติดฝักได้ มิต้องพูดถึงการผสมข้ามสปีชีย์ ดังนั้นเมื่อกล้วยไม้ลูกผสมชนิดแรกถูกผสมออกมาโดยจอห์น โดมินี ในปี 1856 นั่นทำให้ Lindley บิดาแห่งวงการกล้วยไม้ถึงกับอุทานว่า "พวกคุณจะทำให้นักพฤกษศาสตร์เป็นบ้า"
.
.
มีคนตีความคำอุทานของ Lindley ออกมาว่า มันเจืออคติของนักพฤกษศาสตร์ในยุคก่อนดาร์วิน ที่มักรังเกียจเดียดฉันท์ "ลูกผสม" ต่างๆ บ้าคลั่งพันธุ์แท้ และแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แม้ว่าจะเป็นลูกผสมตามธรรมชาติก็ตาม (อาจจะเช่นเดียวกับการเหยียดพวกเลือดผสมตามอาณานิคมด้วย) กว่าชาวยุโรปจะหันมาให้ความสำคัญกับการผสมข้ามสายพันธุ์ก็เมื่อกระแสของทฤษฎีชาร์ล ดาร์วินแพร่ขยายออกไปแล้ว สังเกตว่า ดาร์วินผลิตงานชิ้นแรกของเขาคือ On the origin of speciesในปี 1859 หลังจากกล้วยไม้ลูกผสมถูกผลิตออกมาเพียง 3 ปี และกว่ากระแสของเขาจะดังก็อีกสักพัก ถ้าหากว่ากล้วยไม้ไม่ใช่สิ่งที่ผสมได้ยากเย็นนักหนา ก็คงมีสถานะไม่ต่างกับบรรดาลูกครึ่ง Mestizo ตามประเทศอาณานิคม
.
.
หลังจากโดมินีผลิตกล้วยไม้ลูกผสมต้นแรกออกมาแล้วคือ Calanthe x Dominy เขาก็จัดการผสมเกสรรองเท้านารีเขตร้อน
จนได้ลูกผสมตัวแรกของโลก คือ Paphiopedilum x Harrisiana เป็นลูกของ Paph. barbatum x Paph. villosum หรือญาติๆของรองเท้านารีม่วงสงขลากับรองเท้านารีอินทนนท์
กล้วยไม้ต้นนี้ผสมจนติดฝักเมื่อปี 1864 และออกดอกครั้งแรกในปี 1869 (ใช้เวลาเพาะ 3 ปี ออกดอกในปีที่ 2 ในรัชกาลที่ 5) แต่คราวนี้ H. G. Reichenbach ผู้โด่งดังในวงการกล้วยไม้ แทน Lindley ที่ได้ล่วงลับไป ได้ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ John Harris ศัลยแพทย์ผู้เป็นเพื่อนของโดมินี และให้ความช่วยเหลือในการผสมพันธุ์รองเท้านารีลูกผสมชนิดแรกของโลก
(รูปล่าง กล้วยไม้รองเท้านารีลูกผสมชนิดแรกของโลก Paphiopedilum x Harrisiana)