Group Blog
 
All blogs
 

USA # 1 : BOSTON, DC, NYC

May 1995
Boston ตอนที่ 2
NYC , Atlantic City, Washington DC

วัตถุประสงค์หลักที่เรามา Boston กันครั้งนี้คือ มาร่วมงานรับปริญญา
ส่วนวัตถุประสงค์รองคือ มาเที่ยวและพักผ่อน
เราสามารถอยู่กันได้นานเพราะแม่เพิ่งลาออกจากงานมาสดๆร้อนๆ
ประเภทลาออกวันนี้ อีก 2 วันออกเดินทางเลย
ลูกก้อยังเด็กเล็กอยู่ไม่ต้องไปโรงเรียน..ที่พักก้อมีพร้อม....
คุณยายกับลูกจะได้มาพักผ่อนในช่วงที่เรียกว่าอากาศสบายที่สุดของ Boston
คือช่วง Spring และ summer



เมื่อมาถึง Boston สิ่งแรกๆที่แม่ซื้อให้ลูกคือ car seat เพราะเราจะต้องเดินทางไปโน่นไปนี่กันบ่อยๆ
พอขึ้นรถปุ๊บ...ลูกจะรู้หน้าที่
ปีนไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง รัดเข็มขัดเรียบร้อย (ตอนเล็กๆแม่ทำให้ พอโตขึ้นมาก็ทำเองเป็นแล้ว)

เราไปซื้อ car seat ให้ลูกที่ Lechmere ซึ่งมีให้เลือกมากมายราคาสมเหตุสมผล
มีตั้งแต่ราคา 20 กว่า - 200 $ เลย
อันที่เราซื้อราคาประมาณ 100 เศษ
ในยุคที่ 1 $ = 25-26 บาท
ก้อเป็นเงินประมาณ 3,000 กว่าบาท
แข็งแรงปลอดภัยปรับได้หลายระดับและสวยดีด้วย



หลังจากไปร่วมงานรับปริญญา
และ นั่งๆนอนๆอยู่ที่บอสตันหลายเพลา
ก้อเริ่ม plan trip ไปเที่ยวนอกเมืองบ้าง
เราเช่ารถ MPV เป็นเวลา 1 อาทิตย์แทนการใช้รถฮอนด้าของเรา
เนื่องจากเราจะเดินทางไกล และ มีสมาชิกร่วมเดินทางเยอะถึง 6 คน
ไหนจะสัมภาระ ขวดนม ขวดน้ำ กระติกน้ำร้อน รถเข็นเด็ก และอื่นๆอีก
ก็เลยต้องเป็นรถตู้ หรือ มินิแวน เท่านั้นจึงจะเหมาะสม

เราเช่ารถของ Dollar
(เหลือเชื่อเมื่อทำ blog นี้ขึ้นมา แล้วไปรื้อๆดูในกล่องเก็บของ เจอเอกสารทั้งหมดอยู่ในนั้นซึ่งไม่เคยเปิดดูมาเป็น 10 ปี มีแม้กระทั่ง กระดาษโน๊ตที่เรา plan trip กัน มีใบเสร็จทุกใบเลยด้วย)
ได้เป็นรถ Dodge Caravan สีน้ำเงิน ใหม่เอี่ยมทะเบียน MV1863
ค่าเช่า week ละ 230 US$ + ค่าประกันวันละ 13.95 US$
รวม Tax อะไรแล้วก็เป็น 354.65 US$
เวลาเช่ารถ แม่จะยอมจ่ายค่า LDW (Loss and damage waiver) ด้วยทุกครั้ง
ซึ่งหากเกินอุบัติเหตุขึ้นกับรถ เราจะไม่ต้องเสียเงินใดๆทั้งสิ้น (ปัจจุบันนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นนิดหน่อย)
ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยเจออุบัติเหตุอะไรเลย
แต่ก็คิดว่าเพื่อความสบายใจ..ไม่อยากให้เป็นเรื่อง
"เสียน้อยเสียยาก..เสียมากเสียง่าย"

เราออกเดินทางโดยใช้ Mass Pike (Massachusetts turnpike) ลงใต้
ค่อยๆไป ไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางหลักของเราคือWashington DC.
เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกานั่นเอง



ออกจาก Boston ไปไม่กี่ชั่วโมงเราก็แวะเที่ยวที่ New York City ก่อน
เราตรงดิ่งไป Battery park อันดับแรก เพื่อลงเรือไปชมเทพีเสรีภาพ



(ปี 1995 ตึก WTC ยังอยู่เลย...)

วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์
จึงสามารถจอดรถริมถนนได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะโดนใบสั่ง โชคดีได้ที่จอดรถไม่ไกลนัก
เมื่อเราเดินไปถึงบริเวณขายตั๋วเพื่อลงเรือ
แม่หากระเป๋าสตางค์ไม่เจอเพราะลืมไว้ที่รถ
คุณยายจึงซื้อตั๋วไปก่อน ส่วนแม่ก้อวิ่งกลับมาเอากระเป๋าสตางค์ที่รถ
ระหว่างที่จะเดินกลับไป แม่สังเกตุเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนมองแม่อยู่ไม่ไกลจากรถมาก แม่จึงรีบล็อครถแล้ววิ่งไป
เมื่อเรากลับมาจากการไปชมเทพีเสรีภาพแล้ว
พอเปิดประตูเข้ารถ ปรากฎว่าข้าวของกระจัดกระจาย
รถของเราถูกงัดแบบไร้ร่องรอยการงัดแงะ
ระดับมืออาชีพจริงๆ
เมื่อสำรวจข้าวของ ปรากฎว่า กระเป๋าหายไป 1 ใบ
ซึ่งกระเป๋าใบนั้นดันเป็นใบที่ใส่สมบัติของลูก
เช่น ขวดน้ำ ขวดนม อาหารเสริม ผ้าอ้อม
มันคงจับๆยกๆดูเห็นหนักๆ คิดว่าหวานหมูแล้วตู
เลยคว้าไปโดยไม่ได้หยิบของอื่นๆ
อยากรู้จริงๆตอนที่เปิดกระเป๋ามาแล้วพบแต่ของเด็กทารก...
มันจะทำหน้าอย่างไรกันนะ....
ยังดีนะที่แม่กลับมาเอากระเป๋าตังค์ไป ทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะไม่มาเอาแล้ว
พอดีเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาลงเรือ เลยเดินกลับมาหยิบก่อน
ไม่อย่างนั้นก้อคงสูญเงินไปเยอะ เพราะ มันเทของในกระเป๋าถือออกมากองที่พื้นรถหมด

เราใช้เวลาเต็ม 1 วันในนิวยอร์คตามสถานที่ต่างๆเช่นไปขึ้นตึก Empire state ชมวิว NYC
ไป Rocky Fellor Center (ซึ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวจะได้เล่น Ice Skate ที่ลานตรงกลางด้วย)
ไปจบที่ทานอาหารจีนใน China Town
เราทุกคนยกเว้นลูกมา New York กันหลายครั้งแล้ว
โปรแกรมแวะและถ่ายรูปที่นิวยอร์คครั้งนี้เลยเน้นที่ลูกเป็นพิเศษ









......
ถ้าจำไม่ผิดเราแวะพักโรงแรมข้างทางที่มี Chain อยู่ทั่วไปตาม Highway
เราจะใช้วิธีขับไปเรื่อยๆแล้วดูตามป้ายที่ติดอยู่ข้างทาง
เมื่อคิดว่าสมควรจะพักได้แล้วเราก็จะขับเข้าไปดู
เลือกเอาที่ดูใช้ได้หน่อย เพราะเรามีแต่ผู้หญิงและเด็ก
และเราจะเลือกโรงแรมที่เป็น Chain ใหญ่หน่อยเพื่อความชัวร์
อย่าง Howard Johnson, Best Western, Courtyard Marriott เป็นต้น
ซึ่งจะพบเห็นโรงแรม (Motel) เหล่านี้ได้ทั่วไป
ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมแบบขับรถไปจอดหน้าห้องพักได้
ซึ่งสะดวกสบายดี
.....................
เมื่อเราไปถึงที่ DC ก้อเป็นช่วงหัวค่ำแล้ว
เพราะเอ้อระเหย ขับช้าๆแวะโน่นแวะนี่ + หลงทางพอเป็นกระสัย
แม่จองโรงแรม Hilton ไว้ 2 คืน
โดยใช้คูปองสะสมไมล์ของ United Airlines
ทำให้จ่ายค่าที่พักเพียง 1 คืน
โรงแรมไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
เพราะเช้าวันหนึ่งเมื่อแม่เข้าห้องน้ำแล้วกดชักโครก
ปรากฎว่าน้ำไม่หยุดไหล ล้นออกมาเต็มพื้นห้องน้ำ
ต้องเรียก house keeping มาดู
แย่เลย...เสียยี่ห้อ Hilton หมด
รายละเอียดโรงแรมที่แม่จดไว้
May 31-June 2, 1995
Washington Hilton & Towers
1919 Connecticut Ave. TeL; 202-483-3000
room rate : 225 x 2 nights x 2 roooms
รวม 1,100 US$ แต่จ่าย 550 US$ (ใช้ hotel award certificate ของ United Airlines / Mileage Plus)

เช้าวันแรกใน DC เราทิ้งรถไว้ที่โรงแรมแล้วนั่งรถไฟใต้ดินเข้าเมือง
เราไป Washington monument
เดินเลียบๆและให้อาหารฝูงหงส์ที่ Reflecting pool สู่ Lincoln Memorial









เราเที่ยวอยู่ใน DC 3 วันเต็ม และได้ไปเที่ยวเสียทั่วเมือง
ช่วงที่เราไปนั้นเป็น summer อากาศร้อนอบอ้าวมาก
วันแรกที่เราไม่ใช้รถรู้สึกว่าลำบากและเหนื่อยมาก
วันต่อๆมาจึงขับรถเข้ามาเที่ยวในเมืองตลอด

เราได้ไปดูโรงพิมพ์ธนบัตร
ซึ่งจะมีไกด์พาชมขั้นตอนของการพิมพ์ทั้งหมด
ส่วนแรกเป็นห้องนิทรรศการ แล้วตามด้วยเดินทัวร์โดยมองผ่านกระจกที่กั้นเอาไว้....เห็นดอลล่าร์เป็นปึกๆเป็นมัดๆ...

แล้วก้อไป National Air and Space museum กับ สถาบัน Smithsonian




แล้วก้อ Arlington cemetary, Vietnam Veteran cemetary, Watergate , White house

White house







ไปดู Freeform fountain ที่ถนน Pensylvania ave.
ซึ่งอันนี้เราเจอโดยบังเอิญ
ในวันแรกหลังจากเราเดินชมเมืองจนเหนื่อยล้า แล้วกำลังเดินหารถ Taxi กลับโรงแรม
เราก็เห็นระฆังอันนึงตั้งอยู่ในช่องเล็กๆมีรั้วกั้นอยู่
พอไปยืนอ่านปรากฎว่าเป็นของที่ระลึกจากเมืองไทย
(จำรายละเอียดไม่ได้จริงๆ)
แต่มีการสลักตัวหนังสือชี้แจงรายละเอียดไว้ เป็นอะไร Thailand สักอย่าง ถ่ายรูปไว้ด้วย
เดินมาอีกนิดนึงเราก้อเห็นน้ำพุโชว์พอดีเลย
ดูเสร็จก็เรียกรถกลับโรงแรม


ครั้งนี้เป็นการเดินทางมา DC เป็นครั้งแรกของทุกๆคน
ครั้งที่ 2 ของแม่ (ครั้งแรกที่มาก็หลายปีก่อนโน่น..จนลืมไปเลยว่าเคยมา)
เมื่อแม่เป็นหัวหน้าทัวร์ก็ออกจะเครียดนิดหน่อย
กลัวลูกทัวร์ไม่ประทับใจ
เลยลงทุนซื้อ sight seeing tour 1 วัน
ประเภทนั่ง trolly ไปตามสถานที่สำคัญต่างๆในเมือง
ก้อเลยทำให้เราเห็นเมืองได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

National museum and natural history






หลังจากเที่ยวชมเมืองหลวงของอเมริกามากัน 3 วันเต็มๆ
เราก้อออกเดินทางกลับในช่วงเย็นๆ

ช่วงนี้จำไม่ได้แล้วว่าแวะพักที่ไหน หรือ ไปเที่ยวไหนอีก
จำได้แต่เราไป Atlantic City, New Jersey
เราเข้าพักที่ Trump Plaza
พาลูกลงไปเล่นของเล่นต่างๆตรง pier หน้าโรงแรม Trump Taj Mahal
เป็นพวกม้าหมุน กระเช้าลอยฟ้า อะไรพวกนั้น
ในขณะที่ผู้ใหญ่ลงไปเสียงโชคด้วยการโยก Slot machine
ลูกก้อไปเดินเล่นบน board walk กับแม่
ผ่านหน้าโรงแรมคาสิโนที่เรียงรายอยู่มากมาย
ลมแรงและเย็น ทั้งๆที่เข้า summer แล้ว



โรงแรมคาสิโนหรูหราทั้งที่ Las Vegas และที่ Atlantic City ราคาไม่ได้แพงมากมายเมื่อเทียบกับความหรูหราสะดวกสบายของห้องพัก
หรือ เมื่อเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกัน
ตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือเมืองใหญ่เมืองอื่นๆ
คงเป็นเพราะโรงแรมหวังรายได้จากคาสิโน
มากกว่าที่จะได้จากค่าห้องพักกระมัง
นักเล่นขาประจำ หรือ นักเล่นมือหนักๆ
จึงมักจะได้ห้องพักพร้อมอาหารฟรีจากคาสิโนพวกนี้อยู่บ่อยๆ
จากเอกสารที่แม่จดๆไว้ (เอกสารอายุ 10 ปีนี่แหละ)
มีรายละเอียดดังนี้
ที่ Trump Plaza 1-800-627-7568
ค่าห้องคืนละ 117 US$ ได้คาสิโนคูปอง 10 $

ที่ Bally's grand / Toll free no.1-800-772-7777
ค่าห้องคืนละ 96 $ ได้คาสิโนคูปอง 20 $ และ คูปองอาหาร 20 $

ที่ Trump Taj Mahal
เป็น 108 $
ราคาทั้งหมดยังไม่รวม Tax

จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเราพักที่ Trump Plaza 1 คืน
และ Trump Taj Mahal อีก 1 คืน
เพราะขี้เกียจขับรถกลับ
หรืออะไรเนี่ย
New York กับ Atlantic City ก้ออยู่ใกล้ๆกัน
บางทีไป New York ยังขับรถมานอนที่ Atlantic City เลย
เพราะไม่ว่าจะมาถึง Atlantic City ดึกดื่นแค่ไหน
ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดึก.....เมืองยังคึกคักอยู่

ทุก trip ทีเดินทาง แม่จะรับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ตลอด
ย้อนหลังไป 10 กว่าปีตั้งแต่สมัยคุณยายมาเยี่ยมแม่ตอนที่ยังเรียนอยู่
เราขับไป Up state New York ไป Niagara Fall ไป Toronto Canada แล้วอ้อมลงมาทาง Vermont, Maine
เรียกว่า 1 สัปดาห์ขับรถเป็นพันไมล์เลย
ตอนนั้นเราไปกัน 3 คนคือ
คุณยาย แม่ และ น้อง
อีกหน่อยลูกคงต้องเป็นคนขับรถพาแม่เที่ยวบ้างนะจ๊ะ







 

Create Date : 23 กันยายน 2548    
Last Update : 5 ธันวาคม 2548 2:02:25 น.
Counter : 1192 Pageviews.  

USA # 1 : BOSTON / Cambridge

ทริปต่างประเทศอันแรกของลูกก้อคืออันนี้

When: May 1995
Where: Boston, MA, USA
Why: ไปร่วมงานรับปริญญา
Who: คุณยาย แม่ และ ลูก
How: Fly with Northwest airlines





Passport and visa
ก่อนจะพาลูกไปทำ passport
คุณพ่อกับแม่พาลูกซึ่งตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 1 ขวบ
ไปถ่ายรูปที่ร้าน คุณพ่อต้องนั่งแอบๆอยู่ข้างๆเพื่อจับตัวลูกไว้ตอนถ่ายรูป เพราะลูกยังนั่งตัวตรงๆไม่ค่อยจะได้เลย
ประมาณต้นเดือนเมษายนเราก้อพาลูกไปทำ passport
ทายซิว่าไปทำที่ไหน?
จ้างก้อทายไม่ถูก



เราไปทำ passport กันที่งานกาชาดสวนอัมพรจ๊ะ
กระทรวงต่างประเทศจัดรถเคลื่อนที่มาให้บริการรับทำ passport ที่ลานพระรูป ในงานกาชาดนั่นเอง
ถ่ายรูปและทำทุกอย่างบนรถนั่นแหละ
(รูปถ่ายที่เตรียมมาไม่ต้องใช้...เพราะเค้าเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบถ่ายรูปแล้ว scan ลงใน passport เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้)
แล้วให้จัดส่งพาสปอร์ตมาทางไปรษณีย์
ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าที่ควร
คือปกติใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์
แต่เวลาผ่านไปตั้งเกือบ 2 อาทิตย์ ยังไม่ได้รับเลยต้องตามเรื่องกันวุ่นวายพอสมควร
ในที่สุดก้อได้รับ...สรุปแล้วใช้เวลา 3 อาทิตย์กว่า
พอได้รับ Passport แล้วต้องรีบไปขอวีซ่าอเมริกาให้ลูก
ถ้าเป็นอย่างสมัยนี้ที่ต้องมีนัดสัมภาษณ์อะไรด้วย คงแย่
แต่สมัยนั้น ขอวันนี้พรุ่งนี้ก้อได้แล้ว
แม่กับคุณยายมีวีซ่าแบบ Multiple และ valid แบบIndifinitely คือเป็น visa แบบตลอดชีพ เข้าออกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
(ซึ่งตอนนี้ Visa แบบนี้ยกเลิกไปแล้ว)
เลยไม่ต้องขอวุ่นวายกับการขอวีซ่าอีก
ลูกได้วีซ่าแบบ Multiple เช่นกัน
แต่ได้เพียง 5 ปี เพราะความที่เป็นเด็กเบบี๋นั่นเอง

ตั๋วเครื่องบิน
เพราะลูกอายุต่ำกว่า 2 ขวบ (ตอนนั้นแค่ 1 ขวบเอง)
เราจึงจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินของลูกแค่ 20% ของตั๋วผู้ใหญ่
แต่ลูกจะไม่มีที่นั่งเป็นของตัวเอง
โชคดีที่วันเดินทาง เครื่องว่างมากๆลูกเลยได้นอนสบาย
........
วันเดินทาง
เครื่องออกตั้งแต่ 6 โมงเช้า
คุณพ่อเดินไปส่งเราถึงหน้าประตูเครื่องบินเลย
พอขึ้นเครื่องปุ๊บแม่ก้อเอาผ้านวมลายมิคกี้เม้าส์ผืนเล็ก
ปูทับไปบนผ้าห่มของสายการบินที่แม่ปูทบไว้หลายๆชั้นบนที่นั่ง
เพื่อเตรียมพื้นที่ให้ลูกได้นอนนุ่มๆสบายๆ
พวกแอร์โฮสเตสเดินผ่านมายังบอกว่าน่านอนจัง
พอเครื่องบินจะขึ้น คุณยายก้อให้ลูกดูดน้ำจากขวดที่เตรียมมาเพื่อไม่ให้ลูกหูอื้อ
ลูกมีประสพการณ์ในการขึ้นเครื่องบินไปเยี่ยมคุณย่าที่ภูเก็ตมาแล้วไม่มีปัญหาอะไร
แม่ค่อนข้างมั่นใจว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องเรียบร้อย
แล้วก้อเป็นอย่างคิดไว้...
ตลอดการเดินทางกว่า 20 ชั่วโมง
ไม่มีเสียงร้องแม้แต่แอะเดียวจากเด็กน้อยอายุ 1 ขวบ 1 เดือนคนนี้
แม่จำได้ว่าตอนเครื่องลงที่ชิคาโก้ ซึ่งเป็น Port of entry ของ trip นี้
มีแหม่มฝรั่งคนหนึ่งเดินมาคุยกับแม่ว่า ไม่น่าเชื่อว่าเรามีเด็กน้อยเดินทางมาด้วย
เพราะไม่มีเสียงร้องโยเยเลย
แล้วจะไม่ให้แม่รักการเดินทางกับลูกได้ยังไงล่ะ

Transit
จากกรุงเทพ เราแวะ transit ที่นาริตะ
ลูกนอนหลับอยู่เมื่อเครื่องถึงนาริตะ
เรารอให้ผู้โดยสารคนอื่นๆลงจนหมดแล้วคุณยายก้ออุ้มลูก
ในขณะที่แม่ถือสัมภาระต่างๆ
ลูกรู้สึกตัวตื่น ก้อไม่ได้ร้องไห้งอแงใดๆทั้งสิ้น
ที่ห้องพักผู้โดยสารลูกยังเดินก้นส่ายๆไปส่ายมา
(ตามประสาเบบี๋ใส่แพมเพอร์สก้นใหญ่ๆน่ะ)
ชี้เครื่องบินดูสนุกสนาน
แปลกแท้ๆ เวลาผ่านไป 10 ปี
แม่ยังจำภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจนเลย



Immigration
เราเดินทางข้าม Pacific ไปอีก 10 กว่าชั่วโมง
ไปถึง Chicago ลูกก้อถูกปลุกให้ตื่นอีก
แล้วก้อเหมือนเดิม..ไม่งอแงเลย
แม่เลยให้ลูกนอนในรถเข็น ซึ่งลูกก้อนอนเฉยๆ ลืมตา หัวยุ่งๆ
ตรงด่าน Immigration เราไม่ต้องเข้าคิว
เจ้าหน้าที่ชี้ให้เราไปตรวจลงตราในช่องพิเศษที่ว่างอยู่ได้เลย
นี่ก้อเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้แม่ชอบเดินทางกับลูก..ฮิฮิ
เราสามารถอยู่ในอเมริกาได้นาน 6 เดือน ตามที่ประทับไว้ใน Passport

Connecting
ความจริงตั๋วเราเป็น direct flight
BKK-Boston แต่เอาเข้าจริงเราต้องเปลี่ยนเครื่องบิน 2 ครั้ง
ครั้งแรกเปลี่ยนที่ นาริตะ ..ครั้งที่ 2 เปลี่ยนที่ Chicago
ที่ Chicago นี่เครื่องเล็กลงด้วย
แต่เรื่องกระเป๋าเดินทางเราเช็ค through ไปที่ Boston เลย
..........
ระหว่างที่บินจาก Chicago ไป Boston
มีเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนขึ้นกับแม่มือใหม่อย่างแม่เป็นอันมาก
คือ ลูกเลือดกำเดาไหล
คงเป็นเพราะเครื่องขึ้นลงติดๆกันแล้วลูกปรับตัวไม่ได้
แม่ตกใจแทบตายรีบไปขอผ้าเย็นจากแอร์และสจ๊วต
ซึ่งแล้งน้ำใจมากๆ....ไม่ช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น
โชคดีที่ลูกไม่เป็นอะไรมาก..
สักพักเดียวเลือดกำเดาก้อหยุดไหล
...
เหลือเชื่อ..ที่ขนาดเลือดกำเดาไหล
ลูกก้อยังไม่ร้องไห้งอแง....
คุณพระคุณเจ้า....
เด็กอะไรเนี่ย.....สุดประเสริฐจริงๆเลยลูกเอ๊ย.....

City of Boston
Apartment ของเราชื่อ Church park อยู่บนถนน Massachusetts ave.
หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า แมสแซบ (Mass. Ave.)
เป็น Apartment ที่สะดวกสบาย ใกล้ทุกอย่าง
อยู่ตรงข้าม Christian Science Center / Church พอดี
พวกเราอยู่กันที่นี่ตั้งแต่สมัยที่แม่มาเรียนที่ B.U.แล้ว



สถาปนิกที่ออกแบบ Christian Science Center คือ Ieoh Ming Pei หรือที่เรียกกันว่า I.M. Pei
I.M. Pei เป็นเด็กเก่า Harvard กับ MIT
มีผลงานใน Boston อีกหลายอันเช่น ตึก John Hancock Tower, JFK Library
ผลงานอันโด่งดังที่ปารีสคือ Pyramide ทางเข้า Lourve ก้อเป็นผลงานของ I.M. Pei ด้วย



รายล้อม Apartment เรามีทั้งสถาบันดนตรีอย่าง Berklee College of music, New England Conservatory of music
Symphony hall ที่เป็นบ้านของ Boston Symphony Orchestra หรือ BSO , Boston POP

หลังบ้านในระยะเดินไปได้ก้อมี Boston Museum of Fine Art (MFA)
งานศิลปที่แสดงอยู่ที่ BMFA เป็นงานแสดงที่ดูง่าย
สวยงาม ไม่ต้องปีนบันไดดู
แม่ถึงชอบเดินไปดู (โดยเฉพาะวันอังคาร ที่เข้าได้ฟรี)
แล้วอีกอย่าง..ของที่ขายใน gift shop ของ BMFA สวยมากๆขอบอก.....



ละแวกใกล้บ้านเรายังมี Back bay, Prudential center, Copley Square, Fenway park ซึ่งช่วงไหนมี Boston Red Sock ละก้อ จะคึกคักมากๆอย่างเห็นได้ชัด
คือรถจะเยอะ ผู้คนจะเดินขวักไขว่ ร้านอาหารจะคนแน่น
โดยเฉพาะแถวบ้านเรา จะเห็นคนเอารถมาจอดแล้วเดินไปเป็นแถวๆ
มุ่งหน้าไป Fenway Park

Trinity church
โบสถ์เก่าแก่ 200 กว่าปี ที่ Copley square


John Hancock tower ตึกที่สูงที่สุดใน Boston


Boston เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของอเมริกา
เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์
ตอนเด็กๆหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ Boston Tea Party กันมาบ้างแล้ว
ที่ทางอังกฤษเรียกเก็บภาษีใบชาค่อนข้างแพงจึงมีการประท้วงทิ้งใบชาทั้งหมดลงทะเล

On the cold evening of December 16, 1773, a determined group of Patriots disguised as Mohawk Indians burst from the Old South Meeting House with the spirit of freedom burning in their eyes. Their destination was Griffin's Wharf and the three tea ships harbored there. Quickly, quietly, and orderly, the American colonists boarded each of the ships and, armed with axes and hatchets, destroyed 342 crates of British tea, defiantly dumping the precious cargo into the sea. Thousands of spectators watched in silence. Only the sounds of axe blades splitting wood rang out from Boston Harbor during the still night…the Boston Tea Party was underway and the path to revolution and freedom had begun.

ที่ Boston มีพิพิธภัณฑ์ Boston Tea Party (Ship and museum) ซึ่งเป็นหนึ่งใน Tourist attractions สุดฮิตของเมืองบอสตัน
ที่น่ารักคือมีห่อใบชาผูกติดไว้บนเรือให้คนทำท่าโยนแล้วถ่ายรูปไว้ดูได้ด้วย





Boston มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของอเมริกามากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการประกาศอิสรภาพ
เป็นเมืองที่แม่ชอบ และ คิดว่าน่าอยู่มาก

State house, Capital hill



Copley square



"Pru"



Boston ยามเย็น ริมฝั่ง Charles River



May 1995: Christian Science Center, Boston, MA



หน้า FAO ร้านขายของเล่นขนาดใหญ่ ตรง Copley Square
ผู้ใหญ่ยังชอบเข้าไปเดินดูของเล่นเลย



สวนสาธารณะกลางเมือง Boston แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
Boston Garden และ Boston Common
ช่วงหน้าร้อนมี Swan Boat ให้ลงไปนั่งชมวิวลมเย็นๆ
พอเป็นช่วงหน้าหนาวก็ไปเล่น Ice Skating ได้
ช่วง Fall ยิ่งสวย เพราะเป็นช่วง Fall Foliage ใบไม้เปลี่ยนสี น้ำตาล เหลือง แดง ส้ม สวยมากๆ
พอฤดูใบไม้ผลิก้อสวยอีกแบบนึง ดอกไม้สวยๆเริ่มผลิ ใบเขียว อากาศก้อเย็นกำลังดี
สรุปแล้ว ไปเที่ยว Boston ได้ทั้งปีเลยนะเนี่ย
(แต่สำหรับคนขี้หนาวก็อไม่ค่อยแนะนำหน้าหนาว เพราะมันหนาวมากๆ)



Boston และ Cambridge เป็นเมืองแฝดคล้ายๆ พระนครกับธนบุรี น่ะ (เปรียบเทียบแปลกๆ แลดูโบราณๆยังไงไม่รู้)
มีแม่น้ำ Charles กั้นอยู่ระหว่าง 2 เมือง
ในแม่น้ำนี้ช่วงหน้าร้อนจะมีกิจกรรมประเพณีเป็นการแข่งพายเรือ
ทีม Harvard เป็นแชมป์อยู่หลายสมัยอยู่



สะพาน Long fellow bridge 1 ในสะพานข้ามแม่น้ำ Charles



Boston และ Cambridge นับเป็นเมืองมหาวิทยาลัย
มีที่เรียนเยอะแยะ เช่น
Boston University (B.U)
Northeastern University (N.U)
Boston College (B.C)
Babson College
Berklee College of Music
New England Conservatory of Music
Harvard University (อยู่ฝั่ง Cambridge)
MIT (อยู่ฝั่ง Cambridge)
Fletcher school of Diplomatic
และอีกมากมาย

MIT


แม่พาลูกไปเดินเล่นแถว B.U. บ่อยๆ
ไม่แน่ว่าในไม่กี่ปีข้างหน้าลูกอาจจะมาเรียนที่นี่บ้างก็ได้
เอ... หรือว่าเป็น Harvard ดี
(หวังไกลไปฤ..ป่าว..ไม่รุ..)



น้องจ้ำกับคุณยาย









 

Create Date : 22 กันยายน 2548    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2549 20:04:29 น.
Counter : 1448 Pageviews.  

เพื่อนเดินทางคนดีที่ 1 เลย

ในบรรดาเพื่อนเดินทางทั้งหลายที่มีอยู่
ลูกคือเพื่อนเดินทางคนดีที่หนึ่งของแม่เลย



ลูกไม่เคยเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน ให้แม่ต้องเป็นห่วง
ลูกมีความอดทนเดินตามแม่ชอปปิ้งได้เป็นชั่วโมง
ลูกพร้อมที่จะตามแม่ไปทุกที่โดย(แทบ)ไม่บ่น
..ก้อคือ มีบ่นบ้างเล็กน้อยพอน่ารัก..
พอแม่บอกว่า ..นะ..นะ.. เหอะ..เหอะ..
ลูกก้อจะบอกว่า...ก้ออ...ด้ายยย.....
ลูกเป็นเนวิเกเตอร์...เป็นหูเป็นตา...เป็นสมอง..
คอยบอกทาง..จดจำทาง..ให้แม่ผู้ซึ่งเป็นแชมป์หลงทางมือวางอันดับต้นๆของประเทศได้
ลูกเป็นตากล้องส่วนตัวคอยเก็บภาพที่ระลึกให้แม่
(สมกับเป็นลูกชายช่างภาพ /วาง compose สวย ใช้ได้)



ลูกเป็นคนอยู่ง่าย..กินง่าย..นอนง่าย..
ปกติลูกเป็นคนนอนแต่หัวค่ำ (เดี๋ยวนี้เริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ)
แต่เวลาไปเที่ยวกันลูกสามารถลุยกับแม่ได้จนดึกจนดื่น
เช่น Tokyo Disneyland ที่เราเดินเที่ยวกันจนปิด (8 ขวบ)
ที่ Hawaii ที่เราออกจากบ้านไปเที่ยวกันตั้งแต่เช้า
แล้วกลับมาดึกๆแทบทุกวัน (3 ขวบ)
และ อื่นๆอีกมากมาย
.....
แม่หวังว่าลูกจะเป็นเพื่อนเดินทางของแม่ไปอีกนานๆนะ
เพราะยังมีอีกหลายที่ที่แม่อยากไป
แล้วก้อคิดว่าคงไม่อยากไปกับใครมากกว่าไปกับลูก...
แม่รักลูกจ๊ะ

..............









 

Create Date : 21 กันยายน 2548    
Last Update : 4 ธันวาคม 2548 7:32:14 น.
Counter : 505 Pageviews.  

1  2  3  

parachute
Location :
Tauranga New Zealand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




Friends' blogs
[Add parachute's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.