เรื่องเล่าจากคุณพ่อมือใหม่

ไดอารี่คุณพ่อ ตอนลงทะเบียนวิชาปฏิบัติ

หลังจากลูกสาวได้ออกมาลืมตาดูโลก หน้าที่ของคุณพ่อก็เหมือนจะเริ่มต้นขึ้นทันที ที่โรงพยาบาล 2-3 วันแรกยังไม่วุ่นวายเท่าไหร่นักเนื่องจากยังมีพยาบาลช่วยดูแล แต่พอได้เวลากลับบ้าน ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูบ้าน บ้านหลังเดิมๆ ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปทันที จากที่เคยคิดว่ามีที่กว้างเหลือเฟือกลับกลายเป็นคับแคบขึ้นมาทันที ไหนจะของใช้ ไหนจอของรับขวัญ ช่วงในใครมาเยี่ยมที่บ้านก็ต้องนั่งพื้นกันไปตามระเบียบ

ช่วงอาทิตย์แรกๆ ตัวเล็กยังไม่ค่อยกวนใจเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่จะหนักไปทางนอนเป็นหลัก ร้องบ้างเวลาหิว ฉี่ แล้วก็อึ พ่อแม่มือใหม่ก็เลยได้เตรียมตัวเตรียมใจกันพอสมควร แต่ก็ยังมีเรื่องให้น่าห่วงนิดหน่อย เพราะตัวเล็ก (ต่อไปจะเรียกว่าปันละกันครับ) ปันตัวเหลืองนิดหน่อยซึ่งเป็นอาการปกติของเด็กแรกเกิดที่ตัวอาจจะเหลืองบ้าง วิธีแก้ไขก็ไม่ยาก แค่อุ้มเค้าไปโดนแดดอ่อนๆ บ่อยๆ ซักอาทิตย์อาการตัวเหลืองก็จะหายไป



ของต่างๆ ที่เตรียมไว้เริ่มถูกขนเอามาใช้ ผ้าอ้อม 3 โหลที่เตรียมไว้ ไม่พอใช้ ยังดีที่มีคนซื้อมาฝากเพิ่มเติม คุณแม่มือใหม่เริ่มมีน้ำนมให้ปันดูด แต่ยังจูนกันไปค่อยติดเนื่องจากยังเป็นมือใหม่ด้วยกันทั้งคู่ อาการทะเลาะกับหัวนมแม่ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ กิจวัตรประจำวันของคุณพ่อนอกจากจะต้องอุ้มลูกไปให้โดนแดดแล้ว ก็ซักผ้าอ้อม ล้างขวดนม นึ่งขวดนม (บางจังหวะนมแม่อย่างเดียวไม่พอให้คุณเธอกิน) เช็ดโน่นเช็ดนี่ไปตามเรื่อง ผมถือโอกาสลาพักร้อนเพื่ออยู่ดูแลเจ้าตัวเล็กซักอาทิตย์ แต่พอถึงวันที่ต้องกลับไปทำงาน อาการ “งอแง” ไม่อยากไปทำงานก็เกิดขึ้น (ทำไมกฎหมายไทย ไม่ให้คุณพ่อได้ลาคลอดบ้าง ไม่ต้องมากครับซักเดือนก็พอ :P)



ช่วงต้นนี้ทฤษฎีต่างๆ ที่ศึกษามา จะถูกนำมาใช้ปฏิบัติในสถานการณ์จริง ใครจะรู้ว่าการเช็ดสำลีทำความสะอาดก้นเด็กต้องเช็ดตามทิศทางที่ถูกต้องตามเพศของเด็ก การจะใส่เสื้อผูกหน้าหรือผูกหลังก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดทุกครั้งตอนแต่งตัว มาคิดดูตอนนี้ ก็ตลกดีเหมือนกันนะครับ แต่เรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไว้ก็คือ ระหว่างที่เค้าอยู่ในท้อง ให้คุยกับเค้ามากๆ ครับ เพราะเมื่อเค้าออกมาเค้าจะจำเสียงของคนที่คุยกับเค้าได้ พิสูจน์แล้วจากประสบการณ์ของตัวเองครับ ในช่วงแรกๆ ที่เค้ายังมองไม่เห็น แต่ถ้าเค้าได้ยินเสียงเรา เค้าจะหันหน้าตามเสียงนั้นครับ...แค่นี้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็ “ปลื้ม” สุดๆ แล้วครับ




 

Create Date : 05 มีนาคม 2552   
Last Update : 8 มีนาคม 2552 13:46:30 น.   
Counter : 943 Pageviews.  

ไดอารี่คุณพ่อ ตอน Magic Moment

ขออนุญาตตั้งชื่อตอนนี้เป็นภาษาปะกิตก็แล้วกันนะครับ เพราะช่วงเวลาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต ต่อจากตอนที่แล้วหลังจากที่คุณหมอได้นัดให้ภรรยาของผมมารอที่โรงพยาบาลเพื่อเร่งคลอด วันนั้นเราไปถึงโรงพยาบาลกันตั้งแต่ 9 โมง คุณหมอตรวจนั่นตรวจนี่แล้วก็เริ่มลงมือให้ยาเร่งคลอดผ่านทางสายน้ำเกลือ


เวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ภรรยาของผมยังไม่มีอาการเจ็บท้องเลยซักนิด ไอ้ที่ลุ้นๆ มาตั้งแต่เช้าก็เริ่มจะลดดีกรีลงไปเรื่อยๆ (แหงล่ะ...ใครมันจะไปนั่งลุ้นได้อยู่ 2-3 ชั่วโมง) ตกบ่ายผมออกไปหาอะไรทานตามปกติ ส่วนภรรยานอนดูที่วีอยู่ในห้องรอคลอด ผมบอกกับตัวเองว่าเหตุการณ์ที่กำลังเจออยู่นี่ ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยซักนิด ไม่มีการฉุกละหุก ไม่มีเสียงร้องโอดครวญ ไม่มีภาพหมอภาพพยาบาลมารุมล้อม แล้ววันนี้ลูกสาวผมจะออกมาจริงๆ เหรอเนี่ย


ภรรยาของผมยังคงเกาพุงคุยกับตัวเล็กเรื่อยๆ บอกแต่ว่า “เดี๋ยวเจอกันนะลูก” แต่ผมยังงงๆ อยู่ว่าจะเจอกันได้ไง ก็ยังไม่เห็นมีอาการอะไรซักนิด หลังจากนั้นคุณหมอก็เดินเข้ามาตรวจ บอกว่าปากมดลูกเริ่มเปิดมากขึ้นแล้ว คุณหมอจัดการเจาะถุงน้ำคร่ำให้แตกเพื่อเตรียมตัวคลอด ผมเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นน้ำที่ไหลออกมา...(อย่างี้สิ! ถึงได้อารมณ์หน่อย) ซัก บ่ายสามบ่ายสี่ คุณหมอเริ่มเดินมาตรวจถี่ขึ้น มดลูกเริ่มบีบตัวถี่ขึ้น พร้อมกับหน้าที่เหยเกของภรรยาผมเป็นช่วงๆ “ใกล้แล้วละสิลูกพ่อ...หนูใกล้จะออกมาแล้ว) พอ 5 โมงภรรยาเริ่มทำหน้าเหยเกถี่ขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอเริ่มให้ยาแก้ปวดผ่านทางสายน้ำเกลือ “คุณพ่อ...เปลี่ยนชุดเตรียมเลยนะครับ” คุณหมอหันมาบอก... “ได้เวลาแล้วสิ” ผมรีบออกจากห้องไปคว้าเสื้อคลุมสีเขียวแก่มาสวมทับ พยาบาลนำผ้าปิดจมูกกับหมวกมาให้ ผมลองชุด... “แหม...แต่งอย่างงี้แล้วออกไปเดินข้างนอก ใครๆ ก็ต้องคิดว่าเป็นหมอแหงๆ...หุๆ” เสียงภรรยาโอดครวญเล็ดลอดออกมา...ลืมไปเลยว่ากำลังลุ้นลูกสาวอยู่


ผมกลับเข้าไปในห้องรอคลอด คราวนี้ภรรยาผมเริ่มเจ็บมากขึ้น ผมทำได้แค่กุมมือเธอไว้...จนในที่สุดคุณหมอก็เข้ามาตรวจแล้วบอกว่าให้เข้าห้องคลอดได้...หัวใจผมเต้นแรงและเร็วขึ้น เสียงร้องของภรรยาเริ่มถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “ปวดท้อง อยากเบ่งแล้ว” ภรรยาผมบอกหมอ... “เดี๋ยวก่อนครับ ให้เปิดมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเบ่ง เด็กจะได้ออกมาง่ายๆ ทีเดียว” เอาไงดีล่ะเนี่ย “เมียอยากเบ่ง...แต่หมอบอกว่าเดี๋ยวก่อน คุณพ่อสับสนครับ!” แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เบ่งอยู่ดี


เวลาผ่านไปอีกไม่นาน ภรรยาผมอยู่บนขาหยั่งเรียบร้อย ผมเข้าประจำการพร้อมกล้องอยู่แถวๆ หัวของภรรยา คุณหมอเริ่มบอกให้เบ่งได้...ภรรยาผมลงมือเบ่ง ผมจัดการให้จังหวะในการเบ่ง (ก่อนคลอด โรงพยาบาลมีจัดอบรมการคลอด ทำให้ผมรู้กระบวนการเกี่ยวกับการคลอดพอสมควร) อึ้ดดดดด....ผมเชียร์เบ่งเสียงดัง ภรรยาจัดการเบ่งหน้าตำหน้าแดง....เบ่งอยู่อย่างนั้นประมาณ 4-5 ครั้ง หัวของลูกสาวผมก็โผล่ออกมา เสียงคุณหมอแว่วมา “หัวออกมาแล้วครับ เก่งมาก” ผมยังคงเชียร์เบ่งต่อ อีกมือจัดการเปิดสวิตช์กล้อง เกือบ 6 โมงเย็น ลูกสาวก็ออกมาสมใจนึก ผมไม่รอช้าจัดการบันทึกภาพวินาทีสำคัญไว้ไม่มีพลาด “แอ้...แอ้.....”เสียงลูกสาวดังทักทายทันที ผมยังคงเก็บภาพต่อ ในขณะเดียวกันก็สังเกตด้วยว่าลูกครบ 32 ดีหรือไม่ เสร็จแล้วก็หันมากุมมือภรรยาไว้ พร้อมกับก้มลงไปพูดที่ข้างหูเค้าว่า “ลูกเราน่ารักมาก....แม่เก่งมากๆ”



พยาบาลทำความสะอาดลูกสาวอย่างรวดเร็ว คุณพ่อตามประกบถ่ายทุกอิริยาบทอย่างกับปาปารัซซี่ จนคุณพยาบาลบอกว่าต้องพาลูกไปที่ห้องเด็กอ่อน ผมถึงเลิกถ่าย กลับไปกอดภรรยาที่คุณหมอกำลัง “เก็บงาน” อยู่บนขาหยั่ง แล้วตามไปส่งลูกสาวที่ห้องเด็กอ่อน...



วินาทีแห่งชีวิตผ่านไป นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้าผมจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมตลอดไป เค้าจะเป็นยังไงบ้าง ภารกิจคุณพ่อมือใหม่เริ่มต้น ณ ตั้งแต่บัดนี้!





 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 18:43:05 น.   
Counter : 827 Pageviews.  

ไดอารี่คุณพ่อ ตอนที่ 4 แล้วเราก็จะได้เจอกัน

ย่างเข้าเดือนที่ 5 เป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้รู้ซะทีว่าเจ้าตัวน้อยในท้องของคุณแม่จะเป็นหญิงหรือชาย เมื่อถึงวันนัด คุณยายและคุณน้าขอติดไปโรงพยาบาลด้วย เพื่อช่วยกันลุ้นว่าหลานคนแรกจะเป็นหลายสาวหรือหลานชาย คุณหมอแซวเล็กๆ เมื่อเห็นบรรดาผู้ติดตามของเรา แต่ก็ยอมให้เข้าไปลุ้นด้วยกัน....

คุณหมอเริ่มลงมืออุลตร้าซาวน์ พร้อมทั้งอธิบายให้ฟังว่าภาพที่เห็นแต่ละส่วนคืออวัยวะอะไรบ้าง ซึ่งเราทั้งคู่ก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าลูกของเรามีอวัยวะสมบูรณ์ครบถ้วน...หมอถามแย๊บๆ เล็กน้อยว่า “อยากเห็นมั้ยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ผมและกองเชียร์พยักหน้า..."อยากเห็นครับ!”
คุณหมอจัดการอุลตร้าซาวน์ต่อทันที ผมจ้องที่หน้าจออย่างลุ้นระทึก....พลันสายตาเหลือบไปเห็นภาพอะไรบางอย่างเป็นรูปแท่งแหลมๆ ผมลืมตัวตะโกนออกมา “ไอ้จู๋!” คุณหมอรีบปราม เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าที่เห็นนั่นไม่ใช่หรอก แล้วก็วนๆ หามุมต่อ....(ผมแอบบถอนใจโล่งอก) สุดท้ายก็เห็นอวัยวะบางอย่างพร้อมกับที่คุณหมอพูดออกมาว่า “เด็กผู้หญิงครับ” (ฮิ้ววววว....ผมแสดงอาการยินดีในใจ...ลูกต๋าวๆๆ ฮี่ๆ) กองเชียร์ที่ติดตามมายิ้มอย่างมีความสุข เตรียมพร้อมรับหลานสาวคนใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

หลังจากทราบเพศของตัวน้อยในท้องแล้ว คราวนี้เราทั้งคู่ก็เรียกเค้าได้อย่างสนิทใจมากขึ้น “ปันจ้ะ ปันจ้า...ปันคะ ปันขา” แล้วปฏิบัติการช้อปก็เริ่มขึ้น ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เป้าหมายของเราอยู่ที่แผนกเด็กอ่อน ทั้งเสื้อผ้า ทั้งของใช้ ถูกลำเลียงเข้าบ้าน อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมไว้สำหรับสมาชิกคนใหม่ของเรา...

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนใกล้ถึงวันครบกำหนดคลอด แต่ธรรมชาติก็ไม่เป็นใจให้เราเท่าไหร่นัก เนื่องจากปีนั้น (ปี 49) เป็นปีที่น้ำท่วมอย่างหนัก ทางเข้าหมู่บ้านที่เราอยู่ก็โดนน้ำท่วมด้วย จะเข้าบ้านแต่ละทีต้องเอารถไปจอดไว้ที่ อบต. แล้วค่อยนั่งรถหกล้อเข้าหมู่บ้าน ผมทนเห็นคุณแม่ท้องแก่ต้องปีนขึ้นรถหกล้อไม่ไหว ในที่สุดก็ตัดสินใจอพยพไปอยู่บ้านยาย...

ถึงวันนัดคุณหมออีกครั้ง การตรวจผ่านไปด้วยดี คุณหมอแจ้งว่าปากมดลูกเปิดแล้วเล็กน้อย “บ้านอยู่ไหนครับ?”“รังสิตครับ” ผมตอบ...คุณหมอนิ่งคิดชั่วครู่ “งั้นพรุ่งนี้มาตั้งแต่ 9 โมงครับ มาเร่งคลอดกัน บ้านคุณอยู่ไกล ถ้ารอให้เจ็บท้องแล้วมาอาจจะลำบาก”

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผมยังปรับอารมณ์ไม่ถูก กะไว้ว่าเวลาเด็กจะออกมาต้องฉุกละหุกน่าดู แต่นี่กลับกลายเป็นว่าพรุ่งนี้มานอนรอคลอดแบบชิวๆ ได้เลย “เอาๆ หมอว่าไงก็ว่ากัน” เมื่อไปถึงบ้านคุณตา คุณยายและคุณน้าจัดการถ่ายรูปส่งท้ายกันใหญ่ อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นหน้ากันแล้วนะลูก




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 12:34:45 น.   
Counter : 411 Pageviews.  

ไดอารี่คุณพ่อ ตอนที่ 3 เลือก เลือก แล้วก็เลือก!

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมรู้ว่าเรากำลังจะมีตัวเล็กในอีกไม่ช้านี้...คำถามแรกที่โผล่ขึ้นมาคือ...เราจะฝากท้องที่ไหน เริ่มแรกเราอยากได้โรงพยาบาลใกล้ๆ บ้าน จะได้เดินทางไปตรวจง่ายๆ และไม่ต้องฉุกละหุกเวลามีเรื่องฉุกเฉิน ตัดโรงพยาบาลรัฐบาลออก เพราะผมอยากเข้าไปอยู่ในห้องคลอดด้วย ซึ่งโรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมให้เข้าไป อีกอย่างเรารู้สึกว่าเราไม่อยากไปเบียดเบียนคนไข้คนอื่นที่อาจจะเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่าเรา ให้เค้าได้เข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาลที่เหมาะกับเค้าน่าจะดีกว่า จึงสรุปกันว่าเราจะเลือกโรงพยาบาลเอกชนเป็นหลัก แต่พอนึกถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ ละแวกบ้าน ก็พบว่ามีชื่อเสียพอสมควร เน้นนะครับว่า”ชื่อเสีย”...ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าโดนฟ้องเรื่องทำคลอดแล้วแม่ตายอะครับ และจากประสบการณ์ส่วนตัวเคยไปตรวจที่นี่ บอกได้คำเดียวว่า “ไม่ผ่าน”...โรงพยาบาลถัดไป ก็หรูหราไฮโซดูน่าเชื่อถือ แต่พอไปถึงกลับไม่ค่อยมีคนซะงั้น ทั้งหมอทั้งคนไข้หายากมากๆ คิดไปคิดมาก็คุ้นๆ ว่าโรงพยาบาลนี้จะเห็นอยู่ในละครหลังข่าวบ่อยมาก...เลยเข้าใจว่าเค้าคงสร้างไว้ให้กองถ่ายมากกว่า...เมื่อตัวเลือกใกล้ๆ ไม่น่าสนใจ เราเลยขยับออกมาไกลบ้านอีกนิด (ลืมบอกไปครับ บ้านผมอยู่รังสิต คลอง 3) โดยดูจากเส้นทางที่รถรับส่งบริษัทของแฟนผมผ่าน ลากเป็นเส้นตรงจะวิ่งยาวบนถนนวิภาวดี ว่าแล้วเราก็หยุดที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเดียวกับชื่อถนนละกัน



เราลองไปใช้บริการนี้ในการตรวจครั้งแรกครับ กะว่าถ้าไม่ดีก็จะเปลี่ยน แต่ถ้าดีก็จะเลือกใช้ยาวๆ แต่พอไปถึงก็ดันมีเรื่องที่จะต้องให้ตัดสินใจอีก...ว่าจะตรวจกับคุณหมอท่านไหน...อึ้งสิครับ เอาไงดี....เราคิดแต่ว่าอยากได้หมอที่เน้นการคลอดแบบธรรมชาติ เพศชายหรือหญิงก็ไม่เกี่ยงแล้วก็ต้องมีเวลาทำการหลายๆ วัน พยาบาลยิ้มหวานให้แล้วบอกว่า “วันนี้คุณหมอที่ออกตรวจเก่งทุกคนค่ะ” เอาล่ะ! ถ้างั้นก็คนไหนก็ได้ละกัน...

เมื่อตรวจกับคุณหมอเสร็จ เราก็มาทำการประเมินทั้งโรงพยาบาลและคุณหมอ สรุปเห็นตรงกันว่า “ผ่าน” แต่ขอดูเรื่องค่าใช้จ่ายอีกนิด ซึ่งพอคิดเงินออกมา เราก็รับได้ พอขอเอกสารเกี่ยวกับการคลอดแบบแพ็คเกจมาดูก็คิดว่า “สมเหตุสมผล” เราจึงตกลงว่านับจากนี้ไปอีก 9 เดือน เราจะฝากชีวิตของลูกเราไว้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ กว่าจะจบเรื่องหมอเรื่องโรงพยาบาลก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน....แหม...การมีลูกซักคนนี่ละเอียดอ่อนจริงๆ นะครับ




 

Create Date : 29 มกราคม 2552   
Last Update : 29 มกราคม 2552 12:26:15 น.   
Counter : 487 Pageviews.  

ไดอารี่คุณพ่อ ตอนที่ 2 ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ความเดิมจากตอนที่แล้วหลังจากที่ทราบว่าแฟนของผมกำลังจะได้รับการยกระดับเป็น “คุณแม่” ในอีก 40 สัปดาห์ข้างหน้า สิ่งแรกที่เราเตรียมก็คือการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ใช้เวลาเพียง 2-3 วัน เรา 2 คนก็ได้หนังสือเกี่ยวกับพัฒนาการการตั้งครรภ์มากองไว้ข้างเตียงกองเบ้อเร่อ ส่วนใหญ่ผมก็แค่เปิดๆ ดูรูปและอาจจะเปิดอ่านเนื้อหาที่น่าสนใจบ้าง แต่คนข้างๆ ผมนี่สิครับ อ่านเอาจริงเอาจังซะอย่างกับจะสอบเอ็นทรานซ์...

ผมเองหลังจากอ่านผ่านๆ ก็ได้ข้อสรุปว่าเรื่องตัวเล็กในพุงให้แม่เค้าดูแลไป ส่วนผมจะขออาสาดูแลคนเป็นแม่แทนละกัน ช่วง 1-3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเพราะเป็นช่วงที่มีโอกาส “หลุด” มากที่สุด จะเดินจะเหินแต่ละทีต้องคอยเตือนให้คุณแม่ระวัง เวลาขับรถก็ต้องคอยระวังหลุมระวังบ่อให้ดี แตะเบรกก็ต้องนิ่มๆ ไม่งั้นหัวทิ่มหัวตำไปตัวเล็กอาจจะงอนไม่ยอมอยู่ก็เป็นได้ นอกจากการดูแลเทคแคร์ด้านกายภาพแล้ว ทางอารมณ์ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องใส่ใจ โชคดีที่คุณแม่คนใหม่ไม่มีอาการแพ้มากมาย อย่างมากก็แค่คลื่นไส้อาเจียน เหม็นกลิ่นโน่นนี่นิดหน่อย อาหารอะไรที่เคยทานด้วยกันก็พาลไม่อยากทานซะงั้น แต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบบแผนของคนท้องละกัน ถ้าเข้าใจตรงจุดนี้ได้ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข



เรา 2 คนเริ่มคุยกันว่าอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว ซึ่งก็เห็นเหมือนๆ กันว่า เราอยากได้ “ลูกสาว” ส่วนชื่อเราก็เตรียมไว้อยู่แล้วว่า “อยากได้ชื่อไทยๆ พยางค์เดียวแล้วก็เข้าใจง่าย” เราตกลงกันว่าจะเรียกเจ้าตัวเล็กในท้องว่า “ปัน” ไปก่อน ส่วนจะเป็นหญิงหรือชายนั้น ค่อยลุ้นเอาตอน 5 เดือน โดยแอบหวังเล็กๆ ว่าตัวเล็กในท้องจะเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างที่เราอยากได้....แต่จะได้อย่างที่อยากได้หรือเปล่า...ตอนหน้ารู้กัน




 

Create Date : 26 มกราคม 2552   
Last Update : 26 มกราคม 2552 17:28:35 น.   
Counter : 622 Pageviews.  

1  2  

ป๊ะป๋าปอปัน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ป๊ะป๋าปอปัน's blog to your web]