เขียนก็ไม่เก่ง ปั่นขาก็ไม่แรง ถ่ายรูปก็งั้นๆ ก็นี่แหล่ะตัวเรา
Group Blog
 
All Blogs
 

ปั่นทางไกลทริปแรก

ทริปแรกของเสือมะลิขาว อุดร สู่ อ.สังคม หนองคาย

24-09-52 click udonbike.pantown.com เจอะกะทู้นี้ ชวนกันไปปั่น อ.สังคมและนอน 1 คืน ความเร็ว 25-30 พักทุก 40 กม.
อย่างนี้ไหวแน่เรา งั้นโทรดู
แหม่ เสียงรอสายเร้าใจ “สวัสดีครับ ขอสาย อ.อัฏฐพล ครับ”
อ.อัฏฐพล “ครับผม อ.อัฏฐพล ”
มะลิขาว “ผมอยากจะร่วมปั่นไป อ.สังคมด้วยต้องสมัครอย่างไรบ้างครับ”
อ.อัฏฐพล “อ๋อไม่ต้อง ไปด้วยกันได้เลย เช้าวันเสาร์ก็รวมพลกันที่หน้าดับเพลิงหนองประจักษ์ ล้อหมุนเจ็ดโมงเช้า ”
มะลิขาว “ครับผม”
อ.อัฏฐพล “แล้วใช้หมอบหรือเสือภูเขาหล่ะ ”
มะลิขาว “ภูเขาครับ เจ้า มะลิครับ”
อ.อัฏฐพล “ถ้าภูเขาก็แนะนำว่ายางอย่าเกิน 1.9 นะ เพราะทางจะขึ้นเขาลงเขาอยู่พอสมควร ”
มะลิขาว “ครับผม”

26-09-52 วันนี้ไปเปลี่ยนยางเป็น 1.9 ตามที่อาจารย์แนนำดีกว่า
ร้านหงษ์ฟ้า ...
มะลิขาว “โก้ดูยาง 1.9 หน่อยสิ มีอะไรอยู่บ้าง”
โก้ “มีอันนี้หน้าหน้าเรียบ แล้วก็ Maxis แต่ของยังไม่มา”
มะลิขาว “ เช็คได้หรือเปล่าว่ามาเมือไร”
โก้ “เฮียป๋วย ยาง Maxis มาเมื่อไร”
เฮียป๋วย “น่าจะมาแล้วนะ ลองดูในกล่องที่มาเมื่อเช้าดู”
นายโก้ของเราก็ยกกล่องมา เปิดออก “โอ้ มีแต่ Kenda ขอบผ้านี่ ตัวนี้สั่งที่หลังนี่”
มะลิขาว “หน้าเท่าไร แล้วตัวนี้น่าใช้หรือเปล่า”
เฮียป๋วย “หน้า 1.9 ตัวนี้ผมสั่งมาลองดู เห็นภาคกลางเขาใช้กันนะ ถ้าเอานี่คันแรกในอุดรเลยนะนี่”
ติ๊กต๊อกๆ อื่อ เอาก็เอา ลองดู
มะลิขาว “พรุ่งนี้ผมจะไปสังคมกับเขา ไม่รู้ว่าฝนจะตกหรือเปล่า”
เฮียป๋วย “กลุ่มคุณหมอนะหรือ ไปได้ เขาปั่นไม่เร็วมาก และเรื่องฝนี่ถ้าลองได้นัดกันแล้วยังไงก็ไป ไม่ต้องกล้ว
ถ้าไม่ไหวเขามีรถ Service ก็ขึ้นรถได้เลย”
กำลังใจเพื่มพูน มีรถ Service อย่างนี้ก็แบกกล้องไปด้วยได้ ถ้าแบกไม่ไหวก็ฝากรถได้ อิอิ

27-09-52
ตื่นแต่เช้าตื่นเต้นน่าดู ยกกระเป๋าดู อือใช้ได้ก็ไม่ได้ขนอะไรมาก เพราะไปนอนแค่ 1 คืน เอาไปแค่ ขาตั่งกล้อง กล้อง 1 ตัว เลนส์ 3 ตัว เสือผ้า 2 ชุด
แค่สิบโลนิดๆ จิบๆ
6.30 น.
จากถนนโพนพิสัยเลี้ยวซ้ายเข้าหนองประจักษ์มุ่งสู้หน้าสถานีดับเพลิง โอ้ เห็นแต่ไกล สิบกว่าคัน เอ้แต่ทำไมไม่มีสัมภาระกันเลย
มะลิขาว “พี่ครับ อันนี้ที่จะไปสังคมกันหรือเปล่าครับ”
พี่คนนั้น “สังคมไปพรุ่งนี้ วันนี้ปั่นธรรมดา”
แล้วขบวนก็ออกไป พี่เขาก็เลยตามไป แล้วเราเอาไงดีหว่า ตามไปก่อน
โอ้ ดูเขาสิ แต่ละคัน แล้วขาแต่ละคน อือ โทรถามอาจารย์หน่อยดีกว่า จะได้รู้ด้วยว่าคนไหนอาจารย์

เสียงรอสายเร้าใจตามเคย “สวัสดีครับ อาจารย์ครับวันนี้ไปสังคมหรือเปล่าครับ”
อ.อัฏฐพล “ไปนะ คุณหมอยังไม่ยกเลิก นี่ผมก็แต่งตัวรออยู่ที่บ้านเหมือนกัน ”
มะลิขาว “ ครับผม ผมอยู่ที่หน้าดับเพลิงแล้ว เดี๋ยวผมรออยู่แถวนี้แล้วกันครับ”

กลับซิครับ หันเจ้ามะลิกลับทันที หุหุ ตามไปแย่แน่เรา

หนองประจักษ์นี่ร้านอาหารเช้าน่ากินหลายร้านเลยทีเดียว เราก็กินโจ๊กใส่ใข่ กาแฟร้อน แต่ขนมปังปิ่งหอมๆ กินไม่ไหว (ไม่ค่อยได้ตื่นเช้า) หมูปิ่งก็น่ากิน
ยังมีแกงเส้น ข้าวเปียกอีก

แล้วก็มีรถกระบะผู้ใจดีมาจอดพร้อมสายฝนยามเช้า “คุณ........ ใช่ไหมครับ”
มะลิขาว “ไม่ใช่ครับ”
กระบะผู้ใจดี “ที่จะไปกับอาจารย์อัฏฐพล หรือเปล่าครับ”
มะลิขาว “ครับ”
“ขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวเราไปบ้านอาจารย์กัน”
หุหุ รถ Service มาแต่เริ่มเลย สะบายแล้วเรา ไม่ต้องแบกกระเป๋าแล้ว

7.00 น. บ้านอาจารย์ อัฏฐพล

เมื่อถึงบ้านอาจารย์ก็ได้พบกับคุณลุงใจดีคนหนึง และก็อาจารย์ แต่แกไม่ได้ไปกับเราด้วย แล้วรถกระบะก็จากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าเสือขาว
และเสือลูกผสม กับเจ้าของชื่อ ชูศักดิ์ อย่างนี้ก็ต้องแบกแล้วซิเรา
ส่วนอาจารย์ก็เซ็ตรถหมอบ สลับกับโทรเช็คชื่อสมาชิกที่จะร่วมไปด้วย
แต่ไม่มีใครเปิดมือถือเลยสักคน แล้วแกก็หันมา “เอาอย่างไรกันดีเราสามคน” แหมเหมือนพี่อิฐฑิเลย
“ฝนก็ครึมเชียว หรือจะเอาใส่รถไป แล้วก็ไปปั่นเทียวเอา นี่หมอก็ยังไม่เปิดเครื่อง”
ชูศักดิ์ “อย่างไงก็ได้ครับ”
อ.อัฏฐพล “งั้นเดียวรอหมอแป็ปหนึง เอ่ หรือผมจะเอาเสือไปดี ว่าไงชูศักดิ์”
แล้วเราสามคนก็ปรับความเข้าใจกัน เอ้ยไม่ใช้ ก็ช่วยเป็นลูกมืออาจารย์ปรับรถบ้าง (ส่วนใหญ่จะดู เพราะยังไม่เป็น)
คุยเรื่องเส้นทางบ้าง ส่วนอาจารย์ ก็กดโทรศัพท์เป็นระยะๆ ส่วนน่องฝนที่น่ารัก ก็มาทักเป็นระยะเหมือนกัน

8.00 น.
แล้วคุณหมอก็โทรมา แล้วก็เช็คจำนวนกัน แล้วก็รอสมาชิกอีกท่านจะเข้ามาสมทบ
สักพักก็มีเจ้าพีก็อด สีดำพร้อมเจ้านายที่ใจดีเข้ามา “นี่ทีแรกคิดว่ายกเลิกแล้วนะนี่ นี่ผมมาหาข้าวต้มกิน พอดีหมอโทรมาบอกว่ารออยู่เลยเข้ามา”
อ.อัฏฐพล “ ไม่ยกเลิก หมอแกปิดคลีนิคแล้ว อย่างไงแกก็ไป”
เฮียจำเนียร “โอเคงั่นผมไปเตรียมตัวสักครึ่งชั่วโมง”

แล้วอาจารย์ก็เลยสรุปเอาเสือภเขาไปก็สลับอปกรณ์ก้นนิดหน่อย แล้วอาจารย์กับชูศักดิ์ก็ไปเติมพลังที่หนองประจักษ์
คุณหมอโทรมาให้เอาสัมภาระไปฝากไว้ที่พี่ประชา เราก็ไปเริ่มที่อู่พี่ปรีชากัน

9.30 น. อู่ปรีชา
สรุปว่าเราไม่ได้ฝากของไว้ที่อู่ เฮียจำเนียรฝากไว้แต่ของหนัก(กุญแจรถ) ส่วนของเบา(สัมภาระ) เราแบกกันไป แล้วก็เริ่มเดินทาง
เราก็ใช้เส้นทางปั่นออกหมูม่น สู่นากว้าง นำหน้าโดยเจ้าพีก็อต เด็งดึ๋งๆ ไปเลื่อย ตามด้วยอาจารย์ มะลิขาว แล้วก็เจ้าลูกผสมปิดท้าย
น้องฝนก็ร่วมเดินทางไปกับเราไม่ห่าง ช่วยให้เราไม่ร้อน แล้วก็ถึง บ.หัวบึง เราก็หยุดถ่ายรูป
แล้วก็ได้แวะซือถุงน่อง เน้น ถุงน่องใส่กันแดดกัน (แล้วมันจะมีแดดไหมเนี่ย)
เจ้าของร้านแสนสวยก็ให้ถุงพลาสติกใบใหญ่มาหุ้มสัมภาระกันเปียกน้องฝนผู้ร่วมทางของเรา
จากนั้นก็เดินทางต่อ ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 24-27 ทางลงเนินก็จะอยู่ประมาณ 33-37 เส้นทางก็ดีพอสมควรมีเศษหินอยู่เป็นระยะ เนินก็จะเป็นเนินยาวๆ ค่อยสูงขึ้นประมาณ 5 องศา ปั่นสะบาย แถมไม่ร้อนอีกต่างหาก ส่วนน้องฝน ก็ขาดช่วงไปสักระยะแล้ว


จุดต่อมาเราก็จอดถ่ายรูปที่ บ.เทื่อมกัน พอหันกลับไป โอ้ ไม่แล้วน้องหายไป แต่ที่ตามมานะพี่ฝนเลย (ดูในรูป) ก็เช็คสัมภาระกันอีกทีว่ากันได้เรียบร้อยหรือเปล่า
แล้วก็ปั่นต่อ ได้สักเกือบสิบกิโล พี่ฝนก็ตามเราทัน เลยต้องจอดพักศาลา ก็มีเด็กๆ รออยู่เต็มศาลา
จากอู่ปรีชาเราก็มาได้ประมาณยี่สิบกว่ากิโล ระหว่างที่รออาจารย์ก็โทรคุยกับคุณหมอ สักห้านาทีพอเธอเบาลงแต่ไม่ขาดสาย เจ้าพีก็อดก็ออกนำทางต่อ
เราก็คุยกับพี่ฝนไปเรื่อยๆ โดยที่ตั่งแต่ออกมายังไม่มีใครหยิบกระติกน้ำออกมาเลย แล้วสักห้ากิโลผ่าน เธอก็มามากอีกแล้ว เลยต้องจอดอีกครั้ง
ทีนีเป็นหน้าร้านชำ ก็มีลูกค้าที่ติดฝนอยู่ พวกเขาก็ยิ้มๆกัน คงสงสัยว่าพวกนี้มันไม่มีอะไรทำหรือไร มาปั่นรถตากฝนเล่นกัน (นั่นซิเนอะ)

สักเกือบสินนาที่เราก็ไปกันต่อ ทีนีแม้จะมีหนาเม็ดบ้างเราก้ไม่ได้หยุดกัน แต่ก็ไม่ขาดสายเลย เรายังคงลำดับกันตามเดิม ความเร็วก็ประมาณ 22-25 ไปเรื่อยๆ
จนเข้าบ้านพือ เธอก็มามากอีกแล้ว แต่เราก็ไม่หยุดเพราะจะไปหยุดรอคุณหมอทีเดียวเลย ชาวเมืองก็มองดูกัน ว่าเจ้าเสือสี่ตัวนี่จะไปไหนกันฝนตกก็ไม่หลบ เฮ้อเอากับเขาสิ

12.30 น. ร้านเอกข้าวหน้าเป็ด อ.บ่านผือ
รอยยิ้มแลกของเจ้าของร้านแฝงไว้ด้วยความขำๆ กับลูกค้าที่มาใหม่ ก็เอากับเขาสิฝนตกก็ยังมา คงคิดว่าของเราหรอยขนาดเลยทีเดียว
ไม่พูดพร่ำทำเพลง อาจารย์ก็ออเดอร์ข้าวหน้าเป็ดสี่ ตามด้วยเส็นเล็กน้ำ ผมก็เสริมด้วยเกาเหลา เฮียจำเนียรและชูศักดิ์ก็เกาเหลาข้าวเปล่า (ที่สั่งนี่พร้อมกันเลยนะ)
ก็ไม่ค่อยหิวเท่าไร แค่ถ่ายรูปไม่ทันได้มาแค่รูปเดียว
เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวและขาวหน้าเป็ดที่รสดีทีเดียว ถ้าอยู่ในเมืองได้เป็นเจ้าประจำแน่เรา (นี่มาปั่นลดน้ำหนักนี่หน่า) น้ำซุปอร่อยมาก เห็นอาจารย์ว่าเจ้าของร้านมาจาก กทม มาเป็นเขยที่นี่ แก่มากินตั่งแต่ร้านเปิดใหม่ๆเลย

13.00 น.
คุณหมอสมชิต และคุณหมอเปียกก็มาถึง ก็แนะนำตัวกับคุณหมอนิดหน่อย
คุณหมอก็บอกว่าพี่ปรีชา หาสัมภาระที่ฝากไว้ที่อู่ไม่เจอ เราก็เลยให้ดูว่าเราไม่ได้ฝากไว้กัน ก็แบกมันมาด้วย แกก็ขำใหญ่แล้วก็โทรบอกให้พี่ปรีชามาได้เลย

เราก็สรุปกันว่าจะออกเดินทางเลยโดยคุณหมอเปี๊ยกจะรอพี่ปรีชาที่ร้านโดยคุณหมอสมชิตจะร่วมไปด้วย ส่วมสัมภาระ ก็ฝากซิครับ แบกมากันตั่งห้าสิบกิโลแล้ว(ที่จริงยังสะบายๆ น้านคนเรา)

13.30 น.
เราก็เริ่มเดินทางกันคราวนี้เป็นห้าเสือ โดยเพิ่ม Musso ของคุณหมอมาอีกคัน ส่วนฝนก็จางๆ กำลังสะบาย
คราวนี้เราไปได้เร็วขึ้นเพราะไม่มีสัมภาระ และถนนก็โล่ง ความเร็วก็ที่ 28-32 ทางก็เป็นทางเรียบไม่มีเนินเท่าไร แต่ออกไปได้ไม่เท่าไรประมาณ 8 กิโล เธอมาอีกแล้ว พี่ฝนเธอมาอีกแล้ว แถมหักกว่าเดิมอีก เลยต้องแวะหลบที่ศาลากัน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง เลยสรุปว่าจะต้องเอาใส่รถไปแล้วไปปั้นอีกที ก็รอรถพี่ปรีชากับหมอเปี๊ยกสักพัก ก็เดินทางโดยรถแทน

ฝนก็ไม่ได้เบาลงเลยตกกลอดทาง พี่ปรีชาก็หัวเราะ แกว่าโทรคุยกับหมอ หมอบอกฝนไม่ตก แต่นี่มันยังไม่หยุดเลยตั่งแต่แกออกจากอู่ มันก็ไม่หยุดจริงๆ
ส่วนอาจารย์ก็บรรยายทางไปเรื่อยๆ เพราะแกมาสำรวจกับเฮียจำเนียรไว้ก่อน ซึ่งดูแล้วเป็นเส้นทางที่สวยทีเดียว
แต่ผมเริ่มจะจำชื่อไม่ได้แล้ว นี่เองที่การปั้นมันต่างกับขับรถ แม้จะขับไปทั่วประเทศแล้วเราก็จะจำชื่อบ้านหรืออำเภอไม่ได้ เพราะเราแค่ผ่านไป ต่างจากการปั่น เราจะค่อยๆ ผ่านไป จะได้เห็นหักกิโลนานกว่า ได้มีเวลาดูบรรยากาศนานกว่า อย่างที่ บ้านผือนี่มีบ้านไม้เก่าๆ ทีสวยๆ อยู่ให้เห็น(จะกลับไปถ่ายรูป) ถ้าเราขับรถเราก็อาจจะแค่ผ่านไปเท่านั้น

15.45 น.
นั่งรถมาสักพักใหญ่ เราก็เห็นทองฟ้าเปิดไกลๆ ความอยากปั่นก็เริ่มบังเกิด แถมทางเริ่มเป็นทางลงเขา และวิวสวยมาก อาจารย์ก็โทรไปรถคุณหมอ แล้วเราก็เริ่มปั่นกัน
แต่เป็นตำแหน่งไหนผมเรียกไม่ถูกแล้ว เพราะมันกลางป่าแล้ว แต่ทางดีมาก ดีกว่าในเมืองมาก เรียบอย่างกับเวโลโดมเลยที่เดียว เศษหินก้แทบไม่มี

ก็จอดรถประกอบเสือกัน แล้วก็เริ่ม ความที่คงอยากจะปั่นกันมากทุกคน (ขนาดประสพการณ์ท่านๆ มากแล้วนะนี่) เลยแทนที่จะหยุดบนเนิน เราก็หยุดกันก้นหลุมเสียนี่
ทีนี้พอเริ่ม เจ้าพีก็อดออกตัวก่อน คุณหมอสับปืดๆ ขึ้นไปแล้ว อาจารย์ก็ตามไป เราก็ตาม อู่ใบกลางทำไมมันหักอย่างนี้ ลด ลด ลดอีก ใบเล็กสุด หลังใหญ่สุด อู้แทบไม่ขึ้น เอ้าเจ้าลูกผสมแซงไปแล้ว และแล้วเปีย เจ้าพีก๊อดโซ่ขาดเสียแล้ว มุตโซ กับลูกผสมก็ถึงยอดเนินพอดี อาจารย์ก็เลยถอยลงมาต่อโซ่ก่อน แล้วก็หัวเรอะกันว่า มาเริ่มที่ก้นหลุมเสียได้ เสร็จแล้วก็ไปต่อ แต่ทีนี้รถอาจารย์มีเสียงดังเหมือนขัดๆที่ตืนผีแต่ก็ฝืนไปต่อ พอไปถึงยอดเนินแล้วก็ปล่อยตัวลงมา อู้ได้อารมย์มาก ลมปะทะหน้าเลยที่เดียว ความเร้ว 35 36 37 …………..43 44 45 แล้วก็ไต่ขึ้นก็ต้องไล่เกียลง ลง ลง แล้วก็ ลง จนสุด แล้วก็ทิ้งลงอีก สองเนินผ่าน อ้าวข้างหลังหาย มุตโซอยู่ข้างหน้าคันเดียว
“คุณหมอคร๊าบ.........” ไปริ่วๆๆ “คุณหมอคร๊าบ.........” เนินที่สอง
คุณหมอหัน “อ้าวล้มหรือ ไม่มีโทรศัพท์กันเหนอะนะ” ถ้าไม่หันนี่เราหมดแล้ว
มะลิขาว “เปล่าครับ สงสัยรถอาจารย์มีปัญหาเห็นตีนสับมันขัดๆ”
คุณหมอ “งั้นเรารอที่นี่แหล่ะ” ครับเห็นด้วยครับ กลับไปแล้วมาอีกนี่ผมจะไหวหรือเปล่านี่
สักพักพวกอาจารย์ก็มาด้วยรอยยิ้ม “โซ่ขาดครับ” เป็นข้อสรุปของการหายไป แล้วก็ไปกันต่อ
ทางสนุกมาก ขึ้นๆ ลงๆ ได้ใช้รถคุ้มจริงๆ จานครบทุกใบ ดิสเบรกได้ใช้จนนิ่มเลยทีเดียว ความเร้วสูงสุดที่ทำได้แบบต้องแตะเบรกสำหริบเจ้ามะลิ ก็ 58.9 เลย แต่คนอื่นน่าจะมากกว่านี้ (ยังไม่กล้าพอ) สนุกทีเดียว ทางโลงบางช่วงนี่เราหน้ากระดานเรียงสี่เลย

17.30 น.
เราก็มากันเลิ่อยๆ หยุดถ่ายรูปที่บ้านอะไรผมจำไม่ได้อีกแล้ว แต่นายโอมก้ทนไม่ไหวปลดเจ้าหมอบลายเค็ปล่าลงมาปั่นด้วย
และก็ถึงน้ำตกธารทอง ผาตั่งโดยไม่รู้ตัว กำลังสนุก แต่ด้วยเวลา ก็เลยสรุปว่าไม่แวะเขาไปที่น้ำตกกัน ก็ปั่นกันต่อไปที่สังคมต่อกันเลย
ออกจากผาตั่งได้สักสามสี่กิโล เจ้าลูกผสมเราก็ยางรั่วเสียแล้ว โดนเศษแก้วเข้าไป เอ้อนี่หล่ะน้าเมืองไทย ตามที่ท่องเทียว ความมีวินัยในการทิ้งขยะของเรายังน้อยอยู่
ไม่เป็นไรอย่างไรก็เมืองไทยของเรา
ก็สับยางในเลย แล้วพี่ปรีชาก็วนรถมารับ เพราะเห็นว่าเย็นแล้วเดี๋ยวจะเข้าที่พักคำไป ก็เลยจบการปั่นของวันนี้ ระยะทางรวมก็ 98 กิโล

18.30 น.
ก็ถึงสถานีวิจัยพืชสมุนไพร อ.สังคม ทางเข้าเป็นดินลูกลัง เหมาะกับเสือนักลุยมาก ระยะทาง 6 กม. พร้อมด้วยเนินสูงต่ำและบรรยากาศอันร่มรื่น ที่พักสวยมากเลยทีเดียว อย่างกับรีสอร์ต สวยมากครับ ถ้าไปหน้าหนาวนี่คงสวยสุดๆ

อาหารอร่อยเลยทีเดียว ก็กินกันไม่มากแค่ไม่มีเหลือแค่นั้นเอง จากนั้นผู้อาวุโสก้นัดกันครับ เดือนหน้าจะไปภูเรือ สามวัน (นี่เราพึ่งมาถึงไม่ใช้หรือนี่) อู้ๆๆๆ ได้มันอีกแล้ว

ก่อนนอนหมอเปี๊ยกก็แจกครับ แจกยาให้ทุกคน เหมือนตอนเด็กๆ ไปเข้าค่ายเลยทีเดียว มีพี่ปรีชาไม่กิน เพราะแกจะไปชิงช้าสวรรค์ที่ตัวเมือง ส่วนผมนะหรือ
ยังไม่สี่ทุ่มก็หมดความรู้สึก




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2552    
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 0:44:27 น.
Counter : 402 Pageviews.  


nayopor
Location :
อุดรธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบนะไอ้การถ่ายรูป ชอบจริงๆกับการปั่นจักรยาน เลยปั่นไปถ่ายไปเสียเลย
Friends' blogs
[Add nayopor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.