Day 7 Montreux - Lausanne

วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันสบายๆเที่ยวใกล้ๆ ตื่นสายๆ เพราะทริปเมื่อวานเล่นเราซะดึกเลย เราเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายของที่พักตอนสายๆ จากนั้นก็นั่งรถไฟมาเมือง montreux (ซึ่งปกติต้องผ่านเกือบทุกวันแต่ไม่เคยแวะ) มองเทรอ เป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยงาม โรแมนติก อีกเมืองหนึ่ง มีทั้งวิวทะเลสาบและมีวิวภูเขา มาเมืองนี้พลาดไม่ได้ ก็ ต้องไปดูปราสาทชิยง Chillon ซึ่งต้องนั่งรถไฟ หรือ รถเมลล์ไป อีกซักหน่อย (จะเดินก็ได้ออกกำลัง เดินเลียบทะเลสาบ วิวสวยดี) เราเลือกนั่งรถไฟไปดูปราสาทที่ตั้งตระหง่าน อยู่ริมน้ำ





//www.bloggang.com/data/panlert/picture/1243613456.jpg width='450' height='300' border=0>








จริงๆ สวิส ก็มีปราสาทแทบทุกเมือง ที่ Aigle ก็มีปราสาทตั้งอยู่บนเนิน บางที่ก็มีปราสาทบนเขา แต่ปราสาทที่นี่ดังที่สุดในแถบนี้ เป็นปราสาทเก่าแก่ หลังจากเสียค่าบัตรผ่านประตูเข้าไป ก็ เป็นการทัวร์ปราสาท มีหูฟังไว้เป็นไกด์ทัวร์ด้วยแต่ต้องเสียตังค์เพิ่ม แต่ถ้าไม่เอาก็สามารถดูตามป้ายแต่ละห้องได้ จะมีรายละเอียดบอกไว้ ทีสำคัญของปราสาทนี้ก็จะเป็น คุกใต้ดิน ที่เคยขังนักโทษการเมือง (ศาสนจักร) เอาไว้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ Lord Byron นักประพันธ์ชื่อดัง (มั๊ง) ได้เขียนหนังสือ ยังมีร่องรอยการมาเยือนสลักไว้ที่นี่ (เอ แถวบ้านเรียกมือบอน) จากนั้นเราก็ดูตามห้องต่างๆ มากมาย แล้วไปจบที่ดูวิวข้างบน เดินดูรู้สึกดีเหมือนเรากำลังอยู่ในยุคเก่าๆเลย























ออกจากปราสาทมาแวะกินขนมเล่นๆบริเวณสวนข้างๆ บรรยากาศดีมาก ก่อนจะเดินกลับไปที่สถานีรถไฟต่อไปยังเมือง โลซาน เมืองที่เรามาต่อรถไฟบ่อยๆเหมือนกัน โลซาน มีชื่อเรื่องเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคซึ่งมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคอยู่ แต่ที่มีชื่อเสียงสำหรับคนไทยคือเป็นเมืองประทับของในหลวงสมัยทรงพระเยาว์ จริงๆเมืองนี้ก็เป็นเมืองที่สวยงามอีกเมืองนึงในแง่ของความเป็นเมือง ตึกเก่าๆ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดตา เมืองนี้จะอยู่บนเนินเขา เพราะฉะนั้นระดับจึงต่างกันไล่ตั้งแต่ริมทะเลสาบขึ้นไปเรื่อยๆ มีรถไฟพิเศษไว้ขึ้นลงเนินสำหรับคนที่ขี้เกียจเดินเพราะถนนก็ชั้นอยู่เราเดินเล่นในเมือง ช้อปปิ้งดูของซักนิดหน่อย ก่อนกลับบ้าน ไปถ่ายรูปที่เมือง Leysin อีกนิดหน่อยเป็นการส่งท้าย แล้ว จัดกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน
















เช้าต่อมาเราลาที่นอนนุ่มๆ ภูเขาหิมะ ทะเลสาบ บ้านเรือนสไตล์สวิส ระบบรถไฟที่ยอดเยี่ยม เราตื่นแต่เช้านั่งรถบัสลงเขาไป Aigle เหมือนทุกวัน แล้วนั่งรถไฟไปลงที่ Geneve Aeroport สนามบินเจนีวา เช็คอิน สายการบิน การ์ตาแอร์เวย์ takeoff 11 โมงกว่า ต่อที่โดฮา ก่อนถึงสุรรณภูมิตอนเช้าของอีกวัน หวังว่าคงจะได้มาเยือนสวิสอีกในเร็ววัน หลังจากได้เที่ยวสวิสมาตลอดสัปดาห์ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเวลาคนจะไปเรียนการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว มักจะไปเรียนที่สวิสกัน...........




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 0:43:02 น.   
Counter : 835 Pageviews.  


Day 6 Jungfraujoch

วันนี้เป็นโปรแกรมไฮไลต์วันนึง (เหมือนทุกวัน อิอิ) ของการมาสวิส โปรแกรมขึ้นเขา Top of Europe ยุงเฟราย๊อค สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป (ตอนแรกนึกว่ายอดเขาสูงที่สุดในยุโรป) จุดหมายในวันนี้เริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟ ผ่าน โลซาน ลง เบิร์น ต่อ ไปยังเมือง อินเตอร์ลาเกน (ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งรถไฟนี่แหละ) เปลี่ยนรถเป็นรถไฟไต่เขามายังเมือง เลาเทอบรุนเนน จากสถานีรถไฟอินเตอร์ลาเกนออส (มีออสกะเวส) ถ้าจะขึ้นยุงเฟรา จะมี สองทาง ทางนึงคือ เลาเทอร์บรุนเนน เวงเกน กะอีกทางผ่าน กรินเดอร์วาลด์ (ช่วงนี้ใช้ สวิสพาส ได้ หลังจากนี่ใช้ไม่ได้แล้ว) เราเลือกขึ้น ทางเวงเกน แล้วกลับ ทาง กรินเดอร์วาลด์ (แพงกว่าขึ้นลงทางเดียวกันนิดหน่อย) ค่าตั๋วรถไฟแพงซักหน่อย ร้อยสิบฟรังซ์ ขนาดใช้สวิสพาส ลดแล้วนะ (ที่เซอร์แมทแค่สามสิบกว่าเอง) แต่ถ้ามองถึงความลำบากในการสร้างรางรถไฟ และ สถานี ของเค้าแล้ว ก็ต้องยกให้เค้าหละ ทางขึ้นลาดชั้นผ่านน้ำแข็ง บางทีก็เจาะภูเขาทั้งลูกทะลุไป เมื่อถึงเลาเทอร์บรุนเนนตอนแรกกะจะลงมาเดินแวบๆ แต่พอมาเห็นแล้ว ไม่แวบแล้ว อยากเดินชมเมืองจริงๆจัง เลยดีกว่า









เมืองนี้เป็นเมืองแห่งน้ำตก อยู่ระหว่างที่ราบบนหุบเขา มีน้ำตกหลายสิบแห่ง แต่มีอันใหญ่อันนึง เป็นเมืองเล็กๆริมหน้าผา ที่น่ารักมาก หมดเวลาเดินรอบๆเมืองไปหนึ่งชั่วโมง ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ายังอีกไกลกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หุๆ เราขึ้นรถไฟขึ้นต่อไปยังเมืองเวงเกน เมืองตากอากาศแบบมีระดับ ระหว่างนั้นเราก็เพลิดเพลินดูวิวจากรถไฟที่ค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆๆ














หลังจากนั่งเข้าถ้ำ(อุโมงค์) โผล่มาอีกที รอบตัวก็เต็มไปด้วยหิมะ และ ธารน้ำแข็ง รถไฟนำเราไปยังสถานี ไคล เชลเด็ก ซึ่งเป็นที่บรรจบกันของรถไฟสองสายที่มาจากอินเตอร์ลาเกน เราต้องมารอรถไฟต่อขึ้นไปอีก ระหว่างนี้ ก็สำรวจพื้นที่รอบๆ มีทั้งร้านอาหาร (กินกลางแจ้งบรรยากาศสุดยอด) ร้านขายของที่ระลึก มีกรุ๊ปทัวร์ผู้คนมากมาย พวกทัวร์ญี่ปุ่นกะคนอินเดีย ก็เยอะ







รถไฟค่อยๆไต่เขาไปอย่างช้าๆ แวะพักให้ดูวิวบ้าง ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงยอด สถานี ยุงเฟรา ซะที ออกมา เราแวะกินข้าวเติมพลังกันก่อน (กินสปาเกตตี้เนื้อ อร่อยดี) กว่าจะเสร็จก็บ่ายสามกว่า ก่อนไปเยี่ยม พระราชวังน้ำแข็ง หรือ Ice Palace ซึ่งเจาะน้ำแข็งทำเป็นอุโมงต่างๆได้เนียนดี มีรูปแกะสลักต่างๆ โชว์เป็นระยะๆ ก่อนจะไปดูจุดชมวิว สฟิงซ์ ที่สามารถดูยอดเขาและ ธารน้ำแข็งได้ เต็มที่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางขั้วโลก











ปกติจะมีรถไฟ ลงเขา ทุกๆครึ่งชั่วโมง แต่ เราพลาดรถไฟตอน สี่โมงครึ่ง เลยอีกทีคือขบวนสุดท้าย เกือบหกโมงไปเลย ทำให้เราเสียเวลาไปอีกเยอะ แต่ไหนก็ไหนๆ ก็แวะดูวิว อะไรไปเรื่อยๆ นาฬิกายังมีขายเลย ข้างบนนี่ แล้วก็มี ของที่ระลึก ใครที่จะส่งไปรษณีย์ก็มี ตู้ให้หยอด รถไฟมาแล้วเราก็ลงเขา ผ่าน ไคล เชลเด็ก ต่อรถไปยัง กรินเดอร์วาลด์ หมู่บ้านเนินเขาที่สวยงาม ไปยัง อินเตอร์ลาเกนแล้วนั่งรถไฟกลับบ้าน กว่าจะถึงก็ดึก (ดีที่ยังมีรถเข้าที่พัก) กลับมานอนสลบอีกวัน






 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 1:02:08 น.   
Counter : 545 Pageviews.  


Day5 Lucerne

วันที่ห้าของการเดินทาง เราจะไปเที่ยวเมืองยอดฮิตของทัวร์ไทย ที่เมือง ลูเซิร์น Lucerne / Luzern จากบ้านก็ต้องนั่งรถไฟจากโลซานผ่านกรุงเบิร์น (อีกแล้ว) มาต่อที่เมืองนี้ สถานีรถไฟที่เมืองนี้ก็ใหญ่น้องๆที่ซูริค(แต่ดูดีกว่า)
เมืองนี้ก็ถือเป็นเมืองหนึ่งที่มีบรรยากาศความเป็นสวิสเซอร์แลนด์ คือ มี สถาปัตยกรรม มี เมืองเก่า มี ทะเลสาบ และ ภูเขาหิมะ ใครมาอยู่เมืองนี้ก็อาจขึ้นเขา ทิสลิส เขา ริกิ (ดูตามโปรแกรมทัวร์) ที่สำคัญคือเป็นแหล่ง ช้อปปิ้งยอดนิยมที่หนึ่งของคนมาเที่ยวสวิส ในอดีตคนไทยมาซื้อโรเล็กซ์เยอะจน มีพนักงานขายเป็นคนไทย (เค้าว่ามา) ไม่รู้มีอยู่รึเปล่า พอลงรถไฟมาเราก็แวะ เข้าไปขอแผนที่การเดินเที่ยวชมเมือง ก่อนออกจากสถานีรถไฟ ก็ เจอ สะพานไม้ชาเปล เลย (ตอนแรกก็นึกว่าต้องเดินไกลกว่านี้) สะพานไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของเมือง และเป็นไฮไลต์ของสวิสอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างหลังคาปี 1333 มีภาพวาดจากจิตรกรมีชื่อตรงซุ้มใต้หลังคามากมาย แต่เกิดไฟไหม้ใหญ่ในปี 1993 จนต้องบูรณะกันอีกที สะพานไม้ข้ามแม่น้ำจะมีอยู่สองที่ เราเดินข้ามแม่น้ำไป และ แวะไปดูโบสถ์ ก่อน จะไปดูสิงห์โตแห่งลูเซิร์น












จากสถานีรถไฟถึงสิงโตใช้เวลาเดินจริงๆแค่สิบห้านาที (เมืองเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะเลย) รูปปั้นสิงโตนี้ทางฝรั่งเศสมอบให้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ทหารรับจ้างชาวสวิสที่เสียชีวิตในการปฎิวัติฝรั่งเศสในปี 1792 (เป็นการ์ดปกป้องวังของ หลุยส์ที่16) หลังจากนั้นเราเดินเที่ยวในเมือง เดินผ่านถนนคนเดิน ชิม ชีสพาย ดูช๊อคโกแลต ช๊อคโกแลตแผ่นบางใหญ่ๆ น่ากินมาก แต่แพงมากซื้อไม่ลง เดินซักพักเราขึ้นไปดูวิวบนกำแพงเมือง จากนั้นก็ลงมา ดูร้านนาฬิกาซื้อแมค (อีกแล้ว) ไปกินบนรถไฟตอนกลับบ้าน










พอขึ้นรถไฟถึงได้รู้ว่า แมคที่ซื้อมาเค้าให้มาไม่ครบ ขาดชีสเบอร์เกอร์สองชิ้น เจ็บใจ จิงๆ (ดูใบเสร็จมันมีนี่หว่า) ฟาสฟู้ดที่นั่นมีแต่แมค เห็นเบอร์เกอร์คิง บ้าง เวลาจะไปสั่งเค้า ก็ต้องดูพนักงานดีๆ บางทีเค้าพูดแต่ฝรั่งเศส เมนูก็เป็นฝรั่งเศส เราอ่านไม่ค่อยออก ได้แต่เดาๆ เอา แต่ถ้าเมืองท่องเที่ยวอย่างลูเซิร์น เบิร์น นี่ ไม่มีปัญหา จริงๆ ก็เบื่อกินแมค แต่ว่า มองๆดูอย่างอื่นที่เค้ากินมันไม่น่าอร่อยเลยจริงๆ มีแต่ขนมปังแข็งๆ หรือไม่ก็ฮอทด๊อกอันยาวๆ(กินที่ซูริค) จะกินร้านอาหารจีน หรือ ไทย ดูราคาจากเมนูนอกร้านก็แอบแพงอ่ะ กลับมาทำกับข้าวกินที่บ้านนี่ช่วยได้เยอะเลย (เอาของกินจากเมืองไทยมาเพียบ)




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 21:05:41 น.   
Counter : 617 Pageviews.  


Day 4 Zermatt - Matterhorn

วันที่สี่ของการเดินทางวันนี้เราจะไปขึ้นเขากัน จริงๆ โปรแกรมวันนี้ จะต้องไปเมื่อวานแต่ว่า เมื่อวานฟ้าปิดเลยเลือกจะไปซูริคแทน วันนี้อากาศแจ่มใส เรานั่งรถไฟจาก Aigle ไปยังเมือง Visp แล้วต่อรถไฟขึ้นเขามายังเมืองตากอากาศชื่อดังของสวิส เมือง เซอร์แมท ซึ่งมี ยอดเขาแมทเตอร์ฮอร์นสัญลักษณ์ของสวิสเซอร์แลนด์และกล่าวกันว่าเป็นภูเขาที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในโลก ได้เห็นขบวนรถไฟ Glacier Express รถไฟที่แล่นช้าที่สุดในโลก ชมวิว ไปถึงเมือง แซง มัวริส คิดว่าถ้าได้มาสวิสอีกคงจะเลือกนั่งรถไฟสายนี้ พอออกจากสถานีมาจะเห็นคนแบกสกี เขาเล่นแบบ cross country เลย เล่นเอง ไม่มีลิฟ ขึ้นรถไฟที่ไปเที่ยวแล้วลงมา พวกที่เล่นแบบนี้ได้ต้องมีฝีมือทีเดียว..........เราออกจากสถานีเดินตามถนน เมืองนี้ไม่ให้รถเข้าจะเห็นแต่รถไฟฟ้าคล้ายรถสองแถวเล็กบ้านเรา ส่วนใหญ๋เป็นรถของโรงแรม หรือ แท็กซี่ แป๊ปเดียวก็เดินถึงสถานีรถขึ้นเขากอนเนอร์แกรต ซึงเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการดูเขายอดแมตเตอร์ฮอร์น












ค่าตั๋วรถไฟขึ้นเขาคนละสามสิบกว่าเหรียญโดยได้ลดจากการโชว์สวิสพาส ที่นี่เจอคนไทยเต็มไปหมด ทั้งมาคู่ มาเป็นกลุ่ม ยังงงอยู่เลยว่าทำไมเยอะจัง (ไปเมืองอื่นไม่เห็นค่อยมี) ระหว่างทางขึ้นเขาจะมีหลายสถานีรับพวกเล่นสกีขึ้นไป พอถึงสถานีปลายทาง ก็จะมี สุนัขเซนต์เบอร์นาด ตัวเบ้อเริ่มพร้อมตากล้อง ให้เสียเงินถ่ายรูป วิวข้างบนนี่ 360 องศาเต็มไปด้วยหิมะ ภูเขา มานี่ต้องมีแว่นตากันแดด ไม่งั้นแสงสะท้อนแสบตาแย่ แต่ที่แปลกคือแสงแดดทำให้ที่นี่อบอุ่นไม่หนาวมากอย่างที่คิด








ภายในอาคารจะเป็นห้องอาหาร ร้านขายของที่ระลึก(พวกมีดพก นาฬิกา โปสการ์ด) ห้องน้ำ หรือจะมาดูวิว หรือเดินเล่นลุยหิมะ หน้าหนาวเมฆหมอกจะเยอะและอยู่เตี้ย จึงไม่สามารถมองเห็นยอดแมทเตอร์ฮอร์นแบบเต็มๆ ได้ เห็นแต่ ฐานกะยอด ตรงกลางโดนหมอกบังหมด หลังจากรออยู่ตั้งนาน บ่ายสามกว่าเราก็นั่งรถไฟลงมายังเมืองเซอร์แมท เดินเล่นซักพัก









เมือง Zermatt ก็ถือว่าเป็นเมืองน่ารักเมืองนึง หน้าหนาวคงพลุกพล่านเต็มไปด้วยนักสกี เราเดินตามถนนไป แวะช๊อปปิ้ง ร้านช๊อคโกแลต ก่อนเดินทางกลับ











กลับไปที่พักรู้สึกว่าปากแตก ผิวแห้งไปหมด วันนี้ตากแดดตากลมเพลินไปหน่อย วันหลังไปที่สูงๆ ควรเอาโลชั่น ลิปมัน ครีมกันแดดติดไปด้วยก็ดี




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 21:43:58 น.   
Counter : 896 Pageviews.  


Day 3 Stein am Rhein - Zurich

วันที่สามของการเดินทาง วันนี้เราจะไปเที่ยวสวิส เยอรมัน โดยจะเป็นการเดินทางไปขอบชายแดนเยอรมันที่เมือง สไตน์ แอม ไรน์ การไปที่เมืองนี้ ก็ต้องไปต่อรถที่ โลซาน ไป ฟรีบูร์ก เบิร์น ลงซูริคเพื่อต่อรถไฟที่ชาฟเฮาเซิน นั่งผ่านน้ำตกไรน์ ก็สวยดี เห็นว่าใหญ่ที่สุดในยุโรป หรือ น้ำไหลแรงที่สุดในยุโรปนี่แหละ (แต่ถ้าเทียบกับ ไนล์แองการ่าของเมกา ก็คนละเรื่อง) รถไฟ แถบนี้สดใสน่ารักดี จะต่างจาก แถวสวิสฝรั่งเศส ที่จะดูเก่าๆหน่อย ในที่สุดจากการเดินทางหลายต่อก็ถึงซะที เมือง สไตน์ แอม ไรน์ ว่ากันว่าเป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักที่สุดเมืองนึงของสวิส






เมื่อถึงสถานีรถไฟแล้วเดินตรงต่อมาเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย และเดินต่อตามทางไปเรื่อยๆ จะ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ เข้าสู่เขตเมือง ตึกที่นี่จะมีรูปวาด ลักษณะศิลปะ แบบเฟรสโก วาดภาพตามกำแพงบ้านเรือน ประดับอยู่ทั้งย่านเลย ดูแล้วแตกต่างแปลกตาและสวยงามจากเมืองอื่นๆ ที่ผ่านมา (ที่อื่นก็เป็นระเบียบสวยงามดูขลังๆ แต่ที่นี่ดูเป็นศิลปะ น่ารักสดใสสวยงาม)เราเดินกันรอบๆ เมือง และแวะร้านช๊อคโกแลตที่มีช็อคโกแลตมากมายดึงเงินจากนักท่องเที่ยว (มันแพงกว่าซื้อตาม migros แน่นอน) เพื่อนร่วมก๊วนผมหมดเวลากับร้านนี้พอสมควร ส่วนผมก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ถ่ายรูปหมาแมว ดอกทิวลิป บ้าน ที่นี่นิยมปลูกดอกทิวลิปกัน เห็นแทบทุกเมือง













เรากลับทางเดิมมายังซูริค เมืองใหญ่ที่สุดของสวิส พอมาถึงจะเจอสถานีรถไฟ ซูริค บานฮอร์ฟ ชุมทางรถไฟที่ใหญ่ ผุ้คนคับคั่ง ดูวุ่นวาย ชานชลาก็เยอะซะจนงง ในนั้นจะมี tourist information อยู่ เราไปหาแผนที่เดิน ใครมาซูริคก็มักจะมาเดินถนนชอปปิ้งชื่อดัง คือ ถนน บานฮอร์ฟ ก็จะมีร้านหรูๆขายนาฬิกา เครื่องหนัง เดินจนเจอแม่น้ำมาจะเจอสัญลักษณ์ของเมืองซูริค วิหารหอคอยคู่ โกรสมุนสเตอร์ อยู่ไกลๆ เราก็เดินไปเรื่อยๆ จะเจอ โบสถ์โกธิค อีกแห่งชื่อเฟรามุนสเตอร์ เดินเลียบแม่น้ำวนเป็นสี่เหลี่ยม บ้านเมืองเค้าก็เป็นเมืองธุรกิจที่เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามดี แต่ก็ไม่มีสิ่งที่สวยงามโดดเด่นนัก ใครมาที่นี่ก็น่าจะไปดูโรงงานช๊อคโกแลต สปรุงลี่ ซะหน่อย (อยากไปเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา บ้านไกล)










เราเดินจนครบรอบ แล้วแวะ ซื้อของไปทำกับข้าว ที่ร้าน Coop ใกล้สถานีรถไฟ ก่อนนั่งรถไฟ กลับบ้าน.....จบไปอีกวัน




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 0:17:07 น.   
Counter : 2649 Pageviews.  


1  2  

guntv
 
Location :
Canyon,Texas Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add guntv's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com