ซากุระบาน Day 6 ฮาร์โมนี่ แลนด์

วันที่หกของการเดินทาง และ เป็นวันเที่ยว วันสุดท้าย หลังจากเดินทางไกลๆมาหลายวัน วันนี้จึงตัดสินใจไปใกล้ๆ และจะได้มีเวลา ซื้อของฝากด้วย ตอนเช้าเราออกมาที่สถานีรถไฟเบปปุ แล้วต่อ ขบวนรถ local commuter train วิ่งเลียบทะเล มายังเมือง Hiji เมืองเล็กๆ แล้วต่อรถ แท็กซี่ ไปยัง สวนสนุกของซานริโอ้ harmony land (ฮาโมนี่ แลนโด้) สวนสนุกที่คิดว่าคงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ คนไทย ไปเยี่ยมมากนัก (ไปดิสนีย์ หรือ เฮาซ์ เทน บอส กันหมด) ฮาร์โมนี่ แลนด์ เป็นสวนสนุกสำหรับ เด็กเล็กๆ อยู่ในเมืองเล็กๆ มีรถบัสเป็นรอบๆ จากหน้า เซเว่น แถว สถานีรถไฟ แต่มีไม่กี่รอบ ตอนเราไปสิบโมง ต้องรอเป็นชั่วโมง เลยนั่งแท็กซี่แถวนั้นมาดีกว่า ค่าแท็กซี่พันห้าร้อยกว่าเยน ขึ้นเขามาก็เห็นสวนสนุก และ รถครอบครัวมาเที่ยวกัน ตอนแรกกะจะเสียค่าชมอย่างเดียว แต่เค้าไม่มี เล่นขายตั๋วชุด คนละ 2,800 เยน ก็เล่นเอาอึ้งเหมือนกันแต่ว่าไหนๆมาแล้วก็เข้าไปดูซะหน่อยไม่อยากเสียเที่ยว













วันนี้อากาศดี ฟ้าแจ่ม แต่ลมแรง หนาวมากๆ จนไม่อยากไปเล่นอะไร outdoor ถึงแม้ที่นี่จะเป็นสวนสนุกเล็กๆ แต่ว่า ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจ การจัดแลนสเคป ที่นี่น่าสนใจ ประกอบกับความน่ารักของเหล่าบรรดาตุ๊กตาซานริโอ้ คนที่ชอบถ่ายรูปนี่คงจะมีมุมถ่ายรูปที่นี่ได้เป็นวันๆเลยที่เดียว







ผ่านประตูเข้ามา ก็จะเป็น kitty castle ที่เหมือนปราสาทเทพนิยาย ของดิสนีย์ เป็นสัญลักษณ์ ภายในก็จะเป็นเหมือน บ้านคิตตี้ ที่ อะไรๆ ก็เป็นคิตตี้ น่ารัก หวานแหวว ไปหมด ถ้าสาวๆมาที่นี่คงกรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกันใหญ่ อิอิ ตอนทางออก ก็มี มาสคอต คิตตี้ มาคอยถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แต่ต้องเสียตังค์

















จากนั้นก็มาขึ้นรถไฟชมรอบๆสวนสนุก สวนนี้จะเป็นระดับๆ จากบนเนินมายังข้างล่าง เรานั่งรถไฟสีชมพู (หวานมาก) จากด้านบนค่อยๆลงเนินมาเรื่อยๆ จะเห็นวิว ซึ่งเป็นธรรมชาติมาก จนถึงสถานีสุดทาง เรานั่งเรือ ตอนแรกๆก็ไม่รู้เรืออะไร เห็นเค้าขึ้นกัน และ เหมือนรถไฟจะมาเพื่อเล่นอันนี้โดยเฉพาะ









จนกระทั่งมาเห็นพวก คอสเพลย์ ของเหล่าตุ๊กตา ซานริโอ้ จึงเอ้อ เหมือนกับ small world ของดีสนีย์ ซึ่งทำได้น่ารัก ถือว่าเป็น ไฮไลต์ของที่นี่เหมือนกัน แล่นเรือจบกลับ นั่งรถไฟกลับมายังสถานีรถไฟแรก























จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนสุดจะเป็นที่ตั้งของเครื่องเล่นต่างๆ ชิงช้าสวรรค์ เวที ดูอะไรๆ ก็น่ารักไปหมด ประกอบกับครอบครัวที่พาเด็กๆมา ก็ทำให้ การมาที่นี่ ก็ได้ความรู้สึกที่ดีกลับไป (แม้ว่าอากาศจะหนาวโหดร้าย) เสียดายที่เราต้องรีบไปจากที่นี่ เพราะว่า ได้เวลารถบัสที่จะไปส่ง หน้าสถานีรถไฟ hiji









รถเมลล์ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเมืองไหนก็ตามที่ผมได้ขึ้นจะมีหลักการดังนี้ครับ
1 ขึ้นรถ ถ้ามี สองประตู จะขึ้นตรงกลาง และ ลงด้านหน้า (ข้างคนขับ)
2 ตอนขึ้นจะมีตั๋วให้หยิบ เป็นกระดาษเล็กมีตัวเลขอยู่
3 ด้านหน้า (ข้างๆบน หัวคนขับ) จะมีป้ายบอกค่าโดยสาร โดยจะบอกว่า เลข อะไร ถ้าจะลงป้ายต่อไปต้องเสียเท่าไหร่
4 ข้างคนขับจะมีที่แลกเงิน ใส่เหรียญ หรือ แบงค์ลงไป จะมีเงินเหรียญทอนออกมา เงินนั้นจะมีทั้ง เหรียญ ร้อยเยน ห้าสิบเยน สิบเยน เอาไว้ให้เหมาะ เราสามารถไปแลกเงินที่เครื่องตอนไหนก็ได้ บางคนแลกตอนจะลงแต่ก็จะทำให้เสียเวลา
5 แต่ละป้ายจะมีบอกว่า ป้ายต่อไปเป็นป้ายไหน แต่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ ถ้าจะถึงป้ายแล้ว ก็ กดกริ่ง คนขับที่นี่จะใจเย็นไม่เหมือนบ้านเรา
6 ใส่เงิน ทั้งตั๋วกระดาษ และ ค่าโดยสารลงในกล่อง

ถึงสถานีรถไฟเบปปุเรามาหาไรกินกัน คิดว่าจะไปร้านญี่ปุ่นเลย หลังจากกินข้าวกล่องมาหลายวัน ในสถานีก็มีร้านครับ ราคาก็ไม่แพงกว่าข้างนอก ผมสั่งชุดคัตสึด้งมา ราคา 850 เยน







จากนี้ก็ถึงเวลาซื้อของ เราเดินมาถนนหน้าสถานีฝั่งตะวันออก (ทะเล) มา เข้าห้าง Tokiwa ผมว่าห้างที่นั่นไม่ค่อยมีไรมากนะ จะหาทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เหมือนห้างบ้านเรา อยากเช่น เพื่อนผมฝากซื้อ wax uno ที่ซุปเปอร์ใต้ห้างก็ไม่มี ถามพนักงานก็ต้องมีซื้อ ซุปเปอร์ ที่ขายยา ใหญ่ อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ เรื่องของฝาก ผมว่าซื้อที่สถานีรถไฟของแต่ละที่ดีที่สุด ผมซื้อผงสปา หรือ onsen powder ที่เป็นที่ระลึกของเมือง ราคา ห่อละ ห้าร้อย เยน (แพงเหมือนกัน)





กลับไปแพคของ แช่บ่อน้ำร้อน วันรุ่งขึ้นเราก็ออกจากโรงแรม โดยให้แท็กซี่มารับ เราสามารถบอกเค้าท์เตอร์ที่โรงแรมล่วงหน้าได้เลย(ไม่โดนชาร์ตเพิ่ม) เวลาเช็คเอาท์ก็ไม่ต้องเสียค่าอะไรเพิ่มเติมเลย (ไม่เหมือนที่อื่น ที่มักจะเสียค่า utility fee นิดหน่อย) ใครอยากมาพักผ่อน แช่น้ำร้อน ดูธรรมชาติ ไม่ไปไหนไกลมาก ก็แนะนำครับ ที่นี่ staff friendly มาก (เหมือนกับคนญี่ปุ่นอื่นๆที่พบเห็น) นั่งรถไฟ ไปถึงสถานี ฟูกุโอกะ เพื่อเช็คอิน เครื่องออก สิบเอ็ดโมง สี่สิบนาที ถึงกรุงเทพ ตอนบ่ายสามกว่าๆครับ

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ ผมคิดว่า ประทับใจที่ "คน" ญี่ปุ่น มากที่สุดครับ เอเชียด้วยกัน หน้าตาคล้ายๆกัน แต่ ความมีระเบียบวินัย มารยาท ต่างกับบ้านเราลิบลับ ซึ่งถ้าไปประเทศพัฒนาแล้ว อย่างพวกชาติ ตะวันตก เราอาจจะไม่คิดอะไร หรือคิดว่ามันไกลตัว แต่ ญี่ปุ่นนี่เราถือว่าควรเอาแบบอย่างเค้าครับ ซึ่งผมก็คิดว่า เพราะแบบนี้เองทำไมคนไทยถึงชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาก ผมยังไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนที่ไปญี่ปุ่นบอกว่า ไม่ดี ไม่น่าไป ไปแล้วไม่อยากไปอีก (ไม่ดีอยู่อย่างเดียวครับ ไปแล้วหมดตัว ฮ่าๆ)

แล้วพบกันใหม่ปลายปีครับ เที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ โตเกียว - เกียวโต


Create Date : 03 เมษายน 2553
Last Update : 3 เมษายน 2553 11:59:00 น. 4 comments
Counter : 2638 Pageviews.  
 
 
 
 
หา.. นี่เพิ่งกลับมา วางแผนทริปหน้าแล้วเหรอ

แต่เห็นด้วยนะว่าอยากไปอีก อยากไปเที่ยวเกาะใต้ๆมั่ง
 
 

โดย: LuckyMoby วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:13:12:56 น.  

 
 
 
 
 

โดย: thanitsita วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:14:47:10 น.  

 
 
 
ตามอ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 จนจบแลยครับ ขอชมเลยนะครับว่าเขียนได้ละเอียดมาก เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ รูปสวย บรรยายเรียบๆ เข้าใจง่ายครับ
ผมขออนุญาติแชร์ข้อมูลที่ไปเที่ยวโอซาก้าหน่อยนะครับ ถ้ามีโอกาสไปนะครับซื้อเป็น KANSAI Pass ใช้เหมือน JR Pass ครับ แต่ใช้เดินทางเฉพาะเขต ไปเกียวโต โกเบ โอซาก้า วากายาม่า ใช้ได้ 5 วันซื้อที่สนามบินโอซาก้าได้เลยที่ JR office อีอันหนึ่งก็คือ OSAKA Pass ใช้เหมือนJR แต่เฉพาะในOSAKA และยังมี Ticket พิเศษสำหรับเที่ยวโฮซาก้า มีทั้ง 1 วัน และ 2วัน ซื้อได้ที่ Tourist Information ที่สนามบินก้ได้ หรืด ที่ โอซาก้าก้ได้
 
 

โดย: หยก (ginda1 ) วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:23:05:06 น.  

 
 
 
ต้องแก้ไขข้อมูลครับ KANSAI Pass มี 3วัน 5000 เยน กับ 2วัน 3800 เยน ใช้ไป โกเบ ไปเกียวโต ส่วนเที่ยวโอซาก้าใช้OSAKA Pass ดีกว่าครับ หาข้อมูลก่อนไปนะครับ แล้วมาเขียนในบล๊อกอีกนะครับ
 
 

โดย: หบก (ginda1 ) วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:23:33:48 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

guntv
 
Location :
Canyon,Texas Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add guntv's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com