เพราะพระเจ้ามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เราทุกคนเสมอ... ผมจึงมีวันนี้ได้แม้จะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมากมาย แต่ท้องฟ้าจะสดใสเสมอหลังจากที่เมฆฝนผ่านไป ....... (^.^)
Group Blog
 
All blogs
 

อารยประเทศ หรือจะสู้เสน่ห์ของไทย

ของเล่นคนจน


ของเล่นคน (อยาก) รวย


===========================================================

บ้านคนจน


บ้านคน (อยาก) รวย


===========================================================

ยิ้มคนจน


ยิ้มคน (อยาก) รวย


============================================================

เสน่ห์ของไทยก็คือการยอมกัน อลุ่มอล่วยให้กันครับ แม้จะมองว่าไม่มีระเบียบแบบแผนแน่นอน
แต่นี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้เราจบเรื่องราวไปได้

หาไทยไม่มีความยืดหยุ่นเหล่านี้ ชาติไทยก็คงอยู่มาไม่ได้...
จะเกิดอะไรขึ้นหาพระนารายห์มหาราชท่านทรงไม่ยอมอ่อนข้อเมื่อครั้งฝรั่งดั้งขอเข้าเฝ้าในท้องพระโรง
โดยไม่ถอดรองเท้า ไม่หมอบคลาน ไม่ลงนั่ง แต่กลับยืนเดินตามปกติ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตอนที่ฝรั่งเศสและอังกฤษต่างก็หวังจะเอาดินแดนไทยเป็นของตน
แล้วพระปิยมหาราชไม่ทรงเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าชาร์ล นิโคลัส
รวมทั้งหากไม่ได้เคยให้การต้อนรับอย่างสมเกียร์ติเมื่อครั้งพระเจ้าชาร์ลได้เสด็จมาไทยเป็นการส่วนพระองค์
เมื่อวัยเด็ก....

=============================================================

ชาติดั้งขอนั้นก็มีระเบียบแบบแผนมาจากการไร้ระเบียบแบบแผนนั่นเอง (ดูได้จาก Matrix ก็คงจะบอกได้สั้นๆ)
เริ่มต้นจากการมีศาสนาคริสต์คอยสั่งให้ทำ ให้คิดตลอดเวลา จนทนไม่ไหว สร้างวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเข้าสู่
สังคมศักดินา เมื่อทนไม่ได้อีกครั้งก็เรียกร้องต่างๆ ทำการประหัตถ์ประหาร สร้างสงครามกลางเมือง
ทำลายราชวงศ์ของตนทิ้ง กลายเป็นคำว่า "เสรีภาพ" ขึ้นมา...

แต่ก็กลายเป็นว่าในใจคนก็ยังว้าเหว่ต่อไป เวลาทีปัญหาอะไรหนักๆ ฝรั่งก็ทำอะไรไม่ได้
ได้เพียงสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสต์ให้ช่วยเหลือ

[b]ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของมันเสียย่อยยับ[/b]

==============================================================

สังคมไทยอยู่มาได้อย่างสงบสุข บ้างก็ใช้คำค่อนขอดว่าโง่เป็นควายให้ผู้ปกครองหลอกอยู่ได้
แต่นั่นเอง คือระเบียบแบบแผนของไทย... เป็นระเบียบแบบแผนที่มีอยู่โดยไม่รู้ตัวในการบังคับคน
ในขณะที่ฝรั่งมุ่งมองหาสิ่งใหม่ๆ ให้ตนเองเสมอ ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมีและเป็นอยู่
แต่ศาสนาทางชาติตะวันออกกลับมุ่งสอนให้คนรู้จักจิตของตนเอง รู้จักชีวิตของตน
ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลมหายใจ บ่มสอนให้คนนั่งนิ่งแล้วเพ่งจิตที่ลมหายใจ

เรียกกันว่า "นั่งสมาธิ" และนั่นเอง ที่ทำให้สังคมไทยอยู่แบบเรื่อยๆ แต่สงบ สบาย...ไม่ต้องแก่งแย่ง

===============================================================

หากต่างคนต่างอยู่ สังคมไทยก็จะเป็นสุขตามครรลองที่มีมานาน....
แนวคิดที่ต้องการจะมีมากขึ้น บรรลุกิเลสหนึ่งวิ่งเข้าสู่อีกกิเลสหนึ่งนั้นก็มาจากตะวันตก
มีการพยายามนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆ เข้ามายั่ว เข้ามาดึงเงินเราออกไป ทำให้เราถูกกดดันให้ต้องพัฒนา
ให้วิ่งไปสู่ "ความเจริญ" ในแบบของเขา...

โชคดีที่ประเทศไทยของเราทรงมีประมุขที่มีสายพระเนศน์กว้างไกล มองเป็นความเป็นไป
ทรงเตือนสติคนไทยให้รู้คำว่า [b]"พอเพียง"[/b] แม้คำนี้พระพุทธองค์จะเคยสอนมานานแล้ว
แต่เมื่อคนไทยได้รับกระแสพระราชดำรัสนี้ กลับเหมือนกับว่าไม่เคยมีคำนี้มาก่อนในโลก
โชคร้ายที่อำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองประเทศของเราไม่ได้อยู่ในมือของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

ถึงคุณที่คิดแย้งความคิดผม... อยากให้ลองมองไปที่วัดวาอาราม
มองไปที่พระบรมมหาราชวัง
มองที่วัดพระแก้ว
ถามตัวเองว่ารู้ความหมายของสิ่งเหล่านั้นแค่ไหน ละเอียดแค่ไหน
หน้าจั่วนารายณ์ทรงครุฑหมายความว่าอย่างไร
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์
ต่างๆ เหล่านี้ คืออะไร?
ผมไม่อยากให้คุณวิจารณ์แผ่นดินเกิดของคุณอย่างเสียหาย หากยังไม่รู้จักมันดีพอ...

แต่หากรู้จักดีแล้วแล้วคุณไม่ชอบที่มันเป็นมัน.... การหาที่คุณชอบ อาจจะง่ายกว่าการเปลี่ยนสังคมนะครับ




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2552 20:58:19 น.
Counter : 699 Pageviews.  

PandyDog กับการนินทา....

เอ๋.... อะไรกัน... จะมาพล่ามอะไร....??

ก็อย่างที่เคยบอกไว้ในบล็อคที่แล้วแหละครับ ว่าจะมาลงข้อคิดอะไรที่ผมได้มาในชีวิตที่ผ่านมาแสนสั้นนี้บ้าง

อ่ะ.. เริ่มกันเลย....

มีใครบ้างไม่ชอบการนินทา ... ผมก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ชอบนะ
แม้ปัจจุบันก็ยังแอบสนุกไปกับการนินทาอยู่บ่อยๆไป
(แหม.... ก้อมีบ้าง)

การนินทาเหมือนจะเป็นสิ่งสนุก... แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ถูกนินทาล่ะ...??
ไม่สนุกแน่......

การนินทานี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Talking behind" นะครับ... แอบแทรกหน่อย
ถามมาจากเพื่อนฝรั่งตอนไปทำงานเมกามาแป๊บๆ....

เมื่อประมาณสองปีที่แล้วนี่เอง ที่เพื่อนคนหนึ่ง (ผมถือว่าเป็นเพื่อนอยู่นะ
แม้จนถึงปัจจุบัน เพราะเค้าก็เป็นคนสอนข้อคิดนี้ให้ผม)
ชอบโทรมาคุยกับผมตอนตี 2 ทุกวี่ทุกวัน.... วันๆ ก็เม้าเรื่องดารา
ไร้สาระ... ผมเองรู้จักดาราน้อยจะตายไป.... มันจะมาเม้าให้ตูฟังทำซากไรฟร่ะ...
แต่ก็ด้วยมารยาทก็ทนๆ ฟังไปเหอะ... ทุกวันๆๆๆๆ เป็นเดือนๆ....
วันหนึ่งเค้าก็เอาเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งมาเล่าให้ผมฟัง
ว่าได้ของดีของเด็ดมาใหม่.... ผมด้วยแรงอิจฉา.. เลือดขึ้นหน้าครับ
ประมาณว่าได้ของดีมา ไม่บอกกัน ไม่แบ่งกันเลย....
ก็พูดจาแสดงถึงความไม่พอใจออกมาอย่างเต็มรูปแบบ....
ไม่นึกเลยครับ.. ว่าเที่ยงวันต่อมา.. เพื่อนคนนั้นจะโทรมาคุยกับผม

ขอเคลียร์...

จะมีใคร.. ถ้าไม่ใช่นายคนนี้เอาไปเล่าให้ฟัง....
1. เอาเรื่องเพื่อนคนนั้นมาเล่าให้ผมฟัง...
2. พยายามทำให้ผมอารมณ์ขึ้นโดยเล่าซ้ำไปซ้ำมา
3. พออารมณ์ขึ้นจริงก็เอาคำพูดที่ไม่ดีของเราไปเล่าให้คนนั้นฟัง....

ผมขอบใจและซาบซึ้งพี่คนนั้นมากครับ ที่เค้าไม่โกรธเคืองผมกลับ...
แต่กลับตัดสินใจจะโทรมาคุยเคลียร์กัน... ทำให้ผมกับพี่คนนี้
ก็ยังนับถือกันได้จนปัจจุบัน....

แล้วนายคนเดิมนี่หล่ะ...???
ตกดึกโทรมาอีกแล้วครับท่าน... คราวนี้กลับมาเล่าเรื่องเดิม...
ผมก็ปัดไปว่า ไม่สนใจ.. เค้าจะทำอะไรก็เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา

มันเหมาว่า "ไม่เชื่อ ตูเหรอ.... หาว่าตูโกหกเหรอ"
เราก็ว่า "ไม่ใช่... บอกว่าไม่ได้สนจายยยยย"
มันก็ยังไม่เลิก.... แต่เลือกที่จะเชื่อว่าเราหาว่ามันโกหก...
แล้วก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย...

แปลกดีนะ.. แค่คนเค้าไม่โกรธกัน ก็ผิดหวังลงกับเราจนได้....
เฮ้อ.... คิดดูสิครับ ว่าถ้าคนเรามีอะไรก็พูดกันตรงๆตลอด
ทุกปัญหามันก็เคลียร์ไปได้.. ไม่ได้ต้องเก็บงำไว้ตลอดเวลา
แล้ววันนึงก็สะสมประทุเป็นเรื่องใหญ่โต....

ปล. ผมได้รู้ทีหลังครับ ว่าเพื่อนๆ ผมเค้าเลิกคนอีตานี่ไปนานแล้ว
มีผมนี่แหละ คุยกับมันยื้ดยืด

แต่นั้นมาผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก... ใครจะพูดอย่างไรก็ช่างหัวเค้าสิ....
เรารู้ตัวว่าทำดีแค่นั้นพอ....

ไม่พอสิครับ... เรื่องยังเกิดได้.... พ่อค้าแม่ค้านี่ตัวดี.....
ผมไปซื้อของมันเยอะมาก เรียกว่าแทบจะยกล้อตโดยความบังเอิญ
ทำให้งบในตัวไม่เพียงพอครับ ทางแม่ค้าซึ่งก็คิดว่าค้าขายกันมาหลายคราแล้ว
ก็เลยเชื่อใจ ให้แป่ะโป้งไว้....

วันนั้นวันพุธ... ตกลงว่าจะจ่ายภายในวันศุกร์....

วันศุกร์โทรมาแต่เช้าเลย บอกว่าจะเอาเงินแล้ว ต้องไปหมุน
เราก็รีบเร่งไปโอนให้ตามตกลงภายใน 15 นาทีหลังมันทวง....
มันเอาไปพูดกับคนอื่นๆ ครับ ว่าผมยังไม่จ่ายมัน จนปัจจุบัน...
แล้วก็คนเดิมที่ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรนักหนา..
อาจจะเพราะผมก็เป็นคนค้าขายในวงการเดียวกัน ทำให้
ต้องขัดขากันเองหน่อย.....
ขนาดช่วงหลังผมเรียนหนักๆ นะ.. ไม่ได้โผล่หน้าไปตลาดนั้นเป็นเดือนๆ
กลับมีข่าวผมเม้าท์กระฉ่อน...
แค่เดินผ่านก็เห็นสายตามองตามเกรียวกราว..
ใครรู้จักมาหน่อยก็รีบเร่เข้ามาทักเหมือนรู้จักคนดัง...
เฮ้อ...
ไร้สาระจริงๆพวกนี้....
ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตแค่มีสติคิดรู้ว่าเราอยู่อย่างไร
ทำอะไรลงไปบ้าง
ดีชั่วอย่างไร.....
ใครจะมองอย่างไรไม่สน.. เรารู้ตัวเราดีก็เพียงพอ...
ใครอยู่ห่างเราหน่อยก็ถือว่าช่างมัน ใครรู้จักเราก็จะเข้าใจเราเอง....

จบการรายงานเพียงเท่านี้....
อย่านะครับ อย่ารินินทากันอีกเป็นอันขาดเด้อครับเด้อ...
มีอะไรข้องค้างใจก็พูดกันตรงๆนะครับ
ไหนๆผีก็อุตส่าห์ เอ๊ย!!
พ่อแม่อุตส่าห์ให้กำเนิดปากมาสมบูรณ์แล้วนะครับคุณ....

ยาวไปหน่อย.... คราวหน้าจะให้สั้นกว่านี้นะครับ




 

Create Date : 17 กันยายน 2549    
Last Update : 17 กันยายน 2549 1:28:33 น.
Counter : 280 Pageviews.  

ผู้ชายธรรมดา บนโลกอันโดดเดี่ยว....

ทำไมหนอทำไม ยามเราอยู่คนเดียว น้ำตามันจึงชอบคอยจะไหลออกมา

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็หาคนมาปลอบใจไม่ได้ เพราะไม่ว่าผมจะอยู่กับใครก็แล้วแต่ ผมจะเป็นคนขี้เล่น และเฮฮาตลอด... ยากนักที่จะมีใครมาเข้าใจและเห็นผมในยามอ่อนแอ (แม้ผมจะไม่ได้ปกปิดความรู้สึกนั้นก็เหอะ)

การมีเพื่อนใหม่เสมอๆ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผมพ้นจาก private emotion เหล่านั้นไปได้เสมอ

ต้องขอบคุณ Mariah Carey กับเพลง Fly Like A Bird ที่ช่วยเหลือผมในบางคราวที่หันหาเพื่อน แต่ไม่เจอใครซักคน ก็ได้เพลงนี้ที่บอกผมว่า "พระเจ้า" อยู่ข้างๆ ผมเสมอแหละ

ว่างๆ ผมจะมานั่งเขียนปรัชญาชีวิตที่ผมมีในใจนะครับ...
วันนี้มาลองเขียน blog เฉยๆ




 

Create Date : 07 กันยายน 2549    
Last Update : 7 กันยายน 2549 0:52:50 น.
Counter : 197 Pageviews.  


pcplant
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




PandyDog = หมาแพนดี้....

แม่ให้ชื่อมาแต่กำเนิดว่า "แพน" ครับ...
แต่รำคาญคนชอบทักว่า "กะทะ" เหรอ...

ก็เลยต้องแจ้งว่า แพน มาจาก "รำแพน"
หรือตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า "Expand" ครับ
เอากลับมาเป็นคำไทยว่า "แพนด์" "Pand"
Friends' blogs
[Add pcplant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.