BORN TO WRITE
|
|||
The Machinist : เอ่อ... อ่า ...อื่อ... (น่าจะไร้ซึ่ง Spoil...) แปลกดี หลังจากที่ผมดู The Machinist... 1 ในหนังที่ผมรอคอยที่สุดในปีนี้แล้ว ผมกลับนึกถึงหนังของ Jessica Hausner เรื่อง Hotel ไปเสียได้ ขออ้างอิงถึงนิดนึง Hotel ของ Jessica Hausner เป็นหนังออสเตรียปี 2004 และเพิ่งเข้าฉายบ้านเราไปเมื่อปลายเดือนมิถุนาฯ ก่อนหน้าที่ War of the Worlds จะเข้าฉายไป 1 อาทิตย์ Hotel เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องมาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาเธอก็ต้องพัวพันกับเรื่องลึกลับภายในโรงแรมนี้... พอละ เดี๋ยวจะออกนอกเรื่องไปเสียก่อน ทำไมจู่ๆผมจึงนึกถึง Hotel ขึ้นมาได้? นั่นเพราะ Hotel มาในรูปแบบที่น่าสนใจดี มันได้สร้างอะไรบางอย่างซึ่งรบกวนจิตใจของผมขึ้นมา เป็นความขัดแย้งขัดแข้งขัดขากันภายในจิตใจของผม Hotel ไม่เหมือนหนัง horror หรือ suspense-thriller แนวอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หนังทุกเรื่องมักจะสร้างปมของเรื่องขึ้นมาก่อนที่ผู้กำกับจะหาจังหวะในการคลี่คลายปมเหล่านั้นในภายหลัง แต่ Hotel กลับปล่อยเอาไว้อย่างนั้น เหมือนทิ้งคนดูเอาไว้ในความมืดมิด ปล่อยให้คนดูไร้ซึ่งคำตอบใดๆโดยสิ้นเชิง... เวิ้งว้าง... ไร้ทิศทาง... ราวกับหลงทิศอยู่ในป่าที่เงียบงัน คุณ Jessica เธอมีความเห็น (ประมาณ) ว่า หนังแนวนี้นักเล่าเรื่องส่วนใหญ่มักจะต้องสร้างฉากเฉลยขึ้นมา ซึ่งในหนังบางเรื่องเนี่ย ฉากคลี่คลายเหล่านั้นมันมาทำให้ความน่าสนใจของหนังด้อยคุณค่าไป (อะไรประมาณนั้น) คุณเธอก็เลยจัดการทำให้หนังของเธอไร้บทคลี่คลายเสียเลย นั่นทำให้ผมเกิดความรู้สึกสองอย่างขึ้นมา ความรู้สึกอย่างแรกคือชื่นชม ชื่นชมในความกล้าหาญของคุณเธอที่คิดจะทดลองอะไรใหม่ๆให้กับคนดูหนัง แต่อีกความรู้สึก มันคือความเวิ้งว้างครับ ดูจบแล้วก็เวิ้งว้าง ในอาทิตย์ต่อๆมาที่มี War of the Worlds หรือ Fantastic 4 เข้า Hotel ของคุณ Jessica เธอก็ยังเวิ้งว้างในใจผมครับ ผมเพิ่งมานึกถึงหนังของเธอเมื่อตอน The Machinist เข้านี่เอง ทำไมจู่ๆผมนึกถึง Hotel ขึ้นมาได้? (อุ... เหมือนเดจาวูเลย...) เนื้อเรื่องของ The Machinist ผมคงไม่ขอกล่าวถึง หากอยากทราบเนื้อเรื่องของมัน รบกวนไปยังที่นี่ได้เลยครับ (ออกแนวขี้เกียจนะนี่ เหอๆ) //www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/themachinist/machinist.html ผมเคยดูงานก่อนหน้านี้ของแบรด แอนเดอร์สันเรื่อง Session 9 (หนังเกี่ยวกับโรงพยาบาลผีสิงที่ถูกปล่อยร้างเอาไว้) ขณะที่ผมดู The Machinist อยู่ ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องล่าสุดของเขาเจ๋งกว่า Session 9 มาก อาจจะด้วยลักษณะการเขียนบทที่แตกต่างกัน ทำให้ The Machinist เต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนให้ฉงนยิ่งกว่า บีบคั้นคนดูยิ่งกว่า หลอนยิ่งกว่า บทหนังของ สก็อต โคซาร์ สร้างความรู้สึกสนุกในใจผมได้ตลอดทั้งเรื่องจริงๆ มันกุมผมอยู่หมัด ทำให้ผมต้องคอยติดตามเนื้อเรื่องว่าเนื้อเรื่องมันจะดำเนินไปต่อในทิศทางใด... ระหว่างดู ในใจผมก็นึกขึ้นมาว่า แหม... ผมล่ะรักแนว suspense-thriller หรือแนว mystery ทั้งหลายจัง แต่ไปๆมาๆ บทคลี่คลายของเรื่องนั่นแลที่ทำให้ผมต้องลดคะแนนของหนังเรื่องนี้ลงไปสิ้นเชิง และทำให้ผมนึกถึง Hotel ขึ้นมาโดยฉับพลัน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ตลอดเวลาที่ผมดู The Machinist นั้น ผมรู้สึก enjoy กับมันมากเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มเกิดลางอะไรบางอย่างขึ้นมานั่นก็คือ เงื่อนงำที่ปรากฏอยู่ภายในหนังนั่นเอง... เงื่อนงำของมันไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำพูดของตัวละคร (ที่ทำให้พระเอกรู้สึกว่ามันเหมือนเดจาวู) , นาฬิกาที่บอกเวลา หรืออะไรประมาณนี้ มันทำให้ผมรู้สึก คุ้นเคย ครับ พอผมรู้สึก คุ้นเคย ผมก็เริ่มพอจะเกิดลางสังหรณ์ในใจขึ้นคร่าวๆละ และเมื่อบทคลี่คลายของหนังมาถึง... อืม... ผมไม่ได้เดาตอนจบได้ครับ แต่มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า... แค่นี้เองเหรอ? The Machinist สนุกกว่า Session 9 ครับ แต่บทคลี่คลาย Session 9 ทำให้ผม คิด มากกว่า The Machinist ครับ ก่อนหน้าที่ตัวแอนเดอร์สันเองจะมาทำให้รสชาติการคาดเดาของหนัง Session 9 เสียไปด้วย Commentary ที่อยู่ใน DVD ของ Zone 1 (เขาออกมาฟันธงว่าเกิดอะไรขึ้นภายในเนื้อเรื่อง) คนดูที่ได้ดูเรื่องนี้จบต่างก็มาถกเถียงกันใหญ่ ต่างก็ขุดทฤษฎีต่างๆมากมายขึ้นมาเพื่ออธิบายหนังกันอย่างสนุกสนาน (พวกฝรั่งมันเจ้าทฤษฎีจริงๆครับ ขนาดเกม Silent Hill มันยังวิเคราะห์กันแบบสุดโต่งได้) ข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นก็คงไม่พ้นข้อถกเถียงที่ว่า เกิดอะไรขึ้นภายในหนัง? ทั้งหมดเป็นเรื่องของปีศาจ? หรือเป็นเรื่องของจิตใจมนุษย์กันแน่? มาถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ไปอ่านเวบบอร์ดของต่างประเทศนะครับ เลยไม่รู้ว่าเค้ามีทฤษฎีอะไรน่าสนใจกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้ในขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็คือ กับ The Machinist แล้ว ผมไม่ได้เกิดความรู้สึกในแบบที่เกิดกับตอนจบของ Session 9 เท่าไหร่ คือมันทำให้ผมคิดได้ก็จริง แต่ไม่มากเท่า อาจเป็นเพราะจุดหักมุมมันง่ายดายเกินไป? หรือมันราบเรียบเกินไป? ... ก็คงจะประมาณนั้นกระมังครับ อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาตั้งแต่ต้นเรื่องยันเกือบถึงบทคลี่คลายของหนังนั้น บทหนัง The Machinist หลอกล่อคนดูมากเกินไปก็ได้ มันหลอกล่อและเต็มไปด้วยปมมากมายจนทำให้ผมคาดหวังกับตอนจบที่น่าสนใจมากกว่านี้ และนั่นแหล่ะที่ทำให้ผมได้เริ่มคิดถึงหนัง Hotel ของ Jessica Hausner ขึ้นมา ตอนนี้ผมคงยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมผมจึงรู้สึกว่าบทคลี่คลายของ The Machinist นั้นทำให้ผมผิดหวังพอประมาณ เพราะ 1. ขณะนี้ที่พิมพ์อยู่นี้สมองผมยังเรียบเรียงไม่ออก (ฮา) 2. เพราะผมจั่วหัวไว้แล้วว่า ไร้ซึ่งสปอยล์ ก็จะพยายามให้ไร้ซึ่งการสปอยล์มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ โดยรวมแล้ว ผมค่อนข้างชอบ The Machinist มากเลยทีเดียว รู้สึกสนุกกับการหลอกล่อของบทหนังตลอดเรื่อง ตัวแบรด แอนเดอร์สันเองก็ทำหน้าที่ครบถ้วนตามองค์ประกอบ สร้างความหลอนและความระทึกขวัญได้ดีกว่า Session 9 มาก คริสเตียน เบลก็ฝากการแสดงระดับน่าจดจำเอาไว้ในเรื่องนี้ นับว่าเป็นหนัง suspense-thriller ที่น่าจดจำเรื่องหนึ่งที่ผมได้ดูภายในครึ่งปีแรกเลยทีเดียว แต่กับบทคลี่คลายตอนท้ายของหนัง ทำให้ผมนึกขึ้นมาในใจว่า ถ้าหนังเรื่องนี้เป็นแบบ Hotel ของ Jessica Hausner คือเป็นหนังที่ทิ้งให้คนดูเวิ้งว้างแล้วมานั่งขบคิดกันเอาเองจากปมที่ขมวดเอาไว้ตลอดเรื่อง มันยังจะทำให้ The Machinist น่าประทับใจมากกว่านี้หรือเปล่าหว่า? ก็แค่ความรู้สึกผมเท่านั้นแหล่ะครับ... ^ ^ hotel นี่ไปดูมานึกไม่ออกว่าจะนึกถึงเรื่องไหนดี และก็ยังจินตนาการไปได้อีก ว่าที่นางเอก (น่าจะตาย) ก็เพราะว่าคงไปทำเรื่องไม่ดีบัดสีบัดเถลิงในถ้ำ เลยโดนเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าถ้ำ ตามมา(หักคอ )...ฮิๆ แต่ว่าเทคนิดการเล่าเรื่อง การถ่ายทำน่ากลัวดีนะ โดยเฉพาะตอนเดินลงไปห้องเก็บของชั้นใต้ดิน ค่อยๆมืดลงจนไม่เห็นนางเอก
ส่วนThe Machinist นี่ไปดูมาเมื่อคืนเรื่องหนังนี่ ไม่ขอวิจารณ์ครับ ( ขอให้เป็นหนัง ดูได้หมดทุกเรื่อง ) แต่ต้องขอบอกว่า ทึ่งกับ พระเอกมาก ทำไงไงให้ผอมขนาดนั้น ทั้งผอม ทั้งโทรม ผิดกะ แบทแมนราวกับ ฟ้ากะเหว ปล. แล้วท่านไปดู city of god มาหรือยังครับ (ไม่รู้ว่าชอบแนวนั้นหรือเปล่า ) สำหรับผม ดูแล้วกลับมาที่ห้อง แล้วต้องเปลี่ยนลำดับหนังที่ชอบที่สุด เลยล่ะครับ โดย: merf1970 วันที่: 15 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:34:54 น.
เพิ่งไปดู the machinist เมื่อตะกี้คับ
ก็โอเคดี ยังไม่ได้ดู hotel แต่อยากดูมาก แล้วก็ชอบ city of god มากคับ โดย: ป่อหงส์ ขี้เกียจล๊อก IP: 58.10.171.16 วันที่: 15 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:04:44 น.
อยากดูทุกเรื่องที่กล่าวมา
ทว่า เวลาไม่มี(ข้ออ้างจริงๆ) โดย: quin toki วันที่: 21 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:44:41 น.
|
หมาหัวโจก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ขอบคุณนะคะที่วิเคราะห์ให้ฟัง