++++โจนาธาน สเตรนจ์กับมิสเตอร์นอร์เรล ถ้าคุณเล่นกับปีศาจ-ไม่มีใครไม่บาดเจ็บ++++


สวัสดีค่ะ


ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มารีวิวหนังสือเล่มนี้ซะทีค่ะ


"โจนาธาน สเตรนจ์กับมิสเตอร์นอร์เรล"



จริงๆ หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเล่มย่อยนะคะ โดยเล่มแรกปกสีดำ เล่มสองปกสีเทา และเล่มสุดท้ายปกสีขาว บรรจุหีบห่อในกล่องแข็งสีดำสวยงาม


ที่จริง..ได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ตอนงานหนังสือฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ แต่ก็ไม่เห็นมีใครพูดถึง พองานหนังสือตุลาฯ ก็เลยลองซื้อมา รีวิวสั้นๆ ไปแล้วรอบหนึ่ง จะมารีวิวแบบละเอียดกว่าเดิมอีกรอบละกันนะคะ



เนื้อเรื่อง


เป็นเรื่องราวของผู้วิเศษสองคนของอังกฤษที่ได้มาทำการฟื้นฟูอำนาจวิเศษ (เรียกฟื้นฟูมั้ยน้อ เอาเป็นว่าทำให้อำนาจวิเศษกลับขึ้นมาใช้ในเชิงปฏิบัติได้จะดีกว่า) ให้เกิดขึ้น


ทั้งนี้มิสเตอร์นอร์เรลเป็นผู้แรกก่อนที่มีชื่อเสียงขึ้นมา (หนังสือใช้วิธีการปูพื้นตัวละครตัวนี้เสียครึ่งเล่มแรก และค่อยๆ เผยตัวของมิสเตอร์สเตรนจ์ ตอนแรกด้วยเชิงอรรถก่อนแล้วก็เริ่มมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ) และการพิสูจน์ถึงอำนาจวิเศษที่เค้ามีนั่นเอง ที่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับปีศาจ (ในหนังสือใช้คำว่า "ภูติ") แม้มิสเตอร์นอร์เรลจะทราบดีกว่า ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำอะไรร่วมกันกับภูติ แต่อำนาจในการที่จะพิสูจน์ถึงอำนาจวิเศษกลับมีพลังเหนือกว่า

จากนั้นเรื่องจะมีการตัดสลับถึงเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นแบล็ค เลดี้โพล ฯลฯ เนื้อเรื่องจะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนจบท้ายแบบเศร้า (สำหรับเรา เพราะสเตรนจ์น่ารักกว่านอร์เรลเยอะเลย-สำหรับเราน่ะนะ)

ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากการที่คุณเริ่มที่จะเล่นกับปีศาจ
(ในหนังเรื่อง 8 mm. เคยพูดไว้ว่า ปีศาจไม่มีวันเปลี่ยน แต่มันจะเปลี่ยนคุณ)

แต่สุดท้ายในเรื่องนี้ ปีศาจ (ภูติ) ก็จบชีวิตลงด้วยคนที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันค่ะ



ส่วนที่ชอบ


๑. เป็นการเขียนเรื่องราวเชิงจินตนาการเล่มแรก ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เป็นเรื่องราวอิงจินตนาการที่เขียนให้ผู้ใหญ่อ่านโดยเฉพาะจริงๆ ที่ชัดเจน คือเรื่องกลวิธีการเขียนที่มีเชิงอรรถมากมาย (ราวกับหนังสือเชิงวิชาการซักเล่ม) ซึ่งทำให้คนอ่านบางคนอาจรำคาญได้ (แต่มันก็ทำให้ดูสมจริงเอามากๆ ถึงบอกว่า เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กค่ะ)

๒. การสร้างบุคลิกของตัวละคร - เป็นการสร้างตัวละครที่ไม่ "พระเอก" เอาซะเลย กับทั้งสองตัวหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมิสเตอร์นอร์เรลเนี่ย..อะไรจะงกความรู้ หวงหนังสือได้ขนาดนั้น (แต่บางทีก็อดขำๆ แกไม่ได้นะ)

๓. อารมณ์ขันหลายอย่างที่ปรากฏในหนังสือเรื่องนี้

๔. ความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ของเนื้อหาจนกระทั่งจบ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น คงหมดความอดทนกับ "สิ่งที่ไม่ชอบ" (ที่จะกล่าวต่อไป) จนเลิกอ่านไปแล้วก็ได้



สิ่งที่ไม่ชอบ


๑. การแปล-ไม่ดี ไม่สละสลวย เรียบเรียงไม่ดี เว้นวรรคผิด

๒. การจัดหน้าในส่วนของเชิงอรรถ หลุดเยอะมาก เลขเชิงอรรถบางทีอยู่คนละหน้ากับตัวอธิบาย บางเชิงอรรถที่ไม่ยาวมาก ควรเก็บมาไว้ในหน้าเดียวกัน ก็แยกออกเป็นสองหน้าให้ต้องพลิกซะอย่างนั้น (มันทำให้อรรถรสในการอ่านเสียไปน่ะ รู้บ้างมั้ย)



โดยสรุปแล้ว

หนังสือเล่มนี้ถ้าคุณสามารถข้ามอุปสรรคขวากหนามทั้งเรื่องการแปล การเว้นวรรค การจัดหน้า ฯลฯ ทั้งหลายแล้ว และพยายามอ่านจนกระทั่งพ้นครึ่งเล่มแรกไปได้ หนังสือเล่มนี้จะสนุกมากค่ะ


แต่คิดว่า ไม่น่าเหมาะสำหรับเด็ก หรือบุคคลผู้ไม่มีความอดทนเพียงพอต่อสิ่งน่ารำคาญใจทั้งหลายสำหรับการอ่าน(ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว)


เพราะฉะนั้น แนะนำให้อ่านค่ะ ถ้าไม่มั่นใจแนะนำให้หายืมก่อน- - ก็อย่างที่บอก..ไม่ได้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยหรอกนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าแนะนำให้ซื้อมาเลย เจ้าของบล็อกอาจถูกเขวี้ยงหัวได้



เสียดายค่ะ..ถ้าได้คนแปล-เรียบเรียง และสำนักพิมพ์ที่ดีกว่านี้ หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นอีกเล่มที่ "ขึ้นหิ้ง" ได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว





ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ





สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก
(หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)

เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2548 15:50:25 น.
Counter : 3743 Pageviews.  

++++มาบอกเล่าถึงหนังสือ ๓ เรื่อง...ที่ได้จากงานหนังสือฯและอ่านแล้ว++++


สวัสดีวันจันทร์ค่ะ


หลังจากหมดตัวไปกับหนังสือ และได้ไล่เรียงให้ฟังแล้วว่าได้มาทั้งหมดกี่เล่ม


ตอนนี้กำลังพยายามไล่อ่านอยู่ค่ะ

จะมารีวิวให้ฟังที่อ่านจบไปแล้วดังนี้นะคะ


๑. ดื่มดินกินแดด (เล่มนี้ได้มาจากการไปเยี่ยมเยือนบู๊ทคุณ grappa ที่แอบแว้บจากวันทำงานไปค่ะ)




เขียนโดย จักกาย ศิริบุตร ค่ะ


ส่วนที่ชอบ : อ่านแล้วรื่นรมย์ดีค่ะ อ่านไปๆ อาจเมาไวน์ได้ง่ายๆ เพราะชีวิตผู้เขียนในการเป็นนักเดินทางนี่ เรียกว่าเดินทางไปดื่ม-กิน จริงๆ เลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากไปทั้งอิตาลี กรีซและโปรตุเกสเลย

ได้ความรู้ในบางแง่มุมที่การไปเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวคงไม่ได้สัมผัส

แต่เรากับคุณจักกายอาจต่างกันนิดหน่อย ที่เราอยากรู้เรื่องราวต่างๆ และเที่ยวสถานที่ที่เพื่อนญี่ปุ่นของคุณจักกายชอบเที่ยว ขณะที่คุณจักกายอาจจะเบื่อหน่ายได้


ส่วนที่ไม่ชอบ - - เรื่องแรกเลยคือเรื่องการพิสูจน์อักษรค่ะ

เนื่องจากเราเป็นคนอ่อนไหวกับการสะกดคำผิด

จึงหงุดหงิดใจอยู่บ้างกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ ที่มีการสะกดผิดปนอยู่พอสมควร
(หลังๆ เจอบ่อยค่ะ แม้กระทั่ง "เจ้าหงิญ" ก็ยังมีเลย)

สำหรับเรื่องต่อมา คือ อารมณ์ของหนังสือค่ะ คือมันเป็นอารมณ์รื่นรมย์แบบเมาๆ ที่พลอยทำให้เราเมาไปด้วย

ซึ่งเราก็เป็นผู้หนึ่งที่ไม่ได้นิยมรสชาติของสุรา แค่ชอบบรรยากาศในการร่ำสุรา เพราะฉะนั้นอาการ "มึน" ที่เกิดขึ้นก็เลยทำให้เราแฮ้งค์นิดหน่อย

และทำให้เรารู้สึกอยากทานเหล้า(โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์) ได้เยอะๆ โดยไม่เมาง่ายๆ บ้าง (อันนี้ทำให้ไม่ชอบอย่างยิ่ง เพราะเห็นอนาคตได้ว่าจะมีเรื่องเสียตังค์เพิ่มขึ้นอีก)

แต่เป็นหนังสือท่องเที่ยวในอีกรสชาติที่เราไม่เคยสัมผัสค่ะ

อ่านแล้วเพลินดีเหมือนกัน



๒. โจนาธาน สเตรนจ์ กับ มิสเตอร์นอร์เรล



ซื้อครบชุดมา ๓ เล่ม แต่เพิ่งอ่านไปได้เล่มครึ่งค่ะ ถ้าอ่านจบ "อาจจะ" รีวิวแบบละเอียดอีกที

สิ่งที่ชอบ - -อารมณ์ขันของหนังสือเล่มนี้ และการสร้างตัวละครเด่นที่มีบุคลิกโดดเด่น และไม่ได้พระเอกจ๋าเอาซะเลยค่ะ และเป็นหนังสือที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุก (แต่ต้องพยายามใช้ความอดทนอ่านให้พ้นครึ่งเล่มแรกไปให้ได้ก่อน)

สิ่งที่ไม่ชอบ - - การแปลในช่วงแรกๆ มีบางช่วงแปลได้ค่อนข้างแย่ค่ะ อ่านแล้วไม่เข้าใจ รวมทั้งการเว้นวรรคผิด ทำให้ต้องกลับมาอ่านซ้ำรอบสองแล้วเว้นวรรคด้วยตัวเองใหม่แล้วจึงจะเข้าใจ

การวางเชิงอรรถซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลวิธีการเขียน แต่เป็นการวางเชิงอรรถในบางอันที่แย่น่ะค่ะ คือ เลขอยู่อีกหน้า คำอธิบายของเลขนั้นไปอยู่อีกหน้า หรือบางคำอธิบายสามารถอยู่ในหน้าเดียวกันได้ แต่ต้องแบ่งไปอีกหน้าหนึ่ง ทำให้ต้องพลิกไปๆ มาๆ (อันนี้ไม่รวมเชิงอรรถบางอันที่ยาวมากๆ อยู่แล้วจนต้องเลยหน้าน่ะนะคะ บางเชิงอรรถนี่เอาไปเขียนเป็นหนังสืออีกเล่มได้เลย)

ความอืดของเรื่องในช่วงแรก ทำให้อาจหมดความอดทนไปได้ง่ายๆ ก่อนที่จะอ่านจบครบ แต่พอดีเราอดทนมากพอ จึงอ่านได้จนถึงตอนที่สนุกจนได้ค่ะ


๓. เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล



คือ อย่างที่บอกเล่าไปแล้วนะคะ

เราได้ดูหนังเรื่องนี้จากรอบสื่อ (สมัยยังทำงานในวงการสื่อ) แล้วก็ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ

พอหนังสือออกก็ซื้อให้เพื่อนไป แต่ก็ไม่ได้ซื้อให้ตัวเองเลย

พองานหนังสือฯ คราวนี้ก็ไปซื้อเล่มนี้มาจากบู๊ทคุณ grappa ค่ะ



ขอบอกว่า เป็นเรื่องที่สองในชีวิตที่เราชอบหนังกับหนังสือพอๆ กัน

ปกติเราจะมี ๒ แบบคือ ชอบหนังมากกว่าหนังสือ อย่าง The Bridge of Madison County หรือชอบหนังสือมากกว่าหนัง(อันนี้มีเยอะค่ะ)

เรื่องแรกที่เราชอบหนังกับหนังสือพอๆ กันก็คือ Like Water for Chocolate

แต่เป็นการชอบที่คนละเหตุผลกับเรื่อง "เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล" ค่ะ



สำหรับเรื่องรักน้อยนิดมหาศาล

หนังสือได้ถ่ายทอดความละเอียดอ่อนบางอย่าง ที่หนังไม่ได้ถ่ายทอดออกมา

เช่น รูปหัว ท้ายทอย ฯลฯ ที่เป็นจุดที่ทำให้เคนจิรู้สึกดีกับสองพี่น้อง

ขณะเดียวกัน หนังกลับตัดบางส่วนที่ออกจะเยิ่นเย้อ และเพิ่มบางช็อตของการถ่ายทอดด้วยภาพ
(ที่หนังสือไม่มี แต่หนังมี คือภาพเคนจิกับน้อยบนโซฟา และเปลี่ยนเป็นภาพเคนจิกับนิดบนโซฟา)

ซึ่งทำให้ได้ความลึกซึ้งของอารมณ์ และเพิ่มการตีความได้มากขึ้น


อืมม์...เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ในการถ่ายทอดผ่านสื่อที่ต่างกันได้ต่างกันค่ะ (สื่อต่าง - เสน่ห์ก็ต่างไปด้วย)

แต่บรรยากาศและอารมณ์ของเรื่องใกล้เคียงกันมาก จนแทบไม่น่าเชื่อว่า คนเขียนเรื่องกับคนกำกับ เป็นคนละคนกัน (พันธุ์ของปราบดากับเป็นเอกอาจมีสปีชีส์ที่ใกล้เคียงกันมาก เฉกเช่นเดียวกับทิม เบอร์ตันกับ เดปป์ (แต่อันนี้ในฐานะนักแสดง) น่ะค่ะ)


อ่านแล้วรู้สึกปราบดาเป็นคนรักที่น่าจะอ่อนโยนเอามากๆ
(แต่ก็ไม่แน่นะคะ คนบางคนแตกต่างจากเรื่องที่ตัวเองเขียนก็เยอะ แต่อ่านเรื่องนี้แล้วสัมผัสได้อย่างนี้น่ะค่ะ)


ชอบบุคลิกของพระเอกมากๆ

เป็นพระเอกที่ทำให้เราเศร้าและขำได้ด้วย


ว่าแล้วก็ไปซื้อเป็นดีวีดีเก็บดีกว่า
(เพื่อนจ๋า แกคงไม่คืนซีดีให้ชั้นแล้วใช่มั้ย? ไม่เป็นไรซื้อเป็นดีวีดีเก็บเอาก็ได้เฟ้ย จำไว้เลย ข้าพกรูไม่ให้ยืมอีกแล้ว)



เป็นเรื่องรักนิ่งๆ แต่ไหวๆ ดีค่ะ


ชอบที่ตอนจบของหนังกับหนังสือไม่เหมือนกันด้วย


ในหนังสือมัน "ฝัน" ดี ในขณะที่หนังดู "จริง" กว่าค่ะ

สำหรับเล่มนี้ ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ชอบค่ะ
(ฉันทคติอย่างแรง จนอาจทำให้ลำเอียงไปได้บ้าง)



ท่านใดอ่านเล่มไหนแล้ว มารีวิวให้ฟังบ้างนะคะ จะรออ่านด้วยใจระทึกยิ่ง



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ




สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก
(หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)

เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 ตุลาคม 2548 12:11:48 น.
Counter : 1959 Pageviews.  

++++ความรักระหว่างเกย์กับผู้หญิง - - เป็นจริงได้หรือ?++++


เมื่อวันเสาร์ทำงานครึ่งวันค่ะ พอครึ่งบ่ายก็ไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลเวิลด์ (เวิลด์เทรดเก่าน่ะค่ะ) แล้วก็เลยตัดสินใจ(หลังจากจดๆ จ้องๆ มาหลายครั้ง) เข้าไปเที่ยวเล่นใน TK Park อุทยานการเรียนรู้แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เข้าไปโซนที่น่าจะทำความรู้จักได้ง่ายที่สุดสำหรับเรา

นั่นก็คือโซนห้องสมุดค่ะ


ไปดูตามชั้นหนังสือ โห..หนังสือน่าสนใจเพียบเลย

หยิบมาสองเล่ม

แต่ก็ไปนอนเอกเขนกอ่านหนังสือที่ตัวเองซื้อมาก่อน
(เงาจันทร์ในอัญประกาศ ของคุณมุกหอม
เล่มนี้ซื้อตามคำรีวิวของคุณ grappa ค่ะ
เล่มนี้ก็สนุกมากค่ะ)


หลังจากอ่านจบ และเดินดูหนังสือตามชั้นอีก ๑ รอบ

เลยตัดสินใจสมัครสมาชิก (ท่านใดอายุไม่เกิน ๒๕ ปีและมากกว่า ๖o ปี สมัครได้ในอัตราปีละ ๕o บาทค่ะ แต่เราไม่ได้อยู่ในทั้งสองช่วงอายุ เลยเป็นปีละ ๑oo บาท

แต่ถ้าจะยืมหนังสือภาษาไทยด้วย ต้องเติมเงินในบัตรไว้ก่อน ๓oo บาทเป็นค่าประกันหนังสือนะคะ)


แล้วก็ยืมหนังสือกลับบ้านมา ๒ เล่ม ได้แก่


เป็นประกาย Kira Kira และ รูจ รักหลงเงา
(เรื่องแรกเลือกเพราะจำได้เลาๆ ว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งบอกว่าดี ส่วนเรื่องหลังหยิบมาเพราะเซ้นส์บางอย่างค่ะ)




เลือกอ่านเรื่อง "เป็นประกาย" ก่อนค่ะ จากนั้นก็ตามด้วย "รูจ"


แล้วก็พบว่า ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องราวที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่เรื่องหนึ่ง


นั่นก็คือ..

เป็นความรักระหว่างเกย์กับผู้หญิงค่ะ





อ่านจบแล้วเครื่องหมาย Question Mark เต็มหัวเลยค่ะ


งงว่า..มันเป็นจริงได้จริงๆ เหรอ?



หรือมันเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งคะ?
(จะถามเพื่อนที่เป็นเกย์ ก็กลัวมันด่าเราอ้ะ)


จากนี้ไป Spoil เนื้อเรื่องของหนังสือนะคะ


เรื่อง "เป็นประกาย" เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่แต่งงานกับเกย์คนหนึ่ง
ด้วยหญิงสาวเป็นคนติดเหล้าและมีอาการประสาทไม่ปกติ
ส่วนผู้ชายก็นั่นแหละค่ะ เป็นเกย์

ทั้งสองฝ่ายแต่งงานกันโดยต่างฝ่ายต่างมีเรื่องราวที่เป็นเสมือนข้อบกพร่อง
แต่ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกัน
(ในสังคมญี่ปุ่นการไม่แต่งงาน คงถือเป็นเรื่องร้ายแรงเอามากๆ น่ะค่ะ
สองคนนี้ก็เลยแต่งงานกันโดยมีข้อตกลงซึ่งต่างฝ่ายต่างยอมรับได้)

สำหรับเรื่องแรกนี่..เหมือนผู้หญิงจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักตัวเอกฝ่ายชายมากกว่าค่ะ
(ตกหลุมรักหลังแต่งงานแล้ว)
ส่วนตัวผู้ชายนี่...เหมือนไม่ได้รู้สึกอย่างที่นางเอกรู้สึกอะนะคะ


นางเอกเธอตกหลุมรักในความอ่อนโยนเหลือแสน (แต่ขอคอนเฟิร์มว่าเกย์น่ะ..น่าตกหลุมรักจริงๆ ค่ะให้ตาย เราเองยังเกือบตั้งหลายครั้ง ทำไมผู้ชายจริงๆ มันไม่อ่อนโยนได้อย่างเกย์บ้างน้อ?)



ส่วนเรื่องรูจนั้น ฝ่ายหญิงเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ และมีความเป็น unique สูงมากๆ ค่ะ
ทำให้เกย์คนหนึ่งตกหลุมรัก และเธอก็รักเขา

เพียงแต่..เขามีแฟนของเขาอยู่แล้ว
และทั้งคู่ก็ชอบเธอ




ตอนจบของสองเล่มนี้ไม่เหมือนกันนะคะ
อารมณ์ตอนจบนี่คนละแบบเลย
(แต่ไม่บอกค่ะ อยากให้ไปอ่านเอง อิอิ)




เลิก Spoil แล้วค่ะ อ่านต่อได้






อืมม์...เป็นงานของญี่ปุ่นอีกสองเล่มที่เราชอบค่ะ
(แต่สองเล่มนี้เราชอบ "รูจ" มากกว่า รู้สึกว่าการจบ จบได้ลงตัวมากกว่า และเรื่องราวก็กระทบใจมากกว่า)

แต่คำถามหลังอ่านจบก็คือ...

ความรักระหว่างเกย์กับผู้หญิงเนี่ย..มันมีจริงเหรอ?

งงจริงๆ นะคะ


เพราะเราเองมีเพื่อนเป็นทั้งกระเทย และเกย์

แต่ไม่เคยเห็นเรื่องราวอย่างนี้ในชีวิตจริงน่ะค่ะ
(แต่อ่านในหนังสือแล้วรู้สึกถึงความเป็นไปได้เอามากๆ เลย สงสัยคนเขียนเขียนเก่งค่ะ)



แต่อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นความรักแบบงามๆ มากนะคะ

ยิ่งใน "เป็นประกาย" นี่ เป็นความรักแบบไม่ต้องการเซ็กส์ด้วย



อืมม์..อ่านแล้วดีจังค่ะ



รู้สึกเหมือนได้อีกแง่มุมหนึ่งของโลกหนังสือ
(ไม่เคยอ่านเรื่องที่สื่อความรักในมุมนี้มาก่อนน่ะค่ะ)


มีใครเคยอ่านหรือมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับหนังสือ

ก็มาแลกเปลี่ยนกันนะคะ




สำหรับท่านใดที่เพิ่งมาแวะเที่ยวบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก

รบกวนแนะนำหนังสือหรือหนังหรือไปลงชื่อเฉยๆ ก็ได้ค่ะ

ที่บล็อกสมุดเยี่ยม "กรุณาหย่อนตั๋วหนังหรือเสียบที่คั่นหนังสือ"

ที่นี่ค่ะ



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ



ป.ล. และด้วยการอ่านหนังสือสองเล่มด้านบน
ก็เลยไปเช่าหนังเรื่อง A home at the end of the world มาค่ะ
แต่ยังไม่ได้ดู

ดูแล้วจะมาเขียนถึงนะคะ




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2548    
Last Update : 3 ตุลาคม 2548 18:54:12 น.
Counter : 11932 Pageviews.  

++แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ...เมื่อคุณรู้จักที่จะ "รัก" ใคร++

วันนี้หนังสือที่มาพูดคุยเป็นหนังสือที่พะยี่ห้อว่า

"สำหรับเยาวชน" อีกแล้วค่ะ



เนื่องจากเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือสำหรับเยาวชน

แถมหลายๆ เล่ม..เราเองรู้สึกว่ามันเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ

ก็เลยมักมีหนังสือทำนองนี้มาแนะนำกันบ่อยๆ น่ะค่ะ



"แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ"



ผู้แต่ง: โยโกะ ซาโนะ
ผู้แปล : พรอนงค์ นิยมค้า
ผู้วาดภาพประกอบ : โยโกะ ซาโนะ
สำนักพิมพ์ : แพรวเพื่อนเด็ก




เนื้อเรื่อง

(สปอยล์อย่างแรงค่ะ อ่านความเห็นก่อน ถ้าคิดจะซื้อ อย่าเพิ่งอ่านเนื้อเรื่อง)

แมวน้อยลายเสือตัวหนึ่ง
เกิดมาแล้วถึงร้อยหมื่นชาติ
มีเจ้าของมาแล้วร้อยหมื่นคน
เจ้าของทุกคนรักแมวน้อยมาก
เจ้าของทุกคนร้องไห้เมื่อแมวน้อยตาย


แ ต่ แ ม ว น้ อ ย ไ ม่ เ ค ย รั ก เ จ้ า ข อ ง ค น ไ ห น เ ล ย


แมวน้อยไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวในร้อยหมื่นชาติ



จนชาตินี้...
แมวน้อยเกิดมาเป็นแมวข้างถนน
แมวน้อยไม่มีเจ้าของ
แมวน้อยสบายใจ แมวน้อยชอบตัวเองที่สุด


แมวสาวๆ ทั้งหลายต่างหลงใหลในความเก่งกล้าของแมวน้อย
ที่ประกาศตนอยู่เกือบตลอดเวลาว่า
เกิดมาร้อยหมื่นชาติแล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น


แล้ววันหนึ่ง..
เธอนั้นก็มา (กรุณานึกเพลงพี่เบิร์ดประกอบ)
แมวขาวแสนสวยเดินเข้ามาในชีวิตแมวน้อย

แมวน้อยพยายามแสดงความเก่งกาจนานา
โอ้อวดเหมือนเคย

แต่แมวขาวกลับไม่สนใจและตอบเพียงแค่ "อ้อ"
(น่าจะประมาณ อ๋อเหรอ..ของคุณใหม่ เจริญตุ๊ต๊ะค่ะ)


จนในที่สุดแมวน้อยหยุดโอ้อวด
และถามเพียง "ขออยู่ข้างๆ เธอได้ไหม?"
แมวขาวจึงตอบว่า "ได้"


ทั้งสองจึงอยู่ด้วยกัน มีลูกเล็กๆ มากมาย
แมวน้อยรักแมวขาวและลูกมาก...มากยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก


วันหนึ่งลูกๆ ก็เติบโตและจากไป
แมวน้อยยังคงอยู่กับแมวขาว



จนวันหนึ่ง...
แมวขาวนอนนิ่งไม่ไหวติง

แมวน้อยจึงร้องไห้เป็นครั้งแรกของร้อยหมื่นชาติ
แมวน้อยร้องไห้ถึงร้อยหมื่นครั้ง
จนวันหนึ่ง...
แมวน้อยก็นอนไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ แมวขาว




แมวน้อยไม่กลับชาติมาเกิดอีกแล้ว

















หมดสปอยล์แล้วค่ะ อ่านต่อได้








ความเห็น..



สำหรับตัวเราเอง

การเขียนหนังสือภาพที่ตัวหนังสือน้อยๆ แต่เนื้อความโดนใจมากเช่นนี้

เป็นสิ่งที่เราชื่นชมสุดๆ ค่ะ

นอกจากแมวน้อยร้อยหมื่นชาติแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น "การเดินทางของส่วนที่หายไป"
"ความรักของต้นไม้"
และ "กระต่ายแต่งงาน"
ล้วนเป็นหนังสือที่เราชื่นชมทั้งสิ้น


เป็นหนังสือที่ทุกครัวเรือนควรมีไว้(ถึงไม่ใช่นายกฯ ก็ขอแนะนำค่ะ)


เป็นหนังสือที่คนรักหนังสือควรมีไว้



เป็นอีกเล่มที่ไว้ใช้สำหรับบอกรักได้
(เราสนับสนุนการบอกรักด้วยหนังสือยิ่งกว่าการให้ดอกไม้ค่ะ)



สรุป...


ชอบหนังสือเล่มนี้มากค่ะ

สิ่งที่หนังสือสื่อเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
(เหมือนหัวข้อบล็อกวันนี้แหละค่ะ)

และสื่อได้แบบ...ไม่ยัดเยียดฟูมฟายเกินเหตุด้วยค่ะ



สัปดาห์หนังสือลองไปหาแถวร้านนายอินทร์ค่ะ


เราซื้อหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ปี ๔๒
แล้วก็เห็นหนังสือเล่มนี้หายไปช่วงหนึ่ง

แต่งานสัปดาห์หนังสือปีที่แล้วเห็นมีอยู่นะคะ




แนะนำๆๆๆๆ ค่ะ


(ใครอ่านแล้วไม่ชอบ มาบอกเล่าให้ฟังหน่อยละกันนะคะ)





ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ



ป.ล. ชอบขนาดไหน มีเพื่อนบล็อกคนหนึ่งที่ใช้ชื่อคล้ายๆ หนังสือเล่มนี้
เห็นแค่ชื่อก็แอด friend's link ปั๊บเลยค่ะ
(อยู่ข้างๆ เนี่ยค่ะ เห็นมั้ยเอ่ย?)


แต่จนป่านนี้แล้ว...
เจ้าตัวยังไม่มาทำอะไรกับบล็อกเลยง่ะ


ก็ได้แต่รอคอยต่อไป...
ใครพบเห็นไปบอกเขาหน่อยนะคะ
ว่ามีใครคนหนึ่งรอเค้ามาทำบล็อกอยู่



สำหรับท่านใดที่เพิ่งมาเยี่ยมบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก

เรียนเชิญลงนามเพื่อแนะนำหนังหรือหนังสือ ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 21 กันยายน 2548    
Last Update : 21 กันยายน 2548 17:49:59 น.
Counter : 6068 Pageviews.  

+++เจ้าหงิญ...หนังสือซีไรท์? - ขนมหวานที่ไม่มีสารอันตราย+++

เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งอ้าปากต่อว่าค่ะ


อ่านที่จะเขียนถึงนี่ให้จบก่อนแล้วมาว่ากันอีกทีนะคะ


"เจ้าหงิญ"




เขียนโดย บินหลา สันกาลาคีรี ค่ะ


งานของบินหลาที่เราเคยอ่านแล้วชอบมาก คือ "คิดถึงทุกปี"(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องสั้นชื่อเดียวกับชื่อหนังสือค่ะ)




หนังสือเล่มนี้จึงถูกซื้อมาเพราะคนเขียนเลยค่ะ
(เป็นคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือที่ได้ซีไรท์มาหลายปีแล้วเหมือนกัน
เพราะไม่ได้ติดตามข่าวคราวเลย)


พออ่านจบความรู้สึกที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็คือ..

ในตอนแรกรู้สึกขัดๆ
เหมือนอารมณ์มันกระโดดไป-มาน่ะค่ะ

แต่คนเขียนเลือกการปิดท้ายหนังสือได้ลงตัวค่ะ
ทำให้เป็นการเขียนร้อยเรียงเรื่องได้ฉลาดดี


คือ..มันเหมือนไม่ใช่การ "รวมเรื่องสั้น" ซะทีเดียว

แต่เป็นการรวมเรื่องสั้นแบบ..พยายามร้อยเรียงให้เป็นเหมือนนิยายขนาดสั้นด้วย


คำตอบทั้งหมดจะไปอยู่ที่เรื่องสุดท้าย
ที่พอเราอ่านจบปุ๊บก็...อ้อ..อย่างนี้นี่เอง



เรื่องที่ชอบที่สุดในเรื่องคงจะเป็น "แดฟโฟดิลแสนไกล" ค่ะ

เป็นเรื่องที่เศร้าแบบ..คนเติบโตแล้วจริงๆ

และเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดของเล่มด้วย
(สำหรับตัวเราอะนะคะ)



สำหรับที่มีเครื่องหมายคำถามตามหัวข้อ


เพราะเรากำลังสงสัยค่ะว่า...

ถ้าเป็นกรรมการชุดเดิมแล้ว

หนังสือเล่มนี้จะมีโอกาสได้รับรางวัลซีไรท์มั้ยน้อ



คือไม่ได้ว่ากรรมการชุดไหน "ดี" หรือชุดไหน "ไม่ดี" ค่ะ

เพียงแต่เท่าที่สมัยก่อนอ่านงานที่ได้ซีไรท์แล้ว
(สมัยก่อนนี่คือประมาณสิบปีที่แล้วจนถึงประมาณหกปีที่แล้ว)

รูปลักษณ์หรือสไตล์ของหนังสือที่ได้รางวัลจะเป็นแบบหนึ่ง
(ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ)


เพราะฉะนั้นการได้รับรางวัลซีไรท์ของหนังสือเล่มนี้
สร้างความแปลกใจให้เราได้ไม่น้อย

ซึ่งจากที่ดูรายนามคณะกรรมการซีไรท์คร่าวๆ
ก็เลยพอจะเข้าใจอยู่บ้าง




ไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ควรได้ซีไรท์หรอกค่ะ
(เพียงแต่ "แปลกใจ" มากกว่า)

เพราะเราชอบหนังสือสไตล์นี้อยู่แล้ว
(จึงออกจะมีฉันทคติไม่น้อย)

คือ...เป็นการสื่อเรื่องราวหนักๆ ในรูปแบบเบาๆ
ซึ่งทำให้อ่านง่าย..แต่อาจจะเข้าถึงยาก
ถ้าใครบางคนอ่านเพียงผ่านลิ้มแต่รสที่เคลือบอยู่
และไม่ได้ "ย่อย" สิ่งที่อยู่ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นขนมนั้น

สำหรับเรา..
ใครที่สามารถสื่อเรื่องราวแสนหนักเช่นนี้ในรูปแบบที่อ่อนหวาน(หาคำวิเศษณ์อื่นมาใช้แทนสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อไม่ได้อีกแล้วค่ะ)ได้แล้ว

มันเป็นเรื่องที่เราชื่นชมเสมอค่ะ



โดยสรุปแล้ว

เป็นหนังสือซีไรท์ รวมเรื่องสั้นกึ่งนิทาน

ที่ถ้าใครชอบสไตล์นี้..ควรหามาอ่านนะคะ
(คุณปรีดา..คุณควรหามาอ่านนะคะ)

"เจ้าหงิญ" นิทานที่ไม่ใช่นิทาน

หนังสือที่หากเปรียบเป็นอาหารแล้ว

เสมือนขนมหวานที่มีคุณค่าอยู่ในตัวค่ะ
(ไม่มีสีปลอมปน และไม่เป็นอันตรายด้วยนะคะ)



อยากให้ลองชิมกันดูนะคะ





 

Create Date : 12 กันยายน 2548    
Last Update : 12 กันยายน 2548 19:22:57 น.
Counter : 2510 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.