~* ~* ~* ~* ~* ~* ABaRat อบารัต เล่ม 1-2 อมรินทร์ขา แปลต่อเถอะนะคะ น้า..~* ~* ~* ~* ~* ~*






ABaRat อบารัต เล่ม 1
เขียนโดย
ไคลฟ์ บาร์เกอร์
แปลโดย ธารพายุ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน
จำนวนหน้า 450 + ภาคผนวก 27 หน้า
ราคา 375 บาท


ABaRat อบารัต เล่ม 2 วันแห่งเวทมนตร์ คืนแห่งสงคราม
จำนวนหน้า
581 หน้า
ราคา 445 บาท







ก่อนอื่นขอกรีดร้องงงงงงงงงงงงงดังๆ ค่ะ



ครือ..เราเพิ่งรู้ว่ามันมี 5 เล่มอ้ะ ทรมานอีกแล้วตรู ถ้ารู้ว่าไม่จบในสองเล่ม จะยังไม่อ่านค่ะ จะรอให้ครบ (เข็ดตั้งแต่แฮร์รี่ฯ แล้วก็มาดราก้อนดีลิเวอรี่แล้ว การรอคอยมันช่างทรมาน )


แล้วก็ไม่รู้ว่า..ทางสนพ.จะแปลต่อมั้ยด้วย (มีใครทราบข้อมูลบ้างมั้ยคะ?) ถ้าไม่แปลต่อจริงๆ ข้าพเจ้าตายแน่ๆ




เพราะงั้น...อมรินทร์ขา..แปลต่อเถอะนะคะ ได้โปรด ทำตาเว้าวอน ปริบๆๆๆ





โวยวายเสร็จแล้วก็เข้าเรื่องต่อเลยละกันค่ะ











เรื่องย่อ



เป็นเรื่องราวของเด็กสาว นามว่า แคนดี้ แคว็กเก็นบุช เด็กสาวที่เกิดมาในเมืองที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างชิกเกนทาวน์ จนวันหนึ่งเมื่อครูได้ให้การบ้านให้หาข้อมูลของเมือง ได้นำพาเธอไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจของโรงแรมประจำเมือง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น ให้เธอได้พบกับเรื่องราวอันแปลกประหลาด และจับพลัดจับผลูเดินทางเข้าสู่อบารัต หมู่เกาะที่แต่ละเกาะมีเวลาที่แน่นอนเป็นของตัวเอง ตั้งแต่เกาะแห่งเที่ยงวัน จนถึงเกาะแห่งเที่ยงคืนรวมถึงชั่วโมงที่ยี่สิบห้า ที่เก็บความลับต่างๆ ไว้มากมาย

การผจญภัยของแคนดี้ และพลังต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่าง "บังเอิญ"(?)

การตามล่าตัวจากเจ้าแห่งเที่ยงคืน

ความตาย และการค้นพบ

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร..โปรดติดตามได้ในเล่ม 3 เป็นต้นไป














ความรู้สึกที่ได้อ่าน



โอ้..แม้เจ้า นี่มันอีกโลกจริงๆ เป็นจินตนิยายแฟนตาซีที่สุดๆ ค่ะ

เป็นจินตนิยายที่..เราเองก็ไม่แน่ใจว่า..มันเหมาะกับเยาวชน..แน่หรือ?

ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบด้านตัวละครที่แปลกประหลาด (จนกระทั่งการมีสีตาสองสีของนางเอกเป็นเรื่อง "พื้น" ที่สุด)

หรือความดาร์กหลายๆ อย่างทั้งนิสัย+บุคลิกตัวละคร การฆ่าอย่างโหดเหี้ยม การลงทัณฑ์ที่โหดร้าย ฯลฯ

อ่านแล้ว..เอ่อ..ตกลงน่าจะเรียกว่า เหมาะกับเยาวชนตอนปลายหรือเปล่า? (เพราะถ้าสำหรับเยาวชนแบบเด็กมากๆ อาจฝันร้ายไปเลยก็เป็นได้ เหอๆ)





แต่ขอบอกว่า..อ่านแล้วชอบอะค่ะ (อ้าว)

คือ..ไม่เคยอ่านแฟนตาซีดาร์กแต่สนุกด้วยอย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ (เคยอ่านก็ดาร์กมืดหม่น จนเก็บหนังสือไว้ไม่ได้ อย่างเด็กชายหอยนางรมน่ะค่ะ)

นอกจากความแปลกของตัวละครแล้ว การดำเนินเรื่องก็ชวนลุ้นและติดตามอยู่ตลอดเวลา แม้หลายๆ ครั้งจะรู้สึกสยดสยอง แต่ก็กลับกระหายที่จะอ่านต่อไป (ถึงแม้ว่า สิ่งที่จะเฉลยนั้น ไม่ได้ทำความแปลกใจค่ะ เพราะเดาได้ง่ายพอควร)

แต่..ถ้าถามเรา เราคิดว่า..ที่จริงแล้ว ถ้าคนเขียนจะจบลงที่เล่ม 2 เลย โดย "ขมวด" ให้มันจบก็น่าจะทำได้นะคะ แต่ถ้าไม่จบแสดงว่า..มีเรื่องบางเรื่องที่คนเขียนยังเก็บงำเอาไว้ (เรายังสงสัยเสียงขอโทษของเจ้าหญิงโบอาอยู่ว่า..แท้ที่จริงแล้ว เธอทำผิดอะไรต่อเจ้าชายแคร์เรียนมากกว่าที่คนเขียนเปิดเผยให้เราได้รู้หรือเปล่าหนอ?) รวมทั้งในภาคผนวกของเล่ม 1 ที่คิดว่ายังมีอีกหลายๆ โลเคชั่นที่คนเขียนน่าจะเอามาเป็นฉากในการสร้างสรรค์เรื่องค่ะ







ทั้งนี้ คนเขียนใช้วิธีเขียนโดยมีการทิ้ง clue เป็นระยะในตอนต้นของบทเปิด โดยบางครั้งก็เขียนเป็นลักษณะของกลอน หรือคำทำนาย ฯลฯ น่ะค่ะ




จะลองยกตัวอย่างบทนำของผู้เขียนมาให้ลองอ่านนะคะ

ฉันฝันถึงหนังสือที่ปราศจากขอบเขต
หนังสืออิสระ
ซึ่งหน้ากระดาษงอกเงยขึ้นจากความอุดมสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์

ในทุกบรรทัดมีการพรรณนาถึงขอบฟ้าใหม่
คาดคะเนถึงสวรรค์ใหม่ๆ
สภาวะใหม่ๆ วิญญาณใหม่ๆ

หนึ่งในวิญญาณเหล่านั้น
เคลิ้มผ่านบ่ายแห่งจินตนาการ
ฝันถ้อยคำเหล่านี้ขึ้น
และโดยต้องการมือที่จะจดมันลง
จึงสร้างมือของฉันขึ้น










บทนำ

ภารกิจ

สามคือจำนวนผู้ทำงานศักดิ์สิทธิ์
สองคือจำนวนผู้ทำงานของคู่รัก
หนึ่งคือจำนวนผู้ทำความชั่วร้ายสมบูรณ์แบบ
หรือความดีสมบูรณ์แบบ


---จากบันทึกของพระรูปหนึ่ง
แห่งนิกายเซนต์โอโค
นามของท่านไม่เป็นที่รู้จัก












สำนวนการแปล มีอ่านแล้วยังเหลือกลิ่นนมเนยอยู่บ้าง แต่ไม่มากค่ะ

อย่างหน้า 13 ใบเรือสั่นเหมือนใบไม้ในพายุแกว่งไปมาอย่างดุเดือด เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุม




แล้วก็มีตอนแปลกๆ อยู่บ้าง ไม่รู้ว่าแปลผิด หรือพิมพ์ผิดหรือว่าอะไรนะคะ ดังต่อไปนี้ค่ะ

หน้า 16 ...ณ ที่นั้นเธอคุกเข่าลงและชะโงกไปข้างหน้า จุ้มมือซึ่งไขข้ออักเสบทั้งสองข้างลงไป...
(จุ้ม - น่าจะ "จุ่ม" หรือเปล่า หรือมันใช้คำว่า "จุ้ม" ได้เหมือนกัน? แล้วก็ประโยค มือซึ่งไขข้ออักเสบ น่าจะเป็นมือซึ่งเป็นไขข้ออักเสบด้วยน่ะค่ะ)



หน้า 304 พวกมันก็ส่องแสงสว่างไสวตามขนาดที่เพิ่มจำนวนเงาของแคนดี้
(ใครอ่านประโยคนี้เข้าใจ ช่วยอธิบายให้ข้าพเจ้ารู้เรื่องหน่อยค่ะ )


หน้า 345 วูล์ฟสวิงเกล ร้องโหยด้วยความโกรธ
(น่าจะเป็นร้องโหยหวนหรือเปล่า?)





ต่อไปเป็นของเล่มสองนะคะ (ในส่วนที่แปลกๆ หรือพิมพ์ผิด)

หน้า 349
"ผมรู้ว่ามันค่อนข้างเคลือบคลุม..." (โดยปริบทแล้วน่าจะเป็นคลุมเครือมากกว่าน่ะค่ะ)


หน้า 421
เธอปีนขณะที่เขาพูดกับเธอ เท้าของเธอขู่จะลื่นอยู่เสมอ (น่าจะเป็น "ดู" มากกว่า "ขู่" เพราะนางเอกกำลังปีนบันไดที่เต็มไปด้วยหิมะค่ะ)


หน้า 503
ถ้าพวกเขารอดจากวันสยองขวัญนี้ไปได้ เมลิสซาคิด เธอจะยื่นฟ้องหย่าทันทีที่หาทนายแห้งๆ ได้
(คือคิดว่า..น่าจะหมายถึงทนายที่ไม่แพง แต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนั้นมันเกี่ยวข้องกับน้ำท่วมอยู่ พอใช้คำวิเศษณ์อย่างนี้..มันก็เลย..เอ..หรือว่าต้นฉบับเล่นมุกว่า เป็นทนายที่ "แห้ง" จากน้ำท่วมแล้วจริงๆ หว่า )


หน้า 521
...เขาคว้าชิ้นส่วนลงมาจากอากาศและฉีกพวกมันเป็นชิ้นจิ๋วๆ ยิ่งกว่านั้นอีก จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือนอกจากลูกปาที่ปราศจากชีวิต...
(ลูกปา - มันคืออะไร ไม่เคยปรากฏอยู่ในเรื่องมาก่อนง่ะ งง )






ในส่วนของการดำเนินเรื่อง มีส่วนที่ทำให้คนอ่านติดข้องอยู่บ้าง อย่างตอนท้ายๆ ของเล่ม 2 เราก็สงสัยว่าทำไมเลเทโอถึงได้ดึงแคนดี้ไปให้กับแคร์เรียนอีก? ทั้งที่เขายังอันตรายอยู่? (แต่อาจจะมีเฉลยในเล่มต่อๆ มาหละมั้งนะ)

หรืออย่างการกลับมาอีกครั้งของคนที่ขี่ผีเสื้อยักษ์ (จำชื่อไม่ได้ซะงั้น) ทั้งที่น่าจะตายไปแล้ว โดยไม่มีการบอกกล่าวแต่อย่างใดว่าทำไมถึงรอดตายมาได้ เป็นต้น








อย่างไรก็ตาม เราก็รู้สึกว่า เจ้าชายแคร์เรียน เป็นตัวละครที่น่าสงสารจังค่ะ

คนที่เกิดมากับความวิปลาส ชั่วร้าย เจ็บปวด และหวังจะมี "รัก" ที่รักษาและเยียวยาตัวเองได้

แ ต่ ไ ม่ มี ใ ค ร ที่ เ ข า รั ก จ ะ ย อ ม รั ก เ ข า ต อ บ




มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ค่ะ (แต่เราก็เข้าใจแคนดี้นะ มันเหมือนฆาตกรโรคจิตที่มาหลงรักเรา จะมีสักกี่คนที่จะรักเขาตอบและยอมที่จะอยู่เคียงข้าง เป็นภรรยาเขาอย่างที่ต้องการได้น่ะ?)




เรียกได้ว่า..เราชอบนะคะ คงจะพยายามติดตามต่อไปค่ะ (ถ้าไม่มีแปลจริงๆ คงต้องหาเล่มภาษาอังกฤษมาอ่านแหละค่ะ)

แต่คิดว่าเหมาะกับคนที่อ่านอะไรที่ดาร์กๆ โหดๆ ได้พอสมควรนะคะ

ถ้าคิดว่าโลกนี้มีแต่สิ่งสวยงาม คงไม่เหมาะจะรู้จักกับอบารัตค่ะ แหะๆ








อ้อๆ ที่สำคัญ คนเขียนเรื่องนี้วาดภาพประกอบเองทั้งหมดด้วยนะคะ (ซึ่งหลอนได้ใจไม่น้อยไปกว่าเนื้อเรื่อง เหอๆ) ยกตัวอย่างเจ้าชายแคร์เรียนมาให้ดูเป็นขวัญตาค่ะ







แล้วก็ถ้าใครสังเกตชื่อหนังสือ จะเห็นลูกเล่นด้วยนะคะ ซึ่งก็เอามาจากต้นฉบับแหละค่ะ

ท่านใดสนใจรู้จักอบารัตเพิ่มเติมเรียนเชิญที่เว็บนี้ได้เลยค่ะ
//www.thebooksofabarat.com/content4/xbarat99.html










ปิดท้ายด้วยประโยคที่ชอบๆ จากทั้งสองเล่มนะคะ






"...ฉันคิดว่าบางครั้งคนเราควรจะมีโอกาสแก้ตัวนะ ถ้าเธอไม่ให้โอกาสคนได้แก้ตัว แล้วพวกเขาจะเปลี่ยนยังไง"









"...มีประวัติศาสตร์ที่หาทางเข้าไปในหนังสือได้ และก็ประวัติศาสตร์ที่หาทางเข้าไปไม่ได้"









"ความรักสามารถจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต และมันก็สามารถจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เลวอย่างสมบูรณ์"










"...บางครั้งเมื่อชีวิตดูมืดมนที่สุดก็ยังมีแสงซ่อนอยู่ตรงใจกลางของสิ่งต่างๆ"









"...ความฉลาดที่ปราศจากความรักเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์"








"...การเดินไปตามถนนแห่งความมืดก็มีเกียรติไม่น้อยกว่าถนนแห่งแสงสว่างตราบใดที่ทำเช่นนั้นด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน"








มีความกลัวเสมอในคนที่โหดร้ายกับคนอื่นๆ









"ทำไมตาถึงอยากจะร้องเพลงเกี่ยวกับเรื่องเศร้าๆ ล่ะคะ" แคนดี้ถาม
"เพราะไอ้โง่คนไหนก็สามารถที่จะมีความสุขได้" ท่านตอบ "ต้องเป็นคนที่มีหัวใจแท้จริง" -ท่านกำหมัดวางทาบอก- "จึงจะสร้างความงามจากสิ่งที่ทำให้เราร้องไห้"









"...ไม่มีวิธีที่จะใช้ชีวิตให้เต็มอิ่มโดยไม่มีเหตุให้หลั่งน้ำตาเป็นบางครั้งบางคราวหรอก"












ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

557769/4442/398











 

Create Date : 04 ธันวาคม 2552    
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 10:05:35 น.
Counter : 9095 Pageviews.  

~* ~* ~* ~* ~* ~* เซี่ยงไฮ้เบบี้ เมื่อคุณทำสัญญากับปีศาจ คุณไม่มีวันรอดจากหายนะ~* ~* ~* ~* ~* ~*









เซี่ยงไฮ้เบบี้
ผู้เขียน เว่ย ฮุ่ย
ผู้แปล คำ ผกา
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
จำนวนหน้า 348 หน้า
ราคา 225 บาท










เรื่องย่อ



โกโก้ หญิงสาวชาวเซี่ยงไฮ้ ที่พบรักกับเทียนเทียน หนุ่มอ่อนไหว ณ ร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่ และในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ด้วยสาเหตุบางประการ ทำให้เทียนเทียนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรักได้สมบูรณ์ และต่อมาเมื่อโกโก้ได้พบกับมาร์ก หนุ่มเยอรมันที่ตอบสนองในสิ่งที่ตนเองขาดได้ ก็ทำให้โกโก้ถลำลึกไปกับความสัมพันธ์ จนท้ายที่สุด..โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น







ความรู้สึกที่ได้อ่าน



ส่วนใหญ่เท่าที่อ่านจากประโยคของคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วถูกนำมา "โปรย" ไว้ทั้งที่ปกและในหนังสือ จะเน้นไปที่การที่หนังสือนี้เป็นตัวแทนของสังคมจีนในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคมของเซี่ยงไฮ้ที่เคยผ่านมาทั้งเหตุการณ์ที่ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของชาวต่างชาติ จนมาถึงยุคจีนเปิดประเทศ

แต่สำหรับเรา อ่านเรื่องนี้แล้ว เรากลับสะเทือนใจไปในเรื่องของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของตัวละครหลักๆ ในเรื่องมากกว่าค่ะ




โอเคหละ สำหรับผู้หญิงบางคน (และผู้ชายหลายคน) สามารถแยกระหว่างรักกับเซ็กซ์ได้ (กล่าวคือ สามารถมีเซ็กซ์โดยไม่ต้องมีความรัก) แต่ถ้าหากเซ็กซ์ที่ปราศจากความรักก็จริงนั้น ได้ทำให้คนที่เรารักและรักเราต้องเจ็บปวด มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะแลกกัน? เราใช้ "สิทธิ์" อะไรที่จะเช่นนั้น? ทำร้ายคนที่เราเลือกที่จะรับเขาและให้เขารับเราเข้าไปในชีวิต?


คนบางคน รักตัวเองมาก หลงตัวเองมากจนละเลยหรือลืมมองว่าการกระทำของตัวเองได้ทำร้ายคนที่รักตัวเองมากขนาดไหน...หรือเปล่า?

และเขารักตัวเองมาก หลงตัวเองมาก แต่กลับไม่รู้จักตัวเองเพียงพอว่า ถ้าเป็นคนมีนิสัยเช่นนี้ ก็ไม่ควรที่จะลากชีวิตของใครให้เข้ามาเจ็บปวดจากความเห็นแก่ตัวของตัวเองสิ



และสำหรับหนังสือเล่มนี้ ท้ายที่สุดแล้ว เซ็กซ์ที่เกิดขึ้นก็ได้นำพาไปสู่ความรักและความร้าวรานใจ - เพราะร่างกายและจิตใจผู้หญิง อาจจะมีกลไกและความลี้ลับบางอย่างก็เป็นได้นะ (แต่ก็รู้แหละว่า ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงทุกคนหรอก)





อ่านแล้วสะท้อนใจหลายอย่างเลยค่ะ (นอกจากที่บอกๆ ไปข้างบนแล้ว)

การที่เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับคนที่ตัวเองรักได้ จนเขาต้องไปไขว่คว้าหาเอาจากคนอื่น มันช่างเจ็บปวด และที่เจ็บปวดกว่าก็คือ เราไม่สามารถปล่อยเขาไปหรือหยุดรักเขาได้ แม้ว่าเขาจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน - คนอย่างเทียนเทียน มีชะตากรรมที่เกิดมามีชีวิตด้วยความโศกเศร้าและเป็นทุกข์ แม้ได้พบคนที่ตัวเองจะรักได้ ก็ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริง






อ่านแล้ว...คนอื่นๆ อาจจะมองในด้านอื่น วิเคราะห์ด้านการเปลี่ยนแปลงของผู้คนกับสังคมที่เปลี่ยนไป แต่สำหรับเรา..เรากลับรู้สึกมากๆ ในเรื่องของความรัก และการนอกใจที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ค่ะ (อย่างที่บอก เราค่อนข้างอ่อนไหวมากเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ รู้สึกเยอะมากกับเรื่องแบบนี้ค่ะ)





อ่านจบด้วยอาการทอดถอนใจกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น - มันไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใจหรอกค่ะ เพราะแค่บอกเล่าถึงความเป็นมาของเทียนเทียน และเมื่อครั้งแรกระหว่างโกโก้กับมาร์คเกิดขึ้น เราก็รู้ว่า..โกโก้เริ่มทำสัญญากับปีศาจแล้ว และ..แน่นอนว่า หายนะรออยู่ปลายทางแน่ๆ




เราเข้าใจเทียนเทียนนะคะ อย่างที่บอกแหละค่ะ ถ้าเราไม่สามารถหยุดรักคนๆ หนึ่งได้ แต่เราก็รู้ว่า..ตัวเราเองไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการ บางที...



เมื่อชีวิตไม่มีความหมายจะดำรงอยู่ ความตายไม่ใช่หนทางอันปวดร้าวเกินไปที่จะเลือก...หรอกค่ะ










*** หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปนะคะ ***









ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

535925/4364/386






ป.ล.จขบ.ยังคงอยู่เมืองเหนือ มาอัพบล็อกก่อนค่ะ แต่จะมาตอบได้+ประจำการหน้าบล็อกวันอังคารเป็นต้นไปเด้อ แหะๆ





 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2552 0:06:45 น.
Counter : 3497 Pageviews.  

~* ~* ~* ~* ~* ~* จิ๊บปี้ การผจญภัยของนกกระจอกแห่งหลังคา~* ~* ~* ~* ~* ~*





สวัสดีค่ะ




ในช่วงระหว่างรอเหมันต์ขยันอ่านจะเริ่มต้นให้อ่านหนังสือตามโจทย์ได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน เราก็ทยอยอ่านหนังสือเล่มอื่นที่เอาเข้าโจทย์ไม่ได้ไปเรื่อยๆ ก่อน และเล่มนี้ก็เป็นเล่มหนึ่งค่ะที่อ่านจบไปแล้วก็รู้สึกว่าสนุก และเหมาะที่จะแนะนำให้เด็กอ่านเล่มหนึ่งค่ะ







จิ๊บปี้ การผจญภัยของนกกระจอกแห่งหลังคา
ผู้เขียน
Mario Lodi และเด็กๆ
ผู้แปล นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ เรือนปัญญา
จำนวนหน้า 127 หน้า
ราคา 135 บาท










เรื่องย่อ



จิ๊บปี้ นกกระจอกตัวน้อยที่เกิดมาพร้อมกับความรู้สึกอยากผจญภัยและแตกต่างจากนกกระจอกทั่วไป ความเป็นจิ๊บปี้นี่เอง ที่ทำให้เจ้าตัวได้ไปเผชิญกับสิ่งต่างๆ ทั้งที่แม่ก็ได้เตือนแล้ว แต่จิ๊บปี้ก็ได้บทเรียนจากการไม่เชื่อฟัง แต่ขณะเดียวกัน สิ่งเหล่านั้นก็ได้ทำให้จิ๊บปี้เติบโตขึ้นด้วย

ต่อมาด้วยเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งทำให้จิ๊บปี้ได้ค้นพบคู่ชีวิตที่นิสัยโลดโผนไม่ต่างจากตัวเอง และได้ค้นพบความลับประการหนึ่งที่ทำให้ชาวนกกระจอกไม่โดนหลอกอีกต่อไป








ความรู้สึกที่ได้อ่าน


เป็นหนังสือที่เราจำไม่ได้ว่า ซื้อมาได้อย่างไร เมื่อไหร่ค่ะ

แต่บอกได้เลยว่าเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ อ่านรวดเดียวจบที่สนุกและได้ข้อคิดค่ะ




สารภาพว่า ตอนแรกอ่านด้วยความไม่คาดหวังเลยค่ะ แต่พออ่านไปๆ ก็รู้สึกว่าเอ๊ะ..เฮ้ย..ใช้ได้ คือ..มันไม่ใช่หนังสือที่จะบอกว่า..อย่าดื้อ อย่าไม่เชื่อแม่นะ จะเจอเรื่องเลวร้ายๆ อย่างนี้อย่างเดียว โอเค จิ๊บปี้เจอเหตุการณ์ที่เกือบทำเอาชีวิตไม่รอด แต่ขณะเดียวกันประสบการณ์นั้นก็ทำให้จิ๊บปี้มีความระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น เรียนรู้ และได้ใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นมาช่วยเหลือนกกระจอกตัวอื่นๆ ค่ะ


เป็นหนังสือ coming of age (ฉบับนกกระจอก ) ที่คิดว่า ถ้าเอาไปอ่านและสอนเด็กด้วยก็ถือว่าเป็นหนังสือที่ใช้ได้ค่ะ คือ สอนว่าถ้าเขาดื้อในบางเรื่อง เขาอาจจะเจออะไรที่เลวร้าย และอาจไม่โชคดีอย่างจิ๊บปี้ แต่ถ้าหากเขาได้พลาดไป ก็ให้เอาสิ่งที่พลาดนั้นมาเป็นบทเรียน อย่าทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก เพราะผลกระทบอาจจะไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น (ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ สามารถโยงเรื่องที่เราบอกได้หมดค่ะ)


เราว่า..มันเป็นหนังสือที่..สอนผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน กับความเชื่ออะไรบางอย่างที่เชื่อกันต่อๆ มานั้น บางทีมันก็ไม่ใช่ความถูกต้อง จนกระทั่งมีคนสงสัย เห็นและพิสูจน์ ซึ่งแน่ล่ะ..กว่าจะทำการพิสูจน์ได้ เจ้าตัวก็ต้องสะบักสะบอมต่อความเชื่อของคนกลุ่มใหญ่อยู่ไม่น้อย (และแม้กระทั่งเรื่อง สงครามไม่เคยให้อะไรกับใครอย่างแท้จริงด้วยหนะแหละ)

เป็นหนังสือสอนเด็กที่ไม่ได้ออกแนว romantic พาฝันเฟื่องอย่างเดียวค่ะ แต่มีความเข้มข้นในเนื้อหาพอสมควร ทว่าการสื่อด้วยตัวละครที่เป็นนกกระจอก ก็ทำให้เรื่องดูไม่หนักและดูเหมาะสมที่จะอ่านให้เด็กฟังค่ะ



ที่สำคัญ ถ้าอ่านเครดิตคนแต่งใต้รูปปกหนังสือ (ที่หาได้ยากมากๆ) จะเห็นว่า หนังสือเล่มนี้เกิดจากการที่ให้เด็กๆ ได้ออกไปเรียนรู้และทำการบันทึกชีวิตนกกระจอก จนในที่สุดก็ได้นำมาร้อยเรียงกันจนเป็นหนังสือเล่มนี้ค่ะ





มีติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างก็ตรงการสะกดคำว่า จะงอยปาก (เหมือนเราคุ้นแบบ "จงอยปาก" มากกว่าง่ะ) กับสะกดว่า พินาจ น่ะค่ะ







เพราะฉะนั้น..คิดว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่เด็กอ่านดี ผู้ใหญ่อ่านได้ และได้ทั้งความสนุกพร้อมข้อคิดค่ะ












ปิดท้ายด้วยคำโปรยจากปกหลังแล้วกันค่ะ (คิดว่าสรุปแทนหนังสือเล่มนี้ได้ค่อนข้างดีเลย)



นิทานเรื่องนี้จะกระตุ้นความอ่อนโยนในดวงใจน้อยๆ ของเด็กๆ และขณะเดียวกันก็สอนให้เขาเป็นคนระแวดระวัง เข้มแข็ง และอดทน

เป็นคนที่พร้อมจริงๆที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกกว้างใบนี้
















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ

533303/4354/385





ป.ล. สาวไกด์ฯ ไม่อยู่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีภารกิจพาสามีกลับบ้านเกิด พร้อมกับจะไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดตัวเอง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 2 พ.ย. เลยนะคะ เพราะงั้นน่าจะได้กลับมาอัพบล็อกและตอบเพื่อนๆ ที่มาทิ้งคอมเม้นท์ไว้ในช่วงเวลาที่ว่านี่ก็วันที่ 3 พ.ย.เลยค่ะ





 

Create Date : 28 ตุลาคม 2552    
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 8:14:49 น.
Counter : 1706 Pageviews.  

~* ~* ~* ~* ~* ~* โลกจิต แล้วคุณจะมองโลกของจิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ~* ~* ~* ~* ~* ~*








โลกจิต
ผู้เขียน
แทนไท ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ a book
ราคา 195 บาท
จำนวนหน้า 288 หน้า









เนื้อหา


เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "จิต" "สมอง" ฯลฯ ที่จะทำให้คุณได้รู้จักกับอีกโลกหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้สัมผัสในเชิงลึกและกว้างเช่นนี้มาก่อน โดยวิธีการบรรยายที่ไม่ได้หนักจนสมองของคนทั่วไปรับไม่ไหว แต่กลับอ่านได้อย่างเข้าใจง่าย น่าสนใจ และน่าติดตาม











ความรู้สึกที่ได้อ่าน




เป็นหนังสืออีกเล่มที่ "เปิดหูเปิดตา" หลายๆ เรื่องเลยค่ะ สามารถที่จะกระตุ้นต่อมความคิดมากๆ เลย อ่านแล้วอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ เลยค่ะ




นอกจากนั้นก็ยังได้รู้เรื่องใหม่ๆ หลายๆ เรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น (ที่ยกมานี่แค่ "บางส่วน" นะคะ)



1. Phantoms in Brain ที่เรียกว่า Phantom Limb เป็นความรู้สึกของอวัยวะที่ไม่มีอยู่จริงเป็นของจริง (งงมะคะ ) อย่างคนที่แขนขาดไปแล้ว แต่ยังรู้สึกถึงแขนที่ขาดไปได้น่ะค่ะ




2. ความคิดที่มีการใช้ยาเพื่อบล็อกการทำงานของอะดรีนาลินหลังเกิดเหตุ (อันเนื่องมาจาก การที่คนเราเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นแล้วมีอะดรีนาลินหลั่ง จะทำให้คนเรา "ฝังใจ" ค่ะ เช่นถูกข่มขืน ฯลฯ) ดังนั้นพอใช้ตัวนี้ เหตุการณ์ร้ายแรงอย่างนั้นก็จะไม่ฝังใจเรา



3. ได้รู้ว่ามีเว็บไซต์สำหรับ Zoophile คือคนที่ชอบมีอะไรกับสัตว์เอ่อ..น่าเข้าไปดูสนองความอยากรู้เชียว ในเว็บมีเนื้อหา How to have sex with a dolphin ด้วย -*-



4. นอกจากนั้นในเล่มนี้ก็ยังมีการพูดถึง Scientology ด้วยค่ะ ซึ่งพออ่านรายละเอียดแล้วเราเหวอพอสมควรเลย ซึ่งขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะ เพราะอยากให้ไปอ่านเองอะค่ะ



5. พออ่านบทเด็กตาบอดเที่ยวสวนสัตว์แล้ว อยากจัดพาทัวร์คนตาบอดเที่ยวเชียว (ที่จริงเราเคยทราบค่ะว่ามี แต่ไม่เยอะมาก แต่ที่จริงน่าทำอยู่เหมือนกัน แต่ไกด์ที่ไปคงต้องเก่งเรื่องบรรยายและพรรณนาหน่อยน่ะนะคะ)



6. ได้รู้เรื่องความฝันของคนที่ตาบอดตั้งแต่เกิด ว่ามีแต่เสียงและสัมผัส แต่ไม่มีภาพค่ะ



7.ที่อ่านแล้วเหวอก็คือ ชุมชนที่โดมินิกันกับปาปัวนิวกินีผู้ชายเกิดมาจะมีรูปลักษณ์เป็นหญิง ก็จะถูกเลี้ยงดูแบบเด็กหญิงก่อน แต่พอเข้าช่วงวัยรุ่น ร่างกายจะหายจากอาการผิดปกตินี้อยู่ๆ ก็จะมีปิ๊กกะจู้งอกออกมา เสียงแตกหนุ่ม เปลี่ยนเพศไปใช้ชีวิตผู้ชายได้เหวอ เหวอ เหวอ เหวอ



8. เอ่อ..ได้รู้ว่ามีอาการที่เรียกว่า Sleep Sex ด้วยค่ะ (คล้ายๆ ละเมอ แต่เป็นการมีเซ็กซ์ขณะที่หลับ อาจจะเป็นลักษณะของมาสเตอร์เบชั่น หรือไปมีเพศสัมพันธ์ขณะที่หลับ ไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยค่ะ)



9. แล้วก็เพิ่งได้รู้ว่า ช้างกลายเป็น 1 ในสัตว์ที่รู้เงาของตนเองเพิ่มมาอีก 1 พันธุ์ค่ะ นอกเหนือไปจากชิมแพนซี โลมา และมนุษย์แล้ว



10. ที่ตื่นเต้นมากๆ ก็คือ เพิ่งรู้ว่า ไอ้ที่เห็นๆ ในหนัง เรื่องเชื่อมต่อสมองแล้วเอาภาพขึ้นจอน่ะ ในวงการวิทยาศาสตร์เขาทำได้กันจริงๆ แล้วเฟ้ย (ไม่ใช่แค่จินตนาการ ) แต่เป็นเพียงการทดลองกับแมวเมื่อปี 1999 โดย Garrett Stanley ม.ฮาร์วาร์ด



11. แล้วที่เหวอกว่าคือ อาการบาดเจ็บทางสมองที่แปลกๆ เยอะ อย่างหนังเรื่อง Idle Hand นี่ มีคนเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือควบคุมมือตัวเองไม่ได้ เรียกว่า Alien Hand Syndrome



12.หรืออาการ Hemi-Neglect โรคเมินซ้าย เมินขวา ที่จะเห็นโลกแค่ซีกใดซีกหนึ่ง ละความสนใจในอีกซีกหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง คือ ซีกนั้นๆ (มักเป็นซีกซ้าย) ไม่อยู่ในสายตาเลยค่ะ กินข้าวก็จะกินซีกเดียว เขียนหนังสือเขียนด้านเดียวของกระดาษ ฯลฯ



13. ที่อึ้งคือเรื่องของ Idiot Savant - ซึ่งก็คืออัจฉริยะปัญญานิ่มทั้งหลาย (หลังๆ นี่เรียกกันแค่ Savant กันค่ะ) มีตั้งแต่ความจำเหมือนคอมพิวเตอร์ แต่งเพลง เขียนเพลงได้ทั้งที่ไม่เคยเรียน ที่อึ้งคือ Stephen Wiltshire ที่ชอบวาดตึกรามบ้านช่อง รายการสารคดีก็เลยเอาเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ วนรอบกรุงโรม 45 นาทีจากนั้นให้กระดาษยาว 5 เมตร 3 วัน วาดรูปกรุงโรมออกมาปรากฏว่า เขาสามารถวาดได้ทุกอาคารบ้านเล็กบ้านน้อยตรงกับของจริงทั้งหมด กระทั่งจำนวนเสา จำนวนหน้าต่าง ฯลฯ

อ่านแล้วยิ่งตอกย้ำประโยคที่ว่า "อัจฉริยะกับคนปัญญาอ่อนนี่ มันใกล้กันนิดเดียว" จริงๆ เลยค่ะ





สิ่งหนึ่งที่ต้องชมสำหรับสำนักพิมพ์นี้นะคะ ในเล่มนี้ ไม่มีคำผิดเลยแม้แต่จุดเดียวเลยค่ะ ชื่นชมๆ เดี๋ยวนี้หาสำนักพิมพ์ที่พิถีพิถันในเรื่องนี้ได้น้อยมากๆ (ที่จริงการตรวจตราให้ถ้อยคำถูกต้อง ทำให้คนอ่านได้เรียนรู้การเขียนคำภาษาไทยได้ถูกอย่างหนึ่งนะคะ)








สำหรับเล่มนี้ ถ้าใครลองอ่านๆ เรื่องที่เรายกตัวอย่าง (บางส่วน) แล้วรู้สึกสนใจก็อยากให้อ่านค่ะ เรียกได้ว่า จะเป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดสมอง ฯลฯ ให้กับคนอ่านได้ค่อนข้างมากเลยแหละค่ะ แถมยังเขียนได้สนุกซะด้วยสิ











ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ


532157/4347/384




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2552    
Last Update : 26 ตุลาคม 2552 8:32:03 น.
Counter : 1993 Pageviews.  

~* ~* ~* ~* ~* ~* ไร้เลือด - เงียบงัน คืบคลาน และครอบครอง ~* ~* ~* ~* ~* ~*








ไร้เลือด
เขียนโดย อเลซซานโดร บาริกโก
แปลโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ
สำนักพิมพ์ ผีเสื้อ
จำนวนหน้า 128 หน้า
ราคา 119 บาท


หลังจากที่เคยรีวิวเรื่องไหมไปแล้วที่ บล็อกนี้ (คลิกเพื่ออ่าน)



จากนั้นเพื่อนบล็อกนาม "อั๊งอังอา" (เอ่อ..ออกจะเป็นทางการไปมั้ยจขบ? ) ก็ได้ส่งไร้เลือดของผู้เขียนคนเดียวกันมาให้อ่าน




อ่านจบในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับความรู้สึกว่า คนเขียนคนนี้นี่ โคตรน่าสนใจเลยอ้ะ









เนื้อเรื่อง (สปอยล์เล็กน้อยแต่พองาม)



เรื่องเริ่มต้นที่บ้านหลังหนึ่ง กับครอบครัว พ่อ พี่ชาย และน้องสาว ซึ่งถูกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาทำร้าย เหลือรอดเพียงเด็กหญิง ด้วยการละเว้นจากชายหนุ่มคนหนึ่ง


หลายปีหลังจากนั้น คนที่มีส่วนต่อการตายของครอบครัวนี้มีอันเป็นไปด้วยวิธีการที่ทำให้ชายหนุ่มที่ไว้ชีวิตรู้ว่า เป็นฝีมือของเด็กหญิงคนนั้น


และแล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบ หากแต่..เรื่องราวหลังจากที่เขาได้พบเธอ..


คงต้องให้คนอ่านไปอ่านเองค่ะ

















ความรู้สึกที่ได้อ่าน


หากไหม คืออาหารที่คุณได้กิน และสัมผัสกับรสชาติอันประหลาดล้ำที่ไม่เคยได้ค้นพบจากอาหารจานไหน หากแต่ทำให้ลิ้นของคุณได้สัมผัสกับความ "พิเศษ" บางประการ ที่สร้างความกำซาบทางลิ้นอันไม่สามารถรู้ลืมได้ในประสบการณ์การกินแล้ว

ไร้เลือด ก็เป็นอาหารที่ชวนพิศวงในรสชาติที่ได้รับ แม้ไม่ดื่มด่ำกำซาบเท่าไหม หากแต่ก็ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า..เฮ้ย..มันเป็นอาหารที่ทำมาจากอะไร ถึงทำให้เราได้รับรสชาติแบบนี้ (หากใครอ่านการเปรียบเทียบรสชาติของหนังสือสองเล่มกับอาหารสองเล่มนี้แล้วงง ไม่ต้องแปลกใจ คือ..จขบ.ก็หาคลังคำอื่นใดมาอธิบายยังไม่ได้ เลยไปมันลุ่นๆ ล้วนๆ นี่แหละ )






เป็นหนังสือที่ยั่วล้อ ลากให้คนอ่านติดตามเรื่องราวของหนังสือได้ไม่ต่างจากไหม แต่สิ่งที่พิเศษก็คือ บรรยากาศที่อวลอยู่ในเรื่องที่มีลักษณะเฉพาะ (ต้องชื่นชมคนแปลด้วยค่ะ) ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกราวกับตกไปในอีกโลก การดื่มด่ำลงไปในบรรยากาศ และเรื่องราวที่ค่อยๆ เปิดเผยให้คนอ่านต้องติดตาม จวบจนบทสรุปอันประหลาด หากแต่สำหรับคนที่อ่านมูราคามิ (ไม่รู้ว่าเกี่ยวมั้ย แต่บอกไม่ถูก รู้สึกว่านักเขียนสองคนนี้ มีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆ กันค่ะ) ก็คงไม่แปลกใจในความประหลาดนี้นัก




ย่อหน้าต่อไปนี้อาจจะสปอยล์นะคะ


เป็นเรื่องที่อยากจะเรียกว่า Romantic Suspense อยู่เหมือนกัน (แต่กลัวสาวกแนวนี้ ได้อ่านแล้วจะเขวี้ยงของใส่แล้วบอกว่า "มันไม่ใช่โว้ยยยยยยยย" )






เป็นการรีวิวที่ค่อนข้างยากจังค่ะ เพราะไม่อยากให้รู้รายละเอียดมากนัก แต่ถ้าใครชอบอ่านหนังสือที่ต้องอาศัยความรู้สึกในการดื่มด่ำบางประการ ชอบบรรยากาศที่มีลักษณะเฉพาะตัว คิดว่าควรอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ (และควรหาหนังสือเรื่อง "ไหม" มาอ่านด้วย)

เป็นคนที่..ใช้คำน้อย ฉากน้อย ตัวละครน้อย น้อยไปหมด แต่กลับสร้างความรู้สึกได้มาก (เค้าเรียกว่า minimalism ใช่มะ?)





เป็นนักเขียนที่มีความพิเศษ สร้างบรรยากาศเฉพาะตัวและเนื้อเรื่องที่ชวนติดตามได้ดีจริงๆ










เชียร์สำหรับนักอ่านที่ชอบความหลากหลาย และชอบสัมผัสความพิเศษของโลกในการอ่านค่ะ











ปิดท้ายด้วยข้อความที่เราชอบๆ จากหนังสือเล่มนี้นะคะ







"ไม่ว่าคนเราจะพยายามมีชีวิตเพียงชีวิตเดียวมากแค่ไหน คนอื่นๆ ก็จะมองลงไปเห็นชีวิตอีกนับพัน แล้วนี่คือเหตุผลที่คนเราไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน"








อันต่อไปนี่..ขอบอกว่า..อ่านแล้วเข้าใจเลยค่ะว่า..คนหัวรุนแรงมีวิธีคิดอย่างไร ถึงได้ทำการหลายๆ อย่างที่...บางครั้ง..มันน่าจะขัดกับหลักคำสอนบางอย่างด้วยซ้ำไปน่ะค่ะ




"...ถ้าเข้าใจในสิ่งนี้ได้ ก็ไม่ต่างกันตรงไหนหากจะเป็นคนแก่หรือเด็ก เป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรู เรากำลังไถเพื่อแยกผืนดินออก ทำอะไรอื่นไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่ต้องทำ ไม่มีวิธีไหนหรอกที่ไม่ทำให้เจ็บปวด แล้วเวลาที่ทุกอย่างดูโหดร้ายเกินไป เราก็ยังมีความฝันที่ต้องปกป้องไว้ เรารู้ว่ายิ่งราคาที่จ่ายไปสูงเพียงไหน ของรางวัลที่ได้ก็จะยิ่งใหญ่เพียงนั้น เพราะเราไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงินเล็กน้อยหรือเพื่อที่ดินทำกินหรือเพื่อธงชัย เราทำเพื่อโลกที่ดีกว่านี้"













ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านรีวิวนะคะ

529936/4338/383







 

Create Date : 22 ตุลาคม 2552    
Last Update : 22 ตุลาคม 2552 8:25:21 น.
Counter : 1615 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.