* + * + * + * แมวน้อยอยากนิพพาน - ฉันก็เป็นแมวเหมียวตัวหนึ่ง * + * + * + *
สวัสดีค่ะ
วันนี้มีรีวิวหนังสือมาฝากหนึ่งเล่มนะคะ
เครดิตรูปจาก : //www.matichonbook.com/images/pr/bookscorner99.php
แมวน้อยอยากนิพพาน THE CAT who went to Heaven เขียนโดย Elizabeth Coatsworth แปลโดย วิลาวรรณ ฤดีศานต์ สำนักพิมพ์ มติชน จำนวนหน้า 80 หน้า ราคา 115 บาท
เรื่องย่อ
แมวน้อยสามสีซึ่งมีลำตัวสีขาว แต่มีจุดแต้มสีเหลือง ดำ อยู่ข้างลำตัวที่เข้ามาในชีวิตของศิลปินหนุ่มตกยากและแม่บ้านชราคู่หนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่ม ที่ทำให้เขาได้รับงานชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งสร้างความหวังบางอย่างให้กับแมวตัวน้อย
ความหวังของแมวน้อยจะสมหวังหรือไม่ ศิลปินหนุ่มจะยอมทำในสิ่งที่รู้มาตลอดว่า ผิดไปจากความเป็นจริงหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้น ติดตามได้ในเล่มค่ะ
ความรู้สึกที่ได้อ่าน
ที่จริงหยิบหนังสือเล่มนี้มาเพราะว่า อยากหาอะไรอ่านเบาๆ เบรคจากการอ่านหนังสือตามโจทย์ซึ่งกำลังร่วมสนุกอยู่ในโต๊ะห้องสมุด ณ พันทิปน่ะค่ะ ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้มีไม่ถึง 100 หน้าจึงคิดว่า น่าจะใช้เวลาอ่านไม่นาน (ไม่ถึงร้อยหน้า เอาเข้าโจทย์ไม่ได้น่ะนะคะ) ก็เลยหยิบมันมาอ่าน แล้วก็กลายเป็นอ่านอย่างติดพัน ต่อเนื่อง จนจบค่ะ
เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ทำให้เราน้ำตาไหลในตอนท้ายที่สุดนะคะ ที่จริงเรื่องของการตัดสินใจกระทำการบางอย่างของศิลปินหนุ่มนั้น ไม่เกินกว่าที่เราจะคาดคิด (แม้จะแอบลุ้นอยู่หน่อยๆ) ก็ใครจะทนใจแข็งอยู่ได้กันเล่า ก็เจ้าวาสนาออกจะน่ารักขนาดนั้น
แต่จุดหักมุมต่อมานั่น ทำให้เราอึ้งและซึ้งไม่น้อยค่ะ แม้ว่าอาจจะดูเวอร์เหนือจริงไปบ้าง ปาฏิหาริย์เกินเหตุไปหน่อย แต่การจบอย่างนี้ ก็น่าจะเป็นการจบที่ควรเป็นที่สุดแล้วหละค่ะ
เรื่องนี้ทำให้เพิ่มน้ำหนักทางความคิดเราอีกอย่างหนึ่งว่า บางครั้งการติดยึดจับกับความรู้บางอย่าง ความถูกต้องบางประการนั้น บางครั้ง...ก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าความเมตตาธรรมที่ควรจะมีให้แก่ทุกผู้ทุกเหล่าที่ได้อาศัย ได้มีความเกี่ยวพันกันในโลกใบนี้หรอกนะคะ
บางครั้ง ความถูกต้องบางอย่าง ก็อาจจะต้องถูกปล่อยวางลงบ้าง ผ่อนปรนลงนิด เพียงเพื่อจะเหลือเนื้อที่เล็กๆ ให้กับความใฝ่ฝันของคนบางคน ความสุขของสิ่งเล็กๆ บางสิ่ง ในเมื่อความสุขหรือความถูกต้องนั้น ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำร้ายใครแต่อย่างใด
โน้ตนิดหนึ่งว่า ที่จริงหนังสือเล่มนี้ไม่ควรแปลว่า นิพพานน่อ เพราะที่จริงแมวน้อยแค่อยากได้รับพร แค่อยาก go to heaven ไม่ใช่นิพพานสักหน่อย (หรือเราตีความหมายของนิพพานผิดไป นิพพานน่าจะแปลว่า หลุดพ้นจากกิเลส มิใช่หรือ? แต่แมวน้อยไม่ใช่อย่างนั้นนา)
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยฝรั่งมังค่าค่ะ ซึ่งเขียนเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้ด้วย เดาๆ เอาว่า ผู้เขียนน่าจะได้ไปรู้พุทธประวัติบางอย่าง (ซึ่งสร้างความสงสัยอย่างยิ่งให้กับข้าพเจ้าว่า มันเป็นพุทธประวัติฝั่งมหายานหรือเปล่าหว่า? (เนื่องจากคนเขียนให้ฉากอยู่ที่ญี่ปุ่น) เตือน! ต่อจากนี้สปอยล์เล็กน้อย ถึงได้บอกว่า แมวเป็นสัตว์เพียงตัวเีดียวที่ไม่ยอมรับพระุพุทธเจ้า จึงเป็นสัตว์ตัวเดียวที่ไม่ได้รับพรจากพระพุทธเจ้า ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ - คือ...ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ ส่วนเรื่องแมวถูกถือว่าเป็นปีศาจนี่ยังพอเคยได้ยินมาบ้างน่ะนะคะ - หมดสปอยล์) แล้วรู้สึกว่า...ไม่ยุติธรรมกับแมว หรือรักแมวพอควรก็เลยเขียนหนังสือเล่มนี้มาค่ะ (เดาล้วนๆ นะคะ แหะๆ)
อีกอย่าง เพิ่งรู้ว่า ความเชื่อของญี่ปุ่น (หรือเปล่า?) แมวสามสีเป็นแมวนำโชคแฮะ แล้วก็คนเรือมักเอาแมวลงเรือเดินทางไปด้วย เพราะปีศาจจะไม่ก่อกวน (อันนี้ก็เฉพาะบางถิ่นอีกหรือเปล่าหว่า? ไม่เคยรู้ว่าประมงไทยทำอย่างนั้นน่ะนะคะ)
สรุปแล้วก็เป็นหนังสือเล่มบางๆ อีกเล่ม ที่คนอ่านที่รักแมว น่าจะเสียน้ำตาพอสมควร (ขนาดเรารักหมามากกว่า และเริ่มรักแมวมาพักหนึ่ง ไม่นานนักยังเสียน้ำตาอ้ะ แหะๆ) อ่านแล้วน่าจะได้ข้อคิดเรื่องของเมตตาธรรมด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ
760045/6037/516
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553 | | |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 13:22:57 น. |
Counter : 3491 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
* + * + *+ * เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 - อาจเพราะมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าความสุขของเรา * + * + *+ *
เด็กชายเลขที่ 34 เขียนโดย ENZO แปลโดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี สำนักพิมพ์ a book จำนวนหน้า 223 หน้า ราคา 320 บาท (พิมพ์สี่สีทุกหน้า)
ผ ม แ ค่ อ ย า ก จ ะ มี ค ว า ม สุ ข
ประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ในชีวิตจริง เราอาจจะแค่ฟัง และไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันนัก
หากเมื่อมันมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้
มันทำให้คนอ่านอย่างฉัน รู้สึกเจ็บปวดไปกับเด็กชายเลยที่ 34 คนนี้ด้วย
...
ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ด้วยความรู้สึกหลากประการด้วยกัน
นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของชีวิต ว่าในชีวิตของฉัน เคยมีเด็กชายเลขที่ 34 เข้ามาในชีวิตบ้างหรือไม่ มีเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องบ้างหรือไม่ และในวันนั้น ฉันมองเขาด้วยสายตาอย่างไร เข้าใจเขาบ้างไหมนะ?
ฉั น ถ า ม ตั ว เ อ ง
ฉันอาจเป็นเด็กหญิงที่โชคดีกว่าเด็กชายเลขที่ 34 มากนัก ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีแม่เป็นครู อิสระกับชีวิตในขวบวัยที่ต้องเรียนอนุบาล ที่ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ (เพราะเป็นร.ร.ที่แม่สอน) ขณะที่เพื่อนๆ ทุกคนทำตามตารางที่ครูอนุบาลบอก แปรงฟัน กินนม นอน เีรียน เต้น ร้องเพลง ฉันกลับเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลที่เที่ยวเดินท่อมๆ ไปตามห้องเรียนของพี่ชั้นโตๆ ตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอสาม เพื่อจะดูว่าเขาเรียนอะไรกัน เขาทำอะไรกัน
ดังนั้น...ฉันจึงรักโรงเรียน และเรียนรู้ที่จะรู้ว่า..การใช้ชีวิตในโรงเรียนคือ "อะไร" และเป็น "อย่างไร"
และฉันสามารถยอมรับความคาดหวัง บรรทัดฐานว่า ต้องทำเช่นไร พ่อกับแม่ถึงจะรู้สึกดี ถึงจะมีความสุข
ฉันเรียนรู้ที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้ โดยไม่ได้โหยหาความสุขของตนเอง
โดยไม่ต้องแลกความสุขของตนเอง เพื่อความสุขของคนอื่น
เพราะมันต่างก็เป็นความสุขของฉันและคนอื่นได้เท่า-เท่ากัน
ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก
เวลาไปโรงเรียน ฉันสามารถที่จะมีความสุขกับการเรียน สนุกเวลาพักเบรคเช้า พักเที่ยง เบรคบ่าย
สนุกกับการได้เล่นกับเพื่อนๆ
หากจะรู้สึกย่ำแย่อยู่บ้าง ก็ในยามตอนเข้าประถมหนึ่งที่โรงเรียนแห่งใหม่ในระยะเวลาแรกๆ ที่ต้องพยายามทำตัวให้มีเพื่อนเนื่องจากเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เค้ารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นกลุ่มก้อนกันอยู่แล้วตั้งแต่อนุบาล - เท่านั้น
แต่..ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ที่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า..ทำอย่างไรจึงจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้
บางครั้งเราก็อาจจะต้องยอมหงายท้องอย่างหมายอมแพ้...แค่นั้น
แต่..ชีวิตก็อย่างนี้ ไม่มีใครได้อะไรมา โดยไม่เสียอะไรไปเลยหรอก...ใช่ไหม?
ฉันไม่ใช่เด็กเรียนเก่งในตอนเด็ก แค่เรียนพอไปได้ ชีวิตการเล่นในวัยนั้นสำคัญกว่าการเรียนไม่น้อย
ในยามเย็นเมื่อฉันกลับมาบ้าน (สมัยประถมหนึ่งและสอง) ฉันมีความสุขกับการไปตระเวนเที่ยวเขื่อนที่อยู่ใกล้บ้านพักครู ไปลงเล่นน้ำคลอง
เมื่อต้องย้ายบ้านตอนประถมสามจนถึงประถมสี่ ฉันก็ยังมีความสุขกับการไปป่ายปีนต้นคูณต้นขี้เหล็กที่เรียงรายอยู่หน้าที่ทำการเทศบาล ไปจับแมลงปอทั้งด้วยมือเปล่าและทำที่จับด้วยไม้กับถุงพลาสติกและยาง ไปปั่นจักรยานเล่นทั่วนาทาทิศ เล่นหมากบ้าน เล่นกระโดดยาง สร้างบ้านด้วยลังกระดาษ
และแน่นอน...เวลาที่ฉันไม่อยากเล่น เวลาที่เพื่อนๆ เล่นอะไรที่ฉันไม่ประสงค์จะร่วมวงด้วย หรือในวันที่โกรธกับเพื่อน ฉันก็ยังมี "หนังสือ" เป็นเพื่อน
ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก จ ริ ง - จ ริ ง
ฉันอาจจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเด็กชายเลขที่ 34 มากกว่าเด็กชายเลขที่ 34 เอง
ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ เป็นครูของเด็กชายเลขที่ 34 ฉันจะทำอย่างไรนะ
ฉันจะเข้าใจเขาไหม? ฉันจะทำอย่างไรให้เขายังคงมีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตได้นะ
ฉันจะทำอย่างไรกัน?
ฉันถามตัวเอง
ฉันถามตัวเองว่า...ความสุขของคนคนหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน
เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เขารักเรา และให้อะไรกับเรามาทั้งชีวิต
เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เราควรต้องใส่ใจในความสุขของเขาไม่น้อยไปกว่ากัน
เหมือนกันกับที่ฉันเคยอ่าน "คิดถึงทุกปี" ของบินหลา สันกาลาคีรี
หนังสือเล่มนั้นบอกฉันว่า "มีบางสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรัก"
ฉันก็อยากจะบอกเหลือเกินว่า...มันมีบางสิ่งเช่นกันที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความสุขของตัวเราเอง
เพียงแต่...แต่ละคนจะยอมรับมันได้ไหม
เพียงแต่...แต่ละคนจะเข้าใจมันหรือไม่
เพียงแต่...มันจะต้องใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหน
และ...ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
หรือ...เราต้องสูญเสียเ็ด็กเกเรอีกกี่คน ที่หายตัวไปในป่า และไม่มีใครได้พบเจอเขาเลย...อีกกี่คนกัน?
หรือเป็นเพราะความสุขเป็นเพียงของแสลง เป็นเพียงของชั่วครั้งคราวที่ไม่ได้มีอยู่จริง
ความทุกข์ต่างหากที่เป็นของจริง
มนุษย์เรา...จึงไม่สามารถมีความสุขเป็นของตัวเองได้...
กั น แ น่ น ะ ?
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
709489/5865/484
ป.ล. 1 สงสัยเรื่องที่ตอนไปอ่านในบล็อกคนแปล มีเรื่องที่คุณ ENZO พูดถึงเรื่องเส้นทางการวิ่งของเด็กชายฯ ที่ยังคงไว้ แสดงว่าต้นฉบับน่าจะพิมพ์แบบอ่านจากขวาไปซ้ายหรือเปล่า? แล้วถ้าอย่างนั้น ตอนพิมพ์แบบซ้ายไปขวา ทำยังไงภาพยังเหมือนเดิม นึกไม่ออกง่ะ (หรือภาพต้นฉบับเป็นแบบไม่เย็บกลาง?)
ป.ล. 2 มีเรื่องการแปลนิดหนึ่งที่ติดใจ คือตอนท้ายๆ เรื่องที่มีถ้อยคำต่างๆ ที่ล้อมรอบเด็กชายฯ เราคิดว่าบางอันน่าจะเป็นถ้อยคำที่พ่อแม่คุยกับเด็กชายฯ เพราะงั้นคำสรรพนามมันน่าจะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่านา? แต่นอกนั้นแปลอ่านได้ลื่นค่ะ
Create Date : 02 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 2 กันยายน 2553 8:13:04 น. |
Counter : 1748 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]
|
ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ
เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก
ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com หรือ https://www.facebook.com/saoguide
|
|
|
|