* = * * = * * = * หนึ่งร้อยสัมผัสลับ (The Hundred Secret Senses) * = * * = * * = *





สวัสดีค่ะ





วันนี้มีรีวิวหนังสือมาฝากอีกเล่มหนึ่งนะคะ




หนึ่งร้อยสัมผัสลับ (The Hundred Secret Senses)
ผู้เขียน Amy Tan
ผู้แปล นรา สุภัคโรจน์
สำนักพิมพ์ มติชน
จำนวนหน้า 444 หน้า
ราคาปก 310 บาท










เรื่องย่อ


โอลิเวีย หญิงสาวที่มีพี่สาวต่างแม่ชื่อ กวาน พี่สาวที่มีนัยน์ตาหยิน (มองเห็นวิญญาณ และคนที่ตายไปแล้วได้) กับความสัมพันธ์อันร้าวฉานระหว่างตัวเธอเองกับสามี - ไซมอน ที่พี่สาวพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้หย่ากัน

ในที่สุดทั้งสามคนก็มีเหตุให้เดินทางไปเมืองจีนด้วยกันเพื่อไขความลับบางอย่าง ความลับที่ทำให้รู้ว่า เหตุใดพี่สาวจึงพยายามนักที่จะไม่ให้เธอกับสามีต้องแยกทางกัน



นิยายเรื่องนี้แบ่งการเล่าออกเป็นภาคๆ ค่ะ

อย่างภาคแรกก็จะเป็นการปูพื้นให้คนอ่านรู้จักกับโอลิเวีย หรือ ฉัน กวานพี่สาวต่างแม่ ไซมอน และโปรยเรื่องมิสแบนเนอร์ให้คนอ่านได้รู้บ้างนิดหน่อย

ภาคสอง จะเป็นเรื่องรายละเอียดของกวานมากขึ้น อย่างเรื่องราวของการมีนัยน์ตาหยิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องของเอลซ่า อดีตคนรักของไซมอน เรื่องที่กวานคุยเรื่องเอลซ่าให้ไซมอนฟัง และการแยกทางกับไซม่อนอันมีสาเหตุมาจากนิยายที่เขียนถึงเอลซ่าค่ะ

ส่วนภาคสาม จะเป็นรายละเอียดเหตุการณ์ในอดีต เกี่ยวกับนายพลเคป มิสแบนเนอร์ โอลิเวีย ไซม่อนและกวานได้เดินทางไปยังจีน สองคนแรกเพื่อร่วมกันทำงานอย่างที่อยากได้ ส่วนคนหลังถือโอกาสไปเยี่ยมป้าและทำบางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างในใจมานานแสนนานค่ะ








ความรู้สึกที่ได้อ่าน



เราอ่านเรื่องของ Amy Tan เล่มนี้เป็นเล่มที่สี่แล้วค่ะ แม้ว่าเล่มก่อนๆ ที่ผ่านๆ มา จะมีหลายๆ ส่วนที่ทำให้จับทางได้คือ เรื่องของเธอจะเกี่ยวพันกับ แม่-ลูกสาว ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง เรื่องราวในจีนและในอเมริกา


แต่เราอ่านเมื่อไหร่ ก็ยังรู้สึกว่าหนังสือที่เขียนโดยเอมี่ ตันนี่ มีเสน่ห์บางอย่างเฉพาะตัวที่ทำให้เราชอบนะคะ


บอกไม่ถูกค่ะ ต้องลองอ่านดูค่ะ

แต่เล่มนี้ - ต่างไปจากเล่มอื่นค่อนข้างมากนะคะ และเราค่อนข้างชอบเลยทีเดียว





การเล่าเรื่องราวนับตั้งแต่อดีตที่กวานเข้ามาในชีวิตของโอลิเวีย การมีนัยน์ตาหยิน และการที่รู้เรื่องราวบางอย่างในอดีตที่เจ้าตัวจะเล่าให้โอลิเวียฟังเป็นระยะๆ


จวบจนเมื่อทั้งสามคนได้ไปที่เมืองจีน


การเรียนรู้บางอย่าง และการได้รู้บางอย่างนั้น นำไปสู่จุดจบบางอย่าง ที่...ขอบอกว่า สะเทือนใจเราพอดูเลยค่ะ








ในส่วนของการแปล ก็ดีตามมาตรฐานแหละค่ะ มีขัดๆ บ้างก็ตรงบทพูดของกวานซึ่งคนเขียนน่าจะเขียนในลักษณะที่ว่า..ภาษาอังกฤษของกวานค่อนข้างอ่อนแอแต่...แปลออกมา ทำไมเราอ่านแล้วเหมือนภาษา chat ของวัยรุ่นมากกว่าหว่า แหะๆ




เอามาให้ดูนะคะ

"มะคืนนี้ ไมไม่มา มีไรป่าว"
"ไม่มีอะไรหรอก"
"ไม่สบายหรอ"
"เปล่า"
"ให้เจ้ไปหามะ เอาส้มมะ เจ้มีเยอะ ถูกๆ หกใบเหรียญเดียวเอง"









ซึ่งหนังสือเล่มนี้ เราใช้ร่วมสนุกอ่านตามโจทย์ที่ห้องสมุดของพันทิปนะคะ ตอบโจทย์เรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม


ส่วนในความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม จะขอยกตัวอย่างให้เห็นดังนี้นะคะ



ตัวอย่างที่ 1


จากหน้า 75 (เป็นตอนที่กวานสอนภาษาจีนให้เพื่อนชาวต่างชาติ)


...วันรุ่งขึ้นเจ้จึงพาเธอไปเดินในเมือง เราเห็นคนทะเลาะกัน "โกรธ" เจ้บอก เราเห็นผู้หญิงวางอาหารบนแท่นบูชา "เคารพ" เจ้บอก เราเห็นขโมยมีขื่อที่คอ "อับอาย" เจ้บอก เราเห็นเด็กสาวนั่งอยู่ริมฝั่งน้ำทอดแหเก่าๆ ขาดเป็นรูในน้ำตื้นๆ "ความหวัง" เจ้บอก

หลังจากนั้นมิสแบนเนอร์ชี้ไปที่ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังพยายามกลิ้งถังใบใหญ่ออกจากช่องประตูที่แคบเกินไป "ความหวัง" เธอบอก แต่สำหรับเจ้ นั่นไม่ใช่ความหวัง แต่คือความโง่และขี้เลื่อยในสมอง แล้วเจ้ก็สงสัยว่ามิสแบนเนอร์เข้าใจอะไรบ้างเมื่อเจ้สอนคำเกี่ยวกับความรู้สึกต่างๆ ให้เธอ เจ้สงสัยว่าพวกฝรั่งมีความรู้สึกแตกต่างไปจากคนจีนหรือไม่ พวกเขาจะคิดว่าความหวังของเราคือความโง่เขลาหรือเปล่า





ตัวอย่างที่สอง


ตอนที่ไซมอนและโอลิเวียไปที่ตลาดและเจอคนขายสัตว์ต่างๆ จนไปเจอคนขายนกเค้าแมว ซึ่งตอนแรกทั้งสองคนต่างปฏิเสธเพราะเอาไปเลี้ยงไม่ได้ แต่คนขายบอกว่า ให้ไปทำอาหารต่างหาก เล่นเอาฝรั่งอเมริกันทั้งคู่เหวอรับประทานค่ะ แถมมีการบอกสรรพคุณ (ที่เล่นเอาเราอึ้งว่า ...เฮ้ย..มันจริงเหรอนั่น) คือ เค้าบอกว่า ดีต่อสายตาขนาดคนตาจะบอดยังหายได้เลยน่ะ จนสุดท้ายกวานก็ซื้อค่ะ แต่ซื้อเอาไปปล่อยต่างหาก







ตัวอย่างที่สาม


ตอนไซมอนและโอลิเวียเดินทางไปบ้านญาติผู้ใหญ่ของกวาน ระหว่างทางเห็นช่างตัดผมยืนเรียงรายกันข้างทาง ร้านบะหมี่น้ำติดๆ กันเรียงรายข้างทาง ซึ่งไซมอนก็ถามคำถามว่า เป็นเราเราจะเป็นคนที่สิบมั้ย ถ้าคนที่หนึ่งยังไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว เขามองว่าเป็นความเปล่าประโยชน์


- ตรงนี้ทำให้เราคิดว่า เออ เหมือนพวกร้านไก่ต้มน้ำปลา หรืออื่นๆ ในไทยหรือเปล่า

แล้วเราใช้วิธีคิดแบบไหนนะ

บางที...รถไม่ได้แวะร้านแรก แต่ก็แวะร้านอื่นอยู่นี่นา..อืมม์...





ตัวอย่างที่สี่


ระหว่างการเดินทาง เจออุบัติเหตุ ไม่มีรถพยาบาล ไม่มีหมอ ซึ่งไซมอนอยากจะจอดช่วย แต่คนขับ (ซึ่งเป็นคนจีน) เลือกที่จะขับรถต่อไป และไซมอนไม่พอใจ ซึ่งก็เลยมีประโยคแบบนี้จากคนขับค่ะ

"คุณคงไม่ชินกับการเห็นเรื่องน่าสลดแบบนี้ ใช่ คุณคงสมเพชพวกเรา แต่เดี๋ยวคุณก็กลับไปบ้านเมืองคุณ มีชีวิตสุขสบาย แล้วคุณก็ลืม สำหรับเราเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา เรามีคนเยอะแยะ ชีวิตของเราอยู่กับพวกรถเมล์ที่แน่นตลอดศก ทุกคนต้องแก่งแย่งเบียดเสียดแม้แต่ที่ว่างสำหรับอากาศจะหายใจก็ยังไม่มีอย่าว่าแต่ที่ว่างสำหรับความสงสารเห็นอกเห็นใจเลย"






ตัวอย่างที่ห้า


เรื่องที่กวานบอกว่า ฝรั่งน่ะ ขอพรในวันเกิดได้ทุกปี อยากได้อะไรมากขนาดนั้นกัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เออ..ก็น่าฉุกคิดอยู่เหมือนกันนะคะ







นอกนั้นก็มีอะไรหลายๆ เรื่องที่เป็นความรู้เพิ่มเติมด้วยนะคะ อย่างเรื่องของการกินลูกอ๊อดที่จะทำให้ไม่มีลูกเป็นต้น (คนบางท้องถิ่นในไทยกินนะคะ หุๆ แต่ไม่รู้ว่ามีผลดังว่าจริงหรือเปล่าหว่า) หรืออย่างการแต่งตัวให้คนตาย ที่บนต้องเจ็ด (ชิ้น) ล่างต้องห้า (ชิ้น) คือ ต้องมากกว่ากันสองชิ้นเสมอ

หรืออย่่างการใส่หมวกแหลมในงานปาร์ตี้ของฝรั่ง แต่สำหรับจีนแล้ว หมวกแหลมนั้นถือเป็นการทำโทษค่ะ เออ..เรื่องนี้ก็แปลกดี ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องของจีนทุกภูมิภาค หรือเฉพาะท้องถิ่นหรือเปล่านะคะ












ในส่วนของคำผิดจะมีไม่มากนักนะคะ
(ตามมาตรฐานมติชนค่ะ ซึ่งอันนี้น่าชม แต่เล่มนี้เยอะสุดนะคะเท่าที่เคยอ่านมา)

หน้า 113 ป็น - เป็น
หน้า 241 ..บทสรุปที่ต่างจากของฉัน - น่าจะเป็นเจ้มากกว่านะคะ
หน้า 252 สิบห้าเฟิน - น่าจะเป็นเจียวมากกว่านะคะ
หน้า 312 แต่นี่ไม่ใช่ความผิดชั้นนะโว้ย ฉันอยากจะตะโกนออกไป - ชั้น ต้อง ฉันหรือเปล่าคะ? หรือตั้งใจจะใช้แทนตัวแบบนี้นะนี่?















ปิดท้ายด้วยประโยคที่เราชอบๆ แล้วกันค่ะ







"ความสุขที่มากเกินไป...มักจะท่วมท้นแล้วไหลรินออกมาเป็นน้ำตาแห่งความเศร้า"








"...บางครั้งการละเลยแม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้เจ็บปวดไปตลอดชีวิตได้เหมือนกัน"








"...เราสามารถวิ่งหนีจากความรักได้ แต่เราปฏิเสธมันไม่ได้...ไม่มีใครรอดพ้นจากความรัก"







...การที่เราจะแสร้งทำเหมือนว่าทุกอย่างในโลกเป็นปกติได้นั้น ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ว่ามีอะไรผิดปกติเสียก่อน







"...ถ้าเราหยุดฝัน...มันก็เหมือนเราพูดว่า เราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเราได้..."







"บางทีการมีความเห็นดะไปหมดในทุกเรื่องน่ะ ก็เป็นวัฒนธรรมของพวกอเมริกัน คนจีนไม่ชอบการมีความเห็นอะไรเยอะแยะหรอก เราเชื่ออะไรอย่างนึงก็จะเชื่ออย่างนั้นตลอดไป..."





















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

813491+16351=829842/6226/554




 

Create Date : 17 มกราคม 2554    
Last Update : 17 มกราคม 2554 17:35:44 น.
Counter : 3068 Pageviews.  

* + * + * + * แมวน้อยอยากนิพพาน - ฉันก็เป็นแมวเหมียวตัวหนึ่ง * + * + * + *







สวัสดีค่ะ



วันนี้มีรีวิวหนังสือมาฝากหนึ่งเล่มนะคะ







เครดิตรูปจาก : //www.matichonbook.com/images/pr/bookscorner99.php

แมวน้อยอยากนิพพาน THE CAT who went to Heaven
เขียนโดย
Elizabeth Coatsworth
แปลโดย วิลาวรรณ ฤดีศานต์
สำนักพิมพ์ มติชน
จำนวนหน้า 80 หน้า
ราคา 115 บาท











เรื่องย่อ



แมวน้อยสามสีซึ่งมีลำตัวสีขาว แต่มีจุดแต้มสีเหลือง ดำ อยู่ข้างลำตัวที่เข้ามาในชีวิตของศิลปินหนุ่มตกยากและแม่บ้านชราคู่หนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่ม ที่ทำให้เขาได้รับงานชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งสร้างความหวังบางอย่างให้กับแมวตัวน้อย

ความหวังของแมวน้อยจะสมหวังหรือไม่ ศิลปินหนุ่มจะยอมทำในสิ่งที่รู้มาตลอดว่า ผิดไปจากความเป็นจริงหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้น ติดตามได้ในเล่มค่ะ












ความรู้สึกที่ได้อ่าน



ที่จริงหยิบหนังสือเล่มนี้มาเพราะว่า อยากหาอะไรอ่านเบาๆ เบรคจากการอ่านหนังสือตามโจทย์ซึ่งกำลังร่วมสนุกอยู่ในโต๊ะห้องสมุด ณ พันทิปน่ะค่ะ ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้มีไม่ถึง 100 หน้าจึงคิดว่า น่าจะใช้เวลาอ่านไม่นาน (ไม่ถึงร้อยหน้า เอาเข้าโจทย์ไม่ได้น่ะนะคะ) ก็เลยหยิบมันมาอ่าน แล้วก็กลายเป็นอ่านอย่างติดพัน ต่อเนื่อง จนจบค่ะ



เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ทำให้เราน้ำตาไหลในตอนท้ายที่สุดนะคะ ที่จริงเรื่องของการตัดสินใจกระทำการบางอย่างของศิลปินหนุ่มนั้น ไม่เกินกว่าที่เราจะคาดคิด (แม้จะแอบลุ้นอยู่หน่อยๆ) ก็ใครจะทนใจแข็งอยู่ได้กันเล่า ก็เจ้าวาสนาออกจะน่ารักขนาดนั้น

แต่จุดหักมุมต่อมานั่น ทำให้เราอึ้งและซึ้งไม่น้อยค่ะ แม้ว่าอาจจะดูเวอร์เหนือจริงไปบ้าง ปาฏิหาริย์เกินเหตุไปหน่อย แต่การจบอย่างนี้ ก็น่าจะเป็นการจบที่ควรเป็นที่สุดแล้วหละค่ะ


เรื่องนี้ทำให้เพิ่มน้ำหนักทางความคิดเราอีกอย่างหนึ่งว่า บางครั้งการติดยึดจับกับความรู้บางอย่าง ความถูกต้องบางประการนั้น บางครั้ง...ก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าความเมตตาธรรมที่ควรจะมีให้แก่ทุกผู้ทุกเหล่าที่ได้อาศัย ได้มีความเกี่ยวพันกันในโลกใบนี้หรอกนะคะ

บางครั้ง ความถูกต้องบางอย่าง ก็อาจจะต้องถูกปล่อยวางลงบ้าง ผ่อนปรนลงนิด เพียงเพื่อจะเหลือเนื้อที่เล็กๆ ให้กับความใฝ่ฝันของคนบางคน ความสุขของสิ่งเล็กๆ บางสิ่ง ในเมื่อความสุขหรือความถูกต้องนั้น ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำร้ายใครแต่อย่างใด













โน้ตนิดหนึ่งว่า ที่จริงหนังสือเล่มนี้ไม่ควรแปลว่า นิพพานน่อ เพราะที่จริงแมวน้อยแค่อยากได้รับพร แค่อยาก go to heaven ไม่ใช่นิพพานสักหน่อย (หรือเราตีความหมายของนิพพานผิดไป นิพพานน่าจะแปลว่า หลุดพ้นจากกิเลส มิใช่หรือ? แต่แมวน้อยไม่ใช่อย่างนั้นนา)


หนังสือเล่มนี้เขียนโดยฝรั่งมังค่าค่ะ ซึ่งเขียนเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้ด้วย เดาๆ เอาว่า ผู้เขียนน่าจะได้ไปรู้พุทธประวัติบางอย่าง (ซึ่งสร้างความสงสัยอย่างยิ่งให้กับข้าพเจ้าว่า มันเป็นพุทธประวัติฝั่งมหายานหรือเปล่าหว่า? (เนื่องจากคนเขียนให้ฉากอยู่ที่ญี่ปุ่น) เตือน! ต่อจากนี้สปอยล์เล็กน้อย ถึงได้บอกว่า แมวเป็นสัตว์เพียงตัวเีดียวที่ไม่ยอมรับพระุพุทธเจ้า จึงเป็นสัตว์ตัวเดียวที่ไม่ได้รับพรจากพระพุทธเจ้า ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ - คือ...ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ ส่วนเรื่องแมวถูกถือว่าเป็นปีศาจนี่ยังพอเคยได้ยินมาบ้างน่ะนะคะ - หมดสปอยล์) แล้วรู้สึกว่า...ไม่ยุติธรรมกับแมว หรือรักแมวพอควรก็เลยเขียนหนังสือเล่มนี้มาค่ะ (เดาล้วนๆ นะคะ แหะๆ)



อีกอย่าง เพิ่งรู้ว่า ความเชื่อของญี่ปุ่น (หรือเปล่า?) แมวสามสีเป็นแมวนำโชคแฮะ แล้วก็คนเรือมักเอาแมวลงเรือเดินทางไปด้วย เพราะปีศาจจะไม่ก่อกวน (อันนี้ก็เฉพาะบางถิ่นอีกหรือเปล่าหว่า? ไม่เคยรู้ว่าประมงไทยทำอย่างนั้นน่ะนะคะ)











สรุปแล้วก็เป็นหนังสือเล่มบางๆ อีกเล่ม ที่คนอ่านที่รักแมว น่าจะเสียน้ำตาพอสมควร (ขนาดเรารักหมามากกว่า และเริ่มรักแมวมาพักหนึ่ง ไม่นานนักยังเสียน้ำตาอ้ะ แหะๆ) อ่านแล้วน่าจะได้ข้อคิดเรื่องของเมตตาธรรมด้วยค่ะ




















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

760045/6037/516




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 13:22:57 น.
Counter : 3491 Pageviews.  

* + * + * + * รายงานความเสียหาย มหกรรมล้มละลายของคนอ่านหนังสือแห่งชาติ ตุลา 53 * + * + * + *





สวัสดีค่้า



ขออัพบล็อกนี้ แต่ไม่ตั้งเป็นหน้าหลักนะคะ เพราะมีภารกิจในการอัพบล็อกท่องเที่ยวอยู่ แหะๆ




ก็มารายงานความเสียหายจากการไปงานหนังสือตามธรรมเนียมนะคะ โดยที่คราวนี้เราไปงานนี้กับแม่ ที่จริงตั้งใจจะไปตั้งแต่วันศุกร์ แต่แม่เหนื่อย เลยไปไม่ไหว ก็เลยต้องไปวันเสาร์ อุตส่าห์ไปถึงตั้งแต่สิบโมงหน่อยๆ แต่คนก็เยอะแล้วหละค่ะ (เห็นวี่แววมารำไร เหอๆ )





ความตั้งใจแน่ๆ เก็บหนังสือตามลิสต์ และหนังสือเซี่ยงไฮ้ สำหรับเตรียมตัวไปวันพฤหัสที่ ๒๗ นี้ด้วย และ...จะเก็บยอดให้ครบ ๒๘๐๐ บาทเพื่อเอากระเป๋า "เป้" ล้อลากของนายอินทร์



โดยหวังว่า...แม่จะซื้อบ้าง จะได้ช่วยกันสมทบ (รวมบิลได้ภายในวันเดียวกันค่ะ)









อันอับแรก ไปถึงงานโดยแท็กซี่ (แม่นั่งรถไฟใต้ดินไม่ได้ง่ะ แม่อึดอัด แหะๆ แม่เรากลัวที่มืดและแคบง่ะค่ะ) ไปถึงก็พาแม่ไปบู๊ทพลอยแกมเพชรเลย เพราะตอนนี้ที่แม่อยากได้อันดับหนึ่งคือชีวิตในวังและชีวิตนอกวัง


อันสืบเนื่องจากม.ล.เนื่อง เพิ่งเสียชีวิต แล้วแม่ลองไปหาหนังสือชีวิตนอกวัง ๑๗ มาอ่านแล้วติดใจ เลยคิดจะหาเล่มอื่นมาอ่านด้วยน่ะค่ะ










แต่ก่อนจะไปถึงพลอยแกมเพชร



ผ่านสนพ.บ้านพระอาทิตย์ เราก็นึกได้ว่า...เออ..อยากได้เรื่องเล็กในเมืองใหญ่นี่หว่า

เลยเสียไปก่อนเลยกับบู๊ทนี้ เรื่องเล็กในเมืองใหญ่ของคุณวริษฎ์ ราคา 125 บาท (จากราคาเต็ม 180 บาท) ลดไป ๓๐ เปอร์เซนต์









จากนั้นก็ตรงไปที่พลอยแกมเพชร


แม่ซื้อชีวิตในวัง ๑ และ ๒ พร้อมกับชีวิตนอกวัง ๒-๗ (เล่ม ๑ หมด) รวมทั้งสิ้น ๘ เล่ม ราคาเล่มละ ๒๐๐ บาท (จากปก ๒๕๐ บาท)

จากนั้นแม่ซื้อพญาไร้ใบ ๑ และ ๒ กับบันไดไม้รัก (ตอนต่อ) อีก ลด ๕๐ เปอร์เซนต์ จากปก ๓๕๐ เหลือเล่มละ ๑๗๕ บาท



ของเราได้ฟ้าทลายโจรกับรักซ้อนซ่อนรส (หนังสือต้นฉบับของ Like Water for Chocolate) ที่จริงเล่มหลังมีแล้ว แต่เห็นราคาแล้วอดไม่ได้ เพราะมันแค่เล่มละ ๕๐ บาทเอง สองเล่มหมดไป ๑๐๐ บาท (นอกลิสต์ แต่ซื้อเพราะราคาแท้ๆ )







ยังไม่หมดภารกิจ ไปเก็บคู่มือท่องเที่ยวประเทศจีนของมัคคุเทศก์ป้ายทองของสำนักพิมพ์แสงแดด ราคา ๔๐๐ บาท (จากปก ๕๐๐ บาท) ลดไป ๒๐ เปอร์เซนต์ แถมได้ปากกาเขียนดีแบบมีปฏิทินสอดในปากกาด้วยอีก ๑ ด้าม








ต่อไปก็ตั้งใจไปร้านนายอินทร์ แต่พาแม่ไปหาที่นั่งก่อน ตรงที่นั่งมีบู๊ทประพันธสาสน์ เห็นนาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนท์ลด น่าสนใจ แต่...

ไปเจอแบบจัดชุด ๖ เล่ม ๕๐๐ บาท เฮ้ย..ถูกกว่าอีก เลยคว้า (แบบลืมตัวว่าไม่ได้อยู่ในลิสต์เล้ยยยยย) มา ๖ เรื่องนี้ก็มีนาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนท์ เดเมียน คนุลบ์ ไฟชีวิต รอสฮันเด และสเตพเพนโวลฟ์ ของเฮสเสล้วนๆ







ลำดับต่อไป ไปนายอินทร์แล้ว

นายอินทร์มีโปรอย่างที่บอก ๒๘๐๐ แลกกระเป๋าเป้ล้อลาก แต่ก็มียอดอย่างอื่นที่ได้อย่างอื่น แต่จำไม่ได้

แล้วก็เหมือนเดิมคือ ๘๐๐ บาทขึ้นไปถึงจะรูดบัตรได้ (โหดสุดแล้ว มติชนยัง ๕๐๐ รูดได้ ซีเอ็ดน่ารักมาก ๓๐๐ ก็รูดได้)

มีโปรเพิ่มคือ บางสนพ. ในเครือ (เช่น สนพ.อรุณ แพรวสำนักพิมพ์ ฯลฯ) ถ้าซื้อในชุดสำนักพิมพ์เดียวกัน จะได้ลดเป็น ๒๐ เปอร์เซนต์ (จากที่ลดอยู่แค่ ๕๐ เปอร์เซนต์)

ช็อกโซนมีน่าสนใจแค่ ๒ เล่มเองอ้ะ เลยเอามาแค่นั้นก่อนไปดูโซนปกติ

ตอนแรกเลือกมาซะเยอะ อย่างพวกที่อยากได้อย่างเทวดาฝรั่ง เทพอียิปต์ แต่ชุดนี้ไม่อยู่ในโปร ๔ เล่มลดเพิ่ม ก็เลยต้องเอาออกอ้ะ (ถ้าลดแค่ ๑๕ เปอร์เซนต์ อิฉันไปรอซื้อผ่านเว็บสนพ.เอาก็ได้ฮ่ะ ไม่ต้องถ่อมาแบกหนักกลับด้วยอะนะคะ)

เลือกไปเลือกมายังได้แค่สองพันสี่ร้อยแปดสิบห้าบาท เลยพักไว้ก่อน มาคิดว่า ไปเดินดูบู๊ทอื่น (ที่กะว่าจะซื้อไม่เยอะก่อน) แล้วมาจบที่นายอินทร์ดีกว่า จะได้ขนกลับบ้านเลย ก็เลยฝากเจ้าหน้าที่ไว้ โดยเอาบัตรรับมาเก็บไว้ แล้วไปช็อปร้านอื่นก่อน (เดี๋ยวจะรายงานว่า ท้ายที่สุดบู๊ทนี้ได้อะไรบ้าง)







จากนั้นก็ไปที่บู๊ทซีเอ็ด โซนพลาซ่า กะจะไปเอาความรู้เรื่องจีนจากผู้เฒ่า แต่ไม่ได้เอามาขายซะงั้น

ไปเก็บงานใครๆ ก็ไปเที่ยวปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ของคุณอดิศักดิ์ จันทร์ดวง ลด ๑๕ เปอร์เซนต์เช่นกัน ราคา ๑๗๐ บาท (จาก ๒๐๐ บาท)

แต่เนื่องจากไม่ถึง ๓๐๐ เพื่อจะรูดบัตร เลยเอาใครๆ ก็ไปเที่ยวสิงคโปร์มาอีกเล่มราคาเท่ากัน ของคนเดียวกัน

หมดไปกับบู๊ทนี้ ๒ เล่ม ๓๔๐ บาท







บู๊ทต่อไปมติชน (ไม่ค่อยอยากเสียเงินให้บู๊ทนี้ แต่มันจำเป็น เหอๆ)

ซื้อ ๘๐๐ บาทขึ้นไป ได้สมุดโน้ตพร้อมลุ้นแบล็คเบอรี่ รูดบัตร ๕๐๐ บาทขึ้นไป

ไปดูซุ้มลด ๕๐ เปอร์เซนต์ได้มา ๒ เล่มคือ สืบซ้อนฆาตกรเงา ๑๘๐ บาท (จาก ๓๖๐ บาท) กับ หนึ่งร้อยสัมผัสลับ ของเอมี่ ตัน ราคา ๑๕๕ บาท (จาก ๓๑๐ บาท)

ซุ้มเล่มละ ๑๐๐ บาท ได้ความรักของวัลยา ปกแข็งมาในราคา ๑๐๐ บาท (จาก ๒๐๐ บาท) มีของคุณเสนีย์ อีกหลายเล่มเชียวหละ

**ซุ้มลดราคา ไม่สามารถรวมเพื่อแลกของรางวัลได้นะจ๊ะ


เก็บเล่มอื่นคือ เครื่องเทศประวัติศาสตร์รสจัดจ้าน ๒๒๔ บาท (จาก ๒๘๐ บาท) ลด ๒๐ เปอร์เซนต์

สบสวรรค์ บนพื้นพิภพแดนมังกร ๒๐๘ บาท (จาก ๒๖๐ บาท) ลด ๒๐ เปอร์เซนต์

แมวน้อยอยากนิพพาน ๙๒ บาท (จาก ๑๑๕ บาท) ลด ๒๐ เปอร์เซนต์

ประวัติย่อของดวงดาว ๑๕๖ บาท (จาก ๑๙๕ บาท) ลด ๒๐ เปอร์เซนต์

สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา ของนิ้วกลม ๑๑๙ บาท (จาก ๑๔๐ บาท) ลด ๑๕ เปอร์เซนต์

รวมแล้วหมดไปกับบู๊ทนี้ด้วยเลขสวยมาก ๑๒๓๔ บาท








บู๊ทต่อไปเนื่องจากซีเอ็ดไม่ได้เอาเล่มนี้มาเค้าเลยแนะนำให้ไปซื้อที่บู๊ทของคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติโดยตรง


ไปเก็บความรู้เรื่องจีนจากผู้เฒ่า ราคา ๑๒๐ บาท จากปก ๑๙๕ บาท ลด ๓๙.๕ เปอร์เซนต์





จากนั้นไปที่สำนักพิมพ์ Fullstop

Memories for You ราคา ๒๑๐ บาท (จากปก ๒๔๕ บาท) ลด ๑๔ เปอร์เซนต์กว่าๆ ๕๕๕






แวะไปบู๊ทเดย์โพเอทส์ กะจะไปเก็บงานแทนไทกับทรงกลด แต่..คนเยอะโคตรรรรรรรรรรรรรรรรร แบบว่า...ผ่านอุปสรรคนานัปการไม่ได้ เลยหักใจ ไว้ไปหาซื้อนอกงานแล้วกัน เฮ้อ...





ต่อไปไปเก็บงานของคนแถวๆ นี้กับบู๊ทเพิร์ล

ผจญภัยในสุสาน ราคา ๒๓๗ บาท (จากปก ๒๗๙ บาท) ลดไป ๑๕ เปอร์เซนต์กว่าๆ





ไปดูที่บู๊ทวงกลม กะจะไปเก็บงานใหม่ของคุณม.ย.ร.มะลิ หนึ่งในนักเขียนโปรด คือ ไอซ์แลนด์เดือนเต็ม ปรากฏว่า ลดเท่านายอินทร์เลยคือ ๑๕ เปอร์เซนต์ เลยเก็บเล่มนี้ไว้ไปซื้อที่นายอินทร์เพราะจะได้รวมยอดให้ถึง ๒๘๐๐ บาทได้ เลยได้เล่มเดียวจากบู๊ทนี้

อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน ของม.ย.ร.มะลิ ราคา ๒๐๐ บาท (จากปก ๒๕๐ บาท) ลด ๒๐ เปอร์เซนต์





ที่จริงควรไปเก็บงานที่สารคดีเพิ่ม แต่ว่า..เกินงบมามากมายแล้ว เพราะยังมีนายอินทร์ที่ต้องจ่ายหนักอีก

ก็เลยหักใจ เอาหนังสือไปฝากแม่ก่อนกลับไปที่บู๊ทนายอินทร์อีกรอบ





บู๊ทอมรินทร์หรือนายอินทร์

ได้มาดังนี้

ชุด ๔ เล่มของสนพ.อรุณ (เพื่อเอาลด ๒๐ เปอร์เซนต์) ที่จริงอยากเก็บงานของคุณปิยะพรให้ครบ แต่สนพ.เอามาเล่มเดียว คือเล่มใหม่ล่าสุด

- ลำนำในลมหนาว ของคุณปิยะพร ๒๒๘ บาท (จาก ๒๘๕ บาท)

- สูตรเสน่หา ของคุณกิ่งฉัตร ๒๗๙ บาท (จาก ๓๔๙ บาท)

- ค่าของหัวใจของคุณกิ่งฉัตร ๒๔๔ บาท (จาก ๓๐๕ บาท)

- สาปพระเพ็ง ของคุณกิ่งฉัตร ๒๕๒ บาท (จาก ๓๑๕ บาท)

ชุด ๔ เล่มของแพรวสำนักพิมพ์
(ลด ๒๐ เปอร์เซนต์เหมือนกัน)

- ฉันรักกรุงเทพฯ ตอนเก็บตกเรื่องเล่าของชาวกรุงเทพฯ ของคุณประทุมพร ๑๙๖ บาท (จาก ๒๔๕ บาท)

- ฝนกล้วยให้เป็นเข็มของนิ้วกลม ๑๕๖ บาท (จาก ๑๙๕ บาท)

- ความสุขของกะทิ ตอน ในโลกใบเล็ก ๑๐๓ บาท (จาก ๑๒๙ บาท)

- Once Upon Sometime ๑๔๐ บาท



ชุดที่ไม่มีการร่วมโปร ๔ เล่ม (จำใจซื้อเพื่อกระเป๋าเป้ล้อลากเลยเนี่ย ลดน้อยแต่เอาฟระ ก็ยังได้ลดนะ)

- เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ๑๓๖ บาท (จาก ๑๖๐ บาท) ๑๕ เปอร์เซนต์

- ไอซ์แลนด์ เดือนเต็ม ๑๖๑ บาท (จาก ๑๙๐ บาท) ๑๕ เปอร์เซนต์

- ช่างสำราญ ๑๔๙ บาท (จาก ๑๗๕ บาท) ๑๕ เปอร์เซนต์

- เด็กชายธรรมดาในดินแดนเวทมนตร์ ๑๓๕ บาท (จาก ๑๖๙ บาท) ๑๕ เปอร์เซนต์

- เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จีน ๑๖๕ บาท (จาก ๑๙๕ บาท) ๑๕ เปอร์เซนต์

- ปะปิดพิจิตรวาร ๒๘๐ บาท (อันนี้ซื้อให้แม่ จาก ๒๙๕ บาท) ลด ๕ เปอร์เซนต์ (แบบว่า...แหม้ เฮ้อ...)

- เหตุผลของความรัก ๑๔๘ บาท (จาก ๑๗๕ บาท)



ช็อกโซน

- แล้วเราจะอยู่ด้วยกัน ของสิริมา (มั้งนะ) ๔๖ บาท จาก ๑๕๕ บาท ลด ๗๐ เปอร์เซนต์

- สิบทะเล ๗๕ บาท จาก ๑๕๐ บาท ลด ๕๐ เปอร์เซนต์






จากนั้นไปรับกระเป๋าเป้ จับคูปอง ๘ ใบ ได้ ๗๐ เปอร์เซนต์มาใบเดียว ๕๐ เปอร์เซนต์ ๔ ใบ ที่เหลือ ๓๐ เปอร์เซนต์

ดูจากหนังสือที่ให้เลือกซื้อ เลยซื้อแค่ ๒ เล่มคือ

- ฤาจะซับแต่ภาพซ้อนที่อ่อนไหว ของสิริมา ๗๙ บาท จาก ๒๖๕ บาท ลด ๗๐ เปอร์เซนต์

- เจเรมี่ฟิงก์กับกุญแจไขความลับ ๑๐๗ บาท จาก ๒๑๕ บาท ลด ๕๐ เปอร์เซนต์



หมดบู๊ทนี้ ๒๘๙๓+ ๗๙+๑๐๗ บาท ทั้งสิ้น ๓๐๗๙ บาท










หมดกับงานนี้ไปทั้งสิ้น ๖๕๔๕ บาท (ไม่รวมของแม่อีกสองพันกว่า)










เป็นเสบียงกรัง กินแทนข้าวไป เหอๆ


มีนาน่าจะได้ซื้อน้อยลงหน่อยนะ เพราะตุนคราวนี้ก็น่าจะอยู่รอดไปได้อีกพักใหญ่ๆ หละ



หรือ - เปล่า - น้า...
















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

746976/6009/507




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2553    
Last Update : 26 ตุลาคม 2553 11:44:46 น.
Counter : 2038 Pageviews.  

* + * + *+ * เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 - อาจเพราะมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าความสุขของเรา * + * + *+ *









เด็กชายเลขที่ 34
เขียนโดย ENZO
แปลโดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี
สำนักพิมพ์ a book
จำนวนหน้า 223 หน้า
ราคา 320 บาท (พิมพ์สี่สีทุกหน้า)







ผ ม แ ค่ อ ย า ก จ ะ มี ค ว า ม สุ ข







ประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ในชีวิตจริง เราอาจจะแค่ฟัง และไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันนัก


หากเมื่อมันมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้


มันทำให้คนอ่านอย่างฉัน รู้สึกเจ็บปวดไปกับเด็กชายเลยที่ 34 คนนี้ด้วย


...









ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ด้วยความรู้สึกหลากประการด้วยกัน


นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของชีวิต ว่าในชีวิตของฉัน เคยมีเด็กชายเลขที่ 34 เข้ามาในชีวิตบ้างหรือไม่ มีเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องบ้างหรือไม่ และในวันนั้น ฉันมองเขาด้วยสายตาอย่างไร เข้าใจเขาบ้างไหมนะ?


ฉั น ถ า ม ตั ว เ อ ง






ฉันอาจเป็นเด็กหญิงที่โชคดีกว่าเด็กชายเลขที่ 34 มากนัก ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีแม่เป็นครู อิสระกับชีวิตในขวบวัยที่ต้องเรียนอนุบาล ที่ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ (เพราะเป็นร.ร.ที่แม่สอน) ขณะที่เพื่อนๆ ทุกคนทำตามตารางที่ครูอนุบาลบอก แปรงฟัน กินนม นอน เีรียน เต้น ร้องเพลง ฉันกลับเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลที่เที่ยวเดินท่อมๆ ไปตามห้องเรียนของพี่ชั้นโตๆ ตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอสาม เพื่อจะดูว่าเขาเรียนอะไรกัน เขาทำอะไรกัน


ดังนั้น...ฉันจึงรักโรงเรียน และเรียนรู้ที่จะรู้ว่า..การใช้ชีวิตในโรงเรียนคือ "อะไร" และเป็น "อย่างไร"




และฉันสามารถยอมรับความคาดหวัง บรรทัดฐานว่า ต้องทำเช่นไร พ่อกับแม่ถึงจะรู้สึกดี ถึงจะมีความสุข


ฉันเรียนรู้ที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้ โดยไม่ได้โหยหาความสุขของตนเอง


โดยไม่ต้องแลกความสุขของตนเอง เพื่อความสุขของคนอื่น


เพราะมันต่างก็เป็นความสุขของฉันและคนอื่นได้เท่า-เท่ากัน


ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก










เวลาไปโรงเรียน ฉันสามารถที่จะมีความสุขกับการเรียน สนุกเวลาพักเบรคเช้า พักเที่ยง เบรคบ่าย

สนุกกับการได้เล่นกับเพื่อนๆ


หากจะรู้สึกย่ำแย่อยู่บ้าง ก็ในยามตอนเข้าประถมหนึ่งที่โรงเรียนแห่งใหม่ในระยะเวลาแรกๆ ที่ต้องพยายามทำตัวให้มีเพื่อนเนื่องจากเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เค้ารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นกลุ่มก้อนกันอยู่แล้วตั้งแต่อนุบาล - เท่านั้น




แต่..ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ที่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า..ทำอย่างไรจึงจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้


บางครั้งเราก็อาจจะต้องยอมหงายท้องอย่างหมายอมแพ้...แค่นั้น


แต่..ชีวิตก็อย่างนี้ ไม่มีใครได้อะไรมา โดยไม่เสียอะไรไปเลยหรอก...ใช่ไหม?









ฉันไม่ใช่เด็กเรียนเก่งในตอนเด็ก แค่เรียนพอไปได้ ชีวิตการเล่นในวัยนั้นสำคัญกว่าการเรียนไม่น้อย

ในยามเย็นเมื่อฉันกลับมาบ้าน (สมัยประถมหนึ่งและสอง) ฉันมีความสุขกับการไปตระเวนเที่ยวเขื่อนที่อยู่ใกล้บ้านพักครู ไปลงเล่นน้ำคลอง

เมื่อต้องย้ายบ้านตอนประถมสามจนถึงประถมสี่ ฉันก็ยังมีความสุขกับการไปป่ายปีนต้นคูณต้นขี้เหล็กที่เรียงรายอยู่หน้าที่ทำการเทศบาล ไปจับแมลงปอทั้งด้วยมือเปล่าและทำที่จับด้วยไม้กับถุงพลาสติกและยาง ไปปั่นจักรยานเล่นทั่วนาทาทิศ เล่นหมากบ้าน เล่นกระโดดยาง สร้างบ้านด้วยลังกระดาษ

และแน่นอน...เวลาที่ฉันไม่อยากเล่น เวลาที่เพื่อนๆ เล่นอะไรที่ฉันไม่ประสงค์จะร่วมวงด้วย หรือในวันที่โกรธกับเพื่อน ฉันก็ยังมี "หนังสือ" เป็นเพื่อน




ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก จ ริ ง - จ ริ ง





ฉันอาจจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเด็กชายเลขที่ 34 มากกว่าเด็กชายเลขที่ 34 เอง












ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ เป็นครูของเด็กชายเลขที่ 34 ฉันจะทำอย่างไรนะ


ฉันจะเข้าใจเขาไหม? ฉันจะทำอย่างไรให้เขายังคงมีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตได้นะ


ฉันจะทำอย่างไรกัน?


ฉันถามตัวเอง











ฉันถามตัวเองว่า...ความสุขของคนคนหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน

เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เขารักเรา และให้อะไรกับเรามาทั้งชีวิต

เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เราควรต้องใส่ใจในความสุขของเขาไม่น้อยไปกว่ากัน











เหมือนกันกับที่ฉันเคยอ่าน "คิดถึงทุกปี" ของบินหลา สันกาลาคีรี


หนังสือเล่มนั้นบอกฉันว่า "มีบางสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรัก"


ฉันก็อยากจะบอกเหลือเกินว่า...มันมีบางสิ่งเช่นกันที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความสุขของตัวเราเอง












เพียงแต่...แต่ละคนจะยอมรับมันได้ไหม

เพียงแต่...แต่ละคนจะเข้าใจมันหรือไม่

เพียงแต่...มันจะต้องใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหน

และ...ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง



หรือ...เราต้องสูญเสียเ็ด็กเกเรอีกกี่คน ที่หายตัวไปในป่า และไม่มีใครได้พบเจอเขาเลย...อีกกี่คนกัน?










หรือเป็นเพราะความสุขเป็นเพียงของแสลง เป็นเพียงของชั่วครั้งคราวที่ไม่ได้มีอยู่จริง

ความทุกข์ต่างหากที่เป็นของจริง




มนุษย์เรา...จึงไม่สามารถมีความสุขเป็นของตัวเองได้...


กั น แ น่ น ะ ?















ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

709489/5865/484




ป.ล. 1 สงสัยเรื่องที่ตอนไปอ่านในบล็อกคนแปล มีเรื่องที่คุณ ENZO พูดถึงเรื่องเส้นทางการวิ่งของเด็กชายฯ ที่ยังคงไว้ แสดงว่าต้นฉบับน่าจะพิมพ์แบบอ่านจากขวาไปซ้ายหรือเปล่า? แล้วถ้าอย่างนั้น ตอนพิมพ์แบบซ้ายไปขวา ทำยังไงภาพยังเหมือนเดิม นึกไม่ออกง่ะ (หรือภาพต้นฉบับเป็นแบบไม่เย็บกลาง?)

ป.ล. 2 มีเรื่องการแปลนิดหนึ่งที่ติดใจ คือตอนท้ายๆ เรื่องที่มีถ้อยคำต่างๆ ที่ล้อมรอบเด็กชายฯ เราคิดว่าบางอันน่าจะเป็นถ้อยคำที่พ่อแม่คุยกับเด็กชายฯ เพราะงั้นคำสรรพนามมันน่าจะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่านา? แต่นอกนั้นแปลอ่านได้ลื่นค่ะ




 

Create Date : 02 กันยายน 2553    
Last Update : 2 กันยายน 2553 8:13:04 น.
Counter : 1748 Pageviews.  

* + * + * + * + * ผู้เสกทรายภาค 2 (เล่ม 2-3) - วสันต์กับเหมันต์ * + * + * + * + *




หลังจากรีวิวผู้เสกทรายภาคหนึ่งไปแล้วหนึ่งครั้งที่นี่ (คลิกเพื่ออ่าน)


วันนี้จะมารีวิวภาคจบของหนังสือเล่มนี้นะคะ เพราะอยากให้อ่านกันจริงๆ



ที่จริงตั้งใจจะรีวิวให้ทันโครงการขยันอ่าน ณ ห้องสมุด แต่ปรากฏว่าอ่านเล่มอื่นๆ ในโจทย์เดียวกันไม่ทัน เลยไม่ได้รีวิวซะงั้น ก็เลยเอามารีวิวลงบล็อกตัวเองแทนค่ะ อิอิ









ผู้เสกทราย ภาค 2 วสันต์กับเหมันต์
ผู้เขียน
ลวิตร์
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์บุ๊คส์ (ในเครือแจ่มใส)
เล่ม 1
จำนวนหน้า 267 หน้า
ราคา 189 บาท







เล่ม 2
จำนวนหน้า 265 หน้า
ราคา 189 บาท







สำหรับเนื้อเรื่องย่อ จขบ.ขออนุญาตเอาคำโปรยจากหนังสือมาเลยแล้วกันนะคะ



จ้าวมายา


เด็กชายเห็นหนทางอื่นระหว่างคนธรรมดากับคนใช้เวทมนตร์ ทว่าเพราะสิ่งอันเคยหลงลืมไปถูกจดจำได้ จึงยังไม่ทันมีโอกาสทำความเข้าใจหนทางนั้น




ในตอนนี้นอกจากคำโปรยประจำบท (องก์) แล้ว เล่าเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องราวที่คาซีพบกับครอบครัวในดงไม้ และทำให้เขาได้มีโอกาสรักษาคนคนหนึ่งในนั้นค่ะ (ทรินิ) แต่ปรากฏว่าฟิลันป่วย ก็เลยต้องทำมายาให้รายาเต้นเพื่อหาเงิน

ในบทนี้เราโน้ตไว้ว่า เมื่อได้บางสิ่งกลับคืนมา แต่ต้องสูญเสียบางสิ่งไป หลังจากนั้น..เจ็บปวดจนน้ำตาไหล ซึ่ง...คงต้องอ่านค่ะ ถึงจะเข้าใจว่าเราพูดถึงอะไร แหะๆ






ธารบรรจบ


เด็กชายตระหนักถึงความจริงน่าชังและถูกบังคับให้เลือกในสิ่งซึ่งผู้อื่นละทิ้งไว้เพราะไม่อาจตัดสินใจได้ การเดินทางนำคนหลายคนให้หวนกลับมาพบกัน แต่กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดเห็นอนาคตอย่างแท้จริง



เรื่องราวตอนนี้เป็นการพบท่านหญิงเอเลธีอาในรูปลักษณ์ของดาอี การตัดสินใจของคาซีที่นำไปสู่นครหินผา และการพบกับอัยด์ค่ะ








ปีศาจกับเด็กชาย


ยามเมื่อเด็กชายพบปีศาจในถ้ำร้างได้ตัดสินใจ แต่แล้วกลับเป็นว่าการตัดสินใจของตนกับปีศาจช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน



เป็นเรื่องราวเมื่อคาซีมีร์ได้พบกับอัยด์ และได้สอนเรื่องการคุมพลัง การช่วยคนจากระเบิด แต่กลับโดนคุมขัง ส่วนดาอีและรายาใช้กลไปนครหินผากับเคอร์รัน







ก่อกองทราย


...ทรายมีไว้เพื่อถูกทำลาย...เด็กหญิงพูดพลางชี้มือไปยังทะเล
...ไม่จริงสักหน่อย...เด็กชายบอกทันที...ทรายมีไว้เพื่อสร้างของสวยงาม...



เป็นการเปิดเผยตัวตนของรอสส์ (ที่ตอนอ่านครั้งแรกในเน็ตนี่..อึ้งหน่อยๆ เลยหละค่ะ) แผนการที่วางไว้ เพื่อประโยชน์ต่อคนใช้เวทมนตร์












และขอต่อไปที่เล่ม 2 ของภาคนี้เลยนะคะ (เพื่อความต่อเนื่อง)



แดนโพล้เพล้


เด็กชายเข้าสู่แดนแห่งความตายและถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ ถึงกระนั้นก็ยังได้สิ่งที่ตนนึกว่าสูญเสียไปแล้วกลับคืนมา



เป็นเรื่องราวที่คาซีได้เจอเคอร์รัน ในเมืองที่ถูกสะกด ได้ปรับความเข้าใจและเจอรายากับท่านหญิงฯ รอสส์วางอมารอคลงได้และคาซีปลดเมืองจากการถูกสะกดได้สำเร็จค่ะ







ในตามาร


ดาอีเห็นอนาคตและเห็นความเกี่ยวพันระหว่างสิ่งทั้งปวง เด็กชายต่อสู้กับปีศาจ แต่มิใช่ด้วยวิธีการเดิม



ในบทนี้ คาซีถูกลักพา อัยด์เข้าใจในบางสิ่ง ดาอีเห็นอนาคตอีกครั้ง มัธธายน์เดินทางมาพบฟิลัน และอัยด์ยอมให้คาซีกระทำการบางอย่างค่ะ







วสันต์กับเหมันต์


คนหลายคนตระหนักถึงด้านต่างๆ ของโลก เห็นทั้งวสันต์และเหมันต์ ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจ



คาซีบาดเจ็บ อัยด์ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง และรักษาบางสิ่งที่คิดว่า "สำคัญ" สำหรับตน

ต่างคนต่างตั้งหลักแหล่ง เติบโต
















ความรู้สึกที่ได้อ่าน

เป็นนิยายแฟนตาซีที่เขียนโดยคนไทยที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยอ่านเลยค่ะ

(เขียนอย่างนี้กลัวคนเขียนงานเข้ามากๆ แต่ขยายแล้วนะคะว่า "ที่เราเคยอ่าน")


นอกจากสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ (ที่ถ้าใครที่เคยอ่านงานของลวิตร์ หรือพัณณิดา ภูมิวัฒน์ คงจะคุ้นเคย และเข้าใจว่า "เอกลักษณ์" ที่จขบ.ว่านั้นคืออะไร อย่างไรนะคะ) แล้ว คนเขียนก็ยังสร้างตัวละครที่มีทั้งดี ทั้งเลวอยู่ในตัว และชวนให้รู้สึกเข้าอกเข้าใจ และ "รัก" ตัวละครได้ไม่ยากเลย (แม้กระทั่งคนที่เราเคยอาจจะรู้สึกไม่ชอบหน้าหรือกระทั่ง "เกลียด" ในเบื้องต้น หุๆ )

เรียกได้ว่า..เรตติ้งนี่ เดี๋ยวคนโน้นขึ้นอันดับหนึ่ง เดี๋ยวคนนี้ขึ้นอันดับหนึ่ง (ในใจจขบ.) กันให้วุ่นวายเลยหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฟิลัน ป๋ามัธฯ คาซี รายา เคอร์รัน ป๋ารอสส์ ฯลฯ ต่างคนต่างมีมุมให้รัก มีมุมให้คนอ่านได้ซาบซึ้ง มีเรื่องราว มีโอกาสที่จะทำบางสิ่งที่ทำให้คนอ่านได้รู้สึกดีกันถ้วนทั่ว มีความน่า "รัก" ในตัวแต่ละคน ด้วยแง่มุมที่ต่างกันไปน่ะค่ะ



ซึ่งเรียกว่า เป็นการเขียนที่ชาญฉลาด และมีกลวิธีในการเขียนที่ยอมรับได้เลยว่า "เก่ง" ค่ะ







อ่านหนังสือเล่มนี้จบด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาจริงๆ ค่ะ บอกไม่ถูก อ่านแล้วเหมือนได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง




เรารับผิดชอบได้..เฉพาะชะตากรรมของตนเอง

การจะทำสิ่งใดให้ดีขึ้นก็ด้วยความเมตตากรุณา







ซึ่งแนวความคิด วิธีคิดหลายๆ อย่างในหนังสือเล่มนี้ ค่อนข้างถูกจริตกับจขบ.พอสมควร อีกทั้งนอกจากจะตรงกับจริตพื้นฐานที่ตัวตนของตนเองมีอยู่แล้ว หลายๆ อย่างก็ชวนให้ขบคิดเพิ่มเติม และขยายทัศนคติของตัวเองออกไปด้วยค่ะ


นี่ถ้าเด็กที่กำลังอยู่ในวัยเติบโตทางความคิด ได้อ่านหนังสือเล่มนี้กันเยอะๆ ก็คิดว่า น่าจะช่วยสร้างความคิด ทัศนคติดีๆ บางอย่างให้กับตัวเขาได้ ซึ่งน่าจะมีผลต่อการสร้างสังคมดีๆ ได้ไม่น้อยนะคะ (เพราะฉะนั้น...ทำเป็นหนังสืออ่านนอกเวลากันเถอะท่าน หุๆ )


เพราะแม้จขบ.จะอ่านในวัยวันที่เรียกได้ว่าน่าจะอยู่ในวัย "ไม้แก่" ที่อาจจะ "ดัดยาก" ก็ยังยอมรับว่า...หลายๆ เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้นั้น มันน่าจะถูกถ่ายทอดไปให้คนจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสังคมไทยที่มันมีรอยร้าว ณ ขณะนี้














ปิดด้วยข้อความที่เราชอบๆ จากทั้งสองเล่มแล้วกันค่ะ






"คาซีมีร์ ทุกสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตของท่านย่อมมีผลต่อท่าน เหมือนคนทำน้ำตาลรวบรวมทรายมาหลอมแก้ว แม้ทรายขาดไปเพียงเม็ดเดียว รูปร่างของภาชนะที่ท่านประกอบขึ้นก็จะแตกต่างออกไปแล้ว..."









"...ข้าคิดว่าคนทุกๆ คนควรจะรู้ว่ามีคนที่ตนรักอยู่...ไม่ว่าความรักนั้นจะแสดงออกมาในรูปแบบใดๆ ก็ตาม"









"...หากท่านปฏิบัติกับผู้อื่นเหมือนงูและสุนัข เขาก็จะโต้ตอบท่านด้วยวิธีการของงูและสุนัข..."









"ต่อไปนี้ชั่วชีวิต อย่าได้ดูถูกน้ำใจของคนอื่น" ชายหนุ่มบอก "เพราะอมารอคเป็นเช่นนั้น เขาจึงต้องฆ่าตัวตาย ต่อไปหากยังอยากเดินบนถนนสายนี้ ทำให้สำเร็จ สร้างโลกนั้นให้ได้ ห้ามดูถูกน้ำใจคนอื่นอีก..."









สรุปแล้ว..เราชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ และอยากให้ "นักอ่าน" ได้อ่านกันนะคะ เพราะเป็นหนังสือที่เขียนโดยคนไทยเล่มหนึ่งที่ดีมากๆ จริงๆ ค่ะ (แต่สำหรับนักอ่านประเภทที่อ่านเรื่องแฟนตาซีไม่ได้เลย ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แหะๆ)







บล็อกของคนเขียน ที่มีคนอ่านบางส่วนไปโพสต์ความรู้สึกไว้ ที่นี่ค่ะ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=lawit&date=31-03-2010&group=3&gblog=19


รีวิวผู้เสกทรายของคุณแก้วกังไสค่ะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose&month=11-06-2010&group=14&gblog=4


รีวิวผู้เสกทรายของคุณ lalabel
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lalabel&month=10-2009&date=28&group=5&gblog=35


รีวิวของคุณลิปิการ์
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=dektalae&month=04-08-2010&group=2&gblog=152


รีวิวของคุณเจรามี
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=haruki13&month=12-2009&date=19&group=8&gblog=2


รีวิวของคุณ ThaMN
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=thamn&month=02-09-2009&group=3&gblog=6


บล็อกที่วาดรูปตัวละครของคุณ ouiya
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=ouiya&group=2

















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

698861/5829/478




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2553    
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 19:24:10 น.
Counter : 4523 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.