บ้านดินสอ 2 ราชดำเนิน


ราชดำเนิน ถนนประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถนนที่งดงามไม่แพ้ถนนเส้นไหนๆในประเทศไทย ถนนที่ผ่านเรื่องราวมากมาย ถนนสายประวัติศาสตร์แห่งนี้มีเรื่องราวมากมายให้คุณเรียนรู้ แต่เป็นที่น่าแปลก ที่ถนนที่งดงามขนาดนี้ กลับมีโรงแรมที่จะให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของถนนสายประวัติศาสตร์แห่งนี้น้อยมาก มาครับ มากับผม วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับโฮสเทลที่จะทำให้คุณได้เต็มอิ่มกับความงดงามแห่งถนนราชดำเนิน บ้านดินสอ 2

ทำเลที่ตั้งของโรงแรม ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยาพอดีเลยครับ เพราะฉะนั้น ที่นี่จึงได้วิวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเต็มๆ อาคารที่โฮเทลตั้งอยู่ถือเป็นอาคารเก่าดั่งเดิมตั้งอยู่เก่าก่อนแล้ว ทางโรงแรมได้ทำการเช่าและดัดแปลงภายในเพื่อใช้ทำเป็นโฮสเทลครับ ส่วนภายนอกทางโรงแรมไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆ ยังคงรูปแบบเดิมของอาคารไว้เช่นเดิม



ด้านหน้าโรงแรมจะมีบาร์เล็กๆ ให้แขกของโรงแรมได้มานั่งชมบรรยากาศริมถนนราชดำเนินกันด้วย



เอาล่ะครับเข้าไปภายในโฮสเทลกันดีกว่า เมื่อเข้ามา เราจะพบคาเฟ่สวยเก๋ ตกแต่งสไตล์ Art Decco



เมื่อลงบันไดมาจะพบกับ ลอบบี้ของโฮสเทลครับ ตอยเซ็ปของลอบบี้แต่งแต่งให้มีกลิ่นอายแห่งความเป็นไทย แตกต่างกับคาเฟ่เล็กๆด้านหน้าโฮสเทล



เพดาน ลอบบี้อาจเตี้ยไปสักนิด แต่เนื่องด้วย อาคารเก่าแก่มาไม่สามารถดัดแปลงอะไรได้มากครับ







บ้านดินสอ 2 แห่งนี้จะมีห้องพักแบบห้องน้ำรวม และห้องพักแบบห้องน้ำในตัวด้วยครับ เราไปดูกันดีกว่ามีอะไรแตกต่างกันบ้าง

ห้องนี้คือห้องที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ มีโปรช่วงหน้าฝนอยู่ที่ประมาณ 2000 บาท ห้องค่อนข้างกว้าง มีห้องน้ำในตัว และ วิวสวยมากกกกกกกกกกก











ส่วนห้องแบบสองเตียงห้องน้ำรวม ห้องค่อนข้างมีขนาดเล็ก แต่วิวก็ยังเทพเหมือนเดิม  ราคาห้องจะอยู่ที่ประมาณ 1000 ต้นๆ





ส่วนห้องสำหรับนอนคนเดียว ห้องอาจคับแคบไปสักนิด แต่มีก็ทุกอย่างครบตามที่โรงแรมจะมี ห้องน้ำแยกครับ



ชั้นสองและชั้นสาม จะมีเป็นห้องแบบห้องน้ำรวม จะมีห้องนั่งเล่นส่วนกลางให้ครับ ซึ่งห้องนั่งเล่นก็โชว์วิวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแบบเต็มๆ



ห้องน้ำส่วนกลางจะมีสองฝั่ง ห้องอาบน้ำ และห้องสุขาแยกกันคนล่ะฝั่ง แยกชั้น ชายและหญิง จากที่สัมผัสมาไม่ค่อยมีคนใช้บริการตรงกันนะครับ จัดสรรเวลาดีๆไม่ชนกับแขกคนอื่นแน่นอน



สรุปปิดท้ายกันสักนิด

บ้านดินสอ 2 โดยรวมถือเป็นโฮสเทลที่มีคอนเซ็ปที่เกี่ยวกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่เนื่องด้วยเหตุบ้านการเมืองที่ไม่สงบในต้นปี(ที่มีการชุมนุมในยานนี้) จึงอาจทำให้ที่นี่ขาดๆเกินๆไปบ้างในบางจุด อาจมีในหลายๆจุดที่มีหลุดคอนเซ็ปที่วางไว้ไปสักหน่อย แต่โดยรวมผมถือว่าโอเคมากเลยนะครับ จุดขายหลักของที่นี่คงหนีไม่พ้นเรื่องวิวมุมสูงของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกได้ว่าแค่วิวเมื่อเทียบกับราคาก็ฟินกันแล้วล่ะครับ  และยิ่งด้วยทำเลที่ตั้งกับราคาที่เริ่มต้นไม่ถึง 1000 บาท ทำให้โฮสเทลที่นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยที่เดียว เริ่มด้วยที่เที่ยวกันก่อน บ้านดินสอ 2 อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น อารามหลวงชั้นพิเศษถึง 7 แห่ง (วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ วัดโพธิ วัดสุทัศน์ วัดสระเกต วัดอรุณ วัดบวรนิเวศ ) วัดพระแก้ว พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โลหะปราสาท พิพิธภัณฑ์รัตนโกสินทร์  ถนนข้าวสาร ฯลฯ แถมเรื่องที่กินแถบนี้ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ที่อื่นๆ มีทั้ง ร้านอาหารบริเวณศาลาว่าการกรุงเทพฯ ย่านสามแพร่ง ย่านท่าพระอาทิตย์ ท่าพระจันทร์ บางลำภู ฯลฯ (แถมไม่ไกลจากย่านเยาวราชมากนัก)  เห็นมั้ยครับ โฮสเทลแห่งนี้ถือว่าอยู่ในทำเลที่สุดยอดเลยจริงๆ ผมจึงไม่แปลกใจเลย ทำมั้ยนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงเลือกมาพักที่นี่กันบ่อยๆ เพราะถ้าผมเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็คงเลือกที่นี่เหมือนกันครับ ถูกและดีขนาดนี้ ไม่มาได้ไงใช่มั้ยคร้าบบบบบบบบบบบ



Create Date : 15 กรกฎาคม 2557
Last Update : 10 สิงหาคม 2557 20:12:11 น.
Counter : 13614 Pageviews.

6 comment
บ้านดินสอ 1 ราชดำเนิน


“บ้านดินสอ 1 ” บ้านไม้สักทองสองชั้นสีนวลตาอายุกว่าร้อยปีแห่งนี้ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในฐานะ บูทีคโฮสเทลขนาดเล็ก น่ารัก ฟังๆไปแล้วอาจยังดูไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก ก็แค่บ้านโบราณถูกดัดแปลงให้มาเป็นโฮสเทล แต่เพื่อนๆรู้กันมั้ยครับ ว่าโฮสเทลบ้านขนมปังขิงหลังนี้แหละ จะได้รับรางวัลการันตีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น
รางวลดีเด่นไทยแลนด์บูติคอวอร์ด 2010
Top rate hostel in Bangkok 2009 and 2010
Best hostel in the world" Hi Best Hostel Awards 2009
เห็นมั้ยครับ ผมว่าโฮสเทลแห่งนี้น่าจะมีอะไรไม่ธรรมดาเลย มาครับ มากับผม ผมจะพาเพื่อนๆไปสัมผัสกับโฮสเทลแห่งนี้กัน

บ้านดินสอ 1 ทำเลที่ตั้งอยู่ในบริเวณถนนดินสอ ซึ่งใกล้ๆกับถนนราชดำเนิน ถนนสายประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนดินสอสักทีเดียว แต่ก็เดินเข้าซอยไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทางเจ้าของมีความตั้งใจจะสร้างโฮสเทลให้กับแขกที่มาพักได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของบ้านในสมัยก่อนจริงๆ จึงดัดแปลงในส่วนต่างๆให้น้อยที่สุด



บริเวณด้านหน้าที่พัก ถูกปรับแต่งให้เป็นบริเวณนั่งเล่น และห้องอาหารกลางแจ้งสำหรับมื้อเช้า



ให้อารมณ์ง่ายๆ สบายๆ นั่งทานอาหารยามเช้าก่อนแดดอ่อนๆ ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ไม่เลวที่เดียว



เสริมบรรยากาศด้วยเสียงน้ำตกเบาๆ คลอกับเสียงนกกระจิบ นกกระจอกร้องยามเช้า บรรยากาศแบบที่เราไม่ต้องเร่งรีบ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลยครับ



เอาล่ะครับเราเข้าไปในบ้านกันดีกว่า โฮสเทลแห่งนี้ไม่ได้มีการปรับแต่งโครงบ้านไปมากนัก



จากหน้าบ้านขอพาเพื่อนๆเข้าสู่โถงกลางของบ้าน โถงกลางที่เปรียบเสมือนห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น (แต่จริงๆแล้วมันคือลอบบี้โรงแรมครับ)



จะสังเกตได้เลยครับว่า ทางเจ้าของพยายามรักษาฟีลลิ่งของบ้านโบราณไว้ให้ได้มากที่สุด ทุกอย่างดูงดงาม ลงตัว เหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต



ไม่ว่าจะสีที่ใช้ กระจกสีแบบโบราณ และพื้นไม้ขัดเงา ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด



ด้วยเนื่องจากอาคารที่เป็นบ้านเก่ามาก่อน ห้องพักที่มีห้องน้ำในตัวจึงมีแค่ไม่กี่ห้อง ห้องพักส่วนใหญ่ต้องใช้ห้องน้ำรวมครับ



ทางโรงแรมมีล๊อกเกอร์ไว้ให้แขกเก็บข้าวของส่วนตัวด้วยครับ สำหรับแขกที่มาใช้บริการห้องน้ำรวม



ถึงจะห้องน้ำรวมก็บอกได้เต็มปากเลยว่าไม่ได้ขี้เหร่ สะอาด สะอ้าน และ ไม่พลุกพล่านเลย



ห้องน้ำะแยกห้องฝั่งชายและหญิงไม่ใช้ปะปนกัน



ส่วนชั้นสอง มีพื้นที่ส่วนกลางนิดหน่อยตามแบบบ้านสมัยก่อน เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงภาพคุณยายใจดีๆนั่งถักไหมพรมเลยครับ





ที่ชั้นสองจะห้องสุขา ส่วนกลางให้หนึ่งห้องครับ



ห้องพักที่นี่มีเพียง 9 ห้องเท่านั้น ลักษณะการตกแต่งห้องก็จะคล้ายๆกัน ต่างกันแค่เพียงขนาด และห้องที่มีห้องน้ำในตัวเท่านั้น

อย่างห้องนี้คือห้องที่แพงที่สุดของที่นี่ราคา 2000 นิดๆ เป็นห้องขนาดกำลังพอดี มีห้องน้ำในตัว



การตกแต่ง ไม่มีอะไรหลุดคอนเซ็ปไปเลยครับ ยังคุมโทนสีในโทนอบอุ่น และการแต่งห้องแบบไทยๆ ที่ไม่ได้ไทยจ๋า อย่างลายกนก



บอกตรงๆครับ ผมเห็นห้องแล้วนึกถึงละครพีเรียดขึ้นมากันเลยทีเดียว ยอมรับเลยครับว่าที่นี่ใส่ใจรายละเอียดจริงๆ



เอาล่ะครับมาดูห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำค่อนข้างที่จะเล็กกระทัดรัดไปสักนิด อาจด้วยพื้นที่ๆจำกัดของตัวบ้าน จึงทำอะไรไม่ได้มาก



แต่เท่านี้ก็ต้องยอมรับแล้วล่ะครับว่าดัดแปลงบ้านมาทำเป็นโฮสเทลได้ดีจริงๆ ยอมรับเลยครับ



สรุปปิดท้ายกันสักนิด

บ้านดินสอ 1 ถูกวางคอนเซ็ปมาค่อนข้างดีทีเดียวครับ ถึงแม้จะเป็นโฮสเทล(ไม่ใช่โรงแรม) แต่ทุกอย่างกลับดูได้รับการใส่ใจ พิถีพิถันกับรายละเอียดอย่างน่าเหลือเชื่อ ที่นี่ปรับแต่งบ้านไม้สักทองสองชั้นอายุกว่าร้อยปี ออกมาได้ดีจริงๆครับ ไม่ทำให้รู้สึกเลยว่า นี่คือโฮสเทล แต่ยังให้ความรู้สึกของบ้านขนมปังขิงในสมัยก่อนจริงๆ บ้านดินสอ 1 โฮสเทลเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยที่เดียว เพราะทำเลที่ตั้งย่านนี้ เรียกว่าทำเลเทพสุดๆ เริ่มด้วยที่เที่ยวกันก่อน บ้านดินสอ 1 อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น อารามหลวงชั้นพิเศษถึง 7 แห่ง (วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ วัดโพธิ วัดสุทัศน์ วัดสระเกต วัดอรุณ วัดบวรนิเวศ ) วัดพระแก้ว พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โลหะปราสาท พิพิธภัณฑ์รัตนโกสินทร์  ถนนข้าวสาร ฯลฯ แถมเรื่องที่กินแถบนี้ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ที่อื่นๆ มีทั้ง ร้านอาหารบริเวณศาลาว่าการกรุงเทพฯ ย่านสามแพร่ง ย่านท่าพระอาทิตย์ ท่าพระจันทร์ บางลำภู ฯลฯ (แถมไม่ไกลจากย่านเยาวราชมากนัก)  เห็นมั้ยครับ โฮสเทลแห่งนี้ถือว่าอยู่ในทำเลที่สุดยอดเลยจริงๆ ผมจึงไม่แปลกใจเลย ทำมั้ยนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงเลือกมาพักที่นี่กันบ่อยๆ



Create Date : 30 มิถุนายน 2557
Last Update : 25 กรกฎาคม 2557 0:00:48 น.
Counter : 9099 Pageviews.

2 comment
The Siam Bangkok





อะไรบ้างเอ่ยที่สื่อถึงความเป็นไทย ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ ม๊อบ เสื้อแดง เสื้อเหลือง ปิดถนน ออกไปๆๆๆๆ ปี้ดๆๆๆๆๆ อุ๊บ!!! เริ่มนอกเรื่องล่ะ 55555 คำว่า "ความเป็นไทย" บางทีก็อาจไม่จำเป็นไม่ได้มีคำจำกัดความอยู่แค่นั้นนะครับ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมารู้จักโรงแรมใหม่แหวกแนว ที่ให้คำจำกัดความของ "สยามประเทศ" ผ่านประวัติศาสตร์ของประเทศสยาม  มาครับ มากับผม ผมจะพาไปชมโรงแรมแห่งสยามประเทศ แห่งนี้กัน แล้วคุณจะรู้จักสยามประเทศมากกว่าที่คุณเคยรู้



มามะ มามะ เดินมากันมาเร็ว เรามาพูดึงภายนอกของโรงแรมกันก่อนดีกว่า ตัวของโรงแรมแห่งนี้ถูกวางไว้ด้วยธีมสีขาวและดำทั้งโรงแรมเลยครับ พื้นที่ในลอบบี้เปิดโล่งตามประสารีสอร์ท (เอาใจฝรั่ง โอเพ่นแอร์ ร้อนได้อีก) ทุกจุดของโรงแรมจะถูกแทรกด้วย ของตกแต่ง ของสะสมของคุณน้อยและตระกูสุโกศลครับ (ของสะสมเหล่านี้แหละครับมที่จะเป็นตัวบอกเรื่องราวต่างๆของสยามประเทศให้เราได้รับรู้)



กระจกทรงข้าวหลามตัดเป็นตัวแทนความเป็นไทย เห็นแล้วก็นึกถึงกระจกสีตามวัดวาอาราม



หลายๆจุดในโรงแรมเลือกที่จะใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสารถึงความเป็นไปในสถานที่นั้นๆ แทนคำพูด อย่างจุดนี้ ทางไปลานจอดรถครับ



ที่ลอบบี้จะมีห้องน้ำชาอยู่หนึ่งห้องอาหารครับ ห้องอาหารนี้ชื่อว่า คาเฟ่ชา บรรยากาศก็เน้นตามสไตล์รีสอร์ท โอเพ่นแอร์อีกตามเคย





แต่ยังดีหน่อย ถ้าใครมาร้อนๆ ที่นี่ก็มีห้องแอร์ไว้รองรับคนไทยขี้ร้อนด้วยครับ







ของขึ้นชื่อของคาเฟ่ชา คงหนีไม่พ้น อาฟเตอร์นูนที(ชุดน้ำชายามบ่าย)เซ็ตนี้นั้นแหละครับ ในเซ็ตจะเลือกเป็นชาเย็นหรือชาร้อนก็ได้ ตามใจปราถนา



พูดถึงการทานอาฟเตอร์นูนทกันแบบทางการสักนิดดีกว่า ชั้นไหนควรกินอะไรก่อน ชั้นบนสุดเป็นขนมหวานแสนอร่อย เหมาะจะทานเป็นชั้นสุดท้าย มาการองที่นี่รสชาติใช้ได้เลยนะครับ คัพเค้ก(เท่าที่ชิมดูมันคล้ายมัฟฟินมากกว่า) ชิมรสสตรอเบอรี่ไป อร่อยอยู่นะ ครีมหอมสตรอเบอรี่ ทาร์ตชอคโกแลตแอบหวานไปนะ ขอบอกเลย ฟรุ๊ตเค้ก อืมมม ผมว่าแป้งมันเยอะไปหน่อย ไม่ชอบอ่ะ



ชั้นที่สอง โดยรวมคือคีชแฮมกับเบค่อน บิยอส (ขนมปังเนยที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของขนมปังหวาน)  มินิเบอร์เกอร์สอดไส้สลัดไข่ แฮม และเมล็ดมัสตาร์ด แซลม่อมรมควันและผักโขมแอนด์ แซนวิชแตงกวา ชั้นนี้ก็ต้องรีบทานก่อนชั้นบนเพราะถ้าโดนลมไปนานๆเข้าขนมจะชืดแข็งได้ รสชาติโดยรวม ไม่ได้อร่อย ว้าวอะไรมากมาย



สโคนคือขนมที่ต้องรีบทานตอนมาเสริฟใหม่ๆ เพราะถ้าไม่กินตอนร้อนๆมาใหม่ๆ ความอร่อยของสโคนจะลดลง 79.90% กันเลยทีเดียว

ป.ล. สโคนที่นี่เป็นแบบดั้งเดิมด้วยครับ



จัดขนมกันเบาๆไปล่ะ  เราเข้าไปสำรวจโรงแรมกันต่อดีกว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้างล่ะเนี้ยะ





ภายในโรงแรมค่อนข้างโอ่โทง และเชื่อว่าการตกแต่งของโรงแรมแห่งนี้ถือเป็นโรงแรมที่มีไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ใช้คอนเซ็ปเรือนกระจกมาใช้ในการตกแต่ง



อาคารภายนอกค่อนข้างสวยสะดุด ด้วยธีมการตกแต่งขาวและดำ รูปทรงประหนึ่งทรานฟอร์เมอร์ (จะแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้มั้ยเนี้ยะ)


เนื่องจากหลังคาของอาคารเป็นเรือนกระจก ผมว่าความสวยของอาคารจะปรับเปลี่ยนไปตามเวลาที่แสงและเงาทอดลงมาตามช่วงเวลาต่างๆ





สวนลอยฟ้า ( English Garden) ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจไม่แพ้จุดไหนๆของโรงแรมเลย ให้บรรยากาศเหมือนสวนป่าเรือนกระจก







ภายในรอบๆภายในอาคารของโรงแรม จะมีการโชว์ของสะสมมากมายหลากหลายอย่าง แต่ล่ะอย่างก็ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ใครชอบของเก่าๆน่าจะปลื้มที่นี่ได้ไม่ยากนะ









จุดนี้จะมีของสะสมประเภทเครื่องลายคราม เครื่องปั้นดินเผา อย่างในตู้โชว์ก็จะมีเครื่องปั้นดินเผาของสมัยบ้านเชียง ของจังหวัดอุดรธานีด้วยครับ แอบมีหลายชิ้นที่มาจากราชวงศ์จีนด้วย



ห้องสมุด ที่จุดนี้ของตกแต่งจะเป็นหนังสือหายากของเมืองไทยครับ นอกจากเราจะมานั่งอ่านหนังสือแล้ว ที่นี่ยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ไว้บริการด้วยครับ



ด้านในสุดจะเป็นมินิเธียร์เตอร์ขนาดย่อมๆ ใครสนใจจะดูหนัง สามารถจองห้องมินิเธียร์เตอร์นี้เป็นส่วนตัวได้เลย ของตกแต่งในห้องนี้ นอกจากข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับภาพยนต์มากมายแล้ว ก็จะมีตั๋วหนังจากโรงภาพยนต์ในยุคต่างๆของไทย ใส่กรอบโชว์ไว้ด้วย



เราไปดูทางห้องฟิตเนสกันบ้างดีกว่า อีกหนึ่งมุมพักผ่อนที่อยู่หน้าห้องฟิตเนส



ด้านหน้าห้องฟิตเนสจะมีของสะสมและเรื่องราวของประวัติศาสตร์การกีฬาไทย



ภายในฟิตเนส อุปกรณ์ในห้องค่อนข้างทันสมัยทีเดียว



ถ้าพูดถึงกีฬาอันดับหนึ่งของเมืองไทย คงไหนีไม่พ้นมวยไทย (ดังขนาดขนาดบอลไทยยังจะไปมวยโลกกันเลยทีเดียว) ที่นี่จึงยกเวทีมวยจริงๆ ขึ้นมาตั้งไว้เลยครับ เราสามารถเรียนมวยกับเทรนเนอร์ก้ามปู หรือ จะขอเรียนกับนักมวยจริงๆจากเวทีมวยราชดำเนินก็ได้ด้วย (อันนี้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม)



ในส่วนนี้คือในส่วนของสปา Opium Spa ที่นี่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ sodashi จากประเทศออสเตรเรียครับ sodashiเป็นผลิตภัณฑ์สปาเกรด A ที่เขาบอกว่าค่อนข้างที่จะบริสุทธิ สกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน เหมาะสำหรับคนแพ้ง่ายครับ



ทรีดเมนท์พิเศษของที่นี่คือ มวยไทยซิกเนเจอร์ครับ การนวดประเภทนี้คือการนวดแบบสวีดิสหรือการนวดน้ำมันผสมกับการนวดไทย ที่ใช้ท่ามวยไทยเข้ามาประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ศอก หรือ หมัด ในการนวด การนวดจะเริ่มต้นด้วยการนวดแบบไทยก่อน แล้วค่อยผสมกลมกลืนท่าทางต่างๆจนกลายเป็นการนวดน้ำมันแบบสวีดิส  จากที่ได้ลองมาแล้ว นอกจากนวดดีแล้ว ที่ชอบที่สุด คงเป็นการที่ได้สูดกลิ่นอโรม่ากลิ่นโปรด ทั้งก่อนทำ ระหว่างทำ และก่อนจบทรี้ดเม้นท์ครับ ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก



เราไปชมบรรยากาศ รอบๆสปากันดีกว่า



ห้องนี้คือห้องเสริมสวยครับ ออกแบบได้เก๋ไม่ซ้ำใครทีเดียว แต่ในความรู้สึกผม ผมว่ามันดูแอบมืดไปหน่อยนะครับ ผมชอบร้านตัดผมสว่างๆ



ห้องนี้ห้องทำเล็บครับ



ระหว่างรอ หรือ หลังจากเสร็จทรีทเม้นท์เราสามารถเข้ามาพักผ่อนที่ห้องนี้ได้ครับ การตกแต่งคล้าย Hammam ที่ประเทศตุรกี ห้องนี้คือห้องรีแลกซ์ของที่นี่ครับ





ในอาคารเรือนกระจก ก็จะมีประมาณนี้ เดี๋ยวเราออกไปเที่ยวด้านนอกในส่วนริมแม่น้ำกันบ้างดีกว่า



พื้นที่ส่วนริมน้ำ หลักๆจะเป็นห้องอาหารครับ ห้องนี้คือ Deco Bar & Bistro สำหรับผมห้องนี้คือตัวแทน ของไนท์คลับในยุค 70-80 ที่เป็นที่ยิมยมในสมัยนั้น



ด้านบนของห้องอาหารจะชื่อ Deco Bar ชมบรรยากาศติสแตกมากกกกก





ห้องน้ำ ยังติสแตกอลังได้อีกเนอะ



ห้องอาหารนี้เสริฟอาหารเช้าด้วยครับ อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่แบบอลาคาร์ต สั่งเป็นจานๆกี่จานก็กินได้ ถ้ากินหมดนะ แต่ที่ประทับใจผมคือเครื่องดื่มสำหรับมือเช้า เพราะมีหลายตัวเป็นเครื่องดื่มในเมนูปกติเลยครับ



อันนี้สำหรับคนชอบเพรสตี้ เบเกอรี่ ต้องสั่งเมนูนี้ครับ เบเกอรี่บ๊อกซ์



อันนี้ แซลม่อน เบเกิ้ล เมนูนี้มีดีที่แซลม่อนรมควัน  และผักสดออแกนนิคแสนอร่อย ใครรักสุขภาพแนะนำเมนูนี้ ส่วนขนมปังเบเกิ้ลใหญ่มากกก ถือว่าเอามาแกล้มกับผักกับแซลม่อนล่ะกัน กินขนมปังหมดนี่อ้วนกันพอดี



วัฟเฟิล ข้าวโพด และ มะพร้าว โดยรวมผมค่อนข้างเฉยๆกับเมนูนี้นะครับ ชอบวัลเฟิลแบบยามาซากิมากกว่าอ่ะ ยังไม่มีโรงแรมไหนทำแบบนั้นสักที่เลย



ส่วนมื้ออื่นๆ อาหารที่นี่จะเสริฟเป็นอาหารนานาชาติ หลากหลายเมนู แต่เท่าที่ได้ชิมมาเป็นอาหารอิตตาเลี่ยน ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 300 บาท ผมแนะนำพิซซ่า กับข้าวรีซอตโต้ครับ



ส่วนห้องอาหารที่อยู่ถัดไปติดริมน้ำคือห้องอาหารไทย ช้อน ที่นี่คือตัวแทนของเมืองไทยสมัยอยุธยา เพราะตัวเรือนของห้องอาหารนั้นได้นำมาจากบ้านเรือนไทยในอยุธยาจริงๆ (บ้านจิมทอมป์สัน อายุกว่าร้อยปี)



บรรยากาศ แบบทานอาหารในห้องครัวแบบไทยๆ อารมณ์เชฟเทเบิ้ล (ห้องนี้เฉพาะลูกค้าที่พักในโรงแรมเท่านั้น)



ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องอาหารส่วนตัว และห้องอาหารไทยในห้องแอร์ครับ



ชั้นล่าง ทนร้อนกันไป สำหรับคนไทยอาจไม่ค่อยปลื้มโซนนี้ ขอนั่งห้องแอร์ดีกว่า



บริเวณริมน้ำ ถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการเยอะ หรือมีกิจกรรมพิเศษ ก็จะมีการจัดโต๊ะเพิ่มในจุดนี้ด้วยครับ



มีโอกาสได้ชิมมื้อค่ำของที่นี่ ก่อนเริ่มอาหารมื้อค่ำที่นี่จะเสริฟของว่างก่อนครับ (ฟรี) วันที่ไปเป็นม้าฮ่อครับ



สำหรับผมแล้ว เมนูเด็ดของที่นี่คือ แกงปูใบชะพูล





อันนี้ไก่ย่างสมุนไพรเนื้อนุ่ม เป็นอีกเมนูที่ลูกค้าที่นี่ชอบสั่ง



ยำมะม่วงปูนิ่ม รสจัดจ้านน เป็นอีกเมนูไม่ไม่น่าพลาด



กุ้งแม่น้ำผัดพริกขิง อร่อยมากครับ รสไทยเลยนะจานนี้



เมนูสุดท้าย กระเพราปลาหมึก ที่สุดสำหรับผมเลย เมนูดูธรรมดา แต่ที่นี่ทำได้อร่อยมากกก โดนใจผมมากกก เพราะฉะนั้น นายพัก..สบายจึงขอมอบใบนเกียรติคุณให้กับเมนู.... หา อะไรนะ ไม่อยากได้เหรอใบเกียรติคุณของผม T__T



ถัดจากห้องอาหารช้อนไปสักนิดสักหน่อย จะเป็นส่วนของพูลบาร์ และ สระว่ายน้ำครับ



เอาไปชมกันเต็มๆเลยดีกว่า เช้า สาย บ่าย เย็น บรรยากาศสระว่ายน้ำเป็นยังไง จะได้เอาไปจิ้นกันถูก







เดินกันมานาน กินกันมาก็เยอะล่ะ  เราไปดูนั่งเล่นนอนเล่นกันในห้องห้องพักดีกว่า



Siam Suite

Siam Suite ห้องพักเริ่มต้นของที่นี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ถึง 80 Sqm ธีมการตกแต่งของทุกห้องพักจะเหมือนๆกัน แต่จะแตกต่างกันด้วยของตกแต่งภายในห้องพัก ของตกแต่งภายในห้องพักคือของสะสมของคุณน้อย (วงพรู) ที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของสยามประเทศ
Siam Suites

Siam Suite




อย่างห้องที่ผมพักเป็นห้องนักรบ ของตกแต่งในห้องพักจะเป็นประวัติศาสตร์ของนักรบของประเทศไทย มีดาบนักรบสมัยรัชกาลที่ห้า รูปภาพการแต่งกายของนักรบและทหารของสยามประเทศนยุคต่างๆ วางโชว์อยู่ในตู้โชว์



อย่างการตกแต่งห้องเสด็จประพาสราษฎรในต่างจังหวัด ของตกแต่งในห้องก็จะเป็นจดหมายเหตุ และรูปภาพของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ห้า ครั้งสมัยเสด็จประพาสและร่วมเสวยกระยาหารกับประชาชนที่หาชมได้ยาก





ห้องน้ำภายในห้องพัก ค่อนข้างสวยทีเดียวครับ



อเมนนิตี้  จะให้เป็นแบบขวดแบบนี้ครับ ไม่ชอบเลย ชอบแบบจิ๊กกลับบ้านได้



Riverview Suite ห้องนี้คือห้องหัวมุมที่เห็นวิวแม่น้ำครับ มีพื้นที่ 110 Sqm การตกแต่งคอนเซ็ปจะเหมือนกับ Siam Suite  เช่น ธีม แม่น้ำ ช้าง หรือ นางสาวไทย แต่มีการจัดวางพื้นที่ใช้สอยที่ต่างกัน











Pool Villa มีพื้นที่ใช้สอยถึง 120 Sqm ถ้าถามผมว่าห้องพักที่สวยที่สุดของที่นี่คือห้องไหน ผมขอบอกเลยครับคือห้องพูลวิลล่า การตกแต่งมีสามแบบ แบบไทยโคโลเนียล แบบจีนโอเรียลทอล และแบบอาร์ต เดโค  ห้องในรูปจะเป็นแบบอาร์ต เดโคครับ











ห้องนั่งเล่นจะอยู่ด้านหน้าห้องพัก เป็นแบบโอเพ่นแอร์กับสระว่ายน้ำส่วนตัวครับ



ทุกวิลล่าจะมีบันได ขึ้นไปชมบรรยากาศ ด้านบนด้วยครับ



แขกที่มาพักกับทางโรงแรมทุกคน ก็จะได้สิทธิพิเศษ จะมีบัทเลอร์บริการส่วนตัว ที่ห้องพักด้วยครับ ใครจะทำอะไร เรียกหาบัทเลอร์ให้ช่วยเหลือได้ทันที



ปิดท้าย ส่วนสุดท้ายของรีสอร์ทแห่งนี้ที่นี่ ท่าเรือส่วนตัว  ครับ



ช่วงเย็น บรรยากาศดีมากกกกก เหมาะกับการมานั่งชิลล์ๆ ชมอาทิตย์อัสดง





ที่นี่บริการเรื่อรับส่งแขกที่มาพักฟรีด้วยครับ เราสามารถนั่งไปลงได้ทุกท่าเรือที่เราต้องการ







เราสามารถนั่งเรือออกไปเที่ยวไปหาอะไรทานก็ได้นะครับ ร้านที่ทางโรงแรมแนะนำคือ ร้านครัวอัปษร ที่เป็นร้านโปรดของสมเด็จพระพี่นางฯนั้นเอง จุดที่ลงคือท่าเรือวัดราชาครับ




เมนูที่น่าลองที่ผมแนะนำ คือ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายครับ แกงไม่ข้นจนเลี่ยน เนื้อปลากรายใช้ของเกรด AA เลยครับ



เมนูนี้ สุดยอดมากครับ สำหรับผม ผมจำได้ว่าน้าที่เสียไปทำให้ทานบ่อยมากๆๆ ตอนเด็กๆ กินแล้วก็นึกถึงความทรงจำดีๆที่ลืมเลือนไป



ปิดท้ายที่เมนูนี้ครับ เมนูที่พระพี่นางทรงโปรด ปูผัดพริกเหลือง ไม่มีข้อติสำหรับเมนูนี้ AAA ไปเลย กราบงามๆให้สามที



สรุปปิดท้ายกันสักนิด

สำหรับผมแล้ว ผมว่า The Siam คือโรงแรมที่บ่งบอกความเป็นประเทศสยามในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร และไม่มีใครเหมือน และตีโจทย์ของสยามประเทศได้อย่างถึงแก่นจริงๆ  บรรยากาศฟีลลิ่งโดยรวมของโรงแรม ในทุกย่างก้าวให้ความรู้สึกเหมือนอาร์ทแกลลอรี่ หรือ มิวเซี่ยม ราคาห้องพักอาจดูสัมผัสยากกันไปสักนิดสำหรับคนไทย (จริงๆไม่นิดนะ เพราะตามเรทห้องพักเฉลี่ยแล้วที่นี่แพงกว่าโอเรียลเต็ลกรุงเทพอีกครับ) แต่ถ้าใครอยากลองสัมผัสกับที่นี่จริงๆ ผมแนะนำให้ลองมาทานอาหารดูสักมื้อครับ ราคาอาหารไม่ได้รุนแรงเกินไปกว่าโรงแรมห้าดาวโรงอื่นๆเลยนะ ผมแนะนำให้มาลองกระเพราปลาหมึกของที่นี่ครับ อร่อยแตกต่างจากร้านอื่นจริงๆ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณ คุณน้อย(วงพรู) ที่เปิดบ้าน(โรงแรม) ต้อนรับเป็นอย่างดี ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 7 มิถุนายน 2557 22:57:37 น.
Counter : 6631 Pageviews.

8 comment
Siam Kempinski Bangkok


การที่เราเลือกไปพักผ่อนที่ใดสักทีนึง จำเป็นด้วยเหรอ ที่จะต้องเดินทางไปไหนไกลๆ เสียเวลาเดินทางเป็นวันๆ หมดค่าใช้ใช้จ่ายมากมายไปกับค่าเดินทาง การพักผ่อนที่นี่ทำให้ผมรู้ว่าไม่จำเป็นเลยที่เราต้องเดินทางไปไหนไกลๆ บางทีที่ใกล้ๆ อย่างในกรุงเทพฯ ก็เติมเต็มความสุข สำหรับการพักผ่อนได้แล้วจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองมาพิสูจน์ที่นี่ด้วยตัวเองกันครับ

เรื่อทำเลที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้ จะมีที่ไหนดีกว่านี้มั้ยครับ ใจกลางย่านสยามสแควร์เลย เพียงแค่ 1 นาที สำหรับการเดินข้ามไปเดินลั้นลาที่สยามพารากอนครับ จะเอาอะไรล่ะ สารพันบันเทิง สารพันของกิน สารพันแหล่งชอปปิ้งที่เรียกว่าผนึกไปกับโรงแรมเลยก็ว่าได้



คอนเซ็บของโรงแรมที่นี่ จะแตกต่างจากโรงแรมในกรุงเทพทั่วไป เพราะที่นี่จะเน้นจุดขายว่าเป็นโรงแรมสไตล์รีสอร์ทในเมืองกรุง โดยโรงแรมประเภทรีสอร์ทในกรุงเทพจะมีอยู่ไม่กี่แห่งเองครับ ส่วนใหญ่จะเป็นซิตี้โฮเทลกันหมด





ลอบบี้ที่นี่เน้น ความโอ่โท่ง อลังการ แบบที่เรียกว่าสุดๆกันเลยล่ะ ข่าววงในที่ได้ยินมามา คือที่นี่ได้รับการตกแต่งด้วยกรมศิลป์กันเลยล่ะครับ จึงทำให้โรงแรมนี้หรูหรา ไฮโซ ประหนึง เหมือนราชวังสักราชวังนึง ไม่มีคำบรรยายสำหรับจุดนี้ให้ภาพบรรยายทุกอย่างกันนะไปนะครับ







"เลดี้อินเรด" คือตัวแทนของโรงแรมแห่งนี้ ที่จะคอยช่วยเหลือแขกทุกคน ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโรงแรมนี้เลยล่ะครับ เธอเปรียบเหมือนสารานุกรมเดินได้ของสยามเคมปินสกี้ก็ว่าได้ ใครต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ มองหาเธอได้ที่ลอบบี้แห่งนี้แหละครับ



หนุมานบาร์ คือ ลอบบี้บาร์ของลอบบี้นี้ เมื่อก่อนบาร์แห่งนี้จะอยู่ที่ห้องน้ำชาทีเล้าจน์ แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนมาไว้ที่ลอบบี้นี้แทน ใครชอบนั่งดื่มชิลล์ๆบรรยากาศคึกคักของลอบบี้คงต้องมาลองที่นี่ดูกันสักครั้ง







ยูโรปา บาซิรี่ ห้องอาหารบุฟเฟ่หลักของที่นี่ ใครอยากมาทานบุฟเฟ่ที่โรงแรมนี้ต้องที่ห้องอาหารนี้เท่านั้นครับ บรรยากาศสไตล์ไทยประยุกต์ ทำให้ห้องอาหารนี้สวยมีสเน่ห์อย่างน่าประหลาด







บุฟเฟ่อาหารเช้าของที่นี่ ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้ที่ไหนๆ เรียกว่า ใครที่ชอบเพลิดเพลินมีความสุขกับอาหารมื้อเช้า รับรองต้องชอบที่ห้องอาหารนี้แน่นอนครับ








ห้องอาหาร สระบัว ถือเป็นห้องอาหารซิกเนเจอร์ของที่นี่ เพราะที่โรงแรมแห่งนี้ใช้ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์เผื่อระลึกถึงอดีตว่าณ.ที่จุดนี้ในสมัยโบราณเป็นบึงบัวของวังสระปทุมทางโรงแรมจึงเลือกใช้ให้ทุกจุดของโรงแรมมีดอกบัวประกอบไปด้วยเสมอ





อาหารของที่นี่เน้น ความเป็นอาหารไทยฟิวชั่น ที่เสริฟมาได้ค่อนข้างว้าวทีเดียว คอนเซ็บของที่นี่คืออาหารไทย ฝีมือ เชฟมิชลินสตาร์ กับ การจัดจานอาหารที่ต้องทำให้คุณต้องร้องว้าววว กันเลยทีเดียว



นิช ห้องอาหารน้องใหม่ล่าสุดของโรงแรมแห่งนี้ เมื่อก่อนที่นี่คือห้องน้ำชาและบาร์ทีเลาจน์ แต่เมือ่บาร์ได้ถูกย้ายไปไว้ที่ลอบบี้แล้วที่ห้องอาหารนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องอาหารที่เน้นบรรยากาศสบายๆ คอนเซ็ปของห้องอาหารนี้คือ ความง่ายๆสบายๆในราคาที่จับต้องได้ ครับ

ภาพจาก ทีเลาจน์ ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอาหารนิช













exclusive lounge พื้นที่ไพรเวทกับแขกคนพิเศษของโรงแรม ตั้งแต่เร่ร่อน ตามโรงแรมต่างๆมา ผมว่ามื้อเย็นของ exclusive lounge ที่นี่อลังการที่สุดในโลกหล้า โรงแรมอื่นเสริฟ คานาเป้ไม่พร่องก็บุญแล้ว แต่ที่นี่จัดเต็มเสริฟเป็นมินิบุฟเฟ่กันเลยล่ะครับ อาหารไทย ฝรั่ง เบเกอรี เพรสตี้ คอกเทล จัดครบ จัดเต็มเลยล่ะครับ





เราไปดูพื้นที่ส่วนกลางของรีสอร์ทกันบ้างดีกว่า





พื้นที่ส่วนกลางของรีสอร์ทถูกอัดแน่นไปด้วยสระว่ายน้ำถึง สี่สระด้วยกัน เรียกว่าว่ายกันจุใจไปเลยครับ ใครอยากเล่นสระไหน











ที่สระจะมีเสริฟน้ำดื่มและผลไม้ให้ฟรีด้วยครับ



พูลบาร์ของที่นี่ชื่อ ราทุนด้า ใครอยากหาอะไรชุ่มคอ แบบไม่ฟรีก็เชิญที่นี่ครับ



ฟิตเนสจะอยู่ชั้นที่บนสุด ของตึกฝั่งห้องอาหารสระบัว วิวอาจไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่ แต่อุปกรณ์ครบครัน พร้อมซาวน่า สตรีม และอ่างจากุซชี่







ในส่วนของห้องพัก ระดับเริ่มต้นในฝั่งของโรงแรมที่นี่ ก็เรียกว่าสวย เย็นสบายตา และหรูหรามาก สมกับที่ใครๆว่ากันว่าเป็นโรงแรม  6 ดาว กันแหละครับ





ส่วนใครชอบห้องพักสไตล์เรียบหรู ให้ฟีลลิ่งสไตล์เรสซิเดนท์  ที่นี่ก็มีห้องพักสไตล์เรสซิเดนท์ให้เลือกเข้าพักกันด้วย ครับ แต่ผมแอบชอบ ห้องทางฝั่งโรงแรมมากกว่านะ อิอิ





ส่วนหองพักในระดับสูงๆขึ้นขึ้นไปก็ดูหรูหรา ไฮโซไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องที่แพงที่สุดคือห้อง รอยัลสวีท ห้องนี้เรียกว่าแทบเหมาชั้นกันเลย มีทุกอย่างที่ความหรูหราจะมีได้ ทั้งห้องอาหาร ห้องนอนหลายห้อง ห้องทำงาน บาร์ส่วนตัว สระน้ำส่วนตัว ห้องสปา และห้องฟิตเนสส่วนตัว กันเลยล่ะครับ







สรุปปิดท้ายกันสักนิด

  ถ้าต้องการจะเลือกพักผ่อน โดยเลือกที่จะนำเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปรับเปลี่ยนให้เป็นความสุขในระดับลักซูรี่ ผมแนะนำให้ลองเลือกมาพักผ่อนกับที่นี่ดูสักครั้งครับ และคุณจะประทับใจแบบผมการเดินทางทริปนึงไปนอนต่างจังหวัดสามวันสองคืน เอาจริงๆแล้วก็หมดกันเกือบหมื่นอยู่แล้ว ลองมาเลือกพักผ่อนโรงแรมกรุงเทพใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า มีเวลาเติมเต็มความสุขได้มากกว่า แล้วคุณจะรู้ว่า ความสุขอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิดครับ




Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2557 0:00:48 น.
Counter : 9370 Pageviews.

386 comment
Four Points by Sheraton Bangkok


วันนี้นายพัก...สบาย จะพาเพื่อนมาเที่ยวโรงแรมน้องเล็กแห่งเครือสตาร์วู้ด น้องเล็กคนนี้มีชื่อว่าFour Points by Sheraton ครับ จุดขายหลักของที่นี่คือความเป็นแฟมมิลี่โฮเทลแบบโรงแรมรุ่นพี่อย่าง Sherato nแต่ได้มีการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมและให้เข้ากับกลุ่มตลาดที่อาจไม่ต้องการเน้นความเป็นแฟมมิลี่โฮเทลแบบกลุ่มผู้ใหญ่มากนัก มาครับ มากับผม ผมจะพาไปสำรวจโรงแรมนี้กัน

Four Points by Sheraton ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิมซอย 15 ทำเลดีมากใกล้ๆ Terminal 21 ใกล้สถานนี BTS อโศก และ สถานีMRT สุขุมวิท เรียกได้ว่าใจกลางกรุงทีเดียวครับ



ขอเริ่มจากลอบบี้โฮเทลก่อนเลยนะครับ ถึงแม้จะเป็นแฟมมิลี่โฮเทล ก็ไม่จำเป็นต้องแก่นะครับ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่จับกลุ่มตลาดแฟมมิลี่สำหรับคนรุ่นใหม่ การตกแต่งจึงดูทันสมัย ดูมีสีสัน แถมมีส่วนของความเป็นศิลปะเข้ามาประกอบด้วย ทำให้โรงแรมแฟมมิลี่โฮเทลโรงนี้ ดูมีสีสัน แตกต่างจากโรงแรมแฟมมิลี่โฮเทลที่อื่นๆ ที่ลอบบี้นี้เราสามารถขอพาสเวิร์ด WIFI มาเล่นฟรีได้นะครับ (ใช้ได้เฉพาะพื้นที่ส่วนกลาง)











ที่อยู่ติดกับลอบบี้จะเป็นบิสซิเนสเซนเตอร์ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นะครับ ใครอยากลงมาใช้คอมก็ต้องตรงนี้แหละครับ 



ส่วนด้านหน้าลอบบี้คือร้านอาหาร BeerVault บรรยากาศร้านจะประมาณร้านสังสรรร้านเบียร์ตามสไสตล์เมืองนอกเลยครับ ใครชอบทานเบียร์ห้ามพลาด ข้อดีของร้านนี้นอกจากเบียร์จะถูกมากแล้ว ราคาอาหารก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรเริ่มต้นที่ร้อยกว่าไม่มี++ ด้วยครับ จะเปิดช่วงเย็นๆของทุกวัน







อาหารของที่นี่ก็จะเน้นเป็นอาหารฝรั่งหรืออาหารสัญชาติไทยที่ฟิวชั่นออกมาหน้าตาเหมือนฝรั่งๆ

อย่างจานนี้จะเป็น กระเพราบีฟเบอร์เกอร์ ตามที่ชิมมามันคือกระเพราเนื้อธรรมดานี่แหละครับ รสจัดจ้านมากก เอามาอัดให้เป็นรูปวงกลมทรงแบนๆเหมือนแฮมเบอร์ อาหารจานนี้จึงเป็นอาหารฟิวชั่นที่ลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ



พายของร้านนี้ถือเป็นอะไรที่น่าลองมาก เพราะอร่อยแบบไม่น่าพลาดชิมจริงๆ ส่วนไก่ทอด รสชาติทั่วไปไม่มีอะไรเด่น



จานนี้เป็นอีกจานที่ห้ามพลาด เพราะจัดหนักมากกก แถมราคาก็ไม่ได้แพงเลย มีทั้งขนมปังกระเทียม ชีส สลัดมันฝรั่ง ไส้กรอกเนื้อ ไส้กรอกหมู ซาลามี แนะนำเลยครับสำหรับของแกล้มเบียร์



เบียร์สดที่นี่นอกจากอร่อยถูกปากยังมีเยอะมากมายหลายยี่ห้อ แถมมราคาก็ไม่แพงอีกต่างหาก แนะนำเลยครับ



ส่วน อีกห้องอาหารจะอยู่บริเวณด้านในสุดของชั้นลอบบี้ ชื่อ The Eatery สามารถหาอาหารทานได้ทุกมื้อเลยครับ มื้อที่ผมได้ลองคือมื้อเช้าครับ ขอบอกว่าอาหารเช้าอร่อยและดีมากกว่าที่ผมคิดไว้มากจริงๆ โดยเฉพาะอาหารไทยที่ออกรสไทยๆเลย ปลื้มมมม













และที่ต้องไปพลาดที่จะลองชิม พายซิกเนเจอร์ของทื่นี่ ถ้าใครได้ทานอาหารเช้าที่นี่ต้องไม่ลืมที่จะลองนะครับ รสเดียวกบที่ขายที่ BeerVault เลย



ส่วนอีกห้องอาหารจะอยู่บริเวณสระว่ายน้ำชั้น Rooftop AmBar เป็นบาร์บรรยากาศโอเพ่นแอร์ ถึงแม้บรรยากาศอาจจะ ไม่ได้ดีเลิศนะครับ แต่โดยรวมก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว  











ที่ชั้นนี้ ของเด็ดของหนีไม่พ้น ค๊อกเทลมากมายหลากรสชาติ



กับแกล้ม ชองทานเล่นนี่นี่นอกจากจะมีแบบที่ฝรั่งจ๋าแล้ว ก็มีของทานเล่นแบบไทยๆ ทั้งไส้กรอกอีสาน  ลาบไก่ น้ำตกปลาช่อน และที่สำคัญ รสไทยจ๋าหมดเลยครับ



ส่วนที่Rooftop ก็จะมีฟิตเนสก็อยู่ด้วย



สระว่ายน้ำก็จะอยู่ชั้นนี้เหมือนกัน สระว่ายน้ไม่ใหญ่นะครับ วิวก็นะ อย่างที่เห็นๆกัน ช่วงวันอาทิตย์จะมีพูปาร์ตี้ราคาน่าคบหาอยู่ด้วยครับ







เราไปสำรวจส่วนสุดท้ายของโรงแรมกันดีกว่า ห้องพักครับ



Presidential Suite ห้องนี้คือห้องที่แพงที่สุดของที่นี่ พื้นที่ใช้สอย ใหญ่โตกว้างขวาง แต่การตกแต่งธรรมดางั้น ห้องนี้จึงมีดีที่พื้นที่ใช้สอยที่กว้างและห้องน้ำที่สวยและใหญ่โตกว่าที่อื่นๆเท่านั้น 







ส่วนห้อง Suite แบบอื่นก็จะดูไม่ต่างกันมากมายเท่าไหร่ อย่างห้องนี้ให้อารมณ์คล้ายห้องสวีทที่เลอเมอลิเดี้ยนเชียงใหม่









ห้องนี้คือห้อง Suite ที่มีระเบียงสวนส่วนตัว ถ้าถามผมว่าห้องสวีทห้องไหนน่าสนใจที่สุด ผมคงตอบว่าห้องนี้แหละครับ









ส่วนผมมีโอกาสนอนแค่ห้องธรรมดา Comfort Room ผมว่าแค่ห้องเริ่มต้นก็น่าสนใจไม่น้อยแล้วครับ ขนาดห้องเริ่มต้นบางห้องอาจจะเล้กไปสักนิด แต่คอนเฟิร์มเรื่องเตียง เครือนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน แถมห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำ ห้องสุขา แยกโซนเปียกโซนแห้ง และที่สำคัญ

 ***ระบบน้ำที่นี่เป๊ะมากๆๆ น้ำร้อนน้ำอุ่นสั่งได้อย่างใจนึกจริงๆ อุณหภูมิน้ำและความแรงของน้ำคงที่ตลอดด้วยครับ ให้ชนะเลิศเลยครับในจุดนี้ เรียกว่าดีกว่าโรงแรมห้าดาวหลายๆโรงเลยด้วยซ้ำ







Amenities เป็นกลิ่นเลม่อนหอมสดชื่น กลิ่นคล้ายๆที่เลอนะ แต่ผมชอบที่เลอมากกว่า



ตู้เสื้อผ้า มินิบาร์ เรียกว่าจัดครบจัดเต็มจริงๆครับ สำหรับเรื่องนี้ ไม่แพ้ห้าดาวแน่นอน คอนเฟิร์ม



สิ่งที่ปลื้มสำหรับโรงแรมนี้

1. เรื่องระบบน้ำร้อน น้ำเย็น ที่เป๊ะทั้งเรื่องอุณหภูมิ และความคงที่ของกระแสน้ำ
2. ห้องน้ำสวย ห้องพักที่มีทุกอย่างครบตามที่โรงแรมห้าดาวมีเลยครับ 
3. อาหารเช้าดี อร่อย เยอะ หลากหลาย

สิ่งที่ไม่ปลื้มสำหรับโรงแรมนี้

1.วิวเรื่องเดียวครับ ไม่ใช่แค่วิวไม่สวยนะครับ แต่ไม่มีวิวเลยต่างหาก ใครรับได้เรื่องนี้ ผมว่าที่นี่ผ่านฉลุยครับ



Create Date : 22 สิงหาคม 2556
Last Update : 2 กันยายน 2556 22:40:50 น.
Counter : 8394 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  

Paksabuy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 340 คน [?]



free counters
Free counters