สวิสเซอร์แลนด์ แดนในฝัน " ลูเซิร์น "
เกริ่นนำ : แรกเริ่มเดิมที ครอบครับเรา 4 คนวางแผนที่จะไป สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน ที่ไม่ว่าใครอยากจะไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เราวางแผนที่จะเดินทางช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว และติดขัดปัญหา บางประการเลยต้องยกเลิก และนำโครงการมาปัดฝุ่นใหม่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมกับเรา เพราะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อย และยังเป็นช่วงปิดเทอมของลูกชาย และเราได้สมาชิกอีกครอบครัวหนึ่ง 3 คน รวมเป็น 7 คน ตอนแรกก็หาข้อมูลว่าจะไปกับทัวร์ หรือจะไปเอง เข้ามาอ่านที่ Trekkingthai และ ที่ Pantip ตลอด เลยคิดว่าน่าจะไปเองได้และเราจะได้เที่ยวในสิ่งที่เราอยากไป ไม่ขึ้นกับโปรแกรมทัวร์ จัดการจอง Swiss Package โดยผ่านทางบริษัท ดีทแฮล์ม ราคาในช่วงนี้สูงกว่าช่วงปกติทั้งๆที่เป็น Low season ของสวิส แต่คงจะเป็น Hi season ของนักท่องเที่ยวชาวไทย แล้วจอง สวิสพาส เพิ่มอีก 4 วัน รวมกับ 4 วัน จาก Package เป็น 8 วัน และจองโรงแรมเพิ่มอีก 4 คืน รวมกับ 3 คืนจาก Package เป็น 7 คืน แผนการเดินทาง เพื่อเป็นอรรถรส ในการติดตามชมวันแรก 1 พค 2548 เที่ยวลูเซิร์น ไปค้างคืนที่ เบิร์นวันที่ 2 พค 2548 เที่ยวเบิร์น ล่องทะเลสาบทูน ค้างที่อินเตอร์เลคเคนวันที่ 3 พค 2548 เที่ยวเมือง Meiringen ไปค้างคืนที่กรินเดอวาลวันที่ 4 พค 2548 เที่ยว Jungfaujoch กลับมาค้างคืนที่กรินเดอวาลวันที่ 5 พค 2548 เที่ยว Lauterbrunen, Murren, Schilton เดินทางไป Zermatt ค้างคืนที่ Zermatt วันที่ 6 พค 2548 เที่ยวชมยอดเขา Matterhorn กลับมาค้างคืนที่ Zermattวันที่ 7 พค 2548 นั่ง กลาเซียเอ็กเพรซ จาก Zermatt ไป Chur และนั่งรถไฟต่อไป ซูริค ค้างคืนที่ ซูริควันที่ 8 พค 2548 เดินทางไปชมน้ำตกไรน์ แวะกลับเที่ยวในตัวเมืองซูริค ช่วงกลางคืนบินกลับ กทวันแรก บททดสอบความอึดเครื่องบินของสายการบินไทย ที่พวกเราถูกฝากมา ร่อนลงแตะรันเวย์ ที่สนามบินซูริค เวลา 7 โมงกว่า ก้าวแรกที่สัมผัสได้คือความหนาวเย็นหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาสถานีรถไฟ ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็น เดินไปตามป้ายบอกทาง ก็จะเจอ เราติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการ Activate ตั๋ว Swiss pass ที่จะใช้ใน 8 วัน ที่อยุ่ในสวิส และสำรองที่นั่งกลาเซียเอ็กเพรซ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จ แล้วเราก้ไปที่ห้อง Baggageเพื่อทำการส่งกระเป๋าใบใหญ่ไปที่สถานีรถไฟอินเตอร์เลคเคนเพื่อเราจะไปรับในวันที่ 3 เขาคิดราคาค่าส่ง 10 สวิสฟรังค์ ต่อกระเป๋า 1 ใบ สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ในช่วง 2 วันนี้ก็ใช้เป้ใบเล็ก เพื่อง่ายต่อการเดินทางท่องเที่ยว เมื่อเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟไป ลูเซิร์น รถไฟในสวิส ออกตรงเวลามาก ในขบวนรถไฟก็สะอาด ที่นั่งก็สบาย หลังจากนั่งชมวิวมาสักพัก ก็ถึงเมืองลูเซิร์น ตามโปรแกรมที่วางแผนมา กะว่าจะนั่งเรือล่องทะเลสาบลูเซิร์น ไปขึ้นที่เมือง Alpnachstadแล้วต่อรถ cog rail ขึ้นยอดเขา Pilatus แล้วกลับทางรถกระเช้าลงไปที่เมือง Kriens แล้วต่อรถบัสกลับลูเซิร์น ปรากฏว่ารถ cog rail ปิดในช่วงนี้เลยต้องเปลี่ยนแผนใหม่ โดยจะล่องเรือในทะเลสาบลูเซิร์น ไปจนถึงเมือง Vtznau และนั่งรถ rack rail ขึ้นยอดเขา Rigi แล้วลงโดยรถกระเช้าไปที่เมือง Weggis แล้วนั่งเรือกลับลูเซิร์น ท่าเรือก็อยู่ติดๆกับสถานีรถไฟ มีคนมาคอยขึ้นเรือมากพอสมควรการล่องเรือใช้ Swiss pass ได้ เรือจะมีสองชั้นชั้นบนเป็นตั๋วชั้นหนึ่ง ส่วนตั๋วชั้นสอง อยู่ด้านล่าง วิวทิวทัศน์ของเมืองลูเซิร์น ริมทะเลสาบลูเซิร์น วิวทิวทัศน์ของเมืองลูเซิร์น ริมทะเลสาบลูเซิร์น เรือใบ กีฬาทางน้ำที่ลูเซิร์น 1เรือใบ กีฬาทางน้ำที่ลูเซิร์น 2ทิวทัศน์ของยอดเขา ขณะล่องเรือทิวทัศน์ที่ท่าเรือเมือง Vitznauที่ท่าเรือเมือง Vitznau มีสถานีรถ rack rail อยู่ใกล้ๆ พอไปตีตั๋ว เอาสวิสพาสให้ดู ได้ลดราคา 50 % เหลือ 29 สวิสฟรังรถใต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นวิวทะเลสาบสวยมากๆ พยายามจะถ่ายภาพแต่ไม่ได้เรื่อง สุดท้ายมาสิ้นสุดที่ Rigi Klum ยอดเขา Rigiนั่งชมวิวบนยอดเขา Rigiเดียวดายในอ้อมกอดของขุนเขาดูเหมือนจะเป็น โบสถ์เล็กๆบนยอดเขา Rigiคิดถึงใคร????พวกเรากินอาหารกลางวันกันที่ Rigi klum hotel ที่อยู่บนยอดเขาเมื่อเที่ยวจนพอใจแล้ว ก็นั่ง รถ rack rail ลงมาที่สถานี Rigi Kaltbad เพื่อนั่งรถกระเช้าต่อไปที่เมือง Weggis มีคนมารอรถกระเช้าเยอะมากเที่ยวที่พวกเราลง คนแน่นมากๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปเมื่อถึงสถานีแล้วต้องเดินต่อไปไกลพอสมควารเพื่อไปที่ท่าเรือทิวทัศน์ที่เมือง Weggisทิวทัศน์ที่เมือง Weggisหลังจากมาถึงเมืองถึงท่าเรือเมืองลูเซิร์น ที่ท่าเรือมีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ ขึ้นไปเล่นน้ำอยุ่บนน้ำพุ เป็นที่สนุกสนานเดินไปชมสะพาน Chapel ที่เป็นสัญลักษณ์ ของลูเซิร์นทางเดินในสะพานแล้วเดินต่อไปที่ Lion Monument ช่วงที่ไปถึงแดดอ่อนแล้วกลับไปที่สถานีรถไฟ กินอาหารเย็น แล้วนั่งรถไฟไป เบิร์นเป็นกังวลอยู่ว่ากว่าจะถึงเบิร์น ก็คงจะสี่ทุ่มกว่า ไม่รู้ว่าโรงแรมจะเปิดให้เช็คอินหรือไม่ เพราะโรงแรมเล็กๆจะไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในช่วงกลางคืน ทุกคนเหนื่อยอ่อนหลับไหลกันหมดเนื่องจากเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ถ้าที่เมืองไทยก็คงราวๆเกือบ ตี 3 และทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยจากากนั่งเครื่องบิน ซึ่งก็นอนไม่ค่อยหลับ และยังตะเวนเที่ยวอีกตลอดวัน ยังไม่รู้เลยถ้าเข้าเช็คอินไม่ได้จะทำอย่างไร เมื่อรถมาถึง เบิร์น อันดับแรกต้องหาโรงแรมก่อนเพราะแผนที่ที่ให้มาดูไม่ออก ถามเจ้าหน้าที่สาวที่สถานีรถไฟ คุณเธอครุ่นคิดแล้วสั่นหน้า ถามคนที่เดินหลายคนก็ไม่รู้จัก โชคดีมีคนหนึ่งที่ขี่จักรยานมารู้จักและบอกทางให้ เราเดินมาสัก 5 นาที ก็ถึงโรงแรม ปรากฏว่าประตูหน้ล็อค มองเข้าไปข้างในมืดสนิท แย่แล้วเรา พอดีเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษติดอยู่ที่ประตู อ่านได้ความว่าให้เราไปเช็คอินที่โรงแรมที่อยู่ตรงข้าม เฮ้อรอดตัวไป ไม่ต้องนอนหนาวที่สถานีรถไฟ หลังจากเช็คอินแล้ว นำคีย์การ์ด มาเสียบที่ประตูเพื่อเปิดประตูหน้า โรงแรมมืดสนิทไม่มีคนเลย ในที่สุดเราก็ได้มาถึงห้องพัก อาบน้ำอาบท่า แล้วขึ้นเตียงหลับเป็นตายจบวันแรก