เด็กขี้สงสัยโต๊ะ79
Group Blog
 
All Blogs
 

นาฬิกาชีวิต เล่ม ๓ สรุปการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร (คำนำ)

นาฬิกาชีวิต เล่ม 3 สรุปการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร

แนะนำ
อ.สุทธิวัสส์ คำภา

ผู้รอบรู้เรื่องธรรมชาติบำบัด ทั้งป้องกัน ไล่ล่า ติดตามป้องกันมาตลอด ทั้งนาฬิกาชีวิตเล่ม 1 เล่ม 2 และเกิดสูตรใหม่ๆ ขึ้นมากมาย อาจารย์ได้ค้นพบก็นำมาบอกเล่าทางวิทยุ AM 630 เวลา 13.00-14.00 และ AM1053 เวลา 14.00-15.00 ทุกวัน เพราะอาจารย์เป็นผู้ให้ตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสก็จะเปิดสายให้โทรเข้าไปซักถามได้ตามสาเหตุที่ป่วย เพื่นคนอื่นจะได้รับทราบด้วย

อ.สุทธิวัสส์เป็นผู้ให้มาตลอดชีวิต ทุกคนซาบซึ้ง อบอุ่น เคารพ เพื่ออาจารย์หมด ความดีที่ อ.สุทธิวัสส์มอบให้ พูดได้ทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปีก็ไม่หมด สมาชิกจะรู้จักท่านดีในหนังสือนาฬิกาชีวิต เล่ม 1 และนาฬิกาชีวิต เล่ม 2 คนที่สัมผัสแล้วจะรู้ว่าท่านรอบรู้มากขึ้นๆทุกวัน จนตามท่านไม่ทันเพราะท่านค้นคว้าตลอดเวลา ท่านจึงเป็นผู้รู้ ผู้ให้ ผู้เสียสละอย่างแท้จริง

นี่แหละคือ อ.สุทธิวัสส์ คำภา

คำนำ
ทำไมต้องจบที่เล่มที่ 3 จริงๆ แล้วไม่จบก็ได้ แต่เราติดตามโรคต่างๆ ทุกวัน มันก็เจริญรวดเร็วขึ้นทุกวัน เราแก้เรื่องโรคหวัดได้ แต่มันพัฒนาไปเป็นไข้หวัดนกอีกแล้ว แถมยังมีหลายสายพันธุ์อีกด้วย เราตามไม่ทัน มันวนเวียนอยู่อย่างนี้ เรากินอาหารรักษาโรคนี้ แต่ไปกระทบโรคนั้นไม่รู้จบ เราก็ต้องมาจบตรงที่ว่า กินพอดี กินเพื่อสุขภาพ ตามวิธีชีวิตคนโบราณ และเรียนรู้การกินแบบธรรมชาติบำบัด เอาาแบบอย่างหนังสือนาฬิกาชีวิต เล่ม 1 เล่ม 2 และเล่ม 3 (ตอนจบ) ก็คงจะเพียงพอแล้ว

ขอขอบพระคุณสมาชิกทุกๆท่านที่ให้กำลังใจอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้ติดตามผลงานของหนังสือนาฬิกาชีวิต เล่ม 1 เล่ม 2 และเล่ม 3 (ตอนจบ) ตลอดมา

ด้วยความขอบคุณและปรารถนาดีอย่างจริงใจ
จาก อ.นวลฉวี ทรรพนันทน์




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:24:03 น.
Counter : 4183 Pageviews.  

เล่ม ๒ ตอนที่ ๘ สูตรเด็ด

สูตรเด็ด

รักษาไต
ข่า-ตะไคร้-ใบมะกรูด-ใบมะนาว-ใบสะระแหน่-หอมแดง-กระชาย (7อย่าง) อย่างละ 1 กำมือของผู้ป่วย ใส่หม้อดิน เติมน้ำให้ท่วม ต้มด้วยเตาถ่านให้น้ำเหลือ 2 แก้ รับประทานทุกวัน เวลา 17.00-19.00 รวม 30 วัน

ใบย่านางแดง ปั่นกรอง ดื่มฆ่าเชื้อราในลำไส้ ล้างพิษทุกระบบ แก้เชื้อราที่มาจากพยาธิ (พยาธิจะไปทำลายสมอง) และให้กินผักที่มีเมือกด้วย

ใบมะรุม กินวันละ 10 ยอด ฟื้นฟูตับอ่อน (แก้เบาหวาน)

เม็ดมะรุม (รากเป็นพิษ กินไม่ได้) ฆ่าไวรัส เพิ่มภูมิต้านทางของร่างกาย รักษาสายตา

น้ำมันผิวส้มสกัดเย็น สูตรนาฬิกาชีวิต ทำให้ผิวเนียบนุ่ม ชุ่มชื่น สดใส และอ่อนเยาว์

กระเพรา 1 กำมือ ใส่น้ำ 2 ลิตร ต้มเดือด 5-41 นาที กินแต่น้ำวันละ 5 แก้ 3 วัน แก้ปวดข้อ ปวดเข่า

สมอไทย แก้ได้สารพัดโรคเพราะมีรสเปรี้ยว ฝาก หวาน ขม เผ็ด เค็ม และรสเมา สรรพคุณ กัดเสมหะ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ แก้ท้องผูก ชำระล้างเมือกมันในลำไส้ สมานแผนในปากและในกระเพราะ บำรุงกำลัง บำรุงน้ำดี ขับลมในกระเพราะ แก้ปวดท้อง จุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร ทำให้นอนหลับสบาย

น้ำมันงาดิบสกัดเย็นบริสุทธิ์ ใช้สำลีหมากๆ เช็ดหน้า บ้างเครื่องสำอางค์ทุกวัน หน้าจะสะอาด ไม่มีฝ้า กระดำกระด่างทาหน้า คอ แขนและมือ จะห้องกันแสดงแดดได้ดี ผิวจะนุ่ม ไม่หยาบกร้าน และทาก่อนลงว่ายน้ำเพื่อป้องกันการแพ้คลอรีน

ทานำมันขิงแก่สกัดแช่เย็นบริสุทธิ์ แก้ปวดกล้ามเนื้อ คลายเส้น และช่วยสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง (ลดหน้าท้อง) ได้ดีมาก ทำให้ผิวหนังกระชับ ไม่หย่อนยาน และทานวดแก้นิ้วล๊อก

น้ำมันข่าแก่สกัดเย็นบริสุทธิ์ ทาแก้ปวดข้อเข่า โรคเก๊าท์ และชาตามาปลายประสาท อมน้ำมันข่า 2 นาที แก้เหงือกร่อน ฟันเหลืองก็จะขาว และดึงสารพิษออกได้ดีกว่าอมน้ำมันงาเพียงอย่างเดียว

น้ำมันงาดิบ+น้ำมันขิง+น้ำมันมะกรูด อย่างละเท่าๆกัน ชโลมผม (หลังสระสะอาดแล้ว) ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก จะหยุดผมร่วงได้ ผมที่งอกใหม่จะดำผมขาวก็จะค่อยๆ กลับมาดำได้อีก

ข่ามีสารสำคัญ ACA มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิดมะเร็ง การกินข่าก็เหมือนการกินยาป้องกันมะเร็ง

ผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นเชื้อราในช่องปาก นำข่าแก่มาทุบให้ละเอียด ห่อผ้าขาวบางแล้วนำไปดองกับเหล้าขาว 15-20 วัน แล้วใช้น้ำข่าที่ดองมาบ้วนปาก กลั้วปากและคอทั้งเช้าและเย็น ก่อนอาหาร




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:23:03 น.
Counter : 1118 Pageviews.  

เล่ม ๒ ตอนที่ ๗ ถามมา-อาจารย์ตอบ

ถามมา-อาจารย์ตอบ
ถาม : หัวใจเต้นผิดปรกติจะทำอย่างไรดี
ตอบ หัวใจเต้นผิดปรกติ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หาแหวนเงินใส่นิ้วกลางก่อน ใส่มันสองนิ้วเลย แล้วหัวใจจะเต้นเป็นปรกติขึ้น วิธีแก้เบื้องต้นเลยนะ ใส่แหวนเงินน้ำกลางก่อน ปรกติหวัใจจะเต้นผิดปรกติก็ต่อเมื่อเจอคนหล่อๆ เจอหน้าหนี้

ถาม มีอาการเหนื่อยบ่อยๆ
ตอบ เหนื่อยบ่อยๆนี่มาหลายสาเหุต เช่น ตอน 3 ทุ่มเจอความเย็นหรือเปล่า 2. คือมีโคเลสเตอรอลสูงแต่ชอบกินผลไม้ก็ทำให้เหนื่อยบ่อยเพราะมันใจมันโต

ถาม การรักษาเริ่มต้นต้องทำไง
ตอบ เริ่ม งูสวัส ไฟลามทุ่ง ต้นเหตุมากจากเรื่องเดียวกัน คือมาจากม้ามขึ้น แล้วมีผลทำให้ปลายประสาทเสื่อม ปลายประสาทเสื่อมน้ำเหลืองก็เสีย ก็เลยต้านเชื้อไวรัสไม่ได้ ไวรัสก็เลยมากินที่ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นเริม วิธีแก้คือ ถ้าแก้ตามอาการเขาให้เอาว่านพญายอทาขององค์การเภสัชฯ มีครับ ถ้าแก้ต้นเหตุก็กินข่านี่แหละ จะกินต้มข่าต้มอะไรก็ได้ กินทุกวัน ต้มน้ำดื่มเรื่อยๆ เมื่อเซลล์ประสาทสร้างเต็มที่แล้ว เชื้อไวรัสก็มาทำอะไรไม่ได้ เริมก็จะไม่เกิดอีก แล้วเริมนี่มันเตรียมจะเกิดตอนหน้าร้อนชื้อน ช่วงเมษา-พฤษภา เตรียมขึ้นแล้ว ช่วงนี้รีบกินข่าไว้ก่อนเลย จะได้ไม่เป็นนะครับ

ถาม ปวดหัวไมเกรน ไอเป็นเลือด
ตอบ เชื้อราในลำไส้ ลองไปกินน้ำคั้นใบย่านาง แล้วอาการที่เป็นไมเกรนก็จะหาย ต้องแก้ต้นเหตุนะครับ คือร่างกายมันดูดซึมน้ำไม่ได้ก็จะปัสสาวะบ่อย เลยพานไม่ชอบกินน้ำ มันต่อเนื่องกัน พอขาดน้ำถุงน้ำดีก็ข้น ตอนนี้นเริ่มข้นจนจะกลายเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแล้วนะ อาการที่ฟ้องคือปวดหัว อยากจะอาเจียนเพื่อเอาเชื้อรอออก เชื้อราเข้าไปอยู่ในกระเพาะก็อยากจะอาเจียน บางทีอาเจียนเป็นเลือดเลย นี่แหละมาจากเชื้อรานะครับ ก็ไปกินผักที่เป็นเมือกๆ กินใบย่านางคั้นน้ำ หมาน้อยกับใบย่านางคั้นน้ำกินด้วยกัน จะฆ่าเชื้อราได้ดี

ถาม กินน้ำต้นตอนเช้าวันละ 5 แก้วดีไหม
ตอบ เรื่องการกินน้ำตอนเช้าวันละ 5 แก้ว ผมไม่เห็นด้วย สมมติว่าระบบดูดซึมน้ำท่านไม่ดี มันไม่ดูดซึมน้ำทางลำไส้เล็กตามปรกตินะครับ มันจะกลายไปเข้าที่เส้นฝอย แล้วนานๆ เข้าเส้นเลือดฝอยจะเปราะอาจจะมีอาการถ่ายเป็นเลือดในวันหลังได้ คนที่ถามต้องเช็คสภาพลำไส้ด้วยนะ ถ้าระบบดูดซึมดี กินได้ครับ กินน้ำวันละ 5 แก้วตอนเช้าได้ ช่วยให้การขับถ่ายตอนเช้าดีขึ้น แต่ถ้าคนที่ระบบดูดซึมไม่ดี กินไม่ได้

ถาม ปวดปัสสาวะแต่พอเข้าห้องน้ำแล้วปัสสาวะไม่ออก
ตอบ ไปหาแพทย์จะบอกว่าโพแทสเซียมเยอะ งั้นต้องงดผลไม้ เพราะมีโคเลสเตอรอลสูงแล้วกินผลไม้ จะทำให้เป็นนิ่วในกรวยไตและทำให้ปัสสาวะไม่ออก อันดับแรกขอให้ล้างนิ่วก่อน ด้วยการเอาน้ำมะพร้าวอ่อนใส่แก้ว เอาสารส้มแกว่าง 2-3 รอบ แล้วดื่ม จนกระทั่งปัสสาวะแล้วไม่ติดขัด แปลว่านิ่วมันหมดแล้ว และอย่ากินผลไม้อีก โพแทสเซี่ยมก็จะไม่เยอะ แค่นั้นเอง กินแต่พวกนี้แหละอาหารตามธรรมชาติ

ถาม เวลาอากาศหนาวจะมีผื่นขึ้น
ตอบ อากาศหนาวมีผื่น การมีผื่นขึ้นตามตัวถ้าไปหาหมด หมอจะบอกว่าเป็นลมพิษ เป็นภูมิแพ้ แต่จริงๆแล้วโอกาสที่จะเกิดผื่นขึ้นตามตัวนี่มีหลายสาเหตุ เช่น มีอุจจาระตกค้างผื่นขึ้นก็ได้ มีพยาธิในตัวก็ขึ้นได้ ข้อสำคัญก็คือมีฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยจะเป็นผื่น เพราะเราได้ไรฝุ่น รู้จักไรฝุ่นไหมครับ ไรฝุ่นมันอยู่ในอากาศ ตอนตัวอ่อนๆ จะมี 6 ขา พออายุมากจะมี 8 ขา ไม่เหมือนแมลงวันทั่วไปนะ ในการวิจัยของศิริราชเขาบอกว่าไรฝุ่นชอบกินเศษหนังที่ร่วงหลุด แต่จริงๆแล้วไรฝั่นมันมากินฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนซึ่งจะมีในผู้ชายเท่านั้น แต่ผู้หญิงอาจจะมีฮอร์โมนตัวนี้ได้ถ้าเป็นผู้หญิงที่ทำงานหนัก ทำให้เป็นสิว เป็นผื่นขึ้น อันนี้ก็ต้องมาดูก่อนว่าต้นเหตุมันมาจากไหน ยังสรุปไม่ได้

ถาม ปวดหลังเท้า
ตอบ คนที่ปวดหลังเท้าทั้งสองข้างนี้ เป็นตัวชี้ว่ากระเพาะไม่แข็งแรง คนที่ถามมีประวัติกินข้าวเช้าไหมครับ กินข้าวเช้าอยู่แล้ว เพิ่งมากินหรือกินมาแต่เด็ก เพิ่งมากิน อีกประการหนึ่งอาจจะเคี้ยวอาหารเร็ว แบบว่าเข้าปากเคี้ยว 2-3 คำกลืนแล้ว อย่างนี้กระเพาะเสื่อมแต่กระเพราะมันฟ้องที่ตัวมันยังไม่ได้ เพราะถ้ามันฟ้องนี่แหละว่าเลิกกันเลยนะ เราจะกินอะไรไม่ได้เลย มันจึงไปฟ้องที่อื่นก่อน ฟ้องหลังเท้า อย่างนี้ควรจะกินอะไร ปรับพฤติกรรม เช่น เคี้ยวให้ช้าลง เวลาเคี้ยวอาหารอย่าฟังเพลงแร็พ เพลงร๊อค ฟังสุนทราภรณ์จะได้เคี้ยวช้า แล้วก็กินขมิ้นชัน 3 แคปซูล ตอน 7 โมงเช้าและก่อนนอน

ถาม ประโยชน์ของการดื่มน้ำปัสสาวะคืออะไร
ตอบ คือน้ำปัสสาวะมันจะสะท้อนกลับ เหมือนรายงานผลว่าตอนนี้ในตัวเรามีอะไรบกพร้อม เขาจะได้ไปปรับปรุงแก้ไขนะครับ ประโยชน์อยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มีอะไรบกพร้อง การดื่มน้ำปัสสาวะก็ไม่จำเป็น แต่ถ้ารู้สึกว่ามีอวัยวะอื่นบกพร้อง แต่ไม่รู้จักรักษายังไง ไม่มีเงินไปซื้ออาหารเสริมก็ดื่มน้ำปัสสาวะไป มันก็ไปจัดการเอง ตอนที่ผมบวชเป็นพระ ผมป่วย ผมถือเคร่งนะ ไม่จับเงินทอง ไม่ใช้ยา ช่วยที่ป่วยตอนเป็นพระ ผมจะดื่มน้ำปัสสาวะ ก็หายได้

ถาม โรคด่างขาวคืออะไร
ตอบ ถ้าเราไปยึดเป็นโรคอย่างที่หมอเข้าใจอาการด่างขาว หมอเข้าใจว่าเป็นเซลล์สีผิวผิดปรกติก แล้วก็จะฉายแสงเพื่อให้สีผิวกลืนกัน ในที่สุดมันก็ไม่หาย ภูมิปัญญาโบราณเขาบอกว่า ที่คนเป็นด่างขาวเพราะมีพยาธิผิวหนังชนิดหนึ่งอยู่ด้วย พยาธิผิวหนังชนิดนี้เพื่อมันถ่ายอุจจาระ อุจจาระ-ปัสสาวะของมันจะเป็นที่อยู่ เป็นอาหารของแบคทีเรียบอย่างดีเลย แบคทีเรียตัวนี้มากินอุจจาระ-ปัสสาวะของพยาธิ ก็ทำให้เป็นด่างขาวขึ้นมา วิธีแก้ประการแรกเลยให้อาบน้ำด้วยสารส้ม ชโลมตัวให้เปียกก่อน เอาสารส้มถูกให้ทั่วตัว แล้วล้างน้ำออก ฟอกสบู่ออก ประการต่อมาคือให้กินเม็ดมะรุม เม็ดมะรุกจะทำให้พยาธิด่างขาวเมา กินเม็ดมะรุมกินขมิ้นไว้ ตัวพยาธิด่างขาวจะตายและหายได้ มีผู้ฟังรายการวิทยุในกรุงเทพฯ หายมาหลายรายแล้ว

ถาม ปวดหลัง
ตอบ เรื่องปวดหลังต้องตรวจนะ ส่วนใหญ่ก็จะปวดเอง ปวดหลังต้องรู้สาเหุต บางคนมีลมในท้องแล้วลมไปดันกรวยไตให้งอ ก็ปวดหลังไว้ พอกินขาขับลมก็หาย แต่บางคนกระดูกกดทับเส้นประสาทก็ปวดหลัง ต้องดุที่ต้นเหตุ

(ภาพเม็ดมะรุม ภาพมะรุมต้นอ่อน)




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:22:24 น.
Counter : 1176 Pageviews.  

เล่ม ๒ ตอนที่ ๖ เรื่องของไวรัส - ไวรัสคืออะไร? (ต่อ)

วิธีฟืนปลายประสาทคือให้กินข่า ข่าทั้งต้นนี่มีประโยชน์หมดเลยนะครับ ใบข่านอกจากฟื้นฟูประสาทแล้ว ยังฆ่าพยาธิทุกชนิดได้ด้วย บางทีเราไม่รู้ตัวนะว่ามีพยาธิเข้าตัว พยาธิเข้าตัวเราได้หลายวิธีนะครับ เช่น เข้ามทางอาหาร ทางลมหายใจ ทางฝ่าเท้า แต่เราไม่เคยคิดจะถ่ายพยาธิเลย ข้อสำคัญหมอก็ไม่เคยตรวจเรื่องพยาธิ ผมไปที่โรงพยาบาลมหาสารคามนะครับ ทั้งโรงพยาบาลมียาถ่ายพยาธิขนานเดียว ชื่อฟูการ์คา อ้าว ฟูการ์คามันรักษาพยาธิตัวกลมเท่านั้นนะ แล้วเกิดเป็นพยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้ล่ะ อะไรจะรักษาได้... ไม่มี คือไม่ให้ความสำคัญกับมันว่างั้นเถอะ เราอยู่กับสัตว์เลี้ยง อยู่กับวัว ควาย ไก่ สุนัข แมว มีโอกาสติดพยาธิทั้งนั้น เพราะฉะนั้นภูมิปัญญาโบราณ เขาจะกินใบข่าเพื่อฆ่าพยาธิในตัว กินมะขามคั่วที่พรมเกลือน่ะ กินละวัน 7 เม็ด ติดกัน 7 วัน ก็จะฆ่าพยาธิได้เหมือนกัน หรือกินลูกยอวันละ 1 ลูก เราควรจะกินอาหารพวกนี้บ่อยๆ เพื่อขับพยาธิออกจากตัว เพราะหลายคนถ้าตรวจก็ต้องเจอพยาธิ แต่เราก็ไม่รู้ตัวนะครับ

คราวนี้วกมาเรื่องปลายประสาท ต้นข่า ต้นข่าเคยกินใช่ไหม ต้นข่า เอาไปต้มให้สุก ไส้เอามายำได้ เหง้าข่าไม่ว่าจะเป็นเหง้าข่าอ่อน ข่าแก่ ใช้ได้หมด ในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่นี่ อย่างบางคนไปผ่าตัดมา โดนปากเส้นประสาทหายไป ก็ต้องสร้างเส้นใหม่ด้วยการกินข่า มันจะมีสูตรหนึ่ง เป็นภูมิปัญญาโบราณที่กินเพื่อสรางเซลล์ประสาท และฟอกเลือดด้วย คือผู้หญิงจะมีโอกาสที่จะได้รับเลือดเสีย เช่น เวลาคลอดลูกแล้วไม่ได้อยู่ไฟ น้ำคาวปลามันตีกลับเข้าไปในเส้นเลือด เราก็จะป่วยอยู่อย่างนี้ เพราะมันเป็นเลือดที่เป็นพิษ ผู้หญิงหลายคนหมดประจำเดือนทุกเดือนเคยขับสารพิธออกทางประจำเดือน พอหมดประจำเดือนพิษก็ไม่ถูกขับออก เลือดเสียยังอยู่ในตัว มันมีสูตรสำหรับฟอกเลือดเสียให้กลายเป็นเลือดดี แล้วสร้างเซลล์ประสาทด้วย คือสูตร "มะขามคลุกข่า" วิธีทำคือเอามะขามมานึ่งให้สุกหน่อย จะได้ไม่ติดเชื้อรา บางทีมีเชื้อราในมะขาม เอามะขามเปรี้ยวๆ มาแกะและนึ่งให้ดี ให้สะอาดแล้วมาคลุกกับข่าป่น เคยเห็นข่าป่นที่เขาใส่ในข้าวต้มปลาไหม นั่นแหละครับ ข่าป่นใส่เกลือและผงบ๊วย สูตรที่หนึ่งอาจจะใส่ผงบ๊วย อร่อยมากเป็นมะขามคลุกที่อร่อยมาก ใครกินแล้วจะติดใจ แต่สรรพคุณนี่เหลือเชื่อเลย คือสามารถฟอกเลือดให้สะอาดไปสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ใครที่สูงอายุแล้วถ่ายลำบาก เขาจะไปสร้างเซลล์ประสาทในลำไส้ใหญ่ใหม่นะ คราวนี้ลำไส้ใหญ่จะบีบรัดตัวดีและไม่มีท้องผูกอีกแล้ว

สูตรที่ 2 ใช้ผงชะเอมแทนผงบ๊วยคลุกมะขาม และข่ากับเกลือ อันนี้คือสูตรโบราณที่คล้ายๆ ขนมขี้แมวน่ะ เคยได้ยินไหม คล้ายก้อนขี้แมวและเขาปั้น โอ้โห... หน้าตาเหมือนกันเลย คนโบราณเขาจะปั้นคือของมันดีแล้วกลัวเด็กขโมยกินก็เลยปั้นให้น่าเกลืยด ให้ไม่น่ากิน เรียกขนมขี้แมวด้วย แต่จริงๆแล้วอร่อยมาก และมีสรรพคุณสูงนะครับ สำคัญคืมันฟอกเลือด คนที่ไม่มีโอกาสอยู่ไฟ ขับน้ำคาวปลา รู้สึกว่าจะมีเลือดเสียเยอะก็กินสูตรนี้และอร่อย เป็นของว่างที่ดีมาก

จะย้ำเรื่องนาฬิกาชีวิตว่า ถ้าสมมติเราเป็นโรคกระเพาะ ให้กินขมิ้นชันตอน 7 โมงเช้าและก่อนนอน เพราะตอน 7 โมงเช้ามันจะไปรักษากระเพาะ กินก่อนนอนจะไปขับไขมันในตับบ้าง พิษในตับบ้าง ช่วยให้ตับแข็งแรงขึ้น ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับหูรูดมดลูกโต ผู้หญิงจะมีปัญหามดลูกโตกันบ่อยเพราะผู้หญิงสมัยนี้เป็นผู้หญิงเก่ง ไม่ได้อยู่กับบ้าน ต้องทำงาน การที่ผู้หญิงทำงานไม่น้อยกว่าผู้ชายเป็นเหตุให้มดลูกโต มดลูกโตแล้วเป็นไง เวลาเดินเนี่ย มดลูกมันจะปั๊มลมเข้าท้อง ผู้ชายจะมีลมในลำไส้ แค่ลมในลำไส้ก็พุงป่องล่ะ แต่ผู้หญิงมีลมในช่องท้อง มันมาทางมดลูก แล้วลมจะขึ้นมาตีหัวใจวายได้ วิธีป้องกันไม่ให้มดลูกโตก็คือให้กินน้ำกระชาย กินขมิ้นชันตอนบ่าย 3 ผู้ชายถ้ากินตอนบ่าย 3 ก็ป้องกันต่อมลูกหมากโตด้วย ต้องรู้หลักนาฬิกาชีวิตเทียบอย่างนี้นะครับ

อีกช่วงเวลาหนึ่งที่จะต้องดูแลก็คือ ระบบความร้อนในร่างกายตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม ช่วงเวลา 3-5 ทุ่มเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงาน ถ้าเราไม่ได้รับการสะสมพลังงาน วันรุ่งขึ้นเราจะอ่อนเพลีย จะง่วงนอนแบบไม่มีเหตุผล ร่างกายไม่มีแรง เพราะไม่ได้มีการสะสมพลังงานในช่วง 3-5 ทุ่ม วิธีสะสมพลังงานก็คือในช่วง 3-5 ทุ่ม อย่าโดนความเย็น หลายคนกลับจากงานก็ไปอาบน้ำเย็นในช่วงนั้น วันรุ่งขึ้นก็จะเพลียสะสมไปอย่างนี้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ 3-5 ทุ่มอย่าเพิ่งรีบอาบน้ำ ให้หมักไว้ก่อนไปอาบตอน 5 ทุ่ม ถ้าจำเป็นต้องอาบ ให้อาบน้ำอุ่นแล้วกินอาหารที่เพิ่มแคลอรี่ในช่วงนั้น คนโบราณเขาจะกิจข้าวมันไก่ ไม่ได้กินแบบเอาเป็นเอาตาย กินแค่เพิ่มแคลอรี่หนึ่งถ้วยเล็กๆก็พอ มันต้มขิงอย่างนี้ กินน้ำขิง น้ำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด บีบมะนาวลงไปหน่อย คล้ายน้ำต้มยำ ชดตอนนั้จะเพิ่มความร้อนในร่างกาย วันรุ่งขึ้นก็จะแข็งแรงขึ้น หาอาหารที่ให้ความร้อน หรือต้มกระเพราะกับข่าว ใส่ใบมะกรูด บีบมะนาวหน่อย จะได้เครื่องดื่มที่หอมชื่นใจกิน แล้ววันรุ่งขึ้นจะมีแรง สำหรับกะเพราะขอให้มีติดบ้านไว้นะครับ คนอินเดียจะราบไหว้ต้นกระเพราะบางทีเขาจะเอาต้นกระเพราะใส่กระถาง แล้วเอาไว้หน้ารถเพื่อคุ้มครอง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเขาก็จะนับถือกบเป็นเทพเจ้าเหมือนกัน คนอีสานไปอยู่อินเดียว ตกกลางคืนฝนตกแกก็ไปจับกบ คนอินเดียถามจะจับไปทำอะไร เขาบอกเอาไปบูชา พอบอกจะเอาไปบูชา คนก็จะช่วยกันจับใหญ่เลยนะครับ ตอนเช้าก็เห็นกบกับกะเพราะอยู่ในจานเดียวกัน เอาเทพเจ้าทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันนะครับ มีการงอนเหมือนกันคนอีสานกับคนอินเดียก็เรื่องกระเพรา จริงๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก อีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งนึกได้คือ ถ้ามีใครเป็นอัมพาตแล้วรักายังไงก็ไม่หาย อาจจะเกิดเพราะว่ามีเกร็ดเลือดแห้งๆไปติดอยู่ที่เส้นเลือดฝอย เลือดมันจึงไปเลี้ยงสมองไม่ได้แล้วไม่สามารถฟื้นจากการเป็นอัมพาตได้ วิธีแก้ ให้ใช้นมจืด 1 แก้ว น้ำมันขิง 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้นชัน 1 ช้อนโต๊ะ ชงให้เข้ากัน แล้วกินวันละครั้ง กินจนกว่าจะลุกเดินได้ บางคน 7 วันก็ลุกเดินได้แล้ว จากที่รักษามาเป็นสิบปีไม่หาย เพราะมันไปละลายลิ่มเลือดที่ตกค้าง แต่ถ้าคนไขกินนมจืดไม่ลง นมหวานก้ได้ อย่าไปตายตัวมาก แต่น้ำมันงาน 1 ช้อนโต๊ะ 2 ช้อนโต๊ะก็เติมไป บางคน 1 ช้อนโต๊ะเอาไม่อยู่ ต้องเพิ่มเป็น 2 ช้อนโต๊ะ และขมิ้นชัน 1 ช้อนโต๊ะ ชง ก็อร่อยนะลองไปชงกินดู มันๆ ดี แล้วบางทีใครก็เริ่มปากเบี้ยว หน้าชาไปซีกลองชงสูตรนี้กินเดี๋ยวโล่งเลยหาย... หายปากเบี้ยวนะครับ น้ำมันงาแบบไหนก็ได้ขอให้เป็นน้ำมันงา

สูตรแก้อัมพาต

นมจืด + ขมิ้นชัน + นำมันขิง หรือน้ำมันงา




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:21:36 น.
Counter : 2039 Pageviews.  

เล่ม ๒ ตอนที่ ๕ เรื่องของไวรัส - ไวรัสคืออะไร?

เรื่องของไวรัส - ไวรัสคืออะไร?

ไวรัส เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ทุกวันมันจะมีเชื้อไวรัสเข้าไปในตัวเราวันละ 1 ล้านตัว 100 สายพันธุ์เสมอ เข้าทุกวันแล้วไปไหนล่ะ ภูมิคุ้มกันในตัวเรากินไวรัสทั้งล้านตัวหมด แล้วเปลี่ยนเป็น B12 ไปเลี้ยงสมอง เพราะฉะนั้นไวรัสจึงมีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ใช่ไปขจัดไวรัสหมดนะ ปล่อยมันอยู่บ้างแหละ มันจะเป็นตัวที่ออกมาซ้อมให้เม็ดเลือกขาวทำงานแข็งแรง และมันก็จะถูกเม็ดเลือดขายกินไปและย่อยเป็น B12 ไปเลี้ยงสมอง เชื้อ B12 ที่ใส่แคปซูลนั่นไม่ได้ผลนะครับ ตั้ง B12 ที่มาจากเชื้อโรค แต่บังเอิญมันมีไวรัสบางตัวแข็งแกร่งเกินกว่าเม็ดเลือดขาวเราจะกินหรือเม็ดเลือดขาวเราอาจจะมีปริมาณไม่เพียงพอ ไวรัสบางตัวจึงหลุดเข้าไปสู่ร่างกายได้ ไวรัสนี่มี 3 กลุ่มใหญ่ๆ

กลุ่มที่ 1 มันจะเข้าไปแค่ระบบทางเดินหายใจ เราก็จะเป็นหวัดกิน อันนี้เราชินกับมันอยู่แล้ว กลุ่มไวรัสที่เข้าไปทางเดินทายใจ เข้าไปทางจมูก คอ ปอด เข้าหลอดลม เราชินกับมันแล้ว จนเราต้นมันได้หลายตัว ที่เป็นเพราะมันมาตัวใหม่ เรายังไม่มีวิธีต้าน แต่เดี๋ยวร้างกายก็ต้านได้นะครับ

กลุ่มที่ 2 เข้าไปในอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ลงไปที่กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ที่เราได้ยินว่าไวรัสลงกระเพราะ ไวรัสลงลำไส้ ถ้าไวรัสลงกระเพาะ เราก็จะปวดท้อง-อาเจียน ถ้าลงลำไส้ใหญ่เราก็จะถ่ายท้อง ท้องเสีย อะไรประมาณนี้นะครับ นี่ไวรัสกลุ่มที่ 2 ก็แค่เข้าอวัยวะภายใน

กลุ่มที่ 3 เข้าไปที่กระดูกสันหลัง คือมันเข้าไปที่เส้นเลือกฝอยเราปุ๊ย มันก็จะพยายามหาทางไปยึดกระดูกสันหลังข้อใดข้อหนึ่งก่อน แล้วในงานศึกษาเรื่องโรคมะเร็ง หลายๆประเทศเห็นพ้องกันว่า ต้นเหตุของมะเร็งมากจากเชื้อไวรัส มะเร็งไมได้มีเชื้อมะเร็งโดยตรง แต่มะเร็งทุกชนิดมาจากเชื้อไวรัสที่คอยไปอยู่ที่กระดูกสันหลัง ยกตัวอย่าง มะเร็งที่เป็นกันมากที่สุดคือมะเร็งเต้านม มะเร็งเต้านมนี่ไวรัสจะไปอยู่กระดูกไขในหลังข้อ 4-5 อาการเบื้องต้นก็คือจะนอนไม่หลาย ปวดขาด้านข้าง ปวดชายโครง เราก็ไปให้หมอนวดกดอะไรอย่างนี้นะครับ แล้วมันจะมีอาการเหมือนแน่นหนัาอก เจ็บหน้าอก เลือดไหลเวียนไม่ดี ก็เริ่มก่อตัวเป็นเม็ดเป็นซีสต์ขึ้นมา ในที่สุดมันก็เป็นมะเร็งเต้านม หมอตัดเต้านอมออกแล้วก็ยังไม่หายเพราะไวรัสยังอยู่ที่กระดูกสันหลัง 4-5 มันก็เข้าไปในระบบน้ำเหลืองต่อ เห็นไหม เพราะฉะนั้น... มันไม่จบไง เพราะไมได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาสแกนกระดูกสันหลัง บ้านเรายังไม่มีเครื่องสแกนไวรัสจากกระดูกสันหลังนะครับ ที่อเมริกาเขามีสแกนไวรัสที่กระดูกสันหลัง เขาจะลงความเห็นว่าเป็นไวรัสระยะที่ 1 แล้วเขาก็จัดการฆ่าไวรัสที่ไขสันหลังนี้ แล้วคนก็ไม่เป็นมะเร็งอีก ในกระดูกของเรานี่มีหลายข้อนะครับที่เป็นยอดฮิต ทำให้คนเสียชีวิตอันดับหนึ่งก็ คือไวรัสที่ไปเกาะที่กระดูกสันหลังข้อที่ 4-5 อาการเบื้องต้นคือจะเริ่มปวดหัว นอนไม่หลับเป็นประจำ แล้วเราก็อึดอัดกับมัน นึกว่าเราเป็นคนละแบบนั่นเอง แต่จริงๆไม่ใช่ คราวนี้ถ้ามันไปเข้าข้ออื่นๆมันจะมีผลหลายอย่างยกตัวอย่าง กระดูกคอคนเรามี 7 ข้อนะครับ ถ้าม้นไปอยู่ที่ข้อ 1 เราจะเป็นมะเร็งในสมอง ไปอยู่ที่ข้อ 2 จะเป็นมะเร็งโพรงจมูล เกี่ยวกับตา หู มะเร็งที่ลิ้น มะเร็งที่เหงื่อก ไปอยู่กระดูกคอข้อที่ 3 จะเป็นมะเร็งเกี่ยวกับหลอดคอ ที่คอ-หลอดลม อยู่ที่ข้อ 4-5 จะเป็นมะเร็งเกี่ยวกับทรวงอก ระบบย่อยนะครับ อยู่ที่ข้อ 6-7 ก็จะเป็นมะเร็งเกี่ยวกับมดลูก รังไข่ นี่คือไวรัสที่กระดูกคออย่างเดียวนะครับ ถ้าไวรัสอยู่ที่กระดูกสันหลังข้อ 1-5 ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสมอง เฉพาะกระดูกหลังข้อที่ 3 ก็จะเกี่ยวกับหลอดลมอีกเหมือนกัน ข้อที่ 4-5 ก็จะเป็นเกี่ยวกับทรวงอก ข้อที่ 6-7 จะเป็นมะเร็งที่จับ หลายคนไวรัสเข้าไปข้อที่ 6-7 มันก็จะเข้าไปที่ตับ บางทีไม่ถึงขั้นเป็นมะเร็งแต่จะเป็นไวรัสลงตับ ที่หมดตั้งชื่อไวรัส A, B, C อะไรก็แล้วแต่ มันมาตั้งหลักที่กระโกหลังข้อที่ 6-7 ก่อน วิธีง่ายๆ ท่านก็เคยให้ใครนอนที่กระดูกหลังน่ะ ถ้ามันเจ็บแปลบๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะมีไวรัสไปอยู่ที่ไขกระดูก อาการมันจะคล้ายไข้หวัด ตัวรุมๆ จะเหมือนทรุด อ่อนเพลีย แบบไข้หวัดก็ไม่ใช่ พอจะมีแรงทำงานแต่มันตุ่ยๆ เหมือนไม่ค่อยสบายตัว ครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่อย่างนี้ ลองนวดกระดูกหลังดูนะครับ ข้อที่ 8-9 จะมีผลทำให้ลำไส้ใหญ่ไม่บีบรัดตัว แล้วจะเริ่มมีอุจจาระตกค้าง ในที่สุดก็จะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ไปอยู่ที่ข้อ 10 จะเป็นมะเร็งที่ไต ข้อที่ 11-12 จะเป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก ถุงอัณฑะ นี่เฉพาะกระดูกหลัง 12 ข้อ กระดูกเอวอีก 5 ข้อ ข้อ 1-2 ก็จะเกี่ยวกับระบบย่อย ข้อที่ 3 เกี่ยวกับไต ข้อที่ 4-5 เกี่ยวกับระบบเพศ เพราะฉะนั้นไวรัสพวกนี้จึงมีผลกับการเจ็บป่วย ถ้าลองนวดกระดูกแล้วมันเจ็บแปลกๆ มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างที่เล่าให้ฟังนี้นะครับ

วิธีขวัดไวรัส ภูมิปัญญาพื้นบ้านคือ ให้กินเม็ดมะรุม 5 เม็ด รู้จักเม็ดมะรุมไหมครับ เม็ดมะรุมจากฝักแก่แห้ง ข้างใจจะมีเม็ดใน แกะ เปลือกจากเม็ดในออกก่อน ข้างในจะเป็นเม็ดสีขาวๆ คล้ายไข่มุก กินอย่างนั้นวันละ 5 เม็ด แล้วถ้าเป็นเด็กล่ะ ทำไง เนี่องจากเวลาเคี้ยวเม็ดมะรุมจะขมมาก แต่ทิ้งไว้ซักพักหนึ่งจะหวาน บางคนกลัวความหวานของเม็ดมะรุมด้วยซ้ำไป วิธีที่จะกินให้ง่ายนะครับ สมมติว่าเด็กเป็น เด็กมีอาการท้องไม่ถ่าย หรืองอแง เราสงสัยว่าไม่ไข้รุมๆแล้วไอ่พืชชนิดนี้ที่ชื่อมะรุกก็มาจากนี่แหละ จากอาการไข้รุมๆมันจะแก้กัน คนโบราณจะเอาเม็ดมะรุมมาตำๆๆ แล้วเอาใส่แก้วน้ำ ทิ้งไว้ซัก 5 นาที ตัวยามันจะออกมาในน้ำ น้ำจะมีรสหวาน แต่เด็กเวลาดื่มน้ำใส่ๆ แล้วมีรสหวานเขาอาจจะระแวง เพราะฉะนั้นเราอาจจะเติมเฮลบลูบอยลงไปหน่อยให้สีชวนกิน แล้วให้ดื่ม ประมาณ 20 วัน ถ้าเป็นใหม่ๆก็จะหายแล้ว และมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเราสงสัยว่าจะเป็นไวรัสหรือไม่ ให้กินเม็ดมะรุก ข้อสำคัญระหว่างกินเม็ดมะรุกอย่ากิจใบมะรุกเพราะมันจะหักล้างกัน และอย่ากินเม็ดมะรุกเล่นนะครับ ถ้ากินเพื่อใช้งานนไปขจัดไวรัสอย่างนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอามากินเล่นวันละ 2 เม็ด แก้เจ็บคอ หรือเหงาๆ เอามาเคี้ยวเล่น การกินเม็ดมะรุกเป็นประจำโดยไม่มีเหตุผล จะทำให้เป็นเบาหวานไว้ เพราะฉะนั้นถ้าท่านกินเม็ดมะรุมก็ต้องเตรียมใบมะยม ส่วนใบมะรุมมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา แต่ไปส่งเสริมไวรัส เพราะฉะนั้นในระหว่างเป็นไข้หวัดอย่ากินใบมะรุมนะครับ มันอาจจะทำให้ไวรัสกำเริบได้ง่าย ตรงนี้ในประเทศแอฟริกาเขามีการทดลองกับผุ้ป่วยเอดส์หรือผู้ป่วย HIV พบว่าผู้ป่วยอาการดีขึ้นแต่ไม่หาย ที่เป็นอย่งนี้ เพราะเราไม่เข้าใจเรื่องของมะรุมกับเอดส์ คือเอดส์นี่มันเป็นโรคที่มีไวรัสก็จริงอยู่ แต่ในระบบดูดซึมของคนเป็นเอดส์จะมีเชื้อราอยู่ด้วย แล้วคนเป็นเอดส์ไมได้เพราะไวรัสนะครับ ตายเพราะเชื้อราขึ้นสมอง ถ้าใครเป็นเอดส์ วิธีแก้อันดับหนึ่งให้แก้ที่เชื้อราก่อน ตัวยาที่ไปรักษาเชื้อรา เดี๋ยวขอเล่าของอาการเชื้อราก่อนนะครับ

เชื้อราก็เป็นโรคที่คู่กับไวรัส แล้วคนเป็นกันมากโดยเฉพาะคนทางภาคอีาน จะได้รู้ไงว่าเป็นเชื้อรา อาการของคนเป็นเชื้อราคือ 1. ปัสสาวะบ่อย 2. อุจจาระลำบาก หรือถ่ายสะดวกก็จริงแต่หัวขบวนมันแข็ง มันจะครูดเส้นเลือดฝอยแตก แล้วมีเลือกไหลออกมาด้วยนะครับ อาการเบื้องต้นคือปัสสาวะบ่อย ถ่ายอุจจาระลำบาก ปวดหัว นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก แล้วก็ปวดเมื่อยเนื้อตัว มีพังผืดทั้งตัวเลย ไปหาหมอนอด หมอนวดจะบอกเป็นพังผืด คนเราไมได้เป็นพังผืดง่ายๆนะครับ พังผืดจะเกิดต่อเมื่อร่ายการได้รับเชื้อรา ราก็คือเห็นชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ขวางการดูดซึม เมื่อมันเข้าไปในตัว มันจะขวางการดูดซึมน้ำ เรากินน้ำก็ดูดซึมน้ำไม่ได้ กินสารอาการที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินซี วิตามินบก็เข้าตัวไม่ได้ เราจึงอ่อนเพลียไปเรือ่ยๆ แล้วบางทีแทบจะขาดใจตาย ไปหาหมอ หมอก็ไม่รู้ต้อนเหตุให้ยามาก็ยิ่งเป็นอันตราย เพราะบางทีมันถูกขับออกทางผิวหนัง เพราะยาที่หมดให้มาไม่ดูดซึมไปใช้ แล้วคนเราได้เชื้อราจากไหน เราได้เชื้อราจากการกินอาหารที่มีเชื้อรา เช่น ผลไม้สุก คนสูงอายุนี่ขี้เหนียว ชอบรอผลไม้สุกจัดๆ เพราะมันหวานกว่าผลไม้ที่ยังสุกไม่มากจะมีเชื้อราอยู่ด้วย เวลากินก็ปาดเชื้อราออก แล้วกินส่วนที่เห็น ส่วนที่ไม่เห็นกินเข้าไปมันก็ไปงอก บางคนชอบกินถั่ว ถั่วบางเม็ดขณะเคี้ยวมันมีกลิ่นแปลกๆ แต่คายไม่ทันแล้ว โดยสัญชาตญาณคือกลืนลงไปหมด มันก็ไปงอกในท้องได้ นี่คืออาการของเชื้อรา แล้วจะมีอะไรรักษาเชื้อราได้ ถ้าเราเริ่มรู้สึกปัสสาวะบ่อยหรือเริ่มรู้สึกถ่ายอุจจาระลำบาก ปวดเมื่อยเนื้อตัว สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเชื้อรา อาหารที่รักษาเชื้อราได้ดีที่สุดในขณะนี้ก็คือน้ำใบย่านาง เอาใบย่านางผสมน้ำตำๆคั้นเอาน้ำ มันจะไปฆ่าเชือ้เราได้ดีมากนะครับ นอกจากนั้นก็คือผักที่เป็นเมือกๆ เช่นใบของหมาน้อย คนโบราณภูมิปัญญาชาวบานจะเอาใบนี้มาขยี้กับใบย่านาง แล้วมันจะกลายเป็นเยลลนี่ ไอ้ตัวนี้ล่ะฆ่าเชื้อราดีมาก ลูกของหมากจอง วุ้นของหมากจองก็ฆ่าเชื้อรา ใบไม้ที่มีเมือก เช่น ผักบุ้ง ผักปลัง กระเจี๊ยบเขียว พวกนี้ไปฆ่าเชื้อราทั้งสิ้น ยอดแค ใบมะรุม หรือชาใบมะรุก พวกนี้เป็นตัวฆ่าเชื้อรา ให้กินบ่อยๆ เชื้อราหาย มันก็จะโล่งเลย

นอกจากนี้ปัญหาเรื่องไวรัส เรื่องเชื้อราที่เข้าตัวแล้วนะครับ ตอนนี้ยังมีแบคทีเยบอีกตัวหนึ่งที่กำลังระบาด แล้วจะมาในช่วงหน้าร้อนนะครับ แบคทีเรียบตัวนี้เวลามันเข้าตัวแล้ว จะมีผลทำให้เส้นเลือกตีบ ทิ้งไว้นานมือเท้าจะชาและเริ่มเน่าเพราะเลือดไม่ไปเลี้ยง หมอก็ตามตัดแขนขา แล้วเดี๋ยวก็ทำไม... ก็ตายนำครับ มีนางงามคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคแบคทีเรียตัวนี้ เมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์สุชาณีก็ได้รับเหมือนกัน อาการก็คือแกจะปวดท้องรุนแรง ดิ้นพราดๆเลยนะ ก็พยายามหลีกเลี่ยงอาหาร เพราะเธอไปกินผักกาดดอง ต้องระวังพวกของหมักดองจะได้แบคทีเรียตัวนี้นะครับ ...ถ้าจะกินของดองก็เอามาลวกน้ำร้อนหน่อยนะครับ แล้วถ้าเป็นจะใช้อะไร ตัวที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียบได้ดีที่สุดคือใบมะรุม เพราะฉะนั้นใบมะรุกจึงจำเป็นเหมือนกัน เวลาที่เราเริ่มปวดท้องรุนแรง นึกอะไรไม่ออกก็ให้กรอกใบมะรุมเข้าไปนะครับ อาจจะตำคั้นน้ำดื่ม หรือต้มให้กิน หรือชงชาเข้มข้นเวลาที่เกิดปวดท้องรุนแรง มันจะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียในระยะต้นได้ คือแบคทีเรียนี่เราต้องช่วงชิงเวลานะครับ เราช้ากว่ามันนิดเดียว มันขยายพันธุ์เร็วมาก เวลาเป็นปุ้บ สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือรีบเอาใบมะรุกมาต้มน้ำดื่ม หรือถ้ามีแห้งๆไว้ก็ชงอะไรกินก้ได้ หาทางกินเข้าไปให้เร็วที่สุด เพื่อไปฆ่าเชื้อให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องมะรุมนี่ต้องแยกส่วนกันนะครับ เม็ดมะรุมจะช่วยเรื่องไวรัส ส่วนใบมะรุมจะช่วยเรื่องเชื้อรากับแบคทีเรียบแปลกๆ คือมีต้นมะรุมติดบ้านไว้ ตอนนี้ทุกบ้านมีหรือยัง ควรจะปลูกใส่กระถางไว้นะครับ ซัก 8 กระถาง เพื่อที่ว่าวันนี้เรากิน รูดกระถางนี้หมด วันต่อไปก็ใส่ทีละกระถาง เดี๋ยววันที่ 7 ไอ่กระถางนี้ใบมันขึ้นเต็มแล้ว อย่าปลูกเป็นต้น ปลูกเป็นต้นแล้วเก็บยาก แล้วกิ่งมันเปราะนะครับ ข้อสำคัญอย่าไปปีนเพื่อรูดใบมะรุมเฉยๆ ตัดมาทั้งกิ่งเลยจะได้ไม่หักง่าย แล้วกิ่งมันจะแตกบ่อย กิ่ง ก้าน ใบของมะรุมใช้ได้หมด แทนใบได้หมดนะครับ บางทีต้นโกร๋นก็อย่าถอดใจนะ ต้นโกร๋นตัดกิ่งมาเลย เอากิ่งก้านมาสับๆต้มน้ำ ใช้ได้เหมือนกัน แทนมะรุมได้ แทนใบได้ อันนี้จะได้รู้วิธีใช้แทนใบมะรุม

ปัญหาอื่นๆที่พบก็คือเรื่องการมีอุจจาระตกแต้าง บางทีเราไม่รู้ตัวว่ามีอุจจาระตกค้าง อุจจาระตกค้าง...วัดได้ด้วยการที่เรามีกลิ้นปาก ธรรมดาคนรุ่นใหม่แปรงฟันทุกวันไม่น่าจะมีกลิ่นปาก ถ้ามีกลิ่นปากเกิดขึ้นให้สันนิษฐานว่ามีอุจจาระตกค้าง รู้สึกว่าเรามีกลิ่นตัว เสื้อผ้าเหม็น ธรรมดาเสื้อผ้าเราไม่น่าจะเหม็น ถ้าเหม็นเพราะเรามีอุจจากระตกค้างนี่ดูง่ายๆเลยนะครับ ประการต่อมากอยู่ที่ว่าอุจจาระตกค้างตรงไหน สภาพของลำไส้ใหญ่นี่นะครับ ผมจะเรปียบเทียบจากสายไฟนี้ ลำไส้ใหญ่นี่จะเชื่อมต่อกับลำไส้เล็ก มันจะพุ่งขึ้นก่อน และไปตามขวางแล้วถึงจะเลี้ยงลง มันมีสภาพอย่งนี้นะครับ พุ่งขึ้นมาวิ่งตามขวางแล้วเลี้ยงลง คราวนี้ถ้ามันไปอออยู่ตรงนี้ อยู่ตรงรอยต่อระหว่างลำไส้ลำไส้เล็กกับลำไส้ใหญ่ มันจะไปหนุนกระเพาะปัสสวะ หนุนมดลูก มดลูกก็จะร้อน ก็จะเกิดพังผืน ทำให้หมอต้องตัดมดลูกเพราะมีอุจจาระมากองอยู่ตรงนี้ บางทีเราก็จะปัจสสาวะบ่อยเพราะพื้นที่รับน้ำน้อยลง ถ้ามันมากองอยู่ตรงมุมหัวเลี้ยงตรงนี้ ตำแหน่งนี้อาจจะไปกดตับและถุงน้ำดี เราอาจจะหงุดหงิดง่ายขี้โมโห นอนไม่หลับ ปวดเมื่อเนื้อตัว ให้ดูจากอาการ ถ้ามันมาอยู่ตรงกลางจะทำให้เราเป็นเบาหวานเพราะมันไปกดทับตับอ่อน เอาเป็นว่าถ้ามีอุจจาระตกค้างอย่าให้ดีท๊อกซ์นะครับ การเอากาแฟสวนทวารนี่ ผมไม่เห็นด้วยเพราะมันจะทำให้ปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม การทำดีท๊อกซ์ขอให้ดีท๊อกซ์ทางปาก ออกทางทวารหนัก อาหารที่ช่วยให้ระบายได้ดีขึ้นมี 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มผัก กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มนม การขับถ่ายมีอะไรบาง 1 คือเม็ดแมงลักนะครับ การกินเม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะ วิธีที่จะได้ผล ก่อนจะชงเม็ดแมงลัก... เอาน้ำต้นข่ามาก่อน เอาข่าต้มน้ำทิ้งไว้พออุ่นๆ แล้วเอาเม็ดแมงลักชง ดื่มก่อนนอน สรรพคุณก็คือทำให้ขับถ่ายดี และเป็นตัวชะลอความแก่ กินเป็นประจำจะไม่แก่ แล้วการขับถ่ายดีด้วย ทำให้ไม่อ้วน ไม่แก่ 2 กรณี ผักที่ช่วยการขับถ่ายต่อมาคือผักบุ้ง การกินผักบุ้งเป็นประจำทุกวันจะป้องกันตาเป็นต้อด้วย คนที่มีแนวโน้มนะเป็นต้นนี่มาจากอุจจาระตกค้างทั้งนั้นแหละครับ แต่เวลาไปหาหมอ หมอบอกว่าเลือดไม่ค่อยเลี้ยงจอประสาทตา แล้ไม่ถึงไม่มาเลี้ยง สาเหตุก็มาจากอุจจาระตกค้างนี่แหละ กินผักบุ้งเป็นประจำจะช่วยให้การระบายดีขึ้น พวกกระเจี๊ยบเขียว ผักปลัง ใบมะรุมเป็นตัวช่วยในกลุ่มผักที่ดีมากนะครับ แต่บางคนกินผักพวกนี้ก็ไม่ถ่าย ก็ใช้เวอร์ชั่นนมนะครับ สูตรกินนนมยังไงถึงจะถ่ายท้อย สูตรที่ 1 เลยคือนมข้นหวาน ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่านมข้นหวานมีฤทิธิ์ช่วยในการขับถ่าย ใช้นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ ตักใส่แล้ว เทโซดาใส่ แล้วชงดื่ม สูตรนี้จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงจึงจะถ่าย เห็นไหม ง่ายๆเลย นมข้นหวานสูตรนี้เด็กก็กินได้เพราะอร่อย นมข้นหวานชงกับโซดา ทีนี้บางคนเรื่องมากชงกับโซดามันแปลกๆ เขาไม่เคยกินก็เติมเฮลบลูบอยลงไปหน่อย สีมันก็ชวนกินใช่ใหม่ ใส่น้ำแข็งด้วย ครานี้คล้ายนมเย็นน่ะ ก็กินไปเถอะ ช่วยระบาย มันต้องพลิกแพลงนะ อย่าไปชงดื้อๆ ต้องพลิกแพลงใส่สีสัน ใส่อะไรลงไป

ใบย่านางทุกชนิดทีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและเพิ่มเม็ดเลือด ยิ่งไปย่านางแดงยิ่งแรงกว่าใบย่านางเขียนว เป็นตัวฆ่าเชื้อรา เหยาะเฮลบลูบอยลงไปหน่อยให้มีสีสันชวนกิน ใส่น้ำแข็งหน่อยหนึ่ง แล้วดื่ม ถ่ายแน่นอนนะครับ สูตรต่อมาก็คือใช้นมจืด 2 กล่อง กล้วยน้ำว้า 2 ลูก กัดกล้วยคำหนึ่ง นมคำหนึ่ง สลับกันอย่างนี้จดหมด อิ่มเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่หมดก็ไม่เป็นไร นี่ก็เป็นอีกตัวที่ทำให้ระบาย สูตรที่ 3 ก็คือใช้นมผสมโยเกิร์ต เติมน้ำผึ้ง น้ำมะนาวให้ได้ประมาณ 500 ซีซี. ก็ระบายเหมือนกัน ข้อสำรัญปัญหาของคนที่ไม่ขับถ่ายนี่ อาจจะเกิดจากปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม คือคนสูงอายุนี่นะครับ เรื่องที่ต้องระวังก็คือปลายประสาทลำใส้ใหญ่เสื่อม อันตรายของปลายประสาทเสื่อมก็คือ ปลายประสาทมันมีไว้ทำไม ใต้ชั้นผิวหนังไปนี่นะครับ ร่างกายเราจะมีสายอยู่ 3 สาย คือสายของเส้นเลือด สายของเส้นน้ำเหลือง สายของเส้นประสาท มันจะมี 3 สายคู่กันไปนะ เส้นเลือดเรานี่มันใช้หัวใจปั๊ม หัวใจเป็นตัวปั๊มเลือดให้วิ่งไปทั่วตัว แต่น้ำเหลืองมีอะไรปั๊ม... ไม่มี แล้วทำไมร่างกายเราต้องมีเลือดกับน้ำเหลือง เลือดนี่เพียงแต่ลำเลียงออกซิเจนไปเท่านั้น ตัวลำเลียงสารอาหาร ที่เรากินก๋วยเตี๋ยวกินข้าวเหนียว กินส้มตำนี่มันไปในกลุ่มน้ำเหลือง แล้วน้ำเหลืองจึงจะไปสันดาปกับออกซิเจน กลายเป็นสารอาหารให้ร่างการใช้ คราวนี้ถ้าเกิดว่าออกซิเจนหรือเลือดแรงในน้ำเหลืองมันไปไปเจอกัน น้ำเหลืองก็ไปเก้อ กลายเป็นน้ำเหลืองเสีย นี่แหละคือสภาพที่เรานำเหลืองเสียกัน ที่น้ำเหลืองมันไปเก้อ ไม่สามารถเจอกันได้เพราะมันขาดตอน หรือปลายประสาทเสื่อมนั่นเอง มันเหนี่ยวนำให้เลือดกับน้ำเหลืองไปเจอกันไมได้ นี้คือปัญหาปลายประสาทเสื่อม ถ้าปลายประสามในสำไส้ใหญ่เราเสื่อม็จะถ่ายอุจจาระลำบาก ถ้าปลายประสาทตามตัวเสื่อมเราก็จะมีปัญหาน้ำเหลืองเสีย ขาดภูมิคุ้มกัน คนสูงอายุนี่มีโอกาสปลายประสาทเสื่อมง่าย สังเกตนะครับ ถ้าเป็นวัยุร่นผู้หญิงผู้ชาย บางทีไฟฟ้ามันว่างหากันใช่ไหม เริ่มรู้สึกขนลุกซู่ใช่ไหม แตะตัวกันนี่เป็นไง บางคนเสียววาบทั้งตัวเอง แต่คนสูงอายุเป็นไง กอดให้ตายยังไม่รุ้สึกเลย เพราะปลายประสาทมันเสื่อมไปแล้ว มันไม่วิ่งแบบวัยรุ่นแล้วนะครับ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:20:37 น.
Counter : 1104 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

RBZ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเดะสีลม(เซนต์โย สีลม)ตอนป.๑ เรียนอยู่สองอาทิตย์ เค้าหาว่าหนูซนเลยต้องย้ายมาเซนต์โยบางนา ตอนนี้อยู่ธรรมศาสตร์ ขึ้นปีสาม แต่อยากเป็นเด็กปีหนึ่ง ตอนนี้กลับไปเป็นเด็กสีลมเหมือนเดิม (โต๊ะสีลม Color of the wind)

เลือกได้ระหว่างอ่าน blog หรือ space
http://spaces.msn.com/ongchun

chivalrysilk [ at ] gmail.com

icq57152514 [ at ] hotmail.com
สำหรับเล่น MSN เท่านั้น
Friends' blogs
[Add RBZ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.