เด็กขี้สงสัยโต๊ะ79
Group Blog
 
All Blogs
 

เล่ม ๓ ตอนที่ ๕ สูตรเด็ดของคนโบราณ

---- สูตรเด็ดของคนโบราณ
- บำรุงน้ำนม
นำหัวปลีกล้วยมาแกงเลียงกินทุกวันระหว่างที่ลูกยังกินนม
- ว่านหอมแดง หรือประเทศลาวเรียกว่า ว่านจอด ให้ทุบหัวว่านแล้วโปะลงที่แผลสดทุกชนิด จะสมานแผนติดและแห้งเร็วขึ้น
- อกอิ่ม ถ้าต้องการให้อกอิ่ม ไม่ต้องฉีดยา ให้กินบวบทุกชนิดและน้ำเต้าเป็นประจำ
- ไข้หัวลมหรือไข้เปลี่ยนฤดู หรือป้องกัน ใช้ยอดแค ดอกแค มาลวกหรือนึ่งกินกับน้ำพริกหรือแกงส้มก็ได้
- ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ทุบข่าแก่ต้มในน้ำเดือน กินแทนน้ำ หรือละลายเม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา ลงในน้ำต้มข่าวอุ่นๆ 1 แก้ว จนพองตัว แล้วดื่มก่อนนอน
- ท้องเสีย ใช้เปลือกทับทิม เปลือกมังคุด (เฉพาะที่มีรสฝาด) ลูกมะตูมอ่อนตามแห้งอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่จะหาได้ในเวลานั้น ใช้ 1 กำมือ ต้มกับน้ำพอท่วม ให้เดือดนาน 10-15 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ทุก 2-3 ชั่วโมง
- มีกลิ่นปาก ปวดฟัน เหงือกบวม รำมะนาด ใช้ใบฝรั่ง เกลือ สารส้ม การบูร ตำรวมกันแล้วอม (ไม่ลองไม่รู้)
- โรคกระเพาะ เอากล้วยหักมุกสุกมาปิ้งกินประจำ หรือจะเอากล้วยดิบมาหั่นตากแดดบดผง กินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารและก่อนนอน
- โรคหัวใจ หั่นใบเตอบหอมตากแห้ง คั่วให้กรอบ ชงแทนใบชา ดื่มประจำช่วยบำรุงหัวใจ
- บำรุงปอด กินกระเทียมดองเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-25 หัว
- ปัสสาวะขัด ใช้หัวและรากตะไคร้ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3 แก้ว ให้เดือนนาน 10-15 นาที ดื่มวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร
- น้ำมันลูกเดือยสกัดเย็นบริสุทธิ์ รักษาโรคเกาต์ โรคตับ โรคไต บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ เป็นยาอายุวัฒนะ
- น้ำมันขมิ้นชัน สกัดเย็นบริสุทธิ์ ทาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด กินรักษามะเร็งในลำไส้ กินรักษาแผลในกระเพาะ

---- อาหารเป็นยา
โจ๊กถั่วเขียว
จากร้านครัวเช้าของคุณเบลส์ กัลยา โทร 045-525-4629, 081-730-1099
เครื่องปรุง
1. ต้มน้ำใส่กะหล่ำปลี ข้าวโพด แครอท ผักกาดขาด หรือรวมผักต่างๆใส่ รากผักชี 6 ราก หอมใหญ่ 1 หัว พริกไทยเม็ดโขลก 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวไฟอ่อนๆ จะได้น้ำซุปที่อร่อย
2. ถั่วเขียวแช่น้ำ 1 คืน ล้างออกจนเปลือกร่อน และหายเหม็นเขียวน้ำไปนึ่งให้สุก
3. ข้าวหอมมะลิใหม่ หรือข้าวกล้องใหม่
4. เห็นหูหนูดำ หูหนูขาว เห็ดหอม แช่น้ำให้นิ่ง หั่นเล็กๆ อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
5. ขิงแก่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. หมากจองหรือลูกสำรอง (เป็นกล่องสำเร็จรูป)

วิธีทำ
นำข้าวกล้องใหม่ 1 ส่วน + ถั่วเขียวสุก 1 ส่วน ใส่หม้อเติมน้ำซุปข้อ 1 ตุ๋นจนสุกแล้วเติม ข้อ 4,5,6,7 เคี่ยวจนเข้ากันก็จะได้โจ๊กถั่วเขียวที่หอมอร่อยเป็นอาหารเช้า อาหารคนไข้ได้ดีมาก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและเด็กอย่างยิ่ง

หมายเหตุ สูตรนี้ช่วยล้างสารพิษทุกชนิด

ยำ 3 ดอก
จาก อ.นวลฉวี ทรรพนันทน์
เครื่องปรุง
1. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ, พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต๊ะ
(ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน คนจนน้ำตาลทรายแดงละลาย พักไว้)
2. ดอกแค ดอกขจร ดอกโสน ดอกอัญชัน ดอกกะหล่ำ ดอกหอม (เกิน 3 อย่างก็ได้ นำทุกอย่างลวกพอสุก พักไว้) ยกเว้นดอกอัญชันไว้กินสดด้วย แต่งหน้าด้วย
3. เต้าหู้แข็ง หั่นลูกเต๋าเล็กๆ ทอด หรืออื่นๆตามชอบ
4. แครอท 2-3 แว่น หั่น
5. หอมแขก 1-2 หัว หั่น
6. ขึ้นช่าย 2-3 ต้น หั่น
7. มะเขือเทศแดงลูกเล็กๆ 3-5 ลูกผ่าครึ่ง
8. ถั่วลิสงคั่วบดหลาบๆ 5-6 ช้อนโต๊ะ
9. หอมเจียว 4-5 ช้อนโต๊ะ ไว้โรยหน้า

วิธีทำ
ผสมข้อ 2,3,4,5,6,7 เข้ากันแล้วเติมน้ำยำ (ข้อ1) ลงคลุก ชิมดูตามชอบ แล้วเติมถั่วบดลงคลุกเบาๆ ตักใส่จานที่รองด้วยผักสีเขียว สีม่วง แต่งหน้าด้วยดอกอัญชัน โรยหอมเจียว เสิร์ฟได้ทันที

หมายเหตุ ทำน้ำยำใส่ขวดไว้ในตู้เย็น เมื่ออยากจะทานยำวุ้นเส้น ยำผลไม้รวม หรือยำผักต่างๆ ที่ค้างไว้ในตู้เย็นก็เอามาลวก มาทอด แล้วราดน้ำยำผสมเข้าด้วยกัน ก็จะได้อาหารพิเศษขึ้นโต๊ะอีก 1 จาน เหมือนได้ทานผักทุกวัน

หมายเหตุ สูตรนี้กินแล้วไม่อ้วน กินแล้วสวย


อาหารว่าง (สำหรับคุณพ่อและคุณลูก)
เครื่องปรุง
รากบัวหั่นเฉียงๆ และต้มสุกแล้ว
กระเทียมโทนปอกเปลือก
มันฝรั่งหั่นเล็ก-ยาวพองาม
แครอทหั่นเล็ก-ยาวพองาม
ถั่วฝักยาวตัดให้สั้นพองาม เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดนางฟ้า
กระเจี๊ยบเขียว เลือกฝักสั้นๆ เรียวๆ
หัวปลีกล้วยแกะกาย หั่นเป็นชิ้นรูปอะไรก็ได้
หอมใหญ่หั่นตามยาว
ใบกะหล่ำปลี แกะเป็นใบๆ หรือทอนเป็นรูปให้สวย
ใบโหระพาเด็ดเป็นใบๆ หรือช่อเล็กๆ
แป้งโกกิ น้ำมัน ซอสสำหรับจิ้ม

วิธีทำ
เลือกผักที่ชอบตามที่หาได้มาชุปแป้งโกกิ ทอดไฟอ่อนจนสุก จิ้มซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกเพื่อเรียกน้ำย่อย และลูกๆได้รู้จักผัก ทั้งยังเป็นการฝึกให้กินผักไปด้วย
หมายเหตุ ทำให้ขับถ่ายดี


น้ำต้มรากบัวกับใบเตยหอม
เครื่องปรุง
รากบัวหั่นเฉียงๆพองาม
ใบเตย 2-3 ก้าน
น้ำตาลทรายแดง

วิธีทำ
ต้มน้ำให้เดือน ใส่รากบัวต้มจนสุก ใส่ใบเตยหอม เติมน้ำตาลทรายแดง ชิมดูให้รสหวานเล็กน้อย ถ้าชอบใส่น้ำแข็งก็ให้หวานมาก จะดื่มร้อนๆ หรือเก็บในตู้เย็นไว้ดื่มเวลากระหายน้ำก็ชื่นใจดี
หมายเหตุ สุตรนี้บำรุงหัวใจ

น้ำแห่งรัก
ส่วนผสม ดอกอัญชัน (สดหรือแห้งก็ได้) ใบเตยหอม น้ำตาลกรวด

วิธีทำ
ต้มน้ำให้เดือน ใส่ดอกอัญชันสีม่วง ใส่ใบเตยหมอ แล้วใส่น้ำตาลกรวด ชิมดูพอมีรสหวานตามชอบ กรองเอาแต่น้ำสีม่วงใส่ขวดไว้ เวลาจะดื่มก็บีบมะนาว น้ำดอกอัญชันสีม่วงจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู คือ "สีแห่งความรัก" นั่นเอง
หมายเหตุ สูตรนี้ บำรุงน้ำเหลือง บำรุงหัวใจ





 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:29:12 น.
Counter : 2936 Pageviews.  

เล่ม ๓ ตอนที่ ๔ ถามมา-อาจารย์ตอบ

---- ถามมา-อาจารย์ตอบ

ถาม ประโยชน์ของใบบัวบกที่ว่าบำรุงหัวใจ ต้องกินใบสดหรือแปรรูปเป็นน้ำ
ตอบ ใบบัวบกนี่ มันช่วยบำรุงสมอง คราวนี้วิธีกินใบบัวบกที่จะบำรุงสมองก็คือเอามาตากแห้งสักแดดหนึ่ง ถ้าแตกมากไปมันซีด เดี๋ยวจะเสียคุณค่า ตากแดดหนึ่งแล้วเอามาคั่วในกระทะให้แห้งยิ่งขึ้น แล้วขยี้ให้เป็นผง คล้ายผงอาริกาโน่ เวลาจะกินให้ชงกับนม มันจะให้คุณค่า+บำรุงสมองมากขึ้น ถ้าเป็นใบสดมาตำคั้นน้ำ อันนั้นแก้ช้ำใน ต้องเป็นใบแห้ง ใบแห้งนี่สรรพคุณมันไม่เหมือนกัน อย่างปลาสดกับปลาแห้งสารอาหารก็ไม่เหมือนกัน ดีแล้วครับที่ถาม จะได้ไม่กินใบสดกัน ต้องเอาไปตากแห้ง แล้วก็จะกินคู่กับนมหรือละลายในน้ำดื่ม หรือเอาไปผสมในอาหารอะไรอย่างนี้นะครับ หรือจะกินเลยก็ได้ แต่กินคู่กับนมจะดีที่สุด หรือถ้าคนนมไม่ได้ก็ผสมใบบัวบกคู่กับอย่างอื่น ผงใบบัวบกนอกจากไปบำรุงสมองแล้ว ยังป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ด้วย ป้องกันนะครับ ไม่ใช่เป็นแล้วไปกิน ไปรักษา ไม่ทันแล้ว ต้องป้องกันนะครับ

ถาม แล้วใบบัวบกล่ะ เราจะเอาทั้งก้าน ทั้งใบ หรือเอาแต่ใบ
ตอบ ใบบัวบกนี่ ถ้าเป็นทั้งรากได้ยิ่งดี ถกมาเลย ใช้คำว่าถก ไม่ใช่ไปเด็ด ถกกับเด็ดเหมือนกันไหม ...ไม่เหนือน ถานี่มาทั้งยวงเลยนะ เอามาหมดเลย แต่เด็ดนี่เด็ดเอาแต่ใบ ไม่ค่อยได้ประโยชน์นะครับ ประโยชน์จะอยู่ที่รากของมัน

ถาม หญ้าหวานกับหญ้าปักกิ่งเหมือนกันไหมครับ
ตอบ หญ้าหวานกับหญ้าปักกิ่งคนละชนิดกันครับ หญ้าปักกิ่งใบมันใหญ่ ใบหญ้าหวานจะคล้ายใบผักชีอะไรประมาณนี้

ถาม ผมเป็นเบาหวานมาเกือบ 30 ปี ขณะนี้ฉีดอินซูลินตอนเช้า 60 ตอนเย็น 30 และทานยานด้วย 5 เม็ดตามที่หมอสั่ง ทีนี้ตอนเกษียณราชการนี่ เขาก็เอาไปเข้าค่ายที่โรงพยาบาลมิชชั่นที่สระบุรี ก็มีเพื่อนที่เป็นประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรีแนะนำว่าได้ทราบว่าให้เอามะแว้ง 1 กำมือ ทาน 1 เดือน แล้วเบาหวานจะทุเลา ผมก็ลองมาทานดู ปรากฏว่าส่วนที่ทำให้เบาหวานลดลงก็คือ อาการคันตามอวัยวะตอนนี้หายขาดไปเลยครับ แล้วทีนี้หมอที่รักษาก็บอกว่า ถ้าไปทานอย่างนี้จะเสื่อม ผมก็เลยหยุด แต่ว่าตัวที่ให้คันนั้นจะไม่คันมาเลยตลอดจนทุกวันนี้ ขณะนี้เข้าคอร์สของคุณหมอที่วิจัยอยุ่ที่ศิริราช โรงพยาบาลสรรสิทธิ์ฯ ก็เช็คในบัญชีให้ผมทุกเดือน ขณะนี้ในบัญชีก็เป็น 9.5 ซึ่งสูงที่สุด ผมก็อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า...
1. มะแว้งที่ผมทานนั้นมีผลมากน้อยแค่ไหน
2. ใบที่จะเอามาทานเพื่อลดเบาหวานมันควรจะเป็นอะไร ลักษณะนี้จะทานย่านางไปด้วยได้หรือไม่ ขอเรียนถามอาจารย์แค่นี้ครับ
ตอบ มะแว้ง มันมีผลในการลดน้ำตาลเฉยๆ ไม่ได้ฟื้นตับอ่อน ท่านต้องแยกแยะให้ออกนะครับว่า การลดน้ำตาลกับการฟื้นฟูตับอ่อนมันคนละเรื่อง ยาที่หมอให้กับพวกสมุนไพรในการลดน้ำตาลมีเยอะมาก มันเป็นการรักษาจากปลายเหตุลงมานะครับ แต่วิะการที่เรานำมาเสนอมันเป็นการฟื้นฟูตับอ่อนขึ้นไป เพราะฉะนั้นใช้คู่กันได้ ให้มันมาเจอกันครึ่งทางนะครับ แต่เราก็ต้องมีความรู้ว่า ตระกูลของเราควรจะถูกกับสมุนไพรตัวไหน เพื่อที่ว่าเผื่อเราเจอญาติจะได้แนะนำเขาถูก แต่อย่าไปแนะนำคนอื่นนะ เพราะมันอาจจะไม่ตรงกัน

ถาม หญ้าเทวดากับเล่งจือเช้า อันเดียวกันหรือเปล่าคะ
ตอบ ผมไม่แน่ใจนะครับว่า ชื่อภาษาจีนกับชื่อที่เขาเรียก บางทีคนก็เรียกหญ้าตัวใหม่ของเวียดนาม ต้นไม้ชนิดหนึ่งว่าว่านง๊อกว่าเป็นหญ้าเทวดาเหมือนกัน หรือบางทีเราเรียกอะไร มันมีสมุนไพรที่เขาโปรโมนขึ้นมาใหม่ๆ เขาก็เรียกหญ้าเทวดาหมดแหละ เลยไม่แน่ใจว่ามันใช่หญ้าปักกิ่งหรือไม่ เดิมทีหญ้าปักกิ่งก็เคยถูกเรียกชื่อว่าเป็นหญ้าเทวดา แต่บัดดนี้มันหายจากท้องตลาดไปนะ มันมีโปรโมทตัวใหม่ขึ้นมา เลยไม่แน่ใจ นอกจากต้องไปเห็นใบ

ถาม หญ้าหวานกับหญ้าหนวดแมวเหมือนกันหรือเปล่าคะ
ตอบ ไม่เหมือนกันครับ หญ้าหนวดแมวนี่มันไปขับนิ่วในไต แต่หญ้าหวานนี่ชื่อของมันคือสเตอเวียร์ เวลาเอาใบมาต้มน้ำนิดเดียวมันหวานทั้งหม้อเลย แต่หญ้าหนวดแมวต้มแล้วจะออกรสขมๆ

ถาม ลูกฟักข้าวมีสรรพคุณแก้โรคอะไรได้บ้าง สรรพคุณที่แท้จริงของฟักข้าวคืออะไร
ตอบ ฟักข้าว เนื้อในของมันจะคล้ายน้ำเต้าแต่เหนียวกว่า มีสรรพคุณในการลดอาการบวม เช่น ท้องป่อง บวมน้ำ ขาบวม กินอันนี้มันก็ลดบวมลง แค่นั้นเองครับ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:28:23 น.
Counter : 920 Pageviews.  

เล่ม ๓ ตอนที่ ๓ การบำรุงร่างกาย

การบำรุงร่างกาย
บำรุงสมอง
เราจำเป็นต้องบำรุงอะไรบ้างครับ อันดับแรกเลยก็คือ การบำรุงสมอง สมองเป็นเรื่องสำคัญ การบำรุงสมอที่ดีที่สุดคือการกินอาหารเช้านะครับ อาหารเช้านี่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะมื้อเช้าต้องมีโปรตีนและน้ำตาล จะกาแฟ ปาท่องโก๋ไม่ได้นะครับ เพราะปาท่องโก๋ไม่มีโปรตีน มื้อเช้าก็ควรจะมีอาหารเนื้อนมไข่ หน่อยนะครับ เป็นการบำรุงมอง ตัวอาหารที่จะบำรุงสมองได้ดีอีกตัวหนึ่งก็คือใบบัวบกครับ ใบบัวบก บำรุงสมองได้ดีกว่าใบแปะก๊วย จริงๆเป็นอาหารพื้นบ้าน กินไว้ประจำก็บำรุงสมองได้ดี

บำรุงหัวใจ
ตัวที่ควรบำรุงอีกตัวก็คือหัวใจ มีการทำวิจัยพบว่ามันเกิดจากภาวะหัวใจมันขาดโพแทสเซี่ยม โพแทสเซี่ยมก็คือสารอาหารที่อยู่ในผลไม้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการบำรุงหัวใจด้วยการกินอาหารกลุ่มโพแทสเซี่ยม ยกเว้นพวกที่มีคอเลสเตอรอลสูงกลับกินโพแทสเซี่ยมไม่ได้แปลว่าคนที่มีคอเลสเตอรอลสูงแต่กินผลไม้ไม่ได้ กลายเป็นว่ากลับกันนะครับ พวกที่มีคอเลสเตอรอลสูงเห็นว่าผลไม้ไม่มีไขมัน ก็เลยกินกันใหญ่เลย ผลก็คือจะทำให้หัวใจโตและก็กลายเป็นนิ่ว การบำรุงหัวใจตัวอาหารบำรุงหัวใจอื่นๆก็มีใบเตย พวกดอกไม้เกสรทั้ง 5 นี่บำรุงหัวใจได้

อีกตัวหนึ่งคือ "ว่านหอมแดง" ใบมันเหมือนใบข้าวแต่หัวเหมือนหัวหอม เคยเห็นไหมครับ นั่นแหละ ตัวนี้สามารถป้องกันลิ่มเลือดในลิ้นหัวใจได้ดีมาก ถ้ากินเป็นประจำ วิธีกินก็คือ เอาหัวว่านที่คล้ายหัวหอมนี้นะ ตอนที่มันดิบๆ มันเหมือนหัวหอมทุกประการ เอามาตำๆ แล้วเอามาโปะที่กระหม่อมกันหวัดได้เหมือนหัวหอม เขาเรียกอะไร ประสะที่หัวนะครับ แบบเด็กน่ะ แต่เวลาเอาไปต้มแล้วมันไม่นิ่มเหมือนหัวหอม มันจะแข็งๆ เหมือนแห้ง เคี้ยวมันๆ เหมือนกินแห้ง บำรุงหัวใจได้ดีมาก ป้องกันหัวใจขาดเลือดได้ดี ควรกินวันละหัว 2 หัว ป้องกันลิ่มเลือดมาอุตันหัวใจได้ ผมก็ซื้อจากที่นี่แหละไปปลูกที่บ้าน ตอนนี้ขยายไว้เยอะมาก ไว้ช่วยคนเป็นโรคหัวใจ ลองหามาปลูกไว้ประจำบ้านชื่อ "ว่านหอมแดง" หัวคล้ายหัวหอม ใบคล้ายใบข้าว บางแห่งก็เรียกว่า "ว่านชู้ข้าว" บางทีก็ขึ้นในท้องนาปะปนกับข้าวเหมือนกัน เพียงแต่มันไม่มีรวงข้าวเท่านั้นเอง แต่เอามาปลูกเก็บไว้ในบ้านยามฉุกเฉิน แล้วบางทีเราปวดท้อง หาสาเหตุไม่เจอ เอาหัวหอมแดงมาต้มกับไก่แล้วกินน้ำแกง แก้ปวดท้องได้ บางทีดึกๆดื่นๆ ยาอะไรก็ไม่มี ก็เอานี่แหละมาต้มให้กิน ไก่ก็อยู่ในตู้เย็นอยู่แล้ว นี่เป็นตัวบำรุงอีกตัวหนึ่งที่ควรจะมีไว้ และก็เด็กเป็นตานขโมย ผอมแห้งแรงน้อยให้กินนะครับ จะช่วยให้กล้ามเนื้อขึ้น บำรุงนักกีฬาดีนะพวกนี้ บำรุงกล้ามเนื้อ คนอ้วนไปกินว่านหอมแดงก็จะทำให้ตัวกระชับขึ้น คือ มันไปเป็นตัวเผาผลาญไขมันดี เห็นไหม ทั้งขึ้นทั้งล่อง อ้วนไปก็ควรกินผอมไปก็ควรกิน อันนี้คือตัวบำรุงนะครับ

+ บำรุงกระดูก
ที่เป็นตัวบำรุงอีกอันหนึ่งก็คือบำรุงกระดูก กระบวนการบำรุงกระดูกเราไม่ได้ใช้แคลเซียมอย่างเดียว นึกออกไหมครับ คือตึกนี่เอาปูนซีเมนต์อย่างเดียวมาสร้างตึกได้ไหม..ไม่ได้ ปูนซีเมนต์ก็เหมือนแคลเซี่ยมน่ะ สร้างตึกไม่ได้ ต้องมีกรวด มีหิน มีทราย มีอะไรประกอบ กระบวนการสร้างกระดูก แคลเซี่ยมอย่างเดียวสร้างกระดูกไม่ได้ ต้องมีฮอร์โมนแอสโตรเจนด้วย มีวิตามินดี วิตามินเค มาช่วยด้วยนะครับ ปัญหาที่เรากระดูกบางไม่ใช่เพราะขาดแคลเซี่ยมนะครับ คนไทยไม่ขาดแคลเซี่ยมในซีอิ๊วขาว ในน้ำปลาร้าเจ ในกะปิเจมีแคลเซี่ยมทั้งสิ้น ในข้าวยังมีแคลเซี่ยมเลย ในผักหลายตัวก็มีแคลเซี่ยม เพราะฉะนั้นจะบอกว่าคนไทยขาดแคลเซี่ยมก็ไม่จริง ที่เราขาดกันจริงๆ แล้วทำให้กระดูกบาง คือขาดฮาร์โมนเอสโทรจนครับ เรามไควรกินฮอร์โมนที่จะมาจากภายนอก ฮอร์โมนที่เขาสังเคราะห์มาขายเรานี่ เขาสกัดมาจากน้ำปัสสาวะของชายแปลกหน้า คือไปรับซื้อปัสสาวะจากส้วมสาธารณะมา แล้วมาทำเป็นฮอร์โมนให้เรากิน ฮอร์โมนจากภายนอกมันมีส่วนช่วยได้นิดนหน่อย เช่น ส่งไป 100 ส่วน เข้าตัวได้ 20 ส่วน ไม่เหมือนจากฮอร์โมนในตัวเราเอง การที่เรากินน้ำมะพร้าวอ่อน กินมะเฟืองอย่างนี้นะครับ กินลูกตะลิงปลิง กินมะม่วงสุก มะม่วงกวน ผลไม้พวกนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโทรเจนของเราเอง แล้วจะมีประโยชน์กว่า ในกรุงเทพฯ มีคนป่วยกระดูกบางมากเลยนะคับ แล้วเราไม่มีเงินรักษาตัว ผมก็แนะนำให้เขาเอาตะลิงปลิงต้มกับผักชุนฉ่าย คะน้า น้ำมันงา ผักที่มีแคลเซี่ยมเยอะๆให้กินแต่น้ำ เขากินอยู่เดือนหนึ่ง ไปตรวจมวลกระดูใหม่ ปรากฏว่าเดิมมวลกระดูไม่พร่องอีกเลย อันนี้ก็เป็นความรู้ที่เราควรจะเข้าใจให้ถูกต้องการเพิ่มมวลกระดูนี่มันเป็นแบบนี้ คราวนี้ทำไมมวลกระดูกเราจึงบางตอนที่เราสูงอายุ เพราะว่าเราตอนเด็กๆ เรามีฮอร์โมนเอสโทรเจนสูงใช่หรือเปล่า พอสูงอายุมันก็เป็น นี่สำหรับผู้หญิง

ผู้ชายนะครับ ถ้าท่านมีอาการนอนไม่หลับ มันอาจจะมีการบ่งบอกว่าท่านมีฮอร์โมนเพศชายเยอะเกินไป แล้วก็จะทำให้ท่านกระดูกบางเหมือนกัน ผู้ชายที่นอนไม่หลับนะ แปลว่าท่านก็ต้องหันไปกินน้ำมะพร้าวอ่อน กินมะเฟืองกับเขามั่ว กินมะม่วงสุก มะม่วงกวนบ้านนะ เพื่อจะเพิ่มฮอร์โมนเอสโทรเจน แล้วผมจะกลับมาดำใหม่ ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเอสโทรเจนผมจะไม่หงอก ผมจะกลับมาดำใหม่ได้นะครับ พวกกระดูกยังไม่บาง ต้องหัดกินน้ำมะพร้าวอ่อนกันบ้างนะ แต่ว่าอย่าเผลอหล่อเกินไป เพราะผู้ชายถ้าไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโทรเจนมากเกินไป จะทำให้ฮอร์ดมนเพศชายลดน้อยลง ฮอร์โมนเพศชายลดน้อยลงจะเกิดอะไรขึ้น เราจะจู้จี้ขี้บ่น เขาเรียกผู้ชายวัยทองจะขี้บ่น ซึมเศร้านะครับ ต่อมลูกหมากโต เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

วิธีแก้ไขคือ ผู้ชายเองถ้ารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ รู้สึกว่าจะจู้จี้มากไปแล้ว แปลว่าเราขาดฮอร์โมนที่มีชื่อว่า "เทสโทสเตอโรน" หรือฮอร์โมนเพศชายแล้วจะหาจากไหน ฮอร์โมนตัวนี้จะได้จากน้ำกระชาย เอากระชายมาปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำเป็นหัวเชื้อ มีหัวเชื้อผสมกับน้ำหวาน เพราะการดูดซึมกระชายจะต้องมีน้ำหวานเป็นตัวประกอบ มีของหวานด้วยนะครับ กินเดี่ยวๆ ไม่ดูดซึมไปใช้นะ นอกจากกระชายแล้ว ตัวที่เพิ่มฮอร์โมนเพื่อป้องกันต่อลูกหมากโตในผู้ชาย ให้กินขมิ้นตอนบ่าย 3 โมง จะเพิ่มฮอร์โมนผู้ชายได้ จะได้ไม่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต ใครที่รู้สึกว่าปัสสาวะขัด ต่อมลูกหมากโต แล้วก็เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ลองกินดูนะครับ มันจะฟื้นได้ อันนี้คือตัวบำรุง

+ ไขข้อเสื่อม-บำรุงเข่า
ผู้หญิงและผู้ชายเราเมื่ออายุมากไขข้อจะเสื่อม เวลาเดือนมันเหมือนไม่คล่องตัว มันเหมือนก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก เหมือนเดินไม่ถนัด เหมือนข้อต่อไม่มีระบบจาระบีประมาณนั้นน่ะ ให้กินโยเกิร์ตใส่น้ำมันลูกเดือย 2 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้าทุกวัน จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ถ้าท่านเป็นข้อเข่าเสื่อมก็จะเดินเหินคล่องเลย นี่คือวิธีบำรุงข้อเข่า ข้อต่อ

+ บำรุงผิว
ประการต่อมา คนทางภาคอีสานกับภาคเหนือผิวเหี่ยวง่ายเพราะกินพวกปลาร้า ในปลารานจะมีตัวทำลายคอลลาเจน คอลลาเจนคือตัวที่ทำให้ผิดเด้งดึ๋ง ยืดหยุ่นนะ คราวนี้พอเรากินบ่อยๆ คอลลาเจนที่ผิวเราก็จะเสีย หน้าเราก็จะโทรมง่าย เพราะฉะนั้นเราเองต้องชดเชนคอลลาเจน คอลลาเจนที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือหมากจองหรือลูกสำรองน่ำแหละ กินเพื่อไปเสริมคอลลาเจน คนโบราณเขากินมานานแล้ว แต่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยกิน ต้องบำรุงผิวบ้างนะครับ อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง ผิวคนเราต้องชุ่มชื้น เพราะผิดของคนไม่ได้มีไว้ห่อหุ้มร่างกายอย่างเดียว แต่มันยังมีไว้ต้างเช่อโคร ผิวที่ดีที่จะต้อนเชื้อโรคได้โดยเฉพาะหวัด 2009 ต้องเป็นผิวที่ชุ่มชื้น อย่าลืมว่าไวรัสมัเข้าตัวเราวันละล้านตัวทุกวัน คราวนี้มันเข้าตัวเราทางผิวหนังเยอะกว่าทางลมหายใจนะครับ เพราะผิวมันกว้างกว่า แต่ว่าร่างกายเราส่งอาหารมาจัดการได้ เชื้อโรคมันเลยตาย แต่ถ้าเกิดผิวแห้งมากๆ ก็ไม่มีอาหารมาช่วยใช่ไหมล่ะครับ เราจึงต้องดูแลผิวให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ สมมติว่ามะเฟืองลูกนี้มันกินไม่ได้เพราะมีเชื้อรา แต่ท่านสามารถเอาไปปาดเชื้อราทิ้งแล้วหั่นเอามาขัดผิว มันก็จะทำให้ผิวเนียน ผิวใส เพราะมันมีเสอโทรเจนสูง ก็บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลงน้ำมันบ้าง น้ำมันงา น้ำมันอะไรก็เอามาทาผิวบ้างนะครับ ให้ผิวชุ่มชื้น เสมอแล้วจะไม่ค่อยป่วย ไม่เป็นหวัดง่าย นี่คือเรื่องทีต้องบำรุง

ผู้หญิงต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะเป็นฝ้า แล้วมักจะไปหาตัวยาแพงๆมาทาแล้วไม่หาย บางทีเป็นฝ้าถาวะนี่หนักกว่าเดิมอีก ตัวสมุนไพรง่ายๆเลยก็คือมะลิมา มะลิลา มะลิซ้อนได้ทุกชนิดนะครับ เอาใบมะลิมาตำ หาครกใหม่ที่มันเนียนๆ ละเอียดๆ หน่อยครกเล็กๆน่ะ ตำให้ละเอียด บีบมะนาวใส่ แล้วทาหน้าก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็ล้างออก ไม่นานหน้าจะเนียนใส ฝ้ากระอะไรหายหมดนะครับ ผู้ชายก็ทำได้ บางทีกระขึ้นแล้วไม่หล่อก็ทำซะหน่อย นี่ง่ายๆเลย ไม่ต้องเปลืองสตางค์มาก

+ เรื่องของตับ
เนื่องจากเรากินผงชูรสกันเยอะ ผงชูรสจะไปทำให้ลิ้นของเราที่รับรสความเค็มเสีย เพราะฉะนั้นเมื่อเรากินรสเค็มจัดมากๆ เราจะไม่รู้สึกว่าเค็ม เพราะผงชูรสมันไม่ตัดเส้นประสาทตรงนั้นเรียบร้อย หมายถึงประสาทที่รับรสความเค็มนะครับ เราจึงเผลอเติมอาหารเต็มๆลงไปอีก ในน้ำก๋วยเตี๋ยวนี่มันก็เค็มพอแรงอยู่แล้ว แต่พอมาถึงเรา เรายังเทน้ำปลาลงไปอีก เพราะลิ้นของเรามันเสียไปแล้ว ก็เกิดจากผงชูรสในน้ำก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ ทำให้ตำแหน่งที่รับรสเค็มเสียไป เราจึงกินรสเค็มมากเกินความจำเป็น ทำให้ไตเสื่อมได้ ตับเสื่อมได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะล้างตัวนี้ออกได้ยังไง ก็กินเห็ด 3 อย่างล้างพวกนี้นะครับ แล้วลิ้นจะกลับมารับรสเค็มได้ชัดขึ้น จะได้ไม่ต้องกินเค็มมากขึ้น เห็นที่กินได้ 3 ชนิดขึ้นไป เช่น เห็นฟาง เห็ดหูหนูขาว หูหนูดำ เห็ดหอม

+ บำรุงตับ
อาหารบำรุงตับให้ตับแข็งแรง ให้กินน้ำลูกเดือนวันละ 2 แล้ว กินใส่โยเกริ์ตใส่น้ำมันลูกเดือย

+ บำรุงหัวใจ
คราวนี้ถ้าจะกินถั่ว ถ้าท่านจะบำรุงหัวใจ มันจะมีสีตามธาตุ ให้จำตามนี้ บำรุงหัวใจต้องกินถั่วแพง บำรุงเส้นเอ็นต้องกินถั่วเขียว ถ้าจะกินบำรุงไตต้องกินอาหารที่เป็นสีดำ ถั่วดำ งาดำ อะไรอย่างนี้ ถ้าจะกินบำรุงปอดก็กินอาหารที่มีสีขาว เช่น ถั่วขาว หอมหัวใหญ่ ผักการขาว พวกนี้ถ้าจะกินเพื่อบำรุงกระเพาะก็กินถั่วเหลือง หมายความว่า บางทีกล้ามเนื้อไม่ค่อยแข็งแรงก็กินถั่วเหลืองได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปหมกมุ่นกินอย่างใดอย่างหนึ่งนานเกินไป เพราะการกินถั่วเหลืองนานเกินไปจะทำให้ขาไม่มีแรง จะปวดเข่า คนจีนที่ชอบกินถั่วเหลือง กินน้ำเต้าหู้ พวกนั้นขาเดี้ยงกันเป็นแถวนะครับ ถึงบอกว่าจะกินอะไรต้องกินเป็นครั้งคราว กินพอสมควรแล้วหยุด กินให้หลากหลาย อย่ากินจำเจ

นอกจากการกินแล้ว ส่งที่ทำให้เราเจ็บป่วยยังมีอย่างอื่นอีก การที่กระดูกเรานั่งผิดท่าน หรือบางคนชอบนั่งไถลตัว นึกภาพออกไหม คือไม่ได้เอาก้นนั่ง เวลาเอาก้นนั่งตัวเราจะตรง แต่ถ้านั่งไถลตัว เรากำลังเอากระดูกเอวหรือกระดูกแรมบ้าไปนั่ง แล้วกระดูกมันก็เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เจ็บป่วยได้หลายอย่าง เช่น บางคนกระดูกหลังกดทับเส้นประสาทมักจะขับถ่ายไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ปวดหัว แน่นหน้าอก เผลอๆ อาจจะกลายเป็นซีสต์ที่เต้านมได้ เห็นไหม ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย คนสูงอายุถ้าลองไปวิ่งสายแพาน ไปจ๊อกกิ้งหรือเต้นแอโรบิคข้อเข่าก็จะเสื่อมง่าย ควรจะเป็นท่าออกกำลังกายที่อยู่กับที่ ขอให้ขับเหงื่อได้ จุดประสงค์ของการออกกำลังกายเพื่ออะไร ก็เพื่อให้ขับเหงื่อนั่นเอง




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:28:09 น.
Counter : 1956 Pageviews.  

เล่ม ๓ ตอนที่ ๒ การล้างพิษ

+ สูตรล้างพิษ
ตอนนี้มีปัญหาสารพิษหนักกว่านั้นอีก แถวมาบตาพุด คือปลาแถวนั้นกินไม่ได้เลย พวกสัตว์น้ำกินไมได้ แล้วชาวบ้าน...ไม่ต้องชาวบ้านน่ะพยาบาลและหมอก็ป่วยกัน พยาบาบลที่ระยองมาหาผม ทำยังไงจะแก้สารพิษแถวนั้นได้ ผมก็ค้นพบภูมิปัญาไทยดั้งเดิม พบว่า สารพิษในย่านมาบตาพุดที่มาจากโรงงาน เป็นสาพวกคอปเปอร์ คอปเปอร์แปลว่าทองแดงใช่ไหม สารในยาฆ่าแมลงพวกนี้มันเป็นคอปเปอร์ซัลเฟสอะไรทำนองนี้ แต่ว่าสารพิษกลุ่มนี้มันแพ้ถั่วเขียว การกินถั่วเขียวสามารถล้างสารพิษของยาฆ่าแมลงได้ แล้วก็ค้นพบอีกอว่า ถั่วเขียวธรรมดามันไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ วิธีที่จะทำให้ถั่วเขียวแรงกว่าเดิมและขจัดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้คือ เอาไปต้มกับข้าวแค่นี้ครับ ง่ายมากเลย ถั่วเขียว 1 ส่วน ข้าว 1 ส่วน ต้มด้วยกันให้เป็นข้าวต้ม ข้ามต้มถั่วเขียวกินล้างสารพิษของยาฆ่าแมลงไว้ เราจะได้จำไปเผยแพร่ได้ว่า คนมีสารพิษจะต้องแก้ยังไง ข้าวต้มถั่วเขียว ถั่วเขียวส่วนหนึ่ง ข้าวเจ้าส่วนหนึ่ง ต้มด้วยกัน กลายเป็นข้าวต้มอร่อย แทบไม่ต้องกินกับข้าวเลยนะสูตรนี้ ส่วนจะกินกับข้าวอะไรก็ได้ ก็ทำเป็นข้าวต้นธรรมดา ใครจะกินเป็นประจำก็จะล้างสารพิษพวกนี้ได้ สารพิษจากยาฆ่าแมลง สารพิษจากโรงงานนะครับ

ข้าวเจ้า 1 ส่วน + ถั่วเขียว 1 ส่วน

+ ชีวิตสมดุลคืออะไร?
ที่จริงแล้วชีวิตคนนี่ เราอย่าห่วงเรื่องบำรุง ต้องห่วงเรื่องว่าทำยังไงชีวิตจึงจะสมดุล คือต้องดูออกว่าเราควรจะล้างออะไรในตัวก่อนแล้วค่อยบำรุงทีหลัง เอาตัวอย่างง่ายๆ ว่าถ้าระบบดูดซึมเราไม่ดี แล้วเราบำรุงเข้าไป มันจะเข้าตัวได้ไหม เข้าไมได้แล้วใครทำงานหนัก ไตจะทำงานหนัก เพราะไตต้องขนอาหารที่เข้าตัวเราไม่ได้ไปทิ้ง จึงเกิดภาวะไข่ขาวรั่ว

+ ไตรั่ว กับโปรตีนรั่วเหมือนกัน
ภาวะไข่ขาวรั่วนี่ ไข่ขาวก็คือโปรตีนที่เอาไปสร้างกรดอะมิโนไม่ได้ ไตก็ต้องขับทิ้ง ไตจึงทำงานหนัก เพราะฉะนั้นเวลาที่บางคนไปตรวจพบว่าโปรตีนมันรั่วออกมาเยอะ หมอกลับทำยังไงรู้ไหม สั่งให้กินโปรตีนเพิ่มเข้าไป คือรั่วมากเท่าไหร่ก็กินเพิ่มเท่านั้น มันก็กลายเป็นว่ายิ่งทำให้ไตทำงานหนัก แล้วในที่สุดก็ต้องฟอกใตอย่างนี้นะครับ ที่จริงภาวะโปรตีนรั่วต้องรู้ว่าปัญหามันมาจากระบบดูดซึม เราต้องล้างระบบดูดซึมก่อน แล้วทำไมคนทุกวันนี้ระบบดูดซึมจึงเสีย

การล้างสารพิษในร่างกาย
+ กระเพาะอาหาร การดูดซึมที่กระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารคนเราจะดูดซึมเฉพาะสารอาหารที่ละลายในน้ำมันฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องกินอาหารที่มีไขมันบ้าง ไม่งั้นกระเพาะจะดูดซึมไม่ได้ ถ้าเราไม่กินอาหารที่มีไขมันเลย กระเพาะจะเสื่อมเร็ว เห้นไหม ไปรังเกียจไขมันก็ไม่ได้นะ เพราะที่กระเพาะมันจะดูดซึมสารอาหารที่ละลายในน้ำมัน สารอาหารตัวไหน วิตามินเอ วิตามินอี พวกนี้จะต้องดูดซึมที่กระเพาะอาหาร เพราะฉะนั้น ถ้ากระเพาะเราดูดซึมไม่ได้ ผิวเราจะเหี่ยว ภูมิต้านทางที่ผิวจะไม่ค่อยมี สังเกตว่าถ้าผิดเราเหี่ยว หน้าเหี่ยวหน้าแห้ง แปลว่าการดูดซึมที่กระเพาะเราไม่ค่อยดีแล้ว เพราะมันดูดซึมวิตามินเอกับวิตามินอีไปไม่ได้ คนโบราณนี่เมื่อเขากินอาหารเสร็จเขาจึงตามด้วยของหวาน เพราะต้องส่งน้ำาบไปให้เกิดการดูดกลืนเนื่องจากที่กระเพาะจะต้องมีน้ำตาบไปหมักแอลกอฮอล์อีกที จากนั้นแอลกอฮอล์จึงจะไปสักดอสารอาหารบางตัวออกมา เพื่อเกิดการดูดซึมที่กระพาะ ฉะนั้นจึงเป็นต้นกินน้ำตาลบ้างเพื่อให้เกิดการดูดซึมที่กระเพาะ ถ้าหากกระเพาะไม่แข็งแรง เราจะรู้ได้ยังไงไบ้าง คนที่กระพาะไม่แข็งแรงจะเป็นคนที่สมรรถภาพทางเพศเริ่มเสื่อม ปวดเข่า ปวดหน้าแข้ง ขาเริ่มไม่แข็งแรง นี่พวกกระเพาะไม่ค่อยดี

+การบำรุงกระเพาะอาหาร
ตัวอะไรที่บำรุงกระเพาะ แต่ก่อนผมมีความเชื่อว่า สมุนไพรตัวหนึ่งนี่มันคงจะดีสำหรับทุกคน เช่น คนหนึ่งกินขมิ้นเพื่อบำรุงกระเพาะคนอื่นก็กินขมิ้นบำรุงกระเพาะได้เหมือนกัน ตอนหลังพบกว่าไม่ใช่แล้วนะครับ มันกลายเป็นว่าจะต้องกินตามสายเลือดอย่างผมนี่ ถ้าเป็นโรคกระเพาะ ผมจะกินเหมือนคนอื่นไม่ได้เลย กินกล้วยดิบ กินมันเทศ กินเผือก แต่บางคนก็จะถูกกับขมิ้นชัน เห็นไหม...แม้กระทั่งการบำรุงกระเพาะก็ไม่เหมือนกัน วิธีตรวจสอบว่า สายเลือดเราถ้าเป็นกระเพาะจะต้องกินอะไร บางคนกินกล้วยดิบ เอามากินอาหารเวียดนามก็ได้สไลด์เป็นแผ่นแล้วก็กินกับเมี่ยงสมุนไพร หรือเอากล้วยดิบมาทำส้มตำ ตำกล้วยดิบบำรุงกระเพาะนะครับ แต่จะถูกกับบางสายเลือดเท่านั้น บางคนจะถูกกับมันเทศ กินมันเทศประจำกระเพาะแข็งแรง กล้ามเนื้อแน่นปึ๊กก็มี

+ ลำไส้เล็ก
การดูดซึมที่ลำไส้เล็ก
ลำไส้เล็กจะดูดซึมเฉพาะสารอาหารที่ละลายในน้ำ อะไรบ้างที่ละลายในน้ำ ก็คือโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี แล้าวถ้าหากว่าโปรตีนมันไม่มีในวิตามินซี วิตามิน B1 B3 B6 B12 มันก็เอาไปสร้างกรดอะมิโนไม่ได้ เมื่อสร้างกรดอะมิโนไม่ได้ ร่างกายจะขับทิ้งทันที ทีเกิดภาวะโปรตีนไข่ขาวรั่ว แต่ถ้ามันเอาไปสร้างกรดอะมิโนไม่ได้ "กรดอะมิโน" คือหน่วยที่เล็กที่สุดของโปรตีน มันก็เอาไปเสริมสิ่งที่สึกหรอในร่างกายได้ อันนี้ต้องเข้าใจว่า สารอาหารที่ละลายในน้ำ มันจะต้องไปดูดซึมที่ลำไส้เล็ก แล้วลำไส้เล็กเราทำไมไม่ดูดซึม เพราะคนสมัยนี้ชอบกินของผัดน้ำมัน น้ำมันสมัยก่อนเป็น้ำมันหมู น้ำมันที่มาจากเนื้อสัตว์มันไม่เกาะที่ลำไส้นะครับ อาจจะเกาะแต่พอกินน้ำชาไปมันก็ล้างออก แต่น้ำมันสมัยใหม่มันเป็นน้ำมันพืช น้ำมันจากต้นปาล์ม ใครจะบอกว่าเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดองุ่น ไม้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นน้ำมันปาล์ม แล้วก็ไม่ผสมน้ำมันถั่วเหลือง ผสมน้ำมันทานจะวันอะไรพอเป็นกระสาย น้ำมันปาล์มเมื่อโดนความร้อนมันเหนียวเป็นกาวเลยนะครับ เอาง่ายๆ ในครัวบ้านท่าน ถ้าผัดน้ำมันบ่อยๆข้างฝานี่จะเหนียวเหนอะเลยใช่ไหม แล้วทำความสะอาดยากมาก แต่ก่อนพอถึงปีเราก็ทำความสะอาดที มันก็สะอาดเรี่ยม เดี๋ยวนี้ไม่มีทาง ต้องใช้โซดาไฟบ้าง อะไรบ้างไปกัดถึงจะเอาอยู่ เพราะฉะนั้น คิดดูว่ามันไปเกาะในไส้เราเท่าไหร่ ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารที่ละลายในน้ำไม่ได้ แล้วเขาจะเป็นยังไง เขาก็จะนอนไม่หลับ ไม่ค่อยมีเด็กในบ้านไหนนอนหัวค่ำกันแล้วเพราะนอนไม่หลับ อยู่กันจนดึกนั่นแหละ แล้วก็จะปวดหัว เป็นไมเกรน แล้วก็ปัสสาวะบ่ยอ กินน้ำไม่ได้นานก็ปวดปัสสาวะ เพราะมันดูดซึมน้ำไม่ได้ น้ำไปไหน มันก็ไม่ดูดซึมที่เส้นเลือดฝอยแทน มันไม่เข้าช่องทางปรกติ ลำไส้เล็กมันมีขนเหมือนผ้าขี้ริ้วที่เรากินยำผ้าขี้ริ้วน่ะ ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วถูกบ้านนะ ผ้าขี้ริ้วจากไส้วัวนั่ะ ลำไส้เล็กเราจะเป็นอย่างนั้น

คราวนี้เมื่อมีน้ำมันไปเคลือบปุ๊บ มันก็ดูดซึมไม่ได้ ก็เลยต้องไปดูดซึมที่เส้นเลือดฝอยแทน คราวนี้เส้นเลืดฝอยไม่มีหน้าที่ลำเลียงน้ำไปเลี้ยงร่างกายนะครับ เพราะไม่งั้นมันจะเป็นอันตราย เส้นเลือดฝอยจึงต้องส่งน้ำไปให้ไตขับทิ้งทันที อันนี้คือเหตุผลว่าทำไมเรากินน้ำไม่นานก็จะต้องปัสสาวะ นี่แปลว่าลำไส้เล็กเราดูดซึมไม่ได้ กินไปมันก็ยิ่งเพลียเพราะมันไม่เข้าตัว ไตทำงานหนักก็ยิ่งเพลีย กลายเป็นว่าทำไมกินอาหารเสร็จใหม่ๆ เราถึงอ่อนเพลียกันมาก แล้วจะทำยังไงดี ถ้าหากลำไส้เล็กไม่ดูดซึม เราก็ไม่วิธีล้างสำไส้เล็ก

+ การล้างลำไส้เล็ก
เอามะละอกดิบมาต้มน้ำ แต่อย่าใส่เยอะนะครับ เดี๋ยวจะเหม็นมะละกอ เอาพอสมควร เอามะละกอดิบมาต้มน้ำ แล้วเอาน้ำนั้นมาชงชาใบหม่อน ชาใบหม่อนนี่หาได้ในพื้นที่ จริงๆแล้วชาใบหม่อนมีประโยชน์มาก มีสารต้านมะเร็ง มีวิตามินเยอะมากเลยนะครับ แต่เราไม่คอ่ยกินกัน เราเอาไปเลี้ยวตัวหม่อนหมด ชาใบหม่อนจะมีสารแทนนิน กินแล้วท้องผูก กินแล้วนอนหลับสบาย ให้เก็บใบหม่อนหลังเที่ยงคืนตี 4 เพราะช่วงนี้สารมันจะไปอยู่ที่โคนต้น ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ปลูกต้นหม่อนกันอยู่แล้วนะครับ ตัวใบหม่อนก็มีประโยชน์ ลูกหม่อนก็มีสรรพคุณมากมายมหาศาล ถ้าเราทำชาตัวนี้กินกันเองนะ เอาตากแห้ง ...คั่วซะหน่อย ต้มน้ำมะละกอก่อน แล้วเอามาชงชา ตัวนี้จะล้างลำไส้เล็กได้ดี และยังต้านมะเร็งได้ด้วย จะไม่ค่อยเป็นมะเร็งกันถ้ากินชาตัวนี้ ผมไม่ไดอยากแนะนำให้กินชาจีน เพราะบางทีชาจีนเขาก็เอาไปย้อมสี ชาเขียวนี่เอาไปย้อมสี ชามาเขียวอื๋อเลย ปรากฏว่าไม่ใช่สีชาหรอก เป็นสีย้อม กินไปก็เป็นอันตราย เราทำชากินเองง่ายกว่า แล้วเป็นชาที่ได้ประโยชน์ด้วย โดยเฉพาะชาใบหม่อน ตัวนี้จะล้างลำไส้เล็กได้ดี กินแล้วนอนหลับดี ไม่ปวดหัว ไม่ปัสสาวะบ่อย นี่คือประโยชน์ของการลำไส้เล็ก

+ ลำไส้ใหญ่ การล้างลำไส้ใหญ่
คนเราถ้ากินได้แต่ถ่ายไม่ออกนี่จะเป็นอย่างไร...ยุ่งไหม ยุ่งนะครับ กินไมได้ยังไม่เท่าไหร่ ยังไม่ถึงตาย แต่คนถ่ายไม่ออกนี่ถึงตายได้นะ มันอึดอัด ไม่สบาย ทำให้เป็นริดสีดวง โรคทางเดินอาหาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ถ้าอุจจาระค้างในส่วนปลายลำไส้ใหญ่นานๆ ส่วนที่โค้งงอก็ไปกดเบียดบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อักเสบเรื้องรังและจะลามไปถึงกรวยไต ทำให้ไตงอและอักเสบได้อีก ครานี้ถ้าถ่ายไม่ออกเราก็ต้องมีวิธีกินให้ระบาย ผมไม่สนับสนุนให้คนกินยาถ่าย เพราะยาถ่ายทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นยาถ่ายสมุนไพรหรือยาถ่ายเคมี มันเป็นตัวทำลายปลายประสาทที่ลำไส้ใหญ่ให้เสื่อม ควรจะกินอาหารเพื่อไปช่วยระบายอย่างใบมะขามแขก ส้มแขกนี่ก็ยังถือว่าเป็นยาถ่ายนะครับ ส่วนอาหารที่ช่วยล้างลำไส้ใหญ่มีอยู่ 2 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 คือพวกที่ต้องกินนมถึงจะถ่าย กินผักอะไรก็ไม่ถ่าย พวกนี้กินนมนี่มีอะไรบ้าง ก็ใช้นมจืด 2 กล่อง กล้วยน้ำว้า 2 ลูก กินกล้วยคำ นมคำไปเรื่อย อิ่มแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องกินให้หมด มันอื่มแค่ไหนก็พอแค่นั้น นี่ก็จะระบายดี

กลุ่มที่ 2 คือพวกที่ตอ้งกินโยเกิร์ต+นม+น้ำผึ้งมะนาว สูตรนี้ถ้ากินน้อยๆ มันจะไปล้างลำไส้เล็ก แต่ถ้ากินเยอะๆ มันจะไปล้างลำไส้ใหญ่ด้วยสูตรโยเกิร์ตผสมนมใส่น้ำผึ้งมะนาว หรือเด็กก็เปลี่ยนจากน้ำผึ้งเป็นเฮลท์บลูบอยก็ได้ เพราะเขาไม่ชินกับกลิ่นน้ำผึ้ง เฮลซ์บลูบอยถึงจะสะใจเขาก็ใช้สูตรนี้แทนนะครับ

นมอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยระบายก็คือนมข้นหวานครับ นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ เอามาชงกับโซดา ใส่โซดาตามชอบ บางคนอาจจะใส่เยอะหน่อยแล้วดื่ม มันก็ไประบายได้ แต่บางคนกินทั้ง 3 อย่าง ก็ไม่ระบาย เพราะว่าไส้เขามันอีกพวกหนึ่ง พวกนี้ต้องมากินผัก ผักที่ไม่มีอันตราย และช่วยระบายได้แก่ ผักบุ้ง ผักปลัง กระเจี๊ยบเขียว ผักที่เป็นเมือกๆ ทั้งหลาย ทางอีสานเขาจะมีผักเชียงดา หรือใบย่านางก็ช่วยการขับถ่าย ใบย่านางเอามาตำๆ คั้นน้ำดื่ม ช่วยให้ถ่ายได้ พวกนี้ให้เน้นผักที่เป็นเมือกๆนะครับ

+ น้ำตาลในเลือด
การล้างน้ำตาลในเลือด

ล้างน้ำตาบในเลือดเพราะเรากินน้ำตาลเยอะ บางทีการกินน้ำตาลเยอะก็ทำให้เป็นเบาหวาน แต่การขาดน้ำตาบก็ทำให้เป็นเบาหวานนะครับ ทฤษฏีที่บอกว่ากินน้ำตาบแล้วทำให้เป็นเบาหวานก็อาจจะไม่จริงเสมอไป บางคนไม่เกินน้ำตาลแล้วทำให้เป็นเบาหวานก็อาจจะไม่จริงเสมอไป บางคนไม่กินน้ำตาลแล้วเป็นเบาหวานเพราะขาดน้ำตาล ภาวะขาดน้ำตาลเกิดกับพวกที่ไม่กินอาหารเช้า ผู้ที่ไม่กินอาหารเช้าจะเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากว่าอาหารจะต้องไปเลี้ยงสมอง คราวนี้ถ้าคนไม่กินอาหารเช้า สมองก็ขาดสารบำรุง ร่ายกายเขาถือว่าสมองเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าสมองซึ่งเป็นเหมือนกองบัญชาการขาดอาหาร เขาก็จะไปรีดนาทาเน้นสารอาหารจากทีอื่น เช่น ไปดึงจากตับ จากไต จากหัวใจ ม้าม ปอด รวมทั้งตับอ่อนด้วย สารอาหารที่เมื่อถูกดึงไปเลี้ยงสมอง ข้างในก็ขาดสี หัวใจ ตับ ไต ม้าม ปวด เราจึงขาดสารอาหาร แล้ววันหนึ่ง เราก็จะได้เป็นโรคหัวใจ โรคไต โรคม้าม โรคปอด รวมทั้งโรคเบาหวาน เพราะฉะนั้นสาเหุตของเบาหวานอีกประการหนึ่งคื เกิดจากการไม่กินอาหารเช้า เห็นไหม ขาดน้ำตาบก็เป็นเบาหวานได้ แล้วเราจะทำยังไง ถึงจะรุ้ว่าเราขาดหรือเกิน ทำยังไงถึงจะทำให้น้ำตาลในตัวเราสมดุล

ต้นตอของน้ำตาลอยู่ที่ตับอ่อน ถ้าตับอ่อนเสื่อม มันก็จะผลิตฮอร์โมนตัวหนึ่งที่คุมน้ำตาลไมได้ เมื่อคุมไม่ได้ เราก็เลยต้องส่งตัวยาอื่นมาคุมแทน แต่ถ้าเราสามารถฟื้นตับอ่อนให้คงที่ 100% ท่านจะกินน้ำตาลวันละกิโลก็ไม่มีปัญหา ขอให้ตัวขับมันดีเถอะ กินขาดก็ไม่เป็นไร กินเกินก็ไม่เป็นไร เพราะตัวคุมมันดี ตัวคุมมันเก่ง นึกออกไหม ตัวคุมคือตับอ่อน เพราะฉะนั้น เราจึงมีหน้าที่ต้องฟื้นฟูตับอ่อนมากกว่าคุมน้ำตาบ ทุกวันนี้ทั่วโลกมุ่งไปคุมน้ำตาบ แต่ตับอ่อนก็เสื่อมลงทุกวัน เขาจึงสรุปว่าเบาหวานรักษาไม่หายเพราะว่าไปคุมที่น้ำตาบ แต่ถ้าฟื้นตับอ่อน เบาหวาน จะหายขาดได้

สมุนไพรที่ไปฟื้นตับอ่อน ตอนนี้มีอยู่ 5 ตัว คือ อบเชย ใบมะรุม ใบมะยม รากเตย หญ้าหวาน การล้างน้ำตาบในเลือดคือคุมตับอ่อนแล้วน้ำตาลจะปรกติของมันเอง

+ กรดยูริก การล้างกรดยูริก
กรดยูริกมักจะก่อตัวในฤดูหนาว เป็นธรรมชาติเลยนะครับ ธรรมชาติของคน พอช่วงฤดูฝน อากาศร้อนชื้น เลือดของคนจะกระจายในเลือดของคนเรานี่ บางทีมันมีเม็ดทรายเล็กๆอยู่ในกระแสเลือด มันมาได้ยังไง เม็ดทรายๆเล็กๆอยู่ในกระแสเลือดของคนได้นะครับ แล้วมันมาจากไหน มาจากที่เราเคยหกล้ม โดนชน โดนกระแทก

+ สะเก็ดเลือด
ท่านเคยสังเกตไหม บางทีท่านไปเดินชนอะไรอย่างนี้เกิดห้อเลือดที่ผิว ต่อมาท่านก็ลืม อ้าว มันหายไปไหน มันถูกตีกลับเข้าไปในกระแสเลือดแล้วป่นเป็นเม็ดเล็กๆ หลังจากนั้นมันก็จะกลับเข้าไปในกระแสเลือดได้และตกตะกอน วันหนึ่งเมื่อมีอากาศร้อนชื้น เช่น ในช่วงหน้าฝน สะเก็ดเลือดพวกนี้จะถูกตีขึ้นมา คราวนี้ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปอุดเส้นเลือดฝอยส่วนไหน

อุดสมองส่วนหน้า ถ้าไปอุดสมองส่วนหน้า บางทีเราก็จะตาพร่าเวียนหัว หูไม่ค่อยได้ยิน หูอื้อ ปวดเหงือก เจ็บฟัน เป็นไซนัส อะไรอย่างนี้คือสะเก็ดเลือดไปอยู่สมองส่วนหน้า

อยู่ที่สมองส่วนกลาง ถ้าสะเก็ดเลือดไปอยู่ที่สมองส่วนกลาง เราจะมีความจำลดลง ง่วงนอนบ่อย อาหารไปค่อยย่อย

อยู่ที่สมองส่วนหลัง ถ้าไปอยู่สมองส่วนหลัง แขนขาจะไม่มีแรงเป็นอัมพาต แล้วหมอก็หาสาเหตุไม่เจอ เอ็กซเรย์ก็ไม่เจอเส้นเลือดตีบแต่เจอจุดเล็กๆ นิดหนึ่งอะไรอย่างนี้นะครับ ที่จริงตรงนั้นแหละที่สะเก็ดเลือดไปอยู่

อยู่ที่ตับ สะเก็ดเลือดไปอยู่ในตับ ก็จะทำให้ตับผลิตเม็ดเลือดไม่ได้ก็อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หมอจะอัดยาบำรุงเลือดเข้าไป อัดธาตุเหล็กเข้าไปอัดเท่าไหร่ก็ไม่จบ เพราะตับมันไม่ผลิตแล้ว โรงงานมันเสีย ถึงจะส่งวัตถุดิบไปก็ช่วยไม่ได้

อยู่ที่ม้าม ถ้าสะเก็ดเลือดไปอยู่ในม้าม กินนิดหน่อยก็อ้วนเอาอ้วนเอา เพราะม้ามมันผลิตไขมันแบบไม่บันยะบันยัง หรือบางทีสะเก็ดเลือดไปอยู่ในม้ามบางจุด ทำให้ผอมเอาผอมเอา กินเท่าไหร่ก็ผอม

อยู่ที่ไต จะทำให้ไตมีปัญหา รู้สึกร้อนหรือหนาวมากขึ้น อ่อนเพลีย

อยู่ที่ต่อมในถุงอัณฑะ ก็เป็นต่อมลูกหมากหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

+ การล้างสะเก็ดเลือด
ถ้ารู้สึกว่ามีอาการแปลกๆ อย่างที่ผมว่า ตัวที่ง่ายที่สุดเลยก็คือใช้โยเกริ์ตผสมน้ำมันงาครับ โยเกริ์ต 1 ถ้วย ใส่น้ำมันงาไป 1 ช้อน กินซัก 5 วัน อาการนี่จะโล่งหายเลยนะครับ หายมาเยอะแล้ว บางคนเป็นอัมพาต ขยับเขยื้อนไม่ได้ เป็นเจ้าชายนิทรา ต้องให้เขากินสูตรนี้ แป๊บเดียวก็ลุกออกจากโรงพยาบาลได้ โยเกริ์ต 1 ถ้วย ใส่น้ำมันงา แต่ก็ต้องเรียนรู้อีกว่า น้ำมันในโลกนี้มันหลากหลาย มันมีน้ำมันที่นอกเหนือจากน้ำมันงา และน้ำมันอย่างอื่นอีก

จังหวัดอุบลฯ เป็นแหล่งผลิตน้ำมันสารพัดเลยนะครับ ผมก็สั่งจากอุบลฯไปใช้กับคนไข้ คือน้ำมันขิง น้ำมันข่า น้ำมันมะรุม น้ำมันงาขี้ม่อน ฝรั่งเรียก พาเรลล่า น้ำมันจากใบมะกรูด น้ำมันจากเปลือกส้ม น้ำมันเปลือกส้ม บางทีมันไปขับพวกมะเร็งเต้านมได้ มันจะขับเยิ้มออกมาเลย แล้วมะเร็งก็หาย ผลิตที่อุบลฯ ลองดูนะครับ เราก็ต้องเรีนยรู้น่ะ มีวิธีทดสอบแบบเดียวล่ะ วิธีการล้างสะเก็ดเลือด ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงฤดูผน ถ้าท่านเคยมีประวัติเดินหกล้ม เดินชน โดนกระแทกมา เตรียมกินไว้เลยนะครับ มันก็ไม่ได้สิ้นเปลืองอะไร พอมาถึงหน้าหนาว เลือดที่เคยตีขึ้น ตะกอนที่เคยฟุ้งกระจายไปทั่ว มันจะเริ่มตกตะกอนในฤดูหนาว

+ หินปูน
ถ้าท่านเคยมีประวัติกินสัตว์ปี กินเครื่องในสัตว์ กินผักที่มีกลิ่นฉุน ผมว่าโดนทุกคนน่ะ กินผักมีกลิ่นฉุน มีใครไม่กินบ้างล่ะ ผักขะแยง ผักแพ้ว ชะอม กระถิน กินกันทั้งนั้น แต่ท่านอาจจะเคยได้ยินว่า ผักพวกนี้ จะทำให้เป็นเกาต์ เป็นรูมาตอยด์ แต่ที่ท่านนึกไม่ถึงเด็ดขาดว่า มันมีพิวรีนสูง และเป็นสาเหตุให้เกิดกรดยูริคสูงก็คือข้าวกล้อง และน้ำข้าวกล้องงอก อันนี้อันดับหนึ่งเลยนะครับ คนมักจะกินข้าวกล้องโดยหวังว่าจะได้วิตามิน แต่สิ่งที่เป็นภัย ของเสียที่มากับข้าวกล้องไม่มีใครเขาบอก เขาจะบอกแต่ด้านดีว่า บำรุงสมอง มีสารกายาอะไรอย่างนี้นะ แต่ข้อเสียของข้าวกล้องคือมีพิวรีนสูง กินแล้วจะเกิดกรดยูริก ท่านก็จะปวดเข่า ปวดข้อ กินข้าวกล้องนานๆ สมองแจ่มใสก็จริง แต่ทำไมเดินไม่ได้ ไปไหนก็กระย่องกระแย่ง ปวดเขาปวดข้อใช่ไหม อากาศหนาวก็ปวด โอย โอยแล้ว ผมอาจจะขัดใจกับพวกที่เผยแพร่เรื่องต่างๆ ว่ามันจะบอกแต่ด้านดี ไม่บอกข้อเสียของมันไปด้วย แล้วจะแก้ยังไง อย่างแต่ก่อนสอนให้คนกินกระเจี๊ยบแดง น้ำกระเจี๊ยบแดงลดคอเลสเตอรอล ต้องกินอย่างนี้ กินหนักๆ เข้าเป็นไง เดี๋ยวนี้ไม่มีใครกินแล้ว..เบื่อ เพราะว่ามันทำให้ไตพังและเลือดจางด้วย ไอ้กระเจี๊ยบนี่ วิธีแก้ล่ะ ถ้าเราใส่พุทราแห้งเท่านั้นแหละแก้ได้แล้ว มันจะไปช่วยลดคอเลสเตอรอล แล้วทำให้เป็นไง เส้นเลือดไม่เปราะ-แตกง่าย แล้วก็ช่วยให้ไตแข็งแรงด้วย เพียงเติมพุทราแห้งลงไปในกระเจี๊ยบแดง นี่จะต้องมีทางออกไง อย่าไปยอมจำนนนะ ตัวนี้ก็เหมือนกัน สมมติว่าเรากินข้าวกล้องเป็นประจำ ตกลงจะเลิกดีไหม ไม่จำเป็นต้องเลิกนะครับ แต่ก็หาตัวแก้ไป ตัวที่จะไปลดกรดยูริก ลดพิวรีน แก้อาหารเกาต์ รูมาตอยด์ แล้วก็หินปูนเกาะในที่ต่างๆในทางการแพทย์จะสนใจหินปูนที่เกาะตามข้อ เราเรียกว่าเกาต์ รูมาตอยด์ใช่ไหม แต่ถ้าลงมาอีก หินปูนไปเกาะที่ไหนบ้าง

- หินปูนที่จอประสาทตา วันหนึ่ง อยู่ดีๆ เลือดไม่ไปเลี้ยงที่จอประสาทตา หมอก็จะบอกว่า จอประสาทตาเสื่อมโดยไม่ทราบสาเหตุ มันมีสาเหตุแต่หมอไม่ทราบเท่านั้น คือหินปูนไปเกาะไง ถ้าเราล้างหินปูนทางตา เราก็ไม่มีปัญหาเรื่องเป็นต้อเป็นอะไร สายตาสั้น-ยาวนี่ยังพอให้ แต่ตาเป็นต้อนี่ไม่น่าให้อภัย อย่าเป็นกันนะ ท่านต้องล้างหินปูนนะครับ

- หินปูนที่เกาะที่ขั้วปอด คราวนี้ก็เป็นหอบหืด ไอไม่เลิกอย่างนี้นะครับ แค่ล้างมันออกหอบหืดก็หาย หินปูนไปเกาะที่ไหนอีก
- หินปูนเกาะที่เส้นเลือดฝอยในหัวใจ อยู่ๆ ทำให้หัวใจวายได้ เคยได้ยินไหม หินปูนไปเกาะที่ขั้วหัวใจ นี่ก็มีได้นะครับ
- หินปูนเกาะที่กระดูกสันหลัง ก็กลายเป็นกระดูงอกกดทับเส้นประสาท จริงๆแล้วก็อย่าให้มันไปเกาะซะก็หมดเรื่องนะครับ

แล้วจะทำอย่างไร? มี 2 สูตร

+ การล้างหินปูน

สูตรที่ 1 คือต้มน้ำลูกเดือน ในสมัยก่อนท่านอาจจะเคยอ่านนาฬิกาชีวิต เขาจะให้กินลูกเดือน เราพบว่าลูกเดือย ถ้าเราต้มแต่น้ำจะได้ประโยชน์เร็วกว่ากินเนื้อไปด้วย เพราะกากของลูกเดือยจะไปดึงยาคืนมาเหมือนกากกระชาย ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ควรต้มเป็นน้ำ แล้วกินแบบน้ำข้าว แล้วเราก็เติมน้ำลงไปใหม่ แล้วอุ่นไปเรื่องจนหมดสีขาว พอมันใสแล้วเราก็ทิ้งกากไป เสร็จแล้วก็ไปต้มใหม่

สูตรที่ 2 คือต้มรางจืดกับใบเตย ใช้ใบรางจืดกับใบเตย มันจะไม่ไปล้างอะไรนอกจากล้างหินปูน กินรางจืดเดี๋ยวจะไปล้างอะไรต่ออะไร ไม่ต้องกังวล ถ้าต้มกับใบเตยมันจะไม่ล้างอย่างอื่นเลย นอกจากล้างหินปูนในตัวเราเท่านั้นนะครับ

+ คอเลสเตอรอล
คอเลสเตอรอลคือไขมันชนิดหนึ่งที่อยู่ในเส้นเลือด จริงๆแล้วคอเลสเตอรอลเป็นของมีประโยชน์ มันมีประโยชน์ร่ายการจึงสร้างขึ้นมา ถ้าไม่มีประโยชน์ก็ไม่สร้าง ประโยชน์ของคอเลสเตอรอลก็คือทำให้เรามีอารมรณ์ขัน สนุกสนนาน มีกำลังวังชา เพราะฉะนั้นคนจะต้องมีคอเลสเตอรอลเลยก็จะซึมเศร้า จับเจ่าอยู่กับบ้าน ไม่ทำอะไร ออกกำลังก็ไม่เอา ไปเที่ยวก็ไม่เอา ควรจะมีบ้าง แต่ถ้ามันเยอะเกินไป เราก็ล้างออกบ้างเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวมันมาก แล้วจะล้างออกยังไงครับ มีหลายสูตรที่ไปล้างคอเรสเตอรอล

+ การล้างคอเลสเตอรอล
สูตรที่ 1 เอากระเจี๊ยบแดงต้มกับพุทราแห้ง
สูตรที่ 2 น้ำซุปมะละกอ ใช้มะละกอครับ บางทีเรารู้จักมะละกอน้อยไป นึกว่ามะละกอทำได้แค่ส้มตำ มะละกอนี่ปอกเปลือกแล้วเอามาต้มจืด ต้มจืดแบบฟักน่ะ แทนที่จะใช้ฟักก็ใช้มะละกอแทน ต้มกับเต้าหู้ เห็ดฟาง หรือเห็ดหอม แล้วก็กินนี่ มันจะลดคอเลสเตอรอลได้ดีมาก ราคาก็ถูก กินได้ทุกวัน คืออย่างน้อยเรามีซุปติดบ้านไว้เลยใช่ไหม คือเราจะกินอาหารอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมน้ำซุปมะละกอ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:25:33 น.
Counter : 8747 Pageviews.  

เล่ม ๓ ตอนที่ ๑ สรุปการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร

สรุปการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร
โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา

การดูแลสุขภาพ คนทั่วไปมีความเชื่อว่า ต้องกินอาหารเพื่อบำรุงกินให้ครบ 5 หมู่ ชีวิตจึงจะสมดุล ไม่เจ็บป่วย เช่น พวกแป้งจากข้าว โปรตีนจากปลา ไก่และสัตว์ต่างๆ ไขมันจากปลา วิตามินจากปลาและเกลือแร่ ถ้าเรากินอาหาร ตัวสารอาหารทั้ง 5 หมู่ที่อยู่ในอาหาร เช่น เรากินปลาตัวหนึ่ง ในปลาก็มีโปรตีน มีไขมันจากปลา โปรตีนที่อยู่ในเนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ อะไรอย่างนี้ มันเป็นอาหารเรากินได้ มันเป็นไขมันอยู่ในเนื้อปลา ถ้ากินน้ำมันปลา พุงปลา หัวปลาอย่างนี้ มันก็เข้าไปในร่างกายเราได้ เป็นโอเมถ้าสามไปเลี้ยงสมองเราได้

ธรรมชาติของคนเราต้องการอาหาร ไม่ใช่สารเคมี เพราะฉะนั้น อะไรที่มาในรูปเคมีเราไม่ควรกิน เพราะว่าตัวเราได้รับสารเคมีมากเกินไปอยู่แล้ว ถึงไม่กินเคมีก็เข้าตัวเราทุกวัน เข้าทางไหนบ้างครับ เข้าทางยาสระผม ยาสระผมนี่เป็นเคมี มันจะเข้าไปทางรากผม ไปถึงสมองด้วยนะครับ บางคนเคมีไปอยู่ในสมอง สมองดำปื้อเลย ตรงเนื้อเยื่อสมองนี่นะครับ บางทีมันก็ลงไปเป็นมะเร็งเต้านม และก็ยังมีเคมีจากยาย้อมผมเคมีจากยาสระผมอีกนะครับ เคมีเข้าทางผิวเรามาจากไหน จากสบู่หรือบางทีจากผงซักฟอก จากท่อไอเสียรถก็เข้าผิวเราได้ ก๊าซคาร์บอนอนออกไซต์นี่นะครับ ถึงจะไม่หายใจ อุตส่าห์ใส่หน้ากากปิดอย่างดีเลย มันก็เข้าทางผิวหนังแทน เหมือนกันชาวบ้านที่ไปฉีดยาฆ่าหญ้า เขาก็ใส่เสื้อแขนยาวไปนะ แต่ตัวยาก็อยู่ในเสื้อนั่นแหละ พอเหงื่อออกมามันก็ดูดซับตัวยาจากเสื้อเข้าตัว

สมัยก่อนเรามีความคิดกันอยู่ว่า ถ้าวันหนึ่งเราเกษียณจากงาน เราจะไปอยู่ตามชนบทที่มีอากาศบริสุทธฺ์ แต่พอไปอยู่ในชนบทเข้าจริงๆแล้ว อากาศไม่ได้บริสุทธิ์อย่างที่เราคิด มันเต็มไปด้วยยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง เต็มไปหมดแล้วคนฉีดเองก็ล้มป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ ค้นคว้างวิธีขจัดสารพิษพบว่า เอาเห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว หูหนูดำมาปรุงเป็นอาหารกินเขาก็หายป่วยกันนะครับ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 22:24:35 น.
Counter : 1596 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

RBZ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเดะสีลม(เซนต์โย สีลม)ตอนป.๑ เรียนอยู่สองอาทิตย์ เค้าหาว่าหนูซนเลยต้องย้ายมาเซนต์โยบางนา ตอนนี้อยู่ธรรมศาสตร์ ขึ้นปีสาม แต่อยากเป็นเด็กปีหนึ่ง ตอนนี้กลับไปเป็นเด็กสีลมเหมือนเดิม (โต๊ะสีลม Color of the wind)

เลือกได้ระหว่างอ่าน blog หรือ space
http://spaces.msn.com/ongchun

chivalrysilk [ at ] gmail.com

icq57152514 [ at ] hotmail.com
สำหรับเล่น MSN เท่านั้น
Friends' blogs
[Add RBZ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.