เด็กขี้สงสัยโต๊ะ79
Group Blog
 
All Blogs
 
รัสเซียตอนที่ ๑๒ งานแสดงของไทยในเดือน พฤษภาคม





รัสเซียตอนที่ ๑๒
งานแสดงของไทยในเดือน พฤษภาคม
กล่าวนำ

กรุงมอสโกตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (Spring) อุณหภูมิของกรุงมอสโกเปลี่ยนแปลงวูบวาบอย่างน่าตกใจ โดยเมื่อตอนปลายเดือนเมษายนยังอยู่ที่ ๑ ถึง ๕ องศาเซลเซียส ลมแรงมาก แต่พอสัปดาห์แรกๆ ของเดือนพฤษภาคมก็เริ่มอุ่นขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้นบ้างเป็น ๕ ถึง ๑๐ องศาเซลเซียส ลมยังพัดแรงทำให้รู้สึกหนาวเย็น แต่ฝนก็เริ่มโปรยปรายทุกวัน ไปไหนมาไหน ต้องเตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มทุกครั้ง พอวันที่ ๒๒ พฤษภาคมเป็นต้นมา อากาศร้อนจัดมากๆ อุณหภูมิสูงถึง ๓๓ องศาเซลเซียส ทำให้เกิดพายุฝนในบางวัน แต่ปัจจุบันที่ผู้เขียนเรียบเรียงบทความนี้ (๒๙ พฤษภาคม ๒๐๐๕) อากาศกำลังสบายๆ อุณหภูมิอยู่ที่ระหว่าง ๑๕ ถึง ๒๓ องศา แดดเปรี้ยง ท้องฟ้ากรุงมอสโกเป็นสีฟ้าใส ต้นไม้เขียวขจี ดอกหญ้าสีขาวสีเหลืองออกดอกบานสะพรั่ง บ้านพักของผู้เขียนติดอยู่กับบ่อน้ำใหญ่ และป่าสนอันกว้างใหญ่ (ป่าในกรุงมอสโก) จึงเห็นคนรัสเซียออกมาตกปลา นอนอาบแดด เล่นกีฬา หรือทำบาร์บีคิวกินกับเบียร์กันรอบๆ บ่อน้ำ ทุกคนหน้าตาดูมีความสุข เพราะฤดูหนาวที่โหดร้ายได้ผ่านไปแล้ว ผู้เขียนจึงไม่ประหลาดใจเลยที่เดือนพฤษภาคมจะเป็นฤดูการท่องเที่ยวของรัสเซีย ซึ่งคงจะยาวนานไปจนถึงเดือนตุลาคมโน่นเลย

เดือนพฤษภาคมนี้ผู้เขียนไปร่วมงานกิจกรรมต่างๆ มากมาย แต่งานที่สำคัญๆ และน่าสนใจคือ งานวันฉลองชัยชนะนาซี (๙ พฤษภาคม) ซึ่งกองทัพรัสเซีย รัฐบาลรัสเซีย และกรุงมอสโกจัดได้ยิ่งใหญ่มาก งานต่อมาคืองาน Tea and Coffee Festival (๒๐-๒๒ พฤษภาคม) ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยเข้าไปร่วมแสดงชาและกาแฟของไทย งานถัดมาก็คือ งานแสดงสินค้าไทย (๒๕-๒๘ พฤษภาคม) โดยมีนักธุรกิจของไทยนำสินค้ามาเปิดบู๊ธแสดงที่ World Trade Center ของกรุงมอสโก และสุดท้ายเป็นงาน Asia Pacific International Association (๒๘ พฤษภาคม) ซึ่งภริยาของท่านเอกอัครราชทูตไทยเป็นแม่งานสำคัญ นำลูกทีมคือ ภรรยาของเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยไปออกร้านขายสินค้าไทยเพื่อจัดหารายได้สนับสนุนการกุศลของประเทศเอเชียแปซิฟิก

บทความนี้จะเป็นกิจกรรมต่างๆ ในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นเป็นสิ่งท้าทายอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนจะบรรยายให้ท่านผู้อ่านเข้าใจ แต่ผู้เขียนจะพยายามให้ท่านผู้อ่านมองเห็นภาพให้มากที่สุด

งานฉลองชัยชนะนาซี (๙ พฤษภาคม)

งานนี้รัฐบาลรัสเซียฉลองครบรอบ ๖๐ ปีที่กองทัพรัสเซียสามารถเอาชนะกองทัพนาซีของฮิตเลอร์ได้ (เมื่อ ๙ พฤษภาคม ๑๙๔๕) ผู้เขียนสังเกตว่า รัฐบาลรัสเซีย และกรุงมอสโกร่วมกันเป็นเจ้าภาพต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง โดยเริ่มตกแต่ง ทาสี ทำความสะอาดตึกและถนน นำต้นไม้ ธงทิว และไม้ดอกมาประดับประดาทั่วกรุงมอสโกตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา ดูๆ แล้ว รัสเซียก็ผักชีเหมือนกัน แต่ถ้ามองกันอีกมุม ผู้เขียนว่า ดูสวยงามดีกว่าการไม่ทำผักชีเสียอีก เขาประดับเมืองสวยงามจริงๆ เสียดายอยู่บ้างที่ในช่วงนั้น ฝนตกพรำแทบทุกวัน เมฆฝนเกลื่อนท้องฟ้า และตอนที่มีพิธีใหญ่บริเวณจตุรัสแดง ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้า

วันนั้นเป็นวันหยุด รถยนต์ที่เคยติดเป็นตังเมบนท้องถนนหายไปจากกรุงมอสโก (รัฐบาลรัสเซียให้หยุดตั้งแต่ ๗ ถึง ๑๐ พฤษภาคม) งานพิธีมีตอนเช้าวันที่ ๙ ที่ลานจัตุรัสแดง ตามกำหนดการจะเริ่มประมาณ ๙ โมงครึ่ง จนถึง ๑๐ โมงเศษ ผู้เขียนต้องไปถึงบริเวณลานจัตุรัสแดงก่อน ๘ โมงครึ่ง ผ่านด่านการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย ๓ จุด (รัสเซียเอาจริงเอาจังมาก เนื่องจากก่อนหน้านั้น มีข่าวว่า พวกเชชเนียอาจจะวางระเบิดหรือก่อการร้ายเพื่อหักหน้ารัฐบาลรัสเซีย แต่ก็ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น) ผู้เขียนได้ที่นั่งบนปะรำร่วมกับบรรดาเพื่อนนายทหารจากต่างประเทศ ก็สนุกดีได้ผลัดกันถ่ายรูปเพื่อรอเวลา แต่ฝนเจ้ากรรม ตกพรำๆ ตลอด ผู้เขียนยังกลัวว่า จะเป็นหวัดซ้ำกลับมาอีก

เมื่อมองจากที่นั่งของผู้เขียนลงไปที่ลานจัตุรัสแดง จะเห็นบรรดากำลังพลของกองทัพรัสเซียจากทุกเหล่าทัพและทุกกองกำลังเดินแถวมาเข้าจุดของแถวตนเอง เพื่อเตรียมรอการสวนสนาม ซึ่งก็ดูหลากสีไปหมดทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ กองกำลังขีปนาวุธ หน่วยพลร่ม หน่วยนาวิกโยธิน และกำลังรักษาดินแดน (เหมือนกับงานสวนสนามของบ้านเราที่จัดในบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า) พอใกล้ๆ เวลาเริ่มงาน ผู้เขียนจะเห็นบรรดาท่านผู้นำของชาติต่างๆ ที่มาร่วมฉลองชัยอาทิ จากเยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เลขาธิการ UN ผู้นำรัสเซีย และอื่นๆ ซึ่งที่แปลกใจคือ บรรดาคนขับรถจะจอดให้บรรดาท่านผู้นำทั้งหลายลง และเดินไปตามพรม (เป็นพรมสีดำสนิท) ที่ปูอยู่หน้าปะรำของแขกร่วมพิธี ทอดยาวไปจนถึงปะรำของบรรดาท่านผู้นำทั้งหลาย (มีบรรดาผู้นำมาเข้าร่วมพิธี ๕๓ ชาติ แต่น่าจะไม่มีผู้แทนจากไทย) บรรดาท่านผู้นำเหล่านี้จะเดินต้องเดินผ่านปะรำแขกร่วมพิธีประมาณ ๔๐ เมตร โดยแขกร่วมพิธีทั้งหลายก็จะปรบมือต้อนรับสนั่นหวั่นไหว บรรดาท่านผู้นำก็จะโบกมือรับ ผู้เขียนสังเกตดูแล้ว ผู้นำที่ได้รับการปรบมือนานที่สุดก็คือ ท่านปูติน รองลงมาก็คือ ท่านชาร์ค ชีรัค ของฝรั่งเศส (ผู้เขียนสังเกตเองว่า รัสเซียช่างมั่นใจในระบบการรักษาความปลอดภัยเสียนี่กระไร โดยปล่อยให้ท่านผู้นำทั้งหลายเดินโดดเดี่ยวพร้อมภริยาตามพรมในลานจัตุรัสแดง หรือผู้เขียนกลัวไปเอง)

เมื่อเริ่มงานนั้น รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียจะเป็นแม่งาน ซึ่งจะรับการรายงานจากผู้บัญชาการภาคทหารมอสโก (เหมือนกับแม่ทัพภาคที่ ๑ กระมัง) จากนั้นรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียจะขึ้นรถตรวจพล โดยรถตรวจพลจะไปหยุดหน้าแถวทหารของแต่ละหน่วย แล้วท่านรัฐมนตรีจะกล่าวทักทายขณะยืนอยู่บนรถตรวจพลผ่านไมค์ลอยเสียงดังฟังชัดทั้งลาน (เพื่อนทหารที่รักอะไรทำนองนั้น) จากนั้นทหารในแถวนั้นก็จะส่งเสียงดังสนั่นตอบว่า Hurrah ๓ ครั้ง ท่านรัฐมนตรีกลาโหมจะทำอย่างนี้กับทุกหน่วย จนสุดท้ายไปลงรถหน้าปะรำของบรรดาท่านผู้นำ แล้วขึ้นไปรายงานให้ประธานาธิบดีปูตินทราบ จากนั้นท่านปูตินก็กล่าวสุนทรพจน์ เมื่อกล่าวจบ ทหารทั้งลานก็จะส่งเสียงดังสนั่น Hurrah ๓ ครั้ง จากนั้นเป็นการบรรเลงเพลงชาติรัสเซียพร้อมกับปืนใหญ่ยิงสลุต

หลังจากนั้นเป็นการสวนสนามของบรรดาทหารหน่วยต่างๆ ที่ตกแต่งและใช้ธงประจำหน่วยสมัยสหภาพโซเวียต พร้อมกับการบินของฝูงเครื่องบินขับไล่ ที่น่าสนใจคือ กองทัพรัสเซียเชิญบรรดาทหารผ่านศึกทั้งชายและหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ และมีจำนวนมากมานั่งรถบรรทุก (เหมือนรถบรรทุก ๒ ตันครึ่งของเรา) สวนสนามด้วย แขกร่วมงานทุกคนจะปรบมือต้อนรับสนั่นหวั่นไหว เป็นการให้เกียรติบรรดาทหารผ่านศึกเหล่านั้นที่กล้าหาญ และทำการสู้รบอริราชศัตรูของประเทศ ผู้เขียนดูแล้วรู้สึกประทับใจทั้งคนจัดงาน และทหารผ่านศึกที่มาร่วมงาน ทำให้รู้สึกได้เลยว่า เมื่อสมัยสหภาพโซเวียตนั้น ประชาชนเขารักชาติ รักแผ่นดิน และให้เกียรติแก่ทหารหาญเหล่านั้น ผู้เขียนยังรู้สึกว่า ตนเองโชคดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมพิธีอันยิ่งใหญ่ของรัสเซีย งานพิธีจบลงด้วยความยิ่งใหญ่และน่าประทับใจจริงๆ และผู้เขียนคิดว่า แม้ปีหน้างานอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าปีนี้ แต่ผู้เขียนจะมาดูอีกว่า รัสเซียจะจัดให้บรรดาทหารผ่านศึกได้มีโอกาส และส่วนร่วมในพิธีอีกหรือไม่ ผู้เขียนคิดว่า ชาติที่ยิ่งใหญ่หรือครองความเป็นเอกราชมาได้ สมควรจะขอบคุณและให้เกียรติกับบรรดาทหารผ่านศึกทั้งหลายที่ป้องป้องชาติบ้านเมืองเอาไว้

งาน Tea and Coffee Festival (๒๐-๒๒ พฤษภาคม)

ลักษณะเหมือนงานที่สถานทูตของประเทศซึ่งสามารถส่งออกชา และกาแฟได้ จะนำผลิตภัณฑ์ของประเทศตนเองมาแสดงให้ผู้ร่วมงานได้เข้าชมที่ลานใกล้ๆ กับเซนต์บาซิล แต่ไม่ใช่ในจัตุรัสแดง มีหลายสถานทูตเหมือนกันทั้งในเอเชีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกา และลาตินอเมริกา ผู้เขียนชอบไอเดียคนจัดงานนี้มาก มองในงานเหมือนงานวัดบ้านเรา (ผู้เขียนคิดเอาเอง เพราะลักษณะคล้ายๆ) สถานทูตต่างๆ จะมาออกบู๊ธ แต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายประจำชาติตนเอง ผู้เขียนเดินไปรอบๆ งานแล้ว จึงสังเกตว่า แต่ละสถานทูตจะพยายามเรียกลูกค้าให้เข้ามาชมบู๊ธของตนเองอาทิ ด้วยเสียงดนตรีเร้าใจพร้อมการเต้น ด้วยการให้ชิมอาหารและกาแฟฟรี ด้วยการแต่งกายประจำชาติสีฉูดฉาด ถ้าสถานทูตไหนไม่มีการละเล่นหรือการแสดงก็จะเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนสนใจ ยกเว้นแต่ชา และกาแฟเป็นที่เลื่องชื่อจริงๆ คนร่วมงานจึงไปหาซื้อที่บู๊ธของชาตินั้นๆ

ผู้เขียนไปถึงบู๊ธของสถานทูตไทย คนร่วมงานเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอรับการแฟชงแบบโบราณ และขนมครกที่สถานทูตออกไอเดียมาดึงดูดแขกร่วมงาน ไม่เสียหลายจริงๆ และอีกอย่างหนึ่งบู๊ธของสถานทูตไทยก็อยู่บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าทางออกของงาน ติดๆ กับเซนต์บาซิล ผู้ร่วมงานถ่ายรูปบริเวณนั้นได้สวยงามมาก ซึ่งในระหว่างรอกาแฟและขนมครก ก็ถ่ายรูปไปด้วย ผู้เขียนถามน้องๆ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยและนักเรียนไทยที่ช่วยงานว่า เหนื่อยไหม ทุกคนจะยิ้มและบอกว่า เหนื่อยแต่สนุกมาก พวกน้องๆ นักเรียนไทยมาช่วยงานสถานทูตไทยทั้งชงกาแฟ ทำขนมครก บางคนที่มีหัวศิลปะ ก็จะรำไทยในงานนี้ด้วย เป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยจริงๆ ผู้เขียนจึงมองเห็นว่า คนไทยที่กรุงมอสโกนี้แม้จะมีอยู่น้อยคน แต่รักใคร่กันดีมาก และร่วมแรงร่วมใจกันดี ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะลักษณะนิสัยของคนไทยนั่นเอง

งานแสดงสินค้าไทยที่กรุงมอสโก (๒๕-๒๘ พฤษภาคม)

งานนี้เป็นโครงการของสำนักงานทูตพาณิชย์ ที่นำคณะนักธุรกิจไทยนำสินค้าจากเมืองไทยมาแสดงที่ World Trade Center ของกรุงมอสโก ผู้เขียนไม่ว่างไปตอนพิธีเปิดเมื่อ ๒๕ พฤษภาคมเพราะมีคณะจากเมืองไทยมาตรวจเยี่ยม พอว่างในวันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงาน จึงพามาดามของผู้เขียนไปดูว่า งานเป็นอย่างไรบ้างเพราะรับปากท่านทูตพาณิชย์ไว้แล้ว แต่เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายพอดี และตรงกับวันเสาร์ซึ่งคนรัสเซียมักจะไม่อยู่ในกรุงมอสโก แต่จะเดินทางไปบ้านพักตากอากาศตนเองที่นอกเมือง (Dacha) ดังนั้นงานจึงดูเงียบๆ แต่พอไปเดินดูตามร้านที่ออกบู๊ธ ก็เห็นแต่บู๊ธมีของเหลือน้อยมาก แสดงว่าประสบผลดีระดับหนึ่ง

ผู้เขียนชอบนักธุรกิจไทยที่นำของมาแสดงและขายมาก ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส พวกเขาถามไถ่ผู้เขียนถึงความเป็นอยู่ในรัสเซีย พอทราบว่า ผู้เขียนมาทำงานอยู่ที่นี่ ก็ลดราคาให้เป็นพิเศษ บอกว่า คนไทยด้วยกันขายให้พิเศษ และไม่อยากแบกน้ำหนักกลับไปเมืองไทยด้วย ผู้เขียนเลือกซื้อของที่ต้องใช้อาทิ เทียนหอมแบบต่างๆ เรียกได้ว่า มากมาย ทั้งซื้อและทั้งแถมมาให้ มาดามผู้เขียนซื้อมาแจกเพื่อนต่างชาติ และใช้ในบ้าน ต่อมาก็เป็นต้นไม้ประดับที่ทำจากดินญี่ปุ่น มาดามผู้เขียนซื้อมาตกแต่งบ้านหลายต้นเหมือนกัน คนขายก็รู้จักกันด้วย เลยลดราคาให้แทบจะให้เปล่า ต่อมาก็เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ราคาไม่แพง ถูกกว่าเมืองไทยเสียอีก ความจริงที่บ้านพักผู้เขียนก็มีมากอยู่แล้ว แต่มองดูจากนอกร้าน เห็นคนขายเขาจัดดอกไม้ประดิษฐ์ในกระถางไม้มะม่วงสวยงามมาก ก็เลยขอซื้อจากที่เขาจัดมาเลย ถัดมาก็เป็นชา ผู้เขียนจำคนขายได้จากรายการเกมส์แก้จน (ดูจากช่องไทยโกลบอล เนทเวิร์ค) พอเห็นหน้าคุ้นๆ มาดามของผู้เขียนชอบทานชา เลยหาซื้อชาโสมสำหรับตนเอง และซื้อชาอู่หลงสำหรับผู้เขียน คนขายก็แถมมาให้อีก จากนั้นก็หาซื้อปลอกหมอนอิงผ้าไหม สุดท้ายกำลังจะเดินกลับเพราะนำของไปเก็บที่รถหลายเที่ยวแล้ว เพื่อนของมาดามผู้เขียนที่มาออกบู๊ธ ก็ให้เด็กวิ่งมาตามเพื่อมอบของให้อีก สรุปแล้ววันนั้น เดินไปประมาณ ๒ ชั่วโมง สนุกมาก หมดไปก็หลายสตางค์ ของแถมก็เยอะ แต่ก็ดีครับไม่ต้องกลับไปหาซื้อจากเมืองไทย งานนี้อีกเช่นกัน น้องๆ นักเรียนไทยได้แสดงฝีปากในการเป็นล่ามหลายบู๊ธเหมือนกัน ผู้เขียนสอบถามน้องนักเรียนไทย ซึ่งบอกว่า มาทำงานกันถึง ๑๗ คน บางคนก็ต้องช่วยเป็นล่าม ๒-๓ บู๊ธ

งาน Asia Pacific International Association (๒๘ พฤษภาคม)

งานนี้เป็นการออกร้านของบรรดาประเทศในเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด เพื่อหารายได้สำหรับมอบเป็นการกุศล ซึ่งจัดที่ศูนย์วัฒนธรรมสำหรับนักการทูตของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย งานนี้สถานทูตไทยมีภริยาท่านเอกอัครราชทูตเป็นแม่งานใหญ่ ผู้เขียนเห็นบู๊ธจากหลายประเทศ จากอาเซียนก็มี ไทย ลาว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม นอกนั้นที่เห็นก็มี จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย ศรีลังกา และรัสเซีย (อย่าถามว่าบางประเทศเกี่ยวข้องกับ Asia Pacific อย่างไร ผู้เขียนคิดว่าเพื่อการกุศลมากกว่า)

ทุกบู๊ทจะนำสินค้าศิลปวัฒนธรรม และอาหารของชาติตนเองมาแสดง และขายหารายได้ ราคาไม่แพง เป็นการทำบุญสมทบการกุศลด้วย มาดามของผู้เขียนไปเดินทักทายเพื่อนต่างชาติของเขา อาทิ มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ที่ทีเด็ดสุดคือ เพื่อนชาวเกาหลีใต้แต่งชุดประจำชาติเป็นกระโปรงพองๆ มาร่วมงาน เลยเรียกคนขอถ่ายรูปได้พอสมควร สนุกสนานดี ส่วนบู๊ธของสถานทูตไทยนำอาหารมาแสดงหลายอย่าง นอกนั้นก็เป็นสินค้าอาทิ ผ้าคลุมไหล่ เครื่องประดับ เทียนหอม เช่นเดียวกัน บู๊ธของไทยได้รับความสนใจมากพอสมควรเพราะเมื่อผู้เขียนกลับไปตอนที่งานเลิก มองไม่เห็นอะไรเหลืออยู่เลย แสดงว่าสินค้าไทยประสบผลสำเร็จอีกงานหนึ่ง

สรุป

อากาศในกรุงมอสโกช่วงเดือนพฤษภาคมดีมาก เพราะยังไม่ถึงฤดูร้อนที่หลายคนบ่นว่า ร้อนจัดมาก ดังนั้นจึงมีงานหลายงานออกมาประชันขันแข่งกัน สำหรับผู้เขียนนั้น รู้สึกได้เลยว่า คนรัสเซียสดใสขึ้น อาจจะเป็นเพราะบรรดาสาวๆ เริ่มแต่งกายสีฉูดฉาด สวยน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง ไม่เหมือนช่วงหน้าหนาวที่ทุกคนใส่เสื้อโค๊ทหนาสีดำหรือสีน้ำตาล แถมสวมหมวกคลุมเสียมิดชิดไปหมด สำหรับงานแสดงสินค้าต่างๆ ของไทยนั้น ผู้เขียนเชื่อว่า ประเทศเรามีศักยภาพในหลายด้านทั้ง อาหาร ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ แต่ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำการตลาดหรือหาคู่ค้ากับบริษัทของรัสเซียได้ ผู้เขียนคิดเอาเองว่า น่าจะเป็นคำถามที่ต้องอาศัยคำตอบจากฝ่ายด้วยกัน

พ.อ.สนธิชัย ตุ้มหิรัญ
29 May 2005


จากเว็บ //www.geocities.com/rasputin9004




Create Date : 19 พฤษภาคม 2549
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 21:20:46 น. 0 comments
Counter : 542 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

RBZ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเดะสีลม(เซนต์โย สีลม)ตอนป.๑ เรียนอยู่สองอาทิตย์ เค้าหาว่าหนูซนเลยต้องย้ายมาเซนต์โยบางนา ตอนนี้อยู่ธรรมศาสตร์ ขึ้นปีสาม แต่อยากเป็นเด็กปีหนึ่ง ตอนนี้กลับไปเป็นเด็กสีลมเหมือนเดิม (โต๊ะสีลม Color of the wind)

เลือกได้ระหว่างอ่าน blog หรือ space
http://spaces.msn.com/ongchun

chivalrysilk [ at ] gmail.com

icq57152514 [ at ] hotmail.com
สำหรับเล่น MSN เท่านั้น
Friends' blogs
[Add RBZ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.