Group Blog All Blog
|
อ้วนลงพุง อ้วนลงพุง การพิจารณาว่าใครเป็นคนที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ ต่ำกว่า หรือมากกว่ามาตรฐานนั้น กำหนดโดยการใช้ค่า Body Mass Index (BMI) ซึ่งได้จากการคำนวณ สัดส่วนระหว่างความสูงและน้ำหนักตัว มีวิธีคำนวณโดยใช้ น้ำหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง (เวลากดเครื่องคิดเลขให้กดน้ำหนักแล้วหารด้วยส่วนสูงสองครั้ง) BMI = น้ำหนักตัว (กก.) / ส่วนสูง (ม.)/ ส่วนสูง (ม.) ค่าที่ได้จะเป็นเลข 2 หลัก หากใครมีค่าอยู่ระหว่าง 20-25 ถือว่าปกติ หากต่ำกว่า 20 ถือว่าน้ำหนักน้อย และถ้าอยู่ในช่วง 25-30 ถือว่า น้ำหนักเกิน และมากกว่า 30 ถือว่าเป็นโรคอ้วน แต่ในปัจจุบัน แพทย์ให้ความสำคัญกับไขมันที่อยู่ในช่องท้อง เพราะมีผลการวิจัยออกมาสนับสนุนว่า ผู้ที่มีรอบเอว หรือ ไขมันในช่องท้องมาก จะก่อให้เกิดโรคต่างๆมากมาย ภาวะอ้วนลงพุง หรือ เมตาบอลิคซินโดรม คือ กลุ่มของอาการประกอบด้วย ภาวะที่มีไขมันในช่องท้องมากเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง เกณฑ์การวินิจฉัย ผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 90 ซม. หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 80 ซม. ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 อย่าง ดังต่อไปนี้ 1. ความดันโลหิตสูง 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป 2. น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 3. ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 4. ระดับไขมัน HDL น้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในชาย และน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในหญิง คนที่มีภาวะอ้วนลงพุงจะมีการสะสมของไขมันในช่องท้องเป็นจำนวนมาก ยิ่งรอบเอวมากเท่าไร ไขมันยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น ไขมันที่สะสมในช่องท้องนี้จะแตกตัวเป็นไขมันอิสระ เข้าสู่ตับทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ซม. ทำให้มีโอกาสเกิดโรคเบาหวานสูงขึ้น 3-5 เท่า อ้วนลงพุงร่วมกับเบาหวาน เสี่ยงต่อโรคหัวใจหลอดเลือด 45 เท่า ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 3 ข้อ จะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 4 ข้อ จะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 3 เท่า เอวใหญ่นี่ สร้างปัญหาจริงๆเลย นิ |
ข้าเจ้า
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Link |