Group Blog
 
All blogs
 

คนฮ่องกงสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น(dialogue)+มารยาทการเข้าสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น(VDO)

อีกแล้วค่ะ ไปเจอdialogueการสัมภาษณ์งานภาษาญี่ปุ่น จากเว็บจีนก็เลยหยิบมาลองแปลเล่น หวังว่าซักวันเราจะเรียบเรียงประโยคได้สวยหรูได้แบบนี้เองมั่งY.Y ตัวหนังสือสีชมพูก็คือแปลเองค่ะ เหมือนเดิมคือเปิดดิกบ้าง อาศัยบุญเก่าบ้าง หากมีข้อผิดพลาดก็คอมเม้นติติงกันได้ จะได้รีบแก้ค่ะ

 

単語

せんこうする(専攻 する)วิชาเอก
りすうけい(理数系)理工科 วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
りしゅうする(履修 する)修读(课程)
เข้าเรียน (ตามหลักสูตร)
たこくせききぎょう(多国籍企業) ธุรกิจข้ามชาติ
たずさわる(携わる)เข้าร่วมงาน,ประกอบอาชีพ
セールスポイント selling point
あきらめる(諦める)断念、死心、绝望 ตัดใจ,หักใจ,ล้มเลิก,ยอมแพ้
てきせい(適性)เหมาะกับนิสัย

中継貿易港(ちゅうけいぼうえきこう) ศูนย์กลางเมืองท่า
香港(ほんこん) ฮ่องกง
収穫(しゅうかく) เก็บเกียวผลประโยชน์
認識(にんしき)
แยกแยะ,เข้าใจได้ชัดเจน
深(ふか)める ลึกซึ้ง
広東語(かんとんご) ภาษากวางตุ้ง
言語(げんご) ภาษา
程度(ていど) ระดับ
研修(けんしゅう)を受(う)けるเข้าอบรม
国営企業(こくえいきぎょう) รัฐกิจ
経営(けいえい) การบริหาร
仕組(しく)み โครงสร้าง โครงเรื่อง
投資環境(とうしかんきょう) สภาวะการลงทุน
充実(じゅうじつ) อุดมไปด้วยพลังและ แก่นสารสาระ
合宿(がっしゅく) เข้าค่าย
学生自治会(がくせいじちかい) สภานักเรียน (ที่นักเรียนปกครองกันเอง)

携(たずさ)わる เข้าร่วมงาน, ประกอบอาชีพ
体力的(たいりょくてき) ทางด้านร่างกาย
精神的(せいしんてき)ทางด้านจิตใจ
鍛(きた)えられるหลอมตีเหล็ก,ฝึกปรือ,ฝึกฝน
当社(とうしゃ) บริษัทนี้ , บริษัทเรา
貴社(きしゃ) บริษัทท่าน
最大限(さいだいげん) ...
発揮(はっき)するแสดงออกให้เห็นถึงพละกำลัง
意義(いぎ) ความหมาย ความสำคัญ


会話
課長:どうぞ、おかけください。เชิญครับ เชิญนั่งค่ะ
Aさん:はい。失礼いたします。ครับ สวัสดีครับ

(履歴書をみながら)ดูResumeไปด้วย

課長:楊さんの主専攻は日本研究、副専攻は国際貿易でしたね。どうして日本研究と国際貿易を専攻されたのですか。
วิชาเอกของคุณยาง(แซ่หยางของคนจีน ออกเสียงตามจีนไปละกันโน๊ะ) คือญี่ปุ่นศึกษาวิชาโทคือการค้าระหว่างประเทศใช่ไหมคะ ทำไมถึงเลือกญี่ปุ่นศึกษากับการค้าระหว่างประเทศเป้นวิชาเอกล่ะค่ะ
Aさん:理数系が不得意ということもありましたが、日本研究が選んだのは、日本の言語と文化にとても興味があったからです。また、香港は中国と世界との中継貿易港ですので、国際貿易を勉強しておけば、将来の就職にきっと役に立つのではないかと思いまして、履修いたしました。ผมไม่ถนัดวิชาพวกวิทยาศาสตร์,วิศวกรรมสาสตร์ครับ ที่เลือกญี่ปุ่นศึกษาก็เพราะว่าสนใจในภาษาและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น อีกทั้ง เพราะฮ่องกงเป็นเมืองท่าที่สำคัญของจีนและโลก หากเรียนการค้าระหว่างประเทศ คิดว่าอาชีพในอนาคตต้องได้ใช้งานแน่ ก็เลยเข้าเรียนครับ
課長:そうですか。日本に交換留学生として一年間行っていらっしゃいましたね。どのような収穫がありましたか。
งั้นหรอคะ เคยไปญี่ปุ่น1ปีในฐานนะที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศใช่ไหมคะ เก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างค่ะ
Aさん:そうですね。たくさんありました。まず第一に、日本人の友人がたくさんできました。また、日本の文化や社会に対する認識も深めることができました。
ใช่ครับ มากเลยครับ อย่างแรกเลย ก็มีเพื่อนญี่ปุ่นมากมาย และก็สามารถเข้าไจวัฒนธรรมและสังคมญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง
課長:語学に関してですが、楊さんは広東語と日本語のほかにおできになる言語は何ですか。
เกี่ยวกับการเรียนภาษาค่ะ นอกจากภาษากวางตุ้งและภาษาญี่ปุ่นแล้วได้ภาษาอะไรอีกไหมคะ
Aさん:英語と北京語です。中学校まで、父の仕事の関係でずっとロンドンで生活しておりましたので、英語の会話能力や作文能力には自信を持っております。しかし、北京語になりますと、大学で勉強してはおりましたが、英語ほどではありません。ภาษาอังกฤษกับภาษาปักกิ่งครับ เนื่องด้วยงานของคุณพ่อผมจึงใช้ชีวิตที่ลอนดอนตั้งแต่ม.ต้น ก็พอมั่นเรื่องความสามารถในการสนทนาและการเขียนบทความภาษาอังกฤษ
แต่ว่า ภาษาปักกิ่งเรียนตอนอยู่มหาลัยครับ ก็เลยได้ไม่เท่าภาษาอังกฤษ
課長:どの程度の会話がおできになりますか。
สนทนาได้ประมาณไหนคะ
Aさん:昨年の夏休みに、上海にある多国籍企業で研修を受けましたので、職場での会話や会議でしたら、ほとんど問題はないと思いますが。
Summerปีที่แล้ว ได้เข้ารับการอบรมกับบริษัทข้ามชาติที่เซี่ยงไฮ้ครับ คิดว่าการสนทนาหรือการประชุมในเรื่องงานนั้น แทบจะไม่มีปัญหาครับ
課長:それはけっこうですね。その企業研修では、どんな勉強をされましたか。
นั่นก็ดีแล้วนะคะ จากการอบรมธุรกิจครั้งนั้น เรียนรู้อะไรได้บ้างคะ
Aさん:最初の二週間は国営企業や銀行の見学をして、経営の仕組みを勉強いたしました。それから、上海にあるイギリスの貿易会社の企業部で、中国の投資環境に関する調査をしておりました。とても充実した研修プログラムでしたので、たいへん勉強になりました。
2 สัปดาห์แรกได้ศึกษาดูงานพวกกิจการของรัฐและธนคาร ก็ได้เรียนรู้โครงสร้างการบริหารครับ หลังจากนั้น ก็ได้สำรวจสภาวะการลงทุนของจีนที่บริษัทการค้าระหว่างประเทศอังกฤษที่เซี่ยงไฮ้ครับ เพราะเป็นโปรแกรมการอบรมที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระ ผมก็เลยเรียนรู้ได้อย่างมากเลยครับ
課長:企業研修のほかに、どんな課外活動をしていらっしゃいましたか。
นอกจากการอบรมธุรกิจ กิจกรรมนอกเวลาเรียนของคุนเป็นอย่างไรบ้างคะ
Aさん:スポーツでは、バレーボールクラブに所属してまして、週に三回の練習、それに合宿もありました。 そのほかに、日本研究学科の学生自治会の仕事にも携わっておりました。
ในเรื่องกีฬา ก็เข้าร่วมวอลเล่บอลคลับ ฝึกซ้อมสัปดาห์ละ3ครั้ง และก็มีการเข้าค่ายร่วมกันด้วยครับ นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมงานของสภานักศึกษาของภาควิชาญี่ปุ่นศึกษาด้วยครับ
課長:課外活動を通じて、何がいちばん勉強になったと思われますか。
คุณคิดว่าได้เรียนรู้อะไรผ่านกิจกรรมนอกเวลาเรียนบ้างคะ
Aさん:スポーツクラブに参加することによって、体力的にも精神的にも鍛えられましたし、また、一つの目標に向かって、みんなと力を合わせるチームワークの重要性も知ることができました。
จากที่ได้เข้าร่วมชมรมกีฬา ก็ได้หล่อหลอมทางด้านร่างกายและจิตใจแล้วยัง ได้เข้าใจในเรื่องความสำคัญคัญของการร่วมมือกันเป็นทีมเวิค เพื่อเป้าหมายเดียวกันของทุกคน
課長:そうですか。ところで、どうして当社を志望されたのですか。
หรอค่ะ แล้วทำไมถึงอยากเข้าบริษัทนนี้ล่ะคะ
Aさん:大学で日本研究と国際貿易を勉強してまいりましたので、これまでの自分の勉強を実際の仕事に活かすことができればと考えております。その点で貴社の仕事はやりがいがあると思いました。
เพราะที่มหาลัยผมได้เรียนญี่ปุ่นศึกษาและการค้าระหว่างประเทศมาครับ ผมจึงคิดว่า จากนี้ไปอยากเอาสิ่งที่ตนเองเรียนมาใช้งานจริงครับ จุดนั้นจึงทำให้ผมอยากทำงานที่บริษัทท่านครับ
課長:楊さんのセールスポイントは何でしょうか。
แล้วจุดขายของคุณยางคืออะไรคะ
Aさん:そうですね。健康には自信があります。それから意志が強く、困難な状況でもあきらめずに頑張る点ではないかと思います。
อืมครับ ผมคิดว่าผมมั่นใจเรื่องสุขภาพความเข็งแรง แล้วก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจ พยายามกับสถานการณ์ที่ยากลำบากโดยไม่ย่อท้อครับ
課長:ところで、香港のかたはよく転職されるようですが、楊さんは転職についてどうお考えですか。
แล้ว ว่ากันว่าคนฮ่องกงมักเปลี่ยนงานบ่อย คุณยางคิดไงกับเรื่องเปลี่ยนงานบ้างคะ
Aさん:自分の能力を高め、その力を最大限に発揮するために、転職は意義のあることだと思います。ただ、1つの会社でも様々な仕事がありますので、自分の適性を知るためにも少なくとも3年は勤めるべきだと思います。
ถ้าหมายถึงเพื่อเป็นการใช้ความสามารถให้ถึงขีดสุดพร้อมทั้งเพิ่มความสามารถของตนเองแล้วการเปลี่ยนงานก็คงหมายถึงอย่างนั้น แต่ทว่าในหนึ่งบริษัทมีงานหลากหลายดังนั้นเพื่อที่จะหางานที่เหมาะสมกับตัวเองคิดว่าจำเป็นที่จะทำงานอย่างน้อย 3ปีครับ
課長:なるほど。楊さんは結婚してからも仕事を続くられますか。
อย่างงั้นเองหรอคะ ถ้าคุณยางแต่งงาน จะทำงานต่อไหมคะ
Aさん:もちろん続けます。香港では、夫婦共働きは一般的です。子供ができてからでも、親に預けたり、フィリピン人の家政婦に任せたりしている家庭は多いので。
แน่นอนครับ ที่ฮ่องกงเป็นธรรมดาครับที่สามีภรรยาทำงานทั้งคู่ หากมีลูก ก็จะฝากไว้กับพ่อแม่บ้าง ฝากเลี้ยงกับครอบครัวคนฟิลิปินส์บ้างครับ
課長:そうですか。では、何が当社についてご質問はありませんか。
หรอคะ เอาล่ะคะคุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทเรานี้ไหมคะ
Aさん:はい。では、一つお伺いしたいのですが、社員の勤務能力を高めるような研究修や勉強の機会はございますか。
ครับ มีอยากถามเรื่องนึงครับ มีโอกาศที่จะอบรมหรือเรียนเกียวกับการพัฒนาความสามารถของพนักงานไหมครับ
課長:ええ、社内研修などいろいろな研修のコースがあります。必要があれば、日本へ研修にいっていただくこともありますよ。
ค่ะ ในบริษัทก็มีหลายคร์อสเลยล่ะค่ะ หากต้องการไปอบรมที่ญี่ปุ่นก็มีนะคะ
Aさん:はい、わかりました。どうもありがとうございました。
ครับ ทราบแล้วครับ ขอบคุณครับ
課長:では、結果のほうは、こちらから2、3日中にご連絡します。
ค่ะ เรื่องผลนั้น จะติดต่อคุณใน 2-3 วันนี้นะคะ
(席を立って、一礼する)ลุกขึ้น เคารพครั้งหนึ่ง
Aさん:はい、ありがとうございました。どうぞ、よろしくお願いいたします。ครับ ขอบพระคุณครับ ฝากตัวไว้ด้วยนะครับ
(ドアの前で)ที่หน้าประตู
Aさん:では、失礼いたします。ครับ สวัสดีครับ
(出てからドアを静かに閉める)ออกไปแล้วก็ปิดประตูเบาๆ อิอิ


 

 

 

สุดท้ายแถมวีดีโอมารยาทเล็กๆน้อยๆ ก้ไปเจอในเว้บจีนอีกแหละค่ะ มีภาษาจีนปนบ้าง ก็ขออภัยด้วยค่ะ







 

Create Date : 08 กันยายน 2553    
Last Update : 11 กันยายน 2553 6:18:36 น.
Counter : 3708 Pageviews.  

หัดแปล passage เตรียมสอบN2 บทที่1日本の企業文化

บลอกนี้เราทำขึ้นมาเพื่อฝึกแปล และเตรียมสอบภาษาญี่ปุ่น สำหรับตัวเองโดยเฉพาะ ใครผ่านมาอ่านขอให้ใช้วิจราณญาณในการรับชมค่ะ เพราะเราไม่เทพ อาจมีผิดบ้าง ถ้าใครจับผิดได้ก็เขียนเม้นไว้ จะขอบคุณมากๆ และจะรีบแก้ไขคะ อักษรสีชมพูเป็นข้อความที่ จขบ.แปลเอง เปิดดิกบ้างใช้บุญเก่าที่สะสมมาแปลเองบ้าง passageพวกนี้เราเอาก็อบมาจากเว็บจีน จึงมีคันจิแปลกๆเยอะมาก ก็เลยอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ เฮ่อๆ อีกอย่างเราเจียดเวลางานมาแปล อาจดูรีบๆ งงๆ ไม่ค่อยเรียบร้อย    

 


日本の企業文化


単语
とりくむ(取り组む)แก้ไขปัญหา,เข้าคู่กัน
しゅうだんいしき(集団意识)[名]:ความตระหนักโดยรวม
かんしゅう(惯习)[名]:ความคุ้นเคย
イメージ[名]: [英:image] 
ภาพพจน์
はかる(図る):แผนการ
じゅうぎょういん(従业员)[名]:
พนักงาน
けっそくりょく(结束力)[名]:凝聚力
えんかつ(円滑)[形动]:ราบรื่น ราบเรียบ
すいこう する(遂行 する:บรรลุผล
いちいん(一因)[名]:สาเหตุหนึ่ง หนึ่งในสาเหตุ
じんざいいくせい(人材育成)[名]:
การอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคล
しょくば(职场)[名]:หน่วยงาน สถานที่ทำงาน
OJT[名]:On the Job Training
ジョブ・ローテーション[名]:แผนการหมุนเวียนพนักงานของบ.ญี่ปุ่น [英:job rotation]
スムーズ[形动]:ราบรื่น [英:smooth]
いちじょ (一助)[名]:
การช่วยเหลือ(เล็กน้อย)
QCサークル[名]: [英:Quality Control Circle]
テーマ[名]:สาระสำคัญ,หัวข้ออภิปราย [英:theme]
もうける(设ける):
ตระเตรียมให้พร้อม
りんぎせいど(禀议制度)[名]:ระบบเกี่ยวกับการขออนุมัติหรือรับรองจากผู้บังคับบัญชา
きあん する(起案 する)[名.他サ]:ร่าง,ร่ายเรียง
セクション[名]:แผนก,ส่วน [英:section]
とりつける(取り付ける)[他五]:แนบ
いしけってい(意思决定)[名]:การตัดสินใจ
さんかく(参画)[名]:
การมีส่วนร่วมในแผนการ
チームワーク[名]:[英:team-work]
所属  しょ ぞく สังกัด
価値観 かちかん
   ค่านิยม
理念 りねん   ปรัชญา



日本の企業文化

 日本の企业や组织、また日本人の仕事への取り组み方には、集団意识が反映されていることが少なくない。ここでは、”共有”という言叶から、日本企业や组织などにおける特徴的なことを见てみる。
    
ไม่ว่าบริษัทหรือองค์กรของญี่ปุ่น แม้กระทั่งการทำงานของคนญี่ปุ่นนั้น มีไม่น้อยที่สะท้อนให้เห็นถึงการมีความตระหนักเดียวกัน นี่มาจากคำศัพท์ ที่ว่า 共有 การมีร่วมกัน เรามาลองดูลักษณะเด่นพิเศษของบริษัทหรือองค์กรญี่ปุ่นกัน  

 まず、个々の企业や组织に所属する人には価値観や惯习、行动様式などの共有がある。これら"共有する価値観”は経営理念であり、この経営理念に沿って行动し、そこから企业の独自性が创り出していく个々の企业のイメージなどが企业文化であると考えられている。企业文化は、时代や経営环境の変化に伴い変わって闻く。そして更に新しい企业文化が形成され、企业が一丸となってイメージアップを図っていくのである。
     อย่างแรก คนในสังกัดของแต่ละบริษัทหรือองค์กรมีค่านิยม ความคุ้นเคย หรือมีต้นแบบของการกระทำที่เหมือนกัน เหล่านี้คือปรัชญาการบริหารที่ว่า "ค่านิยมเดียวกัน" การปฏิบัติตามปรัชญาการบริหารนี้ คนญี่ปุ่นคิดว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่แสดงถึงภาพพจน์ขององกรตัวเอง วัฒนธรรมองค์กรก็คือผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสมัยและสิ่งแวดล้อมการบริหาร แล้วนอกจากนี้ มีการที่องกรขอให้พร้อมใจกันสร้างภาพพจน์ในบริษัทที่ตั้งขั้นใหม่ๆ เพื่อให้วัฒนธรรมองค์กรเป็นรูปเป็นร่าง

 次に、会社の中においては従业员同士が空间を共有している。课长を部长などの管理职は个室を待たず、大部屋で一般社员と机を向き合わせる形で仕事を行う。このように空间を共有することは、结束力を强め、円滑に仕事を遂行させる一因にもなる。
   ต่อมาคือ พนักงานในบริษัทใช้ห้องเดียวกัน โดยแบ่งส่วนของระดับบริหารอย่างผู้จัดการแผนกหรือหัวหน้าฝ่าย ห้องส่วนใหญ่ จัดแบบหันหน้าเข้าหาโต๊ะพนักงานทั่วไป การใช้ห้องเดียวกันเช่นนี้ จะทำให้ทำงานสำเร้จลุล่วงได้อย่างราบรื่น


 最後に、情报の共有という点から见ると、第一に、人材育成方法として、职场で日常业务を通じて行われるOJT(On the Job Training)と异动などによって职务内容を定期的に変え、様々な仕事を経験させるジョブ・ローテーションが挙げられる。これらの方法は、一人一人の従业员に个々のことのみならず、事业全体をも把握させ、仕事の流れをスームズにさせる一助になる。第二に、QCサービスと呼ばれる小集団活动がある。これは职场の仲间が自主的に改善テーマを设けて取り组む品质管理活动であり、高品质の制品づくりや安全性の向上、サービスの质の向上に大きな役割りを果たしている、第三に、禀议制度というものがある。
    สุดท้าย หากมองจากจุดที่ว่าข้อมูลของสิ่งเดียวกัน หนึ่งคือในฐานะที่เป็นการการอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคล (ที่ขีดเส้นใต้คือแปลตามอักษร อาจไม่ได้ความเพราะก็งงๆเองเหมือนกัน อิอิ) ต้องยกให้แผนการหมุนเวียนพนักงาน ที่ให้ประสบการณ์ทำงานต่างๆแก่พนักงาน โดยการเปลี่ยนแปลงงานที่แน่นอนโดยขึ้นอยู่กับการจัดโอเจที และ (และอะไรไม่รู้คันจิแนวจีนเปิดดิกไม่เจอ) โดยผ่านทางหน้าที่ประจำวันที่ทำงาน วิธีการนี้ก็คือ พนักงานแต่ละคนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ของแต่ละคน แต่ยังต้องเข้าใจงานทั้งหมดเป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่น สองคือกิจกรรมร่วมกันที่เรียกว่า QC service นั่นก็คือ การมีกิจกรรมให้พี่น้องพ้องเพื่อนในที่ทำงานเตรียมหัวข้อในการแก้ไขการควบคุมคุณภาพ ให้มีบทบาทสำคัญในการบริการด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัย สามคือระบบเกี่ยวกับการขออนุมัติหรือรับรองจากผู้บังคับบัญชา


これは、ある案件について担当者がその対策や解决策を起案し、上司や関系セクションの合意を取り付けたうえで、决裁に回すというやり方である。これにより、案件のスムーズな実行が図られると同时に、関系者全员が意思决定に参加したという経営への参画意识が持てる。
    
นั่นก็คือ วิธีการร่างเกี่ยวกับวาระการประชุม ผู้รับผิดชอบจะร่างการรับมือกับปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา หลังจากหัวหน้าหรือส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแล้วก็หมุนเวียนกันพิจรณา แล้วรอการร่วมลงความเห็นจากพนักงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
    

 以上のように、価値観や行动様式における共有、空间の共有、そして情报の共有の根干をなすものの一つには日本人の集団意识があり、日本の企业はその集団意识を前提としたチームワークや协调性を重んじているのである。
   ยิ่งไปกว่านี้ ไม่ว่าค่านิยม  การมีต้นแบบของการกระทำที่เหมือนกัน ห้องทำงานที่เหมือนกัน หรือข่าวสารข้อมูลเดียวกัน เป็นพื้นฐานก็จริงแต่ว่า คนญี่ปุ่นถือความสำคัญในการร่วมมือการทำงานเป็นทีมที่บริษัทตั้งเงื่อนไขไว้ เป็นจิตสำนึกส่วนรวมสำคัญสิ่งนึง


 

 文法:

~における、~において
พูดง่ายๆก็คือ ใช้แทน でได้ ความหมายเดียวกัน
例:地域社会におけるボランティアの役割は大きい。
อาสาสมัครมีบทบาทสำคัญอย่างมากในชุมชนท้องถิ่น

~に沿って (にそって)
ตาม
例:计画に沿って、准备を进めていく。
ดำเนินการเตียมการ ตามแผนการ (การเยอะจัง อิอิ)

~に伴い
N / V.dic+ に伴い(にともない) ตาม...,ที่เกิดจาก...,เป็นผลมาจาก

例:景気の缓やかな回复に伴い、消费者の购买力も少しずつ伸びている。
การบริโภคเพิ่มขึ้นทีละน้อย เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นฟูขึ้น

~一丸となる
一丸 (いちがん) คือ ทั้งหมด เมื่อใช้ となるมาเชื่อม ก็แปลได้เป็น สมัครสมาน พร้อมใจ
例:全社が一丸となって、経営再建に取り组む。
ทั้งบริษัทพร้อมใจกัน ปรับโครงสร้างทางธุรกิน

~を図る (をはかる)
N + をはかる แปลได้เป็น "ขอ"นามนั้น
例:社长は、社员との意见交换を図れるように、周一回のランチミーティングを提案した。
เพื่อที่จะสามารถขอการแลกเปลี่ยนความคิดของสมาชิก ท่านประธานจึงเสนอการประชุมระหว่างอาหารกลางวันทุกสัปดาห์

~として...が挙げられる
として คือ ในฐานะ ส่วน「挙げられる」คือรูปสามารถของ「挙げる」หมายถึง ยก ยกให้เป็น  
例:北京の観光名所として、万里の长城や颐和园などが挙げられる。
ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังของปักกิ่ง ต้องยกให้กำแพงเมืองจีน และ อี๋เหอหยวน

~を通じて
N + を通じて ทำ...โดยผ่านทางนามนั้น
例:その件は、加藤さんを通じて山田さんに伝えておきます。
เรื่องนั้นน่ะ บอกต่อคุณยามาดะโดยผ่านทางคุณคาโต้

~のみならず
のみ เมื่อใช้เป็นคำช่วย ความหมายจะใกล้เคียงกับ 「たけ」「ばかり」
[  ならず」เป็นคำโบราณ หมายถึง 「ではなく」    ดังนั้น N + のみならず = だけでなく......も ไม่เพียงแต่...แต่ยัง...ด้วย
例:この不景気は、中小企业のみならず、大企业でも経费削减の必要がある。
ในสภาพเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ที่จำเป็นต้องลดต้นทุน ธุรกิจขนาดใหญ่ก็ด้วย

~役割を果たす
ประโยครูปธรรมดา/Nの+役割を果たす แปลได้เป็น ...มีบทบาท...
例:东南アジアでは、香港が金融センターの役割を果たしている。
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกงมีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

~(た)うえで
V.たForm + うえで หลังจากทำกริยานั้นแล้ว
*แต่ถ้า V.ธรรมดา うえで หมาถึง สำหรับ ในด้าน ในแง่

例:今度の企画を成功させるうえで、ぜび、みんなの协力が必要だ。
สำหรับความสำเร็จของโครงการในครั้งนี้  แน่นอนว่าต้องเราต้องการความร่วมมือของทุกคน

~の根干をなす
N + の根干をなす แปลว่าเอานามนั้นเป้นพื้นฐาน,รากฐาน
例:自由な竞争は市场経済の根干をなす。
การแข่งขันโดยอิสระคือพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจการตลาด






 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 8 สิงหาคม 2554 12:51:40 น.
Counter : 11669 Pageviews.  

เรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง2 เรียนแบบนี้หรือแบบไหน


เคยเขียนบอลกนี้ไว้เมื่อหลายปีก่อนค่ะ สมัยเปิดเพจใหม่ๆ มีเพื่อนๆมากด 60-70ไลค์ ก็ดีใจแทบแย่แล้ว ตอนนี้ 5,000กว่าไลค์แล้ว ก็เลยอยากแก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้ปัจจุบันขึ้นน่ะค่ะ


แนะนำการเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นพื้นเพของเจ้าของบลอกนะคะ ตอนนี้อายุ 26 ปีค่ะ สละโสดให้หนุ่มปักกิ่งไปเรียบร้อยแล้ว เคยเป็นล่ามภาษาจีน1ปี ปัจจุบันสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับนักศึกษาฝึกงานประเทศญี่ปุ่นเข้าปีที่4แล้วค่ะ 

เดิมเป็นลูกมังกรเมืองสี่แคว เกิด-โต-ศึกษาจบม.ปลายศิลป์ภาษาจีน ที่นั่นค่ะ ถึงแม้ชีวิตจะผกผันให้ต้องมาเป็นลูกสิงค์ทอง ม.เปลวเทียนให้แสงฯ แต่ก็ยังสนใจและรักภาษาจีนอยู่ ก็เลยหาเรียนเสริมตามสถาบันภาษาที่มีอยู่มากมายในกรุงเทพ แถมยังพลัดผรูได้ทำงานโรงเรียนสอนภาษากับเจ้านายใต้หวัน ทำให้ใช้ภาษาจีนที่เรียนสื่อสารได้ดีขึ้นระดับนึง ... หลังจากนั้นจึงเริ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ

ที่อยากทำบลอกนี้ขึ้นมาเพราะ เคยเขียนบลอกเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตนเองไว้ครั้งนึง แล้วได้รับคอมเม้นมากกว่าที่คาดไว้ ทุกคอมเม้นเป็นกำลังใจ ยามเราเหนื่อย เราท้อ ได้อย่างดี ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆ ค่ะ มีบางส่วนฝากเมลและขอคำแนะนำเรามา แต่เราก็ไม่มีเวลามาตอบและคุยด้วยกันเลยซักที (จริงๆก็อยากมีเพื่อนเรียนที่ด้วยตนเองเยอะๆนะคะ จะได้แชร์ความรู้กัน) 

ก็เลยอยากสละเวลามาเขียนแนะนำเอาไว้ตรงนี้เลย (จริงๆจะว่าแนะนำอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ออกแนวแฉเรื่องของตัวเองมากกว่า ) ถือซะว่าเป็นงานอดิเรกด้วยแหละ ชอบเขียนค่ะ ส่วนจะเชื่อไม่เชื่อก็โปรดใช้วิจรณญานในการรับชมนะคะ เพราะไม่ใช่คนที่เก่งภาษาญี่ปุ่นที่สุด เป็นเพียงแค่คนที่รักและทุ่มเทให้กับภาษาญี่ปุ่นอย่างสุดชีวิตเท่านั้นเองค่ะ


แรงบัลดาลใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่น

ตอนที่เรียนภาษาจีนน่ะไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า แค่อยากพูดอีกภาษาได้ เท่ห์ๆ วันนึงเมื่อ8ปีที่แล้วเรานั่งอ่านคู่มือลักษณะนามภาษาจีนบนบีทีเอส มีหนุ่มวัยกลางคนข้างๆแอบมองเราอ่านอะไร แล้วชวนเราคุยว่า เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่หรอ ดีนะ งานภาษาญี่ปุ่นเงินเดือนสูง เราก็บอก เอ่อ...นี่ภาษาจีนค่ะ เค้าก็อ่ะทำไมไม่เรียนภาษาญี่ปุ่นล่ะ บริษัทญี่ปุ่นรับคนไทยเยอะ เงินเดือนสูงมากๆ เราก็ ค่ะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ 

คิดในใจ แค่ ตานี่..จะมาชวนคุยเราคุยทำไมเนี่ย แล้วก้ไม่ได้ติดใจเรื่องที่เค้าพูดอีก จนมาวันนึงรู้จักกับล่ามญี่ปุ่นคนนึง พูดจีนได้ดี ภาษาญี่ปุ่นก็เก่งมาก  เราทึ่งในความสามารถของเค้า อยากเก่งเหมือนเค้า มีคนแนะนำมาด้วยว่า คนจีนเรียนภาษาญี่ปุ่นเร็ว เราเองมีความรู้จีนค่อนข้างดี มันก็น่าจะเรียนง่ายเป็นเร็วเหมือนกัน  

หลายๆเหตุผลที่ว่ามาก็ค่อยๆทำให้เราอยากเรียนภาษาญี่ปุ่น แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าค่าเรียนมันแพง พยายามเจียดตังแต่ก็ไม่พอ พ่อแม่ก็ไม่มีเงินมากองให้ ก็เลยหาตามเน็ทมีพี่ๆใจดีๆ มาเขียนสอนภาษาญี่ปุ่นมากมาย หาหนังสือมาอ่านเรื่อยๆ แล้วค่อยๆอินกับภาษาญี่ปุ่นเรื่อยๆ รู้สึกสนุก ที่เห็นความต่างระหว่างอักษรจีน และคันจิของญี่ปุ่น เพลินไปกับการได้อ่านได้รู้วัฒนธรรม ประเพณีของเค้า ทำให้ทุกครั้งที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเกิดจากความอยากอ่านอยากรู้ของตัวเองล้วนๆ และก็เรียนเองด้วยความสุขมาตลอดค่ะ


อุปสรรค์ที่ต้องสู้

เราพื้นเพเป็นเด็กรากหญ้าต่างจังหวัด ฐานะไม่นับว่าดี โชคดีเท่าไหร่แล้วที่พ่อแม่มีปัญญาพอส่งเรียน จากความลำบาก ทำให้เรามีลัษณะนิสัยวาดฝัน ไขว้คว้า ทะเยอะทยาน ไม่อยากจะเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิต (เกิดที่ต่ำ แต่ใฝ่ที่สูงอ่ะ ว่าง่ายๆโน๊ะ) แม่และครูพร่ำสอนมาตลอดว่า ถ้าเราตั้งใจเรียนโตขึ้นจะสบาย ก็เลยกลายเป็นเด็กค่อนข้างจะรักเรียน รู้ว่าตัวเองถนัดศิลปะและภาษา สนใจภาษาอังกฤษบ้าง จีนบ้าง ก็คิดแบบเด็กๆมาเองตลอดล่ะค่ะว่า ถ้าเรียนภาษาต่างประเทศซักวันเราคงได้ไปต่างประเทศกับเค้าบ้างล่ะ

แต่ก็อีกแหละค่ะ เข้าสู่วงการการศึกษาภาษาต่างประเทศ ก็ได้เจอคนต่างๆมากมาย อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ ว่าทำไมเราไม่มีเงินเข้าเรียนคอร์สของสถาบันดังๆบ้างนะ ทำไม่พ่อแม่ไม่ส่งไปเรียนภาษาซัมเมอร์ หรือส่งไปเรียนต่อประเทศนู้นนี้ เหมือนคนอื่นๆ นะ ยอมรับว่าน้อยใจค่ะ ที่ขาดโอกาศดีๆเหมือนคนอื่น


ความลำบากสอนเราให้แกร่งได้

เราเป็นคนชอบมองข้างหน้า มองไกล มองสูงค่ะ เราไม่เคยดูถูกคนที่อยู่ในสภาพที่แย่กว่าเรา เราไม่เคยคิดว่าตัวเองดี-สวย-รวยหรือเก่งกว่าคนอื่น แต่เรามักจะมองคนที่สูงกว่า ดีกว่า เก่งกว่าเรา เพราะถ้าไปดูถูกคนอื่น มัวแต่ทะนงตัวเอง ตัวเราเองแหละที่เสียหาย เราจะนิ่งกับที่ ไม่ไขว่คว้าขวนขวาย แต่ถ้ามองขึ้นไปข้างบนอีกขั้นนึง เราจะเห็นอะไรที่กว้างออกไป แล้วพยายามถีบตัวเองขึ้นไป 

ยอมรับว่า เคยร้องไห้ อิจฉา โทษพ่อโทษแม่ โทษชะตาชีวิตตัวเอง พร่ำถามตัวเองว่าทำไมไม่เกิดมารวย สวย ฉลาด มีโอกาศดีๆอย่างคนนั้นคนนี้  แต่ตอนนี้เราไม่คิดอย่างนั้นแล้วหล่ะค่ะ ยอมรับที่ตัวเองเป็นให้ได้ก่อน มองหาปัญหาอุปสรรค์ และหนทางแก้ไข สู้กับมันค่ะ (ออกแนวธรรมมะแล้ว55) 

จนๆก็ดีอีกแบบ คนรวยมาแต่เกิด มีเงินมากจะใช้จะจ่ายก็ไม่ต้องคิด เรานั้นเงินน้อยต้องคิดมากกว่าคนอื่น ก็ดีฝึกให้เรามีสติ และรอบครอบได้ดีเลยค่ะ ไม่ฉลาด ก็ต้องอึดต้องขยัน จำคำศัพท์ไม่ได้ก็คัดก็เขียน อ่านและท่องให้มากกว่าคนอื่น คนที่เค้าฉลาดดีเก่งแล้ว เค้าอยู่เฉยๆได้ ถ้าเราไม่อยากอยู่กับที่เราต้องออกแรงก้าว เวลาที่เผลอไปทำเรื่องไร้สาระอย่างอื่นก็ฉุกคิดขึ้นมาบ้างว่า ตอนนี้คนอื่นเค้าได้ไปเรียนต่างประเทศ ได้นั่งอ้าปากรอครูมาป้อนในห้องเรียนสบายๆ แล้วเราทำไรอยู่ ด้อยโอกาศกว่าคนอื่นเค้า ก็ต้องขยันกว่าคนอื่นเค้าซิ 

อีกอย่างนั่งอ่านหนังสือ จำศัพท์ร้อยคำพันคำ คัดอักษรสิบหน้าร้อยหน้า ถามว่าเหงื่อออก เลือดออกซักหยดมั๊ย คิดถึงพ่อแม่เราซิ งานหนัก มือด้านหน้าดำ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เลี้ยงเราจนป่านนี้ ขณะที่เรานั่งห้องแอร์เรียนสบายๆ พ่อแม่เราทนร้อนทนหนาวอยู่ข้างนอกนะ เราจะอยู่เฉยๆได้ไง


ก้าวเอง ทีละก้าว มาจนถึงวันนี้
คิดว่าอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เริ่มเองทันทีเลยค่ะ 

- สิ่งแรกที่ทำไม่ได้หาครูสอน หรือหาที่เรียนหรอกนะคะ (ก็แบบว่ารู้ว่ายังไงก็ไม่มีเงินจ่ายน่ะ) ที่ทำคือ เสิร์ทหาในกูเกิลว่า “เรียนภาษาญี่ปุ่น” “สอนภาญี่ปุ่นพื้นฐาน”เจออะไรก็ปริ้นออกมาอ่านค่ะ พอรู้หลักกว้างๆของภาษาญี่ปุ่น ก็หัดคัดฮิรางานะ อะอิอุเอะโอะ สองวันสามวันก็พอจะจำได้หมด 

เร็วมั๊ยค่ะ ความจริงมันช้ามากต่างหาก ลองคิดดูว่าเราคัดเราจำ และอยู่กับมันทั้งวัน ก่อนหลังอาหารสามมื้อ และก่อนหลังนอนเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับคนเข้าเรียนในชั้น และคิดเป็นชั่วโมงก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งคอร์สเลยค่ะ เราไม่ได้จัดเวลาอ่านให้ตัวเองว่าจะอ่านอาทิตย์ละกีวัน วันละกี่ชั่วโมง เราไม่ชอบการที่ อยู่เฉยๆรอเวลาเปิดตำราเรียน พอหมดเวลาเรียนที่ใครบางคนกำหนดไว้ก็ปิด วางไว้เฉยๆ ถึงเวลาก็เปิดใหม่ เราอ่านเราเรียนตามใจเราค่ะ ใจเราชอบใจเราสนุกกับมัน เราก็อ่านได้ทั้งวันเลย 

- หาตำราเรียนดีๆซักชุด (คือเข้าใจเองว่าตำราดีๆในที่นี้มันต้องไม่เป็นแบบเล่มเดียวจบ หรือเร่งรัดเป็นเร็วอะไรทำนองนั้น ถ้าตั้งใจจะเรียนจริงในระยะยาว มันก็น่าจะมีหนังสือที่มีเนื้อหาหลายบท หลายซีรี่มากพอให้เราเรียนได้ต่อไปนานๆโน๊ะ) ภาษาไม่ได้เรียนกัน 30 -40 ชั่วโมงแล้วเป็นจริงซักหน่อยนี่โน๊ะ กว่าจะพูดภาษาไทยได้ฉะๆอย่าทุกวันนี้ กว่าจะเขียนภาษาไทยลื่นไปได้เรื่อยๆอย่างทุกวันนี้ เราเองก็คนไทยยังใช้เวลาเป็น10-20ปีเลยโน๊ะ 

ฉนั้นเรียนภาษาต้องเตรียมเวลาให้เค้าด้วย ...กลับเข้าเรื่องหนังสือ หนังสือชุดที่เราเห็นว่าเหมาะที่สุดก็ มินะโน๊ะนิฮองโกะ ค่ะ มีเป็นซีรี่ นอกจากตำราเรียนที่มีวางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้ว ยังมี ชุดแบบฝึกหัดการอ่าน การเขียน การฟัง ในไทยเริ่มพิมพ์จำหน่ายแล้ว... เราก็แนะนำตำราเรียนของ มินะโน๊ะนิฮองโกะ นี่แหละค่ะในนั้นมีแบบฝึกหัดให้ทำอยู่บ้าง 

แต่จริงๆเราเราไม่ได้ใช้หนังสือเล่มนี้เรียนหรอกนะคะ เราใช้ของจีน ค่ะ เพราะไม่อยากลืมภาษาจีน อีกอย่าง ก็หาโหลด พวกMP3 DVD และสื่อการเรียนที่มากับหนังสือชุดนี้ได้ง่ายตามเว็บจีน  เราคิดว่าเรียนด้วยตนเองสื่อการเรียนต่างๆนั้นสำคัญมาก เราต้องฟังเยอะๆ ทำแบบฝึกหัดมากๆ 

พอได้หนังสือที่เหมาะกับตัวเองแล้ว ก็เริ่มจำที่คำศัพท์ 

ราจำในรูปของตัวคันจิไปเลย เพราะเขียนอักษรจีนได้ สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยเรียนภาษาจีน ถ้าอยากเรียนคันจิไปด้วยก็ควรเริ่มจากตัวง่ายๆ ขีดน้อยๆก่อน แต่สังเกตุว่า ถ้าเรียนข้างนอกส่วนใหญ่ เค้าจะเอาตัวคันจิไว้เรียนกันทีหลัง เอาคำศัพท์ส่วนนึงให้ได้ก่อน อย่างงั้นก็ได้ เพราะไวยกรณ์ก็เข้าใจยากอยู่แล้ว ยัดคันจิไปแต่แรกอาจงงแล้วท้อได้  

แต่หากเรียนจากตำราลักษณะอย่างที่ว่าด้วยตนเองแล้ว เริ่มบทแรก จำคำศัพท์ อ่านบทสนทนา จุดประสงค์ของบทสนทนาในแต่ละบทนั้น จะแทรกรูปประโยคหรือไวยกรณ์หลักสำคัญไว้ประมาณ 4-5 ข้อ หากเราอ่านบทสนทนาซ้ำๆจนจำได้ก็จะดีมาก หลังจากนั้นก็ลองแต่งประโยคแทนที่คำศัพท์ที่เรียนมาแล้วดู (จะหาใครมาตรวจให้ ทีนี้ก้คิดกันอีกทีละกันค่ะ...เฮ่อๆ) แล้วก็ทำแบบฝึกหัดทบทวน มอบหมายการบ้านให้ตัวเอง อยากทำมากแค่ไหนก็ตามใจเลยค่ะ อย่าลืมเทสตัวเองก่อนที่จะขึ้นบทใหม่ด้วยนะคะ เราติ๊งต๊องถึงขนาดถามเองตอบเอง สั่งการบ้านตัวเอง ทำเอง ตรวจเอง พูดอยู่คนเดียว สอนตัวเอง อธิบายให้ฟังเอง บางทีก็อัดเสียงไว้ ฟังเองก่อนนอนขำๆ ก็สนุกดีค่ะ ลองทำดูนะคะ ^^

- ถ้าเป็นคนที่ชอบขวนขวายใฝ่รู้ ก็เปิดเน็ทดูบ่อยๆ เราบ่อยสุดๆ คือเปิดหาของโหลด สื่อการเรียน เพลงบ้าง หนังบ้าง เว็บจีนมีเยอะมากค่ะ สื่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นโหลดฟรีไม่อั้น อ่านจากที่เป็นภาษาอังกฤษบ้าง จีนบ้าง ความรู้เราก็จะกว้างออกไปอีก จะได้ไม่ลืมภาษาอังกฤษและจีนด้วย

สมัยเรียนมหาลัยมีเวลาเราก็จะไปห้องสมุดเจเอฟค่ะ สมัคร100แต่มีหนังสือดีๆให้ยืมมาก็อปปี้เยอะเลย (งบน้อยคะต้องเข้าใจอย่าว่างั้นงี้เลยค่ะ  เฮ่อๆ) บางทีก็นั่งอ่านหนังสือเย็นๆที่นั่น  ได้เห็นคนเก่งๆ ขยันๆ เยอะ คนญี่ปุ่นก็เดินกันขวักไขว่ สร้างบรรยากาศ และแรงกระตุ้นในการเรียนให้กับตนเองดีค่ะ 

ถ้าใครเป็นเด็กรามลอง เปิดหาตารางเรียนดูในเว็บ แล้วก็ไปลองนั่งเนียนดู ลองเรียนดูค่ะ เราเคยทำค่ะ ลองดูดีๆบางวิชาจะมีครูญี่ปุ่นสอน เราถึงเป็นนักศึกษาราม แต่ไม่ได้เรียนเอกเค้า ก็ยังไปนั่งเรียน ว่างไม่ว่าง ฝนจะตกแดดจะร้อนก็จะไปให้ได้ เพราะชอบครูญี่ปุ่นอยู่คนนึง น่ารัก และตั้งใจสอนมากๆ เราเข้าเรียนทุกครั้ง ครูเค้าก็เข้าสอนทุกครั้งตรงเวลามากด้วย ไม่เหมือนอ.คณะเราเลยโน๊ะ แฮ่ะๆ


เมื่อคิดจะลองดึกีบภาษาญี่ปุ่น

หลังจากเรียนได้ปีครึ่ง ไปสอบวัดระดับและลองดีเอาผลไปยื่นสมัครงาน ล่ามเลยค่ะ เค้าคงเห็นคะแนนสวยหรูก็รีบโทรนัดสัมภาษณ์ ในใจก็รู้ตัวเองดีนะคะ เราแค่สนทนาทั่วไปได้ ยังสนทนาเรื่องงานหรือธุรกิจอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อเราก็มีผลญ.สอบตามที่เค้ากำหนด และเงาของใบป.ญ.ที่ใกล้จะมาถึง (ตอนนั้นยังไม่จบ ว่าง่ายๆ) อีกอย่างคิดไปเองว่า คงเรียนรู้เอาจากงานได้

สัมภาษณ์ครั้งแรกก็ไม่ผ่านตามที่หลายคนเดาไว้ ...ตอบได้บ้าง ดำน้ำบ้าง แถมยังโดนเหน็บแนมกลับ แสบมากเลยค่ะ (รู้สึกแสบก็อีตอนกลับมานอนคิดทบทวนว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง เพราะตอนเค้าว่ามายิ้มอย่างเดียว รู้มันแปลว่าไร แต่ไม่รู้ยังว่าเค้าหลอกด่า เฮ่อๆ)  ว่าไปก็จริงอย่าที่เค้าพูดค่ะว่า “ความรู้เราแค่เด็กประถม ความรู้แค่นี้ ยากมากนะ ไม่มีทางเป็นล่ามได้ สนใจฝ่ายผลิตมั้ยล่ะโรงงานเรามีอยู่นะ” เค้าถามว่าเรียนญี่ปุ่นที่ไหน นานเท่าไหร่ ก็ตอบไปซื่อๆ ว่าเรียนเองค่ะ เรียนมา1ปีกว่าแล้ว 

ถ้าไม่เป็นเราคงรู้สึกว่า ปีนึงมันน้อยมาก เรียนเองด้วย คงไม่ได้อะไรมากนอกจารความรู้ที่มาจากการมั่วเอาเอง แต่ตัวเราเองอ่ะเราเข้าใจว่า ตลอด1ปีที่ผ่านมาน่ะ เราอยู่กับภาษาญี่ปุ่นทุกวัน บางวันอ่าน ท่อง คัด เล่นกับคำศัพท์ทั้งวันยังมี ถ้าจะคิดเป็นชั่วโมงแบบที่คอร์สข้างนอกคิด ก็ได้หลายปีเลยทีเดียว เราพยายามหาหนังสือเสริมอ่าน ขวนขวายหาสื่อการเรียนที่หลากหลาย จากแหล่งต่างๆ เราไม่เคยอยู่นิ่งๆรอคนมาป้อน  ไม่เคยรอถึงเวลาเรียนถึงคิดจะเปิดหนังสือ เราแอคทีฟกับมันมาตลอด ที่เราตอบไปอย่างนั้นเราตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้จะแสร้งทำเป็นเก่ง เพื่อให้ได้งานเลย 

ถ้าเค้ามองไม่เห็นความพากเพรียรของเรา ก้ไม่เป็นไร เราไม่เสียใจที่ไม่ได้งานนั้น คำพูดของเค้าก้ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้ แต่การสัมภาษณ์ครั้งนั้นกลับเป็นบทเรียนดีๆ เป็นแรงกระตุ้นให้วันนึงเราต้องลบคำสบประมาทนั้นให้ได้


ปัญหาใหญ่ของคนเรียนด้วยตัวเอง
ก็คือฟังไม่ออกพูดไม่ได้นี่แหละค่ะ 

ถ้าพูดไม่ได้เราก็ไม่สามารถสื่อแสองความรู้ที่เรามีอยู่ ออกมาให้คนอื่นเค้าเห็นได้ เพราะเราไม่มีครู หรือเพื่อนๆ ที่จะฝึกสนทนา หรือทำกิจกรรมด้วยกัน ซ้ำร้ายยังอยู่ในไทยบรรยากาศแบบไทยๆ ถ้าไม่เข้าไปในแหล่งคนญี่ปุ่น ก็ไม่จำเป็นที่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเลย 

หลังจากอกหักจากการสัมภาษณ์ครั้งนั้น ก็เป็นอันว่ารับรู้และตระหนักถึงข้อเสียของตนเองดี งั้นก็จำลองแวดล้อมเราให้เป็นญี่ปุ่น ไหนๆบ้าคนเดียวมานานแล้ว บ้าขึ้นอีกนิดก็ไม่เห็นจะเป็นไร เราโหลดเพลงโหลดหนังภาษาญี่ปุ่น มาดูเป็นประจำค่ะ ฟังไม่รู้เรื่องก็ฟังเข้าไป ใครพูดอะไรก็พอส แล้วพูดตาม บ้าบอคนเดียว คนอื่นดูด้วยไม่ได้หรอกค่ะ ฮ่าๆ (หนังส่วนมากจะใช้ภาษาเพื่อนๆ บ้านๆ ไม่เป็นทางการ ก็เลยทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันก็จำเป็นที่เราต้องศึกษารูปประโยคเหล่านี้ แน่นนอนเราเอาประโยคห้วนๆแบบนั้นไปพูดในที่ทำงานคงไม่น่ารักในสายตาคนญ.แน่ๆ แต่คนญี่ปุ่นด้วยกันเองเค้าพูดกันแบบนั้น เราต้องฟังให้ออก อีกอย่างในข้อสอบระดับกลางๆก็มีออกด้วย) 

แต่วิธีที่แน่นนอนและเห็นผลที่สุดที่จะทำให้คนเรียนด้วยตนเองพูดญี่ปุ่นได้ คือหาเพื่อนหรือแฟนคนญี่ปุ่น  หลังจากอกหักจากการสัมภาษณ์ครั้งนั้น ถ้าไม่ได้งานที่ทำอยู่นี่ก่อน ก็ว่าจะหาเพื่อนญี่ปุ่นซักสองสามคนเหมือนกันค่ะ แต่พอมาทำงานไกลจากกรุงเทพด้วย ไม่ค่อยมีเวลาด้วย ทักษะการพูดช่วงนี้ก็เลยถดถอยไม่ค่อยก้าวหน้า


เราไม่มีคำแนะนำดีๆอะไรอีกแล้วค่ะ

ทั้งหมดทั้งปวงนี้แค่อยากสื่อความว่า การที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาญี่ปุ่นได้นั้น มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และพลังในตัวเอง มากกว่า เห็นเยอะค่ะที่ประเภทอยากเรียนอ่ะ มีเงินจ้างครูมาสอนอ่ะ  ก็ล่าหาเบอร์โทรไปถาม “คุณจะสอนฉันคุณจบจากที่ไหน คุณเรียนกี่ปี คุณระดับอะไร เคยไปญี่ปุ่นหรือป่าว” 

ทำไมคะ ทำไมไม่เอาเวลาที่เสียไปกับการที่เลือกคนมาสอน มาเริ่มลงมือเองเลยล่ะคะ หาข้อมูลด้วยตัวเอง หาสมุดปากกามาหัดคัดเลย เชื่อในความสามารถของตนเองค่ะ คิดว่าเราเองก็โตแล้วเราทำได้...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีครูสอนนั้นไม่ดีนะ ดีมากๆเลยล่ะคะ ถ้าเรามีโอกาสมีเงินกว่านี้เราก็อยากจ้างครูมาสอนเหมือนกัน แต่ก็อาศัยลักจำจากเค้ามาเรื่อยๆแหล่ะค่ะ 

นิสัยพื้นฐานของคนเรียนก็สำคัญ ถ้าเป็นคนใฝ่รู้ ขวนขวาย อึด และทนต่อความยากลำบากได้ ก็เหมาะเรียนภาษา สำหรับเราเองก็ยังไม่ถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรอกค่ะ อีกไกลกว่าจะถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ แต่เราก็ดีใจที่วันนั้นเรากล้าก้าว ก้าวออกมาจากคำว่าศูนย์ ก้าวผ่านมาจากวันที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นซักตัว มายืนอยู่จุดนี้ได้ด้วยแรงกายตัวเอง และกำลังใจเล็กๆจากคนรอบข้าง  ถึงจะเคยพลาดเคยแพ้มาบ้าง แต่ที่ยิ้มสู้ต่อไปได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะถือคติดีๆ เหล่านี้ ท่องมันไว้ค่ะ 

คอมเม้นเล้กน้อยทั้งติ ทั้งชม เป็นกำลังใจให้เราสู้ได้อย่างดีเลยค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ





 

Create Date : 29 เมษายน 2553    
Last Update : 24 มกราคม 2558 13:34:21 น.
Counter : 10960 Pageviews.  

เรียนภาษาญี่ปุ่น(private class)อย่างไรให้...คุ้ม...

หลังจากที่เพียรพยายามอ่านเขียนภาษาญี่ปุ่นเองคนเดียวในกะลามานานปีครึ่ง ก็รู้สึกว่าการเรียนแบบนั้นไม่พัฒนาทักษะการพูดเลย เริ่มรู้ตัวตอนที่ร่อนใบสมัครงานพร้อมผลสอบสวยหรูไปบริษัทญี่ปุ่นแห่งนึง แล้วเค้าเล่นโทรมาสัมภาษณ์ภาษาญี่ปุ่นทางโทรศัพท์ แบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว คราวนั้นใบ้รับประทานค่ะ ชวดงานนั้นไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเราไม่สามารถสื่อแสดงความรู้ที่เรามีอยู่ได้ เนื่องจากยังด้อยทักษะด้านการพูด


ในชีวิตจริงไม่ได้เรียนไปเพื่อทำข้อสอบอย่างเดียว แต่เรียนไปเพื่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในชีวิตการทำงานคะแนนสอบแทบไม่ได้ใช้วัดความรู้ของคนเลย ผลงานต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดความสามารถของคนคนนั้น...จริงมั๊ย


เคยมีความคิดที่จะหาเพื่อนญี่ปุ่นทางเน็ท แต่ด้วยนิสัยไม่มั่นใจในตัวเอง บวกกับกลัวหน้าแตกกลัวเสียฟอร์มกลัวถูกเย้ยหยันหัวเราะเยาะ(กลัวเยอะโน๊ะ...) มีเบอร์ก็ไม่โทร นัดไว้ก็ไม่ไป ... อะไรเนี่ย


เคยไปลงคอร์สเรียนแต่ก็ไม่ชอบการที่เพื่อนๆในห้องไม่ทำอะไร อ้าปากรอเซนเซป้อนให้ถึงที่ ไม่ชอบที่เพื่อนๆบางคนมักบ่นว่าเบื่อการบ้าน เกลียดเทส บรรยากาศในห้องก็เลยไม่น่าเรียน อีกอย่างคือไม่ชอบที่เสียเวลาเสียโดยเปล่าประโยชน์ในการมานั่งคัดนั่งทำแบบฝึกหัดในห้อง เราว่าสิ่งง่ายๆแบบนี้ก็น่าจะทำเองที่บ้านได้ เราน่าจะได้ความรู้ใหม่ๆจากค่าชั่วโมงเรียนที่จ่ายไปไม่ใช่หรอ และอีกอย่างคือเราต้องการเรียนคันจิในแบบของเราเอง คือจำคำศัพท์ในร่างของคันจิ ไปพร้อมความหมายเลย การที่มานั่งท่องว่าคันจิตัวนี้ตัวนั้นอ่านว่าอะไรกี่เสียงกี่อย่าง เราว่ามันไม่ใช่...


ข้อสรุปสุดท้ายที่เหมาะสำหรับเรามากที่สุด คือเรียนไพรเวท แต่อุปสรรค์สำคัญของเราก็คือ ค่าชั่วโมงที่แสนแพง มันก็เลยต้องคิดหนักหน่อย หาที่เรียนที่พอสู้ราคาไหวลำบาก และหลังจากที่สืบหาที่เรียนมานาน ก็ได้ที่นี่แหละเหมาะสมทั้งราคา การเดินทาง และบรรยากาศโรงเรียน และก็เพิ่งได้เริ่มเรียนวันนี้แหละวันแรกเลย..


และเนื่องจากเราคิดจุกจิกเรื่องค่าชั่วโมงเรียนมาก ชั่วโมงนึงก้หลายร้อยเพราะฉนั้นทุกนาทีมีค่า เราแค่ไม่อยากให้มันเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ตอนจ่ายเงินยังมือสั่นๆเลย ไม่เคยจ่ายค่าเรียนอะไรที่มันแพงขนาดนี้ เราก็เลยทำแผนการเรียนในแบบวิธีของเรา เราจะยอมจ่ายค่าเรียนเหยียดหมื่นก็ต่อเมื่อ"เซนเซสามารถสอนตามแผนการสอนที่เราเป็นคนกำหนดเองได้" 


จุดประสงค์
1.เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว (1ครั้ง/2ช.ม./1บท)
2.เพื่อพัฒนาทักษะการสนทนา การออกเสียง และสำเนียงของนักเรียน


ก่อนชั่วโมงเรียน
เซนเซ เตรียมแบบทดสอบ และคำถาม ในบทที่จะเรียน
นักเรียน
-จำคำศัพท์ ทำความเข้าใจไวยกรณ์ ด้วยตนเอง
-ทำแบบฝึกหัดใส่สมุด แต่งเรียงความ1บท
-มาร์กหรือโน้ต ส่วนที่ยังไม่เข้าใจไว้ถามเซนเซในชั่วโมง


ในชั่วโมงเรียน
-นักเรียนพูดเกียวกับบทเรียนนั้นกับเซนเซ และถามข้อสงสัยที่ยังไม่เข้าใจ
-เซนเซเทสนักเรียน และสอนเพิ่มเติมตรงที่นักเรียนยังไม่เข้าใจ
-เขียนคำศัพท์ตามคำบอก(คันจิ)
-ให้เซนเซตรวจการบ้าน และแก้ไขเรียงความ
-เวลาเหลือพูดคุยเรื่องทั่วไป


ตอนแรกก็คิดไว้ประมาณนี้ แต่ยังไงวันนี้ก็วันแรก ขอทำความรู้จัก ดูท่าทางการแสดงออกของเซนเซก่อน ดูวิธีการสอนของเซนเซก่อนเพราะบางทีถ้าเจอเซนเซเข้มงวดจริงๆ วิธีการสอนของเค้าก็อาจจะดีกว่านี้ก็ได้ แต่ธรรมดาโรงเรียนพวกนี้มักจะกำชับไม่ให้ครูเข้มงวดดุดันนักเรียน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบ พลานจะเลิกเรียนแล้วโรงเรียนก็จะเสียกำไร


เพอเจอเข้าจริงก็อย่างที่คิดไว้ เซนเซเข้าสาย 10 นาที ขอเวลาพัก 10 นาที จบก่อนเวลาอีก 10 นาที สรุปได้เรียนแค่ ชั่วโมงครึ่ง เงินกรูปลิวหายไปเป็นร้อยๆ ส่วนวิธีการสอนก็อย่างที่เคยเจอ เพื่อเลี่ยงการที่ต้องเหนื่อยยืนเหนื่อยพูด ก็เอาแบบฝึกหัดมาให้เรานั่งเขียนในชั่วโมง เราก็ทนเรียนตามแบบของเค้าไปก่อน ท้ายชั่วโมงนั่นแหละถึงคุยกันเรื่องการเรียนการสอน ขอได้มั๊ย ตามใจคนจ่ายเงินได้มั๊ย มันอาจจะเป็นแค่เศษเงินสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเรามันแพงมากนะ ถ้าได้ความรู้มาเท่ากับเงินที่เสียไปให้จ่ายเท่าไหร่ก็ยอม...




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2552    
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 20:31:43 น.
Counter : 3005 Pageviews.  

ศัพท์ญี่ปุ่น เกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์

かゆいคัน


()にさされたところがかゆい。


まぶしいสว่างจ้า,จ้า


太陽(たいよう)がまぶしい。 


くすぐったい จักจี้


(わき)(した)(あし)(うら)(さわ)られるとくすぐったい。


くやしい เจ็บใจ,เสียใจ(ในเรื่องที่ผ่านมา)


()けた(くや)しい。 


ありがたい รู้สึกขอบคุณ


健康(けんこう)はありがたいものだ。


うらやましい อิจฉา


(きみ)にはお(かね)時間(じかん)があって(うらや)ましい。


しかたがない ช่วยไม่ได้


()んだことを後悔(こうかい)してもしかたがない。


たまらない ทนไม่ได้,แทบจะทนไม่ได้


この(さむ)さはたまらない。


みっともないน่าอับอาย,น่าขายหน้า,น่าอัปยศ,น่าเกลียด,ไม่น่าดู,ซอมซ่อ


(へん)髪型(かみがた)になってしまってみっともない。


もったいない เสียของ,น่าเสียดาย(ที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือไม่คุ้มค่า)


注文(ちゅうもん)した料理(りょうり)(のこ)すのはもったいない。


とんでもない ร้ายกาจ,เกินคาด,เหลือเชื่อ


(ひと)失敗(しっぱい)(よろこ)ぶなんてとんでもない。


()たり(まえ) เป็นเรื่องธรรมดา,ทั่ว ๆ ไป


無茶(むちゃ)をしたら(びょうき)になるのは()たり(まえ)だ。


だるい (ร่างกาย)เมื่อยล้า,ไม่มีแรง


今日(きょう)はだるいから、何もしたくない。


切ないทำใจไม่ได้,ทรมานใจ,ทุกข์ทรมาน,ขมขื่น,เจ็บใจ,เศร้าใจ


()きな(ひと)のことを(かんが)えると(せつ)ない。


(なさ)けないน่าสมเพท,น่าละอาย,น่าเวทนา,แล้งน้ำใจ,ไร้ความเมตตา


何度(なんど)やっても失敗(しっぱい)して(なさ)けない。


うんざりเอือมระอา,เหนื่อยหน่าย


毎日同(まいにちおな)()(もの)でうんざりだ。


あさましい ไร้ยางอาย,ทุเรศ,น่ารังเกียจ,น่าสมเพชเวทนา,น่าสังเวช


(ひと)()しのけて(きん)(むら)がる姿(すがた)はあさましい。


(けが)らわしいสกปรก,น่ารังเกียจ,น่าสะอิดสะเอียน,น่าเกลียด


(きたな)いことをしてもうけた(かね)(けが)らわしい。


いやらしい ทะลึ่ง,ลามก


人前(ひとまえ)でいやらしい写真誌を見る。


うっとうしいหดหู่,ห่อเหี่ยว,อึดอัด,น่ารําคาญ


(あめ)ばかり()(つづ)いてうっとうしい。


たくましい บึกบึน,กำยำ,(จิตใจ)แกร่ง,เข้มแข็ง,กล้าแกร่ง


たくましい(からだ)とたくましい精神(せいしん)


なれなれしい ทำท่าคุ้นเคยทั้ง ๆ ที่ไม่สนิทสนม


(はじ)めて()ったのになれなれしい態度(たいど)(ひと)


ばかばかしい เหลวไหล,ไร้สาระ,น่าขัน


たまには馬鹿馬鹿(ばかばか)しい番組(ばんぐみ)()るのもいい。





 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 9:43:27 น.
Counter : 17329 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  

BeeryKiss
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 81 คน [?]








New Comments
Friends' blogs
[Add BeeryKiss's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.