Red Hot Chili Peppers เป็นวงร็อคชั้นดีจากคาลิฟอร์เนีย แต่โชคร้ายที่ในยุคแรก ๆ ของวงต้องเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดตั้งแต่ต้นทศวรรษ 80 แต่ในปัจจุบันวงนี้กลายเป็นวงปลอดยา และบ้าโยคะแทน แกนหลักของวงคือ แอนโธนี่ คีดิส นักร้องนำ กับ ไมเคิล บัลซารี่ มือเบส Red Hot Chili Peppers เป็นวงจากยุค 80 ที่มีแนวทางของตัวเองอย่างเด่นชัด ๆ เพลงออกมาในแนวไฮบริด ร็อคผสมผสานพังค์ ฟังค์ แร็พ และ เมทัลเข้าด้วยกัน ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องที่ใหม่มาก นอกจากนี้ยังมีลีลาการแสดงสดบนเวที ที่โลดโผน อิทธิพลของพวกเขาเห็นได้ชัดในงานของวงอย่าง Living Colour, Faith No More ไปจนถึง Linkin Park
เรื่องราวของ Red Hot Chili Peppers เริ่มต้นกันในช่วงต่อระหว่างยุค 70 และ 80 ตอนนั้นเด็กหนุ่ม 3 คน แอนโธนี่ คีดิส, ไมเคิล บัลซารี่ และ ฮิลเลล สโลแว็ค ยังเป็นนักเรียนอยู่ไฮสคูล แฟร์แฟ็กซ์ในคาลิฟอร์เนีย ในขณะที่ ไมเคิล และ ฮิลเลล ฉายแววนักเป่าทรัมเป็ตและมือกีตาร์ที่ดี แอนโธนี่ ก็ดูจะไปได้สวยกับเรื่องของโคลงกลอน บทกวี ไปจนถึงการแสดง ช่วงที่ ฮิลเลล สอน ไมเคิล เล่นเบสทั้งคู่ก็ยุให้ แอนโธนี่ เอาบทกวีมาใส่ในดนตรีที่พวกเขาเล่น งานของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากวงพั้งค์ในแอลเอ (Black Flag, Germs, X ฯลฯ) กับวงฟั้งค์ (Parliament, Sly & The Family Stone ฯลฯ) ทั้ง 3 กับมือกลองคนใหม่ แจ็ค ไอออนส์ เคยใช้ชื่อวงหลายวงไม่ว่าจะเป็น Anthym ไปจนถึงวงชื่อยาว ๆ อย่าง Tony Flow And The Miraculously Majestic Masters Of Mayhem ที่ตระเวนเล่นโชว์ตามบาร์อะโกโก้ บนถนนซันเซ็ตในช่วงต้นยุค 80 ซึ่งกลายเป็นที่ให้พวกเขาได้พัฒนาลูกเล่นทางดนตรี และลีลาการเอ็นเตอร์เทน บนเวที ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของวงได้เป็นอย่างดี (รวมถึงการขึ้นเวทีชนิดเกือบนู้ด ดีว่ายังเหลือถุงเท้าไว้ข้างกันอุจาด)
พอถึงปี 1983 ไมเคิล เริ่มเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ฟลี ส่วนวงดนตรีก็ตัดชื่อยาว ๆ เหลือแค่ Red Hot Chili Peppers วงการเพลงเริ่มพูดถึงพวกเขา ในฐานะคลื่นลูกใหม่ที่น่าสนใจ แต่ถึง EMI จะคว้าตัวมาเข้าสังกัดในเวลาต่อมา แอนโธนี่ กับ ฟลี ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อ ฮิลเลล และ แจ็ค ขอแยกตัวไปเอาดีกับวงดนตรีอีกวง ที่ทั้งคู่ก็เป็นสมาชิกอยู่ด้วยเหมือนกันคือวง What Is This หลังจากได้ตัว แจ็ค เชอร์แมน กับ คลิฟ มาร์ติเนซ มาเล่นกีตาร์กับเบสแทน Red Hot Chili Peppers ถึงได้ออกอัลบั้มแรกชื่อเดียวกับชื่อวงในปี 1984 อัลบั้มชุดนี้ได้รับผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกระทันหัน ทำให้ออกมาแห้ง ๆ ไม่ฟังดูเร้าใจเหมือนบรรยากาศบนเวที แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม Red Hot Chili Peppers ก็ยังสร้างฐานแฟนเพลงได้ไม่เลว โดยเฉพาะในแวดวงนักศึกษา
หลังจาก What Is This ออกอัลบั้มชื่อเดียวกับชื่อวงในปี 1985 ก็แตกวง ทั้ง ฮิลเลล และ แจ็ค กลับมาอยู่กับ Red Hot Chili Peppers ตามเดิม ทั้งหมดบันทึกเสียงอัลบั้ม Freaky Styley กับโปรดิวเซอร์ จอร์จ คลินตัน ผลที่ได้พัฒนาจากชุดก่อนก็จริง แต่ฟังแล้วก็ยังไม่ได้บรรยากาศมันส์ จากการแสดงสดของวง แต่ปัญหานี้ก็จบลงใน The Uplift Mofo Party Plan อัลบั้มชุดต่อมาที่ออกเมื่อปี 1987 ที่สามารถเข้าอันดับในอเมริกาได้ด้วย
หลังจากที่พวกเขาออก EP รวม 5 เพลงที่ชื่อ The Abbey Road ขณะที่แฟน ๆ กำลังเริ่มติดใจงานของพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ฮิลเลล สโลแว็ค มือกีต้าร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1988 เพราะเสพเฮโรอินเกินขนาด ช่วงนั้น แจ็ค โทษว่าวงเป็นต้นเหตุ และลาออกจากวงอีกเป็นครั้งที่ 2 แอนโธนี่ (ที่กำลังเลิกยาอยู่) และ ฟลี ตัดสินใจเดินหน้าต่อไป พวกเขาได้ แบล็คเบิร์ด แม็คไนต์ มือกีตาร์ของ Parliament กับ ดี.เอช. เพลิโกร อดีตมือกลอง Dead Kennedys แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างที่คิด ดี.เอช.แนะนำให้ จอห์น ฟรัชชานเต้ แฟนเพลง Red Hot Chili Peppers อายุแค่ 18 ที่เคยมาแจมกันเล่น ๆ ที่บ้านของ ฟลี บนถนนแฟร์แฟ็กซ์ ปรากฏว่าฝีมือกีตาร์เข้ากับซาวด์ของวงได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังได้ แช้ด สมิธ มาร่วมงานในฐานะมือกลอง Mother's Milk อัลบั้มแรกของ Red Hot Chili Peppers โฉมใหม่ออกมาในปี 1989 ฮิตทันทีหลังจากที่ MTV ให้ความสนใจอัลบั้มชุดนี้ โดยเฉพาะเพลง Higher Ground ที่เป็นการเอาเพลงเก่าของ สตีวี่ วันเดอร์ รวมทั้ง Fire ของ จิมี่ เฮนดริกซ์ มาคัฟเวอร์ใหม่ ทำให้คว้าได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำในปี 1990
Red Hot Chili Peppers รู้ตัวว่าหลายคนกำลังจับตามองอัลบั้มชุดต่อไป เลยย้ายไปทำงานกับ ริค รูบิน ระดับท็อปจากค่าย Def Jam ผลลัพธ์ที่ได้คืออัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดของวง Blood Sugar Sex Magik ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกภายใต้สังกัดวอร์เนอร์อีกด้วย ดังทันทีที่ออกขายในเดือนกันยายน 1991 ยอดขายเฉพาะที่อเมริกาก็เกือบ 9 ล้านแผ่นเข้าไปแล้ว มีเพลงฮิตอย่าง Give It Away รวมทั้ง Top 10 แผ่นแรกของวงเพลง Under The Bridge รวมอยู่ด้วย ดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปด้วยดี แต่แล้วปัญหาแบบเดิมก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อ จอห์น ฟรูชานเต้ เดินตามรอย ฮิลเลล ติดเฮโรอินขนาดหนัก จากแรก ๆ ที่สูบเฉพาะกัญชาเท่านั้น จนต้องออกจากวงไประหว่างการทัวร์เอเซียต้นปี 1992 ตอนนั้นเขาถึงขั้นหมดสภาพที่ห้องพักในโรงแรมที่โตเกียว ก่อนจะบินไปทัวร์ต่อที่ออสเตรเลีย Red Hot Chili Peppers ได้ตัว เอริค มาร์แชล มาแทนที่ ทันเวลาขึ้นเวทีในฐานะวงเฮดไลน์ของงานลอลลาพาลูซ่า 2 ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น
ทันทีที่ Red Hot Chili Peppers เริ่มงานชุดที่ 6 ก็รู้ทันทีว่า เอริค ไม่เหมาะกับวง เลยให้ เจสซี่ โทเบียส มาแทน แต่ยังไม่ทันได้บันทึกเสียงด้วยกัน เจสซี่ ก็มาลาออกไปซะอีก เดฟ นาวาร์โร่ อดีตมือ กีต้าร์ Jane's Addiction เข้ามาแทน ตอนนั้นแหละถึงเพิ่งจะได้ ทำอัลบั้มใหม่ One Hot Minute ออกขายในปี 1995 ที่ทิ้งช่วง จากชุดที่ถึง 4 ปีเต็ม ถึงจะได้แผ่นเสียงทองคำ และค้างอยู่ในอันดับเพลงถึงเกือบปี แต่ความสำเร็จและซาวด์ดนตรีของอัลบั้มนี้ ก็ยังเทียบกับชุดที่แล้วไม่ติดอยู่ดี หลังจากทัวร์โปรโมตอัลบั้ม 1 ปีที่เต็มไปด้วยปัญหาจบลง Red Hot Chili Peppers ก็เบรคขอเวลาพัก ระหว่างที่พัก ฟลี ก็ไปออกทัวร์กับ เดฟ ในวง Jane's Addiction
ปี 1997 สถานการณ์ Red Hot Chili Peppers ดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย วงเก่าของ เดฟ ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงปี 1997 ไม่มีเพลงใหม่ไม่มีใครได้เห็นสมาชิกของวง อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วจู่ ๆ ก็มีข่าวว่า Red Hot Chili Peppers จะขึ้นเวทีการกุศล Tebetan Freedom Concert แต่ก็ถอนตัวไปในที่สุดเพราะไม่ค่อยมีเวลาซ้อมร่วมกัน แต่ก็ประกาศคอนเสิร์ตใหม่ขึ้นมาแทน ในเดือนกรกฎาคมที่ฮาวายกับอลาสก้า ที่ต่อมาทางวงขอเลื่อนเป็นเดือนกันยายน แต่พอถึงเดือนกันยายน แอนโธนี่ เกิดประสบอุบัติ เหตุมอเตอร์ไซค์คว่ำ สิงหาคมก่อนหน้านั้น ตอนไปเล่นคอนเสิร์ตที่เทศกาลดนตรี Mount Fuji ก็ปรากฏว่าแย่เหมือนกัน ดันเจอพายุ เฮอริเคนเข้าให้ ตอนที่เล่นไปได้ครึ่งเซ็ตเท่านั้น ฟลี เคยสรุปง่าย ๆ ว่าปี 1997 เป็นปีที่ไม่มีอะไรดี วงจะแตกเอาล่ะไม่ว่า เพราะ เดฟ ออกทัวร์กับ Jane's Addiction ได้ไม่นานก็เกิดเบื่อเลยลาออกจาก Jane's Addiction ในวันที่ 3 เมษายน 1998 แต่ก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานกับ Red Hot Chili Peppers เขาบอก แอนโธนี่ ว่า จอห์น ฟรูชานเต้ เท่านั้นที่เหมาะกับตำแหน่งมือกีตาร์ของ Red Hot Chili Peppers จากนั้น เดฟ ก็หันไปทำอัลบั้มเดี่ยวชื่อ Spread โดยเรียกตัว แช้ด ไปช่วยตีกลองให้
พร้อมกันนั้นก็มีน.ส.พ.แอลเอ ไทม์ส ก็ลงข่าวว่ามีคนเห็น จอห์น ฟรูชานเต้ นอนซมแบบคนขี้ยาชาโต มาร์มองต์ มีอาการของขี้ยาขั้นโคม่าไม่ว่าจะเป็นฟันหัก ผมร่วง เล็บหัก ผิวหนังเป็นแผลเกรอะกรัง แต่ปากก็ยังบอกว่าเขาไม่กลัวตาย และไม่แคร์ว่าจะอยู่หรือเป็น (เขาให้สัมภาษณ์ย้อนหลังว่าตอนนั้นไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย รู้สึกเต็มใจและภูมิใจที่จะเป็นขี้ยา คิดว่ามันทำให้เขามีความสุข) ก่อนหน้านี้ช่วงที่ลาออกจากวงไป จอห์น ออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองมา 2 ชุด ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าเขาถังแตกกลายเป็นคนจรจัด แถมยังติดยาอย่างรุนแรงพร้อมจะ OD ทุกเมื่อ ชุดแรก Niandra LaDes And Usually Just A T-Shirt ในปี 1995 ที่โปรดิวซ์และออกขายกับสังกัด American ของ ริค รูบิน อัลบั้มนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน 12 เพลงจาก Niandra Lades ได้อิทธิพลจาก ซิด แบร์เร็ตต์ และ Captain Beefheart มีดาราหนุ่ม ริเวอร์ ฟีนิกซ์ เพื่อนซี้มาช่วยร้องให้ด้วย ในเพลง Bought Your Soul แต่เสียงที่อยู่ในอัลบั้มเอามาใส่ เอฟเฟ็คท์เพลย์แบ็ค ส่วนอีก 12 เพลงใน Usually Just a T-Shirt ส่วนใหญ่จะเป็นงานบรรเลงในแนวไซเคเดลิค มีเอฟเฟ็คท์กีตาร์เล่นย้อนหลังเพียบ (อัลบั้มนี้นำมาออกขายใหม่ในปี 1999) ชุดที่ 2 Smile From The Streets You Hold ในปี 1997 กับสังกัด Birdman โปรดิวซ์โดย จิมมี่ บอยล์ ชุดนี้เป็นเหมือนอัลบั้มรวมเพลงมากกว่า บางเพลงอย่าง A Fall Through The Ground บันทึกเสียงไว้ตั้งแต่ปี 1988 บางเพลงก็เพิ่งทำเสร็จ (จอห์น ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่าที่จริงตอนออกจากวงแล้ว เขาเลิกทำเพลงแต่หันมาวาดรูปแทน อัลบั้มเดี่ยวทั้ง 2 ชุดนี้ขุดเอาเพลงเก่าหรือทำขึ้นใหม่เพื่อหาเงินมาซื้อยาเท่านั้น) แต่ก็มีงานดี ๆ รวมอยู่ในอัลบั้มนี้อย่างเพลง I May Again Know John รวมทั้ง The Big Takeover งานเก่าของ Bad Brains งานเดี่ยวของ จอห์น อาจจะออกมาสุดโต่งแบบ ซิด แบร์เร็ตต์ แต่ จอห์น ก็ใส่ความเป็นตัวของตัวเองลงไปด้วย โดยรวมแล้วงานทั้ง 2 ชุดค่อนข้างออกมา lo-fi บันทึกเสียงจากเครื่อง 4 แทร็คที่บ้านเขาเอง
แต่แล้ว จอห์น ก็ตัดสินใจพลิกชะตาตัวเองจนได้ หลังจากอาการติดยาวิกฤติถึงขั้นเกือบตาย แต่ก็เข้ารับการบำบัดอย่างจริงจัง จนเลิกยาได้สำเร็จ ในช่วงที่ Red Hot Chili ถึงจุดตกต่ำเมื่อปี 1997 แอนโธนี่ ก็เคยไปเยี่ยม จอห์น ครั้งหนึ่ง เมื่อ จอห์น ออกจากโรงพยาบาล ฟลี รู้ข่าว ก็ชวนเขากลับมาเข้าวง ตอนนั้นมือกีตาร์อย่าง จอห์น ไม่มีแม้แต่กีตาร์ติดตัว เริ่มต้นจากศูนย์รับคำเพื่อนเก่ากลับไปเข้าวง Red Hot Chili Peppers เหมือนเดิมในฤดูใบไม้ผลิปี 1998
ปี 1999 Californication อัลบั้มรียูเนียนของวงบันทึกที่เสียงเสร็จภายใน 3 สัปดาห์กับ ริค รูบิน ออกวางขาย ทำให้ชื่อของ Red Hot Chili Peppers กลับมาผงาดในเวทีอัลเทอร์เนทีฟ ร็อคอีกครั้ง นอกจากจะมีเพลงในแนวพั้งค์ฟั้งค์ ที่เป็นแนวถนัดของวงแล้ว ยังมีงานป๊อปคุณภาพอย่าง Scar Tissue มาช่วยขยายฐานแฟนเพลงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ รวมทั้งตัว แอนโธนี่ เองก็พัฒนาเสียงร้องตัวเองได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนออกทัวร์โปรโมตอัลบั้ม Californication Red Hot Chili Peppers ก็ไปช่วยในฐานะแขกรับเชิญให้อัลบั้ม Psychotic Friends Nuttwerx ของวง Fishbone ด้วย ในระหว่างทัวร์ครั้งนี้นี่เองที่ทางวงเกิดมีเรื่องกับ เดฟ เพราะพวกเขาไม่ยอมเล่นเพลงจากอัลบั้ม One Hot Minute เลย ทำให้แฟน ๆ รวมทั้ง เดฟ มือกีตาร์ในชุดนั้นเกิดไม่พอใจ นอกจากนี้ แอนโธนี่ ยังมีเรื่องกับ ไมค์ แพ็ตตัน นักร้องนำของ Mr.Bungle (อดีตนักร้องนำของ Faith No More) ด้วย เมื่อปฏิเสธที่จะออกทัวร์ยุโรปร่วมกับ Mr.Bungle ไมค์ เลยโต้ตอบด้วยการออกคอนเสิร์ตแบบทริบิวต์ประชด Red Hot Chili Peppers บนเวที Mr.Bungle จะล้อเลียน Red Hot Chili Peppers ไม่ว่าจะเป็นลีลาการแสดงสด รวมทั้งแกล้งทำเป็นกำลังฉีดเฮโรอิน ในปี 1999 อีกเหมือนกันที่พวกเขาโชคร้าย เป็นวงเฮดไลน์ในเทศกาลดนตรี Woodstock 99 เจอจราจลในงานอย่างจัง แต่การทัวร์ของพวกเขากับ Foo Fighters และ Pearl Jam ในปีถัดไปราบรื่นด้วยดี
13 กุมภาพันธ์ 2001 จอห์น ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3 To Record Only Water For Ten Days แค่ฟังงานจากอัลบั้มนี้ก็เข้าใจได้ว่าเป็นอัลบั้มของคนเลิกยาได้แล้วจริง ๆ จอห์น แต่ง บันทึกและโปรดิวซ์อัลบั้มนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ซาวด์โดยรวมมีโฟกัสและฟังง่ายกว่าเดิม ขนาดปกอัลบั้มก็ยังคลีนกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ใครที่เคยชอบ 2 ชุดก่อนหน้านี้ของ จอห์น มีสิทธิผิดหวัง
Red Hot Chili Peppers กลับเข้าสตูดิโออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2001 เพื่อทำอัลบั้มชุดที่ 8 By The Way ที่ออกมาอาละวาดวงการในฤดูร้อนปี 2002 ในขณะที่เพลงแบบแร็พเมทัลกำลังอยู่ในกระแส Red Hot Chili Peppers กลับมาพร้อมความแตกต่าง งานชุดนี้เพลงฟังง่ายสไตล์ฟั้งค์ป๊อป ไม่สากหูเหมือนงานที่สร้างชื่อให้วงในยุคแรก เครื่องสานและเสียงประสานเข้ามามีบทบาทแทนที่เสียงเบสแรง ๆ ที่เคยเป็นเครื่องหมายการค้าของวง แต่ยังคงสปิริตเดิม ๆ ยังคงไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสปิริตในการใช้ชีวิต ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ และเรื่องราวความใคร่ตามสไตล์ของ Red Hot Chili Peppers นอกจากนี้ จอห์น ยังเพิ่มบทบาทมากขึ้น ด้วยการเล่นเมลโลทรอน, เปียโน และร้องประสาน ซิงเกิ้ลแรก By The Way มีสัดส่วนของทิศทางดนตรีทั้งใหม่ และเก่าของวงได้เป็นอย่างดี เพลงนี้เหมาะมากที่จะสรุปความเป็น Red Hot Chili Peppers ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
>>ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blog แห่งความบันเทิงนี้ครับ เพื่อนๆสามารถเลือกดูข่าวสารดนตรีได้ที่ Godslipk'S Headbangers แต่หากอยากรู้ข้อมูลของหนังใหม่ๆก็ไปที่ Movie Review ได้เลย คอบอลทั้งหลายอาจจะเลือกไปที่ Godslipk@มุมบ้าบอล ก็ได้ครับ ขอให้สนุกกับการชม Blog ทุกท่าน -=- Thank You -=-