Group Blog
 
All blogs
 
@@@ - - - กรุงชิง ในที่สุดก็ถึง - - - @@@

@@@ - - - กรุงชิง ในที่สุดก็ถึง - - - @@@

สวัสดีครับ

บันทึกย่อกรุงชิง ๒๗ ถึง ๓๐ กค ๒๕๕๒

วันจันทร์ที่ ๒๗ กค เป็นวันที่ผมควรจะเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่เ้ช้าวันนี้ ผมต้องตื่นนอนแต่เช้า เพื่อก้าวสู่โลกของการเดินทางอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ผมจะเดินทางไป "กรุงชิง" ผมว่าหลายคนคงจะยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน หรือหากเคยได้ยิน ก็คงยังไม่เคยไปเยือน กรุงชิงเป็นชื่อน้ำตก อยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขล.4 ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช

นี่ครับแผนที่


หารายละเอียดเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติเขาหลวงได้ที่นี่ครับ
//www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=198&lg=1

ระยะทางแปดร้อยกว่ากิโลกับระยะเวลาเดินทางเกือบสิบสองชั่่วโมง บางท่านอาจจะรู้สึกว่า ใช้เวลาเดินทางมากไปไหม ก็คณะของเราเดินทางกันแบบไม่เร่งรีบ หยุดพัก หาขออร่อยทาน เติมแก๊ส ซื้อกล้วยเล็บมือนางที่วัดพ่อตาหินช้าง เขตจังหวัดชุมพร และแวะซื้ออาหารเพื่อประทังชีวิตในผืนป่าห่างไกล เอาเป็นว่ามาถึงที่ก่อนมืดก็ถือว่าเก่งแล้ว อย่าไปรีบมาก ถือคติว่า “เดี๋ยวก็ถึงครับพี่น้อง”



นี่ไม่ใช่การเดินทางสู่กรุงชิงครั้งแรกของผม ครั้งแรกของผม อะอะ อย่าคิดลึก มิใช่ครั้งแรกแบบนั้นครับ ครั้งแรกที่เดินทางมากรุงชิงก็เมื่อปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๐ ซึ่งนั่นคือ การเดินทางเพื่อไปดูนกครั้้งแรกของผม และนับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผมยังคงติดอกติดใจกับการสัมผัสธรรมชาติโดยมีนกเป็นสื่อนำจวบจนทุกวันนี้

จากสุราษฎ์ฯ เข้าสู่อำเภอท่าศาลา เลี้ยวขวามาไม่นาน ก็จะพบป้ายบอกทางไปน้ำตกกรุงชิง ผมรู้สึกประทับใจกับสภาพป่าเขาระหว่างทาง ดูแล้วยังมีความอุดมสมบูรณ์มิใช่น้อย มองไปทางไหนก็ยังสีเขียวอยู่ ดูแล้วสบายตา เป็นภาพที่จรรโลงสายตาและจิตใจอย่างมาก แม้ว่าจะมีภาพภูเขาหัวโล้นอยู่บ้าง อันเกิดจากการบุกรุก แต่ก็ยังนับว่าเป็นส่วนน้อย ต่างกับหลายๆ ที่ที่ผมได้มีโอกาสไปเยือน



เส้นทางสู่กรุงชิงเป็นทางอย่างดี จะมีขรุขระบ้างก็ตอนเข้าใกล้ที่ทำการน้ำตกกรุงชิง ตีซะว่าประมาณ ๑ ถึง ๒ กิโลเท่านั้น เหตุหนึ่งที่ถนนเข้าสู่กรุงชิงถือว่าดี ก็คงเพราะกรุงชิง มีน้ำตกอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักในท้องถิ่น มีผู้คนแวะเวียนมาพักผ่อน และเดินทางสู่น้ำตกมิใ่ช่น้อย

เวลาประมาณ หกโมงเย็น เราก็มาถึงจุดหมาย ผมก็พบกับเด็กฝรั่งหญิงตัวน้อยสองคนยืนน่ารักอยู่หลัังรถเก๋ง ผมเดาได้เลยว่า นี่คือลูกของเพื่อนนัดดูนกชาวสวิสของผม เรามิได้นัดกันมาที่กรุงชิง แต่เรา "บังเอิญ" มาเที่ยวในช่วงเวลาเดียวกัน ผมยินดีมากที่ได้พบกับเพื่อนคนนี้ พอลเป็นนักดูนกที่มีประสบการณ์ และรักนกเอาซะมากๆ เคยเล่าให้ผมฟังว่า เวลาจะเข้าห้องน้ำ ก็ต้องพกแมกกาซีน หรือหนังสือเกี่ยวกับน้องนกเข้าไปด้วย เรียกว่า จะว่างหรือไม่ว่าง ในใจจะมีน้องนกเสมอ ชาติที่แล้ว ผมว่าพอลคงจะเคยเป็นนกมาอะครับ จิตเลยผูกพัน อะ ว่าไปนั่น

ระหว่างรอห้องพัก เราก็ได้พบปะพูดกับคุยพี่ๆ นักถ่ายภาพนกที่มาก่อนหน้าเราแล้ว ยังไม่ทันไร เราก็ได้พบนกตัวแรก เจ้านกชื่อโบราณอย่าง นกทึดทือพันธุ์มลายู (Buffy Fish Owl) ก็มาร้องเสียงดังอยู่บนต้นไม้สูง บนหัวเรา เจ้าบัพพี่มาร้องเสมือนจะบ่นว่า "พวกมนุษย์แกมาทำอะไรใกล้บ่อปลา ฉันหิวแล้ว รีบๆ หลีกทางไปซะทีได้ไหม" เรายืนเป็นก้างขวางคออยู่ซักพัก เราก็แยกย้ายเ้ข้าที่พัก เพื่อจัดสิ่งของที่พวกเรานำมา



เพื่อมิให้ยืดยาวจนเกินไป ผมขอกล่าวเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าประทับใจของการเดินทางในครั้งนี้

วันที่สองผมมีนัดกับพอล ตอนตีห้าครึ่ง พอลบอกว่าจะมารอที่หน้าบ้านพักของผม แต่เอาเข้าจริง ผมมิเห็นแม้แต่เงาใครสักคน ก็แห๋งละ จะมีเงาได้อย่างไร พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น ผมจึงเดินออกไปดูนกคนเดียวก่อน เพราะคิดว่า พอลอาจจะตื่นสาย เดี๋ยวก็คงจะมาสมทบ ผมไปรอพอลอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ที่ทำการฯ ต้นไม้ต้นนี้กำลังมีลูกเริ่มสุกเต็มต้น ลูกคล้ายๆ ต้นตะขบ ผมลืมไปที่จะถาม เดี๋ยวไว้วันพรุ่งนี้จะไปถามว่าต้นอะไร นกมากมายหลายชนิดออกจากรังที่พักผ่อนนอนหลับ แล้วเริ่มหาอาหารเข้าปากแต่เช้ามืด นกที่เจอก็เช่น นกปรอดสีน้ำตาลตาแดง (Red-eyed Bulbul)



นกปรอดเล็กท้องเทา (Spectacled Bulbul)



นกเขาเปล้าธรรมดา (Thick-billed Green Pigeon) น่ารักมากๆ ครับนกชนิดนี้ ผมชอบมาก มันกลมๆ ป้อมๆ สีสันก็สุดยอด ชอบมากครับ



คู่น่ารักๆ อีกสักภาพเป็นไรไป



นกกาฝากอกสีเลือดหมู (Crimson-breasted Flowerpecker) ตัวเมีย ตัวผู้จะมีสีสันสดใสสวยงามมาก เสียดายที่ไม่สามารถหาจังหวะถ่ายตัวผู้ได้ เนื่องจากหลบซุกได้เก่งมากๆ เรียกว่า ไม่มีจังหวะไหนเลยที่จะออกมาโล่งๆ ให้ถ่าย แบบเจ้าตัวเมีย แต่ตัวเมียก็น่ารักมากๆ ครับ ถือว่า เป็นภาพที่ผมชอบมากภาพหนึ่งเลย



พอลเดินมาเจอผม แล้วบอกว่า เขานึกว่า ฝนตก เลยนอนต่อ ขอโทษขอโพยเสร็จ ก็ได้เรื่องเลยครับ เจ้านกเขียวปากงุ้ม (Green Broadbill) ตัวผู้ บินมาเกาะห่างจากผมไปเพียง ๔ เมตรเท่านั้น ณ ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ได้เริ่มสาดแสง ผมตัดสินใจไม่หยิบกล้องคู่ใจเพื่อถ่ายเจ้าเขียวปากงุ้ม เนื่องจากสถาพแสง และคิดไว้เสมอว่า ถ้าไม่ตาย ก็ยังได้ถ่าย แม้ไม่ได้ถ่าย ได้เห็น เก็บไว้ในความทรงจำแบบนี้ ก็มีความสุขแล้ว คราวหน้า ค่อยว่ากัน เมื่อไม่ต้องถ่ายภาพ ผมจึงเป็น “นักดูนก” จริงๆ เพราะได้เฝ้าดูเขามองหาลูกไทรลูกที่ถูกใจ เดินมุด บินขึ้นลงไปมา เรียกว่า อยู่กับเราพักใหญ่ละครับ กว่าจะบินไป สุขใจจริงหนอ

นี่คือนกใหม่ของผมครับ นกบั้งรอกแดง (Raffle's Malkoha) อยู่บนหัวเลย สุดยอดความน่ารัก สวยมาก แต่สภาพแสงแย่ครับ ไม่มีขาตั้ง แต่ก็เป็นภาพที่ผมชอบ



นกหัวขวานลายคอแถบขาว (Buff-necked Woodpecker) อีกชนิดหนึ่งที่หาชมไม่ง่ายครับ เรียกว่า เจอกันในระยะประชิด แต่สภาพแสงไม่อำนวย แต่แค่ได้เห็นก็สุขใจ นกใหม่อีกชนิดของผมครับ



ต้นไม้ทรงคุณค่า เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา อากาศที่บริสุทธิ์ ที่อาศัยของแมลง ของสัตว์หลายชนิด การตัดไม้ทำลายป่า เท่ากับเป็นการทำลายชีวิต และทำร้ายตัวเราเอง



ตัดมาที่อาหารบ้างครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

กินกันง่ายๆ แบบนี้ละครับ เอาข้าวใส่การห่อหุ้มของธรรมชาติ มิใช่พลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ อย่างนี้ผมเรียกว่า “คลาสสิค” อิอิ



อะอะ แต่ตกดึก ไม่มีนกแล้ว เราก็พอมีเวลาทำอาหาร นี่ครับ พอกินได้ไหม? มีฝีมือผมด้วย



ตัดมาที่อีกเหตุการณ์

ระหว่างกำลังเดินย่องตามเสียงนกที่เจื้อยแจ้วอยู่นั้น ผมก็สังเกตุเห็นอะไรล่วงลงมาจากต้นไม้สูงที่อยู่ด้านหน้า ต้นไม้นี้สูงประมาณตึก 3 ชั้นได้ แว่บแรกผมคิดว่า คงจะเป็นงูเขียวเป็นแน่แท้ เอะ มันจะหล่นลงมาฉกเราซะละมั๊ง ด้วยความที่เราน่ากินยิ่งนัก แต่มองอีกที อ้าว นั่นมันกิ่งก่า คิดดูละกันครับ ผมมีเวลาคิดสองตลบ ด้วยความสูงของต้นไม้ ผมนึกยกย่องเจ้ากิ่งก่าตัวนี้อยู่ในใจ ช่างเป็นความสามารถพิเศษที่ทำให้พวกเจ้าอยู่รอดในป่าได้ มันตกลงไปในพงต้นไม้สีเขียวเช่นเดียวกับสีของมัน แล้วเกาะนิ่งๆ ผมก็นิ่งเช่นกัน แล้วค่อยๆ มองหาตำแหน่ง จนเจอ ผมเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด เพื่อถ่ายรูป ระหว่างถ่ายผมสังเกตุพฤติกรรม ช่างน่ารักซะนี่กระไร มันค่อยๆ หันคอมองมาทางผมแบบทีละ 3 องศา คุณลองนึกภาพตาม มันไม่ได้หันควับในทีเดียว แต่ค่อยๆ หัน จากนั้นตาเจ้าเล่ห์นั้นก็หมุนขึ้น หมุนลง เก๋น่าดูครับ อิอิ



หลังจากถ่ายภาพเจ้ากิ้งก่าแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างคุ้น เอ๊ะ นั่นมันเสียงกระจิบหญ้าสีข้างแดง (Rufescent prinia) ผมเดินตามเข้าไป ก็ได้ภาพนี้มา บินมาเกาะร้องเรียกบนก้านกล้วย อย่างไม่เกรงกลัวมนุษย์หน้าตาแย่ๆ อย่างผม



อีกซักรูป หน้าหลัง นับเป็นนกที่มีเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ น่ารักดีครับ



การเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้เจอแต่นกครับ นี่คือ สองเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น สำหรับผม

เหตุการณ์ที่ ๑

ระหว่างที่ผมกำลังซุ่มถ่ายภาพ เจ้าปลีกล้วยเล็ก (Little Spiderhunter) ตัวนี้อยู่แถวๆ บ้านพัก



โดยก็ผมแอบอยู่ข้างรถ ซักพักได้ยินเสียงอะไรสักอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ เราก็นึกว่า เพื่อนคนจะกลับมาแล้ว แต่สักพัก ชักเอะใจ เอ ทำไมมาแล้ว ไม่ส่งเสียงเลยแฮะ เราก็นึกว่า เพื่อนคงจะเกรงใจ แต่ที่ไหนได้ หันหลังไปดู เจอตัวเงินตัวทองวัยหนุ่มมาอยู่ระยะ ไม่ถึง ๑ เมตร เมื่อสายตามาประสานกัน ต่างกันต่างตกใจ ผงะกันไป แล้วเจ้าตัวเงินตัวทองก็วิ่งหนีไป แหม เกือบโดนกินแล้วไหมละ สยองทีเดียว อิอิ

นี่หากโดนตัวเงินตัวทองกัดนี่ผมคงแย่เหมือนกัน ทราบมาว่า หากโดนกัด จะมีสารบางอย่างออกมาด้วย ประกอบกับความสกปรกในปากของเจ้าสัตว์เลือดเย็นชนิดนี้ จะทำให้แผลที่โดนกัดใช้เวลารักษาไม่น้อยครับ



เหตุการณ์ที่ ๒

เหตุการณ์นี้ตื่นเต้นระทึกใจยิ่งกว่าครับ เช่นเคย ผมเดินไปคนเดียว ค่อยๆ ย่องเบาแอบดูแบบคนโรคจิต แต่คราวนี้ ได้ยินเสียงดัง แกว้ก ๆๆๆ ดังลั่น แหม ไม่รู้จะเขียนยังไง ให้ตรงกับสิ่งที่ได้ยิน แว่บแรกผมนึกถึงนกเงือก ยังไงเราก็นึกถึงนกก่อน แต่พอตามเสียงเข้ามาเรื่อยๆ

เอ ไม่ใช่ละ แหล่งกำเนิดเสียงค่อนข้างต่ำ นกเงือกจะลงมาเกือบถึงพื้นอย่างนี้รึ เข้าไปอีกสักนิด ผมก็เจอเจ้านี่ละครับ ผมเจอ หมาไม้หนึ่งฝูง กระโดดกันอย่างว่องไว มากินน้ำ หรืออะไรสักอย่าง

ผมหลบอยู่ ได้แต่มองอย่างเดียว สักพักค่อยๆ ขยับกล้อง เพื่อความคล่องตัว ผมไม่เอาขาตั้งเข้าไป สภาพแสงก็แย่มากๆ คือ เรียกว่า มืดเหมือนตอนจะพลบค่ำ เพราะป่ามีความทึบมาก เลยได้ภาพนี้มาแบบไม่แจ่ม



*จะสังเกตุได้ว่า ภาพมีอะไรขาวๆ อยู่ตรงกลาง เพราะผมถ่ายผ่านสิ่งกีดขวางที่อยู่หน้าเลนส์

ฝูงนี้มีอย่างน้อยก็ ๕ ตัว ผมนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่เลยครับ สังเกตุว่าพวกเขาทำอะไรแน่ ด้วยความที่พวกเขาลงต่ำ และมีหินก้อนใหญ่บังอยู่ ผมจึงไม่สามารถเห็นได้ว่า พวกเขาทำอะไร แค่มากินน้ำ หรือว่า กินสัตว์อะไร

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงค่อยๆ ขยับ แต่มนุษย์หรือจะสู้สันชาตญาณสัตว์ พวกเขามองเห็นผมแล้ว ต่างก็ค่อยๆ วิ่งขึ้นมาแล้วทีละตัว กระโดดหนีไปอย่างรวดเร็วมากๆ

ณ ตอนนั้น ฝนได้โปรยปรายลงมา ผมก็รีบจัดแจงเอาถุงพลาสติกออกมาเพื่อคลุมกล้องและเลนส์ ขณะเดียวกัน ตาก็มองไปหาเจ้าหมาไม้ทั้งหลายว่าวิ่งไปทางไหนกันบ้าง

เจ้าหมาไม้ตัวหนึ่ง วิ่งกลับมาทางผม คงจะดูให้แน่ว่า ตัวอะไรที่มาทำให้พวกข้าตื่นกลัว

ผมไม่รอช้า ทิ้งถุงพลาสติก ยกกล้องถ่าย ได้ภาพนี้มา แล้วเจ้าหมาไม้ก็โกยแน่บไป ผมก็รีบออกจากตรงนั้นทันที ไม่แน่ใจว่า จะมีตัวอะไรอีกไหม สภาพแสงก็ต่ำมากๆ ฝนก็ตกด้วย

ผมเพิ่งเคยเจอหมาไม้เป็นครั้งแรกครับ นึกเล่นๆ ดู นี่ถ้ามันมารุมผม ผมคงไม่รอดน่ะนะ โชคดีที่ต่างคนต่างไป หมาไม้เป็นสัตว์ที่กินเนื้อ ปกติจะกินสัตว์ขนาดเล็ก แต่ถ้าได้กินผม น่าจะอิ่มท้องได้หลายวันทีเดียวละ



จบเหตุการณ์น่าตื่นเต้นไปแล้ว อะไรนะ ไม่ตื่นเต้น? ก็ได้ ตื่นเต้นคนเดียวก็ได้!!

นกเด่นๆ ที่เขามาเจอกันก่อนหน้า เช่น นกคอสามสี ผมไม่มีโอกาสได้เจอหรอกครับ แม้พี่แดง เจ้าหน้าที่ใจดีจะช่วยพาเดินแล้ว แต่เนื่องจากพื้นที่หากินของเจ้าคอสามสี มิใช่แคบๆ แต่สำหรับผมแล้ว ไม่เคยผิดหวัง เพราะไม่ได้หวังอะไร เจอก็เจอ ไม่เจอก็ไว้โอกาสหน้าครับ เรายังคงมีความสุขได้ดังเดิม สุขได้ทุกการเดินทาง

เอาภาพนกอีกสักชุดเป็นไรไป เริ่มจากนกโพระดกคางแดง (Red-throated Barbet)



ชนิดเดียวกับกับตัวข้างบน แต่ให้เห็นหน้าตากันหน่อยครับ



ปรอดโอ่งแก้มเทา (Grey-cheeked Bulbul)



การเดินทางสู่น้ำตกกรุงชิง

ขอเล่าถึงการเดินทางสู่น้ำตกกรุงชิง ซึ่งเป็นของดีของดังของพื้นที่ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่น้ำตกนี้อยู่บ้างครับ แต่ไม่มากนัก เนื่องจากหากใครจะเดินไปชมน้ำตก จะต้องเดิน ๓.๗ กิโลเมตร อะอะ คุณอาจจะคิดว่า หมูๆ อย่าลืมนะครับว่า ต้องบวกขากลับด้วย รวมเป็น ๗.๔ กิโลเมตร แต่เป็น ๗.๔ บนทางไม่ปกติ มีขึ้นแบบชันมากๆ มีลงแบบสะท้านหัวเข่า และที่สำคัญ ยังมีอุปกรณ์ถ่ายภาพและสัมภาระที่หนักร่วมๆ ๘ กิโลกรัมติดไปด้วย ผมมีเวลาประมาณ ๔-๕ ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจาก ต้องรีบกลับมาเก็บของเพื่อเดินทางกลับ

สู้ สู้ “น้ำตกจ๋า ข้ามาแล้ว”



สัมภาระที่มักติดไปเวลาดูนก ดังที่เห็นครับ แต่นี่ยังไม่รวมที่คาดเอวไว้ ซึ่งมีน้ำหนักอีกพอควร

*ตอนที่เดินไปน้ำตก ผมสละแอบซุกขาตั้งกล้องเอาไว้ข้างทาง เพื่อลดน้ำหนักแบก นี่หากโดนโขมยไปคงฮาน่าดู



ระหว่างทางมีป้ายบอกชื่อด่านที่ใช้เป็นชื่อเรียก กรุงชิงเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิรบ



เหลืออีกพันเมตรเท่านั้น ขำๆ แต่พอได้สติกลับมา เฮ้ย พันเมตรในป่านะ ใจเริ่มปรุงแต่งใช้คำว่า ”ตั้ง” พันเมตรแทนคำว่า “แค่” ถือเป็นป้ายให้กำลังใจเมื่อแรกเห็น แต่ลดทอนกำลังใจในตอนจบ :-D



ในที่สุดพันเมตร ผมก็เดินถึง โดยเรียกว่า จ้ำ กันไม่หยุด หากไม่เจอนกแบบจังๆ แล้ว ขอไม่หยุดเดิน เกรงว่าจะหมดเวลาซะก่อน

ภาพดอกไม้สวยระหว่างทาง ดอกไม้ช่วยให้กำลังใจผมเสมอ ดอกไม้เป็นผู้ให้อย่างแท้จริงสำหรับผม หากคุณทำดีแล้ว คุณไม่ต้องทำอะไรนอกจากรักษาความดีของคุณไว้ คนอื่นย่อมสัมผัสความสวยงามของคุณได้ ดอกไม้สวยในตัวเอง บานเมื่อยามเหมาะสม ให้กลิ่นหอม ให้สัตว์หลายชนิดได้พึ่งพิง ทำให้เห็นความสวยงามของโลกใบนี้ ขอบคุณดอกไม้



ตัดมาที่การเดินทางต่อ



นี่ละครับ ผมนึกว่าจะถึงแล้ว แต่พอเจอว่ามีอีกเจ็ดชั้น … รวมระยะทางเดินไปกลับ คงไม่น้อยกว่า ๘ กิโลเป็นแน่

นึกในใจว่า เอ ต้องเดินถึงเจ็ดชั้นเลยไหมว้า แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องเดินต่อ แต่หากเดินต่อไม่ไหว เอาซัก ๔ ชั้นก็ละกัน อันนี้นึกในใจ

หลังจากแวะพักประมาณสองสามนาทีเพื่อพักกล้ามเนื้อและดื่มน้ำเติมพลัง จากนั้นผมก็เดินต่อ เสียงน้ำตกที่ทรงพลัง เสียงสายน้ำที่ไหลแรง เป็นดั่งกำลังใจให้เดินต่อ อย่าหยุด อย่าท้อ เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นอะไรดีๆ

ทางเดินสู่ชั้นต่างๆ ของน้ำตกนั้น ถือว่า ไม่ธรรมดา จริงๆ ครับ แม้จะเป็นบันไดปูนเป็นระยะ แต่ด้วยความชัน ผมต้องค่อยๆ เดิน การเดินขึ้นลงที่ชันแบบนี้ ไม่ควรทำเก่งครับ เพราะกล้ามเนื้ออาจจะอักเสบได้ง่ายๆ ค่อยๆ เดิน หยุดเมื่อคุณรู้สึกว่า กล้ามเนื้อเริ่มตึงเริ่มล้ามาก

ระหว่างทางอาจมีความคิดว่า เออ แค่นี้พอ แต่อีกใจก็ ไหนๆ มาแล้ว

ในที่สุดก็ลากสังขารมาถึงครับ ชั้นที่ ๗ ของน้ำตกกรุงชิง โอ้ พระเจ้า มันยิ่งใหญ่มาก



มุมในการถ่ายอาจจะดูว่า น้ำตกไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากเขาสร้างที่พักเอาไว้ในระดับสูง

ผมไม่ได้เอาเลนส์ที่เหมาะสมไปด้วย ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องเล็ก แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำนั้น มีแต่ความประทับใจ หายเหนื่อย เสียงน้ำ “ตก” ลงกระทบหิน กระทบน้ำเบื้องล่าง แหล่งน้ำตามธรรมชาติที่สำคัญ นี่ไงครับ ความสำคัญของป่าไม้ เพราะน้ำเหล่านี้ ก็คือน้ำที่ไปสู่คูคลองหนองบึง เอามาให้พวกเราดื่มกินในที่สุด เราต้องช่วยกันอนุรักษ์ต้นน้ำ และอย่าใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง

ที่พักชมน้ำตก



ป้าย “หนานฝนแสนห่า”



ลองอ่านกันดูครับ นี่คือน้ำตกที่อยู่ในธนบัตรหนึ่งพันบาท เมื่อหลายปีมาแล้ว ใครยังมีอยู่บ้างไหมครับ?

ผมยังได้เจอนกสามชนิดที่บริเวณน้ำตกด้วย เป็นนกกาน้ำหนึ่ง นกเด้าลมหลังเทาหนึ่ง และอีกชนิดไม่สามารถระบุ เนื่องจากเวลาเห็นน้อย เขาจับปลามากินได้ แต่มุมที่มองเห็นนั้นแว่บเดียว หากเป็นนักดูนกที่มีประสบการณ์มากๆ จะสามารถระบุได้แน่นอน

หลังจากชื่นชมความสวยงามเสร็จแล้ว และหายเหนื่อแล้ว ผมก็เดินทางกลับ ขากลับนี่ก็สุดยอดทีเดียวครับ แต่ก็กลับมาทันเวลาที่นัดหมายไว้

เขียนซะยืดยาวทีเดียวคราวนี้

ขอแทรกธรรมะจากธรรมชาติ



ความสนุก ความประทับใจเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องเกิดในป่าในธรรมชาติ แต่ความสุขมีหลายระดับ และหลายรูปแบบ การเดินทางเข้าสู่ธรรมชาติเป็นดั่งการพาเรากลับบ้าน อย่าลืมว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราคิดว่า เรามีเงินทอง เรามีความสุขมากมายแล้ว แต่จริงๆ แล้ว เราอยู่กับเรื่องสมมุติเท่านั้น และความสุขของเราก็สมมุติ (สมมุติยังมีหลายระดับอีก ''-_-) การสร้างชีวิตให้ซับซ้อน การอยู่กับวัตถุและสรรเสริญในการมีของวัตถุ เราจะยิ่งห่างจากความสุขที่แท้จริง

ความสุขในอีกระดับ เกิดจากความเรียบง่าย ความสงบ ความรัก ความเข้าใจ หาใช่วัตถุอันเลิศเลอไม่

ขอจบกันด้วยภาพของดวงจันทร์แห่งกรุงชิง พระจันทร์ไม่ต้องเต็มดวง แต่หากใจเราเต็มครบแล้ว ดวงจันทร์ย่อมเฉิดฉาย ส่องแสงกระทบหัวใจของเรา จรรโลง และส่องทะลุเปลือกนอกที่ครอบคลุมจิตใจของเรา และในวันหนึ่งธรรมชาตินี้จะกระเทาะเอาเปลือกออกไป นำเราให้พบสุขแห่งการเกิดมาอย่างแท้จริงได้

ขอให้มีความสุขทุกคนนะครับ




Create Date : 12 กันยายน 2552
Last Update : 12 กันยายน 2552 19:32:15 น. 5 comments
Counter : 1381 Pageviews.

 
น้ำตกสวยจังค่ะ
จขบ ถ่ายภาพได้สวย คมชัดมากเลยค่ะ


โดย: Petite Elisa วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:3:00:59 น.  

 
ขอบคุณค่ะสำหรับภาพสวยๆ เรื่องอารมณ์ดี มีแง่คิด โดยเฉพาะอุปมาเปรียบกับพระจันทร์ เห็นด้วยค่ะว่าธรรมชาติได้ให้และสอนอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเรา แต่เราจะหันกลับไปคิดถึงธรรมชาติและตอบแทนเค้าบ้างไหม :)


โดย: ความสุขเล็ก ๆ IP: 149.159.14.51 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:3:41:02 น.  

 
นกกระจิบน่ารักดี


โดย: nuchock วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:14:14:01 น.  

 
ถ่ายภาพสวยจังค่ะ บรรยายน่าสนใจ น่าจะรวมเล่มนะคะ น่ารักมาก ๆ เอ๊ะ หรือรวมแล้ว


นางพญาเคยไปพิชิตน้ำตกกรุงชิงมาเหมือนกัน ประทับใจค่ะ แถมระหว่างเดินทางฝนก็ตกด้วย ลื่นล้มได้แผลได้เลือด แต่ก็ไปจนถึงค่ะ เหนื่อยมากกกกก


โดย: นางพญา...ผู้สง่างาม IP: 180.183.197.38 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:12:15:47 น.  

 
อยากมีโอกาสไปบ้างจัง เจ้าลูกชายร่ำร้องอยากไปดูนกที่โน่น มาก มาก เล้ย


โดย: stone&stick วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:23:23:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โชคดีที่เกิดมา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ธรรมชาติ ธรรมะ ดนตรี กีฬา หนัง หนังสือ เป็นสิ่งที่ชอบ เชื่อว่า ชั่วขณะเดียวเท่านั้นที่เรามีชีวิตอยู่ ก็คือปัจจุบัน - ชีวิตไม่มีวันพรุ่งนี้
Friends' blogs
[Add โชคดีที่เกิดมา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.