Group Blog
 
All blogs
 
เปลวไฟในฝัน ตอน 1-2




เ ป ล ว ไ ฟ ใ น ฝั น


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์


ตอนที่ 1

ถนนที่ทอดผ่านยาวเข้าสู่ตัวเมืองของจังหวัดที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในภาคเหนือ
บัดนี้กลับเงียบสนิทปราศจากผู้สัญจรผ่านไปมา
เป็นระยะเวลานานทีเดียวกว่าจะมีรถยนต์คันใดแล่นผ่านมา

“ปรื้น........”
เสียงเครื่องยนต์จากรถสปอร์ตคันหนึ่งดังกระหึ่มเข้ามา

“จำปา” หญิงสาวในชุดสีน้ำเงินเข้มละสายตาจากงานตรงหน้าหันมองที่มาของเสียงอย่างแปลกใจ
แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อกระป๋องเบียร์ใบหนึ่งถูกโยนออกมาจากรถเฉียดหน้าเธอไปตกลงในถังขยะอย่างพอดิบพอดี

“วู้ วู้ วู้! “
เหล่าวัยรุ่นชายหญิงที่อยู่ในรถสปอร์ตคันงามพากันเฮลั่น ....
เจ้าของรถผู้ขว้างกระป๋องที่ดวงตาฉ่ำเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ้มอย่างภูมิใจ
เขาเข้าเกียร์ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว...
จำปาและเพื่อนร่วมงานที่สูงวัยกว่ามองตามรถคันนั้นอย่างอ่อนใจ

“เฮ้อ...เด็กสมัยนี้...ไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่เลยหรือไง กว่าจะหาเงินมาซื้อรถ ซื้อของแพงๆพวกนี้ประเคนให้ ต้องเหนื่อยยากแค่ไหน แล้วดูมันทำตัวกันสิ ทั้งซิ่งรถ กินเหล้า เมายา ...ทำแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น ”

หญิงสาวที่มีชื่อเหมือนดอกไม้พลอยสะท้อนใจตามไปด้วย เธอเห็นด้วยกับเพื่อนรุ่นพี่ทุกประการ

สมัยนี้เงินทองหายากแค่ไหน ทำไมเธอจะไม่รู้....
เธอต้องทำงานต่ำต้อย ในเวลาที่ทุกคนหลับใหลเช่นนี้เพราะเหตุใดเล่า ถ้าไม่ใช่เงินตราไปจุนเจือครอบครัว

จำปากวาดรวบรวมเศษขยะมาไว้รวมกันก่อนจะนำไปทิ้งที่ถังขยะใบใหญ่ใบหนึ่ง....อาชีพพนักงานรักษาความสะอาด หรือ คนกวาดถนน อาจจะเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำในสายตาคนทั่วไป

แต่สำหรับคนที่ขาดแคลนทั้งทุนทรัพย์และการศึกษาอย่างเธอ การได้งานที่มีเงินเดือนประจำเช่นนี้ถือว่าโชคดีมหาศาล

“พี่ทำงานมานาน เคยเจออะไรดีๆจากในถังขยะบ้างไหม “
จำปาชวนเพื่อนร่วมงานคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอันตึงเครียดเมื่อครู่

“เช่นอะไรวะ” หญิงสาววัยกลางคนที่ยังคงหงุดหงิดมองจำปาอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แบบว่า ถุงใส่เงินสักล้านหนึ่ง เศรษฐีเขาทิ้งผิดถุงอะไรเงี้ย”

หญิงวัยกลางคนหัวเราะในลำคอเล็กน้อย มองดูจำปาที่เพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก...เด็กใหม่นอกจากจะไฟแรงแล้วยังช่างฝันไม่เบาอีกด้วย

“หึ ความจริงก็ถูกของเอ็งนะ ในถังขยะที่มาจากคนร้อยพ่อพรรค์แม่เนี่ย มีอะไรดีๆอยู่เหมือนกัน

มีอยู่วันหนึ่งข้าเจอล็อตเตอรี่ทิ้งมาพร้อมกับเรียงเบอร์ แกรู้ไหม มันถูกรางวัล แต่เจ้าของตรวจไม่เจอ เพราะมันเป็นเลขข้างบน”

“รางวัลที่ 1หรือ” จำปาถามอย่างตื่นเต้น
“ถ้าเป็นงั้นจริง ข้าจะมากวาดถนนทำไม แค่รางวัลรองๆลงมาน่ะ ข้าเอาไปไถ่ที่นา เสร็จ
แล้วไอ้ลูกล้างลูกผลาญก็เอาไปจำนองต่อ ไปๆมาๆก็กลับมากวาดถนนเหมือนเดิม”

เจ้าตัวหัวเราะกับลมกับแล้งเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเหมือนเดิม แต่จำปานึกสนุก วางไม้กวาด ยกมือขึ้นพนมขอพรกับเขาบ้าง

“งั้นคุณพระคุณเจ้า อีจำปาขอสาบานว่าจะเป็นคนดีตลอดไป ขอให้เจอหวยรางวัลที่ 1 ให้ได้เงินเยอะๆเยอะยิ่งกว่าพี่อีก เพี้ยง.....”

จำปาลดมือลงล้วงลงไปในถังขยะใบใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า มือก็ควานหาของดีที่อยู่ในนั้น แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องแปลกใจที่จู่ๆมือของตนเองได้สัมผัสกับอะไรบางอย่าง ที่อุ่นๆและดิ้นได้

“ตายโหง”
จำปาหน้าซีด....สิ่งที่เธอสัมผัสคืออะไรหนอ หญิงสาวรีบโกยทุกอย่างออกมาจากถังขยะอย่างรวดเร็ว

“แย่แล้วพี่ มาช่วยหน่อยเร็ว”
จำปาตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานมาช่วย ทั้งสองช่วยกันโกยขยะทั้งหลายแหล่ออกมาจากถังขยะ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาจำปาคือทารกเพศชายอายุไม่เกินหนึ่งเดือนนอนหลับอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ไม่ได้ปิดซิบที่อยู่ก้นถังขยะ

จำปาตกตะลึง
“คุณพระคุณเจ้าช่วย !!! “

เด็กชายตัวน้อยถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งเด็กไปยังหน่วยงานด้านนี้โดยเฉพาะ แต่จำปารู้สึกถูกชะตากับเด็กชาย จึงทำเรื่องพาตัวเด็กกลับไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อเป็นบุตรของตนอีกคน

“ฉันอธิษฐานขอล็อตเตอรี่ แต่ดันได้เด็กคนนี้มา ถ้าฉันเลี้ยงเขา แล้วเขาโตขึ้นเป็นคนดี เป็นเจ้าคนนายคน แบบนี้ก็แปลว่า ฉันถูกหวยรางวัลที่1 สมดังคำอธิษฐาน”

จำปาคิดเช่นนั้น แต่”สมชาย” ผัวขี้เหล้าของหญิงสาวกลับคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“อีบ้า เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นใคร ถึงไปขอเด็กมาเลี้ยง มีไอ้บัวคนเดียวก็หาแทบไม่พอยาไส้แล้ว !!! ”

สมชายโวยวาย หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ยอมให้จำปารับเด็กคนอื่นมาแบ่งกินแบ่งใช้เงินที่ควรจะเป็นของเขาเด็ดขาด ....

ตั้งแต่แต่งงาน สมชายก็ดำรงตนเป็นชาวเกาะ เลี้ยงดูเมียด้วยลำแข้ง เขาเอาแต่รีดไถ่เงินจำปาไปซื้อเหล้า ถ้าไม่ได้ก็ลงไม้ลงมือตามอัธยาศัย

ตอนนี้เขาและเธอมี”บัว” บุตรชายวัยเดือนเศษ...เงินส่วนแบ่งที่เขาจะได้ต้องถูกหารไปเป็น
ค่าเลี้ยงดูลูกน้อย ขืนมีเด็กบ้านี่อีกคน มันจะเหลืออะไร???

แค่คิดสมชายก็หงุดหงิดใจแทบคลั่ง เขาใช้กำลังตบตีจำปาให้นำตัวเด็กไปคืนให้กับตำรวจ แต่จำปาพยายามอ้อนวอน หญิงสาวรีบล้วงเงินหลายร้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้สมชาย

“นี่เงินพี่ เงินทั้งนั้นเลย ฉันยังมีทองอีกเส้นซ่อนเอาไว้ที่ใต้ฟูกนอนฉันยกให้พี่หมดเลย ขอ
อย่างเดียวให้ฉันเลี้ยงเด็กคนนี้นะพี่นะ”

“นี่เอ็งยังเหลือทองอีกเส้นหรือ” สมชายตาโตแทบลืมทุกอย่าง เขาหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าจำปาแอบซ่อนทองไว้ ฝ่ามือหนาๆของสมชายฟาดเข้าที่หน้าจำปาอย่างแรง

“หนอยหมกเม็ด นี่แน่ะ หมกเม็ด”
จำปาเจ็บจนน้ำตาซึม เธอรีบนำเงินทองที่มีทั้งหมดมาให้สมชาย ชายใจร้ายอย่างเขาอารมณ์ดีขึ้นมาทันที

“เอ็งจะเลี้ยงไอ้เด็กคนนี้ก็ได้ แต่เอ็งต้องไปหาเงินมาเพิ่ม ถ้าเดือนไหน ปล่อยให้ลูกกับผัวลำบากล่ะก็ ข้าจะเอาเด็กไปทิ้งทันที”

“ได้จ๊ะได้ ฉันสัญญาจ๊ะ”
จำปารีบพยักหน้ายกมือไหว้รับคำ สมชายพยักหน้าพอใจ เขารีบนำเงินทองทั้งหมดไปซื้อน้ำเมา...สิ่งเดียวในโลกที่เขาสนใจ

จำปาถอนใจโล่งอก เธอกอดจูบเด็กทารกทั้งสองที่อยู่ในอ้อมอกอย่างรักใคร่

“ลูกแม่ ในที่สุดแม่ก็มีลูกอีกคน…บัวจ๋า ตั้งชื่อน้องเขาว่าอะไรดีจ๊ะ ชื่อกุหลาบดีไหม บัวและกุหลาบ เป็นเด็กผู้ชายสองคนที่มีชื่อเป็นดอกไม้เหมือนแม่ไง แต่อย่าเป็นตุ๊ดนะลูก… “

จู่ๆเด็กทั้งสองร้องไห้ดังขึ้นเหมือนจะฟังรู้เรื่อง จำปาหัวเราะอย่างมีความสุข

“โอ๋โอ๋ทำเป็นงอน แม่ล้อเล่น …ลูกสองคนแม้ไม่ได้ร่วมสายเลือด แต่ก็กินนมจากแม่เดียว
กัน ลูกต้องรักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ นะลูกนะ”

จำปากอดจูบเด็กชายทั้งสองอย่างรักใคร่ แต่พอมองกล่องเก็บเงินที่บัดนี้เหลือแต่ความว่างเปล่าเพราะสมชายเอาเงิน เอาทองไปหมดก็เศร้าใจ ไหนจะรอยช้ำตามตัวและที่มุมปากอีกเล่า

จำปามองลูกรัก น้ำตาคลอ....
“แม่มันโง่ มีผัวผิด คิดจนตัวตาย ชีวิตของแม่เกิดมามืดมน มีแต่ลูกเท่านั้นที่จะเป็นแสงไฟส่องทางให้คนไม่มีอนาคตอย่างแม่ โตขึ้นเป็นคนดี เป็นเปลวไฟนำทางให้คนอาภัพอย่างแม่นะลูก.....”

ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กทารกทั้งสองยิ้มแย้ม ส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนจะรับรู้....

วันเวลาผ่านไป บัว และ กุหลาบ เติบโตขึ้นด้วยความรักของผู้เป็นแม่ จำปาไม่เคยปริปากถึงความเหนื่อยยากในการเป็นผู้หาเงินมาเลี้ยงดูสมาชิกทุกหน่วยในครอบครัวสักนิด สิ่งเดียวที่เป็นแรงใจให้จำปามีพลังในการดำเนินชีวิตคือ....ลูกรักทั้งสองของเธอเป็นคนดี ถึงแม้ทั้งสองจะมีนิสัยใจคอแตกต่างกันมากก็ตาม

“บัว”เป็นเด็กอ่อนโยน เรียบร้อย เรียนเก่ง อดทนต่อทุกสิ่ง ผิดกับ”กุหลาบ” เงียบขรึม เหมือนสีหน้าเข้มๆของเขา กุหลาบไม่คิดจะทนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แถมยังสอบได้ที่โหล่เกือบทุกวิชา

วันหนึ่งสมชายตบตีจำปาอย่างหนักเพราะเหตุจำปาไม่มีเงินให้ไปซื้อเหล้าเหมือนอย่างเคย

ด.ช.บัว และด.ช.กุหลาบออกดิ้นรนช่วยแม่ด้วยวิธีที่ต่างกัน บัววิ่งไปสถานีตำรวจ เพื่อแจ้งให้ตำรวจมาจับพ่อแท้ๆของตัวเอง แต่กุหลาบกลับทำตรงกันข้าม เขาเอาขวดเหล้าฟาดหัวสมชายหัวแตก แล้วพาแม่วิ่งหนี

สมชายถูกจับตำรวจจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง
“ฉันให้มันอยู่ได้แค่คืนเดียวนะ นอกจากเอ็งจะแจ้งความจับมัน” ตำรวจยศจ่านายหนึ่งบอกกับจำปาที่หน้าตาบวมปูดยับเยินอย่างเห็นใจ...บัวและกุหลาบก็อยู่ใกล้ๆแม่ไม่ทิ้งกันไปไหน

“จับแล้วยังไงล่ะพี่จ่า” จำปาหน้าเศร้า รู้ดีว่ากฎหมายคงช่วยให้ตนพ้นจากผัวชั่วๆอย่างสมชายไม่ได้

“ทำร้ายร่างกายระหว่างผัวเมีย ข้าคงจับมันติดคุกตลอดชีวิตไม่ได้หรอก”

“มันอยู่ในคุกไม่นาน ก็ออกมาตบตีฉันได้อีกใช่ไหม”
จำปาหน้าเศร้า จ่ามองดูจำปาและลูกน้อยอย่างเวทนา จ่าขยี้หัวบัวยิ้มๆ ประทับใจในวีรกรรม

“ลูกสองคนของเอ็งนี่ไม่เลว คนหนึ่งวิ่งมาหาตำรวจเพื่อแจ้งความจับพ่อตัวเอง ส่วนอีกคน…ตัวเท่าลูกหมา กล้าตีหัวคนจนเลือดอาบ ไอ้สองคนนี้ท่าจะอนาคตไกล แต่จะไกลแบบไหนข้าไม่รู้นะโว้ย”

จ่าหัวเราะไปตามเรื่อง แต่สามแม่ลูกยังเศร้า ...แต่แล้วจำปาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ขอทนอยู่เป็นกระสอบทรายให้สมชายซ้อมอีกต่อไป ไหนจะความปลอดภัยของกุหลาบอีกเล่า

กุหลาบ...เด็กชายที่ผัวของเธอเกลียดเข้ากระดูกดำทำร้ายเขา สมชายคงไม่ปล่อยจำปา
และกุหลาบไว้แน่

“เราต้องไปจากที่นี่ ช่วยกันเก็บของเร็วเข้า”
จำปาหยิบข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางอย่างเร่งรีบ
“เราจะหนีหรือแม่...จะทิ้งพ่อหรือฮะ” บัวถามอย่างสงสัย

“คำว่าพ่อ สักแต่ให้กำเนิดไม่ได้หรอกบัว ตัดใจเสียเถอะ”
บัวพยักหน้า เขาทนเห็นรอยช้ำบนใบหน้าสวยๆของแม่ต่อไปไม่ไหวเช่นกัน

จำปาพาบัวและกุหลาบไปที่สถานีรถไฟหวังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่แล้วสมชายที่ออกจากห้องขังก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่สามคนแม่ลูกจะขึ้นรถไป

“อีจำปาเอ็ง ตายแน่วันนี้ !! “
สมชายตรงเข้าไปจะทำร้ายจำปา แต่เมื่อมองเห็นกุหลาบก็เปลี่ยนใจ

“ไอ้กุหลาบ ถ้าวันนี้ข้าไม่เอาเอ็งตายคามือ ข้าไม่ใช่คน ! “
สมชายถือไม้ตรงเข้าไปเล่นงานกุหลาบแทน จำปาเข้ามาช่วยเหลือกุหลาบราวแม่เสือที่คอยปกป้องลูก

“กุหลาบหนีไป อนาคตอยู่ข้างหน้าลูก วิ่งไปหาบัว”
จำปาชี้รถไฟที่รออยู่ข้างชานชลา มันจะรอพวกเธออีกไม่นานนัก

จำปาพยายามยื้อยุดสมชายไว้ เด็กชายทั้งสองละล้าละลัง พวกเขาไม่ยอมทิ้งแม่ไว้ที่นี่เด็ดขาด บัวตรงเข้าไปอ้อนวอนพนักงานที่ดูแลรถไฟให้รอคอยแม่ของตน

“พี่ครับ ผมไหว้ล่ะครับ อย่าเพิ่งไปเลยนะครับ รอแม่ผมก่อนนะพี่”
“เฮ้ยรถไฟนะโว้ย ไม่ใช่รถเข็นขายโอเลี้ยง จู่ๆจะมาเรียกให้จอด ถ้าไม่ไปก็ถอยไป ไป๊”

บัวถูกผลักกระเด็นล้มไป คำอ้อนวอนของเขาช่วยอะไรไม่ได้ กุหลาบจึงตัดสินใจหยิบหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทุ่มลงไปที่หัวของสมชายบริเวณแผลเดิม

“โอ๊ย ! “สมชายล้มลงอย่างเจ็บปวด
สามคนแม่ลูกอาศัยจังหวะนี้หนีขึ้นรถไฟไปอย่างรวดเร็ว สมชายมองตามทั้งสามที่ขึ้นรถไฟหนีไปอย่างสุดแค้น

“อีจำปา เอ็งคิดผิดแล้วที่ต่อสู้เพื่อเด็กคนนั้น ไอ้เด็กเก็บมาจากถังขยะคนนี้มันเป็นลูกเสือ ลูกตะเข้ ข้าที่เลี้ยงมันมา มันยังทำได้ลงคอ นับประสาอะไรกับเอ็ง…กับไอ้บัว ! “ สมชายตะโกนลั่น กุหลาบได้ยินแล้วตกใจไม่น้อย ดวงตาในกรอบหน้าสีเข้มตื่นตกใจ

“แม่ ....” เด็กชายหันไปมองแม่เหมือนจะถามว่าจริงหรือ

จำปาและบัวนิ่งอึ้ง คำด่าของสมชายกดดันสามแม่ลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะกุหลาบเองก็มีแววเกเรจริงๆ ไม่มีใครล่วงรู้กาลอนาคตว่ากุหลาบจะเติบโตขึ้นเป็นคนดีหรือร้ายกันแน่

สมชายตะโกนด่าต่อไป

“เอ็งดูมันไว้เถอะ คนอย่างมันไม่มีวันได้ดีเท่าไอ้บัว แล้วมันจะอิจฉาบัว จะขัดขวางไอ้บัวไม่ให้มีความสุขความเจริญ สักวันเอ็งจะเสียใจที่เลี้ยงดูมัน เอ็งจะเสียใจที่เลือกมันแทนที่จะเลือกข้า”

จำปาหน้าเครียด บัวตัดสินใจวิ่งไปที่หน้าต่างรถไฟ ตะโกนโต้ตอบพ่อเสียงดังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ไม่จริง ! กุหลาบ รักผม รักแม่ ได้ยินไหมพ่อ กุหลาบเป็นคนดี !”

“อีจำปา เอ็งได้ยินข้าไหม ข้าขอทำนายไว้เลย เมื่อไหร่ที่มันโตขึ้น มันจะเปลี่ยนไป มันจะทำร้ายไอ้บัว มันจะนำความฉิบหายมาให้เอ็ง ! “

“ไม่จริง ฮือ …ไม่จริง”
กุหลาบเริ่มน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอ...เด็กที่อดทนอย่างเขาร้องไห้ครั้งแรกในชีวิต

จำปาคว้าตัวกุหลาบมากอดไว้แนบอก
“อย่าไปฟังกุหลาบ อย่าไปฟัง ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้ ไม่มีทาง ! “

จำปาเชื่อมั่นว่าความรักของเธอที่มีต่อกุหลาบจะเป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งไม่ให้เด็กชายเดินทางผิดได้ แต่กุหลาบผู้เข้มแข็งยังคงเสียใจ น้ำตาไหลเป็นทาง....คำพูดของสมชายเหมือนกับเข็มหมุดที่ตอกลงในหัวใจ คงไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมเลือนมัน

กุหลาบถูกตราหน้าไว้ว่าเป็นคนเลวเสียแล้ว แต่อนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรคงขึ้นอยู่กับโชคชะตา .....ตัวเขาเอง หรือแม้แต่จำปาหรือบัวก็สุดจะหยั่งถึง...



ตอนที่ 2

รถไฟสายเหนือแล่นเข้ามาจอดยังชานชลาที่เป็นจุดหมายปลายทาง หลังคารูปโค้งของสถานีรถไฟอันใหญ่โตแห่งนี้ทำให้จำปารู้ว่าตนและลูกได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายเรียบร้อยแล้ว

จำปาจูงมือบัวและกุหลาบลงจากรถไฟอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี...ตั้งแต่เกิดมา เธอเคยเดินทางออกจากจังหวัดบ้านเกิดเสียที่ไหนกัน

บรรยากาศของเมืองหลวงแตกต่างกับสถานที่ที่เธอเพิ่งจากมาอย่างลิบลับ ทั้งใหญ่โต และสับสน วุ่นวาย จำปาคิดหนักว่าตนเองทำถูกหรือไม่

แต่….
เมื่อเลือกที่จะเดินหน้าแล้วจะถอยกลับไปใย....

จำปาฮึดสู้ เธอต้องไม่เหวี่ยงตัวเองลงนรกขุมเดียวกับสมชายอีก !

“บัว กุหลาบ….ฟังแม่นะลูก ที่ที่เราจากมาคือนรก เราจะไม่มีวันกลับไปอยู่แบบนั้นอีกแล้ว ชีวิตเราสามคนต่อไปนี้ จะมีแต่โชคดี จะมีแต่ความสุข เชื่อแม่นะลูก เชื่อแม่”

จำปาพาลูกรักทั้งสองอพยพเข้าไปอาศัยอยู่ที่”ชุมชนลานดอกหญ้า” ชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ แหล่งรวมอาชญากรรม ยาเสพติดและผู้คนเหลือขอ… สมชื่อ”ต้นหญ้า”....สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีราคา แต่ จำปาพร่ำสอนลูกชายทั้งสองให้เป็นคนดี ไม่ทำผิดไปตามสิ่งแวดล้อม เธอเชื่อมั่นว่า

“หากคนจนที่ไม่เคยมีอะไรอยู่แล้ว ยังไม่เหลือแม้แต่ความดี คนจนก็ไม่มีคุณค่าใดๆที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้อีก “

ชีวิตของจำปาและลูกทั้งสองเริ่มลืมตาอ้าปากได้ที่ลานดอกหญ้านี้นี่เอง

ด.ช.บัว สอบได้ที่หนึ่งทุกเทอม เขาช่วยจำปาทำร้านข้าวแกง จากเพิงเล็กๆจนขยับขยายเป็นร้านขายข้าวแกง แต่ ด.ช.กุหลาบตรงกันข้าม เขาไม่เคยประสบความสำเร็จในการเรียน แต่หาเงินให้แม่เก่งว่าใครๆด้วยอาชีพดูต้นทางวงไพ่ให้บรรดาแม่ค้าในตลาดทั้งหลาย

จำปา และกุหลาบ ทำงานหนัก พากเพียรเอาเงินมาหยอดกระปุกเพื่อให้ได้จำนวนเงิน หนึ่งแสนบาท เพื่อเป็นค่าผ่าตัดหัวใจใหม่ให้กับบัว....บัวมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ เขาต้องผ่าตัด ไม่เช่นนั้นบัวจะเจ็บป่วยบ่อย เหนื่อยง่ายและที่สำคัญ …มีอายุสั้น


แต่สำหรับบัว เขาไม่สนใจที่จะหาย เขาเอาแต่ช่วยเหลือแจกข้าวแกงให้คนแก่ และเด็กยากจนในชุมชนแออัด แม้บางครั้งจะเหนื่อยจนหายใจไม่ออก บัวก็ยังกัดฟันดูแลเด็กๆเหล่านั้นต่อไป

จำปาแสนระอาใจ ไม่ว่าตนและกุหลาบจะช่วยเหลือดูแลสุขภาพของบัวแค่ไหน บัวก็ยังคงเป็นบัวคนเดิมที่คิดถึงแต่คนอื่นมากกว่าตัวเอง

10 ปีผ่านไป....

บัวและกุหลาบเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น กุหลาบคอยรับจ้างเฝ้าดูต้นทางบ่อนการพนันให้ ”เฮียไก่” หัวหน้าแก๊งค์มาเฟียประจำท้องถิ่นเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้บัว ถึงเขาจะคลุกคลีอยู่กับสิ่งผิดกฎหมายพวกนี้ แต่เขาก็ไม่เคยเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขพวกนี้แม้แต่น้อย

วันหนึ่งขณะกุหลาบกำลังจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปทำธุระให้เฮียไก่ หญิงสาวหน้าตาสวยคม มีเค้าลูกครึ่งไทย-ตะวันตกคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาทางเขา

“ฉันไปด้วย” หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขากระโดดขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ของกุหลาบอย่างรวดเร็ว

“คุณเป็นใคร”
กุหลาบมองหญิงสาวสวยเฉี่ยวอย่างแปลกใจ รูปร่างบอบบางสูงโปร่ง ดวงตาเชื่อมั่นแจ่มใส ไม่ใช่ของที่จู่ๆจะหล่นมาตรงที่นั่งบนรถมอเตอร์ไซด์ของเขา

สาวน้อยไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอหยิบเงินยัดปากกุหลาบจนเขาหลบแทบไม่ทัน
“เอานี่ไป แล้วออกรถไม่ต้องถามมาก”

กุหลาบตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นธนบัตรสีเทาสามใบ
“ถ้าแบบนี้ล่ะได้เลย”

“ปรึ้น...!!! “
กุหลาบเร่งเครื่องพาหญิงสาวออกไปอย่างรวดเร็ว เฉียดฉิวกับชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่วิ่งตามมา

“เฮ้ย จะหนีไปไหน คิดว่าจะหนีพ้นเหรอวะ “
กลุ่มชายฉกรรจ์ตามไล่ล่ากุหลาบและหญิงสาวอย่างไม่ยอมลดละจนสามารถไล่กวดตามได้ทัน

ชายหลายคนพยายามจะเข้ามาจับตัวหญิงสาว แต่กุหลาบก็พาหญิงสาวฝ่าวงล้อมของคนพวกนี้ไปได้ หญิงสาวมองกุหลาบอย่างชื่นชม ผู้ชายผิวเข้มดวงตาเศร้าคนนี้ มีอะไรน่าทึ่งไม่น้อย
“เตะต่อยเป็นด้วยหรือ เก่งจังเลย”

กุหลาบพาหญิงสาวไปหลบที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง ทั้งสองจำต้องหลบอยู่ใต้โต๊ะแคบๆด้วยกัน กุหลาบไม่เคยได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนใดนอกจากแม่มาก่อน

ผมยาวสลายสีแกมน้ำตาล ผิวขาวมีไรขนสีเกือบทอง กับกลิ่นหอมอ่อนๆ รบกวนจนกุหลาบใจสั่น ทั้งสองใกล้ชิดกันจนเกือบได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน

“เป็นอะไรน่ะ เหงื่อแตกเชียว “
หญิงสาวมองหน้าคมของชายหนุ่มที่มีเหงื่อผุดเต็มหน้าอย่างสงสัย

กุหลาบหลบสายตา ไม่ตอบ หญิงสาวยิ้ม รู้ทัน ประกายตาขี้เล่นแพรวพราว

“เพิ่งเคยอยู่ใกล้ผู้หญิงล่ะสิ”
“พูดมากน่ะ”

กุหลาบหน้าตึง ทำเสียงเข้มใส่หญิงสาวทันที แต่สาวน้อยที่อยู่ใกล้เขาหาได้กลัวไม่
“ฮึ ผู้ชายไทย เวลาขี้อายน่ารักไปอีกแบบนะ”

กุหลาบอายมากที่หญิงสาวรู้ทัน ยิ่งอายเขาก็ยิ่งแสดงออกด้วยการโมโหหนักขึ้นไปอีก
“ใครบอกว่าอาย พูดให้ดีๆนะ”

“ก็เห็นชัดๆอยู่ นอกจากหน้าแดงเหงื่อแตกแล้ว ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงหัวใจคุณด้วย ฉันว่ามันเต้นเสียงดังกว่าปรกตินะ ไหนขอฟังใกล้ๆหน่อย”

แม่สาวเปรี้ยวนึกสนุกเอาหน้าไปซบอกกุหลาบ เขารีบขยับตัวหนีจนหัวชนโต๊ะทันที
“โอ๊ย !! “

หญิงสาวสวยคมหัวเราะคิกคัก กุหลาบยิ่งเขินหนักเข้าไปอีก เขาโวยหนัก
“ผู้หญิงบ้า หน้าไม่อาย หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ !”

“ก็คุณน่ะตลก ที่ประเทศของฉัน อยู่ใกล้กันแค่นี้เรื่องธรรมดามากๆ คุณจะตื่นเต้นไปทำไม”
หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ แต่กุหลาบยังคงโกรธ เขากำหมัดแน่น

“แต่นี่เมืองไทย ถ้าไม่หยุดหัวเราะ เจอกำปั้นนี่อุดปากแน่”

กุหลาบทำท่าเหมือนจะเอาจริง หญิงสาวไม่กลัวสักนิด ทำท่าจะโต้ตอบ แต่เสียงฝีเท้าคนที่เดินเข้ามาทำให้เธอและเขาเงียบลงทันที ....กุหลาบหน้าเครียด เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังตรงเข้ามาใกล้ที่หลบซ่อนของเขาทุกทีๆ

กุหลาบและหญิงสาวแทบจะกลั้นลมหายใจ เมื่อชายชุดดำคนหนึ่งจะเปิดผ้าคลุมโต๊ะออก ทั้งสองสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของชายคนนั้นดังขึ้น ชายชุดดำชะงักมือ หันหลังให้ทั้งสอง เดินแยกไปรับโทรศัพท์ของตน

“ครับเจ้านาย....ยังไม่เจอเลยครับ ครับๆ”
ชายฉกรรจ์เดินคุยโทรศัพท์ไกลออกไป กุหลาบถอนใจที่รอดตัว

เขาตัดสินใจพาตัวหญิงสาวลัดเลาะออกไปอีกทาง จนรอดพ้นพวกนั้นมาได้
“ออกไปจากตรงนี้ จะเจอแท็กซี่ คุณรีบไปเถอะ“

“แล้วคุณล่ะ” หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง เกรงว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอจะได้รับอันตราย
“เขาตามคุณ ไม่ได้ตามผมสักหน่อย รีบไปเถอะ ผมจะกลับไปเอารถ”

สาวสวยมองกุหลาบอย่างสำนึกบุญคุณ
“คุณช่วยฉัน ไม่อยากรู้หรือว่าฉันเป็นใคร และกำลังหนีอะไร”

กุหลาบถอนใจเฮือกใหญ่
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ หนีผู้ชายตั้งฝูง ไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบผม แต่ถ้าคุณเป็นฆาตกร หรือคนไม่ดีจริงๆ ก็ถือว่าเป็นคราวซวยของประเทศชาติไปแล้วกัน”

ชายหนุ่มล้วงเงินค่าจ้างคืนแก่หญิงสาว
“แล้วนี่ เอาคืนไปเหอะ ก็อยากได้อ่ะนะ แต่เอาเงินผู้หญิงไม่ลง”

“ไม่เอาเงิน แล้วฉันจะตอบแทนคุณได้ไงล่ะ “
หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ กุหลาบยักไหล่ มองชุดสวยราคาแพง และเครื่องประดับบนตัวหล่อน

“ไว้คราวหน้าแล้วกัน จริงสิ ผู้หญิงระดับคุณกับไอ้กระจอกอย่างผม เจอกันครั้งหนึ่งนี่ก็
ฟลุ้คมากแล้ว คงยากที่จะเจอกันอีก เอาไว้ชาติหน้าแล้วกัน …ไปล่ะนะ”

กุหลาบทำท่าจะหันหลังเดินหนีไปเฉยๆ หญิงสาวจึงตะโกนเรียกไว้ เจ้าหล่อนไม่พอใจที่เห็นร่างคมเข้มหันหลังเดินหนีหล่อน

“เดี๋ยว ฉันไม่ใช่คนสวยนักหรอกนะ แต่บังเอิญ ผู้ชายในชีวิตของฉัน ไม่เคยมีใครบอกลาฉันก่อน มีแต่ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์บอกลาผู้ชายได้”

แววตาคมเฉี่ยวคู่นั้น บอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้โอ้อวด
กุหลาบเบ้ปาก “คนอะไรหลงตัวเอง”

หญิงสาวปรายตามองเห็นต้นลีลาวดีต้นหนึ่งที่ออกดอกบานสะพรั่งก็ยิ้มออก
“นึกออกแล้วว่าจะให้อะไรคุณเป็นที่ระลึก”

พูดจบหญิงสาวก็เข้าไปเด็ดดอกลีลาวดีดอกหนึ่งขึ้นมาจูบ ก่อนจะโยนดอกไม้กลีบบางแถมยังส่งกลิ่นหอมนั้นให้กุหลาบ

“ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้กุหลาบก่อนจะหันหลังเดินออกไป

กุหลาบยืนอึ้งคล้ายตกอยู่ในภวังค์ ถึงร่างกายจะอยู่ที่นี่ แต่เหมือนว่าหัวใจของเขาจะเดินตามสาวน้อยคนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ….

“ดอกลีลาวดี....”

กุหลาบมองดอกไม้ในมือ นึกถึงเจ้าของผู้ให้ เขาไม่รู้สักนิดว่าเหตุใดสาวน้อยที่เขาเจอถึงได้มอบดอกไม้นี่ให้แก่เขา มีเพียงผู้ให้เท่านั้นถึงรู้ว่าเพราะเหตุใด....เพราะเจ้าดอกไม้นั้นมีชื่อเดียวกับเธอนั่นเอง

สาวน้อยสวยสะพรั่งวัย18 ปีอย่างลีลาวดีกำลังหนีการติดตามจากสมุนของนายลพผู้เป็นพ่อ

แม่และพ่อของเธอแยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก ลีลาวดีเดินทางไปอยู่อเมริกากับแม่ตั้งแต่เยาว์วัย เธอมีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพ การมาเมืองไทยครั้งนี้ของเธอก็เพื่อแสดงภาพวาดของตนเอง

ลีลาวดีไม่ค่อยถูกกับพ่อของตน เขาประกอบอาชีพทุจริตเป็นมาเฟีย เธอไม่ยอมไปพบหน้าเขา ลพจึงต้องสั่งให้ลูกน้องไปตามจับตัว แต่เธอก็หนีรอดมาได้

หญิงสาวโกรธมากเมื่อกลับมาที่งานแสดงภาพวาดและพบว่างานของเธอถูกเศรษฐีซื้อไปหมดเกลี้ยง ลีลาวดีไม่รอช้าที่จะโทรหาเศรษฐีใจป้ำผู้นั้นทันที

“สวัสดีค่ะคุณลพ”
“ใครน่ะ”

ลพถามอย่างหงุดหงิดเมื่อมีโทรศัพท์เบอร์แปลกประหลาดโทรเข้ามา เขากำลังหัวเสียเมื่อรู้ว่าลูกน้องตามตัวลูกสาวมาพบเขาไม่ได้ แต่แล้ว....ลพก็จำน้ำเสียงของลูกรักได้

“ นั่นไลล่าหรือลูก “
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นมาทันที

“ชื่อนั้นมีแต่หม่ามี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียก ส่วนคำว่าลูก ถ้าแค่ให้กำเนิดล่ะก็ใช่ แต่จะให้เคารพบูชา คุณยังไม่ถึงขั้นนั้นล่ะมั้งคะ”

ลพถอนใจ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“พ่อแค่อยากพบลูก พ่อมีลูกคนเดียว อย่าใจร้ายกับพ่อนักเลย”

“ฉันเคยบอกคุณไปแล้วว่า คุณจะเป็นพ่อของฉันได้ก็ต่อเมื่อคุณเลิกทำยาเสพติดและสิ่ง
ผิดกฎหมายทุกชนิด คุณทำได้หรือยัง”

“ไลล่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะลูก”
ลพพยายามจะอธิบายให้ลีลาวดีฟัง แต่ก็ถูกหญิงสาวตัดบท

“ในเมื่อไม่ได้ คุณก็จะไม่มีวันได้เห็นหน้าฉัน ส่วนเงินทั้งหมดที่ซื้อรูป ขอบคุณนะคะ แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันจะส่งเงินคืนคุณ และคุณต้องส่งรูปทั้งหมดคืนฉัน”

“ไม่ ถ้าไม่มาทานข้าวกับพ่อ ลูกก็ไม่มีวันได้รูปคืน”
ลีลาวดีแค่นยิ้ม

“คิดว่าฉันแคร์หรือ รูปพวกนั้นฉันวาดขึ้นมาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเงินนี่ ในเมื่อไม่รับคืน ฉันจะจัดการมัน ให้คุณเอง”

เจ้าหล่อนตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็ว ไม่มีวันเสียล่ะที่ผู้เป็นบิดาจะบังคับหล่อนได้ หญิงสาวเก็บกระเป๋าออกจากโรงแรมห้าดาวที่พักอาศัยอย่างรวดเร็ว ขืนอยู่ต่อไปมีหวังบิดาของหล่อนต้องส่งคนมาลากตัวหล่อนไปแน่

ลีลาวดีครุ่นคิดตลอดทางว่าจะทำอย่างไรกับเงินบริจาคของลพดี แล้วหญิงสาวก็ยิ้มออกเมื่อเห็นป้าย “มูลนิธิลานดอกรัก”

ลีลาวดีนำเงินที่ได้มาจากบิดาบริจาคให้กับ“มูลนิธิลานดอกรัก” มูลนิธิเพื่อเด็กในชุมชนลานดอกหญ้าแห่งนี้ทันทีโดยขอแลกกับที่พักสักคืนสองคืนก่อนที่เธอจะกลับไปหามารดา

ครูอารีผู้ก่อตั้งมูลนิธิงงอย่างมากที่หญิงสาวที่สวยสง่าดูดีมีชาติตระกูลอย่างลีลาวดีขอพักอาศัยชุมชนแออัดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ห้องพักที่ดีที่สุดที่เขาหาให้หญิงสาวคือห้องนอนของเด็กๆในมูลนิธิซึ่งเป็นห้องโล่งกว้างมีเตียงเรียงกันเป็นทิวแถวเหมือนโรงเรียนประจำทั่วไป

“เอ้า ตื่นได้แล้วจ๊ะ ตื่นได้แล้ว ….เก๊ง เก๊ง เก๊ง“

บัวหยิบของเล่นในวางอยู่ในห้องนอนนั้นมาเคาะๆให้เกิดเสียงดังเพื่อปลุกเด็กๆที่ยังคงนอนหลับใหล เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิลานดอกรักนี้กับครูอารี
ทุกวันที่ว่าง หนุ่มน้อยอย่างบัวจะมาช่วยเหลืองานที่มูลนิธิเป็นประจำ

เด็กเล็ก เด็กโต และพวกเด็กวัยรุ่นพากันตื่น และทยอยกันไปอาบน้ำ เด็กน้อยสองคนชื่อ”จุ้นจ้าน”กับ”แจ๋นแจ๋”ยิ้มกว้างเมื่อได้เจอพี่บัวคนโปรด แจ๋นแจ๋ชี้ที่แก้มของตน แล้วกอดอกรออย่างแก่แดด
“ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

บัวชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มหวานราวกับผู้หญิง หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้มลงหอมแก้มแจ๋นแจ๋ฟอดใหญ่

“ออกไปอาบน้ำเร็ว “
ร่างเล็กทั้งสองวิ่งหายออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

บัวยิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อมองเห็นร่างของใครคนหนึ่งยังคงนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม บัวพาร่างโปร่งขาว เดินตรงไปที่เตียงนั้นทันที

“ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ แล้วนี่ใครน่ะ ตื่นได้แล้วเด็กเกเร ตื่น ! “
บัวตีเข้าที่ก้นของลีลาวดี ป้าบใหญ่ !
ลีลาวดีสะดุ้งตื่น ตาโตอยู่ใต้ผ้าห่ม

“ไปเร็วไป ตื่น…อาบน้ำ เดี๋ยวพี่จะทำข้าวต้มให้กิน”

บัวพูดจบก็เดินออกไปโดยไม่ทันดูว่าผู้ที่ลุกขึ้นเปิดผ้าห่มออกคือใคร

ลีลาวดีนิ่วหน้า จับก้นที่ป่านนี้คงขึ้นผื่นเป็นรอยแดง หล่อนจำได้แต่เสียงใจดีอ่อนโยน เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าของเขา

บัวลงครัวช่วยเด็กวัยรุ่นของมูลนิธิทำข้าวต้มเป็นอาหารเช้า ครูอารีเดินยิ้มเข้ามาบอกข่าวดีกับบัว

“ครูยังไม่ได้เล่าให้ฟัง มูลนิธิเรารอดแล้วนะ เมื่อคืน มีคนมาบริจาคเงินให้ตั้ง 15 ล้าน ครูดีใจจนนอนไม่หลับเลย”

“15 ล้านกับมูลนิธิเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักอย่างเราเนี่ยเหรอครับ”
มือที่จับทัพพีคนข้าวต้มชะงักไปโดยอัตโนมัติ ครูอารีมองแล้วยังอดที่จะขำไม่ได้

“ใช่ เดี๋ยวบัวก็ได้เจอเขา ตั้งใจทำกับข้าวให้อร่อยล่ะ”

ครูอารีพูดจบก็เดินออกไปโดยไม่ได้บอกเรื่องที่ลีลาวดีอยู่ที่มูลนิธิเรียบร้อยแล้ว บัวเข้าใจผิดว่าผู้บริจาคจะมาเยี่ยมเยียนเด็กๆ เขากระวีกระวาดจัดเตรียมอาหาร และเกณฑ์เด็กๆมายืนต้อนรับท่านผู้มีพระคุณต่อมูลนิธิที่หน้าโรงอาหาร

“ท่านผู้บริจาค หน้าตาเป็นไงคะ” ด.ญ.แจ๋นแจ๋อดที่จะสงสัยไม่ได้ บัวครุ่นคิดก่อนจะตอบแจ๋นแจ๋

“อืม หน้าตาเป็นไงเหรอ ท่านก็คงเป็นเศรษฐีที่รวยมาก อาจจะแก่ๆ เลอะเลือนนิดหน่อย แต่คงนั่งรถมาคันใหญ่ๆมาเยี่ยมพวกเรา เพราะฉะนั้น เราต้องตั้งแถวต้อนรับเขาหน่อย มาเลยมายืนต่อแถวกันตรงนี้”

บัวยังคงสาละวนกับการจัดแถวเด็กๆต่อไป เขาจึงไม่ทันสังเกตว่าลีลาวดีที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเข้ามายืนฟังสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ หญิงสาวอดที่จะถามต่ออย่างสงสัยไม่ได้

“ทำไมท่านผู้บริจาค ต้องแก่ๆ เลอะเลือนเท่านั้นหรือ”
“แหม ถ้าไม่เลอะเลือนแล้วใครเขาจะบริจาคเงินให้เราตั้งเป็นสิบๆล้าน”

บัวตอบโดยไม่หันมอง นึกว่าเด็กคนหนึ่งถามขึ้นมา ลีลาวดีจึงแกล้งถามต่ออีก
“อืม แล้วเขาบอกหรือว่าจะมารถคันโตๆ”

“เศรษฐีที่ไหนก็มารถคันโตๆทั้งนั้นนั่นล่ะ นี่อย่าถามมากได้ไหม มาเข้าแถวเถอะน่า”

บัวพูดจบก็หันไปจับคนถามมายืนเข้าแถว แล้วเขาก็ต้องชะงักมือไปเมื่อเห็นหญิงสาวสวยอยู่ตรงหน้า ร่างสูงโปร่ง ผมยาวสลวยสีน้ำตาลและดวงตาเชื่อมั่น ทำให้บัวตะลึง

“คุณเป็นใคร”
บัวอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ที่มูลนิธิแห่งนี้มีนางฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ....

ลีลาวดียักไหล่ไม่ตอบคำถามของเขา ครูอารีเดินยิ้มเข้ามาหญิงสาว
“เอ้าตื่นแล้วหรือครับ เด็กๆกวนล่ะสิท่า “

หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะพูดคุยกับครูอารีอย่างสนิทสนม บัวมองทั้งสองอย่างแปลกใจ จนครูอารีสังเกตเห็นจึงบอกแก่บัว

“อ้อ บัว นี่ไงคุณลีลาวดีที่บริจาคเงินให้เราล่ะ”
“หา อะไรนะครับ”

บัวเขินหน้าแดง หญิงสาวสวยตรงหน้าคือผู้ใจบุญที่บริจาคเงินให้กับมูลนิธิของเขางั้นหรือ เธอไม่ได้แก่ เลอะเลือนหรือเป็นอะไรอย่างที่เขาพูดสักนิด ...

บัวกระพริบตาถี่ๆ ยิ้มเจื่อนให้ลีลาวดี หญิงสาวอดที่จะยิ้มกับความเป๋อของบัวไม่ได้
ครูอารีแนะนำหนุ่มน้อยที่กำลังหน้าแดงให้ลีลาวดีรู้จัก

“นี่บัวครับ เขาเป็นผู้ช่วยที่ช่วยก่อตั้งมูลนิธิมากับผม ถ้าไม่ได้เขา เราคงทำมูลนิธิไม่ได้ขนาดนี้”

ลีลาวดียิ้มให้บัวอย่างเป็นมิตร บัวจึงขอแก้ตัวโดยการพาเธอเดินชมส่วนต่างๆของมูลนิธิฯ

“มูลนิธิของเราตั้งอยู่บนที่ดินบริจาค ตอนที่เราเริ่มตั้งมูลนิธิ เมื่อสองปีที่แล้ว แทบไม่มีอะไรเลย ตึกทุกตึกก็ช่วยกันสร้างขึ้นมา ผมกับครูอารีเป็นคนลงเสาเข็มต้นแรกด้วยมือเลยนะครับ”

“ฉันเชื่อค่ะว่าคุณน่ะทำทุกอย่างด้วยตนเอง เพราะท่าทางจะมือหนัก “ ลีลาวดีแอบจับร่างกายบริเวณที่ถูกเขาตี

“ ไม่รู้เป็นรอยหรือเปล่า” หญิงสาวบ่นอุบ

ดวงหน้าขาวอ่อนโยนของบัว สีเข้มขึ้น ลีลาวดีคือคนที่เขาตีก้นเมื่อเช้านี้หรือนี่
“เด็กคนที่อยู่บนเตียงนั่น…คุณหรือฮะ”
บัวถามออกไปอย่างเขินๆ ลีลาวดีพยักหน้า

“ตาย ตายเรา ทำอะไรลงไปน่ะ” บัวได้แต่ร่ำร้องในใจ ตั้งแต่เกิดมา หญิงสาวคนเดียวที่เขาใกล้ชิดขนาดถึงเนื้อถึงตัวก็มีเพียงแม่เท่านั้น

หัวใจเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะ ชายหนุ่มเกิดอาการเข่าอ่อนลงไปนั่งหมดแรง อาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาซะอย่างนั้น

ลีลาวดีมองอย่างตกใจมาก รีบเข้าไปช่วยประคอง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าแดง แล้วดูสิ เหงื่อแตกออกมาใหญ่เลย”

“ผมเป็นโรคหัวใจน่ะครับ “
“ตายจริง แล้วนี่ฉันต้องทำไงบ้าง ไปตามครู ตามหมอ …ฉันไปตามหมอให้นะคะ”

ลีลาวดีทำท่าจะลุกออกไป แต่บัวยกมือขึ้นห้ามไว้
“ไม่ต้องตกใจ ให้ผมนั่งพักสักครู่ก่อน เดี๋ยวก็หาย ผมเคยเป็นแบบนี้บ่อยๆเวลาทำงานหนักหรือพักผ่อนไม่พอ “

เสียงเขาตะกุกตะกัก เว้นวรรคหายใจเป็นช่วงๆ หญิงสาวมองอย่างไม่สบายใจเลย
“เมื่อคืนคุณทำงานหนักหรือคะ”

บัวส่ายหน้า “ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน”
“มีสาเหตุอื่นด้วยหรือคะ” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพิ่งเคยเป็นเหมือนกัน คนเราไม่ได้ใจเต้นแรงเฉพาะตอนที่เหนื่อยนี่ครับ มีสาเหตุตั้งเยอะ ดีใจเสียใจ ตื่นเต้น หรือแม้กระทั่งได้เจอใครบางคน”

บัวพูดขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ที่เขาพูดทั้งหมดไม่ได้หวังว่าจะจีบ ดวงตาจริงใจบ่งบอกว่าเขาแค่พูดตามตรง ไม่มีนัยซ่อนเร้น

ลีลาวดีแอบขำ เอ็นดูชายหนุ่มหน้าขาว ยิ้มเหมือนผู้หญิง ที่อยู่ตรงหน้า

บัวเขินอาย เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองเป็นอะไร รู้เพียงว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเกิดอาการเช่นนี้

ชายหนุ่มรู้สึกแปลกในหัวใจ....ใครบางคนบนฟ้า ยิงศรรักปักอกเขาเสียแล้ว




Create Date : 28 กรกฎาคม 2550
Last Update : 28 กรกฎาคม 2550 13:57:00 น. 8 comments
Counter : 936 Pageviews.

 
ติ๊งต๊อง....ติ๊งต๊อง

แวะมาส่งเสียงก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมาอ่านนะคะ

ฝันดีค่ะ


โดย: สายป่าน IP: 202.133.159.129 วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:12:15 น.  

 
^
^ แง๊ก...มัยชื่อ log-in ม่ะขึ้นหนอ

คนเดียวกานนะคะ


โดย: ดวงตะวัน IP: 202.133.159.129 วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:13:49 น.  

 
ไม่เคยดูเรื่องนี้มาก่อน แต่อ่านแล้วท่าท่างไม่เลวเลย จะติดตามต่อไปค่ะ


โดย: นางฟ้าสาธุ.. IP: 158.108.211.27 วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:20:24 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ เคยดูเหมือนกันแต่ดูไม่จบ


โดย: ammataya วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:15:43 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ

เรื่องของ จขบ. มีแต่สนุก ๆ


โดย: โสดในซอย วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:40:21 น.  

 
สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะพี่บ๊วย


โดย: ammataya วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:43:25 น.  

 
ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ
ไม่เคยดูมาก่อนเหมือนกัน


โดย: รักแฟน IP: 58.8.77.150 วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:11:57:47 น.  

 
จะบอกว่า "ผู้ชายผิวเข้มดวงตาเศร้าคนนี้" ตรงกับ คุณ โอ อนุชิต มากค่ะ

ตอนนี้กลับมารีรันใหม่ ก้อไม่มีโอกาสได้ดูอีกแล้ว
เฮ้อ ชีวิตคนทำงาน

ของคุณนะค่ะที่ให้ได้อ่านกัน


โดย: โอ๊ะโอ๋ IP: 124.120.16.155 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:21:14:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่มดมีฤทธิ์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ (บ๊วย)
นักเขียนบทละครโทรทัศน์

เจ้าของบทประพันธ์...>>>>>
ทาสรัก สวรรค์สร้าง
เพลงรักข้ามภพ
สู่แสงตะวัน อธิษฐานรัก
ดั่งดวงตะวัน เพียงผืนฟ้า
กลิ่นแก้วกลางใจ เปลวไฟในฝัน

ผลงานเขียนบท...>>>>>
บ่วง ทวิภพ สาปภูษา
ดั่งดวงตะวัน กลิ่นแก้วกลางใจ
เปลวไฟในฝัน หัวใจช็อคโกแล็ต
คลื่นรักสีคราม เล่ห์รตี

ผลงานกับละลิตา ฉันทศาสตร์โกศล ...>>>>>
ทางผ่านกามเทพ สามีตีตรา สายรุ้ง
ยอดชีวัน สามี บังเกิดเกล้า
หนึ่งในดวงใจคือเธอ สี่ไม้คาน
เลื่อมสลับลาย พรหมไม่ได้ลิขิต
ก้านกฤษณา ปลาหนีน้ำ ฯลฯ

ผลงานกับ ช่างปั้นเรื่อง...>>>>>
รักในม่านเมฆ เพียงผืนฟ้า ปิ่นมุก พลิกดินสู่ดาว อุ่นไอรัก
เบญจาคีตาความรัก รุ่งทิพย์ ต่างฟ้าตะวันเดียว
ปิ่นไพร ฯลฯ




Friends' blogs
[Add แม่มดมีฤทธิ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.