|
สติเกิดเองไม่ได้ ต้องเจริญ ต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต
● สติแบบที่คนในโลกเข้าใจ ...ระลึกรู้เรื่องอะไร(อารมณ์)ขึ้นมา ก็เรียกว่า มีสติ รู้แล้วยึด(อารมณ์) ปรุงแต่งไปตามเรื่อง(อารมณ์)ที่ระลึกรู้ขึ้นมา เป็นกระบวนการเกิดของขันธ์ ๕ ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เพราะเมื่อขันธ์ ๕ แปรปรวนไป จิตก็แปรปรวนตามขันธ์ ๕ ที่แปรปรวนไป
สติแบบที่เข้าใจนี้ มีในคนทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา
● สติแบบที่พระพุทธองค์ทรงสอน = สัมมาสติ ต่างจากสติแบบที่คนในโลกเข้าใจ เพราะสัมมาสติ เป็นมรรคจิต เป็นทางเดินของจิตเพื่อความพ้นทุกข์
สัมมาสติ คือ ระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งสติอย่างต่อเนื่อง(สติปัฏฐาน) จนจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ซัดส่ายไปตามอารมณ์ต่างๆที่เข้ามาปรุงแต่งจิต เป็นกระบวนการยับยั้งการเกิดของขันธ์ ๕ ที่จิต เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เพราะเมื่อขันธ์ ๕ แปรปรวนไป จิตก็ไม่แปรปรวนตามขันธ์ ๕ ที่แปรปรวนไป
● พระพุทธองค์ตรัสว่า
☞ จำเ้พาะในธรรมวินัยนี้(ศาสนาพุทธ)เท่านั้น ที่มีอริยมรรคมีองค์ ๘
☞ สัมมาสติ อยู่ในองค์อริยมรรค ๘
☞ ในธัมมจักกัปปวัตนสูตร ทรงแสดงกิจที่พึงทำในอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ เป็นปริญเญยยะ ควรกำหนดรู้ สมุทัย เป็นปหาตัพพะ ควรละ นิโรธ เป็นสัจฉิกาตัพพะ ควรกระทำให้แจ้ง มรรค เป็นภาเวตัพพะ ควรเจริญ
เพราะฉะนั้น สัมมาสติ คือ สติในองค์มรรค เกิดขึ้นเองไม่ได้ ต้องเจริญ ต้องทำให้มาก ต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต
นั่นคือ ต้องปฏิบัติอริยมรรค ๘ หรือสติปัฏฐาน ๔ ตามเสด็จเท่านั้นจึงจะเกิดสัมมาสติ
● การปฏิบัติอริยมรรค ๘ หรือ การปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ คืออย่างเดียวกัน เป็นการปฏิบัติทางจิต เป็นทางเดินของจิต เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะนำจิตให้พ้นจากทุกข์ได้
ดังมีพระพุทธพจน์รับรองไว้ดังนี้
☞ คาถาธรรมบท มรรควรรค (มรรค ๘)
ทางนี้เท่านั้นเพื่อความหมดจดแห่งทัศนะ ทางอื่นไม่มี เพราะเหตุนั้นท่านทั้งหลายจงดำเนินไปตามทางนี้แหละ เพราะทางนี้เป็นที่ยังมารและเสนามารให้หลง ด้วยว่าท่านทั้งหลายดำเนินไปตามทางนี้แล้ว จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
☞ มหาสติปัฏฐานสูตร (สติปัฏฐาน ๔)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ฯ
● การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็คือ การปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
บรรพะแรกในการเจริญสติปัฏฐาน ดังแสดงไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตร นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า...ฯลฯ...
ขั้นตอนเริ่มแรกของการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็คือ ต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติสมาธิ(นั่งสมาธิ) เจริญฌาน ๔ (สัมมาสมาธิ) ให้จิตมีสติระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งสติ(สติปัฏฐาน๔ = สัมมาสติ) ไม่แส่ส่ายออกไปหาอารมณ์ โดยอาศัยความเพียรประคองจิตให้อยู่ที่ฐานที่ตั้งสติ(สัมมาวายามะ)จนจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ
เมื่อจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ(จิตตั้งมั่นชอบ) ไม่แส่ส่ายออกไปหาอารมณ์แล้ว ก็ย่อมได้ศึกษารู้จักอารมณ์ตามความเป็นจริง เกิดญาณรู้ตามความเป็นจริง (ปัญญา) คือ รู้อริยสัจ ๔ (สัมมาทิฐิ) และเกิดพลังปัญญาปล่อยวางความยึดถืออารมณ์ต่างๆออกไปจากจิตได้ตามลำดับ (สัมมาสังกัปปะ)
อนึ่ง ในการเจริญฌาน ๔ (สัมมาสมาธิ) นั้น จิตจะบรรลุปฐมฌานได้ ต้องสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ = ศีล)ด้วย
ครบ อริยมรรคมีองค์ ๘ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ดังนั้นจึงกล่าวว่า การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็คือ การปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
เป็นวิธีปฏิบัติทางจิตเพื่อให้จิตพ้นจากทุกข์ เป็นภาเวตัพพะ ต้องเจริญ ต้องทำให้มาก ต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต เกิดเองไม่ได้
● การเจริญสติในชีวิตประจำวัน
เมื่อฝึกเจริญสติปัฏฐาน โดยการหลับตานั่งสมาธิ จนชำนาญแล้ว หรือก็คือ พิจารณากายในกาย...เวทนาในเวทนา...จิตในจิต...ธรรมในธรรมเป็นภายใน
จากนั้น เมื่อออกจากสมาธิมาประกอบกิจกรรมการงานในชีวิตประจำวัน เราก็ใช้ความชำนาญที่ฝึกปล่อยวางอารมณ์ ตอนนั่งสมาธินั้น มาใช้ปล่อยวางอารมณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อันเป็นการพิจารณากายในกาย...เวทนาในเวทนา...จิตในจิต...ธรรมในธรรมเป็นภายนอกนั่นเอง
● สรุป สติ(สัมมาสติ) เป็นองค์มรรค ต้องเจริญ ต้องทำให้มาก ต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต สติเกิดขึ้นเองไม่ได้
ยินดีในธรรมทุกๆท่านครับ
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2552 9:09:11 น. |
|
4 comments
|
Counter : 759 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Tom & Jerry IP: 125.27.232.97 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:58:53 น. |
|
|
|
โดย: ขำกลิ้งลิงกับหมา IP: 118.174.35.207 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:24:59 น. |
|
|
|
โดย: 84000 IP: 110.49.66.69 วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:13:07:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
หนูเล็กนิดเดียว |
|
|
|
พระพุทธศาสนา
มีหลักการที่ตั้งอยู่บนเหตุ-ผล
อริยสัจ ๔
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
เหตุ-จิตชอบแส่ส่ายออกไปหาเรื่อง
(สมุทัย)
ผล-ทุกข์โหมกระหน่ำทับถมจิตใจ
(ทุกข์)
เหตุ-ปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักมรรค ๘
ให้จิตระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งสติ
ไม่แส่ส่ายออกไปหาเรื่อง
(มรรค)
ผล-จิตสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหว
ทุกข์ไม่โหมกระหน่ำทับถมจิตใจ
(นิโรธ)
เหตุ-รู้อยู่ที่เรื่อง (สมุทัย)
ผล-เป็นทุกข์ (ทุกข์)
เหตุ-รู้อยู่ที่รู้ (มรรค)
ผล-ไม่ทุกข์ (นิโรธ)
|
ธรรมบรรยาย โดย อ.ไชยทรง จันทรอารีย์
|
|
|
แต่
ขั้นตอนเริ่มแรกของการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็คือ
ต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติสมาธิ(นั่งสมาธิ) เจริญฌาน ๔ (สัมมาสมาธิ)
นั่งสมาธิ -เจริญฌาน ๔
ผมว่าไม่น่าใช่นะในสติปัฏฐานสี่ ให้มีรูป-นามหรือขันธ์ ๕
เป็นอารมณ์เท่านั้น พระอรหันต์บางท่านก็สำเร็จโดยที่ไม่ได้ฌานสี่ ก็นับประมาณมิได้ เทวดาบางพวกยืนฟัง
ธรรมเสียด้วยซ้ำ
คือไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้น่ะ ขอให้มีปัญญา
รู้รูป รู้นาม อาศัยสมาธิแค่เบื้องต้นประคองไว้ก็พอ
แนบแน่นมากไปมันบดบังไตรลักษณ์น่ะครับ
แต่ถ้าจะใช้ก็ต้องรู้จักใช้ให้เป็น ตามอย่างที่ท่านยกนำมากล่าวนั่นล่ะ
ปล.ทำBlog น่าอ่าน ข้อความและหา น่าสนใจมากเลยครับ