Group Blog
 
All blogs
 

ภาพสุดท้ายของมหาเทพซีเนอดีน ซีดาน

ฟุตบอลโลกจบไปแล้ว ด้วยชัยชนะของอิตาลี ก็ถือว่ามีสีสันค่อนข้างมากสำหรับฟุตบอลโลกหนนี้ ทั้งอภิมหาใบแดงใบเหลืองในนัดเดียว การยิงประตูในช่วงนาทีท้ายๆของแชมป์โลกทีมล่าสุดหลายต่อหลายนัดจนคนดูจะช๊อกตายเอา และที่คงจะเป็น talk of the town ไปอีกพักใหญ่นอกเหนือจากการคว้าแชมป์ของอิตาลี ก็คือกรณีการถูกไล่ออกของซีดาน ที่กลายเป็นภาพสุดท้ายที่เราจะเห็นซีดาน นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ในสนามฟุตบอลอย่างเป็นทางการ

จนวันที่ผมเขียนบลอค ผมก็ยังไม่ทราบว่ามาเตรัซซี่ กองหลังอิตาลีไปพูดอะไรกับซีดาน ถึงโกรธขนาดนั้น talk of the town ครั้งนี้ บางคนก็สงสารเห็นใจซีดาน บางคนก็สมน้ำหน้า .... แต่สำหรับฝีเท้าของเขาตลอดเวลาที่ค้าแข้ง ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครลืมไปได้แน่นอน ซึ่งก็อาจจะพร้อมกับการจดจำภาพสุดท้ายของเขาเช่นกัน

ทีนี้มาดูภาพสุดท้ายที่ว่ากันครับ ที่หลายๆ คนเอาไปตัดต่อทำฮากันซะงั้น มาดูกันครับว่ามีแบบไหนกันบ้าง

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
อันนี้ original จากเหตุการณ์จริง

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
อันนี้เป็นเกมส์ RPG

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
อันนี้ถูกพลังสะท้อนกลับ ถึงกลับปลิวหายไปจากสนาม

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
คลื่นพลังกระจายออกมาอย่างรุนแรง

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
ซีดานรวบรวมพลังเพื่อใช้ท่าไม้ตาย

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
ใช้พลังเกินขนาดจนร่างกายรับไม่ไหว หัวหลุดจากร่าง

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
อันนี้ street fighter ภาคฟุตบอลโลก

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
Mortal Kombat

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
ขาดครึ่งเลยครับ เละตุ้มเป๊ะ

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
ปล่อยพลังนับร้อยครั้งด้วยความเร็วสูงจนตามองไม่เห็น

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
55555

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
ซีดานไม่ผิด มาเตราซซี่ เดินซุ่มซ่ามเอง

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
โปเกมอน

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
แม้แต่ดาวมรณะ ก็ต้องพังทลาย

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
butterfinger อร่อยเกินห้ามใจ

Zidane's Headshot
Zidane's Headshot at GGZidane.com
มาทั้งยวงเลยอันนี้

.......................


ยังไงก็แล้วแต่ ซีดาน คือนักเตะที่ผมพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองมาตลอดสิบกว่าปีแล้วว่า เก่งที่สุดในโลกจริงๆครับ เสียดายที่เขาแขวนสตั๊ต แต่ก็เป็นวงเวียนชีวิตครับ ก็จะรอดูว่าใครจะก้าวขึ้นมาแทน




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2549 22:28:15 น.
Counter : 651 Pageviews.  

Lance Armstrong: Super Human

ถ้าใครดูกีฬาก็จะพบว่าการแข่งขันจักรยานทางไกลที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ Tour de France เพิ่งจะจบไป และผู้ชนะของปีนี้ก็คือคนเดิมจากปีก่อน ซึ่งก็เป็นคนเดิมจากปีก่อนโน้น แล้วก็เป็นคนเดิมจากปีนู้นน นั่งก็คือ Lance Armstrong

ปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้วที่เขาได้แชมป์ติดต่อกัน ซึ่งไม่น่าจะมีมนุษย์คนไหนทำได้ เพราะการแข่งขันนี้มันโหดมาก และต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งและการฝึกซ้อมที่หนักหนาสาหัส ซึ่งนั่นก็เพียงนำมาซึ่งตำแหน่งแชมป์ แต่การเป็นแชมป์ 7 ปี คงต้องอาศัยการดูแลร่างกายเพื่อต่อสู้กับทั้งตัวเองที่แก่ลงด้วย ซึ่งนั่นไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ

อะไรที่ทำให้ Lance Armstrong ได้แชมป์ Tour de France เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน คำตอบก็อยู่บนตัวของ Lance นั่นเอง ลองมาดูว่าร่างกายของเขามีอะไรที่พิเศษซึ่งเป็นเคล็ดลับในความสำเร็จนี้



สมอง
ระหว่างการรักษาอันเนื่องมาจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่ทำให้เขาต้องถอนตัวในเดือนกันยายน ค.ศง1996 Armstrong ต้องเผชิญกับการผ่าตัด และการใช้สารเคมีที่เข้มข้นในการรักษา ที่ทำลายผิวสมองบางส่วนไปอย่างถาวร

ปาก
Armstrong ทานอาหารในปริมาณที่มากมาย ระหว่างการแข่ง Tour de France เขาเผาผลาญพลังงาน 6,500 แคลอรี่ ทุกวันในช่วง 3 สัปดาห์, และมากกว่า 10,000 แคลอรี่ ในวันหนึ่งที่เขาต้องปั่นจักรยานถึง 120 ไมล์ขึ้นเขา หากเปรียบเทียบกับคนธรรมดา คนปกติจะเผาผลาญพลังงานเพียง 3,500 แคลอรี่ในวันที่มีกิจกรรมมากๆ และ 2,500 แคลอรี่ ในวันธรรมดาทั่วไป

ปอด
Armstrong สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า พูดแบบวิชาการ ปอดของเขาสามารถรับออกซิเจนได้ 85 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในระหว่างการออกกำลัง ซึ่งคนปกติรับได้แค่ 40 ซึ่งก็หมายความว่า Armstrong จะมีออกซิเจนในการนำไปใช้ในการเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานมากกว่าคนปกติ

คนทั่วไปจะใช้ออกซิเจน 20% ที่สูดเข้าไปในการสร้างพลังงานให้กับกล้ามเนื้อ ในขณะที่ Lance ใช้ 23% ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณสูงสุดในมนุษย์เท่าที่มีการบันทึกไว้ ซึ่งการนำไปใช้อย่างเต็มที่และมากกว่าปกติ ทำให้ Lance มีแรงกว่าคนธรรมดา และอึดมากๆ ในการแข่งขัน

ผิวหนัง
ในช่วงแรกของ Tour de France Armstrong มีปริมาณไขมันในร่างกายประมาณt 4-5% ซึ่งในคนปกติจะอยู่ที่ 15-17% และถึงจะเป็นนักกีฬาก็จะมีอยู่ในช่วง 6-12%

หัวใจ
หัวใจของ Armstrong มีขนาดใหญ่กว่าของคนปกติประมาณ 1 ใน 3 ในช่วงที่ร่างกายพักผ่อน หัวใจของเขาเต้น 32 ครั้งต่อนาที และในช่วงใส่พลังเต็มที่ หัวใจของเขาสามารถเต้นได้ถึง 200 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว

สะโพก
Lance มีกระดูกสะโพกที่ยาวกว่าความยาวเฉลี่ยของคนทั่วไป ทำให้เขามีสรีระที่เสริมประสิทธิการในการเคลื่อนไหวขณะแข่งขัน

ระบบกล้ามเนื้อ
ร่างกายของ Armstrong ผลิต lactic acid น้อยกว่าปกติ, ซึ่งถูกสร้างขึ้นในกล้ามเนื้อเมื่อร่างกายพยายามใช้พลังมากๆ เหนือขีดจำกัดของตัว และทำให้เกิดการสัปดาปพลังงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้ Armstrong ปั่นจักรยานได้เร็วและทนกว่าคนอื่นๆ

ทั้งหมดนี้เป็นความพิเศษที่พบเพียง 1 ในล้านคน ของ Lance Armstrong คนที่ครั้งหนึ่งเกือบจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และวินัยที่แน่วแน่ทำให้เขากลับมา และกลับมาเหนือกว่าเดิม เหนือกว่ามนุษย์คนใดๆ ในประวัติศาสตร์การแข่งขันจักรยานรายการนี้

live strong






แปลจาก //www.msnbc.msn.com/




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 10 ตุลาคม 2548 1:36:40 น.
Counter : 514 Pageviews.  

เทคนิคการสกัดบอลของ Roy Keane

ที่มา: หนังสือพิมพ์สตาร์ ซอกเกอร์รายวัน หลายปีก่อน
เรื่อง/ภาพ: Sukapat Kongphejchr
















 

Create Date : 27 เมษายน 2548    
Last Update : 27 เมษายน 2548 1:51:31 น.
Counter : 1072 Pageviews.  

Why Manchester

ยี่สิบปีก่อน ..ไม่น่าจะถึง ..สิบกว่าปีก่อน ผมเริ่มดูฟุตบอลเป็นครั้งแรก ทางทีวี ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เก่งมากๆ ฉายาเครื่องจักรสีแดงไม่ได้มาเพราะอยากตั้ง แต่เป็นเพราะวิธีการทำเกมส์ที่ลื่นไหลและต่อเนื่องอันเกิดจากความเข้าใจและความสามารถของนักเตะระดับสตาร์

ลิเวอร์พูลในขณะนั้นเก่ง เก่งเกินไป เก่งจนผมรู้สึกว่าน่าเกลียดน่ะ ทีมอื่นเขาไม่ได้ผุดได้เกิดเลย ผมก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ทีนี้ก็เลยมาเอาใจช่วยทีมที่เก่งรองลงมา ก็มาเจอทีมแมนยู ที่เล่นได้ดุดันสะใจ นกเตะแต่ละคนวิ่งกันตายเลยผมจำได้ นึกสภาพคล้ายๆ ปัจจุบันมีรอย คีน อยู่ 7 8 คนในทีม แล้วก็ทุ่มทกันขนาดนั้น ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ติดตามดูทีมนี้ดีกว่า ท่าทางจะมีแวว อย่างน้อยก็ทาบรัศมีหงส์แดงได้

เวลาผ่านไปดิวิชั่น 1 อังกฤษกลายเป็นพรีเมียร์ลีก แมนยูทำการรีเอนจิเนียริ่งทีมอย่างน่าเป็นห่วง โดยเริ่มขายนักเตะตัวหลักออกไปเรื่อยๆ ทั้งพอล อินช์, ลี ชาร์ป, มาร์ค ฮิวจน์ ฯลฯ และดันนักเตะเยาวชนที่เคยเห็นหน้ากันแว้บๆ ในชุดใหญ่อย่าง แกรี่ เนววิล์,ฟิลลิป เนวิลล์, เดวิด เบคแฮ่ม, ไรอัน กิกส์, พอล สโคลส์, ฯลฯ รวมไปถึงซื้อนักเตะระดับมีชื่อในอังกฤษเข้ามาใหม่อย่างพวก แอนดี้ โคล รอย คีน และเอริค คันโตน่า ซึ่งผมคิดว่าอเล็ก เฟอร์กุสันในสมัยนั้นใจกล้าน่าดู และก็ไม่คิดว่าทีมชุดนี้จะไปได้ไกลอย่างลิเวอร์พูลได้

แต่เป็นไปได้ หลังจากเหตุการณ์สยองขวัญที่ฮิลสเบอโร ลิเวอร์พูล ห่างหายจากถ้วยยุโรปนานจนเริ่มถดถอย ฟุตบอลขยับเข้าสู่ยุคใหม่ ในอังกฤษเองในยุคใหม่นี้กลับกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เข้ากับยุคสมัย และกลายเป็นทีมแถวหน้าในฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งจะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการนำของอิริค คันโตน่า ทำให้เด็กๆ ที่มาจากชุดเยาวชนเติบโตไปในทางที่ควรเป็น สร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างมหาศาล หากใครจำได้ การทำชิ่งอย่างรวดเร็วหน้าประตู จนทำให้แอนดี้ โคลมีโอกาสยิงเป็นล้านๆ ครั้งใน 1 เกมส์, การขว้างบอลไกลโคตรพ่อ ของปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่แทบจะเข้าประตูฝ่ายตรงข้าม, และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ จนทำให้เกิด 2 ลูกมหัศจรรย์ในช่วงทดเวลาเจ็บ ในเกมส์แชมเปี้ยนลีกรอบชิง เหล่านี้คือสีสันและความเพลิดเพลินจากการชมทีมอันดับ 1 ของอังกฤษในทศวรรษที่ 90

ด้วยความที่ผมไม่ค่อยชอบลิเวอร์พูลยุครุ่งเรื่อง แมนยูในยุคก่อนมิลเลเนียม กลายเป็นรางวัลตอบแทนในการดูฟุตบอลของผม คนรุ่นใหม่ๆ หมั่นไส้แมนยู อะไรจะเก่งกันขนาดนั้น และแช่งชักหักกระดูกให้ตกชั่นไปเร็วๆ (ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหมั่นไส้แฟนบอลด้วย) แต่การได้เห็นทีมที่เราเชียร์พัฒนามาจนประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตเรามันเป็นความรู้สึกดี ดีกว่าที่จะเปลี่ยนไปเชียร์ทีมอื่นๆ ไปเรื่อย ที่มันเหมือนจะเก่งในแต่ละฤดูกาล

วงจรชีวิตของแมนยูหมุนเร็วเกินไป เพียง 10 ปี ความสำเร็จประดังประเดจนทุกคนเริ่มเนือย ความเปลี่ยนแปลงภายหลังจากความสำเร็จอันสูงสุด เป็นการยากที่จะหมุนกลับไปเป็นแบบนั้นโดยง่าย ปัจจุบัน เชลซี เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมด้วยแนวทางการทำทีมที่ต่างออกไปจากแมนยู แต่ถ้าลิเวอร์พูลคือควมสำเร็จในยุคพรีโมเดิร์น และแมนยูคือความสำเร็จของยุคโมเดิร์นฟุตบอล ปัจจุบันก็คงเป็นยุคโพสต์โมเดิร์น ของเชลซี ที่มีวิธีการที่เหมาะสมกว่า มีบุคลากรที่พร้อมและเข้าใจในยุคสมัยมากกว่า

บิล แชงลีย์ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือคนที่อยู่ในสมัยของเขา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว ฤดูมันยังเปลี่ยน ต้นไม้มันก็ผลัดใบ แต่คววามสำเร็จที่ผมเห็นในยุค 90 คือความทรงจำดีๆ ของการดูฟุตบอล ซึ่งก็หวังว่านักเตะใหม่ๆ ที่เริ่มแตกใบออกมาอย่าง โรนัลโด้, รูนีย์, เฟลทเชอร์, สมิธ ฯลฯ จะทำให้แฟนๆ แมนยูทั้งใหม่และเก่ามีชีวิตชีวากว่านี้ในเร็ววัน ส่วน 2 3 ปีนี้ให้เชลซีไปก่อนแล้วกัน

one united




 

Create Date : 21 เมษายน 2548    
Last Update : 15 มิถุนายน 2548 15:38:02 น.
Counter : 508 Pageviews.  

Step เท้าของ Cristiano Ronaldo

ไม่ต้องบรรยายอะไร มาดูกันเลยครับ


























 

Create Date : 20 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2548 15:15:50 น.
Counter : 756 Pageviews.  


nsk
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีชาวโลก...

Bangkok


Los Angeles


-/ -
id=objMediaPlayer1 width=150 viewastext>




















width="150" height="64" bgcolor="ffffff" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true">


sniper/ หนึ่งในล้าน
id=objMediaPlayer1 width=150 viewastext>




















width="150" height="64" bgcolor="ffffff" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true">


เจย์ โชว/ Cloudess Day
id=objMediaPlayer1 width=150 viewastext>




















width="150" height="64" bgcolor="ffffff" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true">


Friends' blogs
[Add nsk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.