+ Karma says, "Do good things and good things happen, do bad things, they come back to haunt you." +
Group Blog
 
All blogs
 

ชวนไปฟังการบรรยายของคุณดังตฤณ เรื่อง "ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล"


“ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“
การบรรยายของคุณดังตฤณ (www.Dungtrin.com)
สถานที่: คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันเวลา: วันที่ 25 พ.ย. 2552 เวลา 13:00 – 15:00 น.
วิทยากร: คุณศรันย์ ไมตรีเวช (คุณดังตฤณ)
พิธีกร: นพ.พายุพล ศรีอภัย
รูปประกอบ: พี่ NY


คุณศรันย์ ไมตรีเวช (คุณดังตฤณ) in Chiang Mai 11/25/2009

คุณศรันย์ ไมตรีเวช (คุณดังตฤณ) & นพ.พายุพล ศรีอภัย in Chiang Mai 11/25/2009


View Videos:
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 1/6
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 2/6
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 3/6
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 4/6
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 5/6
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 6/6



» Video Part # 1 & 2
หัวข้อเดิม “ทำงานเก่งขึ้นด้วยคุณภาพจิตที่ดีขึ้น”
หัวข้อใหม่ “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล”

""ความสุข" เก่งแค่ไหนก็ยังไม่มีกัน บางคนยิ่งเก่งยิ่งมีความทุกข์ บางคนยิ่งเก่งต้องยิ่งหาหมอ ต้องเข้าไปพบจิตแพทย์บ่อยขึ้น เหตุผลมันง่ายๆ จิตถ้าหากว่ายังไม่ปล่อย จิตถ้าหากว่ายังมีอาการยึดอยู่ ยิ่งยึดแน่นเท่าไหร่ มันยิ่งใกล้ความเป็นบ้ามากขึ้นเท่านั้น คนเก่งนั้นแหละ ยิ่งเก่งเท่าไหร่ยิ่งยึดมากเท่านั้น ถ้าหากว่าเก่งด้วย และปล่อยวางเป็นด้วย เอาหลักวิชาของพระพุทธเจ้ามา Apply ทุกอย่างมันก็จะ Perfect ชีวิตมันจะลงตัว เป็นคนเก่งที่มีความสุข ไม่ใช่คนเก่งที่ต้องเสียค่าโรงหมอ เสียค่าจิตแพทย์ เสียค่ายา ปีละเป็นหมื่นๆ ..."

ความหมายของจิตที่มีคุณภาพ:
ประการที่ 1 จะต้องไม่โลภ
ประการที่ 2 จะต้องไม่หงุดหงิดง่าย
ประการที่ 3 จะต้องไม่ฟุ้งซ่าน
ประการที่ 4 จะต้องไม่มีความหดหู่
ประการที่ 5 จะต้องไม่มีความสับสนลังเล






» Video Part # 3 - ฝึกทำงานที่จำเจด้วยใจที่เป็นสีสัน
วิธีแก้ความหดหู่ เรียนรู้เก็บเกี่ยวความบันเทิงให้เป็น พักร้อนให้เป็นด้วยวิธีคิดและวิธีมอง
วิธีกำจัดความสับสนในที่ทำงาน หัดวางแผนการทำงาน และทำให้เป้าที่ใหญ่ที่สุดกลายเป็นภาพที่เล็กที่สุดในใจ...


» Video Part # 4 - คุณดังกฤณตอบคำถาม ช่วงที่ 1
//dungtrin.com/index.php?option=com_seyret&task=searchFiles&Itemid=284&searchkey=
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ทำอย่างไรถึงจะลดความเป็น Perfectionist ของตนได้?
-สวดมนต์แล้วรวยแคล้วคลาดจริงหรือ?
-จะทราบได้อย่างไรว่าเราถนัดกับอาชีพไหน?
-ศรัทธากับการทำบุญ?
-กีฬาสีการเมืองควรทำใจอย่างไร?
-ท้อแท้ทำงานเต็มที่แต่ออกมาไม่ดี?
-ดูจิตอย่างไรจึงไม่เป็นเพ่ง?


» Video Part # 5 - คุณดังกฤณตอบคำถามช่วงที่ 2
-ทำไมเวลานั่งสมาธิไม่จดจ่อเหมือนดูทีวี?
-กรรมอะไรทำให้มีอุปสรรคในการเรียน?
-อยากได้เกียรตินิยมต้องทำอย่างไร?
-ไถ่ชีวิตสัตว์ช่วยทุเลาอาการป่วยได้จริงหรือ?
-อยากแก้ไขการกระทำแย่ๆในอดีตควรทำอย่างไร?
-อาชีพกับการละเมิดศีล?


» Video Part # 6 - คุณดังกฤณตอบคำถามช่วงที่ 3
-ทำอย่างไรจะชักจูงคนในครอบครัวให้มาปฏิบัติธรรมได้?
-ออร่า ผี เทวดามีจริงไหม?
-ตัวชี้วัดความเร็วที่พอเหมาะพอดีในการทำงานคืออะไร?
-วิธีคิดและปฏิบัติตัวกับบุคลากรที่มักจะเสนอความคิดไปในทางลบ?
-การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกโอกาสใช่ไหม?
-เลือกการปฏิบัติที่เหมาะกับจริตของเราอย่างไร?
-การเจริญสติช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้ไหม?
-คนตายแล้วจะไปเกิดทันทีหรือเปล่า ผีกับวิญญาณต่างกันอย่างไร?
-เราจะมีวิธีแนะนำคนที่คิดสั้นให้กลับใจได้อย่างไร?
-ควรใช้ธรรมะข้อไหน ช่วยผลักดัน ให้เราทำสิ่งที่ตั้งใจจนประสบความสำเร็จ?

ตอนท้าย คุณดังกฤณตั้งคำถาม ถามผู้ชม
วันอาสาฬหบูชาปีนี้ (พ.ศ. 2552) ตรงกับเดือนอะไร?


View Videos:
» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 1/6

By K Dungtrin


» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 2/6

By K Dungtrin


» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 3/6

By K Dungtrin


» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 4/6

By K Dungtrin


» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 5/6

By K Dungtrin


» “ทำงานให้ใจเป็นสุข ทำใจให้งานเป็นผล“ Part 6/6

By K Dungtrin




นอร์ชก้าขอขอบคุณคุณดังตฤณ ที่อนุญาตให้นอร์ชก้าเผยแผ่ภาพและเสียง การบรรยายดีๆที่เชียงใหม่นี้ได้
ขออนุโมทนาร่วมกับท่านผู้บรรยาย พิธีกรและคณะผู้จัดงานบรรยายอันเป็นประโยชน์มากๆต่อสังคมไทย ในครั้งนี้ด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ



Wish you be very happy at your workplace!




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2552    
Last Update : 3 มกราคม 2553 6:55:43 น.
Counter : 3891 Pageviews.  

ชวนไปฟังธรรมะติดปีกสู่อเมริกา จาก ท่าน ว.วชิรเมธี ตอนที่สอง "ปริญญาวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต"



พระธรรมเทศนาโดย พระมหา ว. วชิรเมธี
Mekhong Thai Restaurant
Kennebunk, Maine, USA
Sunday April 29, 2007


W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk 28 Apr 2007
Picture 1 - W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk

พระมหา ว. วชิรเมธีเป็นพระนักเทศน์ และนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากรูปหนึ่งของประเทศไทย อ่านประวัติและผลงานที่ผ่านมาของท่านได้ที่นี่
» ประวัติและผลงานของท่าน ว. วชิรเมธี

วันอาทิตย์ที่ ยี่สิบเก้าเมษายนที่ผ่านมา นอร์ชก้าได้มีโอกาสเข้ารับฟังพระธรรมเทศนา โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี นามปากกา ว. วชิรเมธี ท่านได้รับนิมนต์จากเจ้าของร้านแม่โขง ที่เป็นร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่งของเมือง เคนเนบัง รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา

นอร์ชก้าขอกราบขอบพระคุณท่านพระมหา ว. วชิรเมธี ณ ที่นี้ ที่ได้ให้อนุญาตนอร์ชก้านำพระธรรมเทศนามาโพสต์ที่บล็อค

ความเดิมจากตอนที่ หนึ่ง - "ลิงกำถั่ว"

ท่านได้เล่าเรื่องลิงกำถั่ว และเปรียบเทียบว่า มนุษย์เราที่ทุกข์ทุกวันนี้เพราะอะไร ทำตัวเป็นพวกลิงกำถั่ว นั้นเอง

» อ่านเรื่องตอนที่หนึ่ง "ลิงกำถั่ว"
» วีดีโอประกอบตอนที่หนึ่ง "ลิงกำถั่ว"

Dharma by W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk
picture 2 – Dharma by W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk

เริ่มตอนที่สอง - "ปริญญาวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต"


ความต่อเนื่องจากตอนที่หนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังถึงการที่ท่านได้มาเยือนอเมริกา ตอนที่ท่านอยู่เมืองไทย ท่านทำงานหนักทุกวันเป็นระยะเวลานาน เพราะฉะนั้นท่านก็ขออนุญาตเจ้านายของท่าน ลาได้หนึ่งเดือนเต็ม เชิญอ่านความต่อไปดังนี้


“ใครเป็นเจ้านายอาตมา ก็อาตมานีแหละ ทำงานโดยขึ้นต่อตัวเอง เวลาทำงานก็ทำจริง ๆ เป็นพายุบุแคม แต่เราก็ต้องพักเพื่ออะไร เราไม่ใช่หุ่นยนต์ ถ้าเห็นว่าร่างกายมันเริ่มไม่ไหวแล้ว โอเวอร์โหลดแ้ล้วต้องหาเวลาที่จะพัก

แต่พักทั้งทีอาตมาก็ถือหลักว่า เรียนให้สนุกและก็เล่นให้ได้ความรู้ อาตมาจึงมาอเมริกา ตามที่โยมอาราธนา และถือโอกาสทัศนศึกษา ดูบ้าน ดูเมือง ดูพิพิธภัณฑ์ และก็ได้ความรู้กลับไป ก็ไปเทศน์ ไปสอนออกรายการโทรทัศน์ได้อีก นี่เรียกว่าในการพักผ่อนก็ได้มีการได้รับความรู้ด้วย

ฉะนั้นเราทุกคนกำลังเป็นรถที่วิ่งอยู่นะ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย เราทุกคนคือรถที่วิ่งอยู่ แต่รถที่ดีนั้นต้องวิ่งด้วยและก็หยุดด้วย อย่าวิ่งจนกระทั่งว่าเครื่องมันพัง และก็ไฟไหม้ และก็ระเบิดกันบนท้องถนนนะ ก่อนที่อาตมาจะมาก็มีรถระเบิดบนท้องถนน วิ่งเร็วมากและก็มันหยุดหย่อน ฉะนั้นเราทุกคนดูแลรถของเราให้ดี ๆ

ภาษาพระพุทธเจ้าเค้าเรียกว่าสรีระยนต์ ยนต์คือร่างกายคน ร่างกายของเราก็เป็นรถยนต์ มันก็วิ่งทุกวันทุกคืน ก็ขอให้เรียนรู้ที่จำทำงานให้เป็น หยุดให้เป็น และสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้รางวัลกับตัวเองด้วย เราทำงานหนักมาก เราไม่ค่อยให้รางวัลกับตัวเองเท่าไหร่

อย่างอาตมาทำงานก็มีคนให้รางวัลเรื่อยๆ แต่ก่อนที่คนอื่นจะให้รางวัลอาตมาให้ตัวเองแล้ว ทำยังไง อาตมาพยายามที่จะดูแลตัวเอง คือให้มีช่วงเวลาที่เป็นของเรา ดังนั้นในหนึ่งวัน อาตมาอยากให้เราทุกคน หัดให้มีชั่วโมงคุณภาพของตัวเอง ชั่วโมงคุณภาพคือยังไง คือมีเวลาสักช่วงหนึ่งที่เป็นของเราจริง ๆ อาจจะก่อนนอนก็ได้ เพื่ออะไร เพื่อพักผ่อน นั่งสมาธิเงียบ ๆ นิ่ง ๆ หรือไม่งั้นก็ทำงานอดิเรกที่เรารักจริง ๆ เพราะอะไร เพราะว่าทั้งวันเราให้เป็นชั่วโมงของการทำงาน ชั่วโมงของการเทคแคร์คนอื่น ลูกค้าคือพระเจ้า คนอื่นคือพระเจ้า แต่เราลืมไปว่า ถ้าคนอื่นคือพระเจ้าแล้วเราจะเป็นบ่าวไปทั้งชีวิตนี่ ตายนะ เราก็บอกตอนลูกค้ากลับ ฉันคือพระเจ้า หันมาดูแลตัวเอง เพื่อที่จะได้มีสุขภาพยั่งยืน มนุษย์เรานี่ถ้ามีทุกอย่างแต่สุขภาพไม่ดี นี่จบเลยนะ

ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ มาเรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่าง วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลุกเมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป ภรรยาพาเข้าโรงบาล ตรวจพบมะเร็ง พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน บันทึกชีวิตแก ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า พ่อผมเคยบอกว่าเกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ


ปริญญาใบที่หนึ่ง "ปริญญาวิชาชีพ" เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้ แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก เพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้ สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ แต่ละวันควรจะมี ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์ มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต หนึ่งปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเ้จ้า ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด บางคนก็ตอบเงิน บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์ พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่ สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ และก็ชีวิตของเรา

กว่าจะเกิดเป็นคนนี่มันยากเหลือแสน พระพุทธเจ้าบอกว่า เรามีหินก้อนใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง กว้างคูณยาวเอาง่าย ๆ เท่าสนามฟุตบอลขนาดนั้น ร้อยปีมีเทวดาออกมาแล้วเอาผ้าขาวมาเช็ดหินก้อนนั้นหนึ่งครั้ง เช็ดอยู่อย่างนี้ร้อยปีครั้ง ร้อยปีครั้งจนกระทั่ง หินก้อนนั้นละลายไปกินเวลานานมาก กว่าจะเกิดเป็นคนนานยิ่งกว่านั้นนับร้อยเท่านับพันเท่า เพราะฉะนั้นเราได้ชีวิตมาเป็นคน รักษาชีิวิตนี้ให้ดี ไม่ว่ามันจะทุกข์หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม แทบล้มประดาตาย เจ้าหนี้ทวงยังไงก็ตาม อย่าเพิ่งทำร้ายตัวเอง ถือหลักไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ถ้าเค้าทวง อย่าไปฆ่าตัวเองนะ ก็ไม่มีทำยังไงนะ หนีก็ไม่มีที่ไป รักษาชีวิตไว้นะ รักษาชีิวิตไว้ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะตันแค่ไหนก็ตาม ทางออกมีเสมอ จำไว้เลยนะ

อาตมาไปเทศน์ที่คุกบางขวาง มีนักโทษคดีอุกฉกรรจ์คนหนึ่ง ถูกสั่งประหาร รอประหารอยู่ มองนอนพัดลมทุกวัน เมื่อไหร่เค้าจะเรียกไปประหารก็ไม่รู้ รอให้คำสั่งมาถึง สามปี เซ็งมาก ตัดใจตายแต่มันไม่ตาย คำสั่งไม่มา วันหนึ่งไปเดินเล่น กลางสนามในคุกแคบ ๆ นะอาตมาก็เข้าไป เห็นพื้นซีเมนต์แห่งหนึ่งมันมีรอยปริแตกขึ้นมา และก็มียอดมันเทศโผล่ขึ้นมา"


บันทึกได้ถึงตรงนี้ เมมโมรี่คาร์ด(แผ่นบันทึกข้อมูล)เต็มค่ะเลยไม่ได้บันทึกพระธรรมะเทศนาต่อ

จำความได้ว่า ท่านได้เล่าต่อว่านักโทษอุกฉกรรจ์คนนั้นพอเห็นยอดมันเทศ ก็คิดได้ว่าขนาดยอดมันมันพยายามที่จะมีชีวิตอยู่โดยโผล่จากพื้นซีเมนต์ ทำไมตัวของเขาเองจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ คิดได้เช่นนั้นเขาจึงได้เริ่มแต่งเพลง แล้วส่งไปตามสถานีวิทยุและค่ายเพลงต่าง ๆ แต่งเป็นร้อย ๆ เพลง จนกระทั่งมีคนสงสัยอย่างเจอตัวคนแต่งเพลงคนนี้ และในที่สุดก็มีคนคิดที่จะนำเพลงเหล่านั้นไปทำเทปออกจำหน่าย ความถึงเจ้าหน้าที่ผู้คุมคุกที่เห็นว่านักคนนี้ทำชื่อเสียงให้กับคุก จึงทำเรื่องยื่นขอพิจารณาผ่อนผันโทษจาก โทษประหารชีวิต เป็นโทษที่เบาบางลง นักโทษคนนี้รอดตายเพราะเห็นตัวอย่างจากยอดมันเทศที่เดียว

จบจากการฟังพระธรรมเทศนา คณะพระสงฆ์ก็ให้พร และแผ่เมตตา คณะญาติโยมก็กรวดน้ำเป็นอันเสร็จพิธี


- รับชมวีดีโอตอนที่สอง

» วีดีโอประกอบตอนที่สอง ช่วงที่หนึ่ง


» วีดีโอประกอบตอนที่สอง ช่วงที่สอง

Spring Flower
Picture 3 – Spring Flower





 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2553 3:36:44 น.
Counter : 2423 Pageviews.  

ชวนไปฟังธรรมะติดปีกสู่อเมริกา จาก ท่าน ว.วชิรเมธี ตอนที่หนึ่ง "ลิงกำถั่ว"



พระธรรมเทศนาโดย พระมหา ว. วชิรเมธี
Mekhong Thai Restaurant
Kennebunk, Maine, USA
Sunday April 29, 2007


W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk 28 Apr 2007
Picture 1 - W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk

พระนักเทศน์ และนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากรูปหนึ่งของประเทศไทย อ่านประวัติและผลงานที่ผ่านมาของท่านได้ที่นี่
» ประวัติและผลงานของท่าน ว. วชิรเมธี

วันอาทิตย์ที่ ยี่สิบเ้ก้าเมษายนที่ผ่านมา นอร์ชก้าได้มีโอกาสเข้ารับฟังพระธรรมเทศนา โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี นามปากกา ว. วชิรเมธี ท่านได้รับนิมนต์จากเจ้าของร้านแม่โขง ที่เป็นร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่งของเมือง เคนเนบัง รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านประจำของครอบครัวประธานาธิปดีบุช ทุกปี บุชซีเนียร์ (George H.W Bush)และ ภรรยา (Barbara Bush) จะแวะมารับประทานอาหารหรือสั่งอาหาร ถ้ามาแวะพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวที่เมืองเคนเนบังนี้

Owners of Mekhong Thai and Bush Senior
picture 2 – Owners of Mekhong Thai and Bush Senior


นอร์ชก้าขอกราบขอบพระคุณท่านพระมหา ว. วชิรเมธี ณ ที่นี้ ที่ได้ให้อนุญาตนอร์ชก้านำพระธรรมเทศนามาโพสต์ที่บล็อค

ช่วงแรกท่านได้กล่าวทักทายญาติโยม และได้เล่าว่าท่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งนี้เพราะได้รับนิมนต์จากท่านกงสุลใหญ่ประจำนครชิคาโก้ และได้แวะเยี่ยมเยียนญาติโยมในรัฐ New York, Massachusetts, และ Maine ตามลำดับ

ตอนที่ หนึ่ง - ลิงกำถั่ว


Dharma by W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk
picture 3 – Dharma by W. Vajiramedhi Thai Buddhist Monk



» ตอนที่หนึ่งลิงกำถั่ว


ท่านได้เล่าเรื่องลิงกำถั่ว และเปรียบเทียบว่า มนุษย์เราที่ทุกข์ทุกวันนี้เพราะอะไร ทำตัวเป็นพวกลิงกำถั่ว นั้นเอง

“เมืองของพระพุทธเจ้า เค้าเรียกว่าสิทธัตถะนคร (ประเทศอินเดีย) พอเข้าไปถึงปุ๊บ เราจะผ่านป่าสาระใหญ่ หนานี่เป็นหมื่นต้นนะ เค้าตั้งชื่อเมืองว่าสิทธัตถะนครเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า พอเราไปถึงปุ๊บโชเฟอร์(คนขับรถ) เค้าก็จะบีบแตรรถเสียงดัง อาตมาก็ว่าเค้าบีบ(แตร)ทำไม พอซักพักหนึ่ง อีกซักห้านาทีเท่านั้นเอง สองฝากถนนเต็มไปด้วยทหารพระราม “ลิง” ลิงออกมายืนเข้าแถวเต็มไปหมด เอาแฮคหรือฮอล์โยนลงไปนะ มันจะแกะให้เราดูเลยนะ และกินแต่ข้างใน เห็นความฉลาดมั้ย นั่นคือลิง เอากล้วยยื่นให้เค้าจะปอก ปอกเสร็จแล้วเอาเปลือกคืน ฉลาดไหม? โดยเฉพาะทัวร์ไทยนี่เค้าสนิทมาก เพราะว่าเราไปบ่อย แต่เวลาถ่ายรูปอย่ายื่นกล้องออกไปเดี๋ยวเค้าดึงนะ เค้าดึงกล้อง ที่นี่ลิงเมืองนี้มันเยอะ ชาวสวนเค้าก็เดือดร้อนมาก ทำยังไงลิงชอบลงมากินถั่วกินอะไรที่ปลุกเอาไว้ ชาวสวนก็หาวิธีจับลิงก็จับไม่ได้ อยู่มาวันหนึ่งก็มีชาวสวนคนหนึ่งฉลาดมาก แกไปได้หม้อ เป็นหม้อปากแคบเค้าเรียกว่าเป็นหม้อปากสอด เอาถั่วใส่ไว้เต็มเลยลิงมันอยากจะกินถั่ว มันก็เอามือสอดเข้าไป พอสอดเ้ข้าไปมันก็กำ(ถั่ว)ไว้เต็มที่ พอมัน(กำ)เต็มที่ มันก็ดึง(มือ)ไม่ออก ไปไหนมันก็ลากหม้อ พอลากหม้อ มันก็เสียงดังใช่มั้ย ชาวสวนก็รีบวิ่งมาจับลิง จับลิงเอาลิงมาขาย เอามาทำงานใช้ขึ้นมะพร้าว ลิงซึ่งเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก ถูกชาวสวนจัดได้เพราะอะไร เพราะว่ากำถั่ว มันกำถั่วแน่น ๆ มันดึงออกไม่ได้ วิธีง่ายนิดเดียวนะ ถ้ามันยืนมือเข้าไปมันกำถั่วเสร็จแล้ว พอชาวสวนวิ่งไล่จับ มันก็ปล่อย ถั่วมันก็หลุด ทำไมลิงมันดึงมือออกไม่ได้ เพราะว่าลิงมันกำถั่วอยู่

นี่เห็นมั้ย? คุณโยมว่าเคล็ดมันอยู่ตรงไหนรู้มั้ย มาเทียบกับมนุษย์เรา มนุษย์เราที่ทุกข์ทุกวันนี้เพราะอะไร ทำตัวเป็นพวกลิงกำถั่ว ใช่มั้ย? บางที่ทุกข์มันจบไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว อาทิตย์นี้ชั้นยังเก็บอยู่เลย โดนเค้าด่าตั้งแต่อาทิยต์ที่แ้ล้ว อาทิตย์นี้ยังแค้นไม่หาย บางคนเป็นลิงกำถั่วอยู่ปีสองปี หนักหนาสาหัส สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาเจ็ดวัดเจ็ดวาไม่หาย เพราะอะไร ตัวความทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ไม่ได้อยู่ที่ใคร มันอยู่ที่ในจิตในใจเรานี่เอง

อาตมาเคยเจอโยมคนหนึ่งอกหักรักคุด แค้นแฟนเก่ามาก ขนเสื้อขนผ้าไปทิ้งหมดเลย สามปีไม่หาย ไปนั่งเล่าให้อาตมาฟัง อาตมาถามว่าทำไมโยมตัดใจจากเค้าไม่ได้? โยมก็เล่าสาระพัดว่าทุกอย่างก็ทำลายหมดแล้วแต่ตัดเ้ค้าไม่ได้ อาตมาถามว่าแล้วในกระเป๋าโยมนะเหลือมั้ย เค้าก็ชักกระเป๋ามาให้ด ูรูปแฟนเก่าอยู่ในกระเป๋า ไอ้นี่ก็พวกลิงกำถั่วเหมือนกัน มันทิ้งหมดเลยนะของที่เคยให้กัน เก็บลงกล่องส่งคืนแฟนหมด แต่ในกระเป๋ายังเ็ก็บไว้รูปนึง มันยังลืมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเอาเข้าจริง ๆ ความทุกข์ไม่ได้อยู่ข้างนอก อยู่ข้างในในจิตในใจเรา

ดังนั้นถ้าเวลาเรามีทุกข์ให้คุณโยมนึกถึงข้อดีของรถ รถนี่มีข้อดีตรงไหน คือวิ่งได้เร็วใช่มั้ย? แต่รถที่ไม่มีเบลคอันตรายมั้ย? อันตรายมาก คนเราเ้ช่นเดียวกัน ข้อดีของการเป็นมนุษย์ เราเกิดมาแล้ว สุขภาพดี มีวิชาความรู้ ทำอะไรเดินเหินได้ ไปไหนมาไหนได้ คิดได้พูดไ้ด้กินได้ แต่ถ้าเราหยุดไม่ได้เราทุกข์มั้ย? ทุกข์ ดังนั้นพอถึงเวลากลางคืนปุ๊บธรรมชาติ บังคับให้มนุษย์ต้องนอน นั้นแสดงว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะหยุด หลังจากที่เราวิ่ง

ฉะนั้นโดยสรุปนะ

หนึ่ง ความทุกข์บรรดามีในชีวิตของเรา ที่เราทุกข์กันมากเพราะเราไม่ปล่อยวางนะ บางสิ่งบางอย่างที่มันทำร้ายจิตใจเราจนกินไม่ได้จนนอนไม่หลับ จริง ๆ มันทำร้ายเราไม่ได้หรอก ทันทีที่มันเกินขึ้นมัันก็ดับไป ทันทีที่เค้าหลุดปากด่าเรา คำพูดนี่หลุดจากปากเค้า มันก็เป็นอากาศไปแล้ว แต่มันทำร้ายเราเหมือนเข็มซักร้อยเล่มเพราะอะไร เพราะเราเก็บไว้ ดังนั้นอย่าเป็นลิงกำถั่ว เวลามีความทุกข์อย่าเป็นลิงกำถั่ว หัดปล่อย หัดวาง

สอง เวลาเราทำงานมาก ๆ ก็เหมือนรถที่วิ่งเร็ว รถที่วิ่งเร็วก็ไปได้ไกล แต่รถที่วิ่งเร็วไม่หยุด วันหนึ่งมันต้องเจออุบัติเหตุแน่นอน คุณโยมทำงานกันมากต้องระมัดระวัง บอกตัวเองว่าต้องมีวันหยุดสำหรับตัวเอง”


- ตอนที่สอง
» ตอนที่สอง ชวนไปฟังธรรมะติดปีกสู่อเมริกา จาก ท่าน ว.วชิรเมธี ตอนที่สอง "ปริญญาวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต"

Spring Flower
Picture 4 – Spring Flower





 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2553 3:36:14 น.
Counter : 1774 Pageviews.  


Noshka
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





"ทุกข์เกิดขึ้นเมื่อคุณเสียนาทีนี้ให้นาทีอื่น ชีวิตเป็นได้แค่สิ่งลวงตา ถ้าคุณไม่เคยมีนาทีนี้อยู่จริง" ดังตฤณ 7/15/2010

☼ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ☼
ношкa โนชาก้า (ru)
=Noshka (en)
=潘晶宁
พานจิงหนิง (中文)
=นอร์ชก้า(ไทย)

ชื่อเล่น=นอร์ช,หนิงๆ,Puccaไฉไล

☼ Dhamma Board ☼





Noshka’s Recent Blogs


» 泰(tài)ไทย, 和(hé)สามัคคี
» Sign Noshka's Guestbook



Click to view more info...泰(tài)ไทย และ 和(hé)สามัคคี : สองอักษรจีนจากใจ


Disclaimer
Some contents on this site have been collected from other Internet sources. Those items are only being used for educational purposes. All items copyright to their respective owner, no copyright infringement intended. If you are the copyright holder and would like to receive credit, or do not approve of it being shown on the site, please contact me.
You must not use any part of the materials on my site for commercial purposes.



Thank you
^^Profile picture by Noshka
^^Comment box picture
Pucca Cupid (อาหมวยไฉไล)
Friends' blogs
[Add Noshka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.