Something is never missing - your imagination in your own world
Group Blog
 
All Blogs
 

Decoding "The Secret Code" : Tohoshinki - ความงดงามเมื่อยามราตรี

เมื่อบล็อกที่แล้วได้พูดถึงอัลบั้มของโทโฮชินกิที่ชื่นชอบที่สุดไปแล้วซึ่งก็คือ Heart, Mind and Soul ซึ่งส่วนตัวคิดว่างานชุดนั้นเป็นงานที่โชว์ศักยภาพของโทโฮชินกิได้ดีอีกอัลบั้มหนึ่งเลยทีเดียว ทีนี้พอเห็นมีคนเริ่มมารีวิวอัลบั้มล่าสุด The Secret Code ก็เลยเกิดคันไม้คันมืออยากรีวิวขึ้นมาฟังบ้างจึงเกิดเป็นรีวิวนี้นะครับ


และแน่นอนครับ นี่เป็นความเห็นส่วนบุคคล ถ้าเกิดเห็นตรงกันไม่ตรงกันยังไงก็คอมเม้นต์กันมาได้นะครับ


The Secret Code - Tohoshinki 9/10


คงจะไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากแล้วสำหรับเทพเจ้าแห่งโลกตะวันออกนามทงบังชินกิ หรือ โทโฮชินกิ เพราะห้าหนุ่ม เซีย มิคกี้ ฮีโร่ แม็กซ์ ยูโนว์ ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับเอเซียและระดับโลกไปเรียบร้อยแล้วด้วยปริมาณแฟนคลับที่ได้รับการจารึกลงกินเนสส์บุ๊คว่ามากที่สุดในโลก สิ่งเหล่านี้ล้วนพิสูจน์ได้ในวันนี้แล้วว่าพวกเขาเป็นของจริงในวงการเพลงป็อปที่มักจะขายหน้าตาสวยๆ หล่อๆ มากกว่าความสามารถที่อาจจะมีคนมองข้ามไป ยอดขายอัลบั้ม อันดับบนชาร์ต เหล่านี้ล้วนเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีโดยไม่ต้องประกาศออกมากันปาวๆ ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี


ปลายปีที่แล้วเราเห็นอัลบั้มที่ 4 ในเกาหลีออกมาแล้ว พอมาถึงช่วงเข้ากลางปีนี้เราก็ได้มีโอกาสเห็นอัลบั้มชุดที่ 4 ในญี่ปุ่นคลอดตามกันออกมาติดๆ แบบนี้ แฟนขาจรขาประจำอย่างพวกเราก็ย่อมรู้สึกตื่นเต้นว่างานนี้ทงบังชินกิจะพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองไปถึงขั้นไหนอีก เพราะแต่ละก้าวย่างที่เดินไปก็จะพบกับพัฒนาการที่น่าประทับใจมาโดยตลอด


แล้วอัลบั้มที่ 4 นี้เป็นยังไงบ้าง?


ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้ว อัลบั้มนี้อาจไม่ใช่งานที่ฟังแล้วติดหูได้ในทันทีเหมือนอัลบั้ม T ที่เพลงหลายๆ เพลง ทั้งที่เป็นและไม่เป็นซิงเกิ้ลต่างก็มีความติดหู เรียกกันง่ายๆ ว่าฟังแล้วก็ชอบเลย อย่างเช่น Purple Line, Summer Dream, Love in the ice, Kiss Shita, SHINE ที่ฟังครั้งแรกคุณจะหลงรัก แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ The Secret Code มีให้คือพัฒนาการทางดนตรีที่ผลักดันตัวเองไปไกลอีกขั้นหนึ่ง (สารภาพว่าหลายๆ แทรคฟังรอบแรกแล้วไม่เก็ตเอาเสียเลย แต่พอฟังนานๆ เข้า จะยิ่งชอบมากขึ้น และอาจหยิบมาฟังได้บ่อยกว่าอัลบั้มอื่นๆ ในอนาคตด้วยนะครับ )


ภาคดนตรีในอัลบั้มนี้แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คืองานแบบเจป็อปและบัลลาดหวานๆ ที่ยังคงเป็นงานขายของโทโฮชินกิอยู่ และงานแบบซาวนด์ดนตรีผิวสีที่ยกขบวนกันมาหลากหลายแนวอาทิเช่น แจ๊ส สวิง อาร์แอนด์บี เออร์บัน ฮิพฮอพ แม้กระทั่งเรกเก้! คลุกเคล้าอยู่บนพื้นฐานของดนตรีป็อปและอิเล็คโทรที่ได้มาจากงานชุดที่แล้วและงานทางฝั่งเกาหลีอย่าง Mirotic ที่ซานด์สังเคราะห์ชัดเจนมาก แน่นอนว่าลักษณะของความหลากหลายแบบอัลบั้มญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ หากแต่คราวนี้ความหลากหลายต่างตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือซาวนด์ที่มีการพัฒนามากขึ้น


ในด้านบรรยากาศและอารมณ์ ถ้าอัลบั้ม T มีความสดใสและสนุกสนานเหมือนยามกลางวันเริ่มตั้งแต่เช้า (Together, Shine) กลางวัน (Summer Dream) เต็มอิ่มอารมณ์ยามบ่ายทั้งสุขและเศร้า (Day Moon, Song For you, Rainbow, Love in the ice) เรื่อยไปจนถึงความืดหมื่นยามพลบค่ำ (DARKNESS EYES, Purple Line) ภาคดนตรีของ The Secret Code คือสื่อแทนอารมณ์ยามกลางคืน (Taxi, Doushite, Wasurenaide, FORCE) เรื่อยไปจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ (Box in the ship, Kiss the baby sky, We are!)อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะความมืดหม่นอย่างเดียว แต่ความผ่อนคลาย สบายๆ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เมื่อฟังอัลบั้มนี้ครั้งแรกผมจึงนึกถึงความรู้สึกเวลากลางคืนมากกว่ากลางวันนะครับ


TRACK-BY-TRACK


Secret Game 8.5 - แทรคเปิดอัลบั้มที่มีความเป็นสวิงแจ๊สผสมกับบีทเต้นรำ นึกถึงยุค 30's ขึ้นมาไม่น้อย  เพราะยุคนั้นแจ๊สเป็นดนตรีที่คนอเมริกันนิยมกันจริงๆ รายละเอียดดนตรีเยอะดีเหมือนกัน ติงว่าสั้นไปหน่อยจนแอบนึกว่าเป็น Introlude นะครับ


Force 8.5 - อาร์แอนด์บีโยกๆ ที่มีกลิ่นอเมริกันอยู่ลอยเต็มไปหมด (แอบนึกถึง track อย่าง get right อยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย) ภาคดนตรีดูมืดหม่นนิดๆ นึกถึงคลับใต้ดินเวลาดึกๆ เอาไปเปิดแล้วน่าจะเหมาะนะครับ (แทรคนี้วางเสียงกันดีทุกคนเลย เป็นแทรคที่ชอบฟังมากครับ)


Doushite Kimi wo Suki ni Natte Shimattandarou? 10 - บัลลาดอาร์แอนด์บีบางๆ ที่พิสูจนแล้วว่าเพลงบัลลาดดีๆ สักเพลงที่สื่ออารมณ์ให้คนฟังได้ดีไม่จำเป็นจะต้องอิมโพรไวซ์กันกระจายเสมอไป วางเสียงนุ่มๆ ประสานงามๆ ก็ทำให้แทรคนี้เป็นแทรคโปรดและเข้าทำเนียบบัลลาดคลาสสิคตาม Asu wa Kuru Kara, Begin, Love in the ice ไปอีกหนึ่งเพลง ต้องขอชมเสียงของแจจุงกับเซียในเพลงนี้ว่าถึงอารมณ์จริงๆ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย ยิ่งฟังจะยิ่งรัก และถ้าคุณอกหักจะยิ่งเจ็บปวด 


Nobody Knows 9 - เห็นชื่อเพลงนึกว่าจะเป็นเพลงช้า แต่พอเปิดมาเป็นคนละเรื่องเลย  เป็นมิดเทมโปโยกๆ แบบแจ๊สที่ดีอีกเพลงหนึ่ง (หลายๆ แทรคก็จะเป็นอย่างนี้ไปทั้งอัลบั้ม ถ้าคนรักก็จะรักมาก แต่ถ้าไม่รักนี่ท่าจะแย่เลย เผอิญผมเป็นคนประเภทแรกซะด้วย) ท่อนฮุคเพลงนี้ร้องกันมันเหลือใจ ยักย้ายกันไปมาได้ทั้งเพลงแน่นอนครับ (แถมด้วยเปียโนโซโล่ท้ายเพลงนี่เด็ดสุดยอดจริงๆ)


Beautiful you 8 - ตอนแรกฟังแล้วไม่ชอบเลย เพราะเพลงนี้ดูจะแตกต่างไปจากงานที่ผ่านๆ มา เพราะเสียงกีตาร์ลอยเด่นมากับมิดเทมโปแบบนี้ทำให้ฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นหู แต่ฟังหลายๆ ชอบก็ถือได้ว่าเป็นแทรคที่ดีแทรคหนึ่ง (ให้คะแนนมากขึ้นจากคอนเสิร์ต T ที่จุนซูเล่นอิมโพรไวซ์ท่อนสุดท้ายแบบฆ่าคนฟังตายไปเลย ทำให้เพลงนี้มีสีสันมากขึ้นอีก ก็ดีนะครับ)


Wasurenaide  9 - บัลลาดนุ่มๆ ท่วงทำนองเศร้าบาดใจซึ่งเป็นงานขายแบบเจป็อปกลับมาอีกครั้ง งานนี้พระเอกของเราอย่างแจจุงทำหน้าที่ได้ทีเดียว ใช้เสียงนุ่มๆ เป็นเสียงหลักอันเป็นเอกลักษณ์สร้างอารมณ์ซึ้งๆ ให้กับเพลงนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ไลน์ประสานของคนอื่นๆ ก็กลมกล่อมเข้ากันได้ดีมากๆ ทำให้นึกถึงงานเก่าๆ อย่าง Loving you หรือ Forever Love ได้ไม่ยากนัก


9095 9 - นึกว่าใบ้หวยหรือเปล่า แต่แทรคนี้เป็นมิดเทมโปที่มีกลิ่นของแจ๊สนิดๆ ผสมกับอาร์แอนด์บี ให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในคลับหรูๆ จิบเครื่องดื่มอะไรประมาณนั้น แทรคนี้เป็นแทรคที่แสดงให้เห็นด้านเท่ๆ และเป็นแทรคที่น่าจะชอบกันได้ไม่ยากนัก ชอบเสียงยุนโฮเพลงนี้จังเลย ดูเข้ากับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีด้วยนะนี่


Jumun (Mirotic) 8 - เพราะคุ้นกับเวอร์ชั่นเกาหลีมากกว่าก็เลยอาจชอบเวอร์ชั่นมากกว่า (แถมไม่ใช่ under my sky ด้วย ซึ่งมันผิดความหมายอย่างแรง!!!) แน่นอนว่าแทรคนี้ก็ลงตัวในแง่ของการเป็นแทรคอิเล็คโทรป็อปที่ได้กลิ่นของดนตรีแบบอเมริกันมาจึงเข้ากันกับเพลงอื่นๆ ได้ดีทีเดียว (ทำไมแร๊พเวอร์ชั่นนี้ยุนต้องทำเสียงแปลกๆ ด้วย ไม่เข้าใจครับผม???)


Taxi 9.5 - เสียงชางมินขึ้นมาก็บาดใจสุดๆ แล้ว ยิ่งฟังต่อไป โอ้โห! นี่มันเพลงเพราะกระชากไส้จริงๆ ร้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร ทุกคนปล่อยพลังพ่นไฟกันอย่างเต็มที่ ให้ภาคดนตรีอ่อนลงนิดเพื่อให้ได้โชว์การร้องอย่างเต็มที่แล้วค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ บาดใจกันไปหลายแผล เป็นบัลลาดที่น่าจะรอวันเข้าขั้นงานคลาสสิคได้ดีอีกเพลงหนึ่งแน่นอน  


Stand up! 8.5 - ฟังเพลงนี้แล้วทำให้นึกถึงพวกบอยแบนด์เก่าๆ อย่าง Blue เหมือนกันนะเนี่ย เพราะบลูเองก็ทำดนตรีคล้ายๆอย่างนี้เหมือนกันคือเป็นป็อปที่มีความเป็นอาร์แอนด์บีเข้ามาผสมด้วยเช่นกัน ท่อนเข้าฮุคสุดท้ายเป็นท่อนที่เยี่ยมสุดๆ โชว์การประสานโดยให้เสียงแบบกวนนิดๆ ตามแบบลักษณะของซาวนด์แบบดนตรีของคนผิวสีซึ่งทำออกมาได้ดีจริงๆ 


Survivor 8.5 - ขึ้นมานึกถึงเพลงคลาสสิคอย่าง Rising Sun นิดๆ เหมือนกัน แต่แทนที่จะใช้เครื่องสายไปตลอดก็เปลี่ยนมาเป็นดนตรีสังเคราะห์แบบหม่นๆ (หรือที่เรียกส่วนตัวว่าแบบกระป๋องๆ อะไรทำนองนั้น) เป็นแทรคที่เต้นได้จริงๆ อีกแทรคหนึ่งที่รู้สึกว่าก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ถ้าหวังจะเต้นกันแบบเสียเหงื่อหลายปิ๊บเพลงนี้ก็อาจจะไม่ได้ออกมาเป็นแบบนั้น แต่โดยรวมก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ


Kiss the Baby Sky 9.5 - แทรคแบบนี้จะต้องมี ไม่มีไม่ได้ เพราะอย่างน้อยดนตรีสบายๆ ผ่อนคลายๆ แบบนี้ โทโฮชินกิไม่เคยพลาดเลยสักเพลง เปรียบไปแล้วแทรคแบบนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งที่เท่ตั้งแต่หัวจรดเท้าบางทีเขาก็มีด้านที่เป็นเด็กๆ มีความน่ารักๆ ในตัวเองในแบบที่ใครๆ เองก็มองข้ามไปเหมือนกัน ฟังยามร้อนๆ แบบนี้รับรองว่าเย็นกายเย็นใจ แถมเอ็มวีที่ทำออกมาก็สีฟ้าสดใส สบายตาจริงๆ ชอบมากๆ เลยครับ


Bolero 9 - แทรคนี้เป็นแทรคที่โชว์พลังเสียงได้ดีจริงๆ ดนตรีก็อลังการงานสร้าง นึกถึงงานแบบ Choir แบบดนตรีในโบสถ์อะไรประมาณนั้น (แต่ความเห็นส่วนตัวผมขอติว่าตอนเริ่มเริ่มมาแบบงงๆ แบบว่า อ้าว! นี่เริ่มแล้วเหรอ) ภาคดนตรีและการดีไซน์การร้องทำให้นึกถึง Forever Love อยู่นิดๆ การอิมโพรไวซ์ในท่อนท้ายๆ ทำให้เห็นว่าพัฒนาการด้านการร้องของทุกคนก้าวไปไกลจากจุดเริ่มต้นมากทีเดียว


We Are! 9.5 - แม้จะไม่ใช่สาวกการ์ตูน แต่ดนตรีแบบเจป็อปที่อัดความเป็นร็อคเข้ามาหน่อยๆ ทำให้ยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ฟังแล้วเกิดความรู้สึกลั่นล้าแบบนี้ก็เลยเป็นแทรคที่ชอบมากๆ อีกแทรคหนึ่งในอัลบั้มนี้ ได้ความรู้สึกแตกต่างไปจาก Together แบบขาวกับดำเลยทีเดียว


Take Your Hands -i.am.electro REMIX- 9 - เพลงเร็วที่มีสไตล์แบบดนตรีอเมริกันเต็มที่ แทรคนี้เป็นรีมิกซ์ที่อัดความเป็นอิเล็กโทรเข้าไปอย่างเต็มที่ อาจจะไม่ติดหูในครั้งแรกเหมือน Purple Line ได้กลิ่นของความเป็นร็อคเข้ามานิดหน่อยทำให้เพลงนี้ดูเข้มๆ ขึ้นมาอีกระดับ ส่วนตัวชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นปกติเพราะว่ามันอิเล็คโทรเข้าขั้นได้ใจ (แต่ที่ชอบจริงๆ ก็คือแร๊พเพลงนี้มันเท่จริงๆ ชอบครับ)


Box in the ship 9 - เรกเก้ป็อปมหัศจรรย์คลายร้อน ฟังแล้วผ่อนคลายสบายๆ เหมาะสมกับการเป็นเพลงประกอบเครื่องเล่นในสวนสนุกจริงๆ ความครื้นเครงแบบหน้าร้อนของเพลงนี้อาจจะดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับซิงเกิ้ลหน้าร้อนปีก่อนๆ แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆ สบายๆ ไปอีกแบบนะครับ


Sennen Koi Uta 8 - จริงๆ แล้วแทรคนี้ก็ไม่มีแย่อะไรมากมาย แต่พอดีมาอยู่ท้ายๆ แบบนี้ เจอแทรคที่ดีกว่ามาก่อนก็เลยดูด้อยไปอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะเป็นความลำเอียงส่วนตัวที่เทใจไปให้ Day Moon เป็นเพลงซาวนด์แทรคสุดโปรดไปแล้ว พอมาเจอเพลงอื่นก็เลยเฉยๆ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ


Northstar's pick : Doushite, 9095, Taxi, Kiss the baby sky, We are! 


สรุป


สิ่งที่ต้องชื่นชมกันจริงๆ ก็คือพัฒนาการที่ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อตัวศิลปินเอง เพราะการย่ำอยู่กับที่ถือได้ว่าเป็นการทำลายตัวเองจริงๆ ดังนั้นการเสี่ยงทำงานใหม่ๆ สไตล์ที่เติบโตขึ้นก็เป็นผลดีต่อแฟนๆ ที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ และเติบโตไปกับศิลปินด้วยเช่นกัน น่าปลื้มใจที่หลายปีก่อนเราเห็นเด็กหนุ่มคนห้าร้องเพลง Hug แบบอ่อนใสวัยเยาว์แล้วหลายปีต่อมาเราก็เห็นห้าหนุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบมาโชว์พลังเสียงตระการตาแบบ Bolero เช่นนี้ แน่นอนว่าอัลบั้มนี้อาจไม่เหมาะให้คนที่ไม่เคยฟังงานของโทโฮชินกิหยิบมาฟังเป็นงานแรก เพราะมันไม่ได้โจ๊ะติดหูในทันทีที่ได้ฟังครั้งแรก (ยกเว้นแต่คุณเป็นพวกชอบฟังงานที่มีรายละเอียดของดนตรีมากๆนะครับ) แต่งานชุดนี้เป็นงานที่ยิ่งฟังยิ่งเจอรายละเอียดมาก เจอข้อดีมาก แล้วคุณจะชอบ


ถ้าเปรียบเป็นผู้ชายสักคน มิโรติคอาจเปรียบเป็นผู้ชายที่ใส่ชุดสตรีทสุดๆ แต่ก็มีบางวันแอบจิกสูทมาเดินเล่น T จะเป็นสไตล์หนุ่มสตรีทญี่ปุ่นที่มีมาดนิดๆ แต่ The Secret Code คือหนุ่มเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่บางทีก็เต้นมากจนเสื้อแอบหลุดออกมาเหมือนกันเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืน เอาเป็นว่าถ้ารักกันจริงก็อุดหนุนงานของโทโฮชินกิกันต่อไปนะครับ  




 

Create Date : 29 มีนาคม 2552    
Last Update : 29 มีนาคม 2552 23:22:56 น.
Counter : 245 Pageviews.  

Heart, Mind and Soul : Tohoshinki - แม้จะเป็นก้าวที่หนึ่งแต่ก็ตราตรึงใจ

เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนที่จะเริ่มอัลบั้มใหม่ The Secret Code ที่จะออกที่ญี่ปุ่นและ (ถ้าไม่ขี้เกียจเกินไป) ก็อาจจะมารีวิวให้ได้อ่านกันอีก วันนี้ก็เลยจะมาพูดถึงอัลบั้มที่ประทับใจมากที่สุด เมื่อมานั่งจัดอันดับเอาเองแล้วหลังจากที่ได้มองจำนวนครั้งที่เพลงแต่ละเพลงถูกเล่นจากทั้งอัลบั้มภาษาเกาหลีและญี่ปุ่นก็เลยพบว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่หยิบมาฟังมากที่สุด


จริงๆ แล้วเมื่อก่อนไม่ได้ชอบงานเพลงฝั่งเอเชียสักเท่าไหร่เลยนะครับ แต่หลังๆ ยอมรับว่ากระแสมาแรงมากเหมือนกันก็เลยลองเปิดใจรับเอาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาบ้าง ผล...ก็ติดหนึบจนวางไม่ลงมาจนถึงปัจจุบันนี้ยังไงละครับ


แล้วทำไมต้องเป็นทงบังชินกิ (หรือ โทโฮชินกิ)


อืมมม...อันนี้พูดกันแบบตรงๆ ไม่มีมาอวยกันนะครับ เพราะว่าผมยอมรับจริงๆ ว่างานของทงบังชินกิเป็นงานที่มีคุณภาพจริงๆ ทั้งเพลงเร็วที่เต้นกระจายและเพลงช้างานขายเสียงเพราะๆ ที่ก็ทำได้ดีเหมือนกัน


และก็คงจะเป็นเพราะงานขายเสียงดีๆ อย่างอัลบั้มที่ออกที่ญี่ปุ่นชุดนี้ก็เป็นได้ที่ทำให้ผมชอบ Heart,Mind and Soul มากจนหยิบมาฟังกี่ที่ก็ไม่เคยนึกเบื่อเลยสักครั้ง


Track by Track (แต่งานนี้ไม่รีวิวซิงเกิ้ลที่ออกเป็นเวอร์ชั่นเกาหลีด้วยนะครับ)


Introlude : ให้คะแนนไม่ได้นะครับ เพราะมันเป็นแค่แทรคเริ่มต้น Smiley


Kotoba wa Iranai 9 : ใครจะเชื่อว่าหลังจากอินโทรลูดจะเป็นเพลงบัลลาดเพลงแรกในอัลบั้ม กรุ่นกลิ่นอบอุ่นสุดๆ เหมาะมากสำหรับการฟังหน้าหนาวและคู่รักที่อยากจะได้เพลงน่ารักๆ ความหมายดีๆ ไปใช้กันอีกสักเพลงนึงเนอะ (ขึ้นมาท่อนแรกก็แอบขนลุกแล้ว ประสานกันแจ่มมากๆ)


Asu wa Kuru Kara 10 : มีสิบให้สิบ มีร้อยให้ร้อย ไม่มีกั๊กคะแนนกันกับเพลงนี้ที่ขึ้นหิ้งเป็นเพลงบัลลาดสุดโปรดตลอดกาลไปเรียบร้อยแล้ว บัลลาดหวานหยดย้อยที่มีเนื้อหาดีๆ ไลน์ประสานก็งดงามมากๆ อบอุ่นลงตัว ไม่มากไป ไม่น้อยไป ส่วนจุนซูก็โชว์ทักษะการอิมโพรไวซ์อย่างเต็มที่จนเรียกได้เลยว่าแทรคนี้เป็นแทรคของจุนซูจริงๆ (ส่วนไลฟ์ที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็น Five in the Black นะครับ ร้องได้กำลังดีเลยทีเดียว) 


Somebody to Love 8.5 : บีทเต้นกลางๆ ชวนโยกก็เป็นอีกแทรคที่ฟังได้เพลินๆ สไตล์แบบนี้หายากอยู่เหมือนกันกับงานเพลงในเกาหลีที่ดูจะเป็นแนวเต้นหนักๆ มากกว่า และเวลาร้องสดก็ยิ่งมันมากขึ้นไปอีกด้วยบรรยากาศที่เชียร์อัพคนดูกันลืมตาย ช่วงท้ายๆ ของคอนเสิร์ตจึงเป็นอะไรที่สนุกมากๆ


My Destiny 8.5 : เศร้า เหงา และฟังแล้วก็ให้อารมณ์ซึมๆ ตามแบบที่เพลงมันควรจะเป็นได้เป็นอย่างดี ชอบท่อนสุดท้ายที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษก่อนที่จะเฟดเอ้าท์ออกไป อันนี้ฟังแล้วดูเหงาจริงๆ ครับ


Break up the shell 8 : เต้นกระจายกันได้เสียทีหลังจากเพลงอื่นๆ เป็นบัลลาดและมิดเทมโปที่ได้แค่โยกสวยๆ กันพองาม เพลงนี้มีบีทหนักๆ พร้อมกับใส่ทำนองแบบภารตะเข้าไปด้วย ก็ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวดีอยู่ แต่ถ้าจะมีใครหลงลืมแทรคนี้ไปไม่ใช่เพราะมันไม่ดีหรอกครับ แต่เพราะว่ามันมีแทรคอื่นที่อาจจะดีกว่าหรือคนชอบฟังกันมากกว่าเท่านั้นเอง


Stay with me tonight 9 : อาจจะดูเหมือนเป็นซิงเกิ้ลที่ถูกลืม (และก็ถูกลืมไปจริงๆ ถ้าตอนหลังไม่ได้มีโอกาสฟังตั้งแต่ต้นจนจบแล้วมาพบกับแทรคนี้เสียก่อน) แทรคกลิ่นสแปนิชกีตาร์ดูเซ็กซี่เหมือนๆ กับเนื้อเพลง และพอได้มาลองฟังเพลงนี้ก็เป็นเพลงอีกเพลงหนึ่งที่ฟังแล้วก็รู้สึกชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีอยู่ช่วงหนึ่งฟังทุกวันเลยแหละครับ


Aisenai Aishitai 8.5 : ไม่รู้ทำไมฟังเพลงนี้ทีไรก็นึกถึงแสงไฟของดิสโก้วับวาว เหมือนเป็นเพลงที่เอาไว้เต้นสโลว์กับคู่เพื่อพักขาหลังจากที่ได้เต้นกันมานานยังไงยังงั้น เป็นเพลงธรรมดาๆ ที่ฟังยิ่งมากรอบก็ยิ่งชอบ เสน่ห์อย่างประหลาดของเพลงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแทรคที่ตอนนี้ฟังบ่อยๆ ยิ่งโดยเฉพาะเวลาดึกๆ อยู่คนเดียวทีไรก็มักจะนึกถึงเพลงนี้ทุกที


Eternal 9.5 : สารภาพว่าเมื่อก่อนถึงแทรคนี้ทีไรก็กดข้ามไปทุกที แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าตั้งเครื่องเล่นเพลงไว้แบบสุ่มแล้วก็มาเจอเพลงนี้พอดี ตอนนั้นก็จำไม่ได้ว่าทำอะไรอยู่ถึงไม่ได้กดข้าม พอเปิดใจฟังก็พบว่าแทรคนี้มันเพราะเอาตายจริงๆ ยิ่งตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเมื่อช่วงปีใหม่ก็เลือกเอาเพลงนี้ขึ้นมาฟังบ่อยๆ เป็นแทรคที่สร้างความอบอุ่นใจได้ดีพอๆ กับ Kotaba wa Iranai เลยทีเดียว (ชอบเพลงนี้ที่เสียงแจจุงนั่นแหละครับ หวานใสกิ๊งเชียว!)


Heart,Mind and Soul 9 : ไตเติ้ลแทรคที่ใส่มาเป็นแทรคสุดท้ายเป็นบัลลาดอลังการที่ให้ความรู้สึกเศร้าสร้อยได้ดีทีเดียว แน่นอนว่ามาถึงเพลงสุดท้ายนี้ไลน์ประสานของทั้งห้าคนก็ยังคนสุดยอดไม่มีเปลี่ยน ส่วนที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นช่วงที่จุนซูจบตอนสุดท้ายพร้อมด้วยอิมโพรไวซ์ที่บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดจริงๆ (ก่อนที่จะเจอคู่แข่งอย่าง Love in the ice เฉือนไปกินแบบเส้นยาแดงผ่าแปด)


สรุป


อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่อาจจะไม่ใช่งานที่ฟังแล้วโดนใจอย่างจังเหมือนงานชุดหลังๆ ที่ตัดซิงเกิ้ลออกมาทีไรก็เป็นที่รู้กันว่าฮือฮาแน่ๆ เพราะว่าติดหูมากๆ แต่ถ้าคุณอยากจะหาอัลบั้มดีๆ ที่มีส่วนผสมของบัลลาดดีๆ โชว์เสียงเพราะๆ มากหน่อย แต่ไม่ได้เป็นบัลลาดจ๋าขนาดฟังแล้วหลับไปหมด เพราะว่ามีเพลงกลางๆ และเพลงเร็วดีๆ ที่เอาความคลาสสิคจากฝั่งเกาหลีอย่าง Rising Sun มาใส่ด้วย ก็นับว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมอัลบั้มหนึ่งเลยล่ะครับ เพราะอย่างน้อยอัลบั้มนี้ก็สุดยอดมากแล้วในความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ (แถมเวอร์ชั่นอะแคปเปล่าที่มีมาให้ฟังกันอีกหลายเพลงก็ทำให้คุณชื่นชอบสไตล์การร้องของโทโฮชินกิได้โดยลืมไปเลยครับว่าพวกเขาหน้าตาดี เพราะความสามารถที่มีมันพิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีดีมากกว่าหน้าตาจริงๆ)




      


 





 

Create Date : 14 มีนาคม 2552    
Last Update : 14 มีนาคม 2552 1:34:29 น.
Counter : 230 Pageviews.  

Autumn break review - Mirotic : TVXQ

REVIEW : MIROTIC : DONG BANG SHIN KI

รีวิวนี้เป็นรีวิวของคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชื่นชมผลงานของทงบังชินกินะครับ แฟนคลับทั้งหลายที่เข้ามาอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็ช่วยคอมเม้นต์ด้วยนะครับ

9/10

เกริ่นนำ

คงไม่ต้องอธิบายมากสำหรับเทพเจ้าแห่งดินแดนตะวันออกทั้งห้าคนซึ่งประกอบไปด้วย U-Know, Max, Hero, Micky และ Xiah ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงป็อปเกาหลีจนได้รับการขนานนามว่าเป็นวงบอยแบนด์ที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ (วัดได้จากทะเลสีแดงที่ส่องสว่างทุกครั้งเวลาเราชมคอนเสิร์ต) จากอัลบั้มแรกในลุคใสๆ อย่าง Tri-Angle ที่มีเพลงดีๆ ติดตลาดได้อย่างรวดเร็วอย่าง Hug, Tri-Angle, Midhuyo สู่อัลบั้มที่สองที่มีเพลงโด่งดังเป็นพลุแตกเข้าขั้นคลาสสิคอย่าง Rising Sun หรือเพลงอื่นๆ ที่ดีไม่แพ้กันอย่าง Dangerous Mind หรือ One และอัลบั้มที่สามอย่าง O ที่มีความหลากหลายทางเนื้อหาและดนตรีตั้งแต่เทคโนร็อคอย่าง O ไปจนถึงแทรคน่ารักๆ อย่าง Balloon ก็เป็นเครื่องรับประกันความสำเร็จของชายหนุ่มทั้งห้าได้เป็นอย่างดี ดังไม่ดังเปล่ายังข้ามไปดังที่ญี่ปุ่นด้วยอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นอีกสามอัลบั้มได้แก่ Heart, Mind and Soul, Five in the black และ T สร้างสถิติให้โอริกอนชาร์ตอย่างน่าสวยงาม จากความสำเร็จที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่น่าชื่นใจเช่นนี้ก็ทำให้แฟนๆ เกาหลีบ้านเกิดต่างก็ถามหาว่าเมื่อไหร่ทงบังชินกิจะกลับมาออกอัลบั้มภาษาเกาหลีให้ได้ยินกันบ้าง และก็ไม่ผิดหวังเมื่ออัลบั้มที่ 4 ที่มีชื่อติดหูว่า Mirotic ได้ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันจนเกิดเป็นกระแสระลอกใหม่ที่ดูท่าจะไม่มีทางซาไปได้ง่ายๆ

กลับมาครั้งใหม่เป็นยังไงกันบ้าง

แน่นอนว่าทงบังชินกิมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นในแง่รูปลักษณ์ ทิศทางของอัลบั้มและสไตล์ดนตรีที่ก้าวกระโดด (เคยรีวิวโดยส่วนตัวไปนานแล้วว่าอัลบั้ม T เป็นพัฒนาการก้าวกระโดดแต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของเจป็อปที่มีกลิ่นตะวันตก แต่เพลงส่วนใหญ่ใน Mirotic เป็นงานที่มีดนตรีและสไตล์แบบตะวันตกมากชนิดที่ว่าถ้าจับใส่เนื้อร้องภาษาอังกฤษแล้วให้นักร้องตะวันตกร้องก็คงจะได้อย่างแน่นอน) เพลงชุดนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่อาจนำไปสู่การลุยตลาดอเมริกาก็เป็นได้ (พิจารณาจากวงบอยแบนด์ในประเทศที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนอย่างอเมริกาหรืออังกฤษที่ตอนนี้ซบเซาลงไปมากแล้ว) ส่วนเรื่องเสียงร้องที่เป็นงานขาย ชุดนี้ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิม หากข้อดีที่จะเพิ่มมาก็คงเป็นการทดลองเสียงแบบใหม่ๆ ที่เราเริ่มจะได้เห็นจาก Purple line และการใช้เสียงสังเคราะห์ที่มีมากขึ้นก็ทำให้เพลงในอัลบั้มนี้ดูมีมิติมากขึ้นอีกด้วย

จุดด้อย

ณ จุดนี้ยังหาจุดด้อยที่ให้ต้องติกันไม่ได้ แต่เท่าที่คิด (โดยส่วนตัว) ก็อยากจะให้มีแทรคที่ทำให้เราคิดถึงแทรคคลาสสิคอย่าง Rising sun หรือ O นิดหน่อยเท่านั้นเอง

Track-by-Track

Mirotic 8.5/10 – ซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมาซึ่งมีซาวนด์ที่ดิบ หนักหน่วงและมืดหม่นสมกับความหมายของเพลงที่ตกหลุมแห่งเวทมนตร์ราวกับติดอยู่ในเขาวงกต ส่วนตัวมองว่าเป็นพัฒนาการที่ต่อมาจาก Purple Line ที่มีความดิบและสดอยู่ในตัวอยู่แล้ว การใช้เสียงร้องในเพลงนี้ดูจะลงตัวและดูเป็นผู้ใหญ่ติดจะกวนนิดๆ จากจุนซูและชางมินซึ่งเพลงนี้สองคนทำได้ดีมากทีเดียว ไลน์ประสานกลมกลืนกันและทำให้เพลงนี้ดูมีมิติแบบผู้ชายๆ แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นของซาร่าห์ คอนเน่อร์ ซึ่งก็มีความแตกต่างกันอยู่ในตัวและไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าของใครดีกว่ากัน คงจะต้องขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะครับ

Wrong Number 8/10 – มิดเทมโปอาร์แอนด์บีที่มีซาวนด์โทรศัพท์ประกอบเข้ากับชื่อเพลงทีเดียว ความมืดหม่นจากเพลงแรกยังคงคืบคลานเข้ามาสู่เพลงนี้ สอบผ่านในเรื่องความต่อเนื่องของแทรค แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวคิดว่าท่อนฮุคเพลงนี้ยังคงทำได้ไม่ค่อยดีนัก แทรคที่มีลักษณะคล้ายๆ กันแบบนี้ ทงบังชินกิเคยทำได้ดีกว่านี้มาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องชื่นชมซาวนด์ของเพลงที่ดูโตขึ้นไปจากเดิมอยู่มากทีเดียว

Picture of you 8.5/10 – บรรยากาศแห่งความมืดมนนิดๆ ตามมาสู่แทรคที่สามด้วยบัลลาดเพลงแรกในอัลบั้มที่ได้จุนซูเป็นผู้แต่งเนื้อเพลง ได้บรรยากาศของเพลงช้ายอดนิยมอย่าง One กลับมาอีกครั้ง เสียงดนตรีที่มีกลิ่นเครื่องสายเข้ามาประกอบทำให้เพลงนี้มีความไพเราะ เพลงนี้ชางมินใช้เสียงได้ดีและมีความลงตัวมากๆ แจจุงกับเซียสองคนนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะก็ดีสมมาตรฐาน (โดยเฉพาะเซียในท่อนอิมโพรไวซ์ก่อนฮุคสุดท้าย งานนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนว่ายังคงเป็นนักร้องที่มีคุณภาพเหมือนเดิม)

Crazy Love 9.5/10 – หมดจากความโศกเศร้า มืดหม่นก็เดินก้าวเข้าสู่ด้านสว่างบ้าง เพลงนี้เป็นแทรคที่ลากคนลงแดนซ์ฟลอร์ได้ดีทีเดียว กลิ่นของวงอย่าง Daft Punk (ซึ่งเป็นวงโปรดอีกวงหนึ่งของผม) ลอยเข้ามาในหัวในแวบแรกทันทีที่ฟัง เป็นแทรคที่น่ารักมากๆ เมโลดี้ก็หวานมากๆ ดีพอๆ กับ Tokyo Lovelight ที่เป็นงานที่ยูชอนเพิ่งจะไปร่วมงานที่ญี่ปุ่นมา และรับกับเสียงร้องที่มีเสียงจริงและเสียงผ่านเครื่องแต่งเสียงสังเคราะห์ นึกถึงไฟดิสโก้หลากสีวิบวับขึ้นมาทันใด ถ้าตัดเพลงนี้ทำเอ็มวีออกมาก็คงจะสนุกแน่ๆ ผมจะรอลุ้นครับ!!!

Hey! (Don’t bring me down) 9.5/10 – ทีแรกได้ยินเป็นคลิปไม่กี่วินาทีก็นึกว่าเพลงนี้คงจะเป็นแทรคธรรมดาๆ เพราะเมื่อได้ฟังคลิปสั้นๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกประทับใจเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังเพลงนี้เต็มๆ ก็รู้สึกชอบขึ้นมาเพราะเป็นเพลงแดนซ์ที่หยอดความเป็นร็อคหนักๆ และซาวนด์อิเล็คโทรแบบหม่นๆ เข้าไปด้วย ทำให้แทรคนี้ดูมีความหนักหน่วงมากกว่า Mirotic เสียอีก เสียงจุนซูกับชางมิน (ชมสองคนนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย) ดูเข้ากับเพลงกลิ่นร็อคแบบนี้มากๆ

You’re my melody 7.5/10 – ดีตามมาตรฐานของทงบังชินกิแต่ก็ไม่ใช่แทรคที่มีความแข็งแกร่งอะไรมาก แต่ก็เป็นแทรคใสๆ ทำให้รู้สึกรื่นเริงได้ดีทีเดียว แต่ที่สงสัยคือทำนองเพลงนี้มันคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าผมจะเคยฟังที่ไหนมาก่อน (น่าจะเป็น take my breath away หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ) เสียงร้องของทั้งห้าคนในเพลงนี้ฟังแล้วรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกสมกับชื่อเพลงนี้จริงๆ โดยเฉพาะเสียงหวานๆ ของแจจุงที่เหมาะกับเพลงนี้มากทีเดียว

Rainbow 8/10 – เพลงจังหวะกลางๆ ค่อนไปทางเร็วที่มีกลิ่นของเพลงแบบตะวันตกอยู่มากทีเดียว หลับตาฟังแล้วนึกถึงบอยแบนด์ทางอังกฤษยังไงยังงั้น (ถือว่าเป็นข้อดีนะครับ) เสียงของจุนซูกับยูชอนเพลงนี้ฟังสบายๆ โดยรวมแล้วเพลงนี้สร้างบรรยากาศรื่นเริงเหมือนได้พักผ่อนกลางสายลมและแสงแดดเลยล่ะครับ

Paradise 8/10 – เสียงกรุ๊งกริ๊งเริ่มต้นมานึกว่าจะเป็นเพลงบัลลาดอีกเพลง แต่เป็นเพลงที่ไม่ช้าไม่เร็วอะไร โดนส่วนตัวคิดว่าการเอาเสียงประกอบมาใส่ในเพลงดูจะยุ่งเหยิงไปหน่อยทำให้ส่วนตัวแทนที่ผมจะฟังเสียงร้องผมดันไปฟังซาวนด์ประกอบข้างหลังซะงั้น แต่ก็แทรคที่มีความหวานกลมกล่อมอยู่มากอยู่เหมือนกัน

Are you a good girl? 9/10 – ดนตรีสไตล์ Daft Punk กลับมาอีกครั้งในแทรคนี้กับดนตรีที่ดูจะยุ่งเหยิงอยู่เอาการกับสไตล์เกมกดตึ้ดๆ บีทก็หนักๆ แน่นๆ เหมือนเดิม เสียงร้องก็มีการดีไซน์ให้ออกมาดูแตกต่างด้วย แถมท่อนคอรัสก็มีความน่าสนใจถึงแม้อาจจะดูแปลกๆ ไปบ้างก็ตาม เป็นความแตกต่างที่น่าสนใจซึ่งทำให้ผมรู้สึกชอบแทรคนี้อยู่มากๆ เหมือนกันล่ะครับ อีกส่วนที่ชอบก็คงจะเป็นท่อนแร็พที่หนักแน่นพอๆ กับเพลงทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่เป็นจุดแข็งอีกเพลงหนึ่งของอัลบั้มเหมือนกันล่ะครับ

Flower Lady 9/10 – เพลงช้าๆ เพราะๆ ที่ทำให้เรานึกถึงเพลงน่ารักๆ ของทงบังชินกิอีกหลายๆ เพลง เพลงนี้มีทำนองเพราะมากเพราะหวานมากๆ ไลน์ประสานในท่อนคอรัสก็เนี้ยบสุดๆ แต่ถึงแม้จะทำให้เรานึกถึงเพลงเก่าๆ สไตล์ดนตรีเพลงนี้ก็มีพัฒนาการมาในอีกระดับหนึ่งซึ่งสร้างความแตกต่างไปจากแทรคเก่าๆ อยู่มากเหมือนกัน เอาเป็นว่าเราจะเรียกเพลงนี้ว่าเป็นการเอาหัวใจของเพลงในอดีตมาตีความใหม่ให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วกันนะครับ

Forgotten Season 9/10 – งานโซโล่ของแจจุงที่เป็นการรีเมคใหม่ ซาวนด์ให้บรรยากาศความเหงาเศร้าอยู่ไม่น้อย เสียงของแจจุงถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพลงนี้สอบผ่านในแง่ที่ว่าแม้ว่าเราจะฟังโดยไม่เข้าใจความหมาย แต่ความพยายามของนักร้องที่ต้องการจะถ่ายอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาก็ทำให้คนฟังรู้สึกได้โดยข้ามพ้นกำแพงแห่งภาษาไปได้ งานนี้ต้องยกนิ้วให้ครับ!

Love in the ice (Korean Version) 9.5/10 - รู้กันดีตั้งแต่ออกมาเป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นแล้วว่าเพลงนี้คือเพลงบัลลาดพ่นไฟของจริง เพราะใน performance แต่ละคนไม่มีใครยอมใคร เพราะฉะนั้นก็เหมาะแล้วที่จะเอามาใส่ไว้ในอัลบั้มนี้ปิดท้ายด้วยความประทับใจ แต่เวอร์ชั่นนี้ก็จะมีดนตรีที่ดูเข้มขึ้นกว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ดูเหมือนจะเบาบางกว่า ถ้ามีใครคิดบอยแบนด์วงนี้ว่ามีดีแค่หน้าตา กรุณาเปิดไอพอดของท่านแล้วเลือกแทรคนี้โยนใส่หูคนที่ว่าเลยครับ เพราะอย่างน้อยเขาก็จะถอนคำพูดได้แน่ๆ (โดยเฉพาะหนึ่งนาทีกว่าๆ สุดท้ายก่อนจบ บอกได้คำเดียวว่าเป็นคืนหอนคนโหดจริงๆ ฟังแล้วขนลุกโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาวแน่นอนครับ)

Northstar’s pick

Mirotic,
Crazy Love
Hey! (Don’t bring me down)
Flower Lady
Love in the ice

สรุป

การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ผลที่น่าพึงพอใจ เพราะอัลบั้มชุดนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ทำให้คุณภาพของงานลดลง ตรงกันข้ามเมื่อได้ฟังทุกแทรคในอัลบั้มนี้ก็จะเห็นความตั้งใจและความเอาใจใส่ในทุกๆ ขั้นตอนของงานที่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นดนตรี การร้องทั้งร้องเดี่ยวและร้องประสาน ตลอดจนการเรียงแทร็คที่อาจกล่าวได้ว่าอัลบั้มนี้มีการเรียงแทรคที่ลงตัวมากอีกอัลบั้มหนึ่ง เพราะฟังแล้วลงตัวมากๆ มีจุดเชื่อมตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้ายลงตัวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อดนตรีเป็นงานศิลปะความเห็นจึงอาจมีกันได้หลากหลาย ไล่ตั้งแต่คนที่ชอบมากๆ จนไปถึงคนที่ไม่ชอบเอามากๆ ได้เช่นกัน ถ้าคุณเป็นแคสสิโอเปียตัวจริงคุณก็คงจะพรีออเดอร์ไปแล้ว (คุณเป็นหนึ่งในสี่แสนคนที่สร้างสถิติให้ทงบังชินกิหรือเปล่าครับ) หรือไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะตั้งหน้าตั้งตารอเวอร์ชั่นที่จะเอามาขายเมืองไทยเป็นแน่ ส่วนแฟนเพลงที่อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เช่นผมก็คงจะวิพากษ์วิจารณ์ไปในฐานะของผู้ฟังเพลงคนหนึ่ง ก็ได้แต่หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะครับ


MORE REVEALING
MORE SOPHISTICATED
MORE ADDICTIVE
LIKE A DRUG!!!!!!!




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551    
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 22:40:29 น.
Counter : 241 Pageviews.  


northstar_polaris
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add northstar_polaris's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.