Decoding "The Secret Code" : Tohoshinki - ความงดงามเมื่อยามราตรี
เมื่อบล็อกที่แล้วได้พูดถึงอัลบั้มของโทโฮชินกิที่ชื่นชอบที่สุดไปแล้วซึ่งก็คือ Heart, Mind and Soul ซึ่งส่วนตัวคิดว่างานชุดนั้นเป็นงานที่โชว์ศักยภาพของโทโฮชินกิได้ดีอีกอัลบั้มหนึ่งเลยทีเดียว ทีนี้พอเห็นมีคนเริ่มมารีวิวอัลบั้มล่าสุด The Secret Code ก็เลยเกิดคันไม้คันมืออยากรีวิวขึ้นมาฟังบ้างจึงเกิดเป็นรีวิวนี้นะครับ และแน่นอนครับ นี่เป็นความเห็นส่วนบุคคล ถ้าเกิดเห็นตรงกันไม่ตรงกันยังไงก็คอมเม้นต์กันมาได้นะครับ The Secret Code - Tohoshinki 9/10 คงจะไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากแล้วสำหรับเทพเจ้าแห่งโลกตะวันออกนามทงบังชินกิ หรือ โทโฮชินกิ เพราะห้าหนุ่ม เซีย มิคกี้ ฮีโร่ แม็กซ์ ยูโนว์ ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับเอเซียและระดับโลกไปเรียบร้อยแล้วด้วยปริมาณแฟนคลับที่ได้รับการจารึกลงกินเนสส์บุ๊คว่ามากที่สุดในโลก สิ่งเหล่านี้ล้วนพิสูจน์ได้ในวันนี้แล้วว่าพวกเขาเป็นของจริงในวงการเพลงป็อปที่มักจะขายหน้าตาสวยๆ หล่อๆ มากกว่าความสามารถที่อาจจะมีคนมองข้ามไป ยอดขายอัลบั้ม อันดับบนชาร์ต เหล่านี้ล้วนเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีโดยไม่ต้องประกาศออกมากันปาวๆ ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ปลายปีที่แล้วเราเห็นอัลบั้มที่ 4 ในเกาหลีออกมาแล้ว พอมาถึงช่วงเข้ากลางปีนี้เราก็ได้มีโอกาสเห็นอัลบั้มชุดที่ 4 ในญี่ปุ่นคลอดตามกันออกมาติดๆ แบบนี้ แฟนขาจรขาประจำอย่างพวกเราก็ย่อมรู้สึกตื่นเต้นว่างานนี้ทงบังชินกิจะพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองไปถึงขั้นไหนอีก เพราะแต่ละก้าวย่างที่เดินไปก็จะพบกับพัฒนาการที่น่าประทับใจมาโดยตลอด แล้วอัลบั้มที่ 4 นี้เป็นยังไงบ้าง? ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้ว อัลบั้มนี้อาจไม่ใช่งานที่ฟังแล้วติดหูได้ในทันทีเหมือนอัลบั้ม T ที่เพลงหลายๆ เพลง ทั้งที่เป็นและไม่เป็นซิงเกิ้ลต่างก็มีความติดหู เรียกกันง่ายๆ ว่าฟังแล้วก็ชอบเลย อย่างเช่น Purple Line, Summer Dream, Love in the ice, Kiss Shita, SHINE ที่ฟังครั้งแรกคุณจะหลงรัก แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ The Secret Code มีให้คือพัฒนาการทางดนตรีที่ผลักดันตัวเองไปไกลอีกขั้นหนึ่ง (สารภาพว่าหลายๆ แทรคฟังรอบแรกแล้วไม่เก็ตเอาเสียเลย แต่พอฟังนานๆ เข้า จะยิ่งชอบมากขึ้น และอาจหยิบมาฟังได้บ่อยกว่าอัลบั้มอื่นๆ ในอนาคตด้วยนะครับ ) ภาคดนตรีในอัลบั้มนี้แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คืองานแบบเจป็อปและบัลลาดหวานๆ ที่ยังคงเป็นงานขายของโทโฮชินกิอยู่ และงานแบบซาวนด์ดนตรีผิวสีที่ยกขบวนกันมาหลากหลายแนวอาทิเช่น แจ๊ส สวิง อาร์แอนด์บี เออร์บัน ฮิพฮอพ แม้กระทั่งเรกเก้! คลุกเคล้าอยู่บนพื้นฐานของดนตรีป็อปและอิเล็คโทรที่ได้มาจากงานชุดที่แล้วและงานทางฝั่งเกาหลีอย่าง Mirotic ที่ซานด์สังเคราะห์ชัดเจนมาก แน่นอนว่าลักษณะของความหลากหลายแบบอัลบั้มญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ หากแต่คราวนี้ความหลากหลายต่างตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือซาวนด์ที่มีการพัฒนามากขึ้น ในด้านบรรยากาศและอารมณ์ ถ้าอัลบั้ม T มีความสดใสและสนุกสนานเหมือนยามกลางวันเริ่มตั้งแต่เช้า (Together, Shine) กลางวัน (Summer Dream) เต็มอิ่มอารมณ์ยามบ่ายทั้งสุขและเศร้า (Day Moon, Song For you, Rainbow, Love in the ice) เรื่อยไปจนถึงความืดหมื่นยามพลบค่ำ (DARKNESS EYES, Purple Line) ภาคดนตรีของ The Secret Code คือสื่อแทนอารมณ์ยามกลางคืน (Taxi, Doushite, Wasurenaide, FORCE) เรื่อยไปจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ (Box in the ship, Kiss the baby sky, We are!)อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะความมืดหม่นอย่างเดียว แต่ความผ่อนคลาย สบายๆ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เมื่อฟังอัลบั้มนี้ครั้งแรกผมจึงนึกถึงความรู้สึกเวลากลางคืนมากกว่ากลางวันนะครับ TRACK-BY-TRACK Secret Game 8.5 - แทรคเปิดอัลบั้มที่มีความเป็นสวิงแจ๊สผสมกับบีทเต้นรำ นึกถึงยุค 30's ขึ้นมาไม่น้อย เพราะยุคนั้นแจ๊สเป็นดนตรีที่คนอเมริกันนิยมกันจริงๆ รายละเอียดดนตรีเยอะดีเหมือนกัน ติงว่าสั้นไปหน่อยจนแอบนึกว่าเป็น Introlude นะครับ Force 8.5 - อาร์แอนด์บีโยกๆ ที่มีกลิ่นอเมริกันอยู่ลอยเต็มไปหมด (แอบนึกถึง track อย่าง get right อยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย) ภาคดนตรีดูมืดหม่นนิดๆ นึกถึงคลับใต้ดินเวลาดึกๆ เอาไปเปิดแล้วน่าจะเหมาะนะครับ (แทรคนี้วางเสียงกันดีทุกคนเลย เป็นแทรคที่ชอบฟังมากครับ) Doushite Kimi wo Suki ni Natte Shimattandarou? 10 - บัลลาดอาร์แอนด์บีบางๆ ที่พิสูจนแล้วว่าเพลงบัลลาดดีๆ สักเพลงที่สื่ออารมณ์ให้คนฟังได้ดีไม่จำเป็นจะต้องอิมโพรไวซ์กันกระจายเสมอไป วางเสียงนุ่มๆ ประสานงามๆ ก็ทำให้แทรคนี้เป็นแทรคโปรดและเข้าทำเนียบบัลลาดคลาสสิคตาม Asu wa Kuru Kara, Begin, Love in the ice ไปอีกหนึ่งเพลง ต้องขอชมเสียงของแจจุงกับเซียในเพลงนี้ว่าถึงอารมณ์จริงๆ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย ยิ่งฟังจะยิ่งรัก และถ้าคุณอกหักจะยิ่งเจ็บปวด Nobody Knows 9 - เห็นชื่อเพลงนึกว่าจะเป็นเพลงช้า แต่พอเปิดมาเป็นคนละเรื่องเลย เป็นมิดเทมโปโยกๆ แบบแจ๊สที่ดีอีกเพลงหนึ่ง (หลายๆ แทรคก็จะเป็นอย่างนี้ไปทั้งอัลบั้ม ถ้าคนรักก็จะรักมาก แต่ถ้าไม่รักนี่ท่าจะแย่เลย เผอิญผมเป็นคนประเภทแรกซะด้วย) ท่อนฮุคเพลงนี้ร้องกันมันเหลือใจ ยักย้ายกันไปมาได้ทั้งเพลงแน่นอนครับ (แถมด้วยเปียโนโซโล่ท้ายเพลงนี่เด็ดสุดยอดจริงๆ) Beautiful you 8 - ตอนแรกฟังแล้วไม่ชอบเลย เพราะเพลงนี้ดูจะแตกต่างไปจากงานที่ผ่านๆ มา เพราะเสียงกีตาร์ลอยเด่นมากับมิดเทมโปแบบนี้ทำให้ฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นหู แต่ฟังหลายๆ ชอบก็ถือได้ว่าเป็นแทรคที่ดีแทรคหนึ่ง (ให้คะแนนมากขึ้นจากคอนเสิร์ต T ที่จุนซูเล่นอิมโพรไวซ์ท่อนสุดท้ายแบบฆ่าคนฟังตายไปเลย ทำให้เพลงนี้มีสีสันมากขึ้นอีก ก็ดีนะครับ) Wasurenaide 9 - บัลลาดนุ่มๆ ท่วงทำนองเศร้าบาดใจซึ่งเป็นงานขายแบบเจป็อปกลับมาอีกครั้ง งานนี้พระเอกของเราอย่างแจจุงทำหน้าที่ได้ทีเดียว ใช้เสียงนุ่มๆ เป็นเสียงหลักอันเป็นเอกลักษณ์สร้างอารมณ์ซึ้งๆ ให้กับเพลงนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ไลน์ประสานของคนอื่นๆ ก็กลมกล่อมเข้ากันได้ดีมากๆ ทำให้นึกถึงงานเก่าๆ อย่าง Loving you หรือ Forever Love ได้ไม่ยากนัก 9095 9 - นึกว่าใบ้หวยหรือเปล่า แต่แทรคนี้เป็นมิดเทมโปที่มีกลิ่นของแจ๊สนิดๆ ผสมกับอาร์แอนด์บี ให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในคลับหรูๆ จิบเครื่องดื่มอะไรประมาณนั้น แทรคนี้เป็นแทรคที่แสดงให้เห็นด้านเท่ๆ และเป็นแทรคที่น่าจะชอบกันได้ไม่ยากนัก ชอบเสียงยุนโฮเพลงนี้จังเลย ดูเข้ากับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีด้วยนะนี่ Jumun (Mirotic) 8 - เพราะคุ้นกับเวอร์ชั่นเกาหลีมากกว่าก็เลยอาจชอบเวอร์ชั่นมากกว่า (แถมไม่ใช่ under my sky ด้วย ซึ่งมันผิดความหมายอย่างแรง!!!) แน่นอนว่าแทรคนี้ก็ลงตัวในแง่ของการเป็นแทรคอิเล็คโทรป็อปที่ได้กลิ่นของดนตรีแบบอเมริกันมาจึงเข้ากันกับเพลงอื่นๆ ได้ดีทีเดียว (ทำไมแร๊พเวอร์ชั่นนี้ยุนต้องทำเสียงแปลกๆ ด้วย ไม่เข้าใจครับผม???) Taxi 9.5 - เสียงชางมินขึ้นมาก็บาดใจสุดๆ แล้ว ยิ่งฟังต่อไป โอ้โห! นี่มันเพลงเพราะกระชากไส้จริงๆ ร้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร ทุกคนปล่อยพลังพ่นไฟกันอย่างเต็มที่ ให้ภาคดนตรีอ่อนลงนิดเพื่อให้ได้โชว์การร้องอย่างเต็มที่แล้วค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ บาดใจกันไปหลายแผล เป็นบัลลาดที่น่าจะรอวันเข้าขั้นงานคลาสสิคได้ดีอีกเพลงหนึ่งแน่นอน Stand up! 8.5 - ฟังเพลงนี้แล้วทำให้นึกถึงพวกบอยแบนด์เก่าๆ อย่าง Blue เหมือนกันนะเนี่ย เพราะบลูเองก็ทำดนตรีคล้ายๆอย่างนี้เหมือนกันคือเป็นป็อปที่มีความเป็นอาร์แอนด์บีเข้ามาผสมด้วยเช่นกัน ท่อนเข้าฮุคสุดท้ายเป็นท่อนที่เยี่ยมสุดๆ โชว์การประสานโดยให้เสียงแบบกวนนิดๆ ตามแบบลักษณะของซาวนด์แบบดนตรีของคนผิวสีซึ่งทำออกมาได้ดีจริงๆ Survivor 8.5 - ขึ้นมานึกถึงเพลงคลาสสิคอย่าง Rising Sun นิดๆ เหมือนกัน แต่แทนที่จะใช้เครื่องสายไปตลอดก็เปลี่ยนมาเป็นดนตรีสังเคราะห์แบบหม่นๆ (หรือที่เรียกส่วนตัวว่าแบบกระป๋องๆ อะไรทำนองนั้น) เป็นแทรคที่เต้นได้จริงๆ อีกแทรคหนึ่งที่รู้สึกว่าก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ถ้าหวังจะเต้นกันแบบเสียเหงื่อหลายปิ๊บเพลงนี้ก็อาจจะไม่ได้ออกมาเป็นแบบนั้น แต่โดยรวมก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ Kiss the Baby Sky 9.5 - แทรคแบบนี้จะต้องมี ไม่มีไม่ได้ เพราะอย่างน้อยดนตรีสบายๆ ผ่อนคลายๆ แบบนี้ โทโฮชินกิไม่เคยพลาดเลยสักเพลง เปรียบไปแล้วแทรคแบบนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งที่เท่ตั้งแต่หัวจรดเท้าบางทีเขาก็มีด้านที่เป็นเด็กๆ มีความน่ารักๆ ในตัวเองในแบบที่ใครๆ เองก็มองข้ามไปเหมือนกัน ฟังยามร้อนๆ แบบนี้รับรองว่าเย็นกายเย็นใจ แถมเอ็มวีที่ทำออกมาก็สีฟ้าสดใส สบายตาจริงๆ ชอบมากๆ เลยครับ Bolero 9 - แทรคนี้เป็นแทรคที่โชว์พลังเสียงได้ดีจริงๆ ดนตรีก็อลังการงานสร้าง นึกถึงงานแบบ Choir แบบดนตรีในโบสถ์อะไรประมาณนั้น (แต่ความเห็นส่วนตัวผมขอติว่าตอนเริ่มเริ่มมาแบบงงๆ แบบว่า อ้าว! นี่เริ่มแล้วเหรอ) ภาคดนตรีและการดีไซน์การร้องทำให้นึกถึง Forever Love อยู่นิดๆ การอิมโพรไวซ์ในท่อนท้ายๆ ทำให้เห็นว่าพัฒนาการด้านการร้องของทุกคนก้าวไปไกลจากจุดเริ่มต้นมากทีเดียว We Are! 9.5 - แม้จะไม่ใช่สาวกการ์ตูน แต่ดนตรีแบบเจป็อปที่อัดความเป็นร็อคเข้ามาหน่อยๆ ทำให้ยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ฟังแล้วเกิดความรู้สึกลั่นล้าแบบนี้ก็เลยเป็นแทรคที่ชอบมากๆ อีกแทรคหนึ่งในอัลบั้มนี้ ได้ความรู้สึกแตกต่างไปจาก Together แบบขาวกับดำเลยทีเดียว Take Your Hands -i.am.electro REMIX- 9 - เพลงเร็วที่มีสไตล์แบบดนตรีอเมริกันเต็มที่ แทรคนี้เป็นรีมิกซ์ที่อัดความเป็นอิเล็กโทรเข้าไปอย่างเต็มที่ อาจจะไม่ติดหูในครั้งแรกเหมือน Purple Line ได้กลิ่นของความเป็นร็อคเข้ามานิดหน่อยทำให้เพลงนี้ดูเข้มๆ ขึ้นมาอีกระดับ ส่วนตัวชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นปกติเพราะว่ามันอิเล็คโทรเข้าขั้นได้ใจ (แต่ที่ชอบจริงๆ ก็คือแร๊พเพลงนี้มันเท่จริงๆ ชอบครับ) Box in the ship 9 - เรกเก้ป็อปมหัศจรรย์คลายร้อน ฟังแล้วผ่อนคลายสบายๆ เหมาะสมกับการเป็นเพลงประกอบเครื่องเล่นในสวนสนุกจริงๆ ความครื้นเครงแบบหน้าร้อนของเพลงนี้อาจจะดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับซิงเกิ้ลหน้าร้อนปีก่อนๆ แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆ สบายๆ ไปอีกแบบนะครับ Sennen Koi Uta 8 - จริงๆ แล้วแทรคนี้ก็ไม่มีแย่อะไรมากมาย แต่พอดีมาอยู่ท้ายๆ แบบนี้ เจอแทรคที่ดีกว่ามาก่อนก็เลยดูด้อยไปอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะเป็นความลำเอียงส่วนตัวที่เทใจไปให้ Day Moon เป็นเพลงซาวนด์แทรคสุดโปรดไปแล้ว พอมาเจอเพลงอื่นก็เลยเฉยๆ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ Northstar's pick : Doushite, 9095, Taxi, Kiss the baby sky, We are! สรุป สิ่งที่ต้องชื่นชมกันจริงๆ ก็คือพัฒนาการที่ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อตัวศิลปินเอง เพราะการย่ำอยู่กับที่ถือได้ว่าเป็นการทำลายตัวเองจริงๆ ดังนั้นการเสี่ยงทำงานใหม่ๆ สไตล์ที่เติบโตขึ้นก็เป็นผลดีต่อแฟนๆ ที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ และเติบโตไปกับศิลปินด้วยเช่นกัน น่าปลื้มใจที่หลายปีก่อนเราเห็นเด็กหนุ่มคนห้าร้องเพลง Hug แบบอ่อนใสวัยเยาว์แล้วหลายปีต่อมาเราก็เห็นห้าหนุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบมาโชว์พลังเสียงตระการตาแบบ Bolero เช่นนี้ แน่นอนว่าอัลบั้มนี้อาจไม่เหมาะให้คนที่ไม่เคยฟังงานของโทโฮชินกิหยิบมาฟังเป็นงานแรก เพราะมันไม่ได้โจ๊ะติดหูในทันทีที่ได้ฟังครั้งแรก (ยกเว้นแต่คุณเป็นพวกชอบฟังงานที่มีรายละเอียดของดนตรีมากๆนะครับ) แต่งานชุดนี้เป็นงานที่ยิ่งฟังยิ่งเจอรายละเอียดมาก เจอข้อดีมาก แล้วคุณจะชอบ ถ้าเปรียบเป็นผู้ชายสักคน มิโรติคอาจเปรียบเป็นผู้ชายที่ใส่ชุดสตรีทสุดๆ แต่ก็มีบางวันแอบจิกสูทมาเดินเล่น T จะเป็นสไตล์หนุ่มสตรีทญี่ปุ่นที่มีมาดนิดๆ แต่ The Secret Code คือหนุ่มเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่บางทีก็เต้นมากจนเสื้อแอบหลุดออกมาเหมือนกันเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืน เอาเป็นว่าถ้ารักกันจริงก็อุดหนุนงานของโทโฮชินกิกันต่อไปนะครับ
Create Date : 29 มีนาคม 2552 | | |
Last Update : 29 มีนาคม 2552 23:22:56 น. |
Counter : 245 Pageviews. |
| |
|
|
|