"คนที่มีความฝันให้ตามหา มีความทรงจำให้คิดถึง คือคนที่โชคดีที่สุด" ๐ จิมมี่ เลี่ยว ๐ http://twitter.com/nopsukda

พรเก้าประการ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำระบบการเงิน
๐ เริ่มแล้ว

สร้างสรรค์งานเขียน และ ถ่ายภาพ
๐ เริ่มแล้ว

รักใครสักคน
๐ เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add พรเก้าประการ's blog to your web]
Links
 

 

สิ่งที่อยู่ใต้เท้า…มันก็คือรองเท้า

ฉันเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างค่อนข้างอวบอ้วน น้ำหนักประมาณ 80 kg. ((ที่เหลือขอเก็บไว้เป็นความลับ)) ทุกส่วนในร่างกายเลยใหญ่ไปเสียหมด ดูแล้วมันช่างเทอะทะ มือ แขน อก เอว ตูด ลามเลียจนมาถึงเท้าของฉัน ตั้งแต่เด็กๆ ฉันต้องใส่รองเท้าขนาดของคนที่แก่กว่าฉันประมาณ 2-3 ปีเสมอ เพราะรองเท้าของเด็กวัยเดียวกันกับฉันนั้น ดันยัดเท้าลงไปไม่ได้ จะซื้อรองเท้าแต่ละที คุณป้าฉันต้องกุมขมับ เพราะของทุกชิ้นที่บ้านเนี่ย คุณป้าเขาซื้อมาให้แทบทุกอย่าง ยกเว้นรองเท้าป้าต้องให้ฉันไปด้วย ไม่อย่างนั้นต้องเสียเวลามาเปลี่ยนอีก จึงทำให้ฉันชื่นชอบการซื้อรองเท้ามากๆ เพราะเป็นของชิ้นเดียวที่ฉันสามารถเลือกเองได้

เท้าของฉันนั้นมันไม่ได้ใหญ่เพียงอย่างเดียว มันยังบานด้วย ซึ่งฉันคิดว่าบางทีมันก็เป็นข้อดีเหมือนกันนะ ทำให้ฉันว่ายน้ำได้เร็วขึ้น เพราะเท้านั้นกวักน้ำได้เยอะ((คล้ายๆเท้ากบไง)) แต่เมื่อมีข้อดีแล้วก็ต้องมีข้อเสียตามมาคือ ตัวที่อวบอ้วนของฉันมันต้านน้ำ กลายเป็นการถ่วงดุลกันทำให้ฉันว่ายน้ำได้ช้าเหมือนเดิม เฮ้อ! เศร้า

การที่เท้าฉันใหญ่และบาน จึงเป็นปัญหาให้กับฉันเมื่อต้องมาเลือกซื้อรองเท้าเอง ((พักหลังๆ คุณป้าจะไม่ยุ่งเรื่องการซื้อรองเท้าให้ฉันแล้ว ปล่อยให้ฉันปวดหัวเอาเอง โตแล้ว)) ไม่ใช่เพราะไม่มีไซส์ฉัน แต่เจ้าความบานของเท้าเนี่ยแหละตัวปัญหา ประมาณว่าเจ้าของร้านหามาประเคนให้หมดร้านแล้วนะ ยังบานไม่ถูกใจเท้าคุณ((มึง)) อีกเหรอเนี่ย

มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันไปถูกใจรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มอยู่ยี่ห้อหนึ่ง ((ไม่ขอบอกยี่ห้อกลัวเจ้าของเขาจะน้อยใจง่ะ )) เป็นแบบที่กำลังฮิตเลย หนังกลับ มีแถบขาวๆ ด้านข้าง 3 แทบ ((เริ่มคุ้นๆไหมฮะ)) ตอนแรกมันมาจากความถูกใจก่อน ใส่ครั้งแรกก็คับๆนิดหน่อย ประมาณว่านิ้วก้อยต้องโดนนิ้วนางกดขี่เล็กน้อย และเจ้าของร้านก็รับประกันคุณภาพว่ารองเท้ายี่ห้อนี้ ทนมาก ใส่แรกๆมันก็คับอย่างนี้แหละค่ะ ใส่ไปเรื่อยๆมันก็จะขยายออกมาเอง และเพียง 3 วันเท่านั้นมันก็ขยายจริงๆ

วันนั้นฉันไปเรียนด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่ กะเอาไปอวดเพื่อนเต็มที ห้องที่ฉันต้องเข้าเรียนอยู่ชั้น 5 ถ้าขึ้นลิฟท์เนี่ย กลัวเพื่อนจะไม่เห็นรองเท้าใหม่ เลยเดินขึ้นบันไดดีกว่า และเพื่อเป็นการทดสอบสมรรถนะของรองเท้าใหม่ด้วย ฉันเลยทดสอบโดยการวิ่งขึ้นบันได คิดว่าตัวเองเป็นโรนัลโด้กระโดดหลบการสกัดของกองหลังเยอรมัน ทีละขั้นบ้าง สองขั้นบ้าง เพื่อที่ใครๆ จะได้เห็นรองเท้าใหม่ของฉันอย่างชัดเจน

แถมวันนี้ที่ชั้น 3 จะต้องมีแก๊งค์นางฟ้ามาเรียนด้วย ((คือกลุ่มนี้จะน่ารักกันทั้งกลุ่มเลย)) แต่พอขึ้นมาถึงจุดเกิดเหตุ เริ่มเห็นพวกเธออยู่ลิบๆ แล้ว ฉันก็กระโดดด้วยความมาดมั่นเพื่อโชว์สมรรถนะของรองเท้าที่เพิ่งถอยออกมา ด้วยการเร่งสปีดการกระโดดขึ้นบันไดไปถึง 4 ขั้น!!! ประมาณว่าจะไปสร้างความประทับใจให้แก๊งค์นางฟ้า แต่สิ่งที่เรียกความสนใจของพวกเธอกลับไม่ใช่ความเท่ห์ของรองเท้าแต่มันกลายเป็นเสียง ปุ!!!! ดังสนั่นที่เท้าข้างขวา
พอฉันก้มลงไปมองไปที่จุดเกิดเหตุ ก็ได้พบกับภาพบาดตาบาดใจ ขอบยางกับผ้าใบมันไม่รักกันเสียแล้ว แบ่งฝั่งกันอย่างกับฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ปล่อยให้นิ้วก้อยเท้าขวาของฉันออกมาทักทายแก๊งค์นางฟ้าเหล่านั้น โหยอายสุดๆ ถ้ามันระเบิดต่อหน้าเพื่อนๆ ยังไม่อายเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ต่อหน้าสาวสวยทั้งกลุ่ม ตอนนั้นรู้สึกว่าอนาคตดับวูบ เลยลากเท้าขวาผู้เสียหายหลบไปเลียแผลใจที่ร้านมินิมาร์ทข้างล่างตึกอย่างไว ไม่รงไม่เรียนมันแล้วคาบนี้
พอถึงร้านก็เหมาสก็อตเทป 3M มาพันรอบๆรองเท้าเพื่อไม่ให้มันโกรธกันมากไปกว่านี้ วันนั้นฉันเลยเป็นผู้นำเทรนรองเท้าแนวใหม่ ไปไหนก็จะมีสายตาของเพื่อนๆทั้งมหาวิทยาลัย ชื่นชมแกมสมเพชกับรองเท้าที่ล้ำซะขนาดนั้น

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันเข้าใจได้ดีว่า รองเท้าที่ดีไม่จำเป็นต้องสวย หรือแพงจนเวอร์ แต่มันต้องพอดีและรองรับความเหมาะสมกับรูปเท้า และการใช้งาน ในที่สุดฉันก็ค้นพบรองเท้าที่ฉันต้องการแล้ว นั่นก็คือ นันยาง !!!
นันยาง เป็นรองเท้านักเรียนที่ฉันชื่นชมมาตั้งแต่เด็กๆ ในเรื่องของความคงทน ยืดหยุ่น คู่เดียวใส่ไปเรียน เล่นกีฬา ลุยไปในป่า หรือเดินเอ็มโพเลี่ยมก็ได้ พอตอนโตฉันก็ลืมๆมันไป คงเป็นเพราะความที่มันดูเชยๆ และไม่ทันสมัย ((ไม่เชื่อไปหาดูได้ครับ ตอนนี้ก็ยังดีไซน์เดิมกับเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลย)) และฉันยังรู้สึกว่า นันยาง เป็นรองเท้าที่ทำขึ้นมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ เพราะเด็กๆ มักจะซนไม่ค่อยอยู่นิ่ง การตัดเย็บของเขาจึงต้องเน้นที่ความคงทนเป็นหลัก และข้อสำคัญคือ ถูกมาก!! คู่หนึ่งไม่เกิน 500 ต่อให้ไซส์ใหญ่ขนาดเท้าของฉันก็ตาม

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็ต้องไปหารองเท้านันยางมาใส่ประจำ เพราะฉันมันก็แค่เด็กซนๆ คนหนึ่งที่ต้องการรองเท้าทนๆ และเข้าใจในตัวฉันเอง แต่ก็ติดปัญหาอยู่นิดหนึ่งว่า รองเท้านักเรียนเขาทำมาให้เด็กๆ นะซิ กว่าฉันจะซื้อได้คู่หนึ่งนี้ก็เดินหาแทบตาย เฮ่อ! วัยรุ่นเซ็ง ไม่รู้ว่าที่ร.พ.ยันฮีเขาจะมีศัสยกรรมเท้าไหมว้า.......




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2549    
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 20:08:15 น.
Counter : 327 Pageviews.  

จดหมายจากเพื่อนเก่า...

“สวัสดีปีใหม่ ขอให้แข็งแรง สดใสทั้งร่างกายและจิตใจ” คำอวยพรปีใหม่ที่ฉันบรรจงเขียนลงบนโปสการ์ดใบน้อยหลากหลายสีสัน ส่งไปอวยพรปีใหม่ให้กับเพื่อนเก่าของฉันตั้งแต่สมัย ประถม มัธยม ปวช. ปวส. กว่า 50 ใบไปตามที่อยู่เก่าๆในสมุดเฟรน์ดชิพ ที่บังเอิญไปรื้อเจอในวันที่กำลังทำความสะอาดบ้านต้อนรับปีใหม่ ทำให้ความรู้สึกเก่าๆ มันแว๊บเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการโดดเรียน, จีบหญิงครั้งแรก, เล่นบาสเก็ตบอลที่เกมแพ้คนไม่แพ้ หรือไปมีเรื่องกับเด็กช่างทั้งๆที่เป็นเด็กพานิช โอ๊ยเยอะแยะมากมาย ฉันจึงอยากส่งความคิดถึงเหล่านี้ไปให้พวกเขาบ้าง ชักอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้างนะ และอยากให้พวกเขารู้ว่าฉันยังไม่ลืม ถึงแม้บางคนฉันจะจำหน้าไม่ได้แล้วก็ตาม
จะว่าไปแล้วฉันก็นิสัยเสียเหมือนกัน พอเรียนจบก็แยกย้ายกันไป ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ก็อยู่กับเพื่อนใหม่ๆ ไม่เคยสนใจห่วงใยเพื่อนเก่าๆเลย ให้ตายซิ ฉันทำเพื่อนๆหายไปจากชีวิตตั้งหลายคนแนะ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่โกรธพวกเขาเลย ถ้าพวกเขาไม่ตอบกลับโปสการ์ดของฉันแม้แต่ใบเดียว
ในที่สุดฉันก็ร่อนโปสการ์ดทั้ง 50 ใบไปตามที่อยู่ต่างๆของเพื่อนเก่า ที่เคยให้กันไว้ก่อนจากกันพร้อมคำสัญญาต่างๆนานาว่า “นายอย่าลืมเรานะ” “แต่งงานเมื่อไหรชวนไปดูหน้าเจ้าสาวด้วยนะเฟ่ย” “ถ้านายมีลูก นายต้องให้มาแต่งกับลูกเรานะ” “ลดน้ำหนักได้จะให้แม่ไปขอ” ถ้อยคำเหล่านั้นมันย้อนมาทักทายฉันเป็นระยะๆ ระหว่างที่ฉันนั่งคอยโปสการ์ดเหล่านั้นไปถึงมือเพื่อนๆ จนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป จม.ฉบับแรกของเพื่อนเก่าฉันก็มา มันเป็นของสาวสวยซะด้วย “แอน” เพื่อนสมัยเรียนปวช. 3 การขาย
แอนเป็นสาวน่ารัก เรียนเก่ง นิสัยเรียบร้อยมาก แต่ฉันกับแอนไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไร เพราะเธอเป็นเด็กเรียน ส่วนฉันเป็นเด็กกิจกรรม ทำให้เส้นทางชีวิตของเรากลายเป็นทางคู่ขนานกันตลอด 3 ปีทั้งๆ ที่เรียนห้องเดียวกันแท้ๆ
นอกจากนั้นฉันกับแอนมักจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไร เพราะเมื่อก่อนฉันจะเป็นโรคแพ้คนสวยมาก ((เดี๋ยวนี้ลดลงบ้าง แต่ก็ยังมีอาการอยู่)) ถ้าได้นั่งใกล้เนี่ย จะไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักประโยคเดียว จึงทำฉันแทบจะจำบทพูดของเราทั้งสองไม่ได้เลย ที่เธอยอมเซ็นต์เฟรน์ดชิพให้ก็เพราะว่า มันเป็นหนึ่งในกองเฟรน์ดชิพบนโต๊ะเธอมากกว่า อย่างว่าละครับเธอสวยเลยมีหนุ่มๆ มาจีบเพียบ
พอขึ้นปวส. เราก็แยกห้องเรียนกันอีก เธอเรียนภาคเช้า ฉันเรียนภาคบ่าย และช่วงปวส. 2 เป็นช่วงที่กิจกรรมเยอะมากๆ เลย แต่ฉันก็ได้ยินข่าวของเธอที่ไม่สู้ดีนักว่า การเรียนของเธอก็แย่ลงโดยไม่รู้สาเหตุ ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะเธอเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ฉันได้ลองถามเพื่อนสนิทของแอนว่า แอนเป็นอะไรหรือ เพื่อนเธอบอกว่าแอนมีปัญหาในเรื่องการรับรู้ เธอไม่สามารถรับรู้อะไรเข้าไปได้อีก ที่บ้านเลยไม่ให้เธอมาเรียนแล้ว แต่บ้างครั้งเธอก็แอบหลบที่บ้านมาเข้าเรียนเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้เธอเรียนจบไปพร้อมๆกับพวกเราได้อยู่ดี
และวันนี้จม.จากแอนอยู่ในมือฉันแล้ว เธอจ่าหน้าถึงฉันอย่างถูกต้อง พอเปิดจดหมายออกมา ลายมือเธอยังน่ารักเหมือนเดิม แต่พอเริ่มอ่านเรื่องราวข้างใน ฉันถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะเนื้อหาเหล่านั้น มันจับใจความอะไรไม่ได้เลย แต่เธอก็พยายามเขียนมาหาฉัน ซึ่งเธอไม่เคยละความพยายามเลยให้ตายซิ แม้เนื้อหาในจดหมายจะวกไปเวียนมา จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับเธอกำลังบอกฉันว่า เธอสบายดี เธอแข็งแรง
ซึ่งพลังในความพยายามของเธอสูงมาก ถึงแม้ดูเหมือนว่าครึ่งหนึ่งของเธอไม่สามารถรับรู้เรื่องราวภายนอกได้ แต่อีกครึ่งของชีวิตเธอ กำลังพยายามจะกลับมาทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เธอมีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับสิ่งที่กำลังกลืนชีวิตของเธอ เธอกำลังจะเอาชนะมัน
ฉันขอเป็นกำลังใจให้เธอเอาชนะสิ่งที่มันกำลังทดสอบเธออยู่ ฉันหวังว่าสักวัน เธอจะกลับมาเป็นแอนคนเดิม ขอให้เธอพยายาม ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้ ฉันรู้ว่าเธอเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นจม.ที่อยู่ในมือฉันฉบับนี้คงไม่มาถึงมือฉันหรอกจริงไหม?

- ชื่อที่ตั้งขึ้นเป็นการสมมุติเพื่อให้เกียรติกับเจ้าของเรื่อง และครอบครัว
- ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาอื่น นอกจากการให้กำลังใจเพื่อนคนนี้ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยครับ




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2549    
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 20:06:35 น.
Counter : 328 Pageviews.  

ถึงเพจจะหายไป แต่ความทรงจำยังอยู่...

ปี๊บๆ “อยู่ที่ไหนท่าน เมื่อวานไปดูหนังมาเป็นไงบ้างสนุกไหมเล่าให้ฟังบ้างสิ....จากสุดหล่อ” เสียงของเพจเจอร์ที่มาพร้อมข้อความจากเพื่อนตัวดี ดึงวิญญาณของฉันที่ล่องลอยออกจากร่าง ตามสาวสายเดี่ยวสีดำคนนั้นให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว มันชอบเพจมาหาฉันอยู่เสมอๆ เพราะจะเป็นหนทางเดียวที่สามารถติดต่อกับฉันได้ จะหาว่าฉันโลว์เทคก็ยอม เพราะเจ้าเพจเจอร์ตัวน้อยนี้แหละที่มันเคยช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้งแล้ว

งง ละซิครับว่าเพจเจอร์มันจะมาช่วยชีวิตฉันได้อย่างไร มันก็แค่พลาสติก 4 เหลี่ยมเล็กๆ ใช่ครับตัวเพจนั้นไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้ แค่นั่งทับก็แตกแล้ว แต่ตัวอักษรที่เจ้าเพจเจอร์มันทำหน้าที่เป็นร่างทรงนะซิ มันสามารถช่วยปลอบประโลมในยามที่ฉันท้อแท้ได้เป็นอย่างดี เห็นมันตัวเล็กๆ อย่างนี้นะครับ แต่มันทำให้ตัวใหญ่ๆอย่างฉันสะเทือนได้เหมือนกัน

การมาของเจ้าเพจเจอร์ตัวนี้ ก็มาจากเจ้าสุดหล่อนั่นแหละ มันเอามาขายต่อให้ฉัน เพราะมันจะเปลี่ยนไปใช้ พีซีที ทำให้เพจเจอร์หมดความหมาย ซึ่งตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แต่เจ้าสุดหล่อมันก็เป่าหูอยู่ทุกวันว่า “ดีน่ะเวลาใครตามตัวนาย นายจะได้ตอบกลับไงว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน” หรือ “เวลามีคนคิดถึงนายเขาจะได้ฝากข้อความมาไง” และหลากหลายประโยค จนฉันเริ่มเคลิ้มกับความสามารถของมัน จนเห็นดีเห็นงามกับระบบสื่อสารอันทันสมัย ในช่วงที่มือถือรุ่นกระจอกๆ เครื่องหนึ่งยัง 3 หมื่นกว่า ฉันก็โอเคตกลงซื้อต่อจากมัน แถมยังทึ่งๆกับระบบการทำงานของเจ้าเพจเจอร์ด้วย จากคลื่นแม่เหล็กที่ลอยไปลอยมาอยู่ในอากาศ กลายเป็นตัวอักษรภาษาไทย WOW!! มันทำได้ไงเนี่ย

พอมีเจ้าเพจเจอร์แล้วฉันก็ใช้งานมันอย่างคุ้มค่า เจอใครเป็นแจกแหลก ทำตัวอย่างกับจะลงสมัครเลือกตั้งสมัยหน้าเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็มีความรู้สึกดีๆ หลากหลายข้อความ ที่ส่งมาให้ฉันได้รับรู้ มันจึงเป็นช่วงที่มีความสุขมาก ไม่ว่าจะเป็นอวยพรปีใหม่ วันเกิด วันจันทร์อันแสนเบื่อหน่าย หรือในวันเหงาๆ ที่มีเพียงตัวฉันกับเพจเจอร์อยู่กัน 2 ต่อ 2 เมื่อมีข้อความที่บอกความรู้สึกของเพื่อนๆ เข้ามาแต่ละครั้งมันทำให้จิตใจของฉันพองโตขึ้น นึกอยากจะขอบคุณคนประดิษฐ์ เจ้าเพจเจอร์นี้อย่างมากเลยที่สามารถทำให้คนๆหนึ่งมีความสุขกับแค่อักษรเพียงไม่กี่ตัว
ตลอดจนไปถึงพนักงานคีย์ข้อความต่างๆ ที่เป็นตัวกลางส่งความสุขนี้ด้วย เขาจะรู้ตัวไหมหนอว่าเขาเป็นคนที่มีหน้าที่สำคัญมาก ในการทำให้คนอื่นมีความสุขจากทุกตัวอักษรที่เขาส่งมาให้ ฉันว่าซานตาครอสตัวจริงน่าจะเป็นพวกเขาเหล่านี้มากกว่า ลุงพุงโตเคราขาวที่ใส่ชุดสีแดงเสียอีก ปีทั้งปีทำงานวันเดียว แต่พวกเขาเหล่านี้ทำงานกันแทบทุกวัน วันละ 8ชม.อีกต่างหาก!!!

มาถึงตอนนี้กระแสมือถือกำลังเข้ามาทดแทนเพจเจอร์ เพราะว่าราคามันเริ่มตกลงเหลือเครื่องละไม่ถึง 3000 ทำให้เพจเจอร์แทบจะหายไปจากระบบการสื่อสารของโลกเลย จะเหลือก็แค่รายการวิทยุที่ยังใช้อยู่บ้าง ((แล้วไหนพนักงานส่งข้อความเหล่านี่จะต้องตกงานอีก โอ๊ย คนดีๆทำไมโชคร้ายอย่างนี้หนอ)) ทำให้ผู้คนเริ่มหันไปส่งความรู้สึกให้กันผ่านเสียงมากขึ้น เพราะมันสะดวกเหลือเกิน แถมโต้ตอบกันได้เดี๋ยวนั้น

ผู้คนเลยหันไปมีความสุขที่ผ่านเข้ามาทางหู โดยทิ้งความสุขที่ผ่านเข้ามาทางดวงตา เมื่อคนเรารับรู้ความรู้สึกผ่านทางหูความสุขนั้นมันก็จะตกๆ หล่นๆ และไม่สามารถเก็บถ้อยคำแห่งความสุขเอาไว้ได้ แต่ความสุขที่ผ่านทางตาจากเพจเจอร์นั้น เรายังสามารถกดซ้ำๆ ให้มันขึ้นมาบอกเราได้ทุกทีที่เราต้องการ

ถึงตอนนี้เจ้าเพจเจอร์ตัวน้อยนั้นมันสมควรแก่เวลา ที่มันต้องจากฉันไปแล้ว ฉันก็หันมาใช้มือถือเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันขาดๆ อะไรไป ไม่เหมือนอย่างกับตอนที่มีเจ้าเพจเจอร์ ฉันเลยหาทางทดแทนความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการส่งโปสการ์ดไปให้แก่คนที่ฉันอยากให้เขามีความสุข

ถ้าใครคิดว่าอยากจะส่งความรู้สึกดีๆ ไปให้ใครสักคน ลองหันมาส่งเป็นโปสการ์ดให้กันซิครับ ((ถ้าไม่รู้จะส่งให้ใคร ส่งมาให้ฉันก็ได้)) รับรองว่าผู้รับเขาจะแปลกใจและดีใจแค่ไหน ที่ความสุขเหล่านั้นมันสามารถหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำๆได้ โดยไม่ตกหายไประหว่างทางของกาลเวลา.......




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2549    
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 19:27:09 น.
Counter : 448 Pageviews.  

คุณป้าคนดีที่หนึ่งเลย........

เห็นชื่อเรื่องอย่างนี้ อย่าเพิ่งดีใจไปนะครับคุณป้า และท่านผู้อ่านคนอื่นๆ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่จะมายกย่องบุญคุณของคุณป้าให้น้ำหูน้ำตาไหลนะ เรื่องนี้ฉันจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปพบอีกด้านหนึ่งของคุณป้าที่สุดแสนจะน่ารัก และใจดี จากความคิดของใครหลายๆ คนที่เคยเจอแกมาแล้ว และยังไม่เคยเจอ ((คนกลุ่มหลังนี้ฉันคิดว่ามากแน่ๆ)) ให้รู้จักว่าความจริงเธอคนนี้เป็นเช่นไร มาฟังฉันนินทาป้าดีกว่า จะว่าเนรคุณก็ยอมละครับ หึหึ....

สาวสวยดีกรีนางงามเชียงใหม่ ((แต่ไม่มั่นใจนะครับว่าได้ตำแหน่งหรือเปล่า เธอไม่ยอมบอก ไปหลอกถามกันเอาเองครับ)) ชื่อเต็มๆของเธอตามบัตรประชาชนก็คือ คุณยุพิน ที่ใครๆ แถวบ้านมักจะเรียกเธอว่า “ ป้ายุ” เธอเป็นผู้หญิงผิวขาว ร่างท้วม และ แข็งแรงดุจเหล็กน้ำพี้ เธอเคยแต่งงานและประสบเหตุการณ์อย่างละครน้ำเน่าหลังข่าว 2 ทุ่มครึ่ง ทำให้เธอต้องเลี้ยงฉันและน้องชาย มาด้วยลำแข้งของเธอแต่เพียงผู้เดียว งานกินเงินเดือนก็ไม่มี โบนัสหรือสวัสดิการก็อย่าไปหวัง แต่เธอก็สามารถผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ ท่ามกลางความอิจฉาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ล้มครืนกันเป็นแถบๆ

นิสัยส่วนตัวของเธอก็จะเป็นคนตรงๆ โผงผาง เสียงดัง พูดจริง ทำจริง ((บ้างไม่จริงบ้างแล้วแต่สถานการณ์)) แต่ส่วนใหญ่จะออกไปทางอารมณ์ชั่ววูบมากกว่า อาทิ “มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนหา เที่ยงแล้วนะโว้ย ท้องมึงตันเหมือนขาหรือไง ไม่ต้องลุกขึ้นมาทำมาหากิน ไม่ต้องกินข้าวเลยนะมึง เสือกตื่นสายดีนัก …….. ” และเธอก็ยังบ่นอีกยาวเหยียด แต่พอฉันลุกจากที่นอนมาเข้าครัวก็เห็นกับข้าวต่างๆ วางอยู่เต็มโต๊ะ ทำให้ฉันงงกับคำพูดของเธอเหมือนกัน อย่างนี้รอช้าไม่ได้แล้ว ฉันก็เลยซัดซะพุงกางโดยมีเธอยืนบ่นเป็นซาวด์ประกอบการกินตลอด ((แหมรู้สึกตัวเองชั่วๆอย่างไรไม่รู้แหะ))

นอกจากนั้นเธอยังเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง สูงพอๆกับอายุ 60 กว่าๆของเธอ และเธอจะมีข้อมูลที่มายืนยันความมั่นแบบหน้ามึนตลอด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้ยินมาจากเพื่อนข้างบ้านทั้งนั้นแหละ เธอได้ข่าวมาอย่างไร บวกความมั่นใจเข้าไปอีก 2 เท่าครึ่ง!!! ยิ่งเรื่องการเมืองนะของถนัด

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อยู่ในช่วงเลือกตั้ง เธอก็เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นในการพูดคุยกับฉันแทบทั้งเดือนว่า เลือกคนนี้เถอะ คนเนี่ยดี หัวหน้าพรรคเขาก็เจ๋ง เยี่ยม!!! รับรองว่าเขาต้องกลับมาเป็นนายกอีกสมัยแน่ๆ เธอก็พร่ำบอกให้ฉันฟังทุกวัน แถมลามไปข้างบ้านและรอบๆตลาด ยังสงสัยอยู่ว่าเธอไปเป็นหัวคะแนนให้ตานี่ตั้งแต่เมื่อไร ฉันก็เลยถามเธอว่า “ป้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนดี ไม่เคยโกงนมเด็ก” เธอตอบแบบสาวมั่นว่า “เออ มึงเชื่อกูซิ คนเนี่ยเขาเก่ง ได้เป็นชัวร์ๆ มึงคอยดู”

พอวันเลือกตั้งมาถึง เธอปลุกฉันตั้งแต่ 6 โมงเช้าทั้งๆ ที่หน่วยเลือกตั้งเปิด 8 โมง พอปิดหีบนับคะแนนบ่าย 3 ปรากฏว่าคนโปรดของป้าสอบตก เธอก็ต่อเลยทันทีว่า “เขาโดนโกง ถ้าไม่โดนโกงนะ ได้ไปแล้ว” น่าน!! ว่าเข้าไปนั้น เธอน่าจะได้รางวัลหญิงมั่นแห่งปีจริงๆ

นอกจากนี้เธอยังรักหมาเท่าชีวิต รักหมามากกว่าฉันอีกมั๊ง เรียกพวกมันว่า ลูกทุกคำ ส่วนฉันก็จะเริ่มเรียกด้วยไอ้........ทุกคำเช่นกัน ที่บ้านฉันจะมีสุนัขอยู่ 5 ตัว เวลาที่เธอไปต่างจังหวัดทีไร ฉันต้องเป็นเดี่ยวมือหนึ่งในการดูแลพวกมัน และเธอก็จะโทรมาเช็ควันละ 2 เวลาเช้าเย็น กลัวว่าฉันจะแอบหนีเที่ยวไม่ยอมดูแลพวกมัน นั่นให้มันได้อย่างนั้นซิ !!!

และเธอยังชื่นชอบการชิงโชคเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งคงเป็นเรื่องปรกติที่ใครๆ ก็ชอบ แต่ป้าฉัน คูณ 2 ครับท่าน เรื่องเสี่ยงดวงเนี่ยชอบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นหวย ใต้ดิน บนดิน รวมไปถึงการชิงโชคจากสิ้นค้าต่างๆ ทั้ง มาม่า ไวไว ดัชมิลล์ เมจิ มะลิ แทบทุกยี่ห้อที่เลยก็ได้มั๊งที่มีการแจกรางวัลสมนาคุณผู้บริโภค ยิ่งเทศกาลบอลโลกเนี่ย ช่วงโปรดของเธอเลย ซึ่งปรกติแล้วเธอไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือพิมพ์สักเท่าไร แต่พอถึงช่วงบอลโลกทีไร เธอจะไม่พลาดแม้แต่ฉบับเดียว!!!

เท่านั้นไม่พอ เธอยังนำโชคมาเผื่อแผ่ลูกๆ หลานๆ เสมอ โดยที่ฉันกับน้องต้องมานั่งเขียนชื่อที่อยู่เพื่อส่งไปชิงโชคแทบทุกครั้ง โดยเธอพูดให้กำลังใจพวกเราว่า “คนอื่นได้ สักวันเราก็ต้องได้บ้าง จะทิ้งไปทำไมเสียของ ” นี่ก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว เธอยังไม่เคยได้แม้กระทั่งเสื้อยืดที่เขาแจกเลย จะไปหวังอะไรกับ รถ บ้านหรือเงินสด 7 ล้าน จนฉันคิดว่าวันเกิดเธอปีนี้จะไปทำตรายางเป็นชื่อที่อยู่ ให้เป็นของขวัญเธอสัก 1 ชุด

ที่เล่าไปทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนโลกใบนี้ ((แถบๆตลาดพระโขนง)) แต่ด้วยนิสัยเหล่านี้เอง กลับทำให้เธอเป็นที่รักของคนในแถบนี้ คงจะเป็นเพราะความจริงใจ อารมณ์ดี มนุษยสัมพันธ์เยี่ยม ของเธอละมั๊ง

อย่างไรฉันก็ฝากคุณป้าฉันไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะครับ ((เพื่อหนังสือเล่มนี้ไปไกลถึงต่างประเทศ ป้าฉันจะได้โกอินเตอร์กับเขาบ้าง)) ถ้าวันใดท่านได้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะดังที่กล่าวไป ท่านจะได้เข้าไปทักทายเธอและทำความรู้จักกับเธอ แล้วคุณจะรู้ว่า คุณป้ายุพินนั้นน่ารักแค่ไหน.........


ฝันดีมีหนมกิน
นพคับป๋ม




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2549    
Last Update : 14 มิถุนายน 2549 10:11:15 น.
Counter : 318 Pageviews.  

ฉันขอขอบคุณ

- คุณพ่อคุณแม่ แม้ท่านจะไม่มีโอกาสได้เห็นหนังสือเล่มนี้ แต่ฉันคิดว่าท่านต้องแอบอมยิ้มอยู่แน่ๆ
- คุณป้า ผู้ที่เป็นทั้งพ่อ แม่ คุณครู หรือบางทีก็เป็นATM. ท่านเป็นอะไรต่ออะไรมากมากมาย ไม่รู้ชีวิตนี้ฉันจะมีคนรักฉันมากเท่าท่านอีกไหม รักป้านะครับ
- เจ้าบิ๊ก หลานชาย มักจะนำเรื่องป่วนๆมาให้เสมอ แต่ถ้าไม่มีมันฉันคงเซ็งแย่
- พี่โหน่ง วงค์ทนง สำหรับคำว่า “ฝันจะสำเร็จได้ต้องลงมือทำอย่างถ่องแท้” ขอบคุณพี่มากครับ
- พี่โน๊ต อุดม ตัวอย่างของคนที่มีฝันและลงมือทำจนสำเร็จ ชื่นชมครับ
- พี่พรเทพ สำหรับก้าวแรกบนถนนเส้นนี้ พี่นกกับอ.แดง สำหรับการสอนให้เขียน พี่โบว์สำหรับการเปิดโอกาสให้สานต่อในเส้นทางนี้
- พี่ระติ สำหรับการสนับสนุน ให้งานชิ้นนี้ออกมาเป็นรูปร่างได้ ทำให้ฝันเป็นจริงโดยไม่ต้องแจกรถเข็น แต่ถ้ามันขายไม่ออก พี่ก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 5555
- พี่ไก่ สำหรับภาพสวยๆ เท่ห์ๆ บนหนังสือเล่มนี้ แถมไม่คิดตังค์อีก ใจดีอย่างนี้ยังไม่มีแฟน สาวใดสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1900-000-000 พี่ไก่ กด 1 พี่ระติ กด 2 น้องนพ กด 3
- ท่านบอย กั บ เอก เพื่อนสนิทถึงมีน้อยดีกว่าร้อยคนคิดริษยา ภูมิใจมากที่มีพวกนายเป็นเพื่อน
- พี่โบว์ พี่หนึ่ง เจ๊สุ เจ๊นา สาวเอ น้องมน น้องตูน สำหรับความรู้สึกต่องานเล่มนี้ก่อนเป็นรูปร่าง
- ทุกท่านที่ผมเคยคุยด้วยและรู้จัก ทุกคนมีส่วนร่วมในการเขียนงานชิ้นนี้ครับ


ขาดไม่ได้เลยคือ ท่านผู้อ่านทุกท่านคือแรงบันดาลใจทำให้งานเล็กๆ ชิ้นนี้

“สำเร็จ”

ฝันดีมีหนมกิน
นพคับป๋ม




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2549    
Last Update : 14 มิถุนายน 2549 10:05:31 น.
Counter : 333 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.