"คนที่มีความฝันให้ตามหา มีความทรงจำให้คิดถึง คือคนที่โชคดีที่สุด" ๐ จิมมี่ เลี่ยว ๐ http://twitter.com/nopsukda

พรเก้าประการ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำระบบการเงิน
๐ เริ่มแล้ว

สร้างสรรค์งานเขียน และ ถ่ายภาพ
๐ เริ่มแล้ว

รักใครสักคน
๐ เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add พรเก้าประการ's blog to your web]
Links
 

 
เมื่อควายตัวน้อย... ตะลุยเกาะช้าง 2

๐๐๐งานเก่า ราคาเอาไปอ้างไม่ได้ค้าบ๐๐๐

หลังจากที่เรากำลัง เหงื่อแตกซิก เหงื่อแตกซิก หน้าซีดเป็นปลาหมึกสดจากท้องทะเลอ่าวไทยอยู่นั้น ฉับพลั้นก็มีอัศวินขี่กระบะไฮลักซ์ ไทเกอร์ สีขาว เข้ามาช่วยชีวิต โดยอัศวินคนนี้มีนามว่าพี่โอ๋ เขาบอกว่าพี่จะพาพวกเราไปส่งถึงหัวกระไดบ้านป้าเจี๊ยบได้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม สนนราคาการช่วยเหลือครั้งนี้ 400 บาทขาดตัว เราเห็นว่าเขามีน้ำใจและก็มีอยู่รายเดียวที่จะทำให้เราไปพบที่นอนคืนนี้ได้ พวกเราจึงยอมตกลงขึ้นกระบะของพี่โอ๋กัน

หลังจากตกลงใช้บริการรถของพี่โอ๋กันแล้ว ผม พี่หน่อยและเจ้าบู๊สวมวิญญาณลิงปีนขึ้นไปนั่งกันบนหลังคาเพื่อจะเก็บภาพสวยๆ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าคิดผิดไปอย่างถนัดเพราะ ทางน่าหวาดเสียวมากๆ ตลอด 5 กิโลผมถ่ายไปไม่ถึง 10 ภาพเลย เพราะต้องยึดตระแกรงไว้ตลอด ไม่งั้นซี้แหง อดเอารูปมาอวดเพื่อนๆแน่ แถมถนนช่วงแรกทางก็ยังเทปูนอย่างดี สักพักกลับกลายเป็นลูกรังเฉย ก่อนขึ้นรถสัญชาติไทย พอลงจากรถ เปลี่ยนสัญชาติทันที โดยการสังเกตุจากกระบาล

และแล้วเราก็ได้มาถึงร้านด่านใหม่ซีฟู๊ด หรือบ้านป้าเจี๊ยบของพี่เอกจนได้ พอมาถึงผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีใครรู้จักเพราะ ที่ด่านใหม่นี้ไม่มีชายหาดสวยๆให้มาตั้งบังกระโล ใครที่จะมากินที่ร้านป้าเจี๊ยบนี้มีอยู่ 2 อย่าง 1 เป็นลูกค้าประจำ ที่ติดใจในฝีมือการปรุงอาหาร 2 หลงมาครับ เพราะกว่าจะถึงร้านเนี่ยต้องผ่านถนนลูกรังประมาณ 3 กิโล จนมาถึงสถานีตำรวจเกาะช้าง และก็จะมีซอยที่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจ เข้าไปเลยครับ จนเกือบสุด ผ่านทั้งวัด ทั้งโรงเรียน เลี้ยวเข้าสวนทุเรียนก็จะมาโผ่ลที่ร้านอาหารอย่าง งงๆ แต่เข้ามาลำบากแค่ไหน ก็มีคนมาแวะเวียนตลอดนะครับ แสดงว่าฝีมือของป้านี้ต้องสุดยอดติดอันดับ top five ในเกาะแน่เลย คนถึงดันด้นมากินที่ร้านป้าเจี๊ยบอย่างไม่ขาดสายอย่างนี้
พอเจอป้าเจี๊ยบ แกก็ใจดีอย่างที่เล่าขานกันตั้งแต่ต้น ป้าแกออกมาต้อนรับด้วยตัวแกเอง พาไปที่พักเองจนเราปลื้มแกมากไม่อยากเชื่อเลยว่าแกจะเป็นคนอัทธยาศัยดีขนาดนี้ มิน่าร้านแกถึงมีคนมากินกันตลอด

ป้าเจี๊ยบก็พาเราไปที่บ้านพักลูกครึ่งระหว่างครึ่งล่างปูน ครึ่งบนไม้ หลังใหญ่มาก แต่ยังมีร่องรอยความเก่าแก่ให้เห็นอยู่รอบๆบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสีของไม้ที่ซีดมาก แต่สวย อุปกรณ์ที่ตกแต่งบ้านเป็นศิลปะผสมระหว่าเก่าและใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งโบราณ ตู้โชว์ สมัยก่อนมีถ้วยชามโบราณประดับบารมี บวกกับทีวีสีโซนี 21 นิ้ว แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นโต๊ะปิงปองรุ่นภูมิปัญญาชาวบ้านครับ เป็นโต๊ะไม้ไว้กินข้าว แต่ป้าเจี๊ยบแกเอามาดัดแปลงโดยเติมเน็ท ลงไปพร้อมกับไม้ปิงปองและลูกปิงปองอีก 1 ชุด ตั้งกลางบ้านเป็นที่โปรดปรานของพวกผมนี้เป็นที่สุด

หลังจากรู้ว่าทริปนี้มีที่นอนฟรีแน่แล้วเราก็ประเดิมอาหารมื้อแรกบนเกาะที่ร้านป้าเจี๊ยบกันเลยโดยเริ่มกันที่อาหารจานเดียวก่อน ผมเริ่มด้วยข้าวผัดทะเลเป็นมื้อแรกบนเกาะ พออิ่มได้ที่แล้ว ป้าเจี๊ยบได้พาพวกเรามารู้จักกับลุงมุกซึ่งจะเป็นคนขับรถพาเราเที่ยวตลอดทั้ง 3 วันที่เหลือด้วยกระบะไฮลักซ์ ไทยเกอร์ 4 wd 3000 ซีซี ด้วยค่าจ้างราคาเดียวกับ แรงม้าของรถต่อ 3 วัน ที่จะพาเราตอแหลบนเกาะ ซึ่งนับว่าถูกมากถ้าหาร 9 คนซึ่งจะตกคนละ 300 กว่าๆ ตั้ง 3 วันซึ่งก็ตกวันละร้อยกว่าบาท เพราะถ้าเราจะไปไหนมาไหนบนเกาะ เราต้องเช่ารถตกวันละ 250 บาท ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ก็ 150 บาทต่อวัน และเพื่อนๆที่ขับรถเป็นผมก็ไม่แนะนำให้มาขับที่นี้เพราะหนทางที่นี้สุดยอดเลย ชั้นก็ชั้น สูงก็สูง โค้งเพียบอีกต่างหาก ถ้าไม่เก๋าจริงๆไม่ขอแนะนำครับเพราะมีสิทธ์ได้ใช้ประกันชีวิตแน่ๆ นอกจากเราจะได้รถในราคาที่ถูกอย่างน่าอัศจรรย์แล้วเรายังได้ไกด์ประจำเกาะช้างอีก ซึ่งแกจะพาพวกเราตะลุยรอบเกาะอีก อะไรมันจะคุ้มแบบคูณสองขนาดนี้

จุดแรกที่ลุงมุกพาเราไปย่อยอาหารมื้อแรกนั้นก็คือ น้ำตกคลองพลู ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในเกาะ ถึง 37 เมตร โอ้พระแม่เจ้าเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นน้ำตกที่สูงขนาดนี้ (( เพราะเพิ่งมาเที่ยวน้ำตกครั้งแรกในชีวิต 555)) ซึ่งเราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 10 บาท คนต่างชาติ 200 โอ้อะไรกันนี่ ทำไมราคาตั๋วของต่างชาติถึงได้แพงมหาศาลขนาดนี้ เราเข้าใจว่าเขารวย แต่ไม่ควรตั้งราคามหาโหด ถ้าวันหนึ่งเขารู้ขึ้นมาว่าทำไมถึงเก็บแพงต่างกับคนไทยขนาดนั้น เขาจะเสียความรู้สึกขนาดไหน ผมว่า เก็บ 50 เนี่ยก็กำลังดีนะ เขาจะได้รู้สึกดีๆ กับประเทศเรามากขึ้น ว้ามาขุ่นมั่วก่อนไปเล่นน้ำตกไม่ดี เดี๋ยวเล่นไม่สนุก พอเราเดินเท้าบุกป่าผ่าดงเข้าไปประมาณ 500 เมตร ผมก็ได้ปะทะกับไอน้ำเย็นที่ออกมาจากน้ำตกที่สูงที่สุดในชีวิตของผม เป็นน้ำตกที่สวยมาก น้ำจะตกมาเป็นสาย ดูไกลๆเหมือนรูปตัวเอส ซึ่งทำให้ผมแถบจะลืมน้ำตกที่ผมเคยเห็นในห้างเดอะมอล์บางกะปิไปเลย และน้ำตกที่นี้ยังสะอาดไร้ราคีเพราะที่นี้เขาเอาจริงเกี่ยวกับการควบคุมปริมาณขยะ เพราะเขาห้ามนำอาหารเข้ามากินข้างใน ถึงขั้นมีเจ้าหน้าทีมานั่งตรวจตราดูแลทั้งความสะอาดและความปลอดภัยแก่คนมาเที่ยวด้วย ดีครับดีจัง น้ำตกจะได้ไม่สกปรกเพราะน้ำมือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คน”

หลังจากที่เล่นน้ำกันยังไม่ทันชุ่มตับดี ก็ต้องรีบกลับเพราะ ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว มิฉะนั้นกลัวว่าน้ำป่าจะพาพวกเราไปเที่ยวทะเลเป็นแน่ เราจึงเคลื่อนขบวนออกจากน้ำตกคลองพลูอย่างอาลัยอาวร ฝากไว้ก่อน คราวหน้ามาอากาศดีๆ ละก็จะตอกบัตรเล่นตั้งแต่เช้ายังค่ำ แถมทำโอทีเพิ่มอีกด้วย พอลุงมุกพาเราออกมาจากน้ำตกเพื่อที่จะพาเราไปที่หาดทรายขาวฝนก็ไม่ตกซะแล้ว อ้าวไงเป็นงั้นละเนี่ย พอเรามาถึงหาดทรายขาว เป็นหาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเลย เพราะมีบังกระโลจับจองไม่ต่ำกว่า 20 เจ้าเปิดให้บริการนอนใกล้ชิดกับทะเลมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่หรูหราแบบราชา ยันติดดินแบบชาวเล ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่ คืนละ 1500 จนถึง 120 แล้วแต่จะเลือกว่าจะอยู่แบบไหน

พอมาได้ที่สิงสถิตที่ชายหาด ก็แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยเราส่งกลุ่มแรกที่มี พี่เต้นำทีม ตามด้วยเจ้าบู๊ พี่ชา เจ๊ปรางค์ และน้องต่อ ไปเป็นด่านหน้าในการทำตัวเป็นลูกชาวเลเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ผมเจ๊มาศและพี่หน่อย ขอเบรกเก็บแรงไว้ก่อน เลยให้พี่หน่อยเล่นกีต้าร์ ส่วนผมกับเจ๊มาศ กลายเป็นนักร้องดูโอที่หน้าตาดีที่สุดในรัศมีรอบตัว 3 เมตร ตั้งหน้าตั้งตาร้องทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 50 กระบวนเพลง ประมาณว่าคืนนี้ต้องขึ้นเวที เลยต้องซ้อมกันหนักหน่อย

แถมร้องเพลงให้กับดวงตะวัน เพื่อส่งเขาเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เขาต้องมาคอยต้อนรับและพาพวกเราเที่ยวอีก 1 วัน พอกลับมาที่บ้านพัก ได้อาบน้ำเพื่อขจัดความเหนียวตัวจากลมทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ป้าเจี๊ยบก็นำเอาอาหารรสเด็ดที่มัดใจลูกค้าทั้งเกาะ มามัดใจพวกเรา ซึ่งมื้อนี้ป้าเจี๊ยบบอกว่าเพิ่งมีเรือไดหมึกเอาปลาหมึกมาส่ง มื้อนี้เลยเน้นไปทางปลาหมึก มีทั้งพื้นสุดคือปลาหมึกย่าง ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึกผัดกระเพรา ต้มยำทะเล ที่ปลาหมึกนำ ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย มีคะน้าปลาเค็มหลงมาจานหนึ่ง ทำให้เราสงสัยกันว่าเด็กเสิร์ฟผิดโต๊ะหรือเปล่า ซึ่งมือนี้คงจะทำให้เราแสดงอาการหมางเมินปลาหมึกไปอีกหลายมื้อ หรือไม่ก็คืนนี้พวกเราคงถูกวิญญาณปลาหมึกหลอกแน่ๆ

“พี่ๆ ตื่นได้แล้วพี่ เขาไปกันหมดแล้วพี่” เสียงเจ้าบู๊ปลุกผมให้ตื่นจากฝันดีๆ ที่ได้มานั่งดินเนอร์กับน้องโน๊ตและตูนใต้แสงเทียนและปลาหมึกปิ้ง อีกครึ่งกิโล “เออ รู้แล้วเดี๋ยวตามไป” ผมพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ พอเจ้าบู๊ออกไปจากห้องผมลืมตาขึ้นมา บ้านทั้งหลังโล่งไปหมด ตายแล้วหว่า นี่เรานอนกินเกาะช้างเลยหรือเนี่ย คนอื่นๆเขาไปที่ร้านริมทะเลกันหมดแล้ว เราเลยอดทักทายตะวันเลย แต่ไม่เป็นไรเมื่อวานส่งเขาเข้านอนไปแล้วคิดว่าเขาคงให้อภัย ติดไว้ก่อนพรุ่งนี้แล้วกัน จะตื่นมาทักทายให้จงได้

หลังจากอาบน้ำอาบท่าด้วยความเร็ว 12 น๊อต ต่อ 1 ไมล์ทะเลแล้ว ก็ไปเสนอหน้าและสารภาพบาปต่อหน้าหม้อข้าวต้ม เอ๊ยหน้าเพื่อนๆร่วมทริปว่าโทษทีเราตื่นสายครับ โทษที แต่ด้วยความที่บรรยกาศเป็นใจเพื่อนๆเลยให้อภัย เพราะเขาก็นั่งรอข้าวต้มอยู่เหมือนกัน เราเลยรอดตายเพราะข้าวต้มปลาช่วยชีวิต สักพักเด็กเสิร์ฟก็เอาข้าวต้มปลามาให้ หม้อใหญ่มาก พอใช้ช้อนตักเข้าไปตกใจเลย ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นข้าวต้มปลา น่าจะเป็นปลาต้มแล้วใส่ข้าวมากกว่า ปลาเยอะมากเลย ประมาณว่ามาหมดทั้ง อ่าวไทย แต่ในที่สุดข้าวต้มปลาหม้อนั้นก็เหลือแต่วิญญาณปลาและคราบที่ริมฝีปากของเรา ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกัน ความหิว บรรยกาศหรือ ราคาถูก หม้อใหญ่ขนาดนั้น แค่ 400 บาทเอง ทุกคนได้กินคนละ 2ชามใหญ่ยักษ์มาก ขนาดน้องต่อ และเจ๊ปรางค์ยังหม่ำไปตั้ง 2 ถ้วยเหมือนคนอื่นๆเลย
หลังจากตุนจนอื่มหน่ำสำราญกับข้าวต้มปลาแล้ว เราก็เริ่มกักตุนมื้อกลางวันกัน โดยที่เราตุนข้าวเหนียวและไก่ย่างเป็นเสบียงและมุ่งหน้าไปพิสูจน์และหาความงดงามของเกาะช้างกันต่อ


แต่จะไปที่ไหนนั้น คงต้องรอต่อตอนหน้าแล้วละครับเพราะเนื้อที่ไม่พอซะแล้ว อดใจอีกนิดนะเพราะเกาะช้างยังมีอะไรที่เรายังไม่เห็นอีกเยอะรับรองว่าตอนต่อไป เด็ดแน่นอน เอาหัวตุ๊กตาก๊อซซิล่าบนโต๊ะเป็นประกัน

บันทึกการเดินทาง
ค่าอาหาร 440+580 +400+220 = 1640 หาร 9 คน= 182 บาท
ค่ารถบนเกาะ 400+3000= 3400 หาร 9 คน = 377 บาท
ตอนนี้ใช้เงินไป 559 บาท



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 19:23:13 น. 2 comments
Counter : 298 Pageviews.

 
พี่ ก้าบบบบบบบบบ

ขอ ดู รูบ ดร้าย มั้ย กร้าบบบบบบ


โดย: dogamania วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:32:45 น.  

 
ตามมาเที่ยวเกาะช้างด้วยค่ะ

แนะนำให้เที่ยวน้ำตกเหวนรก เขาใหญ่ค่ะ สูง 100 เมตรชีวิตนี้ต้องมาซักครั้งนะคะ แต่อย่ารอจนอายุมากนะ เดี๋ยวลงแล้วจะไม่ยอมขึ้น

ค่าเข้าชมดีแล้วค่ะเพราะเราเป็นคนไทยจ่ายภาษีไปเรียบร้อยสำหรับค่าดูแลรักษาแล้วต่างชาติไม่ได้จ่าย เวลาเราไปบ้านเขา เขาก็ชาร์ทเราเหมือนกันค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:23:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.