Group Blog
 
All blogs
 

Countdown to USA

เดือนหน้าแล้วที่จะต้องเดินทาง กระเป๋ายังไม่ได้จัดเลย ทริปนี้เดินทางไปกะพ่อสองคนค่ะ ส่วนแม่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ตอนปลายเดือนตุลาคม เหตุด้วยต้องไปเป็นลูกจ้างให้พี่สาวค่ะ ของที่ต้องเตรียม
1. พาสปอร์ต & วีซ่าที่ขอมาอย่างยากลำบาก
2. กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ซึ่งเตรียมเสื้อผ้าไปน้อยมาก เพราะจะไปยืมของพี่สาวใช้ที่นู่นคร่า ของน้อยอย่างนี้แล้วทำไมต้องมีกระเป๋าตั้ง 2 ใบ ก็เพราะคุงพี่สาวสั่งของฝากไปเพียบเลยอะจร้า
3. เตรียมตังค์ในกระเป๋า (ขอมะบอก แต่บอกได้แค่ว่า เงินของตัวเองน้อยมาก แหมก็เงินเดือนเค้าน้อยนี่นะ)
4. เตรียมลางาน คราวนี้ไปประมาณ 20 วันอะ ประมาณว่าลาข้ามปีกันเลยทีเดียว
5. เตรียมฝากภาระไว้เบื้องหลัง นั่นคือ สมาชิกในบ้าน นุ้งมอมแมม และนุ้งคิตตี้ ต้องเอาไปฝากให้เพื่อนเลี้ยง
6. เตรียมใจอะจร้า เมื่อคืนก่อนฝันร้ายที่ตกเครื่องบินคราวก่อนตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว พระเจ้า!! อย่าให้มันเปงเช่นนั้นอีกเลย
7. แผนในการเดินทางครั้งนี้มะมีนะ เพราะไม่ได้ไปเที่ยวเองเหมือนทริปมาเก๊า ฮ่องกง เลยมะต้องหาข้อมูลอะไรเท่าไหร่ แต่ที่ต้องไปให้ได้ก็คือ พิพิธภัณฑ์ ที่นิวยอร์กน่ะ ที่เป็นสถานที่แสดงหนังเรื่อง Night at the museum ไง

เอารูปมามี๊ที่ไปคอยที่นู่นมาให้ชมก่อนน๊า




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2551 14:55:06 น.
Counter : 511 Pageviews.  

สายการบิน Korean Air

หลังจากเลือกสายการบินอยู่นาน ก็ตกลงปลงใจกับสายการบิน Korean Air เนี่ยล่ะค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า
1. บินตรงจากเชียงใหม่ถึงสนามบินอินชอนประเทศเกาหลี รอต่อเครื่องไป JFK ประมาณ 2 ชั่งโมงครึ่ง
2. ราคาตั๋วถูก เมื่อเทียบกับ ต้องบินจากเชียงใหม่ เข้า กทม. แล้วต่อจาก กทม. ไปต่อเครื่องที่ประเทศอื่น
3. ที่นั่งสะดวกสบาย มีของ entertain ระหว่างนั่งไป JFK
4. เค้าว่ากันว่า อาหารเกาหลีที่เสริฟบนเครื่องอร๊อยอร่อยค่ะ
สุดท้ายราคาที่ต้องจ่าย คือ 48,900 บาทค่ะ



อันนี้เป็นที่นั่งชั้นธุรกิจ อยากนั่งจังเลย



แต่อิชั้นคงได้นั่งแค่ชั้นประหยัดน่ะค่ะ



มีจอส่วนตัวก็โอเคร แต่จากไทยไปเกาหลี เป็นจอรวมค่ะ



ว้าวน่ากินจังเยย



รูปทั้งหมดเป็นรีวิวของคนอื่นนะคะ ถ้าถึงเวลาได้ไปสัมผัสของจริงมาแล้วจะนำมาอัพเดททีหลังนะคะ




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2551 10:10:59 น.
Counter : 3820 Pageviews.  

การขอวีซ่าอเมริกาที่ เชียงใหม่

การเตรียมตัวในการขอวีซ่า ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าเราอยู่ในข่าย 15 จังหวัด ที่ต้องไปสัมภาษณ์ที่สถานทูตเชียงใหม่รึเปล่า จากนั้นก็ต้องไปซื้อ pin เพื่อกำหนดรหัสเข้าไปกรอกข้อมูลในเวปไซด์ของสถานทูต โดยซื้อทางโทรศัพท์ หรือทางบัตรเครดิตก็ได้ การซื้อทางโทรศัพท์ให้ไปซื้อที่ไปรษณีย์แม่ปิงเท่านั้น (แถวกาดหลวง) ถ้าซื้อทางบัตรเครดิตจะถูกกว่า คือ 408 บาท แต่ทางโทรศัพท์ประมาณ 600 กว่าบาท เวปไซด์ที่เข้าไปให้เข้าไปดูรายละเอียดใน ขั้นตอนการขอวีซ่า ที่กทม. อย่าลืมชำระค่าธรรมเนียม 4454 บาท และก็ค่าซองไปรษณีย์ น่าจะประมาณ 75 บาท ต่อคน เฉพาะที่ไปรษณีย์แม่ปิงเท่านั้น ขอย้ำ

เมื่อกำหนดวันสัมภาษณ์แล้ว ให้เตรียมเอกสารให้พร้อม รูปถ่ายขนาดต้องพอดีกับที่กำหนดไว้ หากเป็นร้านถ่ายรูปจะมีร้านรังสิมา ตรงกาดสมเพชร และอีกที่นึงคือ ตรงแถวๆ ป้อมตำรวจ ใกล้ๆ สี่แยกไฟแดงใหญ่ๆ ติดคริสตจักรที่ 1 แต่ให้ตรงไปเส้นสถานีรถไฟ จะมีร้านถ่ายรูปฟากเดียวกับสถานีตำรวจ(ไม่ไกลจากสถานีตำรวจมาก) ด้านหน้าร้านจะเขียนว่า Visa Photo ราคา 1 โหล 650 บาท ครึ่งโหล 600 บาท (แนะนำเอาครึ่งโหลก็พอ) เพราะว่าใช้แค่ 1 รูปเท่านั้น เคยขอร้านว่าเอารูปเดียวได้มั้ย ด้วยความงก ปนเสียดาย เพราะไม่รู้ว่าที่รูปที่เหลือจะเอาไปใช้ทำอะไร อิ อิ เค้าไม่ให้คร่า

วันสัมภาษณ์ให้แต่งตัวแบบ ดูดีมีชาติตระกูลที่สุด เอกสารสำคัญที่เตรียมไว้ ใบนัดสัมภาษณ์ DS156 แบบที่กรอกข้อมูลในคอมพิวเตอร์แล้วพริ้นต์ออกมา DS157 พริ้นต์ออกมาก่อนแล้วของกรอกด้วยปากกา เอกสารส่วนตัวที่แสดงความผูกพันต่อประเทศไทย

เมื่อพร้อมแล้วต้องเดินทางไปถึงที่สถานทูตก่อนครึ่งชั่วโมง ตามที่แจ้งไว้ในใบนัดสัมภาษณ์ แต่ขอเตือนให้ไปก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะว่าสถานทูตที่เชียงใหม่หาที่จอดรถยากมาก กว่าจะวนหาที่จอดได้ จวนเจียนเวลาเต็มที ถ้าจะให้ดี หาคนไปส่งดีกว่า จะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาก

ยื่นใบนัดให้ที่ป้อม จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจใบนัดพร้อมดูพาสปอร์ตด้วย พอผ่านประตูเข้าไปแล้วจะเจอตรวจกระเป๋า ส่วนตัวดิฉันยอมไม่พกกระเป๋าเลยค่ะ เตรียมแต่ซองเอกสารเข้าไปเท่านั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่ให้เอากระเป๋า โทรศัพท์เข้าไปน่ะ จากนั้นก็จะเจอเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารพร้อมยื่นใบคิวไว้รอสัมภาษณ์ ตรงนี้แหละค่ะ ที่เอกสารดิฉันมีปัญหา โค้ดด้านหลังมันพริ้นขาดไป ใบที่ 3 ของใบ DS156 ไม่ต้องตกใจค่ะ เจ้าหน้าที่มีคอมพิวเตอร์ไว้บริการ แต่เราต้องเข้าไปคีย์ข้อมูลเอง

เสร็จแล้วเค้าจะให้ผ่านประตูเข้าไปนั่งรอสัมภาษณ์ด้านใน ระหว่างรอก็จะมีทีวีแนะนำวิธีสแกนนิ้วมือ เป็นห้องไม่ใหญ่เท่าไหร่ เมื่อถูกเรียกไปสัมภาษณ์แล้วก็ต้องดูตามช่องว่าเค้าเรียกหมายเลขของเราไปที่ช่องไหน จะมีอยู่ 3 ช่อง เจ้าหน้าที่จะอยู่หลังกระจก ให้เราสแกนนิ้วมือก่อน จากนั้นก็ยืนสัมภาษณ์ผ่านกระจกนั่นแหละ ดิฉันได้ผู้สัมภาษณ์เป็นผู้ชายฝรั่งหนุ่มๆ หน่อย อิ อิ พูดไทยค่อนข้างชัด ขอบอกว่าดิฉันไม่นึกว่านั่นเป็นการสัมภาษณ์เพราะคิดว่าต้องเป็นการนั่งสัมภาษณ์แบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่เปล่าเลย นั่นแหละเสร็จแล้ว แม่ถึงกับงง ถามย้ำกับดิฉันว่าเสร็จแล้วจริงๆ เหรอ แน่ใจนะ 555 แล้วถ้าเค้าอนุมัติเค้าจะไม่คืนพาสปอร์ตพร้อมกับซองไปรษณีย์ให้เรานะคะ

จากนั้นให้รอประมาณไม่เกิน 3 วัน ไปรษณีย์ก็ส่งตามมาถึงบ้านค่ะ อิฉันได้มา 10 ปีค่ะ (วีซ่าท่องเที่ยว)




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2551    
Last Update : 15 มีนาคม 2552 12:14:29 น.
Counter : 10677 Pageviews.  

ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกา กทม.

ก่อนที่เราจะไปอเมริกา ก็จำเป็นต้องมีวีซ่าเข้าประเทศเค้าซะก่อน ซึ่งขั้นตอนมันค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เย็นไว้ๆ ตอนที่จะไปขอวีซ่านั้นได้ศึกษาหาข้อมูลเป็นอย่างมาก เพราะเสียดายเงิน เนื่องจากต้องขอทั้งครอบครัว คือ พ่อกะแม่ด้วย ค่าธรรมเนียมจึงมากมาย(ด้วยเบี้ยน้อยเงินน้อยแบบเรา) ต่อมาก็ไปเหลือบเห็นบล๊อคในเวปไซด์ ซึ่งต้องขออนุญาตผู้ที่เขียนบล๊อคนี้ขึ้นมาด้วยนะคะ ที่ต้องอ้างอิงข้อมูลมาใช้ในบล๊อคของตัวเอง ซึ่งคิดว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาหาข้อมูลการทำวีซ่าเป็นอย่างยิ่ง ข้อมูลด้านล่างผู้ขอได้ขอที่ กทม. นะคะ ส่วนดิฉันขอที่เชียงใหม่ ดังนั้นผู้ที่กำลังจะไปขอวีซ่าที่เชียงใหม่ ก็ไม่ต้องกลัวค่ะ ใช้ข้อมูลเหมือนกันค่ะ แต่ก็มีข้อแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขอให้ตามไปอ่านในกรุ๊ปบล๊อกต่อไปค่ะ


แชร์ประสบการณ์ ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาที่ละเอียดและได้ผลดีที่สุด เท่าที่เคยมีมา

ก่อนอื่นออกตัวก่อนนะครับ ว่าเขียนข้อมูลนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการจะไปอเมริกาจริงๆ

ไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือมีส่วนได้เสียอะไรกับใครทั้งสิ้น เขียนเพราะประสบกับตัวเองโดยตรง

และอยากให้เป็นความรู้กับเพื่อนๆ ทั้งหมดนี้ เขียนมาจากใจและประสบการณ์จริงครับ เพราะตอนที่ผมจะไปขอ ผมก็พยายามหาข้อมูลจากในเว็บ แต่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรมากนัก

เห็นมีหลายเว็บแล้วที่พยายามจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าไปอเมริกา แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่บอกได้อย่างละเอียดหรือเข้าใจขั้นตอนอย่างแท้จริง

สุดท้ายก็กั๊กกันไว้ แล้วก็ไปจบที่ ลองไปโทรปรึกษาบริษัททัวร์หรือตัวแทนโน่น นี่ นั่น เพื่อเงินทั้งนั้น เห็นแล้วรำคาญตารำคาญใจครับ

และขอโทษผู้ที่ทำธุรกิจประเภทนั้นด้วย หากข้อมูลของผมมันไปกระทบกัยการทำมาหากินของคุณ เพราะผมเจตนาดีครับ



ก่อนจะอ่านขอย้ำนะครับ ว่าอย่าอ่านข้ามแม้แต่บรรทัดเดียว ถ้ามีเวลาถึงค่อยอ่าน ถ้าอ่านแบบข้ามไปข้ามมา ขอร้องครับ ลบทิ้งไปเลย

เพราะคุณจะพลาดเทคนิคหรืออะไรดีดี ที่ผมพยายามถ่ายทอดแบบหมดเนื้อหมดตัว ผมสละเวลาอันมีค่าของผมมาถ่ายทอดให้คุณอ่านแล้ว

ถ้าคุณไม่ตั้งใจอ่าน ก็ปิดไปเลยครับ อย่าได้ขาดความเคารพในความเสียสละของผมเชียว ( ดุไปมั้ยวะเนี่ย )



เข้าเรื่องเลยนะครับ ไม่อ้อมค้อมแล้ว ทำไมถึงต้องมีขั้นตอนหรือการเตรียมตัวล่วงหน้าที่ดี

เพราะ วีซ่าอเมริกาไงครับ โหดที่สุด หินที่สุด เท่าที่คุณจะหาได้จากโลกใบนี้ ถ้าคุณได้วิซ่าจากประเทศนี้แล้ว ประเทศอื่นคุณก็ไม่ต้องห่วงแล้วครับ ผ่านฉลุย

มันเหมือนเป็นใบผ่านไปยังโลกที่ 3 ได้เลยยังไงยั่งงั้น เพราะฉนั้นถ้าเตรียมตัวไม่ดีหรือข้อมูลไปปึ๊กจริง อย่าไปเลยครับ เสียดายค่าธรรมเนียม 100us. เปล่าๆ



ก่อนอื่นเลยนะครับ ถามตัวเองก่อนเลยว่าจะไปชัวร์มั้ย ถ้าชัวร์ จะไปวันที่เท่าไหร่ ไปช่วงไหน และที่สำคัญที่สุด จะกลับเมื่อไหร่ และหากมีความคิดที่จะไปแล้วไม่กลับ

หวังจะไปเป็นโรบินฮู๊ดที่นั่น ก็เลิกคิดเถอะครับ อย่าเสี่ยงเลย เพราะเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาไม่ใช่หมูที่คุณจะเคี้ยวได้ง่ายๆ เหมือนสถานฑูตอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ของเค้าได้รับการฝึกอบรมโดยตรงจาก CIA และ FBI ( เผลอๆเก่งกว่าหน่วยสืบราชการบ้านเราอีก ) เพราะฉนั้นการกระทำอะไรที่ส่อแววพิรุด หรือไม่บริสุทธ์ใจ เชื่อเถอะครับว่าเค้ารู้ก่อนที่คุณคิดจะทำอีก แล้วทีนี้ตัวคุณเองนั้นหล่ะที่จะไม่มีโอกาสได้ไปเหยียบอเมริกาอีกเลยตลอดชีวิต เผลอๆ อาจรวมถึงประเทศพันธมิตรในภายภาคหน้าด้วย

เพราะคุณโดนหมายหัวไปเรียบร้อย และข้อมูลก็ ONLINE กันหมด เพราะฉนั้นอย่าเสี่ยง



เมื่อคุณได้วันเดินทางที่แน่นอน ได้รัฐและที่พักที่คุณจะไปแน่นอน และได้ช่วงวันกลับที่แน่นอนแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคือ สำรวจคุณสมบัติตัวเองเลยครับ ตรวจและรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับชีวิตและสถานภาพตัวคุณเองได้เลยตามนี้

คุณเป็นใคร แต่งานหรือยัง บ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่พี่น้องกี่คน เรียนอะไร ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ มีเงินเก็บในบัญชีเท่าไหร่ มีภาระหนี้สินอะไรบ้างที่ต้องรับผิดชอบ çอันนี้สำคัญมาก

เพราะมันจะช่วยยืนยันได้ว่า คุณหนีไปไหนไม่รอดเพราะมีหนี้สิน อาทิ เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต อย่าอายครับ ยิ่งมียิ่งดี



เมื่อคุณสำรวจตัวเองจนมั่นใจแล้วว่า คุณรู้จักตัวเองทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็ไปหาเอกสารหลักฐานมายืนยันครับ ไม่ใช่คุณบอกว่า คุณเป็นโน่นเป็นนี่แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดง

ก็เงียบไปดีกว่าครับ เค้าจะมองว่าคุณโกหกซะเปล่าๆ ถ้ายังเรียนอยู่ ให้ไปเอาใบรับรองมาให้หมด บอกที่เรียนว่า ขอใบรับรองเพื่อไปขอวีซ่า เดี๋ยวเค้าจัดให้เอง

เรียนจบมาจากที่ไหน พยายามไปค้นใบปริญญาหรือวุฒิต่างๆมาให้หมด ( เรื่องเอกสารจำไว้นะครับว่าต้องใช้ตัวจริงเท่านั้น อย่าได้นำสำเนาแล้วเซ็นรับรองมาเชียว

เพราะหลังจากเค้าใช้เสร็จแล้วจะคืน ทุกอย่างให้กับคุณ เค้าไม่อยากเก็บไว้ให้รกครับ ไม่ต้องกลัวหายนะ ) บัตรประชาชนตัวจริง เอาติดไปด้วย

passport ต้องไม่หมดอายุ ถ้ามีเล่มเก่าเคยไปไหนมาไหนมาแล้ว เอาติดไปด้วย

ทะเบียนบ้านไม่ต้อง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านก็ไม่ต้อง ถ้าคุณเคยเปลี่ยนชื่อ เอาใบเปลี่ยนชื่อไปด้วย ตัวจริงเท่านั้น

จำไว้ว่าคนที่กำลังเรียนอยู่มีโอกาสดีกว่าคนที่เรียนจบแล้ว และ ยังไม่ได้เรียนต่อหรือทำงาน

ส่วนคนที่ทำงานแล้วก็เตรียมวุฒิที่จบไปด้วย ยิ่งจบมหาลัยดังๆยิ่งมี % ดีเข้าไปอีก เพราะเค้ารู้จักนะครับ ฝรั่งอยู่ไทย รู้จักหมด ยิ่งจุฬา ธรรมศาสตร์ เอแบค รังสิต กรุงเทพ นี่เค้ารู้จักดีเลย

หลังจากนั้น คุณเดินไปฝ่ายบุคคลของที่ทำงานนะครับ แล้วขอใบรับรอง บอกเค้าว่าจะไปทำวีซ่า ถ้าบริษัทคุณมีมาตรฐานพอ รับรองครับ เค้าจะจัดให้คุณได้ครบชุด

อย่าลืมให้ทางที่ทำงานระบุ วันที่ลามาด้วย ว่า คุณได้ทำการลางานในช่วงที่คุณจะไปไว้เรียบร้อยแล้ว ทีเด็ดเลยครับ ตรงนี้ หลายคนมีใบรับรองการทำงาน รับรองเงินเดือน แต่ไม่มีใบลาไปครับ

ก็มี % อดได้กลับมาแน่นอนครับ ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของกิจการส่วนตัว ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก คุณก็เตรียม เอกสารบริษัทของคุณไปด้วย แต่ใบจดทะเบียนจัดตั้งอะไรต่างๆไม่ต้องเอาไป

เอาพวกบัญชีบริษัท บิล ใบเสร็จรับเงินต่างๆ ใบยื่นภาษีต่างๆ ถ้ามีใบ contract กับบริษัทอื่นๆด้วยนี่รีบเอาไปเลย เมื่อได้ใบรับรองสถานภาพตัวคุณเองแล้ว ทีนี้ก็มาเรื่องเงินๆทองๆ ของคุณ โชว์เค้าไปครับว่าคุณมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ โชว์เค้าไปว่า คุณมีปัญญาหาเงินได้จากที่ประเทศของเรา ไปต้องไปพึ่งประเทศเค้า บางคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงเครียด

“ ตายห่าแล้วกรูมีเงินเหลือสองพัน จะรอดมั้ยวะเนี่ย “

อย่าวิตกครับ เพราะบางคนสิ้นเดือน มีเงินเหลือในบัญชีเพียง 34 บาทยังไม่พอค่าธรรเนียมแบงค์ด้วยซ้ำ แต่ขอให้มีเงินไหลเวียนอยู่ตลอด และบัญชีที่คุณใช้สามารถ

เรียกดูย้อนหลังได้มากกว่า 6 เดือนเป็นอันใช้ได้ ทีนี้คุณก็ไปธนาคารนะครับ ไปบอกเค้าว่า สำคัญมากนะครับตรงนี้ จดไปเลยยิ่งดี



ไปบอกธนาคารว่า ขอ statement เพื่อไปทำ visa และ ขอใบรายงานบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน – 1 ปี อีก 1 อย่าง รวมเป็นสองอย่างนะครับ

ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ตรงนี้ผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกเช่นกันนะครับ แต่ถ้าใครมีของไทยพาณิชย์หล่ะก็ สบายใจโลดเลยครับ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะรู้เรื่องและเข้าใจขั้นตอนดีมากๆ

ที่แย๊บเรื่องนี้ เพราะว่าแฟนผมเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ขอพูดชื่อเลยนะครับ เพราะผมไม่ได้ว่าธนาคาร ผมจะพูดถึงพนักงานนะครับ

ผมทำเรื่องที่ไทยพาณิชย์ ทุกอย่างดีมาก ไม่ต้องทำอะไรต่อ แต่แฟนผมไปขอเอกสารจากกรุงเทพ สาขา พารากอน ว่างๆลองแวะไปครับ ว่าจริงแบบที่ผมพูดมั้ย

นอกจากพนักงานจะไม่รู้เรื่องหรือขั้นตอนอะไรแล้ว เค้ายังจะแนะนำคุณแบบปัดสวะความรับผิดชอบของเค้าที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากกมลสันดาลที่ขี้เกียจส่วนบุคคล

โดยบอกลูกค้าว่า เอาแค่ใบนี้ใบเดียวพอ อย่างอื่นไม่ต้อง แถมมีเถียงอีก เพราะฉนั้นอย่าไปฟังครับ มันต้องใช้สองอย่าง แต่พวกนี้ขี้เกียจทำเรื่อง เพราะต้องส่งสำนักงานใหญ่

อย่าไปยอมนะครับ เพราะผมเจอมาเลยกับตัว นอกจากจะออกเอกสารให้ผมไม่ครบ สุดท้ายผมเลยโต้แย้งเพื่อความถูกต้อง เจ้าหน้าที่เลย print ใส่กระดาษที่ไม่มีมาตรฐาน

ของธนาคารมาให้ผม แล้วโกหกมว่าเอาไปใช้ได้ ดีนะครับที่ผมไหวตัวทันรีบขับรถไปสำนักงานใหญ่ที่สีลมเอง เท่านั้นหล่ะครับเป็นเรื่องเลย ไม่รู้ตอนนี้โดนไล่ออกไปหรือยัง

พนักงานที่ออกเอกสารปลอมเพราะความขี้เกียจส่วนตน นอกเรื่องมากไปนิ๊ด โทษทีครับ โอเค สรุปว่าเอกสารการเงินสองแบบนะครับ จำไว้



อย่าวิตกกับตัวเลขในบัญชีที่มีน้อย เพราะมีคนที่ผมรู้จักหลายคนที่มีเงินเป็นหลักล้าน แต่ก็ไม่ผ่าน เพราะเค้ากลัวเอาเงินย้ายหนีไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น และก็รู้จักหลายคนที่เงินในบัญชีเหลือหลักร้อย

แต่ก็ไปได้ เพราะมีเงินหมุนเวียนตลอดตามวงจรชีวิตพนักงานเงินเดือนเข้าสาย บ่ายหลับ กลับก่อน ศุกร์เหมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา อย่าเครียดครับ และขอย้ำว่า อย่าได้ตกแต่งบัญชีเลย

บางคนไปยืมเงินเพื่อนแถมเสียดอกเบี้ย เพื่อมาแต่งให้บัญชีมีเงินเยอะๆ ถ้าคุณทำแบบนี้เท่ากับคุณดูถูกเจ้าหน้าที่อย่างแรง เค้าไม่โง่เชื่อหรอกครับ ว่าอยู่ดีๆหลักพัน แล้วลอยมาจากไหนวะเป็นแสน เพราะฉนั้น เอาความจริงครับ นอกเสียจากถ้าอย่างแต่งบัญชีจริงๆ ก็เตรียมตัวล่วงหน้าไปเลยครับ 6 เดือน ถ้ารอได้ก็เอา ไปยืมเงินมาใส่ไว้เลย



จบจากเรื่องเงินแล้ว ก็เข้าสู่เรื่องหนี้สินเลยครับ อันนี้สำคัญมากอย่างที่กล่าวไปในตอนแรก ถ้าใครคิดว่าอายที่จะบอกเค้าว่า รถต้องผ่อน บ้านต้องผ่อน บัตรต้องผ่อน นี่กลับด้านสมอง

อ้อมรอยหยักซีลีโบลั่มมาคิดใหม่ได้เลยครับ ยิ่งดีเลยถ้าคุณกล้าเปิดเผยข้อมูลพวกนี้ เพราะมันคือหลักฐานชิ้นสำคัญว่า ยังไงคุณก็ต้องกลับมา เพราะคุณหนีไปไหนก็ลำบาก

เนื่องจากเราได้ไปเซ็นภาระผูกพันธ์ไว้กับที่ต่างๆแล้ว ยิ่งผ่อนบ้านนี่ยิ่ง work เลยครับ ไปหาเอกสารมาให้ครบ ใครผ่อนบ้านก็เอาเอกสาร โฉนด อะไรต่างๆไปให้ครบ

ค่างวดรายเดือนอะไรต่างๆ ใบแจ้งหนี้ เอาติดไป เพื่อความบริสุทธิ์ใจ อย่ามองข้ามเด็ดขาด ใบเสียภาษีรายปี ภงด อะไรต่างๆ เอาติดไป ประกันชีวิต ถ้ามี เอาไปด้วย เอาติดไปทั้งเล่มใหญ่ๆนั่นหล่ะ อย่าได้คิดถ่ายสำเนาไปเชียว ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่า เอกสารทุกอย่างต้องตัวจริงเสียงจริงเท่านั้น และอย่าได้นำเอกสารเหล่านี้ใส่ซองอะไรต่างๆมาเชียว เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม อ่านไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ



ในกรณีที่คุณมีญาติอยู่ที่นั่นและจะไปพักกับเค้า ให้เค้าเขียนจดหมายเชิญมาให้คุณด้วยครับ ถ้าไม่รู้จะบอกให้ญาติเขียนมาว่ายังไง ก็ดูตัวอย่างของผมนี่เลยครับ

address

To whom it may concern

CC: ชื่อของคุณ



I am ชื่อญาติคุณ and my wife we are both business owners of a Thai Restaurant which is “xxxxxx” locates on ที่อยู่ญาติคุณ

We are writing to inform you about our inviting ชื่อของคุณ whom are our nieces and nephew to visit us in United States of America

for 2 weeks from วันที่จะไป ถึง วันที่จะกลับ

According to their stay in the United Sates of America, I will take all responsibilities for their financials support during their

visits including Accommodations, Round Trip, and Traveling Expenses.

During the period, they will be staying at our current address which is stated above. We are also taking them to experience

other States within the United States and our accompany is guaranteed at all time.

Herewith I’m sending all the required documents for getting the necessary tourist visa from the US Consulate, as following



เอกสารที่ส่งมาด้วย ใบรับรองบัญชีจากญาติ รูปถ่ายบ้านที่คุณจะไปพัก รูปญาติคุณ ID CARD หรืออะไรต่างๆ อันนี้ถ่ายสำเนาได้ครับ ไม่ต้องให้ญาติส่งตัวจริงมานะ สงสารเค้า

ถ้าเป็นกรณีที่คุณจะไปหาที่พักเอง คุณก็ขอใบ Reservation จากที่พักของคุณ print จากเว็บหรือโทรไปให้เค้า fax มาให้ด้วย



ตั๋วเครื่องบิน มีหลายคนโดยเฉพาะพวกบริษัททัวร์หรือเอเย่นต์ขายตั๋ว มันจะบอกผู้ไม่รู้ว่า ควรจะจองตั๋วไว้ก่อน และนำเอกสารการจองตั๋วไปสถานฑูดจะมี % ได้มากกว่า

เรื่องนี้ขอบอกว่า ไม่จริงครับ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อหรือจองตั๋วเครื่องบินก่อนล่วงหน้า ไม่มีผลอะไรที่แตกต่างหรือดีขึ้น นอกซะจากคุณจะเสียเงินฟรีๆ หากวีซ่าไม่ผ่าน

จะคืนตั๋วก็โดนเค้าหัก % ค่าเสียหายแล้วครับทีนี้ อย่าได้เชื่อใครว่าต้องใช้



ทีนี้มาถึงการเตรียมเอกสารที่สำคัญที่สุด หรือพูดง่ายๆว่า หัวใจของงานนี้เลยครับ

ก่อนอื่นใจเย็นๆ ตั้งสติ อย่าเครียด ทำตามขั้นตอนที่ผมบอก ให้ครบ อย่าข้าม อย่ากระโดด แล้วจะรู้ว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด คนอื่นทำได้ คุณก็ต้องทำได้



ไปที่เว็บไซต์ สถานฑูตอเมริกา ที่

//thailand.us-visaservices.com

หลังจากนั้นลองอ่านข้อมูลและศึกษาดูว่า กฏระเบียบเป็นอย่างไร

สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือ ให้คุณ ลงทะเบียนการนัดหมายผ่านเว็บไซต์เท่านั้น เพราะถ้าคุณได้อ่านเมลล์นี้ หมายถึงคุณมีอินเตอร์เนตใช้ ถ้าคุณอ่านเมลล์นี้ แต่คุณโทรไปจองทางโทรศัพท์

ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เพราะมันทั้งง่ายและสะดวก แต่ถ้าคุณจะดิ้นรน เพราะกลัวการใช้งานระบบต่างๆผ่านอินเตอร์เนต เพราะกลัวโน่นนี่นั่น ก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ



โอเคถ้าอ่านในเว็บแล้ว เค้าจะบอกว่า ให้คุณไปซื้อ pin จากที่ทำการไปรษณีย์ มาลงทะเบียน

แล้วทำไงหล่ะครับทีนี้ ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนครับ มันไม่มี pin หล่นลงมาให้คุณหรอก ออกไปข้างนอกครับ ไปไปรษณีย์เลย มันต้องซื้อจากหน่วยงานราชการเท่านั้น

ไม่ต้องหาตัวแทนมาทำให้ เพราะเค้าชารจ์คุณหนักแน่ ทำเองครับไม่ยาก เติมเงินในบัตรมือถือยังยากกว่าเลย

ไปถึงไปรษณีย์ สาขาไหนก็ได้ แล้วไปบอกเค้าว่า มาซื่อ pin ลงทะเบียนเพื่อขอวีซ่าไปอเมริกาผ่านอินเตอร์เนต แค่นั้นเองครับ เจ้าหน้าที่เค้าจะรู้เลย

ผมจำราคาที่แน่นอนไม่ได้นะ แต่ไม่เกิน 400 บาทต่อ 1 pin จำไว้นะครับ ว่า 1 pin สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ถ้าหากคุณมีนามสกุลเดียวกันและจะไปขอวีซ่าพร้อมกัน

ไม่ต้องซื้อเยอะให้เปลืองเงินหากเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเดี๋ยวเข้าไปในเว็บมันจะมีเมนูที่ใช้คุณ apply ต่อให้คนในครอบครัวเดียวกันได้ นามสกุลต้องเหมือนกันนะ



โอเคทีนี้พอได้ pin มาแล้ว ก็กลับไปที่เว็บเดิมครับ



//thailand.us-visaservices.com



แล้วเข้าไปที่เมนู ตกลงเข้าสู่ระบบ เสร็จแล้วก็ใส่ข้อมูลต่างๆ ตามความจริง พร้อมกับใส่รหัส pin ที่ไปซื้อมา ง่ายกว่าสมัคร hotmail อีก

ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คุณจะทำการเลือกวันนัดสัมภาษณ์ได้เลยจากในเว็บ พร้อมกับ mail รับรองจากสถานฑูตที่ส่งมาให้คุณ print ทุกอย่างเก็บไว้และนำติดตัวไปด้วย

อย่าลืม คุณจะพบกับ เมนู Generate DS-156 Visa Application Form และ Obtain Forms DS-157 and DS-158 (if applicable)

ในเว็บไซต์ ให้คุณ download ออกมาครับ มันเป็นไฟล์ pdf ที่เค้าทำช่องไว้ให้คุณกรอกข้อมูลแบบดีที่สุดและง่ายสุดๆ

กรอกทุกอย่างให้ครบตามความจริงครับ ไม่เข้าใจศัทพ์ตรงไหน เปิด Dict อย่าเดา กรอกให้ครบ อ่านให้ละเอียด ว่าเค้าถามอะไร ตอบให้ตรงคำถาม

เสร็จแล้ว print ออกมาให้หมด อย่าลืมนะครับ ตรวจทานทุกอย่างให้ดีที่สุด กรอกให้ละเอียดที่สุด คุณสามารถ print แบบเอกสารเปล่าๆออกมาเพื่อกรอกด้วยลายมือได้นะครับ

ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมกรอกข้อมูลอย่างเดียว และอย่าลืม ท่องไว้เลยว่า ทุก เอกสารDS คือหัวใจ ถ้าเอกสารDS เป็นอะไรไป หาย ลืม ไม่สมบรูณ์ คุณก็อดแน่นอน ( เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม )



มาถึงตอนนี้ ถ้าคุณทำทุกอย่างครบถ้วน เอกสารที่คุณจะมีอยู่ตอนนี้แล้วคือ

Passport , บัตรประชาชน, เอกสาร DS ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว, ใบรับบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน - 1 ปี , ใบรับรอง statement , ใบรับรองการทำงาน หรือ ใบรับรองการศึกษา พร้อมระบุวันลา, วุฒิการศึกษาต่างๆ , ใบรับรองภาระหนี้สินที่คุณมี , จดหมายรับรองที่พักที่คุณจะไปอยู่ในอเมริกา และ เอกสารยืนยันวันนัดหมายกับสถานฑูตผ่านเว็บไซต์

ถ้ามีไม่ครบตามนี้ ไปจัดการซะก่อน



หลังจากนั้น ออกไปไปรษณีย์ อีกรอบ คราวนี้รอบสุดท้ายแล้ว เตรียมเงินไปด้วย คนละ 3,600 บาท ไม่มีเหมาจ่าย ของใครของมัน

แล้วไปบอกเจ้าหน้าว่า มาจ่ายค่าธรรมเนียม ขอ visa ไปสหรัฐ เค้าจะถามคุณว่า ได้นัดวัน เวลา จองทุกอย่างเรียบร้อบใช่มั้ย คุณก็เอาใบนัดที่ print ออกมาให้เค้าดูไป

แล้วก็จ่ายเงิน เค้าก็จะให้ใบรับรองการจ่าย มาให้ 1 ใบ ห้ามหาย ห้ามขาด เพราะถ้าเอกสาร ds เปรียบเทียบได้กับหัวใจของภารกิจนี้แล้ว ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมก็คือ เส้นเลือดใหญ่

ของงานนี้เช่นกัน ไม่ว่า คุณจะเตรียมเอกสารได้สุดยอดขนาดไหน ขาดใบนี้ ก็จบ กลับบ้านมือเปล่าได้เลย



ภารกิจสุดท้าย…วันนัดสัมภาษณ์….

ก่อนวันนัด แนะนำว่า ตอนกลางคืน ก็มานั่งอ่านเอกสาร ds ที่คุณกรอกไปทบทวนดูสักรอบ จะได้ไม่พลาด

คุณจะไปที่ไหน ไปพักกับใคร กลับเมื่อไหร่ ข้อมูลทุกอย่าง แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง ให้เค้าถามคุณกี่รอบ คุณก็ตอบได้เหมือนเดิมถ้ามันคือเรื่องจริง

แต่ถ้าพวกที่แอบอ้างเรื่องโน้น เรื่องนี้ ระวังให้ดีหล่ะกันครับ เพราะคนที่จะไปคุยด้วย เค้าฝีกมากับ CIA และ FBI ถ้าคุณคิดว่าจะโกหกเค้าได้ก็ลองดูครับ

ไปถึงสถานฑูตล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ในใบเค้าก็จะบอกไว้ อย่าได้สายเชียวนะครับ นัดรอบไหนก็ไปก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะไม่มีทางที่เค้าจะรอคุณแน่นอน

เมื่อไปถึง ก็ไม่ต้องรอฟ้าฝนหรือคนมาช่วยครับ เดินเข้าไปเลย ตามป้าย ไม่ต้องถามหรือปรึกษาใครแถวนั้น เพราะถ้าโชดี คุณจะเจอพวกที่เค้าบอกว่า รู้จักโน่นนี่นั่น ช่วยได้ อย่างโน้นอย่างนี้

แต่เชื่อเถอะว่าเสียเงินเปล่า อย่าสนอะไรเดินเข้าประตูไปเลย เพื่อเข้าสู่ด่านที่ 1 คุณจะพบกับยาม สี่ห้าคน พร้อมกับคำสั่งให้ปลดอาวุธ เอ้ย วางเอกสารเข้าเครื่อง scan และให้นำมือถือปิดเครื่องและฝากไว้ พร้อมกับบัตรฝากของ เดินเข้าเครื่องตรวจระเบิด เดินต่อไป จะเจอด่านสุดท้าย พร้อมกับคำสั่ง อ้าขาออก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเอาไม้ตรวจอาวุธ มาลูบไล้ไปทั่วเลือนร่าง

ให้ความร่วมมือเค้าด้วยครับ เรื่องซีเรียส เดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง จะเจอน้องๆหน้าตาหน้ารักน่าชังนั่งอยู่ ด่านที่ 2 เค้าจะขอดูใบนัด ซึ่งก็คือใบนัดเวลาที่คุณ print มานั่นเอง

เมื่อตรวจดูมีชื่อตรงกัน เค้าก็จะเปิดให้ผ่านเข้าไปยังด่านที่ 3 ด่านนี้คุณจะเจอกับ สาว 2 คน ยืนช่วยกันตรวจความถูกต้องของเอกสารที่คุณเตรียมมา

ทีนี้คุณ ก็จะรู้ว่า ทำไมผมถึงบอกว่า เอกสาร ds คือหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเอกสารพร้อมแค่ไหน แต่ถ้า ds กรอกไม่เรียบร้อย คุณก็ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้

เอกสารที่เตรียมมาทั้งหมด จะถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ ทำงานหรือเรียนอยู่ เค้าก็จะเลือกให้เราเอง ไม่ต้องช่วยแนะนำเค้าเชียวนะครับ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เค้าจะจัดเอกสารที่สำคัญใส่แฟ้มแยกไว้ให้คุณ พร้อมกับบอกว่า เอกสารที่เหลือให้จัดไว้ให้ดี ถ้าอยู่ในซอง เอาออกจากซองให้หมด หลังจากนั้น เค้าจะให้คุณผ่านไปยัง



ด่านที่ 4 ด่านนี้ง่ายสุดครับ เพราะมันคือการซื้อซองจดหมายถึงตัวคุณเอง ราคา 65 บาทมั้ง อันนี้ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ แต่ไม่ถึง 100 ครับ จ่ายเงิน รับซองมา แล้วเขียนจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง

เป็นภาษาอะไรก็ได้ครับ ระหว่างยืนกรอกเอกสารอยู่ มีเด็กวัยรุ่นคนนึงหันมาถามแฟนผมว่า พี่ครับ ตรงนี้ต้องเขียนว่าอะไรครับ แฟนผมทำหน้างงงง แล้วบอกว่า

เค้าให้ใส่ชื่อพ่อแม่ของคุณค่ะ เด็กคนนั้นอาจจะตื่นเต้นจัด รีบตอบกลับแฟนผมมาว่า ไม่มีครับ ผมและแฟนก็ได้แต่ยืนอึ้ง นึกในใจว่า อ้าว ชื่อพ่อแม่ไม่มีแล้ว เกิดมาได้ไงวะเนี่ย

แล้วเดินตามทางต่อไปถึงด่านที่ 5 ด่านนี้ เค้าจะตรวจเอกสารเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับออกบัตรคิวให้คุณ พร้อมกับการยื่นข้อเสนอว่า คุณ ต้องการสัมภาษณ์ ภาษาอะไร

ไทยหรืออังกฤษ เมื่อคุณเลือกแล้ว เค้าจะออกบัตรคิวมาให้ พร้อมกับชี้ทางให้คุณเดินทางผ่านไปยัง… ด่านสุดท้าย



ภารกิจสุดท้าย ด่านที่ 6

ประตูไม้สักสองบาน ตั้งตระหง่านปิดทางเดิน ทางเข้าออกสลับกันในบานเดียว เสียงเปิดดังเอี๊ยดอ๊าดเข้าสู่โสดประสาทหู เมื่อการการเคลื่อนไหว

มันช่างทำให้ดูมีมนตร์ขลัง สะกดจิตใจให้สันหลังเสียวว๊าบบ ขึ้นมา

เมื่อขาสองข้างกของผมก้าวย่างผ่านพ้นประตูเข้าไป อากาศที่เย็นเฉียบปานจะแช่หัวใจให้แข็งจนหยุดนิ่งประหนึ่งดัง น่ำแข็งแห้งที่ใส่มากับกล่องไอติมฮาเก้นดาส

วิ่งทะลุเข้าสู่ทั่วร่างกาย และตรงดิ่งไปสู่ขั้วหัวใจแบบฉับพลัน ทันใดนั้นเอง …

บ้าแล้ว !!! นี่มันขอวีซ่านะโว้ย ไม่ใช่ นิยายปัญญาอ่อน

โอเคครับ พอเข้าไปก็จะเป็นห้องกว้างงงงขวางงง มีที่นั่งเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่รออยู่ในนั้น ที่ยืนมีครับไม่ต้องห่วง มีทีวีให้ดูแก้เซ็งระหว่างรอคิว

พร้อมกับห้องน้ำเอาไว้ คลายความตื่นเต้น บางคนอาจจะหาว่าเวอร์นะครับ แค่ไปขอวีซ่าจะอะไรมากมาย โอเคครับ ถ้าคุณเป็นลูกท่านหลานเธอ หลานอาเสี่ย น้องอาเฮีย ที่เกิดมาบนกองทอง

และไปเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ โดยพ่อแม่จัดการให้ทั้งหมด เป็นพวกลูกแหง่แบบนั้น รับรองว่าคุณไม่มีทางได้เข้าถึงความรู้สึกแบบชนชั้นกลางอย่างผมที่ต้องดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง

ความรู้สึกตอนประกาศผลสอบต่างๆ หรือความรู้สึกตอนลุ้นบอลนัดชิง ปริมาณความกดดันและตื่นเต้น มีการพุ่งตัวขึ้นสูงขึ้นในระดับที่เท่ากันเลย

ป้ายสัญญาณอีเล็คทรอนิค พร้อมกับเสียงประกาศจากเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดภาษาไทยสลับอังกฤษ ดังแบบต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นจังหวะ ทิ้งระยะห่างบ้าง สั้นบ้าง

หมายเลขต่อไป ห้า ห้า ห้า เชิญที่ช่องหมายเลข 11 แฟนผมได้เข้ามาในด่านที่ 6 ก่อน จึงล่วงหน้ามาสำรองที่นั่งไว้ได้ เมื่อผมผ่านประตูเข้ามาจึงมองตรงไปที่เธอ และเข้าไปนั่งข้าง

โดยที่สมาธิทั้งหมด เพ่งไปที่หมายเลขคิว และเจ้าหน้าที่ประจำช่องหมายเลขต่างๆ ลักษณะห้องทำงาน ถ้าใครยังเข้าใจว่า เป็นการนั่งสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว นี่คิดผิดเลยครับ

การสัมภาษณ์ คือ การยืนคุยกันผ่านกระจกกั้น และมีไมค์และเครื่อง scan ลายนิ้วมือเป็นตัวกั้นกลาง นึกภาพไม่ออกก็นึกถึง เวลาไปเยี่ยมคนที่ติดคุกไว้ครับจะเห็นภาพ



สายตาผมพยายามมองหา ป้าช่องแปด ในตำนาน หลายคนคงเคยได้ยินกิติศัพท์ของเธอมาอย่างเหลือล้น ทั้งในอินเตอร์เนต หนังสือบางเล่ม ต่างได้กล่าวถึงสรรพคุณ

ในการอนุมัตวิซ่าของเธอในรูปแบบของเสียงส่วนใหญ่ว่า คุณป้ามหาภัย ไร้ซึ่งเหตุผล สัมภาษณ์ 100 คนจะได้สั๊ก 2 คน

บางคนถึงกับบอกว่า ถ้ารู้ว่าได้สัมภาษณ์กับเธอคนนี้ก็เดินตัวเปล่ากลับออกมาเลยดีกว่า

ในใจผมก็รู้สึกหวั่นไหวกับคำล่ำลือพวกนั้น แต่ลึกๆในใจก็ยังคิดว่า นี่สถานฑูตอเมริกานะ ใครจะจ้างคนไร้สาระแบบนั้นมาทำงาน ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด



เสียงคิวดังต่อเนื่องเป็นระยะๆ จะมีบางจังหวะที่เค้าเรียกเป็นชุดแบบ non stop เลยก็มี เพราะคิดว่าบางคนก็มาขอกันเป็นกลุ่มคณะ แฟนผมก็พยายามเดินไปดูว่า ป้าช่องแปด

อยู่ไหนนะ หน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนกับคำล่ำลือมั้ย เพราะข้อมูลส่วนใหญ่บอกว่า เธอมีผู้หญิงไทยแก่ เอ้ย ผู้หญิงไทยหน้าตาค่อนข้างดูมีอายุ ใส่แว่น สายตาแข็ง มองใครจ้องเขม็ง

ไม่ค่อยกระพริบตา ดูโหดร้าน เย็นชา ไร้ความปราณี ผมก็พยายามช่วยหา แต่ก็ไม่พบ เพราะทุกช่องเป็นฝรั่งหมดเลย ก็ยังแอบโล่งใจไปอีกเปราะ ระหว่างนั่งรอคิวอยู่

ทาทายัง เดินเข้ามา แฟนเรียกให้มอง พอหันไป เห็นแต่คุณพ่อทาทาเดินบังเต็มจอ ได้เห็นแค่ก้นทาทา แล้วเธอก็เดินจากไปอีกห้อง สงสัยจะ VIP จัดๆ แต่ก้นใหญ่ๆจริงๆครับ

ยิ่งเจอตอนที่มีกระแสว่าตอนนี้เธอป่องซะแล้ว ยิ่งดูน่าเชื่อยังไงไม่รู้ แค่คิดว่าคงยังไม่ท้องหรอกครับ เพราะทาทาเป็นคนจริง เป็นคนตรงๆ ไม่โง่แบบและชอบโกหกแบบใครบางคน

แน่นอน นอกเรื่องอีกจนได้ กลับเข้าสู่ช่วงลุ้นระทึกที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อทาทายัง หายไปได้ไม่นาน เสียงเรียกคิวของแฟนและน้องสาวแฟนของผม

( ลืมบอกไปว่ามีน้องสาวแฟนไปขอด้วย แต่บังเอิญเธอไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่นัก เพราะตัวเดินเรื่องทั้งหมดคือผมและแฟน หรือพูดง่ายๆว่า เธอได้ apply

จากพี่สาวตามที่ผมบอกไว้ในข้างต้นแต่ค่าธรรเนียม 3600 ต้องแยกจ่าย แต่ความตื่นเต้นหรือการเตรียมตัวทุกอย่างทำเท่ากันหมดครับ )

ทั้งคู่ถูกเรียกไปพร้อมกันทั้งคู่ ในกรณีที่คุณมาเป็นครอบครัว ความตื่นเต้นน่าจะลดลงได้บ้าง เพราะเค้าให้เข้าไปคุยพร้อมกันหมดเลย พยายามเลือกคนที่พูดจารู้เรื่องดีที่สุด เป็นตัวหลัก

และพยายามบอกให้คนที่พูดจาไม่รู้เรื่องสงบปากสงบคำไว้ อย่าตอบเยอะ หรือไม่ตรงคำถามนะครับ เมื่อแฟนผมไปสัมภาษณ์ ผมก็ไม่วายที่จะต้องลุกตามไปดูแบบตามติดประชิดตัว

เธอได้สัมภาษณ์กับผู้ชายฝรั่ง หน้าตาท่าทางใจดี ที่ช่องหมายเลข 11 ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีครับ แฟนผมและน้องสาวเธอก็ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าซาลาเปาวราภรณ์

เดินหัวเราะคิ๊กคักกันออกมา จากช่อง 11 เธอกอดกันดีใจใหญ่ สายคนคนเกือบทั้งห้องมองมากันหมด บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็ทำหน้าเครียดปนอิจฉา ด้วยความที่แฟนผมเสียงดังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เลยเป็นเป้าสายตาเข้าไปใหญ่ ผมก็เข้าไปแสดงความยินดี แล้วก็เปลี่ยนที่นั่ง มานั่งอยุ่ข้างหน้าช่องที่สัมภาษณ์ทั้งหมด แบบประจันหน้ากันไปเลย



แฟนก็ยังตื่นเต้นและดีใจไม่หาย หลังจากที่เธอรวบรวมสติได้ ผมก็ค่อยๆถามเธอว่า เป็นยังไง ถามอะไรบ้าง เล่ามาให้หมด เพราะผมยังไม่ถูกเรียก

10 ปี เธอตอบ ได้สิบปีทั้งคู่ น้องสาวชั้นเลยสบายไปด้วยเลย ขอวีซ่าไปอเมริกาครั้งแรก ได้สิบปีเลย เธอเลือกสัมภาษณ์ภาษา eng เธอบอก เค้าถามว่า จะไปพักอยู่กับใคร

ไปกันกี่คน ทำงานที่ไหน ถามน้องสาวเธอว่า เรียนจบธรรมศาสตร์มาใช่มั้ย และต่อไปนี้คือ คำถามจิตวิทยา ฝรั่งถามว่า แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย ใครดูแล

เธอตอบว่า ญาติที่อยู่ที่นั่น เพราะเค้าจะพาไปเที่ยวเป็นของขวัญวันคริสมาส แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน หรือการซื้อของ จ่ายเอง เจ้าหน้าที่ถามต่อว่า แล้วพ่อแม่ทำงานอะไร

เธอก็ตอบไปตามความจริง ว่ารับราชการ แต่พ่อแม่ก็สามารถช่วยเรื่องเงินได้ รวมถึงบอกว่า เดี๋ยวก่อนจะไปก็ต้องขอเงินพ่อแม่ติดไปด้วย

ตรงนี้หล่ะครับ ที่สำคัญ อย่าได้บอกว่า ญาติที่นั่นจะดูแลเราทุกอย่าง เราไม่เสียอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว เค้าจะดูว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะไปได้

แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณก็หาเงินด้วยตัวเองได้จากประเทศของเรา และมีค่าใช้จ่ายที่เตรียมไปด้วยตัวเอง เค้าก็จะมองว่าคุณมีความรับผิดชอบ และสามารถหารายได้ในประเทศของตัวเองได้จริง

ไม่ต้องไปพึ่งประเทศเค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยไปเรียนที่อเมริกามาแล้วด้วย ข้อสรุปทุกอย่างจึงจบลงที่ 10 ปี ให้กับเธอและน้องสาวในเวลาอันรวดเร็ว

เอกสารทุกอย่างที่เตรียมมาเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกใช้งานแม้กระทั่งจะชายตามอง เอกสารของเธอถูกดูเพียงแค่เอกสาร DS และใบรับรองการทำงานพร้อมวันลา



เนื่องจากช่วงเวลาที่ผมนั่งรออยู่หน้าช่องสัมภาษณ์เลยนั้น ด้วยความที่ระยะมันใกล้กันมากจนได้ยินเสียงคนที่เดินเข้าไปให่มและคุยกับเจ้าหน้าที่เกือบทุกช่อง แบบชัดเจนมาก

คิดถูกมากที่ตัดสินใจย้ายที่ออกมาจากบริเวณที่ดูทีวี เพราะสิ่งที่ผมกับแฟนกำลังจะได้พบต่อไปนี้ คือแรงบันดาลใจสูงสุดที่อยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมา

เพราะช่วงเวลาที่ผมต้องรอสัมภาษณ์นั้น กินเวลาเกินกว่า 1 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลานั้นเอง ที่ทำให้ผมได้เห็นผู้คนมากมาย จากหลากหลายสถานะ หลากหลายอาชีพ

กว่า 30 ชีวิต ที่มาเป็นตัวอย่างจริงๆ ให้ผมดูสดสดแบบ Reality คนแล้วคนเล่าที่ได้ผ่านเข้าไป บ้างก็ออกมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ บ้างก็ออกมาพร้อมคำสบด สีหน้าเกรี้ยวกราด

ผมจะขอเลือกเฉพาะตัวอย่างที่สำคัญๆ มานำเสนอ เพราะพูดตรงๆ ถ้าให้ผมเล่าทั้ง 30 กว่าคนที่ผมนั่งดูอยู่ ผมว่าผมจำได้ไม่ไหมดหมดหรอก ว่าใครเจออะไรยังไง

สงสารผมเถอะนะ เงินก็ไม่ได้ เมื่อยก็เมื่อย ระหว่างอ่านก็ลองทายไปเรื่อยๆก็ได้นะครับ ว่าใครได้หรือไม่ได้



ข้าราชการ แต่งเครื่องแบบทหาร สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



ผู้หญิงมีอายุ แต่งตัวเหมือนคุณหญิงหลุยส์ สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



เด็กนักโรงเรียนโรงเรีนยนานาชาติ สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



แม่ลูกคู่นึง คุณแม่เคยไปมาบ่อยแล้ว พาลูกสาววัยรุ่น แต่งตัวไฮโซ หน้าตาดี สัมภาษณ์ประมาณ 5 นาที

ลูกสาวคุณไม่เคยไปเลยใช่มั้ย ? คุณจะไปพักกับใคร ? ตอนนี้เรียนอะไรอยู่ ?

ผลคือไม่ผ่าน ได้ยินเค้าพูดว่า เอกสารคุณไม่เพียงพอ

หน้าตาลูกสาวเดินออกมาแบบหน้าตาเกลียงชังคนทั้งโลก



สาวทำงานแต่งตัวดูดี สัมภาษณ์ประมาณ 3 นาที สิ่งที่ได้ยินคือ

คุณทำงานมานานเท่าไหร่

สองเดือนค่ะ

คุณทำงานอะไร

ขายประกันชีวิตค่ะ อยู่บริษัท…

ชั้นไม่ได้อยากรู้ว่าคุณทำงานกับบริษัทอะไร ชั้นไม่สนใจคุณอยู่บริษัทอะไร แต่คุณทำงานมาแค่ 2 เดือน ที่ทำงานคุณจะอนุญาติให้คุณลาพักร้อนได้อย่างงั้นหรือ

ขอโทษด้วย ชั้นไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้



ชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐาน วัยทำงาน

คุณจะไปเรียนอะไรที่นั่น ? เอกสารจากที่เรียนคุณมีแค่นี้หรือ ? ตอนนี้ทำงานอะไร ?

ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



หญิงสาวผิวคล้ำมาก พูดตรงๆว่าดูก็รู้ว่า คือหญิงบริการ

คุณจะไปทำอะไร ? คุณไปอยู่กับใคร ? คุณมีเอกสารอะไรติดมาอีกบ้าง ? ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้ม พูดตรงๆว่าดูก็รู้ว่า คือชายบริการ มาพร้อมหนุ่มแก่ฝรั่ง

เด็กคนนั้นเดินเข้าไปพร้อมชายแก่ฝรั่งที่มาเป็น backup

เจ้าหน้าที่บอกกับชายแก่คนนั้นว่า คุณออกไปรอตรงที่นั่ง ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องเข้ามา

ไปทำอะไร ? ไปอยู่กับใคร ? มีหลักฐานอะไรมาบ้าง ?

เด็กคนนั้นพยายามจะเรียกชายแก่ฝรั่งเข้ามาช่วยพูดอยู่ตลอด สุดท้าย ชายแก่ได้เดินเข้าไปช่วยอีกรอบ

คุยกันอีกประมาณสองนาที อันนี้เสียงเบามากไม่ร็กระซิบกระซาบอะไรกัน

หลังจากนั้น ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



คุณป้าหน้าตาท่าทางใจดี เดินเข้าสู่ช่องหมายเลข 10 เจ้าหน้าที่เป็นหญิงสาวฝรั่งหน้าตาสวยดูใจดี

คุยกันประมาณ 3 นาที จากห้องที่เงียบสงบ เสียงของ เจ้าหน้าที่เป็นหญิงสาวฝรั่ง ก็เสียงดังฟังชัดโวยวายรอดไมค์ออกมา

เอกสาร ds คุณขาดไป 1 แผ่น

คุณป้า บอกว่า เอาอย่างนี้ได้มั้ย เดี๋ยวชั้นรีบไป print มาใหม่ให้คุณเดี๋ยวนี้

ไม่ได้ มีคิวรออีกมากมาย ขอโทษครับ ชั้นออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ คุณต้องมาใหม่อีกครั้ง

คุณป้าพยายามยืนตื้อ เข้าใจเลยครับ ว่าเสียดายเงิน 3600 บาท เพราะท่าทางเรื่องอื่นผ่านหมด

แต่ดัน print ds มาไม่ครบ ขาดไป 1 แผ่น ระวังให้ดีเลยนะครับ ต้องเอามาให้ครบทุกแผ่น

คำตอบสุดท้ายที่ได้มาพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นของเจ้าหน้าที่คือ ขอโทษนะ ขอเชิญคุณกลับไปได้แล้ว และมาใหม่ในครั้งต่อไป

คุณป้าทำหน้าเซ็งที่ต้องเสียเงินและเวลาพิ่มอีก 3600 เพราะกระดาษแผ่นเดียว



ชายวัยกลางคน มาพร้อมครอบครัวอีก 4 คน สัมภาษณ์ประมาณ 3 นาที

โดยที่คนอื่นๆที่ไปด้วยไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลย

ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ และทั้งหมดก็ทำหน้าเซ็งเดินออกมาทั้งครอบครัว



เด็กชายวัยรุ่น คนที่ลืมชื่อพ่อแม่ตัวเองเมื่อตอนเช้า ตอนนี้เค้าจำได้และกำลังเดินเข้าสู่ช่อง 12

ไม่ถึง 1 นาที ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ ผมคาดเดาว่า น้องเค้าอาจจะลืมไปก็ได้ว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่สถานฑูตอะไร

เค้าอาจจะมาขอไปญี่ปุ่น แต่ลืมว่าอยู่ที่ไหน เพราะดูจากการแต่งตัวแล้ว แนวฮาราจูกุมากกกกก



พนักงานแบงค์ ใส่ยูนิฟรอม์สีน่ำเงินเข้มมาเต็มรูปแบบ

ประมาณ 2 นาที ยินดีด้วยค่ะ เราออกวีซ่าให้คุณได้



เด็กแนววันรุ่น ทำผม กลอฟ์ ไมค์ ใส่กางเกงรัดติ้ว แต่งตัวแรงสุดๆ ดูรู้ว่าลูกคนมีเงิน จะไปเรียนต่อ

ถูกเรียกเข้าไปช่อง 11 ไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว เจ้าหน้าที่ยื่นซองกลับมาให้ใส่มือ

แล้วน้องเค้าก็เดินหน้าเอ๋อๆออกไปเลย ถ้ายื่นซองกลับมานี่ คืออดนะครับ อย่าดีใจ ถ้าเค้ายึดซองไปเลย คือเราผ่านแน่นอนครับ เดี๋ยวเค้าจะส่งคืนให้ที่บ้านเอง



หญิงสาวสิงคนเป็นพี่น้องกัน ดูแล้วยังเรียนมหาลัยอยู่ เพราะแอบเห็น transcript ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที เดินยิ้มแก้มปริออกมาทั้งคู่



ระหว่างที่น้องสองคนเดินยิ้มออกมานั่นเอง เสียงของแฟนผมก็ดังขึ้นพร้อมกับการเขย่าแขนเรียกให้ผมหลุดออกจากผวัง ว่า

เฮ้ย นี่มัน ป้าช่องแปดรึเปล่า เพราะระหว่างนั้นเกือบจะ 11:40 แล้ว มีการพลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เป็นระยะๆ คุณป้าคนนั้น ดูเป็นหญิงไทยคนเดียวใน office นั้นแน่นอน

ลักษณะเธอดูมีอายุแล้ว ใส่แว่ง สายดุ คุณสมบัติครบตามที่ทุกคนกล่าวมาแน่นอน ไม่ผิดแน่ คุณป้าช่องแปดในตำนานสถานฑูตอเมริกาประจำประเทศไทย

แต่คราวนี้เธอเข้ามาอยู่ในช่อง 9 ไม่ผิดแน่ๆ เธอตัวเป็นๆเลย เจอกับตัวเองแล้ว ในใจผมก็เกิดวิตกจริตขึ้นมาทันที่ว่า ฉิบหายแล้วกู โดนป้าคนนี้แน่ๆ สังหรณ์ยังไงพิกล

รู้อย่างนี้เลือก สัมภาษณ์ eng ไปก็เสร็จตั้งนานแล้ว ผมเลือกภาษาไทย เลยต้องรอนานมาก เพราะส่วนมากก็เลือกไทยกันหมด เพราะฝรั่งพูดไทยได้ ถ้าไม่ได้ก็มีล่ามให้



และแล้วเหยื่อคนแรกของป้าช่องแปด ไม่สิ คราวนี้ช่องเก้า คือผู้ชายที่นั่งถัดจากผมไปสองคน แล้วเค้าก็ถูกเรียกตัวไป ผู้ชายวัยทำงานเดินเข้าไปเดี่ยวๆ เลย

ไม่ผิดแน่ครับ เห็นกับตาเลย ถามแค่ คุณทำงานที่ไหน แต่ผมไม่ได้ยินเสียงผู้ชายตอบนะครับ เค้าพูดค่อยมาก หลังจากจบคำถามนั้น ชายคนนั้นก็ได้รับซองจากคุณป้า

แล้วคุณป้าก็บอกว่า เสียใจด้วย เราออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



หลังจากนั้นเหยื่อรายที่สอง ก็ถูกเรียกเข้าช่องพิจารณา คราวนี้เป็นญาติกัน ผู้ชายสองคน พูดตรงๆ ดูลักษณะท่าทางต่างจังหวัดมากๆ

สิ่งที่ได้ยินคือ คุณจะไปพักกับใคร ไปกันทั้งหมดกี่คน ขอดูเอกสารการเงิน ญาติคนนี้อยู่บ้านเดียวกันใช่มั้ย

คุณป้าขอดูเอกสาร และใช้เวลาดูอยู่พอสมควร แล้วพูดว่า

เราออกวีซ่าให้คุณได้



คนต่อไปคุณหนูไฮโซ แต่งตัวแบรน์เนมหัวจรดเท้า กระเป๋าหลุยส์วิคตองใบเบ้อเริ่ม

เลือกสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ เข้าใจว่าจะไปหาแฟนที่นั่น คุยอยู่เกือบ 10 นาทีใช้เวลานานมาก



หญิงสาวอายุประมาณเกือบสี่สิบ สัมภาษณ์กับป้าเป็นคนต่อไป

เสียงคุณป้า รอดไมค์ออกมาเลยว่า จะไปเยี่ยมลูก ไปพักบ้านลูก ลูกจะพาไปเที่ยว

ป้าตรวจเอกสารอย่างละเอียด และให้คำตอบว่า เราออกวีซ่าให้คุณได้



มาถึงตอนนี้ มีคนออกไปแล้วกว่ายี่สิบคน ผู้คนเหลือน้อยลงและโหลงเหลงลงเรื่อย เหลือไม่ถึงเจ็ดคน รวมทั้งแฟนผมที่ได้วีซ่าแล้ว

จากที่นั่งดูอยู่ตลอด ผมประเมินสถานการณ์ได้เลยว่า อัตราส่วนการได้หรือไม่ได้นั้น คิดเป็น % ในวันนั้นคือ ได้ 35% ไม่ได้ 65%



แต่การที่หลายๆกระแสให้ข้อมูลต่างๆนาๆในทางลบที่ว่า เจ้าหน้าที่พวกนี้ทำงานตามอำเภอใจ ไม่มีมาตรฐานอะไรมาเป็นตัวกำหนด

ชอบหน้าก็ให้ ไม่ชอบขี้หน้าก็ไม่ให้ หรือทำงานตามอารมณ์นั้น จากที่ผมได้มีโอกาสนั่งสังเกตุการณ์อยู่ร่วมชั่วโมง

ผมว่าเรื่องพวกนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พนักงานทุกคนทำงานกันละเอียดและรอบคอบมาก ใช้เหตุผลกับทุกเอกสารและข้อมุลที่คุณให้มา

ก่อนที่พวกเค้าจะเรียกคุณไปสัมภาษณ์ เค้าจะนำเอกสาร ds ของคุณมานั่งอ่านก่อนแบบละเอียดยิบ เห็นบางคนอ่านจนปวดตา ต้องพักนวดตาก็มี

เค้าจะคุยกับคุณด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง ไม่มีการทำงานตามอารมณ์ แต่อย่างใด และใช้บรรทัดฐานในการตัดสินใจจากข้อมูลทุกอย่างที่คุณนำเสนอต่อเค้าเอง เชื่อได้เลย

เพราะคนที่ไม่ได้แต่ละคนนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีความพร้อมทางด้านเอกสาร หรือ ไม่พูดความจริง และหน้าที่การงานไม่มั่นคงพอที่จะทำให้เค้าเชื่อได้ว่า

คุณจะไม่ไปทำมาหากินอยู่ที่นั่น คุณต้องทำให้เค้าเชื่อได้เลยว่า คุณหาเงินจากที่นี่ได้ และไม่สร้างภาระให้กับประเทศเค้าแน่นอน แค่นั้นเองหัวใจสำคัญ



บรรยากาศในห้องตอนนี้ อ้างว้างสุดๆ เหลือแค่ 4 คนแล้ว รวมทั้งแฟนผมด้วย เท่ากับเหลือคนรอสัมภาษณ์อีก 3 คนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นมีนักร้องลูกทุ่ง

ที่ชื่อ ดาวมยุรี อยู่ด้วย ส่วนตัวผมไม่รู้ว่าใคร ไม่ได่สังเกตุ เพราะมองแต่คนที่สัมภาษณ์อยู่ มารู้จากแฟนทีหลัง แต่ข่าวดีคือ ตอนนี้คุณป้าช่องแปดแกไปพักแล้ว

ก็ยังรู้สึกโล่งขึ้มาอีกนิ๊ดดด..



หนุ่มวัยทำงานหน้าตาดี แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ดูดีมาชาติตระกูล ถูกเรียกเป็นคนต่อไป เพื่อเข้าสู่ช่อง 11

คราวนี้เสียงดังฟังชัดมาก เพราะคนจะหมดแล้ว ไม่ต้องแอบฟังแล้ว เพราะมันคือตัวผมเอง

เจ้าหน้าที่ผู้ชายหน้าตาใจดียิ้มแย้มแจ่มใสทักทายทันที

คุณชื่อ…. ใช่มั้ย

ครับผมชื่อ …. ครับ

สบายดีมั้ยครับ ?

สบายดีครับ

ญาติที่อยู่อเมริกาคนนี้เป็นอะไรกับคุณ ?

เป็นคุณน้าของแฟนครับ

บริษัทคุณทำงานเกี่ยวกับอะไร ?

ผมอธิบายโดยละเอียด เพราะมันเกี่ยวกับด้าน IT ล้วนๆ

แล้วต่ำแหน่งคุณต้องทำอะไรบ้าง ?

ต่ำแหน่งผมคือ PROJECT DIRECTOR แต่ก็ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่โตอะไร

ทำหน้าที่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านของการออกแบบเว็บไซต์ให้กับโรงแรมชื่อดังต่างๆ

แล้วเวลาคุณทำงาน คุณใช้โปรแกรมอะไรบ้าง ?

Flash , dreamweaver , java , action script ต่างๆนาๆ

แล้วโปรแกรม dreamweaver คุณใช้เทคโนโลยีอะไรทำงาน ?( เจอคำถามนี้ผมถึงกับอึ้งเลยครับ อะไรจะรู้ลึกขนาดนี้ )

ใช้ภาษา html , php , flash ทั่วๆไป

คุณไปกับใครบ้าง ?

ไปกับแฟนครับ พร้อมกับรีบชี้นิ้วหันกลับไปที่เธอ ให้เจ้าหน้าที่ดู แฟนผมก็ยกมือทักทายให้เจ้าหน้าที่เค้าก็ยิ้มให้ตอบ ผมก็แอบหึงเล็กน้อย

แฟนคุณทำงานอะไร ?

ผมก็บอกไปว่าเป็น manager อยู่โรงแรมห้าดาวโรงแรมหนึ่ง

แล้วแฟนคุณได้วีซ่าแล้วเหรอ ?

ได้แล้วครับ เมื่อสักครู่นี้เอง ได้มาสิบปี น้องสาวแฟนก็ได้เช่นกัน พร้อมกับชี้ชื่อให้เจ้าหน้าที่ดูในเอกสาร ds

เจ้าหน้าที่บอกว่า ขอเวลาสักครู่ และเค้าก็ตรวจชื่อแฟนผมในคอมพิวเตอร์ ประมาณ 20 วินาที

ยินดีด้วยครับ เราอนุญาติให้คุณเดินทางไปอเมริกาได้

เหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมยิ้มแก้มปริ เพราะเก็บอาการไม่อยู่ ใบหน้าใกล้เคียงซาลาเปาที่เพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เพราะเดิมใบหน้าก็บานจะแย่อยู่แล้ว

ผมจึงถามเค้าต่อว่า แล้วผมได้ระยะเวลาเท่าไหร่ครับ ?

ผมให้คุณได้ 10 ปีครับ



เอกสารต่างๆที่เตรียมไป ไม่ได้ถูกเปิดดูเลย เค้าวัดจากตัวคุณเองเป็นหลัก และถ้าเค้าเกิดสงสัยในตัวคุณจริงๆ เค้าถึงจะขอดูเอกสารยืนยัน

ผมว่ามันเป็นการทำงานที่มีมาตรฐานสูงมาก ไม่ใช่ว่าผมได้แล้วดีใจเลยมองทุกอย่างในแง่ดีนะครับ

แต่จากที่นั่งอยู่ตรงนั้น คนที่ไม่ได้ เค้าก็ไม่มีความพร้อมจริงๆ ถามอะไรก็อ้ำๆอึ้งๆ ซึ่งต่างจากผมและแฟน ที่ตอบให้ตรงคำถาม

และไม่พูดอะไรไปมากกว่าที่เค้าถาม ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ถ้าเกิดคุณต้องการจะไปทำเรื่องขอวีซ่าอเมริกา

ขอเพียงแต่คุณบริสุทธิ์ใจ พูดความจริง นำเอกสารมาประกอบความจริงให้ครบ เตรียมตัวให้ดีเรื่องเอกสาร DS ทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด



การได้วีซ่า 10 ปีภายในครั้งแรกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล จริงอยู่ที่บางคนมีเงินในบัญชีถึงขั้นหลักสิบล้าน แต่วีซ่าไม่ผ่าน

ถ้าคุณมีเงินสิบล้าน แต่คุณไม่มีปัญญาหาเอกสารมาบอกได้ว่า เงินนั้นคุณได้มายังไง เค้าอาจมองว่า คุณน่ะตัวอันตรายเลยก็เป็นได้



โอเคมาถึงตรงนี้ หวังว่าการถ่ายทอดประสบการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือน 8 ปี 2007 นี้ จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่กำลังจะทำเรื่องได้บ้าง

ไม่มากก็น้อยนะครับขอให้ทุกคนที่กำลังจะไปขอวีซ่าอเมริกาโชคดี ขอพระเจ้าคุ้มครอง




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2551    
Last Update : 15 มีนาคม 2552 12:14:56 น.
Counter : 458 Pageviews.  

1  2  

moomi55
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขไปกับทุก ๆ วัน เครียดได้ อะไรได้ แต่อย่าปล่อยให้มันกัดกินหัวใจนานนะคะ

บล็อคนี้ บางเรื่องอาจหาสาระไม่ได้ ก็ข้ามไปได้ ไม่ว่ากัน
ถ้าถูกใจทิ้งเม้นท์ไว้ให้ชื่นใจก็ดีนะคะ





นาฬิกา ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี A cheerful heart is a good medicine
Friends' blogs
[Add moomi55's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.