3 ปีแห่งการรอคอย....สำเร็จแล้ว

หลังจากแต่งงานมาได้ 2 ปี ก็ตัดสินใจจะมีลูกกันซะที ทีแรกปล่อยให้มีธรรมชาติ โดยเลิกทานยาคุมประมาณ 6 เดือน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะท้อง ประกอบกับประจำเดือนมาไม่ปกติ เลยไปปรึกษาหมอ และตรวจร่างกาย หมอสรุปว่าเป็นโรค PCOS (Polycystic ovary syndrome) เลยให้ทานยากระตุ้นการตกไข่เป็นคอร์สเดือนเว้นเดือน ทั้งหมด 3 คอร์ส ใช้เวลาอีก 6 เดือน ก็ไม่มีวี่แวว หมอเลยส่งไปผ่ากล้องตรวจท่อรังไข่ว่าตันหรือไม่ ผลปรากฏว่าปกติดีทุกอย่าง หมอเลยส่งตัวต่อไปทำเด็กหลอดแก้ว

ที่นอร์เวย์ ประชากรค่อนข้างจะน้อย และมีสวัสดิการเรื่องสุขภาพที่ค่อนข้างจะดีมาก ประชากรที่มีลูกยากและต้องการมีบุตร จะสามารถทำกิ๊ฟท์ หรือเด็กหลอดแก้ว หรือฉีดเชื้อได้ฟรี ทั้งหมด 3 ครั้ง (เชื้อสด ไม่รวมการแช่แข็ง) จ่ายค่าแรกเข้าทั้งหมด 15,000 ครูน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 82,500 บาท) ส่วนที่เกินจากค่าแรกเข้า สามารถเบิกคืนได้ทั้งหมด คิดแล้วถูกกว่าไปทำเมืองไทยมาก แต่ที่นี่ค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องการใช้ยา และก็จำนวนตัวอ่อนที่จะใส่กลับเข้าไปในมดลูก ได้เพียงครั้งละ 1 ใบเท่านั้น จนกว่าจะถึงครั้งที่ 3 หมอถึงจะใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปให้ 2 ใบ เพราะที่นี่อัตราการท้องแฝดจากการทำเด็กหลอดแก้วค่อนข้างจะสูง และความเสี่ยงในการแท้งขณะตั้งครรภ์ก็จะสูงตามไปด้วย

ตอนเริ่มทำเด็กหลอดแก้วครั้งแรก หมอที่ทำเค้ากำลังทำวิจัยเรื่อง PCOS กับการตั้งครรภ์อยู่ด้วย และพอดีเราเป็นโรคนี้พอดี หมอเค้าเลยถามว่าสนใจจะเข้าร่วมการวิจัยไหม อาจจะต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกประมาณ 3 เดือนถึงจะเริ่มต้นการทำเด็กหลอดแก้วได้ เพราะต้องใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งเขากำลังทำการวิจัยอยู่ก่อน 3 เดือน ก็ตอบตกลงหมอไป เลยได้เจาะเลือดตรวจครั้งใหญ่ ทั้งหมด 10 หลอด จะเป็นลมให้ได้ เอาไปทำอะไรซะเย๊อะแยะเชียว แล้วตรวจหาเบาหวาน กับตรวจโครโมโซม ของทั้งตัวเองและแฟนด้วย เพื่อนที่เด็กเกิดมาจะไม่พิการ แล้วกลายเป็นคนเกลียดการเจาะเลือดที่นี่ไปเลย เพราะพยาบาลหาเส้นเลือดไม่ค่อยเจอ เค้าเคยชินกับเส้นเลือดของผู้หญิงชาวยุโรปซึ่งค่อนข้างจะใหญ่กว่าชาวเอเซีย เจาะเลือดที่นี่ต้องใช้เข็มเล็กพิเศษโดยเฉพาะ ซึ่งต้องคอยบอกพยาบาลทุกครั้งที่ทำการเจาะเลือด ไม่งั้นเค้างัดกันซะจนเส้นแตก บวมไปหลายวัน

การวิจัยของเค้า คือให้ทานยา metformin สำหรับคนเป็นเบาหวานก่อน 3 เดือน จากนั้นถึงจะเริ่มการทำเด็กหลอดแก้ว หมอบอกว่าวิธีนี้จะทำให้คนเป็นโรค PCOS มีอัตราการตั้งครรภ์สูงมากขึ้น จบการวิจัย และทำเด็กหลอดแก้วรอบที่ 1 ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะตั้งครรภ์อีกเช่นเคย หลังจากนั้นก็จะเข้าขบวนการทำเด็กหลอดแก้วแบบปกติ การวิจัยได้เสร็จสิ้นลง

กระตุ้นรังไข่ทั้งหมด 3 รอบ และย้ายตัวอ่อนแช่แข็งทั้งหมด 3 รอบ เพราะคุณภาพตัวอ่อนที่เพาะไว้ค่อนข้างจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หมอเลยอณุญาติให้แช่แข็งได้ ที่นี่ตอนกระตุ้นรังไข่และเจาะไข่ออกเค้าไม่ให้ยาสลบเหมือนเมืองไทย ให้แต่ยาแก้ปวด (มอร์ฟีน)เข้าในเส้นเลือด ในช่วงที่เจาะไข่ออกครั้งที่ 2 พยาบาลหาเส้นเลือดไม่เจอ ยาเลยไม่ออกฤทธิ์ตอนที่หมอเจาะไข่ ทำให้เจ็บมากแต่ ณ เวลานั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะหมอเจาะไปข้างหนึ่งแล้ว กำลังดูดไข่ออก ได้แต่กำมือพี่โทนี่แน่นจนพยาบาลบอกว่าระวังกระดูกหักนะ แล้วก็ทนเจ็บให้หมอเจาะอีกข้าง นึกในใจว่าอึดเหมือนกันนี่หว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หลังจากเจาะไข่เสร็จก็กลับมารอเพาะเชื้อหรือตัวอ่อนที่บ้านอีก 2 วัน แล้วโทรไปฟังผลว่า ไข่เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนทั้งหมดกี่ใบ และจะกลับไปย้ายตัวอ่อนอีกเมื่อไหร่ ช่วงกลับมารอที่บ้านหลังจากเจาะไข่แล้วเป็นอะไรที่ทรมาณมาก ๆ ท้องบวมและอืดไปหมด ขยับไปทางไหนก็ปวดไปหมด เข้าห้องน้ำแต่ละทีก็เจ็บมาก ๆ จนอยากจะร้องไห้

ย้ายตัวอ่อนสดได้ 2 ครั้ง และตัวอ่อนแช่แข็งอีก 3 ครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะติดสักที จนสักจะท้อแล้ว จากการทำเด็กหลอดแก้วที่ผ่านมา 5 ครั้ง น้ำหนักขึ้นมาทั้งหมด 18 กก. จนหมอบอกว่าต้องลด นน. ให้ได้อย่างน้อยที่สุด 10 กก. ขึ้นไปนะ ถ้าอยากตั้งครรภ์ เพราะโรค PCOS กับผู้หญิงที่ นน. เกินเกณฑ์ จะทำให้โอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้นไปใหญ่

ก่อนทำเด็กหลอดแก้วครั้งที่ 6 จึงตัดสินใจลดน้ำหนัก บอกหมอว่าขอหยุดพักก่อนสัก 6 เดือน แล้วก็เริ่มโปรแกรมลดน้ำหนัก ไปสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส ออกกำลังกายทุกวัน และได้ไปเจอเว็บบอร์ดของคนที่นี่เกี่ยวกับโรค PCOS และการตั้งครรภ์ ว่าไม่ถูกกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ให้งดทานคาร์โบไฮเดรตกับน้ำตาลทั้งหมด ทำตามโปรแกรมที่เว็บไซด์ให้มา สรุป 3 เดือนลดไปได้ทั้งหมด 12 กก. เข้าเป้าแล้ว แต่ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ อยากลดอีก 5 กก. ประกอบกับช่วงนั้นที่ทำงานให้แพลนการลาพักร้อนที่เหลืออยู่จากปีที่แล้วด้วย (ทุกปีจะมีวันลาพักร้อนให้ทั้งหมด 1 เดือน ถ้าใช้ไม่หมดสามารถโอนไปปีต่อไปได้) เลยหาตั๋วเครื่องบินกลับไทยดีกว่า ไปเที่ยวเมืองไทยให้หายเครียดแล้วค่อยกลับมาทำเด็กหลอดแก้วต่อ

ก็เลยแพลนการเดินทางไปเที่ยวไทย 1 เดือน แล้วก็แพลนการทำเด็กหลอดแก้วทันทีที่กลับมาจากเมืองไทย โทรไปนัดคิวหมอไว้เรียบร้อย แล้วก็ไปเที่ยวไทย ให้หายเครียด

กระตุ้นรังไข่ครั้งที่ 3 (ครั้งสุดท้าย) จาการทำเด็กหลอดแก้วที่ผ่านมาทั้งหมด 6 ครั้ง ร่วมกับการออกกำลังกายทุกวัน จนถึงวันที่ย้ายตัวอ่อนถึงหยุดออกกำลังกาย บวกกับการทานอาหารที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรตกับน้ำตาลด้วย ผลทดสอบออกมาปรากฏว่าท้อง เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลย ตื่นเต้นกับดีใจมาก ครั้งนี้หมอย้ายตัวอ่อนทั้งหมด 2 ใบ เลยลุ้นมาก ๆ ว่าจะได้แฝดด้วยหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะติดกี่คน ขอให้แค่ติดก็ดีใจมากแล้ว

ในที่สุดความพยายามในการทำเด็กหลอดแก้วทั้งหมด 6 ครั้ง ใช้เวลาทั้งหมด 3 ปีกว่า เกือบ ๆ 4 ปีก็ประสบผลสำเร็จ ขอแค่มีกำลังใจ อย่าท้อ!!!!!!

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553 Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 4:51:28 น. Counter : 3527 Pageviews.		9 comments
Share Tweet