==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

FAQ #8

1.ตอนนี้ผมอายุ 32 ครึ่งแล้ว ช้าไปไหมครับที่จะเริ่มงานบนแท่นขุดเจาะ

ช้าน่ะไม่ช้าหรอกครับ ถ้าคิดว่าคุณทำงานถึง 60 ปีเกษียณ ก็อีก ตั้ง 28 ปี ยังมาไม่ถึงครึ่งทางของชีวิตการทำงาน (ถ้าคิดว่าเริ่มทำงานตอนจบตรีที่อายุ 22 ปีนะ) แต่การเริ่มต้นใหม่ในลักษณะงานใหม่ที่อายุกลางคน คุณต้องทำใจในหลายๆเรื่อง

อย่างแรกเลยก็เรื่องรายได้ วัยกลางคนเนี่ย โดยมากจะมีภาระติดตัวมาแล้ว ครอบครัวล่ะมาก่อน หนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งกิ๊กเรียน ค่าเทอมนักศึกษาอีกล่ะ (อิอิ) น้อยที่ผู้ชายอายุ 30+ จะไม่มีเมียน้อย เอ๊ยไม่มีภาระ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรืออีกนัยหนึ่ง (มองต่างมุมนะครับ อย่าโกรธกัน) ผู้ชายอายุ 30+ ที่ยังไม่รู้จักหากิ๊ก เอ๊ยหาห่วงมาผูกคอ หาภาระทางการเงินเพื่อสร้างตัวมาใส่ อาจจะเป็นคนที่ยังไม่รู้จักวางเป้าหมายของชีวิตก็ได้ (ถ้าไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทางมานะ ถ้าแบบนั้น ไม่ต้องหาภาระผ่อนอะไรหรอก ใช้ชีวิตเป็นคาสโนว่าไปวันๆก็ชิวๆ)

ขอออกนอกเรื่องนิด น้องๆผู้หญิงควรดูตรงนี้ด้วย ถ้าผู้ชายอายุ 30+ ที่ไม่ได้คาบช้อนทองแต่เกิด แล้วยังไม่มีการจัดการอนาคต คิดเรื่องสร้างตัว สร้างชีวิต ผมว่าอย่าเอามาทำพันธุ์เลยครับ 20+ ยังพอให้อภัย แต่ 30+ นี่น่าจะคิดเป็นแล้ว

เรื่องที่สองคือ สังคมไทยยังถืออาวุโสอยู่ อายุ 32 ไปเป็นลูกน้องเด็กอายุ 27-28 ทำใจได้ไหม เรียกเขาให้เป็นลูกพี่ได้ไหม ถ้าทำใจไม่ได้ ลงให้เขาไม่ได้ ก็อย่ามาทำ ดู "มหา'ลัยเหมืองแร่" หรือยังครับ ถ้ายัง แนะนำให้ไปเช่าแผ่นมาดู ชีวิตมันแบบนั้น ใครแก่ใครหงอกไม่สำคัญ "ถ้าเขามาก่อนเขารู้จริงเขาคือลูกพี่คุณ" ในทางกลับกัน คุณทำมาก่อนก็จริง แต่หน่อมแน้มไม่เป็นไม่จริงไม่เขี้ยว เด็กใหม่มันแน่กว่า คุณเรียกมันลูกพี่ได้ไหม

2.จบ อสบ.ไฟฟ้ากำลัง มศว.เกรด 2.78 ทำงานด้าน Automation ,การออกแบบและติดตั้งทางไฟฟ้ามา 7 ปีครับ ที่บริษัทปัจจุบันที่เดียวครับ ภาษาอังกฤษ พอใช้ (กำลังจะไปสอบ Toeic อยู่ครับ) ด้วยวุฒิ และ ประสบการณ์ดังกล่าว พอจะมีโอกาสเข้าไปในตำแหน่งไหนบ้างครับ

ตามโหง้วเฮ้ง เอ๊ย ข้อมูลที่ให้มาเท่านี้ ผมว่า ที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือเป็นช่างไฟฟ้าประจำแท่นนะครับ ต้องไปสมัครกับบ.นายหน้าส่งคน เพราะบ.แท่นส่วนใหญ่มีฝรั่งเป็นนายช่างไฟฟ้าใหญ่ พวกเราก็เป็นลูกมือน่ะครับ

หรือถ้าคุณอยากทำอะไรลุยๆไปเริ่มเป็นคนงานระดับล่างบนแท่นก็ไม่เลว ผมรู้จับรุ่นลุงผมหลายคนทำงานบนนั้น รุ่มรวยทั้งอายุ บารมีและฝีมือในงานของพวกแก แต่พวกลุงๆก็ไม่ใช่วิศวกร ไม่ใช่ช่างเทคนิค พอว่างพัก คุยกัน หยิบรูปลูกๆ จบป.ตรีกันทั้งนั้นมาอวดกัน พูดไปแกก็เอามือเปื้อนจารบีเปื้อนน้ำโคลนปาดเหงื่อไป หน้าตามอมแมม แต่ลุงๆแกโคตรมีความสุขเลยผมว่านะ

ผมว่าสุขใจมากกว่าฝรั่งเงินเดือนเยอะๆ(บางคน)ที่ต้องคิดว่ากลับฝั่งคราวนี้จะคุยอะไรกับลูก หรือลูกมันจะคุยด้วยไหม ตกลงกับทนายเรื่องหย่าเมียยังไง ผมว่าคุณสอบ TOIEC แล้วทำ CV ส่งมาให้ผมดูหน่อยก็ดี เผื่อผมเห็นอะไรดีๆที่คุณมองไม่เห็น(ใน CV คุณเองนั่นแหละ)

ถามสั้นตอบยาวอีกแล้ว ... ฮ่าๆ



ผมผ่านข้อเขียน กับสัมภาษณ์แล้ว ไปตรวจกับโรงพยาบาล แล้วกระดูกสันหลัง มันไม่ตรง (โค้งเล็กน้อย) แต่ทางบริษัทก็บอกว่าไม่น่ามีปัญหา แต่ก็ยังไม่ยืนยัน เพราะต้องส่งผลการตรวจไปให้กับหมอของบริษัทนี้อีกที อย่างนี้ผมจะผ่านการตรวจร่างกาย มั้ยครับ

ตอบยากครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าคุณสมัครบ.อะไรตำแหน่งอะไร เพราะว่าถ้าเป็นงานใช้แรงหน่อย ลุกๆนั่งๆยกๆแบกๆหามๆ มันก็มีผลนะ ขึ้นกับว่ามันโค้งมากน้อยแค่ไหน เป็นอุปสรรคต่องานเป็นอันตรายต่อตัวเราหรือเปล่า

เรื่องกระดูกสันหลังเนี่ยเรื่องใหญ่ของคนทำงานใช้แรง ตอนหนุ่มๆแน่นๆไม่เท่าไร คิดว่าไหวๆ ยกของกัน เอี้ยวตัวยกของ เขย่งเอื้อมยกของหนักๆ หมอนรองกระดูกพังหมด อายุ 40 ขึ้นไปแหละ จะรู้สึก

ถ้าของคุณไม่สมบูรณ์แต่ต้น ก็ต้องดูแลให้ดีๆนะครับ ปรึกษาหมอซะว่าท่าไหนทำได้ ท่าไหนทำไม่ได้ ผมหมายถึงการทำงาน การยกของนะครับ ไม่ได้หมายถึงท่าอย่างอื่น (ฮ่าๆ)

สรุปว่า ถ้าแย่ๆสุดๆหมอไม่ให้ทำตำแหน่งนี้ ผมคิดว่าคุณอย่าไปเสียดายงานเลย สุขภาพสำคัญกว่า อย่าไปตื้อ ขอทำตำแหน่งอื่นที่ตรงนี้ของเราไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะบ.เขาก็ต้องระวัง ไม่ใช่ว่าหมอเตือนแล้วยังจ้างคุณไปทำ อีก 4-5 ปีถัดมาคุณบาดเจ็บ หมอนรองกระดูกเคลื่อน คุณก็ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเขา เขาก็ต้องระวังเอาไว้นะครับ

ผมว่าตอนนี้รออย่างเดียว ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร ผมอยากให้คิดว่าดีทั้งนั้น ได้ทำงานนี้ ก็ดีได้ทำไง ไม่ได้ทำก็ต้องคิดว่าดี ที่รู้แต่เนิ่นๆ ไม่งั้นอนาคตหลังจะแย่เอา ... ผมไม่อวยพรล่ะ เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรคุณก็โชคดีทั้งนั้น

... จริงป่ะ



ขอนอกเรื่องครับ อยากถามใครก็ได้ช่วยตอบทีว่า ทำไม่ pressure gauge ต้องมีของเหลวคล้ายๆน้ำอยู่ในหน้าปัทม์ด้วยครับ

สงสัยถามผิดคน ... มีสองสาเหตุครับ อันหนึ่งสาเหตุหลัก อีกอันผลพลอยได้ สาเหตุหลักคือ dampening ตัวเข็ม คือ เข็มมันจะสั่นใช่ป่ะถ้าไม่มีของเหลวอยู่ การวัดทุกอย่างมีสิ่งที่เรียกว่า vibration หรือ noise (สันญานรบกวน) เสมอ

ดังนั้นเวลาแสดงผลจึงต้องมีการ sampling/ filtering = อันนี้คือสุ่มเลือกขึ้นมาเสดงผลบางค่า ขืนแสดงหมดไม่ไหว เยอะ ลายตา และ ไร้ความหมาย ส่วนมากใช้กับงานดิจิตอล ถ้าทางแสดงผลที่ใช้สื่อทางกลเช่น เข็ม ล้อหมุน จะ dampening มัน หรือ fly wheel ในระบบกลศาสตร์นั่นแหละ ทำให้ไอ้เข็มที่มันสั่นๆ มันนิ่งขึ้น อ่านค่าได้ง่าย ไม่งั้นมันจะสั่นเป็นเจ้าเข้า

ตัวอย่างง่ายๆคือหน้าปัทม์วัดความเร็วรถยนต์ที่เราเรียกว่าเข็มไมล์นั่นแหละ มันก็โดน damp ไปแล้ว ขืนเอาตัว damp ออกไป เข็มมันจะแกว่งๆเหมือนแท็กซี่รุ่นโบราณๆ คนขับก็งงว่าตกลงตอนนี้ความเร็วรถตูเท่าไรว่า เข็มมันเล่นชี้ระหว่าง 80-120 กม/ชม. สั่นไปก็สั่นมา รู้ตัวอีกทีก็โดนหัวปิงปองเรียก ฮ่าๆ

ไม่ว่าจะ sampling/ filtering/dampening มันก็ทำให้ข้อมูลที่ต้องแสดงออกมาหายไปส่วนหนึ่ง แต่ก็อยู่ช่วงที่ยอมรับได้ ประมาณว่า แสดงผลมากเกินไปก็เอาไปใช้ไม่ได้ว่างั้นเหอะ

เหตุผลที่สองคือที่เขาใส่ไว้ให้เห็นฟองอากาศก็เพราะว่าจะได้รู้ว่ายังมีของเหลวอยู่ ถ้าใส่เต็มก็ไม่รู้ซิว่ามันรั่วออกจนหมด เพราะมันจะดูคล้ายๆกัน ตอบซะยาวเลย แฮ่ๆ



1. บนแท่นขุด(offshore)มีหมอคอยดูแลรึเปล่าครับในกรณีเจ็บป่วย รึดูแลกันเอง

มีที่เราเรียกว่าหมอ แต่ไม่ใช่แพทย์ตามความหมายของคนบนฝั่ง คือเป็นอะไรที่มากกว่าพยาบาลแต่ไม่ถึงแพทย์ เราเรียกว่า medic อุปกรณบนนี้มีความสามารถได้แค่ผ่าตัดหรือเย็บแผลเล็กๆเท่านั้น ถ้าจำเป็นเราสามารถเรียก ฮ. มารับเข้ารพ.ที่ฝั่งได้ตลอดเวลาครับ

2. ผมสนใจงานด้านนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าผมจะไปสมัครงานผมควรมีความรู้ในด้านใดเป็นพิเศษรึเปล่าครับ เพื่อที่ถ้าไปสมัครงานเค้าอาจจะพิจารณาเป็นพิเศษอ่ะครับ...แล้วพี่พอจะทราบมั้ยครับว่าช่วงนี้มีที่ใหนเค้ารับสมัครบ้างครับ(ลืมบอกไปผมเรียน Mechatronic engineering ที่บางมดครับกำลังจะจบอ่ะครับ)

อย่างแรกเลยคือภาษาอังกฤษต้องแข็งแรงพอ ภาษาที่สามถ้ามีได้ก็ดี ความรู้ก็แล้วแต่คุณจะไปสมัครทำอะไร ตำแหน่งอะไร ถ้าจบอย่างที่คุณว่ามามันกทำได้สารพัดแหละครับ มันมีหลายหลุ่มบ. ใหญ่ๆ ลองอ่านที่ใน blog ผมก่อนก็ได้ครับ ว่ามันแบ่งเป็นกลุ่มๆได้กี่กลุ่ม แล้วก็ ไปอ่าน FAQ ในบล๊อกผมด้วย การรับสมครก็รับตลอดแหละครับ ต้องไปยื่นใบสมัครเอาเองตามบ. ในFAQ มีวิธีหาบ.เหล่านั้น

3. เคยมีเหตูการณ์ไม่คาดฝัน เช่นอุบัติเหตุที่รุนแรงมากๆ อะไรประมาณเนี้ยครับ..บ้างมั้ยครับ

มีครับ แต่ไม่บ่อย ไม่ต้องห่วงประเด็นนี้ เอางี้ดีกว่าว่า โอกาสที่คนเดินถนนแล้วโดนรถปีนฟุตบาทมาชนยังมากกว่าหลายเท่า

4. มีบริษัทชื่อ Halliburton มารับสมัครงาน นศ.ที่บางมดด้วยอ่ะครับรู้สึกว่าจะอยู่ที่สงขลานะครับ พี่พอจะรู้จักมั้ยครับ

นั่นเป็น service company ใหญ่ หนึ่งในสี่ ของโลก ถ้าได้เข้าไปทำก็นับวส่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ ที่กทม.ออฟฟิตเขาอยู่ที่ตึกซันข้างๆสนง.ใหญ่ธ.ทหารไทยครับ เข้าไปดูในเว็บของเขาก็ได้ครับว่าเขาทำมาหากินอะไร



ผมเรียนจบวิศวกรรมชลประทาน (กว.โยธาครับ) ทำงานเกี่ยวกับ การออกแบบโครงสร้างพวก onshore ก็พวก อาคาร โรงงาน ตึก อะไรพวกนี้น่ะครับ ได้ 5 ปีแล้วครับ (ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็น สามัญแล้ว) อายุ 27 ปี ทำงานทางนี้มาก็อยากลองเปลี่ยนงานดู เลยลาออกจากงานมาเรียนภาษา ตอนนี้เข้าเดือนที่ 4 แล้วที่ว่างงาน ตอนนี้เจอข้อมูลเรียนต่อที่ AIT (//www.set.ait.ac.th/otm/) เกี่ยวกับงาน offshore ผมสนใจอยากเรียน offshore structural design and construction ผมคิดว่ามันน่าเป็นเกี่ยวกับงาน design โครงสร้างเกี่ยวกับแท่นขุนจุด ตอนนี้พยายามหาข้อมูล แต่ไม่ค่อยมีเท่าไหร่

1.พี่ว่างานออกแบบโครงสร้างพวกนี้เป็นไงบ้างครับ น่าสนใจไหม ความก้าวหน้าเป้นยังไง เรื่องเงินผมไม่ซีเรียส ผมอยากทำงานในสิ่งที่ชอบ

เป็นวิชาที่น่าสนใจเรียนและขาดแคลนครับ จะว่าไปหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรแรกๆที่รวมเอาหลายๆสาขาวิชาเข้าด้วยกัน เป็นเป็ดนะครับ เรียนทุกอย่างแต่อย่างล่ะนิดล่ะหน่อย ประมาณ Mechanic + geology + geophysic + survey + management + marine + logistic อะไรประมาณนี้ ผมเองก็ยังไม่ทราบแนวโน้มตลาดว่าจะตอบรับดีแค่ไหน แต่ก็รู้สึกว่าแนวโน้มดี แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าเพิ่งจบมารุ่นเดียวหรือไงนี่แหละ ลองโทรฯไปถามตามเบอร์ในเว็บซิครับว่าจบมากี่รุ่นแล้ว

2.แล้วสถาบัน ait ที่ผมให้ link พี่ไปน่ะครับ เป็นที่ยอมรับในงานสายนี้ไหม (จบออกมาแล้วจะรับไหม)

น่าจะยอมรับนะครับ เพราะว่าได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ส่วนจะแข่งขันกับคนที่จบมาเฉพาะด้านเลยจริงๆ ก็คงลำบากแต่ค่อนข้างรัปประกันได้ว่าไม่ตกงานครับ เพราะเราขาดคนมากๆในระยะอีก 3-5 ปีข้างหน้า

3.พี่มีข้อแนะนำไหมครับ เกี่ยวกับช่วงเวลานี้ในชีวิตของผมที่ผมไม่ควรพลาดไป (ผมไม่อยากพลาดสิ่งที่ๆ ที่ผู้ใหญ่หลายๆ คนอยากทำแล้วไม่ได้ทำ)

คุณอายุแค่ 27 มันก็ขึ้นกับว่าคุณมีครอบครัวหรือยัง ถ้ามีแล้ว คุณคงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะคุณไม่มีโอกาสเสี่ยงอะไรอีกแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีครอบครัวและภาระต้องรับผิดชอบ ผมก็อยากให้คุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ผิดพลาดได้ไม่เป็นไร เพราะคุณยังมีเวลาลองผิดลองถูกได้อีกพักนึง (ราวๆอีก 10 ปี ในความคิดผม) คนส่วนมากมักจะเสียใจกับสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้วๆผิดพลาด ... ถ้าอายุสัก 37-40 คุณควรจะรู้แล้วว่าคุณจะทำอะไร แล้วไม่ควรเปลี่ยนอีก



ตอนนี้ ผมก้อกำลังจะทำ senior project แล้วครับ คงจะเลือกหัวข้อเกี่ยวกับ seismic load ไม่รู้ว่า เรื่องนี้กับ งานสายนี้มีความเกี่ยวข้องกันมากน้อย แค่ไหนครับ ผมก้อพอจะรู้ว่ามันเกี่ยว แต่ไม่รู้ว่าเค้าให้ความสำคัญมากน้อยแค่ไหนน่ะครับ ในบ้านเรา ผมจบตรีแล้วคงต่อโทเลย คงจะเป็นด้าน Geosystem Exploration and Petroleum Geoengineering ที่ AIT น่ะครับ ที่เคยได้บอกพี่ไป ผมหวังว่าในอนาคต คงจะได้เข้ามาทำงานในด้านนี้

ผมเองก็ไมค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับ seismic เท่าไร รู้คร่าวๆแค่ว่าเขาใช้ seismic ในการดูโครงสร้างใต้ดินแบบกว้างๆเพื่อะดูว่าตรงไหนมีศักยภาพที่จะมีปิโตรฯ แต่ถ้าเฉพาะลงไปที่ seismic load ผมก็ไม่ค่อยรู้แล้วล่ะครับ ว่ามันคืออะไร ลอง google แล้วเจอไอ้ข้างล่างนี้

Seismic loading is one of the basic concepts of earthquake engineering which means application of an earthquake-generated agitation to a structure. It happens at contact surfaces of a structure either with the ground, or with adjacent structures, or with gravity waves from tsunami.

มึนตึ๊บพะยะค่ะ ด้วยสมองอันน้อยนิด เดาๆว่ามันเกี่ยวกับพวกแผ่นดินไหว หรือการสร้างโครงสร้างอะไรพวกๆนี้ ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไรกับงานสำรวจเท่าไรนะผมว่า (อย่าเชื่อผมมาก ผมก็ไม่ได้รู้อะไรเท่าไร) ผมแนะนำว่าคุณไปคุยกับอ.ที่ปรึกษา บอกับท่านตรงๆว่าเราเราจะเรียนโทฯด้านไหนต่อ ตั้งเป้าไว้ว่าจบโทแล้วจะทำอะไร ขอคำปรึกษาว่า senior project ควรจะเป็นอะไร ถามอ.สัก 2-3 ท่าน ดูแนวทางคำตอบแล้วก็ว่าไปตามที่คุณตัดสินใจ

ก็ขอให้ไปให้ถึงฝันนะครับ จะคอยเอาใจช่วยห่างๆ ... "A journey of ten thousand miles begins with one step" ดีครับ เริ่มฝัน เริ่มทำ เริ่มก้าว วันนี้เลย ....



รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ ในตำแหน่งที่พี่แนะนำมามีลักษณะงานเป็นอย่างไร และ ฐานเงินเดือนเท่าไหร่ครับ พอดีผมเปิดเจอ ตำแหน่ง Electricians แต่เป็นการทำงานบนเรือขุดเจาะน้ำมัน พี่พอจะทราบมั้ยว่า ลักษณะการทำงาน , ช่วงเวลาของการทำงาน และ รายได้ เหมือนกับงานบนแท่นขุดเจาะ หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ

ว่ากันเป็นประเด็นๆไปเลยนะครับ

ตำแหน่ง Electricians บนเรือขุดเจาะน้ำมัน

เรือขุดน้ำมันหรือฐาน/แท่นเจาะน้ำมัน มันก็เหมือนกันน่ะครับ แท่นขุดเจาะฯมีหลายประเภทใช้งาน ขึ้นกับ ระดับน้ำลึก และ ลักษณะหลุมที่จะขุด เอาง่ายๆ ถ้าน้ำลึกก็ต้องใช้แบบที่ลอยน้ำขุด อาจจะเป็นเรือหรือกึ่งเรือคือเป็นแท่นมีขาแต่ใต้ขามีทุ่นที่เราเรียกว่า semi sub เป็นต้น ซึ่งแต่ล่ะแท่นขุดมันก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไปในประเด็นย่อยๆ แต่ในฐานะวิศวกรไฟฟ้า(ที่ไม่เคยใช้วิชาชีพทำงาน แฮ่ๆ) อย่างผม ผมว่า 80-90% ของเรื่องใช้ไฟฟ้า นั้นเหมือนกันครับมันจะไปมีกี่อย่างกันครับ ก็ไฟฟ้าเป็นเชิงกลเช่นมอเตอร์และระบบขับเครื่องและควบคุม ไฟฟ้าเป็นความร้อน ก็พวกแอร์หรือฮีทเตอร์ + ระบบควบคุม ไฟฟ้าเป็นแสงก็ทั้งลำ + ระบบควบคุมมัน ส่วนพวกไฮเทคมากๆก็มีเจ้าประจำเจ้าของสินค้ามาดูแลแก้ไขอยู่แล้ว เช่น อุปกรณ์โทรคมนาคม หรือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลัก ช่างไฟประจำแท่นก็ดูเครื่องเคราทั่วๆไปพื้นๆ 80-90% เท่านั้นเอง ถ้าเป็นวิศวกรมีประสบการณ์มีใบรับรองก็อาจจะได้เป็นมือหนึ่ง ถ้าปวส.หรือวิศวกรเด็กๆก็เป็นผู้ช่วย เป็นลูกมือไป

ลักษณะงาน

ก็อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแหละครับ เป็นลูกมือ เป็นผู้ช่วย ซ่อม+บำรุงรักษาตามระยะมัน เอาตั้งแต่เครื่องไฟฟ้าในครัว หลอดไฟฟ้าห้องน้ำ ไปยันมอเตอร์ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลัก แต่ถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลักเนี่ย คุณต้องมีใบรับรองว่าซ่อมของเขาได้นะครับ ส่วนมากก็ของพี่แมว เอ๊ย CAT น่ะ เขาไม่ปล่อยให้ใครมารื้อของเขาง่ายๆ เพราะมันเกี่ยวกับรับประกัน และความปลอดภัยของแท่น ไม่งั้นคุณก็ต้องซ่อมแค่พอประทัง แต่พอมีไฟฟ้าหุงข้าวกินอะไรแบบนี้ แล้วเรียกวิศวกรของเขาขึ้นมา แล้วคุณก็เป็นลูกมือคอยลักจำคอยเรียนจากเขาอีกที ผมเน้นมากครับเรื่อง ครูพักลักจำเนี่ย เพราะผมเองได้ดีมาก็จากตรงนี้ บนนั้นมีวิชาให้เรียนเยอะ ที่ไม่มีในตำรา คนที่ได้คือคนที่ยอม "ทำงานเกินหน้าที่" นอนน้อย ทำงานเยอะ โดยเฉพาะคนที่เริ่มจากศูนย์ คนที่จบวุฒิไม่ตรง คนที่ไม่มีแต้มต่อ (ตูเลยเนี่ย)

ฐานเงินเดือน รายได้

จนปัญญาจริงๆครับ อันนี้ไม่ทราบ แต่ดูจากที่ราคาคุยกันแล้ว รวมๆทั้งเงินเดือนและรายได้จากเบี้ยพิเศษ น่าจะอยู่ราวๆ 20000-30000 ต่อเดือน สำหรับผู้ช่วยช่างไฟที่เป็นคนไทยนะครับ

ช่วงเวลาของการทำงาน

โดยมากในระดับผู้ช่วยจะทำผ่านบ.นายหน้า อาจจะ 3/2 หรือ 4/3 (ทำ/พัก) แต่ถ้าเป็นมือหลักจะทำ 4/4 เหมือนพวกฝรั่งครับ ผมก็เคยเห็นที่เป็นคนไทยนะครับ ก็ต้องเข้าระบบฝรั่งน่ะครับ เพราะคนที่มาเปลี่ยนมือหลักจะเป็นฝรั่งซึ่งเขาทำ 4/4 (ค่าตั๋วเครื่องบินมันแพง + มาไกล) แต่ถ้าผู้ช่วยคนไทยที่มาผลัดด้วยกันก็ไม่ต้อง 4/4 แต่จะ 3/2 หรือ 4/3 ก็ว่าไป



1. ตำแหน่งที่แนะนำในสายงานนี้คือตำแหน่งอะไรบ้างและแต่ละตำแหน่งทำอะไร ส่วนตัวผมอยากเป็น drilling engineer ถึงเลือกเรียน subsurface eng. ตอนนี้ก้อสมัครเรียนภาษาจีนไปด้วยเพราะคิดว่าจีนน่าจะมาแรงในช่วงนี้และต่อๆไป ส่วนเรื่องเรียนแน่นอนผมจะตั้งใจทำเต็มที่ + ภาษาอังกฤษที่ต้อง up ขึ้นมา

2. อยากขอคำแนะนำในการ Thesis ว่าควรทำแนวไหนดีหรือว่าโดยปรกติอาจารย์เค้าจะมีเรื่องให้เราอยู่แล้วครับ (อยากเตรียมตัวไว้ก่อน) ผมเรียน AIT แผนอนาคตผมคร่าวๆในการทำงาน
อยากทำ service company ก่อนหลังจากจบแล้วค่อยไปทำ บ.น้ำมัน ช่วย comment หน่อยนะครับว่า work มั้ยหรือว่ามีอะไรไห้ปรับแก้ไขแนะนำได้เลยนะครับ

Ps .แนบไฟล์ resume & 5 year plan มาให้พี่ดูด้วย comment ได้เต็มที่นะครับ


ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมและยกเป็นตัวอย่างเอาไว้ในที่นี้ก่อนว่า คุณเป็นคนที่ (1) มีการวางแผนการดำเนินชีวิตที่ดีเป็นเรื่องเป็นราว (2) รู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อไร (3) รู้ว่าตัวเองอ่อนตรงไหน (4) รู้ว่าต้องติดปีกเพิ่มข้อได้เปรียบในตลาดแรงงานอย่างไร นานๆจะเห็นเด็กรุ่นอายุเท่าคุณวางแผนได้เป็น หรืออาจจะเป็นอยู่ในหัวอยู่ในใจ หรือทำออกมาก แต่ก็ไม่เคยเอาให้ผมดูก็ได้

เกี่ยวกับแผนนั้น ผมคงไม่ไปออกความเห็น เพราะว่าคุณรู้ดีที่สุดว่าควรทำอะไรเมื่อไร แต่ที่คุณเขียนออกมานั้นแหละแปลว่าคุณตั้งมั่นสัญญาผูกมัด (commitment) กับตัวเองเป็นลายลักษณ์อักษร มากกว่าที่จะเป็นแค่ภาพในสมอง (materialize) ซึ่งมันจะ มีพละกำลังในทางปฏิบัติมากๆ ผมแนะนำให้น้องๆทุกคนทำมันออกมาลงบนกระดาษแล้วแปะไว้หัวนอนหรือโต๊ะทำงาน

แต่อยากแนะนำคุณอีกนิดเกี่ยวกับแผน คือผมไม่เห็น plan B หรือ แผนสำรองนะครับ คนเรามันต้องมีก๊อกสอง แผนสอง เสมอ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ใช่ครับ กลยุทธ์ทุบหม้อตีเมืองจันทร์ ใช้ไม่ได้กับทุกๆเรื่องนะครับ เราพยายามให้ถึงที่สุด แต่เราต้องมีทางเลือกด้วย (ไม่ได้แปลว่าถอยนี่ครับ ยังไงก็เดินไปข้างหน้า แต่อาจจะคนล่ะทาง) ดู โทวิศวะปิโตรฯของจุฬาไว้ไหมล่ะ นั่นก็เป็นอีกทางเลือกนึง หรือ ที่ม.สุรนารีฯ ก็มีโททางนี้เหมือนกัน

ส่วน จม. ขอทุนนั้นผมว่าโอเคนะ ผมอ่านแล้วก็ใจความครบถ้วน แก้ไขไปให้นิดหน่อย เรื่องภาษาเท่านั้น แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยขอทุนนะ (ไม่ใช่รวยเรียนเอง แต่ไม่ได้เคยได้เรียนต่างหาก อิอิ) แต่คุ้นๆว่าเขามีแบบฟอร์มให้กรอกไม่ใช่เหรอ แต่เตรียมจม.ขอไว้ก็ไม่เสียหลาย ปรึกษาบัณฑิตวิทยาลัย หรือ อ. ในนั้นก็ได้ลองๆเข้าไปติดต่อดู ผมไม่แนะนำให้ใช้โทรศัพท์คุย ใช้โทรฯนัดหมายพอ แต่ควรเข้าไปคุยกับอ.หรือ บัณฑิตวิทยาลัยตัวต่อตัวเลย จะได้ข้อมูลและเขาจะได้เห็นความตั้งใจเรามากกว่า

ส่วนเรื่อง CV ผมแก้ให้แล้วนะครับ อยู่ในไฟล์แนบ

มาตอบคำถามคุณดีกว่า ขี่ม้าเลียบค่ายมานานแล้ว เดี๋ยวยังไม่ทันทำศึกหมดแรงข้าวต้มซะก่อน เอิ๊กๆ

ตำแหน่งที่แนะนำในสายงานนี้คือตำแหน่งอะไรบ้างและแต่ละตำแหน่งทำอะไร

คุณก็รู้อยู่นี่ครับว่าจะเป็น drilling engineer มันก็ชื่อตำแหน่งนี้นั่นแหละ ส่วนมันทำอะไรบ้าง คุณก็ไปดูห้องสมุดผม 8 บทน่ะ บอกให้ต้มกินหลังอาหารวันล่ะ 3 มื้อ นั้นแหละคัมภีร์

มันเหมือนสร้างบ้านหลังนึงแหละ ก็มีคนออกแบบคำนวนเขียนโปรแกรมการสร้างออกมาว่า 1 2 3 4 ต้องทำอะไรบ้าง ส่วนนร้เรียกว่าแผนก engineering อีกส่วนหนึ่งคือ operation คือ คนที่เอาโปรแกรมที่ว่านั่นไปทำให้เป็นจริง ไปคุมผู้รับเหมาช่วง 108-1009, 100 พ่อ 1000 แม่ คล้ายๆวาทยากร อย่าให้พวกนี้มันแหกเนตรเอา ตากแดดตากฝนอยู่หน้างาน ทั้ง engineering และ operation เป็น drilling engineer ทั้งคู่แหละครับ ต่างกันแค่อีกคนทำงานในห้องแอร์กลับไปนอนกอดเมียน้อยทุกคืน เอ๊ยกอดลูก(ก่อน)กอดเมียทุกคืน ส่วนอีกคนตากแดดตากลมตากฝน นอนกอดผ้าห่มคนเดียวกลางทะเล

นอกจาก drilling engineer ที่ทำอย่างที่ผมว่า ก็สามารถทำเรื่อง well service ได้อีก คือพอส่วนแรกขุดหลุมให้แล้ว ก็ย้ายแท่นไปขุดที่อื่นต่อ แต่จะมีอีกพวกที่เข้ามาต้มยำทำแกงกับหลุม เหมือนฝ่ายสร้างบ้าน สร้างเสร็จ รื้อที่พักคนงาน ย้านปั้นจั่น ไปสร้างที่อื่นต่อ คราวนี้มันต้องมีอีกพวก ที่เข้ามา ทำสวน ตกแต่ง ทาสี เดินแอร์ เดินไฟ ปั๊มน้ำ สร้างสระว่ายน้ำ ฯลฯ พวกนี้คือ well service ที่ผมไม่อธิบายว่าทำอะไรบ้างจริงๆเพราะคุณจะงงแน่ๆ

เอาว่า หลุมมันไม่เสร็จแค่ขุดให้เป็นรูก็แล้วกัน มันต้องมีอีกพวกนึงเข้ามาทำให้หลุมใช้งานได้จริง เหมือนทำบ้านให้อยู่ได้จริง อย่างนั้นแหละ ถามว่าใครสำคัญกว่า ไม่มีใครสำคัญกว่าใครหรอกครับ ขาดใครไปคน หลุมมันก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี พวก well service ก็มี engineering ที่นอนกอดเมียกอดกิ๊กทุกคืน และ พวก operation ที่ตากลมตากฝนทุนวันเหมือนกัน

ส่วนเรื่องภาษาจีน ผมเห็นด้วย 1000000% เลยครับ มาแรงมากๆขอบอก(ดังๆ) มาถูกทางแล้ว เอาให้เขียนได้ด้วยนะจะเลิศสะแมนแตน เชียร์ขาดใจเลย จีนมาแน่ๆอเมริกันจะกลายเป็นเด็กๆไปเลย ส่วนเรื่องเรียน ทำเกรดให้เลิศๆเอาไว้นะครับ จะได้ไม่มีปัญหาตอนหางาน ภาษาอังกฤษ หุหุ ดูใน CV จะเป็นลม TOEIC 750 หรือ 800 ขึ้นนะ (โว้ย) แค่ใน CV ทำมาหากินไม่ไหวนะ

อยากขอคำแนะนำในการ Thesis

ผมแนะนำให้สืบประวัติอ.ไว้ก่อนเลยว่าแต่ล่ะท่านเชี่ยวชาญด้านไหน เป็นนักวิชาการเต็มตัวหรือเปล่า หรือเป็นพนักงานที่บ.น้ำมันมาก่อน หรือ ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ เนื่องจากคุณเลือกแล้วที่จะเป็น drilling engineer คุณก็หาอ.ที่ปรึกษาที่อยู่ในวงการ drilling ซิครับ ให้อ.แนะนำ thesis ที่เป็นการแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงในอ่าวไทยในด้านการขุดเจาะ ดีครับ คุณยังมีเวลาทำการบ้าน นี่ไงเห็นไหมครับ ข้อดีของการมีแผนล่วงหน้า คุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร ไม่งั้น พอจะทำ thesis ใกล้จบ อ้าว ตูจะไปทำอะไร(ว่ะ) ถึงตอนนั้น อ.ดีๆ ในวงการ drilling อาจจะถูกจองตัวเต็มไปแล้ว หัวข้อเด็ดๆก็โดนจองไปแล้ว เลยต้องไปทำกับอ.อะไรก็ไม่รู้ หัวข้อ thesis ก็เลิศหรูซะไม่มี อ่านแล้วงง เก็ยเข้าลิ้นชักไปเลย อะไรแบบนี้ ...

ส่วนเรื่อง service company แล้ว oil company หรือ กลับกันดี ... ผมว่าพูดยากนะ แล้วแต่ดวงมากกว่าเหมือนการสร้างบ้านน่ะ drilling engineer ดูภาพบ้านโดยรวม รู้ลึกบ้างเป็นบางเรื่องของตัวบ้าน แต่ต้องรู้หมด ไม่งั้นเขียนโปรแกรมสร้างบ้านไม่ได้ จริงป่ะ แต่ถ้า service company ก็เหมือน ผู้รับเหมาช่วงนั่นแหละ รู้ลึกรู้จริง ในเรื่องนั้นๆ เช่น ปูนซีเมนต์ การตอกเข็ม ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ทำลิฟท์ ระบบดับเพลิง ปูกระเบื้อง ทำสุขภัณฑ์ มุงหลังคา ฯลฯ โดยมากที่เห็นคือ 1 เริ่มที่ oil company แล้วก็ไม่ไปไหน 2 เริ่มที่ service company แล้วย้ายมา oil company 3 เริ่มที่ service company แล้วก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ service company นั่นแหละ แต่อาจจะเปลี่ยน service ส่วนที่จะ เริ่ม oil company แล้วย้ายไป service company นั่น ไม่ค่อยเห็นครับ น้อยมากๆเลย

ผมว่าคุณเลือกทำกับ oil compamy ดีกว่าครับ ถ้าไม่ชอบจริงๆค่อยย้ายไป service company หรือ ไม่ก็อยู่ oil company ไปเลย ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของโครงการ เขียนโปรแกรมสั่งงานทั้งนั้นแหละครับ เป็นผู้รับเหมาช่วง ก็ต้องรับโปรแกรม และถูกคุมโดยวิศวกรของ oil company ไม่ค่อยสนุกเท่าไร แต่ก็มีโอกาสเติบโตได้สวยงามเหมือนกันโดยเฉพาะ service company ขนาดใหญ่ๆที่มีโครงสร้างองค์กรดีๆ

เอาว่าตอนนี้คุณตั้งใจหาทุนให้ได้ ทำเกรดสวยๆดีๆ ถ้าคุณสวยเลือกได้เมื่อไร ตอนนั้นคุณค่อยเลือกก็ยังทันถมเถไป ... เอาล่ะผมว่าผมตอบครบทุกประเด็นแล้วนะ ไงก็ส่งข่าวคราวกันนะครับ ว่าได้ทุนที่ไหนเรียนยังไง ฯลฯ เอามาแบ่งปันกัน (เป็น network ให้ผมใน AIT ไง จะได้มีคนให้ผมถาม อิอิ)



ผมเรียนจบตรีที่ xxx สาขาวิศวกรเครื่องกลอะครับพี่เกรดเฉลี่ย 3.2 อะครับ แล้วก็ออกมาก็ทำงานที่ xxx ได้สองปีกะอีกสามเดือนก่อนที่จะลาออกมาเรียนโทอะครับพี่ ตอนนี้ผมเรียนสาขา Engineering Management ที่ University xxx ที่ออสเตรเลียอะครับพี่ จะจบปีหน้าซึ่งผมก็จบอายุ 25 ปี พอดีครับ คือผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยอะครับ

1. สาขาที่ผมเรียนมันเป็นเชิงบริหารไปแล้วครับพี่แต่จะมีพวกที่เน้นคือ Supply chain management กับทีผมจะลงเรียนคือ Project Management คือไม่ทราบว่าในสาขาที่ผมเรียนถ้าจบออกมาผมจะเข้า ไปทำใน field Offshore นี้ได้หรือป่าวครับเพราะผมได้ทำใน Automotive industry แล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบสักเท่าไรอะครับพี่

2.พอดีผมสนใจบริษัท Schlumberger ตำแหน่งนี้เพราะเป็นสาขาวิชาที่เน้นในตอนเรียนโทนี้อะครับ

Engineering, Manufacturing, Sustaining and Supply chain professionals and engineers are critical to our mission to build and deploy the world's most advanced oilfield equipment and technology. We emphasize "excellence in execution", continously striving to improve and exceed the highest industry standards.

Our engineers and supply chain professionals are responsible for creating, designing, sourcing, manufacturing,delivering, supporting and improving all the components of the innovative solutions we provide to our clients

Collectively, our Research, Engineering,Manufacturing and Sustaining (REMS) group is committed to providing the most technologically advanced oilfield equipment and solutions available anywhere in the world.

Bachelors, Masters or PhD in Chemistry, Computer Science, Electrical Engineering, Industrial Engineering, , Manufacturing Engineering, Materials, Mechanical Engineering, Physics, Quality, Reliability, Supply Chain.

แล้วงานข้างต้นนี้มันเป็นงานที่ทำที่ Office หรือว่า Offshore ครับพี่แล้วลักษณะงานที่ผมอ่านแล้วมันบอกแบบกว้างมากอะครับพี่ซึ่งผมอยากจะรบกวนถามพี่หน่อย อะครับว่าพี่พอจะทราบมั้ยว่างานของตำแหน่งนี้จริงๆเป็นไงอะครับพี่

3. แล้วผมก็สนใจอีกตำแหน่งหนึ่งคือตำแหน่งนี้อะครับพี่คือ Maintenance Engineer

As a Maintenance Engineer, you will be exposed to both field and maintenance facility operations within Schlumberger. Initially, you will be exposed to field operations, where you will be responsible for service delivery at our clients' well site. During a period of 9 to 15 months, you will gain experience in client interaction, managing complex technical operations and you will be given extensive safety training.

The remainder of your training program will be focused on onshore support, where you will work with the current Maintenance organization, performing proactive preventative maintenance and reliability improvements of our technical equipment, progressively moving to working on high end and new technologies. You will also learn skills dedicated to improving efficiency and quality by focusing on process re-engineering, workflow optimization, and lean implementation.

The training program lasts approximately 36 months. On successful completion, there will be opportunities for motivated individuals to move into managerial, technical, and non-technical roles within the company.

แต่ผมอ่านแล้วสงสัยอะครับพี่ว่าตำแหน่งนี้เค้าทำงานที่ Onshore หรอครับพี่มีไปทำที่ Offshore บ้างหรือป่าวครับ

4. หรือว่าพี่พอจะมีคำแนะนำมั้ยครับว่าถ้าผมจะเริ่มนี่ผมควรจะเริ่มที่ตำแหน่งไหนดีที่ด้วยวุฒิและอายุของผมและอีกอย่างคือ ผมสนใจ Schlumberger แต่พี่บอกว่าเค้าเน้นเด็กจบใหม่สดๆ แต่ผมเคยทำงานแล้วและเรียนโทเขาจะรับมั้ยพี่ หรือว่าจะเป็นพวก Oil company Chevron หรือ Pearl Oil แต่เค้าจะมีตำแหน่งพวกนี้มั้ยครับ


ก่อนอื่นอยากทำความเข้าใจกับงานของ SLB เสียก่อนว่า ถ้าอยากทำงานในสนาม หรือ ที่เรียกว่างาน field นั้น มีอยู่ตำแหน่งเดียวเลยสำหรับวิศวกรคือ field engineer ส่วนจะเป็นสินค้าหรือบริการ (ที่วงในเขาเรียก product line) อะไรนั่นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนตำแหน่งที่เหลือทั้งหมดเป็นตำแหน่งงานในออฟฟิตทั้งนั้น ส่วนจะออฟฟิตใหญ่หรือเล็ก(ที่เรียกว่า field office) นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้นฟันธงแข่งกับหมอลักษณ์เลยว่าสองตำแหน่งที่ว่ามานั่นเป็นงานในออฟฟิตชัวร์ งานที่ผมบอกว่าส่วนใหญ่รับเด็กจบใหม่นั้นคืองาน field engineer ครับ ส่วนงานออฟฟิตเขารับหมดทุกระยะอายุเหมือนบ.ทั่วๆไปครับ คุณจบโทฯ ถ้าอยากทำงานสนาม อายุ 25 ก็ไม่น่าเป็นอะไร คุณก็เอาปริญญาสองใบนั่นแหละมาสมัครที่ตึกสาขาเขาที่กทม.ที่ตึกรสา ส่วนจะได้ไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

Engineering, Manufacturing, Sustaining and Supply chain professionals and engineers - ตำแหน่งนี้มีเฉพาะในออฟฟิตสาขาใหญ่ๆเท่านั้น เช่น KL กทม จาร์กาต้า ที่กทม.ก็อยู่ที่ตึกรสานั่นแหละครับ เนื้องานก็อย่างที่เขาบรรยายไว้แหละครับ คุณเรียนมาทางนี้คงรู้ดีกว่าผมว่าทำอะไรบ้าง ถ้าถามวิศวกรอย่างผมมันก็คือการบริหารจัดการไอ้ 3 อย่างนี้ Engineering, Manufacturing, Supply chain ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดอย่างมีวิทยาศาสตร์ อย่างเป็นระบบ หรือพูดให้ง่ายลงไปอีกคือ ทำไงก็ได้ให้จ่ายถูกที่สุดแล้วได้ของดีที่สุด เพราะ 3 อย่างนี้เป็นการบริหารจัดการฟากต้นทุนทั้งสิ้น

เนื่องจากที่กทม. ไม่มีโรงงาน ดังนั้นงานส่วน Manufacturing กับ engineering ก็คงไม่มี แต่มี supply chain manager แน่ๆ ดูจากที่มาของประกาศนี้เห็นชัดว่าไม่ได้ประกาศเพราะต้องการคน เป็นประกาศในเว็บกลาง คือเหวี่ยงแหว่างั้นเถอะ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีความหมาย คุณส่ง CV ไปเขาก็ดูว่าคุณเป็นคนอยู่ที่ประเทศอะไร แล้วที่ประเทศนั้นมีตำแหน่งนี้หรือเปล่า ถ้ามี เขาก็ส่ง CV ไปให้เจ้าของพื้นที่เข้าไฟล์ไว้ มีตำแหน่งว่าง (เพราะคนเก่าทนงานไม่ไหวลาออก เพิ่มงานใหม่ หรือ ขยายงานเก่า ก็แล้วแต่) เขาก็เรียก นี่คือข้อดีของบ.ใหญ่ๆระดับสวยเลือกได้ นอนกระดิกเท้าก็มีคนเดินมาให้เลือก

แล้วมีโอกาสได้โกอินเตอร์ ไปทำงานเมืองนอกกินเงินเดือนฝรั่งอย่างพวก field eng ไหม ตอบได้ว่ายากครับ เพราะถ้าคุณเป็นเจ้าของบ.ใหญ่ขนาดนี้ มีสาขาทั่วโลก คุณจะเอาฝรั่งมาทำงานจีนจ่าย package expat (แพงมากๆ) เอาจีนไปทำงานอังกฤษ (จ่ายแพงอีก expat) ทำไมครับ ก็ทำบ้านใครบ้านมันไม่ดีกว่าหรือ ภาษีจ่ายเอง ค่าจ้างก็มาตราฐานบ้านใครบ้านมัน ยกเว้นแต่ว่าคุณก็สวยเลือกได้เหมือนกัน ประเภทเอ่ยชื่อขึ้นมาบ.แนวเดียวกันทั่วโลกตระกายฝาอยากได้มาประดับบ. หรือ มีทั้งโลกไม่ถึง 10 คนที่ทำเรื่องนี้ได้ (แล้วคุณเรียกค่าตัวต่ำสุด)

ซึ่งต่างกับงาน field eng เพราะเราสำรวจ ขุดเจาะ กันทั่วโลก แนวคิดที่ว่าบ้านใครบ้านมันแบบงานออฟฟิตมันถึงใช้ไม่ได้ผล จริงป่ะ เอาง่ายๆ อย่างประเทศอดีตสหภาพโซเวียตจะเอาใครไปทำ จีนล่ะ เปรู ทะเลเหนือ ฯลฯ ก็เลยต้องใช้วิธีเอามาเป็น International mobile ให้หมด ตะกร้าเดียวกัน คละสีผิว คละเชื้อชาติศาสนา คือสั่งให้ไปไหนก็ไป ที่เรียกว่าเป็น expat นั่นแหละ ออกให้ทุกอย่าง แต่ลักษณะงานมันก็เหลือรัปทานเหมือนกัน ผมทำอยู่ 5 ปีกว่า ทำไปก็ท่องไป เพื่อเงินๆ (พูดอย่างไม่อาย อิอิ) อีกอย่าง งาน field มันรอไม่ได้ ลูกค้าเรียกก็ต้องไป จะมารอจ้างคนในพื้นที่ไหวเรอะ แต่งานออฟฟิตมันรอได้ ยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องตั้งโรงงาน ไม่ต้องตั้งออฟฟิต ส่งกำลังบำรุงหรือบริหารจัดการผ่านไอที ผ่านฐานหรือสนง.ที่ใกล้ที่สุดเอา

Maintenance Engineer - นี่ก็งานออฟฟิต แต่ให้ไปเริ่มต้นในสนาม ก็ช่างซ่อมเครื่องไม้เครื่องมือให้ field eng นี่แหละครับ เหมือนเขาเป็นกัปตันเครื่อง เราก็ไปซ่อมบำรุง เขาทำเป็นแค่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ให้เครื่องตก ไปให้ได้(ทำงาน)ตลอดรอดฝั่ง ขายผ้าเอาหน้ารอด แล้วถ้าเอาเครื่องลงกลับฐานได้เราก็ซ่อมที่ฐาน เครื่องไม้เครื่องมือดีกว่า แต่ถ้ากลับฐานไม่ได้ ตำแหน่งนี้ก็ต้องออกไปซ่อมหน้างาน หรืออีกอย่าง ในบางประเทศบางสินค้า ลูกค้า เช่าอุปกรณ์ของบ.ไปใช้งานเอง ถ้าของเสีย คุณก็ไปซ่อมที่หน้างานลูกค้าว่างงั้นเหอะ นั่นคือที่มาของการต้องออกไปหน้างาน แถมยังระบุว่า onshore อีกต่างหาก ผมสังหารณ์ใจว่าจะเป็นตำแหน่งงานในอเมริกา หรือ แคนาดา เพราะเป็นที่เดียวที่มีปริมาณงาน onshore มากขนาดที่ต้องมีช่างออกไปซ่อมกันหน้างาน เท่าที่ผมเห็น ส่วนมากก็ส่งกลับฐานทั้นนั้น ดังนั้น คุณเป็นคนไทย ไม่ใช่สวยเลือกได้ จ้างคนที่โน้นดีกว่า บ้านใครบ้านมัน จ่ายภาษีค่าเล่าเรียนลูกเอง จ่ายแพงกว่าจ้าง expat ข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำไม

ถ้าผมจะเริ่มนี่ผมควรจะเริ่มที่ตำแหน่งไหนดีที่ด้วยวุฒิและอายุของผม

ขึ้นกับคุณน่ะครับ ชีวิตคุณ อยากทำงานในสนามก็สมัคร fiedl eng ถ้าอยากผูกไทค์ใส่สูทไวๆก็ supply chain ที่กทม.ก็ไม่เลว วัย วุฒิ สถาบัน และ เกรด ของคุณมีลุ้นทั้งสองอย่าง หรือ สามอย่างถ้าอยากไปเป็นช่างซ่อม

และอีกอย่างคือ ผมสนใจ Schlumberger แต่พี่บอกว่าเค้าเน้นเด็กจบใหม่สดๆ แต่ผมเคยทำงานแล้วและเรียนโทเขาจะรับมั้ยพี่

อันนี้ตอบไปแล้วครับ ว่าเฉพาะงาน field eng เท่านั้นที่เน้นเด็กจบใหม่และอายุไม่มาก จริงๆแล้วเดี๋ยวนี้บ.นี้ลดความสวยเลือกได้ไปเยอะ เพราะโดนอุตสาหกรรมสมัยใหม่อย่าง คอมฯ ไอที โทรคมฯ แย่งเด็กเก่งๆไปเยอะ เลยรับประสบการณ์มาแล้ว 2-3 ปี แต่อายุยังไม่แก่เกินแกง ก็ยังรับ ซึ่งแต่ก่อนสมัยผมรับแต่ fresh out คือ จบใหม่ใสกิ๊กจริงๆ ล้างสมองง่ายดี

หรือว่าจะเป็นพวก Oil company Chevron หรือ Pearl Oil แต่เค้าจะมีตำแหน่งพวกนี้มั้ยครับ

2 ตำแหน่งนี้ oil company มีแน่ๆครับผม มันไม่ได้เป็นศาสตร์เฉพาะอะไรเลย งานแรกคืองานบริการต้นทุน งานที่สองคือช่างซ่อมเครื่องไม้เครื่องมือ แต่เครื่องไม่เครื่องมือก็แตกต่างกันไปอะนะ แล้วจะได้ออก offshore ไหม บางครั้งบางคราวก็คงมีบ้างสำหรับงานช่าง แต่งานแรกหมดสิทธิ์ครับ แต่ Oil company มีตำแหน่ง engineer อีกหลายอย่าง เช่น drilling eng ที่มีทั้งบุ๋นและบู๊ ที่คุณทำได้โดยใช้วุฒิตรี ส่วนวุฒิโทฯเก็บใส่กระเป๋าไว้ก่อน คุณจบ 25 ขวบใช่ป่ะ อย่างเช่น 25-30 ขวบ ไปทำงานกับ oil company ตำแหน่ง engineer ใน field อะไรก็ได้ พอเบื่องาน เมียสั่ง หรือรวยพอแล้ว ค่อยงัดเอาวุฒิโทฯมาต่อรองกับหัวหน้าว่าขอกลับมาทำออฟฟิต เพราะว่าเราทำประโยชน์ในบ.ได้อีกทางนึงนี่นา

หวังว่าคงได้คำตอบอะไรไปบ้างนะครับ ...



1. เรื่องการส่ง CV ไปบริษัทแต่ละแห่ง คือทุกครั้งที่ผมสมัครงานผมจะไปสมัครด้วยตนเอง และเตรียมเอกสารไปให้เสร็จในการสมัคร ผมไม่เคยส่งเอกสารสมัครทางไปรษณีย์ หรือทาง e-mail เลย ผมจึงอยากขอคำแนะนำว่า ทุกบริษัทเราควรจะไปสมัครเอง หรือส่ง CV ก่อนแล้วรอเขาเรียก และที่พี่แนะนำบริษัทมา บางที่ก็มี เวบไซต์ อ้นนี้เราสมัครส่ง CV ทางเมล์ได้เลยใช่หรือเปล่าครับ แล้วควรจะส่ง scan สำเนาเอกสารอย่างอื่นไปด้วยหรือเปล่า และบางบริษัทที่ไม่มี เวบ หรือ เมล์ ถ้าส่ง CV ทางไปรษณีย์ เราควรส่งเอกสารอย่างอื่นไปด้วยหรือเปล่า (อายจังเลยครับ เพราะนี่อาจเป็นคำถามโง่ๆ คำถามตกม้าตายของผมครับ แต่ผมไม่เคยจริงๆ)

นี่ผมขอตอบในฐานะที่ไม่ใช่ HR นะ ไม่มีหลักการอะไรทั้งนั้นมารับรอง ฟังหูไว้หูก็แล้วกัน เอาว่าผมทำอย่างไรดีกว่า ถูกผิดก็ไปคิดเอาเอง ... ผมคิดแบบซื่อๆดื้อๆว่า "มากดีกว่าน้อย" ช่องทางไหนเขามีผมส่งมันหมด แต่ส่งแค่จม.ปะหน้า + CV + Transcript พวกหลักฐานอื่นๆที่เหลือ ผมไม่ส่ง เพราะเขาเรียกดูทีหลังได้ ช่องทางส่ง ผมล่อมันหมดแหละทั้งในเน็ทและนอกเน็ท แต่ข้อสำคัญที่หลายคนพลาดคือคุณต้องตัดแต่ง CV ของคุณให้เหมาะกับแต่ล่ะบ. ไม่ใช่เหมือนกันหมดเรียกว่า generic CV อย่างนี้ผมอ่านปุ๊บรู้ปั๊บเลยว่าไอ้นี้เป็น generic CV

มี อย่างน้อย 2-3 ที่ที่คุณต้องตัดแต่ง เหมือนคุณจะไปหลีหญิงแหละ ตัวคุณก็คือตัวคุณไม่มีใครให้คุณไปเปลี่ยน แต่คุณสามารถเน้นๆจุดที่คุณมีและเธอต้องการ เช่น ถ้าคุณรู้ว่าเธอขาดความอบอุ่นจากพ่อ เพราะพ่อเสีย พ่ออยู่ไกล คุณก็ต้องเน้นที่ความเป็นคนที่อบอุ่น หนักแน่น มั่นคง พักพิงพึ่งพาได้ ถ้าเธอไม่ถนัดเลข วิทย์ แต่กำลังจะสอบเข้าอะไรที่ต้องใช้ คุณก็ต้องแปลงร่างเป็นติวเตอร์ ถามว่าคุณโกหกไหม ไม่นี่นา คุณแค่นำเสนอส่วนที่คุณคิดว่าเธอต้องการ

อ้าว ออกทะเลอีกแล้ว ที่ว่าตัดแต่งไฮไลท์อย่างน้อย 2-3 ที่นั้นก็ objective, experience, special skill, แล้วก็ transcript แล้วผมจะรู้ไหมว่าผมต้องเน้นอย่างไรไปตรงไหน จีบสาวยังต้องทำการบ้าน สมัครงานมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เดาจากชื่อตำแหน่ง เดาจากคุณสมบัติที่เขาประกาศรับ เดาจากรายละเอียกในเว็บบ. คุณอาจจะสงสัยว่าคุณตัดแต่ง transcript ได้ด้วยหรือ เปล่าครับ ไม่ได้ให้ไปแก้เกรด ผมให้คุณไฮไลท์ลงไปในเกรดวิชาที่คุณคิดว่าคุณเจ๋งแล้วงานที่สมัครต้องใช้ ผมเคยเจอปัญหาที่ต้องมานั่งไล่หาดูว่าวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับงานที่บ.ผมจะรับมันละม้ายใกล้เคียงกับวิชาไหน เพราะมันไม่มีม.ที่สอนวิชามาให้ตรงๆกับที่ต้องใช้ทำงานหรอก ต้องเดาเอาจากชื่อวิชาที่น่าจะใกล้เคียงที่สุด ผมเลยคิดว่า ทำไมคนสมัครไม่รู้ใจผมว่ะ ไฮไลท์มาเลย ว่าวิชาเครื่องกล 1-2 ได้ A กับ B+ นะเฟ้ย (ตย.เป็นต้น) ผมจะได้ไม่เสียเวลา และบางทีผมหาไม่เจอ คุณก็เสียโอกาส ถูกป่ะ

แล้วที่สำคัญจะทำให้ตกม้าตาย เนื่องจากคุณเน้นแต่ล่ะที่ไม่เหมือนกัน ต้องทำไฟล์เป็นชุดๆว่าชุดไหนส่งไปที่ไหน เดี๋ยวจะได้มีฮาหน้าแตกกัน เหมือนจีบสาวทีเดียวกันหลายๆคนนั่นแหละ ต้องแม่นว่าแต่ล่ะคน คุณว่าตำแหน่งทางการตลาด (marketing positioning) อย่างไร อย่าหลุด อิอิ เวลานัดไปคั่ว เอ๊ย นัดไปสัมภาษณ์ก็หยิบออกมาท่องเสียหน่อยว่าสตอบอรี่ ว่าแหล ไว้ยังไง

2. นอกจากตำแหน่งช่างไฟฟ้า และผู้ช่วยช่างไฟฟ้าแล้ว บนแท่นขุดมีตำแหน่งอื่นที่พี่คิดว่าผมพอจะทำได้อีกหรือเปล่า เช่น ตำแหน่งที่ใช้แรงงาน แบบไม่เกี่ยงวุฒิ (ผมไม่ค่อยรู้ชื่อตำแหน่งบนแท่นขุดเจาะเท่าไหร่) ผมควรจะระบุตำแหน่งไปด้วยหรือเปล่าครับ เช่น สมัครตำแหน่ง Assistant Electrician...offshore หรือตำแหน่ง xxxxxx....offshore (xxxxxx ไม่ใช่พระเอกหนังโป๊นะครับ)

ตำแหน่งที่ใช้แรงงาน ไม่เกี่ยงวุฒิก็เช่น roughabout กับ roughsneck ไงครับ ตรงนิยามที่ว่ามาที่สุด มีคลิปการทำงาน roughsneck ในบล๊อกห้องสมุดปิโตรฯของผม เข้าไปดูก่อนว่าไหวไหม ส่วนพระเอกหนังโป๊ บนนั้นไม่รับ แต่ถ้านางเอก โอเคซิกกาเล็ตเลย อิอิ

ปล. ไม่ต้องอายครับ โบราณว่า "อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีบุตร" แต่ผมว่า "เอาครูเป็นภรรยา ได้ทั้งวิชา ได้ทั้งบุตร" เอิ๊กๆ เอ๊กอี้เอ้กๆ ....



ผมเป็นคนหนึ่งที่พยายามหาทางเข้าไปในสายงานสำรวจและขุดเจาะ แต่ด้วยว่าไม่มีข้อมูลว่าลู่ทางเป็นอย่างไรตอนจบใหม่ๆ และไม่มีประสบการณ์ตรง เลือกได้แค่ที่ใกล้เคียงในสายงานvengineering contractor แต่ก็ยังพยายามหาลู่ทางตลอดมาที่จะเข้ามาด้านงานขุดเจาะ พอได้เจอบล็อกพี่เป้าหมายของผมก็ชัดขึ้นมาก ตอนนี้พอเห็นทางว่าจะไปอย่างไร

จากประสบการณ์ที่ผมมีอยู่กับงานที่เปิดรับอยู่ตอนนี้ มี Junior Well Service Engineer ของ OPS Thailand ที่คิดว่าน่าจะพอไปได้ (ผมเชื่อว่าอย่างนั้นนะ)

อยากให้พี่ช่วยแนะนำนะครับว่าประสบการณ์แบบผมเนี่ย มีงานในวงการด้านอื่นอีกไหมที่เหมาะ เป้าหมายของแค่ได้เป็นวิศวกรทำงาน offshore อันนี้อันดับแรก ส่วนเงินเดือนเป็นสำคัญรองลงมา


OPS เป็นบ.นายหน้าหาคนส่งให้บ.ต่างๆ การทำกับบ.กลุ่มนี้ให้ดูเรื่องสัญญิงสัญาเป็นสำคัญ เพราะบ.ลูกค้าบางส่วนที่เขาส่งคนไปให้นั้นเขาไม่ต้องการเพิ่ม head count จึงเลี่ยงมาใช้บ.กลุ่มนี้ อยากให้ดูว่าจริงๆใครเป็นนายจ้างเรา เป็น OPS หรือ บ.ลูกค้า OPS อาจจะทำสัญญากับลูกค้าหลายๆแบบ กินหัวคิวที่เดียวเยอะๆ หรืออาจจะกินน้อยแต่กินหลายปี หรืออาจะแบบเช่าเราไปใช้ คือเราเป็นลูกจ้าง OPS แต่ไปทำให้ลูกค้าเขา มันมีสัญญาหลายแบบมากๆ แล้วมีเงื่อนไขอะไรไหม ว่าเราต้องอยู่กับ OPS กี่ปีก่อนจะเป็นไท ไปสมัครงานกับลูกค้าเขาเองได้ ฯลฯ

ส่วนตัวเนื้องานนั้นไม่ใช่งานขุดเจาะ แต่ก็ใกล้เคียงเพราะมาทำหลังจากมีหลุมเกิดขึ้นแล้ว ผมจำได้ว่าอธิบายความแตกต่างระหว่าง drilling vs. welll service ไว้ใน FAQ แล้ว กลับไปอ่านดูล่ะกัน แต่ผมว่าจังหวะนี้อะไรๆก็ทำไว้ก่อนดีที่สุด สมัครไปให้หมดดีกว่า ดูในรายชื่อบ.ที่ผมแนบมาให้ เข้าเว็บไปตรวจสอบดูว่างานอะไรเปิดว่างมั่ง มันทำมาหากินอะไร หาตำแหน่งที่พอไหว ตรวจสอบความถูกต้องแล้วก็ร่อนมันไปให้ทั่วเลย ช่วงนี้หางานยากหน่อย ต้องทำใจ เท่าที่ถามๆเด็กใหม่ๆที่เข้ามาว่ารอสัมภาษณ์กันกี่เดือน ฟังแล้วอย่าตกใจ ต่ำสุดที่ถามๆคือ หกเดือน บางคนรอ 10-11 เดือน จนนึกว่าลืมไปแล้ว ดูจากประสบการณ์คุณแล้ว ผมว่าน่าจะเข้าใจตลาดแรงงานพอควร เพราะไม่ใช่เด็กใหม่ ทำงานมาก็นานอยู่

อีกอย่างคืออย่าตั้งเป้าไว้ที่ offshore ที่นั่นเอาไว้สำหรับเสือสิงห์กระทิงแรด ถ้าได้ก็ดี แต่อย่าเอาเป็นเงื่อนไข ถ้าได้ทำแท่นบนบกที่มีเยอะแยะกว่า ก็น่าจะทำไว้ก่อน งานไม่ต่างกันหรอก เข้ามาข้างในแล้วจะได้ connection มองอะไรชัดกว่า อีกอย่าง ได้งาน workshop พวกซ่อมบำรุงก็อย่าเกี่ยง เพราะมันได้เข้ามาวงในไงครับ อาจจะไม่ชอบงาน เงินน้อยไปหน่อย ถือว่าเงินที่น้อยกว่าที่ควรจะได้ และเวลาที่เสียไปเป็นค่าซื้อ connection ค่าซื้อข้อมูล There is no free lunch ฝรั่งว่าไว้งั้น ผมเน้นว่าถ้าเป็นงานใน workshop ต้องเป็นงานในบ.ในวงการที่เกี่ยวข้องกับวงการโดยตรง เช่น บ.น้ำมัน บ. service ก็เช่น SLB Hal Weatherford baker BJ MI-Swaco ฯลฯ เป็นต้น เพราะจะได้เข้าถึงข้อมูลว่าใครทำอะไรอย่างไรที่ไหน เข้าไปแล้วอย่าลืมวัตถุประสงค์ว่าเรายอมมาทำทำไม เปิดหูเปิดตาอ้าปาก ถามๆๆๆๆๆๆเข้าไว้

สรุป OPS well service eng น่าทำมากครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ดูเรื่องสัญญาจ้างงานดีๆหน่อย แต่ช่วงนี้งานหายากแล้วเราก็ไม่ใช่สวยเลือกได้ เพราะว่าประสบการณ์และวุฒิไม่ตรง ต่อรองมากไม่ได้ ทำๆไปก่อน ซื้อข้อมูล ได้ทำแล้วค่อยหาที่เหมาะๆไปต่อ

ขอให้โชคดีนะครับ ....



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:47:46 น.
Counter : 1931 Pageviews.  

FAQ #7

ผมทำงานที่ระยองครับมีความสนใจงานด้านนี้ในระดับสูงแต่ไม่มีโอกาส ผมมีโอกาสได้รู้จักพี่ที่เป็นครูฝึกที่ เชฟรอนสงขลา 2 คนสมัยที่เราฝึกอบรม วิทยากร CONFINE SPACE SAFETY TRAINNER ที่ระยอง ผมลืมแนะนำตัวครับผมชื่อ xxx เพื่อนเรียกว่า xxx จบ xxx ทำงานเป็น Operator + Board man 13 ปีเป็น Safety 1 ปี ตอนนี้อยู่ xxxx ระยอง ผมสนใจมากครับ ..ถ้าพี่มีรายละเอียดในการสมัครผมขอรบกวนพี่ด้วยครับ

เท่าที่คุณให้ข้อมูลมาสั้นๆ ผมเดาเอาว่าคุณน่าจะอยู่ในส่วนของระบบความปลอดภัยนะครับ ถ้างั้นเนี่ย มีกลุ่มบ.เดียวที่ผมแนะนำให้ทำคือ บ.น้ำมัน เพราะอีก 3 กลุ่มบ.ที่เหลือ ไม่ค่อยมีโครงสร้างงานในส่วนนี้ที่ก้าวหน้า เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไร ลองสมัครไปตามบ.น้ำมันดูนะครับ เพราะเขาต้องการคนทางด้านนี้อยู่พอควร ทั้งในส่วนที่ต้องออกไปนอกชายฝั่งและส่วนที่ทำอยู่บนฝั่ง แม้กระทั้งในออฟฟิตที่กทม. ไหนๆคุณก็รู้จักคนในเชฟรอนสงขลาตั้งสองคน ก็ลองโทรฯไปถามไถ่ดูก็ได้นี่ครับ อย่างน้อย ถ้าไม่มีตำแหน่งว่าก็เป็นการไปบอกว่าาเราสนใจนะ มีอะไรให้เรียกด้วย แล้วก็ส่งถามด้วยว่าถ้าจะส่งใบสมัครไป ต้องส่งไปที่ไหนยังไง ถ้าบ.น้ำมันทั่วไป โดยมากมีเว็บ ส่งไปตามเว็บรับรองมี HR อ่านแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้เขาให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารโดยทางเน็ทมากขึ้น



ผมอ่านเข้าไปเจอบล็อคที่เกี่ยวกับเรื่อง offshore แล้วเจอเมลพี่บอกว่าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับ offshore อะคับเจออยากมาถามพี่สักเล็กน้อย ไม่ทราบถ้าผมจะไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้าบน offshore นั้น หรือ fpso fso นั้น จะต้องทำอย่างไรบ้าง ผมเคยทำงานเป็นผู้ช่วยช่างไฟฟ้าในเรือส่งสินค้าของ xxx มา1 คอนเทรค ตอนนี้ก็มี ปก ของเหลวในระวางแล้ว ไม่ทราบว่าผมต้องมี ปก อะไรเพิ่มอีกปะคับ แล้วไม่ทราบว่าผมต้องไปมีประสบการณ์การอยู่เรือ tanker ก่อนปะคับ หรือว่าต้องทำอย่างไรบ้างคับ แล้วอีกอย่างคับ โทอิก ต้องเท่าไรคับ

อืม ... ถ้าจะเป็นช่างไฟฟ้าต่อไปบนเรือ ผมก็ว่าคุณก็มาถูกทางแล้ว ในส่วน Offshore installations (เหมารวมทั้งเรือทั้งแท่น) แบ่งตามเจ้าของได้ 2 ประเภท ส่วนแรก บ.น้ำมันเป็นเจ้าของ เช่น แท่นผลิต FPSO FSO และอีกกลุ่มคือเจ้าของไม่ใช่ บ.น้ำมัน ไปเช่าเขามา เจ้าของจึงเป็นเจ้าของเดิม เช่น FPSO หรือ FSO บางลำ เรือสนับสนุนต่างๆ ดังนั้นคุณสามารถสมัครงานไปได้ทั้ง 2 ส่วน บ.เจ้าของเรือนั้น ผมไม่ทราบจริงๆว่ามีบ.อะไรบ้าง บ.น้ำมันก็เห็นๆทราบๆกันอยู่ เข้าไปดาวโหลดเอาในห้องสมุดผมก็พอได้ ส่วนคุณสมบัติว่าต้องได้ประกาศณียบัตร และประสบการณ์อะไรบ้าง นั้นผมไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะอยู่คนล่ะงานกัน แล้วก็โทอก ผมก็ไม่ทราบว่าต้องการเท่าไร แต่ล่ะบ.คงมีมาตราฐานที่ต่างกัน แต่ถ้าคุณเข้าไปดูในเว็บโทอิกก็คงพอได้ความรู้คร่าวๆมังครับว่าระดับไหนควรได้เท่าไร



ผมได้รับการติดต่อสัมภาษณ์กับ Weatherford ในตำแหน่ง Application engineer ผมจบ วิศวอิเล็ก xxx ตอนนี้ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน เกรด 2.74 TOEIC 710 ผมอยากรู้ว่าดังนี้นะครับ -ตำแหน่งนี้ มันทำเกี่ยวกับอะไรครับเหมือน Field engineer ที่Schlumberger หรือเปล่าครับที่ผมหารายละเอียดคร่าวๆมา - ในรอบแรกนี้จะเจอคำถามเทคนิคหรือทั่วไปครับ แล้วเค้าจะดูอะไรบ้าง,ส่วนใหญ่ที่พี่สัมภาษณ์มาคนที่ไม่ได้จะพลาดยังไงบ้างครับ

เกรดก็โอเคนะ พอผ่านได้บวกกับดีกรีวิศวxxx ก็คิดว่าเรื่องการศึกษาขั้นต่ำน่าจะผ่าน บ.นี้เป็นบ.ใหญ่ 1 ใน 4 ของตระกูล Service company มีสินค้าและบริการหลากหลาย นั่นหมายความว่า คุณเข้าไปแล้ว ถ้าไม่ชอบสินค้าหรือบริการหนึ่งก็สามารถขอย้ายไปทำอย่างอื่นได้ตามจังหวะโอกาสและความสามารถ

ตำแหน่งนี้ไม่เหมือน Field engineer ที่ Schlumberger นะครับ ผมถามคนใน Weatherford ให้แล้วว่า ตำแหน่งนี้เอาไปทำอะไร คือมันเป็นของ product line หนึ่งในหลายๆอย่างของบ.นี้ ชื่อว่า completion การทำ completion คืออะไร อ่านได้ในเว็บนี้

//www.glossary.oilfield.slb.com/Display.cfm?Term=completion

อุปกรณ์ต่างๆที่บ.นี้ขายและให้บริการก็คืออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในงาน completion เอาคร่าวๆนะ พอขุดหลุงลงไปแล้ว มันก็เป็นหลุมเปลือยๆผนังเป็นหิน เราต้องเท่าท่อกรุ (casing) ลงไปเสียบ (บทที่ 7) แล้วอัดซีเมนต์(บทที่ 3) ลงไปในช่องว่างระหว่าผนังด้านนอกของท่อกรุกับผนังหลุมที่เป็นหิน ตอนนี้เราก็ได้หลุมๆนึงที่ชะโงกลงไปดูแล้วมันมีผนังหลุมเป็นเหล็ก กระบวนการจากนี้เป็นต้นไปเราเรียกว่า completion ซึ่งเราจะเอาท่อที่เล็กกว่าที่เราเรียกว่า tubing หรือท่อผลิต (OD 2 7/8" หรือ 3 1/2") ใส่ลงไปในท่อกรุ ในท่อผลิตนี้ก็จะมีอุปกรณ์สารพัดติดลงไปด้วย เช่น พวกวาว์ลต่างๆ กลไกเยอะแยะ ไม่ใช่ท่อๆอย่างเดียว อธิบายไม่หมดในนี้

งาน application eng ก็จะเข้าไป วิเคราะห์ คำนวน จัดหา ให้ความเห็น เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆที่ติดกับท่อผลิตนี้แหละ ซึ่งอาจจะรวมไปถึงท่อกรุด้วย เป็นงานในออฟฟิตซึ่งอาจจะต้องออกไปทำในสนามเป็นบางครั้งบางคราว

ด้วยวุฒิและเกรดที่คุณจบมา ผมแนะนำว่าตำแหน่งนี้ดีมากแล้ว เพราะ 1 คุณได้เข้าวงการ 2 บ.ใหญ่ เลือกไปทำอย่างอื่นได้ถ้าไม่ชอบ 3. บ.มั่นคง มีนโยบาย HR แนวอนุรักษ์ (คือไม่เคี่ยวมาก) ผมแนะนำว่าพยายามเข้าให้ได้ แล้วอ่าน 8 บทที่ผมให้ไป เพื่อที่จะได้รู้รอบกับงานกว้างๆด้านอื่นด้วย แล้วก็แสดงภูมิให้หน.รู้เป็นระยะๆเมื่อมีโอกาส ว่าเราศึกษาและอ่านเพิ่มเติมเสมอๆนะ (พิมพ์ออกมา เอา Highlight ทาๆ แล้ววางไว้บทโต๊ะทำงาน อะไรแบบนี้ แต่ต้องอ่านจริงๆด้วยนะ)

ส่วนเรื่องการสัมภาษณ์ ผมว่าเจอคำถามทั้ง 2 อย่าง ทั้งทั่วๆไปและเทคนิคแน่นอนครับ แต่เขาก็รู้ว่าคุณเพิ่งจบและไม่มีประสบการณ์ เขาไม่ถามอะไรที่เฉพาะหรอก โดยมากนะ ถ้าเป็นผม ผมจะถามเรื่องที่เด็กจบใหม่ควรรู้ดีที่สุด นั่นคือ วิทยานิพนธ์ กับ วิชาที่คุณเกรดดีๆ นั่นแหละ (ดูจาก CV และ transcript ถ้าไม่ได้ระบุในนั้นก็ถามเอาดื้อๆ)

นอกนั้นผมก็จะถามปัญหาเชิงวิศวกรรมง่ายๆพื้นๆ พวก ความสัมพันธ์ระหว่าง แรง ระยะทาง ความเร็ว ความเร่ง กำลัง (basic mechanic) อีกหมวดหนึ่งที่พวกเราในวงการใช้บ่อยคือ เรื่อง ความสัมพันธ์ ระหว่าง ความดัน อัตราการไหล ปริมาตร รูปทรง ความหนาแน่น ฯลฯ (basic fluid mechanic) ซึ่งผมถือว่าวิศวกรทุกสาขาควรรู้ อีกอย่างที่พวกเรามักจะมองหาในตัวผู้สมัครคือ สิ่งที่ผมเรียกว่าสามัญสำนึกทางวิศวกรรม ไม่เชิงความถนัดทางวิศวกรรมที่เราเคยสอบกันสมัยโน้น แต่เป็นอะไรที่ออกไปทางแนวความคิดที่ว่าอะไรเป็นไปได้หรือไม่ได้ในทางวิศวกรรม โดยที่ไม่ต้องใช้การคำนวน หรือ คิดเลขในใจนิดหน่อย หรืออาจจะใช้เหตุผลทางวิศวกรรมง่ายๆพื้นๆในการสนับสนุนคำตอบ อะไรทำนองนี้

คงจะเตรียมตัวยากสำหรับส่วนนี้นะครับ เป็นอะไรที่ต้องสั่งสมตกตะกอน ช่างซัก ช่างสังเกตุ (ช่าง)ขี้สงสัย ตั้งคำถาม หาคำตอบ ด้วยตัวเองมาแต่เด็กๆ แต่ก็ยังไม่สายถ้าจะเริ่ม สารพัด "ช่าง" เหล่านี้

ผู้สมัครส่วนใหญ่ที่พลาดก็มักจะพลาดตรงที่ตื่นเต้นจนเกินไป อาจจะเก่ง อาจจะเกรดดี แต่ถ้าสติไม่อยู่กับตัว หรือ คิดลึกไปก็อาจจะพลาดได้ อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการสัมภาษณ์งานไม่ได้ต้องการประเมินความรู้ความสามารถทางวิชาการ แต่เป็นการพูดคุยประเมินด้านอื่นๆที่ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ใน CV หรือ transcript หรือ เป็นการตรวจสอบข้อมูลใน CV กับ transcript ว่าตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า เช่นใน CV คุณบอกว่าเคยทำโน้นทำนี่ เขาอาจจะให้คุณอธิบายเพิ่มว่าทำยังไง หรือ คุณบอกว่าภาษาอังกฤษ ทักษะการพูด ระดับพอใช้ ทักษะอ่าน ระดับดี ก็อาจจะมีการตรวจสอบกันพอเป็นน้ำจิ้มระหว่างสัมภาษณ์เป็นต้น

ก็ประมาณตัวอย่างคร่าวๆจากประสบการณ์ผมเท่านั้นนะครับ ผมก็ไม่ได้จบ HR หรือทำมาด้านนี้โดยตรง แนวคิดในเรื่องนี้ก็อาจจะผิดพลาดก็ได้ เอาว่าเป็นความเห็นของผมคนเดียวก็แล้วกัน ... ขอให้โชคดีนะครับ



ผมทำงานด้าน engineering มา 2 ปีกับอีก 1 เดือน ทำตำแหน่ง piping engineer ตั้งแต่จบใหม่แล้วครับ ผมจบปี 2007 จบวิศวกรรมเกษตร(มี ใบ กว.เครื่องกล) xxxครับ ไม่ทราบว่าผมจะมีโอกาสไปทำงานด้าน drilling (อยากทำมากครับ) หรือ reservoir ของพวก offshore ไหมครับ แล้วพี่มีอะไรจะแนะนำผมไหมครับ ขอบคุณมากครับ ผมแนบ CV มาให้พี่ดูคร่าวๆด้วยครับ

ผมดู CV ให้แล้วครับ ด้วยเกรดและสาขาที่จบมาคงยากนะครับ เพราะทาง drilling มีแต่บ.น้ำมันเท่านั้นที่รับ พวกนี้ก็สวยเลือกได้ เล่นตัวเสียด้วย แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าลองส่งใบสมัครไปดู ไม่ได้เสียหายอะไร โดยเฉพาะบ.น้ำมันขนาดเล็ก แน่นอนพวกนั้นชอบแบบ มาม่า plug & play แต่พอรับพวก plug&play (ที่ราคาแพง) มาแล้ว อาจจะทำงานไม่ทัน เพราะงานเยอะ หรือไม่ยอมทำงานจุกจิก อาจจะต้องการผู้ช่วย(ราคาถูกหน่อย) ก็จะมีตำแหน่ง associate หรือ assistant อะไรทำนองนี้พอให้ได้ฝึกวิทยายุทธสำหรับเด็กใหม่ ไปดูรายชื่อบ.น้ำมันในไทยได้ที่ห้องสมุดผม หรือ ในเว็บกรมเชื้อเพลิงฯ ก็ได้ครับ

แต่ถ้าอยากก้าวกระโดด คุณเองก็เพิ่งทำงานได้สองแค่ 2 ปี (หวังว่าสมองคงยังไม่ฝ่อ) เรียนต่อดีไหมครับ ลองไล่อ่าน FAQ เก่าๆของผมดู มีข้อมูลเรื่องเรียนต่อพอสมควร ... โชคดีนะครับ

ปล. ถ้าด้วยวุฒิปัจจุบันและประสบการณ์ ตาม CV ทำทาง reservoir (วิศวกรรมแหล่งผลิต) ยากมากครับ เพราะเป็นวิศวกรรมเฉพาะด้านจริงๆ



ผมชื่อ xxx พึ่งเรียนจบวิศวเครื่องกล จาก xxx เกรดเฉลี่ย 3.10 คะแนน TOEIC 855 ครับ ได้สมัครงานไว้กับทาง Schlemberger และได้รับการติดต่อให้เข้าไปสัมภาษณ์รอบแรกกับทางบริษัทนี้ ไม่วันที่ 23 ก็ 24 มิถุนายน ( เรื่องวัน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าน่าจะเป็นวันใดวันหนึ่งใน 2 วันนี้ครับ เดี๋ยวทางบริษัทจะโทรมายืนยันอีกที ) ในตำแหน่ง Field Engineer โดยเจ้าหน้าที่ให้ผมเตรียมตัวเรื่องการแนะนำตัว การหาข้อมูลของบริษัท เพื่อนำมาใช้สัมภาษณ์

ผมจึงอยากขอคำแนะนำจากพี่ในเรื่องการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ครับ ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรอีกบ้าง มีเทคนิคอะไรบ้าง แนวคำถามที่ใช้จะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วกระบวนการคัดเลือกจะมีกี่ขั้นตอนครับ ผมกังวลเรื่องภาษานิดหน่อยครับ เรื่อง Reading Listening หายห่วงครับ แต่ Speaking เวลาพูด ผมจะไม่ถึงกับคล่องมากนัก มีติดขัดเล็กน้อย แต่ก็สามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง


ยินดีด้วยครับที่อย่างน้อยก็ได้เรียกเข้าไปสัมภาษณ์ ดูจากชื่อชั้นสถาบัน วุฒิ เกรด ภาษาฯ ก็น่าจะผ่านคุณสมบัติขั้นต่ำได้ไม่ยาก เนื่องจากคุณก็ไม่ทราบว่าจะเป็นวิศวกรสนามด้านไหน บ.นี้มีวิศวกรสนามหลายด้าน แต่ที่ขึ้นชื่อก็ไม่กี่ด้าน เรื่องการแนะนำตัวผมให้เป็นเรื่องของคุณเองที่จะต้องเตรียมก็แล้วกันครับ โดยมากเขาก็จะให้เวลา 5-10 นาทีแนะนำตัวเอง เป็นการลดความประหม่าตื่นเต้นในการใช้ภาษาอังกฤษ วิธีลดความตื่นเต้นที่ได้ผลที่สุดคือ ร่างคำพูดแล้วซ้อมครับ ซ้อมไปเรื่อยๆจนคุณหลับเอาไปฝันนั่นแหละครับ คราวนี้ในที่ร่างควรจะมีอะไรก็แล้วแต่คุณ เอาให้จบใน 10 นาทีเป็นพอ แต่ที่ควรมีในบทคือ ชื่อ นามสกุล อายุ (เพศคงไม่ต้องถ้าดูแล้วไม่ก่ำกึ่ง ฮ่าๆ แซวเล่นน่ะ) ม.ที่จบ สาขาที่จบ หัวข้อวิทยานิพนธ์ คุณวุฒิหรือประกาศษณียบัตร(ถ้ามี) กิจกรรมที่ทำในคณะ งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ ที่เหลืออยากจะฝอยอะไรก็ฝอยไป

ส่วนข้อมูลบ. ผมแนะนำให้ไปดูในเว็ย //www.slb.com โดยคร่าวๆคือบ.นี้อยู่ในกลุ่ม service company ให้บริการหลายๆสินค้าและบริการ มีจุดเริ่มมาจาก สองพี่น้องชาวฝรั่งเศษ ชื่อ คอนราด และ มาร์แชล ชลัมเบอเจอร์ (อ่าน ชะ ลัม เบอ เจ นะครับ อย่าไปออกเสียงเป็น ชะ ลัม เบอเก้อ ล่ะ) กี่ปีมาแล้วก็ช่างเหอะ ผมเองก็ลืมไปแล้ว สองพี่น้องเนี่ยทำมาหากินโดยสำรวจแหล่งแร่ทองแดง วิธีในสมัยก่อนคือ เอาแบตเตอรี่มาลูกหนึ่ง สายไฟยาวๆมาสองเส้น แท่งทองแดงสองแท่ง(electrode) กับ มิเตอร์วัดความต้านทานไฟฟ้า 1 อัน (กัลวานอมิเตอร์ที่ใช้ทำแล็ปพวกเราตอนม.ปลายนั่นแหละ)

เอาแท่งทองแดงปักจึ๊กลงไปในดินลึกๆ ห่างกันสัก 300-700 เมตร ในพื้นที่ที่แม่มดหมอผีเดาว่าน่าจะมีสินแร่ทองแดง หรือ ซินแสบอกว่าฮวงจุ้ยดี ปล่อยไฟจากแบตเตอรี่เข้าไป วัดความต้านทานของดินระหว่างขั้วทองแดง สองขั้วนั้น เบสิกๆมากๆเลย ตรงไหนความต้านทานต่ำ ตรงนั้นมีสินแร่ที่นำไฟฟ้า จดบันทึกไว้ แล้วทำเป็นแผนที่การนำไฟฟ้าในบริเวณนั้นออกมา (Earth conductivity contour maping) ก็จะรู้ว่าขุดตรงไหนจะมีโอกาสเจอทองแดงมากที่สุด

อ้าว ... แล้วมันเกี่ยวกับต้นกำเนิดบ.นี้ตรงไหน ...

วันดีคืนซวยคืนหนึ่ง สองเกลอพี่น้องไปเจอหลุมน้ำมันร้างหลุมหนึ่ง (สมัยก่อน การขุดน้ำมันไม่มีวิทยาศาสตร์นะครับ ไสยศาสตร์ล้วนๆ ฮวงจุ้ยมั่ง ไม้สามง่ามมั่ง มนต์คาถามั่ง ว่ากันไป) ก็เลยปิ๊งไอเดียว่าปกติเราวัดความนำไฟฟ้าของโลกในแนวราบลองวัดแนวดิ่งดูไหม ว่าแล้วคนพี่(หรือเปล่าก็ไม่รู้ เล่าเอามัน)ก็เอาแท่งทองแดงแท่งนึงปักลงไปปากบ่อ คนน้องเอาอีกแท่งหย่อนลงไปก้นหลุม แล้วสาวสายไฟขึ้นมาที่ล่ะหน่อยๆ กะว่าจะบันทึกความลึกของหลุมกับค่าความนำไฟฟ้าแล้วเอามาพล๊อตเป็นกร๊าฟ (conductivity vs. depth) ที่ไหนได้ คนพี่ดันลืมต่อขั้วแบตฯ แต่คนน้องดันสาวสายไฟขึ้นมา คนพี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาจดค่าเข็มกัลวานอมิเตอร์ยิกๆ พอคนน้องสาวแท่นทองแดงขึ้นมาถึงปากบ่อ หันมาดู อ้าว พี่ตูไม่ได้ต่อขั้วแบตฯ อ้าวแล้วเอ็งจดอะไร คนพี่ก็บอกว่า ก็เข็มมันกระดิกตูก็จดซิว่ะ

นี่ครับ ... หลายๆศาสตร์ก็ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เหมือนสองพี่น้องชลัมเบอร์เจอร์ ค้นพบทำการวัดค่าปิโตรฟิสิกส์ของหลุมน้ำมันขึ้นเป็นเจ้าแรกของโลก กร๊าฟนี้เรียกว่า SP log ย่อมาจาก Spontaneous Potential นั่นคือ ชั้นหินมีความพรุนที่แตกต่างกัน เรียงกันเป็นชั้นๆหนาบ้างบางบ้าง คราวนี้ในชั้นหินมันก็มีน้ำที่ละลายเกลือชุ่มอยู่ นึกออกหรือยังว่าสองคนนั่นไปเจออะไรเข้า เจอแบตเตอรี่ธรรมชาติไงครับ มีเซลเป็นชั้นๆ มีสารละลายเกลือนำไฟฟ้า (electrolite) มี ขั้วทองแดง (electrode) ก็ที่คนน้องหย่อยลงไป กับที่คนพี่ปักอยู่ปากบ่อไง มีกัลวานอมิตอร์ ครบวงจรไฟฟ้าพอดี โป๊ะเช๊ะ

คราวนี้นึกออกหรือยังว่า จากค่าที่วัดได้มันจะบอกว่า ชั้นหินไหนเป็นชั้นอะไร (ซึ่งในสมัยก่อนไม่มีวันรู้) พอบวกกับความรู้ทางธรณีวิทยาว่าชั้นหินอะไรอุ้มน้ำมัน ชั้นหินอะไรไม่อุ้มน้ำมัน ชั้นหินอะไรกักหรือไม่กักน้ำมัน ทำให้การขุดน้ำมันเป็นวิทยาศาสตร์และแม่นยำมากขึ้น

จากนั้นสองคนนี่ก็เริ่มประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือที่วัดค่าทางธรณีฟิสิกส์อื่นๆอีกมากมายเช่น ความต้านทานไฟฟ้า ความพรุน(porosity) ความหนาแน่น ค่ารังสีแกมม่าตามธรรมชาติ ฯลฯ แน่นอน ก็ตั้งบ.ขึ้นมารับจ๊อบ ชื่อ บ.ชลัมเบอเจอร์ (สงสัยเถียงกันไม่จบเรื่องเอาชื่อใคร เอานามสกุลมันซะเลย) การที่วัดค่าทางธรณีฟิสิกส์โดยใช้สายไฟฟ้าหย่อนเครื่องมือลงไปก้นหลุมดังว่า เราเรียกว่า wireline logging หรือ electric logging คนที่ออกไปทำงานชิ้นนี้เราเรียกว่า wireline field engineer คนที่ตามไปเป็นลูกมือเรียก wireline field operator สีประจำบ.คือสีน้ำเงินที่มีโทนเป็นของตัวเอง เรียกว่า SLB blue น้ำเงินหม่นกว่าท้องฟ้าแต่สว่างกว่าน้ำทะเล แน่นอนที่สุด วิศวกรกลุ่มนี้จะเป็นสินค้าหลักของบ. พูดง่ายๆก็ลูกเมียหลวงว่างั้นเหอะ

ในภายหลังบ.นี้ได้ขยายกิจการครอบคลุมไปในทุกๆบริการของการขุดหลุมน้ำมัน เช่น

Directional Drilling (ซื้อ Anadrill สีประจำบ.เดิม แดง) ไปดูในบทที่ 8 ในตำราในห้องสมุดผม
Cementing (ซื้อ Dowell สีประจำบ.เดิม ส้ม) บทที่ 3
Testing (ซื้อ Flopetro สีประจำบ.เดิม เขียว) และอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็น SLB blue ไปหมดแล้ว

ถ้าเขาถามคุณว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับบ.นี้บ้างก็บอกไปว่าเป็น บ.service company ให้บริการครบวงจรในการขุดสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เช่น wireline logging, directional drilling หรือ cementing เป็นต้น ศัพท์ของบ.นี้เขาเรียกว่า product line

ไม่ว่าคุณได้ทำ product line ไหน ผมว่าดีทั้งนั้น เพราะบ.นี้เป็นบ.ที่ลงทุนทางด้านการฝึกอบรมคนที่ดีมากๆที่หนึ่งในหมู่ service companies ด้วยกัน แต่ก็ใช้งานคนคุ้มมากๆเช่นกัน ผมก็แจ้งเกิดกับที่นี่เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วในฐานะ wireline field engineer จึงค่อนข้างรู้เรื่องบ.มากหน่อย

ขบวนการคัดเลือก ผมไม่ทราบจริงๆว่ากี่ขั้นตอน เพราะผมก็ออกมานานมากแล้ว ขบวนการคัดเลือกมันก็เปลี่ยนไปตามนโนบายและความต้องการของบ.ในช่วงเวลานั้นๆ หลักใหญ่ๆที่ผมว่าไม่น่าจะเปลี่ยน คือ ข้อเขียน 1 รอบ สัมภาษณ์ 2 รอบ รอบแรกทั่วๆไปกับ HR รอบสองกับ Product line manager ตามด้วย Preschool 1 เดือน School 3-4 เดือน Post school 1 เดือน แล้ว break out test (สอบทำงานจริง) ขั้นตอนเซ็นต์สัญญาไม่รู้อยู่ช่วงไหน มันเปลี่ยนไปเรื่อย สมัยผม เซ็นต์ก่อน Preschool

เรื่องภาษา คุณได้ TOEIC ตั้ง 855 เด็กสมัยนี้พูดภาษาอังกฤษฉอดๆ พูดไปเถอะครับ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา กล้าพูดเป็นพอ อย่าไปเกร็งเรื่องไวยากรณ์มาก ผมว่าคุณหายห่วงประเด็นนี้ได้ ถ้าฟังไม่ชัดก็ให้เขาพูดใหม่ Sorry sir/mam May you repeat your question please? ประโยคหากิน เอาไปใช้ได้เลย จำได้เลาๆว่าตอนผมโดนสัมภาษณ์สมัยนู้นโดนให้พูดอธิบายขั้นตอนการถอดเปลี่ยนยางรถยนต์เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็คามคำถามอะไรเบสิกๆทางวิศวกรรมนี่แหละ นิดๆหน่อยๆ ที่เหลือก็ฝอยเรื่องของตัวเอง

ถ้าคุณเล่าเรื่องที่มาบ.ที่ผมฝอยให้ฟังข้างบนนั้น ผมว่าคนสัมภาษณ์ก็ประหลาดใจแล้วครับว่าทำไมรู้ละเอียดจัง อ้อ ไอ้เจ้า SP log ที่ plot ด้วยมือของสองพี่น้องเนี่ย ตอนนี้เอาตั้งโชว์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์ชลัมฯที่ปารีส ผมไม่รู้ว่าในเว็บไซด์ชลัมฯมีโชว์หรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าในเว็บมีเล่าประวัติหรือเปล่าด้วย

สัมภาษณ์เสร็จแล้วได้ความว่าไงก็อย่าลืมอีเมล์มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

ปล. ไปอ่านเรื่อง wireline field engineer ใน FAQ#1 นะครับ จำได้ว่าตอบแม่คนนึงที่ลูกได้เป็น wireline field eng ของที่นี่เหมือนกัน ประมาณว่าแม่อยากรู้ว่าลูกไปทำมาหากินอะไร ดีเป็นบ้าเลย 20 ปีก่อน แม่กับพ่อผมไปส่งผมที่ดอนเมือง ให้เงินติดตัว 5000 บาท บินไปออสเตรเลียคนเดียว (ครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นเครื่องฯด้วย) ไปเข้ารร.ภาษาอังกฤษของชลัมฯนี่แหละ คือคนที่พูดไม่เป็น บ.จะส่งให้เรียนก่อน 3 เดือน ก่อนเข้า preschool พ่อกับแม่ไม่เคยรู้ว่าผมไปทำมาหากินอะไร อวดไปทั้งซอยว่าลูกฉันได้ไปเมืองนอก ฮ่าๆ (อ้อ คงเดาได้ว่าภาษาอังกฤษผมห่วยแตกขนาดไหนตอนนั้น เพราฉะนั้น คุณ TOEIC 855 หายห่วง)



อายุ 27 จบวิดวะไฟฟ้ากำลัง xxx ตอนนี้ทำงานอยู่ xxx เงินเดือนประมาน xxx เพิ่งได้ทุนเรียนที่ AIT หลักสูตร OTM offshore technology and management มี 3 สาขา ผมสนใจอยู่สองสาขาดังนี้ 1 oil and gas management 2 subsurface engineering พี่ว่าไปทางไหนดีคับที่หางานง่ายเงินเดือนดีๆ

ชอบคำถามแบบนี้จัง ตีกรอบมาชัดเจนดี ไม่ต้องคิดมาก ตอบได้เลยว่าถ้าระยะสั้นๆใกล้ๆคือ subsurface engineering เพราะเป็นทักษะเฉพาะเป็นที่ต้องการ หางานง่ายเงินดี แต่ถ้าระยะยาวที่ต้องดูภาพกว้าง วิเคราะห์เชิงมหภาคที่ต้องไปเกี่ยวเนื่องกับภาคส่วนอื่นๆ และอาจจะต้องดูแลระดับนโยบายนั้น แน่นอนว่า oil and gas management ไปไกลกว่าเป็นใหญ่เป็นโตกว่าแน่นอนครับ



ตอนนี้ผมสมัครไป 2 ที่ คือ บ. B.E.S ตำแหน่ง control system specialist เขาระบุว่าจบ ปวส.ขึ้นไป มีประสบการณ์ตรงด้านนี้ ไม่น้อยกว่า 5 ปี อันนี้เขาระบุว่าเป็นงาน offshore เลย ส่วนอีกที่เป็น บ.halliburton ตำแหน่ง associate maintenance professional อันนี้ระบุว่าไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ แต่คล้ายๆกับว่าต้องฝึกงานที่ศูนย์ที่สงขลาก่อน ถึงจะได้ไป offshore

ผมมองภาพงานไม่ออกว่ามันงานด้านนี้เป็นอย่างไร มันเป็นแบบซ่อมพวกอุปกรณ์บนแท่นหรือเปล่า แล้วมันประจำอยู่แท่นใดแท่นหนึ่ง หรือว่าไปเรื่อยๆแล้วแต่งาน โอกาสก้าวหน้ามีมาก น้อยแค่ไหน

อีกเรื่องคือ บ.อื่นๆเขายังไม่เปิดรับพนักงาน แบบนี้เราส่ง CV ไปรอเลยดีไหม หรือว่า คอยดูว่าเขาเปิดเมื่อไหร่ถึงส่งไปดีครับ


- ที่ BES น่าจะเป็นงาน Technician นะครับ พวกซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ใช้ระบบควบคุมต่างๆซึ่งก็มีหลากหลายระบบและบริษัท ผมเอาก็ไม่ทราบว่า BES เป็นบ.เจ้าของระบบหรือเป็นบ.จัดหาแรงงาน คิดว่าเป็นงานแบบไปหลายๆแท่นนะครับ ไม่ได้ประจำที่แท่นในแท่นหนึ่ง คือเป็นพวกขาจรน่ะครับ

ส่วนงานที่ บ.halliburton ตำแหน่ง associate maintenance professional ผมเดาว่าเป็นงานใน workshop ที่สงขลานะครับ เป็น ช่างซ่อมเครื่องมือต่างๆที่ใช้ทำงาน Offshore น่ะครับ บ.คงสอนงานให้ พอเป็นแล้วเชี่ยวชาญแล้วบ.คงให้เลือกว่า จะโตใน workshop หรือ จะไปเป็นคนใช้งานเครื่องมือที่ offshore หรือจะเป็นคนไปซ่อมเครื่องมือที่ Offshore

เปรียบเทียบกับบ.รับเหมาช่วงงานตอกเสาเข็มสร้างบ้านก็ได้ เขารับคุณไปเป็นช่างซ่อมปั้นจั่นในบ.เขา

พอคุณซ่อมเป็นซ่อมเก่ง คุณก็มีทางของเขา 3 ทาง (ถ้าบ.ไม่มีนโยบายคุณก็มีสิทธิ์ขอได้อยู่ดี ถ้าขอไม่ได้คุณก็ย้ายบ.เพราะถึงตอนนั้นคุณก็เก่งแล้ว)

1. เป็นผู้เชี่ยวชาญการซ่อมปั้นจั่นที่ในบ.เอง อาการหนักๆมาก็ส่งกลับสนง.ใหญ่ใหคุณซ่อม งานสบายกลับบ้านเจอหน้าลูกเมียทุกวัน เงินน้อย

2. ออกไปซ่อมหน้าไซด์งานสร้างบ้านของลูกค้าซึ่งโดนกดดันด้วยเวลาที่ต้องทำให้เสร็จ เพราะปั้นจั่นเสีย ลูกค้าคงต้องมีการปรับบ.ให้เช่าปั้นจั่นถูกป่ะ งานกดดัน เงินดี ไม่จากบ้านทีล่ะนาน ที่ไหนมีปัญหาก็ไป ไม่ค่อยซ้ำหน้างาน(แท่น)

3. เรียนรู้ ฝึกหัดการขับ และออกไปเป็นคนขับปั้นจั่นหน้างานซะเลย - จากบ้านนาน เงินดี แต่พักนาน ทำอาชีพเสริมได้ คงไปซ้ำหน้างานเดินๆ(ประจำแท่นใดแท่นหนึ่ง)

เปรียบเทียบน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าบ.จะเอาคุณไปซ่อมบำรุงเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ผมแนะนำให้อดทนทำที่ Halliburton อย่างน้อย บ.ก็ใหญ่มั่นคง ระบบการฝึกอบรมพัฒนาดี และมีทางไปภายในได้มากกว่า

โดยมากก็ส่ง CV ไปรอไว้ก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องรอให้ตำแหน่งว่าง โดยมากบ.ใหญ่ๆจะมีระบบฐานข้อมูลที่ดีอยู่แล้ว ส่งไปเขาก็จัดเข้าระบบหมวดหมู่ในฐานข้อมูล ถ้าเขาประกาศรับน่าจะแปลว่าไม่มีตัวเลือกที่ดีพอในฐานข้อมูล

หวังว่าคงเห็นภาพบ้างนิดหน่อยก็ยังดี มีอะไรหรือได้ทำที่ไหน ก็พูดคุยเล่าสู่กันฟังได้ ผมจะได้รู้ว่าที่ผมแนะนำไปมันถูกผิดอย่างไร เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วย ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมแนะนำถูกหรือผิด เดี๋ยวก็แนะนำคนอื่นเข้ารกเข้าพงกันไปหมด (ฮ่าๆ)



อยากทราบว่า นักศึกษาทุนปิโตรเลียม เวลาที่ไปอบรบ หรือ คอร์ส Trainning เค้ากับอบรม กับ TPTI หรือปล่าว แล้ว TPTI บุคคลทั่วไปไปอบรมได้หรือปล่าว.............แล้วถ้าไปอบรม แล้วนำ certificate มาสมัครงาน......มันช่วยได้เยอะหรือปล่าว.....

TPTI เกิดขึ้นโดยคนไทยในวงการกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมาจากทั้งภาคราชการเก่าและเอกชน มองเห็นว่ามีบ.ต่างชาติมากมายที่ทำมาหากินด้านการจัดอบรมการทำงานในด้านบริหาร และ เทคนิด ต่างๆมากมาย ซึ่งโดยมากจะเป็นทักษะ หรือ ศาสตร์เฉพาะในการทำงานในวงการสำรวจและผลิตปิโตรฯ คนกลุ่มนี้จึงริเริ่มจัดตั้งบ.ขึ้นมาซึ่งก็คือ TPTI นี่แหละครับ TPTI มีผู้เชี่ยวชาญประจำเป็นพนักงานจำนวนหนึ่ง และก็มีเครือข่ายที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญในแต่ล่ะสาขาที่ต้องการ แล้วก็มองหาความต้องการในวงการฯว่าน่าจะจัดหลักสูตรอะไรออกมาดี เหมือนกับ บัณฑิตวิทยาลัย หรือ รร.กวดวิชา ลองเปิดหน้า classify บางกอกโพส์ตดูก็ได้ครับ มีหลายๆที่เปิดกัน บัญชีบ้าง กฏหมายบ้าง ทำอาหาร ผสมคอกเทล MBA MM วิชาการบริหารชื่อแปลกๆ ฯลฯ

มองหาโอกาสเปิดคอร์สที่คิดว่าคนจะมาสมัครกันเรียนเยอะๆ ถ้าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพนักงานประจำมีศักยภาพและชื่อเสียงพอในด้านนั้นๆก็เอามาสอนเอง 3 วัน 5 วัน 7 วัน นานแค่ไหนก็ว่าไป แต่ถ้าคนในไม่มีก็จ้างคนนอกที่คิดว่าน่าจะดึงดูดคนมาเรียนได้ ถามว่าในแง่ของเนื้อหาทั้งในแนวลึกและแนวกว้างยอมรับ เมื่อเทียบกับ บ.ต่างประเทศที่เปิดให้บริการอย่างเดียวกัน มันก็คงต้องพัฒนากันต่อไป แต่ค่าเรียนมันก็ไม่แพง แถมไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ไปเรียนกันถึงเมืองนอก ก็คงจะพอได้ลูกค้าบ้าง

จำเป็นต้องบอกที่มาที่ไปของ TPIT นี้ประกอบการตอบคำถาม อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ

"นักศึกษาทุนปิโตรเลียม" ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึง น.ศ.ที่ได้ทุนให้ศึกษาวิชา "ปิโตรฯ" ในมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่ง และผมอนุมานต่อว่าเป็นทางต้นน้ำ (upstream) ถ้าเป็นการศึกษาในมหาวิทยาลัย ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่ง TPTI นี่ครับ เหมือนคุณได้ทุนเรียนต่อทางบัญชีที่ม.แห่งหนึ่ง คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกับสถาบันเอกชนที่อ.ต่างๆออกมาเปิดหลักสูตรอิสระระยะสั้นตามหน้าหนังสือพิมพ์นี่ครับ

บุคคลทั่วไปก็อบรมได้ครับ มีตังค์ก็พอ

ช่วยได้ในการสมัครงานหรือเปล่า ... ผมเปรียบเทียบแบบนี้ดีกว่า ระหว่าง ก. คนจบ ป.ตรีวิชาบัญชี กับ ข. คนที่ไม่ได้เรียบบัญชีมา แต่ผ่านหลักสูตรระยะสั้นเฉพาะสาขาทางบัญชี 5 วันบ้าง 10 วันบ้าง หรือแม้แต่ 3 เดือน คนไหนน่าจะได้รับการพิจารณามากกว่ากัน ถ้ามี 2 คน ก. ข. ให้เลือก แน่นอน ก. ซิครับ แต่ถ้า ไม่มีก. มายื่นใบสมัคร มีแต่ ข. กับ ค. ซึ่ง ค. ไม่ได้จบบัญชี และไม่เคยรู้เรื่องบัญชีเลย ยังงี้ ใครจะได้งาน ก็ต้อง ข. ซิ จริงไหม แล้วในชีวิตจริงเราก็ไม่รู้ว่าใครมายื่นใบสมัครบ้าง ผมจึงไม่อาจจะฟันธงว่า certificate จากการอบรมระยะสั้นจะมีประโยชน์ในการหางานหรือเปล่า

TPTI หรือ หลักสูตร เสริมต่างๆที่เห็นในหน้า classify นั้น จุดประสงค์คือสำหรับคนในวงการนั้นๆมาเพิ่มศักยภาพ หรือ ทบทวนทักษะ เฉพาะทางในสาขาที่เขาทำงานหรือรู้อยู่แล้ว มากว่าจะเป็นที่ที่ให้คนไม่เคยรู้จักงานด้านนั้นๆเลยมาเรียนเพื่อจะเอาไปทำงาน

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ เพราะปัจจุบัน ความต้องการแรงงานเฉพาะทางสูง และการศึกษาภาคปกติในระบบไม่สามารถตอบสนองได้เพียงพอ เช่น ไม่มีมหาวิทยาลัยเรียนกันโดยตรง ที่จะเป็นแอร์โฮสเตส พนักงานต้อนรับภาคพื้นของสายการบิน ผสมคอกเทล โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง การบริการสินค้าคงคลังของสารเคมีที่เป็นพิษ กฏหมายศุลกากร ฯลฯ คนที่ไม่มีความรู้เลยก็สามารถไปเรียนแล้วก็เอาไปทำงานได้เลย เฉพาะตรงนั้นๆที่เรียนมา ถ้าไม่มี คุณ ก. (ในตัวอย่างข้างต้นของผม) มายื่นใบสมัครแข่งด้วยนะครับ

หวังว่าที่ผมพล่ามมาข้างบนนี้คงตอบคำถามคุณนะครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ถามมาอีกได้ครับ



ผมเองตอนนี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว เรียนทางด้านการสำรวจทางน้ำ Hydrographic survey อยากถามว่าบริษัทที่มีแท่นส่วนใหญ่เค้ามีทีมสำรวจกันเองหรือว่าจ้างบริษัทอื่นในการสำรวจครับ

บ.ที่มีแท่นหรือให้เช่าแท่นจะจ้างบ.อื่นมาทำ survey ครับ มีหลายบ.มาก ผมจำได้ชื่อเดียว เพราะมันชนะประมูล ที่บ.ผมจ้างชื่อ fugro บ.พวกนี้จะเข้ามาทำงานตอนช่วงจะย้ายแท่นครับ เขาจะสำรวจเรื่องความมั่นคงของพื้นทะเลที่จะเอาแท่นขุดหรือ platform ไปตั้ง คุณคงรู้ขั้นตอนดีกว่าผมว่าทำไงกันมั่ง บ.ผมก็ซื้อเอาข้อมูลตรงนั้นมาประกอบการตัดสินใจวางตำแหน่งแท่นครับ ส่วนทางบ.นำมันก็จะมีทีมสำรวจอยู่ไม่กี่คนหรอกครับแต่ไม่ได้ทำการสำรวจ แต่เอาไว้กันบ.รับเหมาสำรวจแหกตาน่ะครับ คือมีไว้ตรวจสอบมันอีกทีนั่นแหละ พูดง่ายๆ ให้วิศวกรอย่างพวกผมไม่ตรวจมันก็โดนมันแหกตาเอาเท่านั้นเอง



จบวิศวะไฟฟ้ากำลังที่ xxx เกรด 2.8 TOEIC 670 คือตอนนี้ทำงานอยู่บริษัท xxx ได้เงินเดือนประมาณ xx KB ประสบการณ์ 4 ปี อนาคตก้อน่าจะไปได้เรื่อยๆ งานมันชิวๆอะครับ (แอบเบื่อ - -")ผมสมัครเรียนที่ AIT สาขา OTM (Offshore Technology & Management) แต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนอยากถามพี่ว่า

1) ควรไปเรียนดีไหม หรือว่าผมควรไปสมัครกับ บริษัทพวกนี้โดยตรงเลย เพราะถ้าเรียน ต้องใช้เงินประมาณ 500 KB ผมได้ทุนรัฐบาล 50 % (Total cost = 1 MB) และต้องเรียนประมาณ 2 ปี ผมอายุ 27 ปีแล้วด้วย


เรื่องของเรื่องคุณต้องดูที่จุดหมายในชีวิตคุณว่าคุณจะไปทำมาหากินอะไร คุณชอบทำอะไร แต่ถ้าคุณชอบด้วย มันก็ยิ่งดีใหญ่ อายุ 27 ก็เท่ากับผมเมื่อผมกลับจากเร่ร่อนขายแรงงาน กลับมาเรียนโทฯมธ. เรียนใหม่ก็ไม่เห็นแปลกที่อายุเท่านี้ ถ้าคุยเรื่องเงิน ถามว่าคุ้มไหม คุณจบวิศวฯก็ลองดีดลูกคิดดูว่าคุ้มไหม คิดว่าเป็นโครงการลงทุน 2.5 ปี (ตามอายุหลักสูตร ผมไม่รู้ว่าเท่าไร เผื่อไม่จบตามเวลาอีก 25% อิอิ) คุณรู้ตัวแปรหมดแล้วนี่ เงินเดือนปัจจุบัน + โบนัส + เงินเดือนขึ้น (ถ้าทำที่นี่ต่อไปไม่เรียน) ไม่ต้องคิดค่ากินอยู่ เพราะไงๆก็ต้องกินต้องอยู่ ไม่ว่าทำงานหรือเรียนจริงป่ะ ต้นทุนคุณก็รู้ 500KB ใช่ป่ะ ค่าเงินตามเวลา(time value of money)ไม่ต้องคิดหยุมหยิม โครงการระยะสั้นแบบนี้ไม่มีผลเท่าไร แต่คิดค่าดอกเบี้ยเงิน 500KB ด้วยนะ เพราะถ้าเป็นเงินเย็นไม่ได้กู้มาก็ต้องคิดค่าเสียโอกาสถ้าเอาไปทำอย่างอื่นตีซะ 4.5% ต่อปีก็ได้ (return กองทุนต่างๆ) ถ้ากู้มาก็คิดดอกเงินกู้ไปเต็มๆเลย เอ ... คุ้นๆว่าผมเคยคำนวนเป็นตุ๊กตาไว้ให้น้องคนก่อนที่ถามเรื่องนี้แล้ว ช่วยๆย้อนกลับไปดูข้างบนหน่อยก็ดี ตัวแปรอะไรที่ยังไม่รู้ อ้อ เงินเดือนคนในวงการถ้าจบใหม่จากที่นี่ใช่ป่ะ มันก็ตั้งแต่ 35K ไปยัน 50K แหละ เอาแบบชิวๆไปคำนวนก็สัก 40K ก็ได้ แต่มันขึ้นเร็วนะ ทำไปสัก ไม่ถึง 5 ปีย้ายงานสัก 1 ครั้ง ก็ขึ้น 6 หลักแล้ว (ถ้าไม่ทุเรศจนเกินไปนะ) คราวนี้คุณก็จะหาจุดคุ้มทุนได้ว่ากี่ปี ปล. ถ้าคุณจบวิศวแล้วหาจุดคุ้มทุนง่ายๆแค่นี้ไม่เป็น ผมจะไปฟ้องอ.คุณ อิอิ (ผมรู้จักคนเยอะนะจะบอกให้)

2) ผมเลือกเรียนด้าน subsurface engineering พี่คิดว่าเหมาะมั้ย เพราะผมจบไฟฟ้ามาไม่ตรงมันฉีกไปเลย แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะหางานง่าย - -" อนึ่งกลัวว่ามันจะยากเกินไปมั้ย กลัวไปไม่ไหวเหมือนกัน หรือ ผมควรเรียนภาพกว้างๆอย่าง Oil and gas managment แบบไหนเหมาะกว่าครับพี่แนะนำหน่อยนะครับ

นี่ๆ คุณฉีกไปตั้งแต่คิดว่าจะมามือเปื้อนน้ำมันแล้วครับ (ผมเองก็จบไฟฟ้ากำลังเหมือนคุณแหละ) subsurface engineering vs. Oil and gas managment มันก็ดีไปคนล่ะอย่าง แต่ถ้าเลขและฟิสิกส์คุณไม่ไหวจริงๆมันก็น่ากลัวนะถ้าจะไปเรียน subsurface engineering ดูจากเกรดคุณผมว่าคุณเรียนได้นะ เอ้า สู้หน่อยซิน้อง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เรียนทุกอย่างที่อยู่ใต้ดิน ส่วน oil & gas management ก็ชัดในตัวครับ ผมไม่รู้ตลาดแรงงานด้านบริหารเท่าไร มันก็คงบริหารไปเฉพาะทางประมาณ IT management Hospital management education managemeet ฯลฯ เอา MBA ธรรมดาๆมาทำแทนก็คงไหว แต่ก็ต้องหัดเอาอีกหน่อยมัง ผมเดาเอาแบบคนรู้น้อยน่ะ แต่ในระยะยาว ก็น่าจะดีคือสบายเมื่อปลายมือ แต่ subsurface คงออกแนวๆวิศวกรรมจ๋า เงินเดือนช่วงแรกน่าจะดีกว่า เพราะเป็นที่ต้องการ

3) อนาคตหลังจากจบมาจะเป็นยังไงก้อคงอีกสองปีข้างหน้า ช่วยชี้แนะด้วยครับ ส่วนความฝันผม คือ อยากให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบายอ่ะครับ ผมมาทางนี้ถูกแล้วใช่ไหมหรือว่ามันเสี่ยงไปกับสถานะผมตอนนี้

ไปดูในห้องสมุดของผม มีวิเคราะห์เรื่องอนาคตอุตสาหกรรมน้ำมัน ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ ยังไปได้อีกไกลกว่าจะมีพลังงานทดแทนที่เป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็รุ่นหลานผมแหละ ถ้าอยากให้ครอบครัวสุขสบาย ผมว่ามันคนล่ะเรื่องนะครับ เศรษฐกิจในครัวเรือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสุขสบายในครอบครัวเท่านั้นนะครับ (อย่าหลงทาง) แต่ผมก็เข้าในคุณนะครับ ในฐานะคนที่ต้องรับผิดชอบปากท้องและค่าใช้จ่ายของครอบครัว อย่างน้อยมันก็ต้องมีพอกินแหละ มันถึงจะสุขสบายได้ เอาว่า คุณเรียน subsurface เถอะ อย่าไปเป็น management และ แล้วค่อยไปเรียน MBA ะรรมดาๆภาคค่ำอีกใบ ปีครึ่งก็จบแล้วใบนั้น ชิวๆ คราวนี้คุณก็รู้เรื่องบริการ + เทคนิค ซำบายๆ

ไม่รู้ว่าผมตอบคำถามคุณบ้างหรือเปล่า ... โชคดีนะครับ
ได้เรียนแล้วเป็นไง อย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะครับ



อยากทราบชีวิตการทำงานในแบบนี้อ่ะครับ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหากับครวบครัวมั้ยครับ เพราะว่าต้องออกไปทำงานไกล แล้วพี่มีวิธีจัดการยังไงไม่ให้มีปัญหาครับ รบกวนขอเคร็ดลับหน่อย WorK-Life Balancing ^^

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล <== คลิ๊ก

ไปอ่านดูข้างบน เผื่อจะได้ไอเดียบ้าง

ก. ถ้ายังไม่มีแฟน หรือ ยังไม่แต่งงาน อันนี้ง่ายหน่อย คือ เลือกคนที่เขารับชีวิตแบบนี้ได้(ซิว่ะ)

ข. ถ้าแต่งไปแล้ว ก็ต้องขออนุมัติก่อน ถ้าไม่อนุมัติก็ยากหน่อย มีเคือง แต่ไม่น่ามีปัญหา เคล็ดลับคือ ทำให้เขาเชื่อใจ(ซิว่ะ) ทำให้เชื่อใจไม่ยาก แค่ทำให้เนียน เอ๊ย แค่พูดคำไหนให้เป็นคำนั้น บอกไปกับใครไปไหน ไปกี่โมงกลับกี่โมง ตรงเวลาที่บอก ชิวๆ ... ถึงปลายทางแล้วโทรฯรายงานตัว จ๊ะจ่า นิดหน่อยก็สบายแล้ว เดี๋ยวนี้มีไฮสปีดเต็มไปหมด ลงทุนโน้ตบุ๊คตัว กล้องตัว msn เห็นหน้าเห็นตา สบายมาก หายเงี่ยน เอ๊ย หายเหงา ฮ่าๆ เอาน่า พูดเล่นให้สบายใจ ไม่มีปัญหาหรอก ส่วนมากมันขึ้นกับพฤติกรรมกับประวัติศาสตร์(และเวรกรรม)ที่คุณมีมา(และทำไว้)กับเธอมากกว่า เวลากลับจากทะเลก็ต้องให้เวลาลูกเมียเต็มที่ อาจจะกันเวลาตัวเองนิดหน่อย สัก 2-3วัน ไปเมากับเพื่อน ไปซื้อของ หรือ ทำงานอดิเรกบ้าง คนเรามันต้องมีเวลาส่วนตัว จริงไหม ตกลงกันให้เรียบร้อย อย่างที่ 21/21 ก็คุยกันเลย ใน 21 วันที่พัก ฉันขอ 4 วัน อีก 17 วันให้เธอกับลูกเต็มๆ ตัวอย่างเฉยๆนะ ไปแบ่งเวลากันเอาเอง เงินทองก็เปิดเผยกันหน่อย ได้อะไรเท่าไร ผู้หญิงเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้เราจริงใจด้วยเท่านั้นเอง ... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ อาแมน



ตอนนี้ผมรอทุนจากบริษัทที่ร่วมโครงการกับ AIT อยู่อ่ะครับคือเป็นทุน 100% เรียน 1 ปี + ฝึกงานต่างประเทศ 3 เดือน เช่น PTTEP,Chevron,Pearl Oil etc. อยากทราบว่าถ้าเขาเรียกสัมภาษณ์พี่มีแนะนำที่ลิ้งตรงไหนมั้ยครับ คือแบบว่าจะไปขอทุนเค้าต้อง ทำยังไงมั่ง หรือว่าคำถามที่น่าจะถาม รวมถึงคำตอบที่ควรตอบ อะไรแบบนี้อ่ะครับ ประมาณว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

จะไปขอทุนเค้าต้อง ทำยังไงมั่ง ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จซิครับ เอ๊ย ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ทุนแด่น้องผู้หิวโหย ผมว่าไอ้ครึ่งหนึ่งที่คุณควรทำ คุณกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นอดีต นั่นคือ "เกรด กับผลงานต่างๆในหน้าที่การงานที่แสดงถึงความพยายามประสบความสำเร็จของคุณ" แต่นั่นแปลว่าอะไรครับ แปลว่า คุณสามารถทำวันนี้ให้ดี เอาไว้ใช้หากิน ใช้ขอทุนหรือขอโอกาสอย่างอื่นได้ในอนาคตใช่ป่ะ เพราะปัจจุบันมันก็คืออดีตของอนาคต (งงป่ะ) คล้ายกับทำความดีกับแฟนตุนไว้เยอะๆ เวลาเราพลาด(ในอนาคต)จะได้ยก(ลำเลิก)มาใช้ขอโอกาสกลับตัวได้ไง อิอิ

เอาล่ะครึ่งนึงคุณแก้ไขไม่ได้ ก็ช่างมัน มาสนใจอีกครึ่งนึงดีก่า คุณต้องเตรียมตัวให้ดีว่า คุณรู้จักมักจี่กับงานที่คุณจะทำ จะขอทุนไปเรียนเพื่อจะทำในอนาคต โดยมากบ.ที่ให้ทุนมักจะผูกมัดตกเขียวคุณไว้เลย เพราะเขาขาดคนที่มีความรู้ด้านนั้น ข้อดีคือ คุณเรียนฟรี มีงานทำแน่นอน ประกันอนาคตถ้าตลาดน้ำมันเปลี่ยนไป ข้อเสียคือ ถ้าตลาดน้ำมันราคาขึ้น ค่าแรงขึ้นคุณก็หมดโอกาสเร่ขายตูดเอ๊ยขายตัว อย่างน้อยก็ในช่วงระยะปีที่ผูกมัดกันเอาไว้

คราวนี้คิดถึงใจเขา(บ.ที่จะให้ทุน)ใจเรา เขาต้องการคนแบบไหนที่จะให้ทุน ถ้าคุณเป็นผจก.ฝ่ายให้ทุน(มีสิทธิ์เลือกคนรับทุนและรับผิดชอบผลที่ตัวเองเลือก) คุณจะเลือกคนแบบไหนที่เลือกไปแล้ว VP human resource ไม่โซ้ยตูดคุณ หรือเรียกคุณไปด่าทีหลัง ...

1. ข้อแรกเลย มันต้องมีปัญญาเรียนให้จบ แล้วตูจะไปรู้ได้ไงว่ะ ดูจากผลการเรียนรวมที่ผ่านมาของมันซิ อันนี้คุณก็กลับไปแก้ไม่ได้ ไม่แฟร์นี่หว่า เกรดเฉลี่ยมันรวมวิชาที่ไม่เกี่ยวด้วย พอดีตอนนั้นมาวไปหน่อย เกรดไม่สวย แต่เขาก็ดูเกรดรายวิชาได้นี่นา ถ้าไม่มีวิชาเกี่ยวเนื่อง เขาก็ดูวิชาหลักในสายวิชาที่คุณเรียนมาก็ได้ เพราะถ้ามันเรียนไฟฟ้ากำลังแล้ววิชาไฟฟ้ากำลังเพียวๆมันจะทำไม่ได้ดีเลยแล้วมันจะไปอะไรกิน อะไรแบบนี้ (วิชาอื่นอ้างได้ว่าตูไม่ชอบนี่นา เลยเกรดไม่ดี)

2. ข้อต่อมาสำมะคัญไม่น้อยไปกว่าปัญญา หรือ กำลังสมอง นั่นคือ คุณมีจิตใจและความมุ่งมั่น ที่จะไปต่อให้จบไหม อันนี้ก็ดูจากประวัติและสัมภาษณ์ได้ ทำงานอะไรนานๆ ทนฝ่าอุปสรรคอะไรได้ไหม เคยล้มเลิกแผนงานอะไรโดยไม่มีเหตุสมควรหรือเปล่า

เขาไม่ถามตรงๆหรอก อาจจะถามอ้อมๆ ระวังให้ดี ประมาณว่า เอ๊ะ ทำไมทำงานที่นี่ได้แค่ 6 เดือนเอง ทำไมออก ถ้าคุณให้เหตุผลว่า ไม่ชอบไม่คิดว่างานเป็นแบบที่เข้าใจไว้ เขาก็สวนเปรี้ยง(ในใจ)เข้าให้ว่า ไม่รู้จักทำการบ้าน แบบนี้ตูให้ทุนไป มิแย่หรือ

... ครอบครัวเป็นไง ตอนเรียนจะเอาเงินที่ไหนส่งค่าเทอมลูก ค่าเทอมกิ๊ก เขาอาจจะถามถึงตรงนี้ ถ้าเราไม่เตรียมตอบไว้อย่างกระจ่างใสชัดแจน เขาอาจจะไม่มั่นใจว่าคุณจะเรียนได้จนจบเพราะต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวซะก่อน

หรือประเภทอกหักแล้วทำอะไรไม่เป็น เขาอาจจะถามอะไรที่ดูไม่เกี่ยวเลย เช่น มีแฟนไหม คบมานานหรือยัง เมื่อไรแต่ง ทะเลาะหนักๆกันบ่อยไหม แล้วทำไงตอนทะเลาะกัน มีงานอดิเรกไหม ถ้ากลุ้มๆหรือเครียดทำอะไร ระวังคำถามที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวให้ดี

บางทีก็แกล้งโดนกวนตีนกดดันซะงั้นแหละ ดูว่าเราจะโดนดูถูกได้ไหม มันเหมือนไป audition คัดตัวดารานั้นแหละ ต้องหัวไว้คิดไว มองข้ามช๊อต นึกให้ออกว่าคำถามนั้นจริงๆแล้วจุดประสงค์ของคำถามคืออะไร

3. จบแล้วมันจะเป็นคนทำงานได้หรือเปล่า หรือมันเก่งแต่เรียน ทำงานไม่เป็น ตรงนี้จะเป็นเหมือนสัมภาษณ์รับคนทำงานไปในตัว 2 in 1 เพราะให้ทุนแล้วก็ต้องรับคุณทำงาน ดูว่าทำงานเป็นทีมได้ไหม หัวไวไหม เข้ากับคนได้ไหม ไม่ใช่เดินไปทางไหน วงแตกฮือ อยู่ก๊วนไหนหัวหน้าก๊วนตายเรียบทุกที (คุกไหมตู จะไปการเมืองเรื่อย ฮ่วย)

คำถามที่น่าจะถาม ทุนนี่ผูกมัดไหม มัดแน่นแค่ไหน กี่ปี จบแล้วให้ไปทำงานอะไร ที่ไหน ถ้าต้องใช้ทุนทีหลังกี่บาท ถามแบบนี้ไม่ได้แปลว่าเราเล็งใช้ทุนแล้วชิ่ง มันแปลว่าเรารอบคอบ(โว้ย) คนที่ไม่ถามนะซิ คนที่สัมภาษณ์จะมองว่า อะไรกัน ไม่รู้จักคิด เงื่อนไขระหว่างเรียนเป็นไง เช่น เกรดห้ามต่ำกว่าเท่านั้นเท่านี้กี่เทอม หรือ เทอมเดียวกลับบ้าน ไปเลย

จำไว้อย่างว่า คนที่ไม่รู้จักรักษาสิทธิผลประโยชน์กันชอบธรรมให้ตัวเองแล้ว คนนั้นไม่มีวันที่จะดูแลพิทักษ์ผลประโยชน์อะไรให้บ.หรอก ประมาณว่า ถ้าตัวมันเองมันยังไม่รักไม่ดูแล แล้วมันจะไปรักไปดูแลแมวที่ไหนได้

คำตอบที่ควรตอบ ไม่รู้แฮะ ตอบให้เขามั่นใจว่าตูไปรอด เรียนจบทำงานให้พระคุณท่านได้แน่ๆ ทุกเรื่องเป็นเรื่องรอง ผมเตรียมแผนไว้หมดแล้วระหว่างเรียน ทั้งการจัดแบ่งเวลา จัดสรรเงินทองให้ตัวเองเรื่องการเรียน ให้ลูกเมียและกิ๊ก

ให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนมีระเบียบแบบแผน วางแผนล่วงหน้าในชีวิตอนาคต มีแผนสำรอง แผน1 แผน2 ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นล่ะจะทำไง หยิบยืมใครได้ เปิดวงเงินกู้โอดีเตรีมวไว้ หรือ เตรียมขอยืมพ่อแม่พี่น้อง ฯลฯ พูดง่ายๆว่า ให้เขาเห็นว่าเราเป็น man of the plan

ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง กินอิ่ม นอนหลับ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ (เกี่ยวป่ะเนี่ย) แต่งตัวดีๆ อย่าให้มีกลิ่นปาก นั่งอย่าสุดเก้าอี้ อย่าพิงพนัก หลังตรง ไม่อนุญาติหรือเชิญให้นั่ง อย่านั่ง อันนี้ทั่วๆไปน่ะ

จริงจังหน่อยก็ได้ คุณต้องทำการบ้านไปให้ดีว่า บ.เขาทำมาหากินอะไร จบ.ปริญญานี้แล้วไปทำอะไรให้เขาได้ ในส่วนไหน ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้ คนสัมภาษณ์คุณก็อาจจะยังไม่รู้หรือรู้คร่าวๆเพราะมันตั้งปีครึ่งข้างหน้าโน้น แต่ก็ต้องมีความน่าจะเป็นล่ะ ไม่ใช่ว่าให้ทุนเรียน subsurface แล้วเอาคุณไปนั่งปั้นหม้อหรือขับเรือ มันก็ไม่ใช่ ใช่ป่ะ

มันก็มีไม่กี่อย่างหรอก ไม่ขุดหลุม (well construction) ก็ติดตั้ง platform อันหลังนี่ผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยทำ แต่ถ้า well construction คุณไปดาวโหลด 8 บทในห้องสมุดผมมาพิมพ์แล้วฉีกต้มน้ำอ้อยกิน 3 เวลาหลังอาหาร ได้เลย รับรองกระจ่างเรื่อง well construction อย่างน้อยคุณก็รู้แง่นึงล่ะ คนสัมภาษณ์อาจจะประทับใจก็ได้ว่าไอ้นี่รู้จักทำการบ้าน ใส่ใจ

จำเรื่องปัจจัยที่จะประสบความสำเร็จในน่าที่การงานได้ป่ะ แสดงให้เขาเห็น มี 4 อย่าง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ไปหาความหมายเอาเอง เอาเคยเอาไปนำเสนอเป็นเคล็ดลับการทำงานให้ฝรั่งฟัง มันปรบมือกันใหญ่ งงว่าผมไปเอามาจากไหน เพราะผมย่อเป็น LCDs มันก็ไอ้ 4 ข้อนี่แหละ ตูรู้มาตั้ง 2552 ปีแล้ว Harvard business school ของยูน่ะ จิ๊บๆ

นอกเรื่องไปไกลเลย จะบอกว่า ให้เขาเห็นว่าเรา เอาจริง มานะพยายาม และ มีแผนมีศักยภาพที่จะไปให้ถึง คือเลือกให้ทุนผมแล้วนายคุณไม่มาโซ้ยตูดคุณที่หลัง แถมเลื่อนตำแหน่งให้คุณอีกต่างหาก

อ้อ ดูวิชาที่จะเรียนไปด้วยว่ามีเรียนกี่วิชาอะไรบ้าง ปีไหน คร่าวๆวิชาเหล่านี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร ถ้าไปหาหนังสือมาอ่านคร่าวๆพลิกๆดูได้จะดีมาก อย่าลืมบอกคนสัมภาษณ์ด้วยล่ะว่าผมไปอ่านดูมาแล้ว เรียนนั่นเรียนนี่ ไม่ยาก ผมพอเข้าใจได้สบายมาก

จบดีกว่า ยาวแล้ว



เนื่องจากบางทีผมอาจจะติดธุระไม่สามารถ ตอบทางนี้ หรือ แม้แต่จะเข้าเว็บดูบล๊อกตัวเอง ดังนั้นสำหรับคำถามที่จะต้องเอาไปใช้ในการสัมภาษณ์งานควรโพส์ตไว้ล่วงหน้านิดนึงนะครับ ระบุวันที่ต้องไปสัมภาษณ์ได้ก็จะดี เพราะผมจะได้ตอบให้ก่อนในกรณีที่มีเข้ามากันทีเดียวหลายๆคำถาม (Prioritization) ถ้าทิ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าผมเปิดเจอแล้วคุณต้องไปสัมภาษณ์พรุ่งนี้ ผมคงตอบไม่ทันคุณอ่านแน่ๆ ผมจะได้โทรฯไปคุยด้วยเลย แต่ถ้าไม่ด่วนอะไรผมก็จะใช้ช่องทางนี้สื่อสารกันก็แล้วกันนะครับ

อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:45:35 น.
Counter : 2742 Pageviews.  

FAQ #6

ผมสมัครตำแหน่ง Electrical & Instrument Technician ของบริษัท xxxx ครับ ผมก็ไม่ทราบว่าต้องใช้แรงมากขนาดไหนเหมือนกัน ยังไงรบกวนพี่นกบอกรายละเอียด งานส่วนนี้เท่าที่ทราบจะได้ไหมครับ

เอาเท่าที่ทราบก็แล้วกัน ว่าก็คือช่างไฟหรือผู้ช่วยวิศวกรไฟฟ้าดีๆนี่เอง บ.นี้มีทั้งแท่นผลิต แท่นที่อยู่อาศัย และแท่นเจาะสำรวจเป็นของตัวเอง แท่นเจาะสำรวจนั้นบ.จ้างบ.แท่นฯมาอีกที ช่างไฟ ช่างกล ก็คงเป็นคนของบ.เจ้าของแท่น ตำแหน่งนี้ผมว่าน่าจะไปทำบนแท่นผลิต หรือ แท่นที่อยู่อาศัย เท่าที่ทราบก็มี แท่นเอราวัณ แท่น ไพลิน แท่นเบญจมาศ และอีก 1-2 แท่นที่ผมลืมชื่อไปแล้ว คุณก็คิดๆดูเอาว่าไฟฟ้าเป็นเกือบทุกๆอย่างบนนั้น มีอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือวัดเพียบ แต่ตรวจสอบประจำระยะเวลาก็แทบจะไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว ผมไม่คิดว่าใช้แรงกายอะไรมากนะ ปีนป่ายห้อยโหน มันก็คงมีบ้างตามประสางานสนาม ตากแดดตากฝนนั่นก็คงไม่ต้องพูดถึง มีอยู่แล้ว แบกหามคงไม่มี อดหลับอดนอนคงไม่มี ยกเว้นเร่งด่วนจริงๆ คุณจะได้รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย อุปกรณ์ไฟฟ้าคงไม่เท่าไร เพราะหลักๆมันก็มอเตอร์ เครื่องปั่นไฟ อุปกรณ์ความร้อน ประมาณนี้ แต่ที่จะได้เยอะคืออุปกรณ์วัดต่างๆที่ค่อยข้างเฉพาะกับอุตสาหกรรม ทำให้คุณเป็นไม่กี่คนที่รู้เรื่องอุปกรณ์พวกนี้ เอาไว้เป็นทุนประสบการณ์เอาไปขึ้นค่าตัวต่อได้ ... จบ



ผมเป็นเด็กจบใหม่ครับ. ผมจบChemical Engineering (Major: Petroleum) GPA:3+. เคยฝึกงาน Gas Separation Plant(Songkhla) 8 months สมัยเรียน, จบต่างประเทศครับ. แต่โง่ภาษาหน่อย ได้Toeic 760 ครับ. อยากถามว่าผมควรมีแนวทางเดินอย่างไร? PTTEP and Chevron เด็กจบใหม่เข้าได้เหรอเปล่า? ต้องมีประสบการณ์จาก field oil and gas ก่อนไหม? Pttep or chevron ต้องมีเส้นรึเปล่า? แล้วอย่างผมไม่ได้จบมหาลัยดังๆในไทยพอมีโอกาศไหมครับ?

อยากถามว่าผมควรมีแนวทางเดินอย่างไร? ดูรวมๆจาก CV ที่แนบมาแล้ว วุฒิที่คุณจบมามันเป็นทางปลายน้ำ (down stream) แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทำทางต้นน้ำไม่ได้ แต่ก็ยากหน่อย คือไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอกครับ วิทยานิพนธ์ของคุณน่าสนใจมากนะครับ อาจจะใช้เป็นใบเบิกทางได้ เพราะมันเกี่ยวกับ oil wettability กับ การ flood โดย polymer ซึ่งทางต้นน้ำใช้กันเยอะ แต่เราไม่ได้ใช้ในโรงกลั่น เราเอา polymer ไป flood ในชั้นหิน เพื่อเอาน้ำมันออกมาก ประสบการณ์ฝึกงานคุณก็ออกไปแนวๆโรงกลั่นเสียมากกว่า แต่ทั้ง Chveron และ PTTEP ก็มีโรงกลั่นลอยน้ำเหมือนกัน ที่พวกเราเรียกว่า Production platform (แท่น) หรือ FPSO (Floating Production Storage and offloading - เรือ) ส่วนงานบนแท่นขุดเจาะคงลำบาก เพราะไม่มีส่วน production บนนั้น นอกจากคุณจะไปสมัครกับ service companies ที่รับทำเกี่ยวกับ testing หลุม (ประเมินการผลิตในระดับย่อมๆ) นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สรุปคือแนวทางของคุณต้องไปทาง production ครับ ซึ่งก็มีทั้งงานในสนามและแบบนั่งโต๊ะที่กทม. ตอนคุณสมัคร หรือ สัมภาษณ์ก็ระบุไปอย่าอยากทำแบบไหน

PTTEP and Chevron เด็กจบใหม่เข้าได้เหรอเปล่า? บ.ใหญ่ๆระดับนี้ เขามีกระบวนกันพัฒนาบุคคลากรภายในของเขาเองครับ คือเขารับเด็กใหม่ด้วย เอาไปสร้างเองด้วยครับ ต่างกับบ.น้ำมันเล็กๆที่ชอบซื้อตัว เอาแบบ plug n play มาเลย

ต้องมีประสบการณ์จาก field oil and gas ก่อนไหม? เด็กใหม่ก็ไม่มีประสบการณ์อยู่แล้วนี่ครับ

Pttep or chevron ต้องมีเส้นรึเปล่า? บ.ไหนก็มีทั้งนั้น บ.ฝรั่งก็ใช่ว่าไม่มี แต่มันก็มากน้อยต่างกัน บ.พี่ไทยเราอาจจะมีมากหน่อย เท่านั้นเอง แต่มันก็ไม่มากมายอะไรนัก เพราะถ้าเส้นกันหมด บ.มันก็อยู่ไม่ได้ มันต้องมีตัวจริงเสียงจริงบ้างซิ โดยเฉพาะบ.ไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องโปร่งใสหน่อยล่ะครับ

ไม่ได้จบมหาลัยดังๆในไทยพอมีโอกาสไหมครับ? ก่อนอื่นคุณต้องทราบก่อนว่า ม.ที่คุณจบมา กพ.รับรองไหม ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะตรวจสอบแล้วตั้งแต่ก่อนสมัครเรียนในม.นี้ต่อมาก็เรื่อง ดังไม่ดัง อันนี้ก็ต้องยอมรับอีกว่า ฝรั่งเองต้นตำหรับความเท่าเทียมกันก็ยังมีแบ่งเกรดม.ตัวเอง อย่างเป็นตุเป็นตะเป็นเรื่องเป็นราว (แล้วยังเผื่อแผ่ไปแบ่งเกรดให้ม.ประเทศอื่นด้วย) ดังนั้นพี่ไทยเราก็แบ่งเหมือนกัน ต้องก้มหน้ายอมรับความจริงตรงนี้ด้วย บ้านเราก็ตลาดแรงงานเสรี ใช้หลัก demand supply บ.ไหนใหญ่ๆมั่นคง จ่ายดี ก็เข้าข่ายสวยเลือกได้ ใครๆก็อยากทำด้วย เขาก็เลือกคนเก่งๆ จบม.ดังๆ เกรดดีๆ โทษเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาจ่ายแพงนี่นา เขาก็มีสิทธิ์เลือก ถ้าเราเป็นเขาเราก็เลือกเหมือนกัน ถามว่าแล้วม.ธรรมดาๆมีโอกาสไหม ก็มีครับ เพราะไม่ได้มีบ.แบบสวยเลือกได้ 3-4 เจ้าให้ผูกขาดเมื่อไรเล่า มันก็มีบ.ที่ลดหลั่นกันลงไปให้เราไปฝึกวิทยายุทธนี้ครับ พอคาถาอาคมแกร่งกล้าแล้วเราค่อยไปสมัครกับบ.ใหญ่ๆที่เราหมายตาไว้ก็ได้นี่ครับ ถึงตอนนั้นเราก็เป็นพวกสวยเลือกได้เหมือนกัน บ.ไหนจ่ายงาม มั่นคง เงื่อนไขดี เราก็ไป ... ของแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาในตลาดแรงงานทุนนิยมเสรี

ส่วนเรื่องให้ผมดู CV ให้นั่น ผมตอบทางอีเมล์ก็แล้วกัน เพราะกรณีของคุณค่อนข้างพิเศษ ไม่น่าจะมีประโยชน์กับใครในวงกว้างเท่าไร

สุดท้าย อยากให้มานะพยายามมากๆเข้าไว้ อย่าไปแคร์มากเรื่องเส้นสาย เชื้อชาติ ศาสนา และ สถาบันที่จบ อย่าน้อยคุณก็มีภาษีดีกว่าอีกหลายๆคนนะครับ ... โชคดีครับ



ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำที่พี่มอบให้ ใครๆก็มักที่จะแนะนำให้ผมเลือกที่จะศึกษาต่อ ไม่ใช่ว่าผมจะคิดว่าการเรียนต่อนั้นไม่ดี มันเป็นสิ่งที่ดี แต่ตัวผมหลงรักงานด้านนี้ไปเต็มหัวใจแล้ว และก็ตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นตามความฝันที่จะได้ทำงานด้านนี้ให้ได้ ผมมองว่าการทำงาน มันก้อคือการเรียนแบบนึงเช่นกัน นอกจากจะต้องศึกษาแล้ว ยังได้ลงมือปฏิบัติไปด้วย ผมอยากทำมันจนเป็นเหมือนพี่ อยากจะมีความชำนาญในงานด้านที่ทำ และสามารถที่จะนำความรู้มาถ่ายทอดรุ่นน้องที่เข้ามาสนใจในงานด้านนี้ได้ สักวันเท้าผมจะเหยียบพื้นของแท่นให้ได้ เกริ่นนำซะยาว

1. drilling sevice (service company ) กับ drilling engineer (Owner company) อันไหนน่าสนใจกว่ากัน - ในความคิดผม service จะได้ทำการปฏิบัติมากกว่า รู้เรื่องในเชิงลึกกว่า แต่ owner รู้เรื่องไม่ลึกแต่จะสามารถมองภาพรวมได้มากกว่าใช่ไหมครับ owner จะทราบขั้นตอนและวิธีการทั้งหมดใน drilling เลยไหมครับ แล้ว MWD/LWD จะรู้เรื่องแค่ scope ทีทำอย่างเดียวหรือไม่


เข้าใจถูกแล้วครับ มันเหมือนกับการสร้างบ้านแหละครับ มันมี ช่างปูน ช่างไม้ ช่างไฟ แอร์ ประปา เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ กว่าจะออกมาเป็นบ้านหลังหนึ่ง แมวที่ไหนมันจะไปรู้ละเอียดหมดล่ะ จริงไหม Owner company หรือที่เราเรียกว่า oil company นั้นก็คือเจ้าของหลุม วิศวกรของเขาก็ต้องออกแบบหลุม (บุ๋น) และมีวิศวกรคุมหน้างาน (บู๊) คนสองกลุ่มนี้ก็จะต้องรู้งานไปกว้างๆทุกๆด้าน ไม่ให้ผู้รับเหมาช่วงหรือ serevice company แหกตาได้ แน่นอนที่สุด หลายๆคนก็เริ่มจาก service company รู้มันอยู่อย่างเดียวจนชำนาญ แล้วค่อยเรียนรู้เพิ่มเติม ครูพักลักจำเอา แล้วขยับขยายมาเป็นผู้คุมงานอยู่กับ Oil company (อย่างผมเป็นต้น) แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ บางคนก็เป็นช่างปูนช่างไฟจนชำนาญ ออกไปตั้งบ.รับเหมาช่วงรับงานเองจนรวยเละไปก็มีนี่นา ส่วน MWD/LWD ก็ใช่ครับ อย่างที่คุณเข้าใจแหละ ก็รู้แต่ MWD/LWD อย่างเดียวนี่แหละ แต่จะเชี่ยวชาญมากๆ ก็เท่านั้นเองครับ รวมๆแล้วมันขึ้นกับว่าคุณอยากเป็น generalist หรือ specialist แต่มันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างกันได้

2. ผมควรจะโทรเข้าไปสอบถามบริษัทก่อนหรือไม่ว่ามีตำแหน่งว่างไหม หรือผมควรจะส่งไปเลยดีครับ
ถ้าบ.เขามีเว็บ ก็ดูในเว็บก็ได้ ไม่ต้องโทรฯ แต่ถ้าบ.เล็กๆก็โทรฯไปถามหน่อยก็ดี แต่ไม่ว่าจะมีตำแหน่งว่างหรือไม่ก็ตาม คุณก็ควรส่ง CV ไปอยู่ดี

3. สมมุตินะครับ ถ้าส่งไปแล้วไม่เรียก ควรจะเว้นระยะเวลาไว้เท่าไหร่ ที่จะลองเข้าไปสมัครใหม่อีกครั้งครับ
คงต้องนานไปเลยแหละครับ ผมไม่รู้ซิ ไม่มีตัวเลขในใจ เพราะถ้าเขาไม่เรียกแปลว่าตำแหน่งที่ว่างนั้นไม่เหมาะกับเรา หรือไม่มีตำแหน่งว่าง 4-6 เดือนก็น่าจะส่งอีกทีได้ไม่น่าเกลียด แต่คุณก็ควรมั่นดูเว็บไซด์ของบ.ที่คุณหมายตาไว้

คุณเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและแนวทางของตัวเอง เป็นสิ่งที่ดีครับ รักษาเอาไว้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมเชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ



ผมเพิ่งโพสต์เรื่อราวเกี่ยวกับเรือประเภทต่างๆที่เราใช้ๆกันในอ่าวไทย สำหรับกิจกรรมสำรวจและผลิต ปิโตรเลียม เห็นว่ามีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ประปรายใน FAQ ก็เลยขอเอาลิงค์มาแปะไว้ที่นี่ด้วย

อะไรที่มันลอยกันเกลื่อนอ่าวไทยเยอะแยะ ... มาทำความรู้จักกันหน่อยดีไหม

พี่คับผมจะขอรบกวนถามหน่อยอะครับ คือผมตัดสินใจแล้วว่าจะเรียน AIT , OTM Program อะครับ field ที่ผมสนใจก็คือ Exploreration ครับ หลักสูตร + วิชาที่เรียนก็ตามข้างล่างนี้เลยอะครับ

A Typical Study Plan for Subsurface Engineering

AUGUST-DECEMBER SEMESTER (12-15 Credits)

CE80.66 Petroleum Reservoir Engineering Elective 3 credits
CE71.21 Geoenvironmental Engineering I Elective 3 credits
CE71.12 Rock Mechanics Elective 3 credits
CE71.11 Mechanics of Soils and Laboratory/Field Testing Elective 4 credits
AT76.01 Geographic Information Systems Elective 3 credits
CE80.69 Fundamentals of Geosystem Exploration Elective 3 credits

JANUARY-MAY SEMESTER AND/OR INTER-SEMESTER AT AIT (12-15 Credits)

CE80.65 Exploration Geophysics Elective 3 credits
CE80.63 Work Flow in Oil and Gas Operations Elective 3 credits
AT76.06 Advanced Technologies in GIS Elective 3 credits
CE71.51 Foundation Engineering and Design Elective 3 credits
CE80.68 Well Logging Interpretation Elective 2 credits

MAY-JULY SHORT SEMESTER

INTERNSHIP in EUROPE/ASIA/AUSTRALIA or INTER-SEMESTER at AIT

พอดีรุ่นพี่ของเพื่อนเขาก็เรียน field นี้เหมือนกันผมเลยโทรไปถามพี่เขาอะครับ แต่พี่เขาแนะนำว่าพื้นหลังของไม่ได้เรียนพวก Geo มา ไม่ค่อยเหมาะที่จะเรียนส่วนนี้ควรไปเรียนเกี่ยวกับพวกโครงสร้างของ rig + design อะครับ เพราะพี่เค้ากลัวว่าถ้าเรียน subsurface ออกไปกลัวพวก oil & gas company ไม่ยอมรับอะครับเนื่องจาก ป.ตรีไม่ได้เรียนทางพวกธรณีมาก่อน เรื่องนี้จิงรึเปล่าครับพี่ ... ผมจึงอยากขอคำแนะนำจากพี่ครับ


ที่รุ่นพี่ของเพื่อนว่ามาก็มีส่วนถูกแต่ไม่ทั้งหมดครับ ผมมองต่างมุมน่ะครับ ถ้ามองอย่างนั้นแปลว่าคนที่เลือกเรียนอะไรในป.ตรีไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขทางเดินอาชีพเลยหรือ คำตอบก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่อย่างนั้น มีตัวอย่างอยู่มากมาย ยก 1 ตย. มีศ.ดร.อาจารย์ผมอยู่คนหนึ่งสมัยเรียน เชื่อป่ะ ท่านจบ 3 ปริญญา วิศวกรรมศาสตร์ คนล่ะเรื่องเลยทั้ง 3 สาขา ท่านจบตรีโยธา โทเครื่องกล เอกคอมพิวเตอร์

ข้อสำคัญคุณเรียนให้รู้ให้จริงให้เจ๋งออกมาก่อนซิครับ เอางี้ คุณทำวิชาต่อไปนี้ให้ได้ A (ถ้ามี A+ เอา A+ มาให้ผมดู)

CE80.66 Petroleum Reservoir Engineering Elective 3 credits
CE71.12 Rock Mechanics Elective 3 credits
CE71.11 Mechanics of Soils and Laboratory/Field Testing Elective 4 credits
CE80.69 Fundamentals of Geosystem Exploration Elective 3 credits
CE80.65 Exploration Geophysics Elective 3 credits
CE80.68 Well Logging Interpretation Elective 2 credits

แค่ 6 วิชา เอา A มาให้ดูหน่อย (หวังว่าอีกปีกว่าๆพอคุณจบ ผมยังอยู่ในวงการฯอยู่) ทำวิทยานิพนธ์เจ๋งๆสักเรื่อง ไปขอทุนหรือไปขอดูปัญหาจริงๆที่บ.น้ำมัน ขอข้อมูลมาทำวิทยานิพนธ์กับปัญหาจริง โดยมากได้อยู่แล้ว เพราะทาง AIT ประสานไปให้ เสร็จแล้ว เอาวิทยานิพนธ์กับเกรด A 6 ตัวนี้ไปสมัคร บ.ไหนไม่รับก็แย่แล้ว คุณไปดูหลักสูตร PE จุฬาสิครับ 4 ปี ก็เรียนคล้ายๆกัน หรือ โท PE จุฬา ก็ได้ ก็คล้ายๆกันอีก ประเด็นคือไอ้คล้ายๆกันนี่แหละ คุณต้องทำให้มันดีและเด่นออกมา อีกอย่างคุณก็มีฝึกงาน (internship) ใช้ให้เป็นประโยชน์ พิถีพิถันเลือกบ.หน่อย ทำผลงานให้เข้าตากรรมการ

เรื่องมันอยู่ที่ว่าคุณทำตัวตลาดๆหรือเปล่า จับให้เด่นให้ดีเป็นจุดๆเป็นเรื่องๆไปเลย คุณอาจจะบอกว่า โอโห A ตั้ง 6 ตัว ผมขอมากไปหรือเปล่า ผมตอบได้คำเดียวว่า ตลาดแรงงานแข่งขันกันนะครับ คุณได้เปรียบที่คุณรู้ตัวก่อน ว่าคุณต้องเตรียมทำอะไรบ้างจึงจะแข่งขันได้เมื่อจบ ดีกว่าหลายคนที่สักแต่ว่าเรียน พอรู้ว่าต้องการอะไรไปแข่งขันก็เตรียมตัวไม่ทันเสียแล้ว

(ถ้าสนใจเรื่อง well construction ก็เข้าไปที่ห้องสมุดผมได้ มีตำราดีๆให้ดาวโหลด)

เอาน่า ... no pain no gain สู้ๆ ครับ



คือว่าผมมีเรื่องรบกวนสอบถามพี่เกี่ยวกับเรื่องสถานที่เรียนหน่อยครับ ตอนนี้ผมก็หาข้อมูลเกี่ยวกับที่เรียนอยู่ครับ ตอนนั้นผมเคยส่ง รายละเอียดเกี่ยวกับวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ที่จุฬาไปให้พี่คอมเม้นท์แล้ว หลังจากนั้นผมได้เข้าไปดูในบล็อกของพี่ที่พาไปดู บรรยากาศบนแท่นเจาะ รู้สึกชอบเลยครับ อยากไปทำงานบนนั้นจัง ผมเลยได้หาข้อมูลเพิ่มเติมครับ ผมได้เข้าไปดูที่เว็ปนี้ครับ //www2.dmf.go.th/kid/chap05_0601.htm เค้ามีแนะแนวการศึกษาไว้ ผมก็เข้าไปหาข้อมูล ตามมหาลัยต่างๆ ก็พบว่าอเมริกานั้นไม่ไหวจริงๆครับ ค่าเรียนสูงทีเดียว ตอนนี้เลยเทใจมาทางฝั่งยุโรปครับ ซึ่งก็มีอยู่ 3 มหาวิทยาลัย

1. Heriot-Watt University (Petroleum Engineering)
Lecture Program Drilling Engineering
examined by written exam

Petroleum Geoscience
examined by written exam

Formation Evaluation
examined by written exam

Reservoir Engineering
examined by written exam

Reservoir Simulation
examined by written exam and course work

Reservoir Engineering Well Test Analysis
examined by written exam and course work

Production Technology
examined by written exam

Petroleum Economics
examined by written exam and course work

DESIGN PROJECT
examined by written report and presentation

INDIVIDUAL PROJECT

2. The Robert Godon University (Drilling & Well Engineering)
Curriculum Semester 1
Subsurface
Wells
Facilities
Business Essentials Semester 2
Drilling Technology
Drilling Operations Management
Advanced Completion & Subsea Systems
Advanced Well Engineering
Semester 3
Individual Project Report
Or
Individual Design Exercise

3. University of Aberdeen (Subsea Engineering)

Course syllabus

Subsea Networks/Systems Engineering
Flow Assurance
Subsea controls
Pipelines and Soil Mechanics
Risers and Moorings
Subsea Operations and Integrity
Subsea Construction, Inspection and Maintenance
Basic safety, reliability, risk concepts and legislation
Individual Project

ทั้งสามที่ๆกล่าวมา อยู่ที่สก็อตแลนด์ครับ ระยะเวลาเรียน 1 ปี ค่าเรียนประมาณ 7 แสน พี่คิดว่าเป็นยังไงครับ เรื่องหลักสูตร ชื่อเสียงของสถาบัน และโอกาสที่จะได้ทำงานด้าน offshore ครับ ผมอยากเรียนเกี่ยวกับด้าน drilling ยังไงรบกวนพี่ช่วยแนะนำ


เป็นตัวอย่างที่ดีอีก 1 ท่านที่รู้จักทำการบ้านมาก่อน ประหยัดเวลาผมไปได้เยอะเลยครับ แถมให้ลิงค์แนะแนวที่เรียนมาด้วย ขอบคุณครับ

เอาล่ะครับ ผมจะไม่ถามว่าทำไมไม่เรียนเมืองไทย ทำไมอยากทำ Drilling และผมตั้งสมมุติฐานว่าคุณรู้แล้วว่า Drilling มันทำอะไร และคุณมีปัญญาจ่าย 7 แสนบาท + ค่ากินอยู่ตลอด 1 ปี ดังนั้น ผมจะตอบตามที่ถามว่าถ้าคุณอยากเรียน drilling ใน 3 ที่ที่คุณเลือกมา ผมแนะนำที่ไหน

ที่แรกเป็น Petroleum Engineer เรียนเป็นเป็ด (Drilling เป็นส่วนหนึ่งของวิชาที่เรียน) ไม่เฉพาะอะไรลงไป ที่หลังสุดเป็นเรื่องการก่อสร้างอะไรต่อมิอะไรก็ตามที่อยู่ระหว่างผิวน้ำกับพื้นทะเล สรุปทั้งสองที่ไม่ใช่ที่คุณต้องการแน่ๆ

ที่ที่สองครับ ตรงที่สุด ตรงประเด็นไปเลย คุณเข้าไปใน "ห้องสมุด" ของผม ซิครับ ในนั้นมีตำรา drilling ให้ลองชิมลองอ่านดู นั่นแหละคือสิ่งที่คุณต้องเรียนและเข้าใจถ้าอยากทำ Drilling



รบกวนสอบถามเรื่องการทำงานนอกชายฝั่ง ไม่ทราบว่าการรับพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ดูแลทางสุขภาพ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างครับ อยากจะขอรายละเอียดการสมัครงานจะได้เตรียมตัวถูกในกรณีที่จะหางานใหม่ทำ คือผมหาข้อมูลมานานแล้วแต่ไม่ค่อยจะมีเลย ขอบคุณครับ

นานๆมีคนถามเรื่องนี้ที คืออย่างนี้ครับ ตำแหน่งนี้บนนั้นเราเรียก medic หรือ paramedic ผมก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร เท่าที่คุยกัน พอทราบมาว่าอย่างน้อยก็ต้องจบพยาบาล และผ่านหลักสูตรอะไรอีกนิดหน่อย ผมจำไม่ได้แน่ ทางแท่นฯจะรับผ่านบ.นายหน้าอีกทีนึง คือไม่ได้เป็นลูกจ้างของบ.แท่นฯโดยตรงแต่เป็นลูกจ้างของบ.นานหน้าแล้วเขาเอาเราไปทำบนแท่นแล้วก็เก็บตังค์ค่าตัวเรา ซึ่งแน่นอนว่าแพงกว่าเงินเดือนเรา ส่วนรายได้เท่าไร มีอะไรบ้างนี่ผมไม่ทราบจริงๆครับ มี 2-3 บ.นายหน้า แต่ที่ผมหามาได้มีที่เดียวครับ กำลังให้เพื่อนหาเบอร์โทรฯกับอีเมล์ให้อยู่ ได้มาแล้วจะเอามาโพสต์ไว้ให้นะครับ

International SOS Service (Thailand) Ltd.,
11 Floor., GPF Wittayu Tower B
93/1 Wireless Road, Lumpini
Pathumwan, Bangkok 10300
Thailand

ไม่มีเบอร์โทรครับ ลองกูเกิล หรือไม่ก็ walk in ไปยื่น CV ถึงที่เลยก็ได้



ผมมีเรื่องรบกวนถามครับ คือผมจบวิศวกรรมปิโตรเคมี ม.xxxx ผมสนใจอยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับสายปิโตรเลียม ไม่ทราบว่าพอจะมีงานส่วนไหนที่ผมเข้าไปทำได้บ้างไหมครับ เคยมีรุ่นพี่มาแนะนำเกี่ยวกับ Mud engineer ซึ่งผมเองก็สนใจมากแต่ไม่ทราบว่าจะมีวิธีการสมัครงานได้อย่างไร หรือหากผมอยากจะเรียนต่อป.โท ควรจะเลือกเรียนทางด้านปิโตรเลียม (วิทยาลัยปิโตรฯ จุฬา) หรือเรียนธรณีศาสตร์ปิโตรเลียมดีครับ

พอจะมีงานส่วนไหนที่ผมเข้าไปทำได้บ้างไหมครับ - ถ้าเอางานตรงๆบนแท่นขุดเจาะสำรวจและผลิต นั้นไม่มีครับ เพราะที่คุณเรียนมาเป็นทางปลายน้ำ (down stream) ที่พอถูไถได้ ก็จะเป็นงานที่เกี่ยวกับ จากกลั่นแยกเบื้องต้นบนแท่นผลิต (processing platform) ซึ่งก็อีกแหละ บนนั้นก็มีแต่ระดับเทคนิค พวกป.ตรี ก็ทำบนฝั่งกัน

Mud engineer ซึ่งผมเองก็สนใจมากแต่ไม่ทราบว่าจะมีวิธีการสมัครงานได้อย่างไร - มีบ. Mud อยู่ 3 บ. ที่ได้งานในอ่าว นี่ครับที่อยู่พร้อมเบอร์

MI Swaco 11th fl., Rasa Tower, 555 Phaholtothin Road, Chatuchak, Bangkok 10900. Tel 029370755

Scomi Oiltool (Thailand) Ltd., 13th fl., CTI tower, 191/77 Ratchadapisek Road, Klongtoey, Klongtoey, Bangkok 10110. Tel 022042910-3

Baroid - Halliburton, 11th fl., room B1101 & 15th fl., 123, Suntowers Building -B, Vibhavadi-Rangsit Rd., Jompol, Chatuchak, Bangkok 10900. Tel 022788100

แนะนำให้โทรฯไปถามที่อยู่ที่ชัดเจนก่อนส่งใบสมัครไป เดี๋ยวไม่ถึง เผื่อผมให้ที่อยู่ผิด แล้วก็เข้าไปอ่านเว็บของบ.นั้นๆ (กูเกิลหรือโทรฯถามเอา - รู้แต่ไม่บอก ทำการบ้านมั่ง อิอิ) ว่าไอ้ Mud engineer มันทำมาหารัปทานอะไรอย่างไร แล้วถ้าว่างๆ คุณไป ดาวน์โหลด บทที่ 2 กับ บทที่ 4 ในห้องสมุดของผมนะ เอาไปต้มชงดื่มกินสามเวลาหลังอาหาร เอ๊ย อ่าน อ่าน และ อ่าน ให้จบ นั่นแหละ งาน mud engineer

เรียนต่อป.โท ควรจะเลือกเรียนทางด้านปิโตรเลียม (วิทยาลัยปิโตรฯ จุฬา) หรือเรียนธรณีศาสตร์ปิโตรเลียมดีครับ - เท่าที่ผมทราบนะครับ วิทยาลัยปิโตรฯของจุฬาจะเป็นแนวๆ down stream ครับ ก็จะออกไปแนวๆโรงกลั่นครับ ระหว่างสองที่ที่คุณบอกมา ผมแนะนำ ธรณีศาสตร์ปิโตรเลียม (Petroleum Geology -น่าจะชื่ออย่างนี้นะ)ครับ แต่คุณจะต้องเรียน Geology ใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งก็ไม่ยากถ้าเขาให้คุณเรียนเพิ่มปูพื้นกันใหม่ เสร็จแล้วคุณก็อาจจะมาเป็นนักธรณีปิโตรฯให้กับบ.น้ำมัน จะทำเป็น Well site Geo หรือ นั่งในออฟฟิตก็ตามสะดวก แต่ส่วนใหญ่เขาก็ส่งคุณไปเป็น Well sit Geo ก่อนนั่นแหละ



ผมสนใจจะทำงานในบริษัทน้ำมัน โดยเฉพาะการทำงานบนแท่นขุดกลางทะเลมากๆๆ เหตุผลเพราะผมชอบลักษณะงานที่ต้องทำงานแบบลุยๆและมีการทำงานเป็นช่วงแบบ7/7 ,14/14 อีกเหตุผลคงเป็นเรื่องรายได้ แต่ปัญหาคือ ผมจะต้องจบวิศวะสาขาใดมาก่อนครับ ตอนนี้ผมเพิ่งเข้าเรียนที่คณะวิศวะ จุฬา ซึ่งต้องเลือกภาคตอนปี 2 แต่สาขาปิโตรเลียมของที่นี่รับเพียง 20 คนจาก 800คน ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งถ้าผมพลาดจากสาขานี้แล้ว ยังพอจะมีหนทางไหนที่จะพอจะทำงานที่แท่นได้อีกบ้างครับ

เอาล่ะ อย่างน้อยคุณก็รู้เป้าหมายว่าคุณอยากทำอะไร เพราะอะไร ซึ่งก็เท่ากับว่าคุณทำได้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งที่จะไปยังที่ๆคุณหวังเอาไว้

20/800 = 1/40 อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณจะเป็นหนึ่งใน 40 คนไม่ได้ล่ะ ถ้าระบบการศึกษายังไม่เปลี่ยน ผมเข้าใจว่านี่มันเพิ่งเปิดเทอมหนึ่งเองนะ คณะที่คุณเรียนก็ถือว่าอันดับต้นๆของประเทศ สาขาที่คุณใฝ่ฝันเข้าใจว่าหินเอาเรื่องอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะ งานรายได้ดีแบบนี้ มันก็ว่าไปตามกฏอุปสงค์อุปทานนั่นแหละ ผมว่าคุณก้มหน้าก้มตาทำเกรดปีหนึ่งสองเทอมนี้ไปให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เลือกภาคนี้ให้ได้

ถ้าถามผมว่าแผนสองล่ะ ... ตอบตามประสบการณ์ที่เห็นคนที่ไม่ได้จบภาควิชานี้หรือไม่ได้จบธรณี ส่วนใหญ่พวกเราก็เป็น เครื่องกลกันเสียมาก ถ้าจะแนะนำกันทางสถิติแล้วก็ให้เลือกเครื่องกลไว้อันดับสอง แล้วก็ที่เห็นบ่อยรองมาก็เคมีล่ะมังครับ ตอนฝึกงานปีสามก็สมัครไปตามบ.น้ำมันก็ได้ครับ ทำให้เพิ่มโอกาสได้งานตอนจบในบ.น้ำมันนั้นๆ

แล้วถ้าคุณไม่ได้เรียนปิโตรฯ ผมแนะนำให้คุณไปที่ห้องสมุดของผม (ลิงค์อยู่ข้างล่าง) ไปดาวน์โหลดตำราการขุดเจาะ คุณมีเวลา 4 ปีอ่านให้จบและเข้าใจให้ได้ทั้ง 10 บท ไม่เข้าใจก็ถามผมทางอีเมล์ หรือถามเพื่อนคุณที่เรียนปิโตรฯก็ได้ เขาเรียนเล่มนี้เหมือนกัน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเรียนสาขาอะไรคุณก็ต้องเรียนหนักอยู่ดี เพราะสาขาปิโตรฯ คุณก็ต้องแข่งกับพวก 18 อรหันต์ทองคำที่ฝ่าด่า 1/40 มาได้ด้วยกัน ถ้าคุณเรียนเครื่องกลก็ใช่ว่าสบาย เพราะถ้าคุณจบเครื่องกลฯเกรด 2 แก่ๆหรือ 3 อ่อนๆ คุณก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี ... หืดขึ้นคอครับ

ไม่ได้ขู่นะครับ .... ไม่มีความสำเร็จได้มาง่ายๆหรอกครับ ไม่มีทางลัดด้วย (ไม่ต้องคิดจะหาเลย) แต่อย่างน้อยคุณก็มีแต้มต่อที่ดีกว่าอีกหลายๆคนล่ะครับ ... สู้ๆครับ

ดูต้นไม้ต้นนี้ซิครับ
ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณทำได้ครับ




Ajourney of ten thousand miles begins with one step นะครับ




สวัสดีครับพี่ ยังจำผมได้อยู่ไหมครับ หายไปนานเลย ช่วงนั้นยุ่งๆหาที่เรียนน่ะครับ

คือที่ผมเคยบอกกับพี่ไปว่าจะไปเรียน Geology ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่น่ะครับ ตกลงผมไม่ได้เรียนที่นั่นแล้ว เพราะถ้าเรียนมันอาจต้องลงตัวพื้นฐานถึง 2 ปีเลยครับ ทางอาจารย์เค้าบอกว่ามันจะไม่มีเวลาทำทีสีส

แต่ตอนนี้ผมได้ที่เรียนแล้วครับพี่ ตอนนี้ผมเรียนต่อสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม (Petroleum Engineering) อยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีครับ แต่ยังไงก็ยังคงต้องเทคคอร์สของตัวป.ตรีบ้างเหมือนกัน โดยเทอมนี้ผมลงเรียน 3 ตัว คือ General Geology(ป.ตรี), Resevoir Engineering (ป.ตรี), Petroleum Field Planning & Development(ป.โทครับ) ส่วน Drilling นั้นลงผมเอาไว้เทอมหน้าครับ

คือผมก็มาพร้อมกับคำถามอีกนั่นแหละครับ คือผมอยากถามกับพี่เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องการทำวิทยานิพนธ์น่ะครับ อยากทราบว่าเราจะสามารถไปขอหัวข้อ (ปัญหา) (อาจขอทุนทำวิจัยด้วยครับ) กับทางบริษัทน้ำมันได้หรือไม่ครับ ผมลองเข้าไปหาดูในเวบบริษัทมาบ้างแล้ว แต่ไม่เจออะไรแบบนี้เลยครับ แล้วพี่พอจะมีแนวทางแนะนำในเรื่องนี้บ้างรึเปล่าครับ

ผมโหลดหนังสือจากห้องสมุดพี่มาอ่านแล้วนะครับ แต่ยังไงถ้าผมมีข้อสงสัยในวิชาที่ผมเรียน หรือผมหาหนังสืออ่านเองไม่ได้จริงๆ ผมคงต้องขอรบกวนพี่หน่อยล่ะครับ


ดีใจครับ ที่ได้ทราบข่าวความคืบหน้า เรียน PE ของสุรนารีก็ดีเหมือนกันครับ ออกมาจะได้เป็นพวกเดียวกัน (อิอิ) ช่วยๆกันถล่มพวก Geo ... อย่าเข้าใจผิดนะครับ เรารักกันจะตายไป เอิ๊กๆ ... แต่ผมออกแนวครูพักลักจำนะครับ แนวๆลูกทุ่งๆไม่ได้เรียนเป็นเรื่องเป็นราวอะไร (ผมจบไฟฟ้า) เผลอๆอีก 2 ปีคุณจบแล้ว ผมอาจจะเป็นฝ่ายขอความรู้จากคุณก็ได้ครับ ผมก็ "ลักจำ" ของผมไปเรื่อย

ดีอีกครับ ที่คุณมองข้ามช๊อตไปถึงวิทยานิพนธ์ (เด็กๆดูไว้เป็นตัวอย่าง - ยอมันไว้ก่อน มันจบมาอาจจะต้องพึ่งมัน อิอิ) เพราะ 2 ปีมันไม่นานเลย วิทยานิพนธ์สำคัญมากสำหรับป.โทฯ เพราะช่วยได้มากในการหางานตอนจบโดยเฉพาะคุณจะจบมาในสาขาที่แคบกระจิดริ๊ดแบบที่ใครตดสักป๊าดก็ได้ยินกันไปทั้งวงการฯ

แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในการเลือกหัวข้อ ก็คืออ.ที่สอนคุณน่ะครับ บอกไปตรงๆเน้นๆ ว่าผมต้องการทำเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นปัญหาในความเป็นจริง ใช้ข้อมูลจริงในปัจจุบัน ไม่ใช่ไปทำอะไรเพ้อฝันซับซ้อนทางวิชาการ อ.ที่สอนคุณก็อยู่ในบ.ใหญ่ๆกันทั้งนั้น ดูประวัติการทำงานของอ.แต่ล่ะคนด้วยว่าใครเป็นใคร เคยทำอะไรที่ไหนกับใครมาก่อน ไม่ใช่ว่า ตรีโทเอก อยู่แต่กับน.ศ.และมหาวิทยาลัย ไม่เคยทำงานจริงเลย อย่านี้ไม่ควรเอามาเป็นที่ปรึกษาครับ ดู CV อ.ด้วย ขอแก แกคงไม่ให้ สืบเอาถามเอา เอาชื่อมาให้ผมก็ได้ เดี๋ยวสืบให้ (อิอิ)

เลือกที่ปรึกษา เลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ ตอนนี้เลยก็ดีครับ เพราะ 2 ปีไม่นาน แล้วการหาข้อมูลจากบ.ใหญ่ๆก็ใช้เวลานาน ไม่ใช่เเอาจม.จากคณะฯไปแล้วเขาจะให้เลย บางทีต้องรอเป็นเดือน ถ้าอ.ที่ปรึกษามีกำลังภายใน คือเคยทำที่นั่นมาก่อน หรือรู้จักคนในนั้น มันก็จะลัดขั้นตอนไปเยอะ มิหนำซ้ำยังรู้อีกว่าตอนนี้ปัญหาในสนามที่เจอๆกันหนักอกยกไม่ออกน่ะมันคืออะไร จะเอาเอามาทำวิทยานิพนธ์ซะเลย เห็นป่ะ ไม่ใช่แต่ Know how มันต้อง know who ด้วย มันถึงจะไปโลด

ส่วนเรื่องตำรา เมื่อคุณอยู่ในคณะฯนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงเรื่องตำราเลย อ.แต่ล่ะท่านเซียนเหยียบเมฆทั้งนั้น อ.พวกนี้รุ่นเหยียบหิมะไร้ร่อยรอย ตำราผมมันแค่จิ๊บๆที่ผมลักจำเขามา (แต่ก็ใช้หาเลี้ยงลูกเมียได้จนทุกวันนี้แหละครับ) มีอะไรก็ถามอ.คุณก่อนล่ะกัน หาใครไม่ได้จริงๆแล้วค่อยมาหามวยวัด อิอิ ... โชคดีนะครับ ...



ผม จบโท จากวิทยาลัยปิโตรเลียม จุฬา มาอะคับ เลยสมัคร MI SWACO หลังจากนั้นเค้าเรียกสัมภาษณ์ บอกว่าจะให้ไป train ในหลักสูตร drilling school ที่ train โดย TPIT หกเดือน อยาก ขอความเห็นหน่อยว่า หลักสูตรนี้เป็นไงบ้าง

ก่อนอื่น ของแสดงความยินดีต้อนรับเข้าสู่วงการฯ

ผมอนุมานว่า MI รับแล้ว และส่งไปเรียนในหลักสูตรนี้ด้วยเงินของบ. ไม่ใช่เงินของคุณเอง

ในส่วนของความตรงกับงาน งานที่ MI นี่เหมาะกับปริญญาที่คุณจบมาก เพราะเป็นงานออกแนวๆเคมี process คล้ายๆ down stream และงานน้ำโคลนเป็นงานที่ยาก ท้าทาย เป็นพื้นฐานของกระบวนการขุดเจาะทั้งหมด คุณจะได้รู้ขบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ส่วนหลักสูตรนั้น เนื่องจากว่าเป็นของฟรี และเวลาตั้ง 6 เดือน น่าจะเรียนกันละเอียดในทุกแง่มุมพอควร ไม่ใช่เฉพาะน้ำโคลนอย่างเดียว ในส่วนของ TPIT นั้นชื่อชั้นก็พอรับได้ในระดับประเทศไทย คนสอนน่าจะเป็นคนไทย เพราะบ.เป็นบ.ของคนไทย ตั้งและบริหารโดยอดีตคนของกรมเชื้อเพลิงฯ

อย่างนี้ผมแนะนำอย่างแรงให้ไปดาวน์โหลดทุกบทในห้องสมุดผมมาอ่าน โดยเฉพาะบทที่ 2 กับ 4 ฉีกแล้วต้มกินแทนน้ำไปเลย คุณหนีไม่พ้นอยู่แล้ว 2 บทนี้ อ่านไปก่อน ไม่เข้าใจอะไรทิ้งคำถามไว้ที่อีเมล์ผม (ตูจบไฟฟ้า จะรู้ไหมเนี่ย เอิ๊กๆ) เวลาเรียนจะได้เข้าใจได้ง่ายๆ ชิวๆ ... อีก 6 เดือนเจอกันในสนาม(ของจริง)

=======

เนื่องด้วยดิฉันได้มีโอกาสอ่าน blog เกี่ยวกับอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการจัดการน้ำเสียที่เกิดขึ้นของทางอุตสาหกรรมโดยเฉพาะบริษัทแท่นเจาะ จึงอยากขออนุญาตสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้หรือไม่คะ ทั้งนี้หัวข้อในการสอบถามโดยสังเขปมีดังต่อไปนี้ค่ะ

· เทคโนโลยีระบบการจัดการน้ำเสียที่ทางอุตสาหกรรมเลือกใช้
· หลักเกณฑ์และข้อบังคับของการจัดการน้ำเสียในอุตสาหกรรม
· ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการและระบบบำบัดน้ำเสีย
· ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีระบบบำบัดน้ำเสีย
· แนวโน้มอื่นๆที่เกี่ยวข้อง


ก่อนอื่นต้องขออรัมภบทสักเล็กน้อย ก่อนการขุดเจาะทุกโครงการ บ.ผู้ได้สัปทานจะต้องทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA Environmental Impact Assessment) เสนอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงวิทย์ฯ กรมเชื้อเพลิงฯ กระทรางอุตฯ กรมประมงฯ ฯลฯ ความเคร่งครัดต่อคุณภาพและปริมาณของของเสียที่ปล่อยออกมาจะขึ้นกับบริเวณที่เข้าไปทำการขุดเจาะ เช่น ความใกล้ไกลชุมชน สภาพเขตป่า ในกรณีบนบก หรือ ในทะเลก็ ความใกล้ไกลฝั่ง และหรือ แหล่งประมง ฯลฯ

บ.เจาะสำรวจจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐฯอย่างเคร่งครัด เช่น อะไรปล่อยทิ้งลงทะเล ได้หรือไม่ได้ ถ้าได้ ได้ปริมาณเท่าไร ถ้าใกล้ฝั่งมากๆ(แล้วแต่กฏหมาย) ก็จะไม่ให้ปล่อยเลย (Zero discharge) ต้องใส่เรือขนมากำจัดทั้งหมด ถ้าไกลออกไปก็ปล่อยลงทะเลได้

ในกรณีที่ต้องส่งลงเรือมากำจัด โดยมากบ.ขุดเจาะจะไม่กำจัดเอง เพราะไม่มีความชำนาญ เนื่องจากของเสียมีหลายประเภท ไม่แต่เฉพาะน้ำเท่านั้น บ.จะใช้วิธีประมูลให้ผู้รับเหมาช่วงนำไปกำจัดตามข้อกำหนดของกระทรวงอุตฯ โดยบ.จะส่งพนักงานผู้เชี่ยวชาญเข้าไปกำกับตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมาช่วงร่วมกับจนท.กระทรวงที่เกี่ยวข้อง

เทคโนโลยีระบบการจัดการน้ำเสียที่ทางอุตสาหกรรมเลือกใช้ - ขึ้นกับผู้รับเหมาช่วงบ.เพียงดูแค่ผลการกำจัดได้ตามมาตราฐานของหน่วยงานกำกับของรัฐหรือไม่ อย่างไรก็ตามบ.แท่นขุดสงวนสิทธิ์ที่จะเจาะจงที่จะรับหรือไม่รับเทคโนโลยีบางประเภทเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีบางประเภทให้ผลลัพธ์การกำจัดที่ได้ตามกำหนดแต่เกิดผลกระทบทางด้านอื่น เช่น มลพิษทางดิน อากาศ สุขอนามัย โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เป็นเวลาพอสมควร เพราะผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมบางลักษณะต้องใช้เวลาในการแสดงผลออกมา

หลักเกณฑ์และข้อบังคับของการจัดการน้ำเสียในอุตสาหกรรม - ไม่ทราบจริงๆครับ ต้องไปเปิดกฏหมายสิ่งแวดล้อม และข้อกำหนดของกรมโรงงานฯ

ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการและระบบบำบัดน้ำเสีย - ไม่มีครับ เพราะผู้รับเหมาช่วงโดยมากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ และตามสัญญา บ.รับเหมาช่วงจะเป็นผู้รับผิดชอบปัญหาเกี่ยวเนื่องทั้งหมด(ถ้ามี) แต่ในทางปฏิบัติ ปัญหาไม่ได้ถูกตัดตอนอย่างสิ้นเชิง เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่รู้ แกล้งไม่เข้าใจของ NGO สื่อ นักการเมือง แม้แต่ผู้กำกับดูแลฝ่ายรัฐเอง เนื่องจากเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา บ.ขุดเจาะมักจะเป็นเป้าใหญ่ให้ถล่ม ขู่กรรโชกทางการเงิน หรือขายข่าว ได้มากกว่าที่จะไปเล่นเอากับบ.รับเหมาช่วงจิ๊บจ้อยที่ได้งานไป โดยที่ไม่ได้ดูสัญญาว่าจ้างกันเลยว่าใครกันแน่ที่ต้องรับผิดชอบในกรณีไหน อย่างไรบ้าง นั่นทำให้ในทางปฏิบัติบ.ขุดเจาะก็ต้องเข้าไปกำกับดูแล หรือกำหนดเทคโนโลยีกันอย่างใกล้ชิด เพราะ "ขว้างงูไม่พ้นคอ" นี่เอง

ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีระบบบำบัดน้ำเสีย - ในแง่ผู้รับเหมาช่วงนะครับ น่าจะเป็น

๑ ชนิดของของเสีย
๒ ปริมาณ
๓ ระยะเวลาการขนส่ง (ของเสียบางประเภทแปรสภาพตามเวลาที่รอการกำจัด)
๔ ราคาที่ประมูลได้จากบ.ขุดเจาะ
๕ มาตราฐานของหน่วยงานรัฐที่กำกับ
๖ ราคาของเทคโนโลยีตัวที่จะใช้
๗ ค่าคอมมิสชั่นที่ต้องจ่ายรายทางให้กลุ่มคนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใครบ้าง

แนวโน้มอื่นๆที่เกี่ยวข้อง - หลักๆก็น่าจะเป็น
๑ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และมาตราฐาน ใหม่ๆจากต่างประเทศ (ซึ่งบางทีก็ออกมาเพื่อจะขายเทคโนโลยี แต่ก็ดีเราจะได้ปลอดภัยขึ้น)
๒ ข้อกำหนดของรัฐที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ
๓ บริเวณที่ได้สัปทานมักจะรุกเข้าไปในพื้นที่อ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมเข้าทุกทีๆ (บริเวณไกลผู้ไกลคนก็ขุดกันไปจนจะพรุนหมดแล้ว)
๔ ความทันต่อเทคโนโลยีของ NGO ฉลาดขึ้นทุกวันๆ (แต่บางทีก็แกล้งโง่ซะงั้น)
๕ นักการเมืองระดับชาติ หรือ ท้องถิ่น คล้าย NGO ที่ฉลาดขึ้นทุกวันแต่แกล้งโง่
๖ ช่วงเวลาของปี เช่นช่วงเลือกตั้ง การกำจัดของเสียจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะจะโดนคู่แข่งในพื้นที่จับตา จับผิดตลอด สิ่งที่ได้มาตราฐานก็กลายเป็นไม่ได้มาตราฐานได้ง่ายๆ
๗ สื่อมวลชน เหมือน NGO และ นักการเมือง คือ ฉลาดทันเทคโนโลยีขึ้นทุกวัน แต่แกล้งโง่ซะงั้นแหละ

นอกนั้นก็พวกความก้าวหน้าทางการวิจัยของนักวิชาการในประเทศของสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งส่วนมากจะได้ผลดี และ ราคาถูก แต่มักไม่ได้นำมาใช้ เพราะราคาถูก จึงไม่มีส่วนเกินบวกเป็นค่าบริหารการขาย (ค่าคอมมิสชั่น) ให้กลุ่มคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แล้วก็ค่าเงินบาท GDP อะไรไปโน้น ....

โดยสรุปปัญหาเรื่องการกำจัดของเสีย ไม่ได้เป็นปัญหาทางเทคโนโลยี แต่เพียงอย่างเดียว ต้องพิจารณาด้านอื่นๆประกอบ เช่น การเมือง สังคม และ วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นต้น



ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ปี 4 สถาบันเดียวกับพี่เรียนเกี่ยวกับ Instrumentation Engineering (แถวหัวตะเข้เรียกว่าภาควัดคุม) ส่วนเรื่องผมการเรียนนั้นถ้าจับก็คาดว่าน่าจะประมาณ 3.15 กว่าๆ คือจากที่ผมได้อ่าน FAQ ของพี่มาก็ทำให้ผมได้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนี้มากขึ้น(แต่ก่อนมีน้อยมาก) ซึ่งผมก็พอจะรู้ว่ามีกลุ่ม บ. ไหนบ้าง ลักษณะงานแต่ละ บ. เป็นอย่างไร

ที่นี้ผมอยากจะถามพี่ว่าหากว่าผมอยากจะทำงานที่ไปทำอยู่นอกชายฝั่งเนี่ยแต่ทีนี้ผมคงจะไม่เอาดีทางด้านการขุดหรือว่าทางปิโตรเลียมหรอกครับ ผมดูแล้วผมไม่ค่อยชอบ (ไม่ได้ต้องการเป็นพระเอก) ผมอยากจะเอาดีทางด้านเครื่องมือวัด(Instrument) คือว่าผมชอบทางด้านนี้อะครับ ไม่ทราบว่าการทำงานในแท่นขุดนั้นมี ลักษณะงานแบบนี้มากน้อยเพียงใด (Instrument Loop,DCS,Transmitterต่างๆ)คงจะเป็นงานทางด้านซ่อมบำรุง ซึ่งผมได้รับฟังจากเพื่อนๆบ้าง พี่ๆที่คณะบ้างว่า ในแท่นขุดก็เหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปงานจำพวกการวัดคุมค่าต่างการควบคุมกระบวนการก็ต้องมีเช่นเดียวกับบนบก

ผมอยากทราบว่าหากผมต้องการเข้าไปทำผมควรจะเริ่มต้นจาก บ. ไหนบ้าง ซึ่งในความคิดผมคิดว่าน่าจะเป็น บ. น้ำมัน อีกอย่างตอนปิดเทอมใหญ่ปี 3 ผมได้ไปฝึกงานกับ บ.กลั่นน้ำมันตราใบไม้ ผมฝึกงานที่เกี่ยวกับทางด้าน Instrument โดยตรง ไม่ทราบว่าบนแท่นนั้นจะคล้ายกับโรงกลั่นหรือไม่ แล้วความก้าวหน้านั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ อีกอย่างค่าตอบแทนนั้นเป็นอย่างไม่บ้าง


ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณเข้าใจถูกต้องเลยครับ บนแท่นขุดสำรวจและผลิตมันก็คือโรงงานอุตสาหกรรมดีๆนี่เอง มีเครื่องมือวัดเยอะมากๆ ขอเน้นว่าเยอะมากๆ แต่มันต่างจากโรงงานอุตฯบนฝังตรงที่ ที่มันแคบ ไม่มีที่พอจะเก็บคนหลายๆคน ดังนั้นงานอะไรที่รวบได้ในคนๆเดียว เขาก็จะรวบกัน อย่างโรงงานนั้น คนงานไปเช้าเย็นกลับ บ้านใครบ้านมัน แต่บนนั้นมันไม่มีที่พอ

ดังนั้นงานของส่วนที่คุณจะทำ มันรวบไปไว้กับ "ช่างไฟ" ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของบ.แท่นขุด ซึ่งคุณคงอ่านธรรมชาติของบ.พวกนี้แล้วว่า ช่างไฟตัวจริงมันเป็นฝรั่งซะเป็นส่วนใหญ่ ลูกมือถึงจะจ้างคนท้องถิ่น แต่งานช่างไฟมันก็ไม่ได้ไฮเทคอย่างเดียว อย่างที่คุณอยากจะทำ มันรวมไปหมดตั้งแต่โลเทค เปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมเตาอบ ไปยันระบบควบคุมการลอยตัวของแท่น ซึ่งโคตรๆไฮเทค (คุณคงทราบดีว่าไฮเทคขนาดไหน)

ถ้าคุณอยากทำตรงนี้ คุณก็ต้องมาเป็นลูกมือช่างไฟที่นี่ โดยสมัครได้สองทางคือ บ.แท่นโดยตรง หรือ ผ่านานยหน้าค้าแรงงาน รายชื่อทั้ง 2 พวก มีให้ดาวโหลดในห้องสมุดของผม คราวนี้คุณอาจจะต้องไปเริ่มจากช่างไฟของแท่นบนบกเสียก่อน พอรู้ระบบอะไรต่อมิอะไรแล้วค่อยลงทะเล โดยมากขั้นตอนการเรียนรู้มันเป็นอย่างนั้น

นั่นคือส่วนของแท่นเจาะสำรวจ แต่มันจะมีแท่นอีกแบบหนึ่งที่เป็นแท่นผลิตอย่างเดียว ซึ่งจะเป็นของบ.น้ำมัน คุณสามารถสมัครกับบ.น้ำมันได้โดยตรง หรือ ผ่านบ.นายหน้าอย่างที่แนะนำไว้แล้ว

อีกทางที่สามารถไปได้คือ คุณไปอยู่กับบ.ที่สร้างแท่น หรือ platform คือเป็น construction company รายชื่อก็อยู่ในที่ดาวโหลดนั้นแหละ แนวคร่าวๆคือ คุณไปเป็นวิศวกรออกแบบแท่น หรือ platform สัก 4-5 ปี จนรู้ว่าส่วนของเครื่องมือวัดคุมบนนั้นมันทำงานอย่างไรอยู่ตรงไหน เสร็จแล้วก็ลาออกมาสมัครกับ บ.น้ำมัน หรือ บ.แท่นโดยตรง คุณก็จะมีภาษีดีขึ้น เพราะคุณเคยออกแบบสร้างมันมากับมือ

ความก้าวหน้า ก็ต้องบอกว่า ไปได้ดีทีเดียวนะครับ ไปได้ถึงวิศวกรใหญ่ที่จะคุมทุกอย่างของแท่นได้เลย ขอให้คุณมีความสามารถ หรือถ้าคุณรู้จริงเกียวกับระบบบนนั้นจากบ.ออกแบบสร้าง คุณก็อาจจะ go inter ไปอยู่สาขาของบ. หรือ แท่น ในต่างประเทศได้เหมือนกัน ทั้งนี้และทั้งนั้น ขึ้นกับฝีมือและความสามารถของคุณ ส่วนค่าตอบแทน ผมว่าเริ่มต้นคงไม่เลวนั้น ยกเว้นคุณจะไปทำผ่านนายหน้าซึ่งจะดดนกดค่าแรงนิดนึง แต่ถ้าคุณไม่คิดเล็กคิดน้อย หรือมีภาระทางบ้านต้องรับผิดชอบ ผมว่าคุณอย่าเพิ่งเอาตรงนี้มาใส่ในสมการเลยครับ หางานที่ตรงที่ใช่ไว้ก่อน น้อยกว่าเพื่อนร่วมรุ่นนิดหน่อย 20-30% ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร เรามีเข็มทิศของเรา อยากให้เด็กรุ่นใหม่ทุกคนมีเข็มทิศเหมือนพวกคุณ ถามๆมาแต่ล่ะคนว่าจบแล้วอยากทำอะไร ตอบว่า ไมรู้ซะเยอะ ... เฮ้อ ...

ทุกหนทางนั้น ใช้เวลา และความอดทนนะครับ ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ผมใช้เวลา 20 กว่าปี ก็ยังไม่เรียกว่าสำเร็จเลยครับ แต่ตราบใดที่คุณตั้งเข็มทิศไว้แล้ว และคุณกัดไม่ปล่อย เมื่อนั้น ถึงแม้คุณไปไม่ถึงแต่คุณก็ไปได้ถูกทางและไปได้ไกลจากจุดที่คุณเริ่มต้นเดินทางล่ะครับ

ปล. บนนั้นไม่มีใครเป็นพระเอกนะครับ แม้แต่คนปูเตียง ล้างจ้าน พวกเขาก็คือพระเอกเช่นกันกับวิศวกร

================

ไม่ทราบว่าเราอยู่วงการเดียวกันหรือเปล่าครับ ผมก็ทำงาน offshore เช่นกัน ต่างกันตรงที่ ผมอยู่ supply vessel ครับ เป็น engineer ประจำเรือครับ รับของส่งของให้พวกพี่ประจำ ประสบการณ์ทำงานของผม ก็ประมาณ 6 ปีครับที่อยู่เรือ แรกเริ่มก็อยู่เรือสินค้าเดินทะเลระหว่างประเทศ มาอยู่เรือ offshore ได้ประมาณปีแล้วครับ ตำแหน่งผมตอนนี้คือ second engineer ครับ เรียนมาทางด้าน marine engineering โดยตรง

ผมขอรบกวนถามพี่ว่า

1. ผมอายุ 29 จากสายงานที่ผมทำอยู่ในตอนนี้ ผมสามารถ apply เข้าไปอยู่ drillng rig, fso, fpso ได้หรือไม่ครับ
2. ถ้าได้ผมจะต้องเริ่มจากตรงไหนดีครับ
3. ในความคิดของพี่ พี่ว่าอยู่เรือ ดีกว่า อยู่แท่นหรือเปล่าครับ ผมทำงานมาหลายปี เงินเดือนผมก็หลักหกแล้วครับ ผมควรจะเปลี่ยนดีหรือไม่ครับ

ผมพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตลอด เพราะผมทำงานกับ rig ก็อยากจะรู้ว่าบนนั้นเขาทำงานกันอย่างไร จนได้มาเจอblogของพี่เนี่ยครับ ทำให้ผมเข้าให้มากขึ้น บ่อยครั้งครับที่ผมต้องมีปัญหาทะเลาะกับ rigเรื่อง cargo จะมีปัญหาเรื่อง mud,cement บ่อย เคยสงสัยครับว่า mud,cement มันจะเอาไปทำอะไร พวกผมเรียก mud ว่า idiot cargo ครับ เพราะมันสร้างปัญหาและความเหนื่อยยากให้ผมมาก และผมก็รู้แล้วว่ามันสำคัญมากๆ

ขอบคุณสำหรับ blog ดีๆนะครับ หวังว่าเราคงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และอาจจะขอความรู้จากพี่ในบางโอกาสครับ

เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมก็ต้องกลับไปลงเรือแล้ว ตอนนี้ ผมทำอยู่ Indian oil field ครับ kakinada oil field มันโหดร้ายมากสำหรับการทำงานใน India ผมอยากทำในไทยมากกว่า PTTEP สุดยอดครับ การบริหารจัดการดีมาก


เข้าไปอยู่ drillng rig, fso, fpso ได้หรือไม่ ได้แน่นอนครับ เพราะคุณจบมาทาง marine engineering ถ้าเป็น drilling rig ตำแหน่งที่คุณมองคือ barge engineer ซึ่งต่อไปก็จะเป็น barge caption หรือ barge master ซึ่งก็เทียบเท่ากัปตันดีๆนี่เอง ส่วน FSO หรือ FPSO มันคือเรือดีๆนี่เอง ตำแหน่งต่างๆมันก็เหมือนเรือทั่วไปเลยครับ ทำได้แน่นอน คุณก็ต้องสมัครไปที่บ.แท่นเจาะ ถ้ากรณี drilling rig หรือสมัครไปที่ บ.น้ำมัน ในกรณี FSO หรือ FPSO เพราะ โดยมาก บ.น้ำมันเป็นเจ้าของ

เริ่มจากตรงไหนดีครับ เริ่มจากหาชื่อบ.แท่นเจาะ หาชื่อบ.น้ำมัน เป้าหมายให้ได้มากที่สุด เขียนใบสมัครไป ก็เท่านั้นเองครับ

อยู่เรือ ดีกว่า อยู่แท่น นานาจิตตังน่ะครับ ถามผม ผมก็ว่าอยู่แท่นดีกว่า เหตุผลง่ายๆคือ ผมมาววววเรือง่ายมาก อ้วกแตกอ้วกแตนทุกทีที่ลงเรือ แล้วก็ผมมีครอบครัวแล้ว อยู่แท่นเวลามันแน่นอนกว่าและกะๆนึงจะสั้นกว่า ส่วนเรืองเงินเดือนนั้น มันได้อย่างเสียอย่าง ถ้าเขาต้องเอาคุณไปรอนแรมเป็นเดือนๆบนเรือเขาก็ต้องจ่ายมากกว่า แต่เงินเดือนหกหลัก กับ อายุ 29 ในวงการเราเป็นเรื่องธรรมดาๆครับสำหรับคนที่จบมาเฉพาะทางอย่างพวกคุณ วิศวปิโตรฯ หรือ นักธรณี แต่มันก็ไม่มากเท่าที่ถ้าคุณจะไปเดินเรือ liner ข้ามมหาสมุทร อย่างนั้นมันก็มากกว่าพวกผมอยู่แล้ว แต่งานมันก็ไม่เหมือนกันนี่นา จริงไหมครับ

mud,cement มันจะเอาไปทำอะไร เข้าไปดาวโหลดบทที่ 2 กับ 3 ในห้องสมุดผมเลยครับ เอาไปอ่านตอนเดินเรือหนต่อไป คุณจะได้คำตอบแน่ๆ

เรียก mud ว่า idiot cargo ครับ เพราะมันสร้างปัญหาและความเหนื่อยยากให้ผมมาก ฮะฮ่า เจอคู่กรณีแล้ว ผมกำลังรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่พอดี ผมก็ปวดกระบาลกับมันพอๆกับคุณนั่นแหละ หนก่อนก็ cement หาย เร็วๆนี้ base oil หายไป 50 m3 เฮ้อ ... จับมือใครดมไม่ได้ ... ครั้งหน้า เรือลำไหนไม่มีมิเตอร์วัด base oil ไม่ให้งาน อิอิ

มันโหดร้ายมากสำหรับการทำงานใน India คุณรู้ไหมว่าผมนี่แหละ เรียกอินเดียเป็นบ้านหลังที่สองของผม เพราะผมไป(ตกระกำลำบาก)อยู่ที่นั้นนานมากตอนหนุ่มๆ แต่พอมองย้อนหลังกลับไป มันคือโรงเรียนที่ดี ที่ผมไม่มีวันลืม ตอนนั้นผมอยู่ bombay high (ในส่วนของทะเล บนบกก็หลาย field แต่คุณคงไม่รู้จัก)

PTTEP สุดยอดครับ การบริหารจัดการดีมาก โอเคเลย เดี๋ยวเจอคนสผ.จะบอกให้

ไม่ว่าคุณจะเลือกทำอะไรก็ขอให้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกันนะครับ ...

อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:45:09 น.
Counter : 4765 Pageviews.  

FAQ #5

เผอิญผมได้ไปอ่านเจอเกี๋ยวกับบล็อกพี่เรื่องเกี่ยวกับการเป็นวิศวกรประจำการอยู่ที่แท่นขุดเจาะ เมื่อพิจารณาแล้วทำให้ผมคิดได้ว่าลักษณะงานแบบนี้แหละที่ผมต้องการทำงาน แต่ผมมีคำถามอยู่ 2 ข้อครับจึงอยากจะรบกวนถามพี่ว่า

1. มีการกำหนดอายุงานการรับพนักงานใหม่ไหมครับ(ตอนนี้ผมอายุจะ26ปีแล้ว) และ อาชีพนี้สามารถทำได้ถึงอายุเท่าไหร่ครับ
2.ผมเป็นคนที่อ่อนภาษา อยากทราบว่าต้องใช้ถึงระดับไหนครับ ถ้าเทียบกับคะแนนของโทอิค (ผมตั้งใจไว้ว่าจะติวภาษา ไว้หกเดือนครับ แล้วไปสอบโทอิก)

ปล.ผมจบ วศบ.ไฟฟ้า.จาก xxx ครับ และที่สำคัญเกรด 2.25


1. สำหรับมือใหม่หัดขับ ไม่มีประสบการณ์ในทางนี้มาเลย ถ้ายังไม่ถึง 30 ก็พอมาเรียนรู้อะไรๆใหม่ได้ แต่ถ้าเกินก็คงลำบากหน่อยตามจำนวนปีที่เกินน่ะครับ แต่ถ้าจะว่ากันอย่างยุติธรรมแล้ว ผมว่าเป็นแบบนี้เกือบจะทุกๆวงการฯล่ะครับ ยกเว้นวงการนักขายที่เป็นวิศวกร ที่เน้นประสบการณ์ขายในกลุ่มลูกค้าเดียวกัน มากกว่าในกลุ่มผลิตภัณ์เดียวกัน ส่วนทำได้ถึงอายุเท่าไร ผมว่าก็ทำมันไปจนเกษียณนั่นแหละครับ จะอยู่บนแท่นจนแก่ก็ไม่มีใครว่า ยังมีแรงปีนขึ้นปีนลงไหวก็อยู่ไป แต่โดยธรรมชาติแล้ว พออายุมากๆคุณก็ไม่ต้องใช้แรงทำงานแล้วนี่ครับ แค่ใช้ประสบการณ์คุมเด็กๆในสายงานคุณอีกทีนึง แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง พวกปีนขึ้นปีนลงบันไดเพื่อขึ้นไปดูว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนมันแหกตาคุณหรือเปล่า ไม่งั้นคุณจะโดนนายคุณที่ฝั่งด่าทุกเช้า ฮ่าๆ

2. ในการเรียนต่อเขาใช้โทเฟล แต่ในการทำงานใช้โทอิค ถูกต้องแล้วครับ เพราะมันเน้นทักษะคนล่ะด้านกัน ถ้าไปสอบโทอิคหรือค้นดูในเน็ท จะเห็นมาตราฐานระดับต่างๆอยู่ว่า พนักงานระดับไหนต้องใช้ระดับคะแนนเท่าไร ผมว่าถ้าทางเทคนิคไม่ใช่สวยเลือกได้ ก็เอาสวยภาษาไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย ขอสัก 750 ไหวไหม

ปล. ไอ้นี่แหละสำคัญที่สุด GPA 2.25 เนี่ยนะ ไม่ได้จะให้ท้อถอย แต่อยากจะให้ตะหนักถึงการแข่งขันที่สูง เพราะวงการฯนี้นะ เข้าข่ายสวยเลือกได้ เคยคุยกับอ.ของม.รัฐที่ผลิตวิศวกรที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่ผลิอตวิศวกรปิโตรฯโดยตรง อ.บอกว่า GPAปีหนึ่ง(ที่เอามาใช้เลือกภาคตอนขึ้นปีสอง) ของคนที่ GPA ต่ำที่สุด นั้นสูงที่สุดในคณะ แล้วก็เกินครึ่งโดนตกเขียวไปตั้งแต่เรียนปี 2 ปี 3 มันก็เป็นดัชนีบอกกลายๆว่าแก่งแย่งกันขนาดไหน ถ้าจะให้แนะนำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด อยากให้เอาแรงกายเอาน้ำอดน้ำทนเข้าสู้ ถ้ารักจริงหวังแต่ง ไม่มีอะไรจะได้มาง่ายๆโดยเฉพาะถ้าเราไม่มีแต้มต่อ รูปไม่หล่อพ่อไม่รวย โดยไปเริ่มจากศูนย์แล้วไต่ไปให้ถึงดวงดาว อายุแต่ 26 เอง เอาดีทางปฏิบัติดีกว่า ทางนั่งโต๊ะออกแบบคำนวนอะไรน่ะ ปล่อยพวกไฮโซไปดีกว่า ไปสมัครเป็ฯแรงงานระดับล่างกับ บ.พวกนายหน้าต่างๆที่ผมเคยแนะนำไว้แล้วในนี้นั่นแหละ ได้ข่าวว่าต้องเสียค่าน้ำร้อนน้ำชาด้วย แต่ไมามากเหมือนแรงงานไทยไปทำงานไต้หวันอิสราเอล เห็นปะว่าขนาดงานกรรมกร ยังต้องเสียตังค์เผื่อไปทำงาน ดัชนีมันชี้กลายๆว่า รายได้มากกว่าปกติพอจ่ายค่านายหน้าถอนทุนคืน

เอาล่ะ เมื่อคุณได้ไปทำแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ขอให้ก้มหน้าก้มตาทำอย่างสุดชีวิต เรียนรู้นอกเหนืองานที่คุณทำด้วย งานไหนใครขาด ก็อาสาเข้าไปทำ เผื่อที่จะสร้างประสบการณ์และผูกมิตรไปในตัว มีปากก็ถามว่าไอ้นั่นใช้อย่างไร ทำงานอย่างไร ว่างๆของผมกดปุ่มนี้ โยกตรงนั้นช่วยพี่ได้ไหม นอนน้อยหน่อยทำงานมากหน่อย 4-5 ปีผ่านไปคุณก็จะรู้เครื่องเครากลไกลต่างๆบนแท่นอย่างจริงจัง ตอนนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุ้มที่อดทน แท่นต่างๆมันก็ต่างกันเล็กน้อย เหมือนรถยนต์ เหมือนสร้างบ้านน่ะครับ หลักใหญ่ๆมันก็เหมือนกัน เสร็จแล้วคุณค่อยกระเถิบขึ้นไปคุมคนงาน เป็นหัวหน้างาน + ดีกรีพื้นฐานคุณเป็นวิศวกรอยู่แล้ว เข้าตากรรมการ หรือได้เป็นมือขวามือซ้ายฝรั่ง หรือคนไทยดีๆสักคน คุณก็สบายแล้ว



พอดีผมได้ไปอ่านในบล็อคพี่มาเกี่ยวกะเรื่องบริษัทน้ำมันนี่แหละ บอกตามตรงผมอยากทำงานในสายนี้จริงๆ (อยากทำงานหนักๆ ลุยๆ ท้าทายๆ) ตอนนี้ผมก็กำลังจะจบปริญญาโทเครื่องกลในอีกประมาณสามเดือนข้างหน้า ก็เลยว่าจะหางาน แต่ผมคงไม่กล้ารบกวนให้พี่ช่วยเหลือเรื่องงานหรอกครับ แค่อยากจะถามพี่ว่า การจะสัมภาษณ์งานบริษัทขุดเจาะ นี่ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ คือทำยังไงให้เค้ารับเรานะครับ

ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ - ก่อนอื่นเลย คุณต้องทำการบ้านมากกว่านี้ครับ 1. เข้าไปอ่านเว็บของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติให้ครบทุกหน้า เผื่อให้เข้าใจกลไกต่างๆของวงการฯ ไผเป็นไผ 2. อ่าน FAQ ของผมให้ครบทุกตอน และเลือกคลิ๊กอ่านหัวข้อต่างๆที่เกี่ยวข้อง เผื่อจะได้เห็นภาพกว้างๆ คราวนี้เตรียมเกรดสวยๆ เตรียมภาษาอังกฤษดีๆ ระดับคุณจะจบโทนะ ผมว่าขอโทอิคสัก 800 ได้ไหม

ต่อมาคุณต้องรู้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปอยู่ส่วนไหนของอุตสาหกรรม เวลาคุณบอกว่า บริษัทขุดเจาะ คุณหมายถึง บ.ให้เช่าแท่น หรือ บ.น้ำมัน เพราะมันก็ขุดเจาะหมือนกัน อย่างไรก็ตามทุกบ.ต้องการคนที่เกรดดีๆ ไม่สูงมากไป เพราะถ้าสูงมากมีแนวโน้มว่าจะอยู่ไม่นาน เพราะไปต่อด๊อกเตอร์กันหมด เอาสัก 3.0-3.5 พอไหว พวก 3.8-4.0 ดูน่าสงสัยไปหน่อยว่าจะอยู่ไม่ยืด ต่อมาต้องการคนที่มีไหวพริบดี ถ้ามือเก่าก็ได้เปรียบ ถ้ามือใหม่ ก็ต้องการพวกที่ทำงานบ้านมากก่อน ไม่ใช่ถามอะไรก็ไม่รู้ คุณจะไปสัมภาษณ์บ.อะไร คุณต้องเข้าไปอ่านเว็บเขาให้ละเอียดว่าเขาทำมาหากินอะไร อะไรเป็นจุดแข็งจุดอ่อนของเขา ใครเป็นคู่แข่ง ใครเป็นลูกค้า รายได้หลักเขามาจากไหน เราจะไปทำอะไรในตำแหน่งไหน แล้วมันทำอะไร คุณจะทำให้เขาประทับใจได้ก็ตรงนี้แหละ ผมสัมภาษณ์งานคนมาเยอะ รู้เลยว่าคนไหนไม่ทำการบ้าน คนไหนทำการบ้านมาดี ถึงดีมาก บางคนรู้กระทั่งประวัติคร่าวๆของผู้สัมภาษณ์ซึ่งคือผมเองด้วยซ้ำ เอ๊ะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับงาน เกี่ยวอย่างยิ่ง เพราะมันหมายความว่า 1. คุณมี ฉันทะ มีวิริยะ จิตตะ วิมังสา มีใจรักในงาน มีความพยายามค้นคว้า มีความใส่ใจ และทุ่มเท 2. คุณมีเป้าหมายที่แน่นอน (objective oriented) มีความมุ่งมั่น 3. คุณมี self learning คือสอนตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาชี้มาลากไปหาความรู้ในสิ่งที่คุณควรจะรู้ 4. คุณมี initiative คิดเองเป็นทำเองได้ รวมๆแล้วจะว่าไปมันก็เหมือนคุณจีบผู้หญิงสักคนนั่นแหละ ผู้หญิงหรือคนสัมภาษณ์นะ เขาดูออกว่าคุณมาจีบแล่นๆหรือรักจริงหวังแต่ง วิธีจีบมันต่างกันลิบลับ (เข้าใจ๋ ?)



ขอรบกวนหน่อยครับ
1 Rig company มีกี่บริษัทได้ครับ
2 Services company

ผมอยากไปสมัครงานที่สงขลาแต่ยังไม่รู้ที่ตั้งของบริษัทเลย ขอบคุณมาก


Rig company ทั่วโลกมีเป็นร้อย แต่ที่ตอนนี้มีสัญญาว่าจ้างอยู่เมืองไทย ก็ไม่เยอะ หนึ่งบ.อาจจะมีแท่นให้เช่ามากกว่าหนึ่งแท่นนะครับ และที่สำคัญการเคลื่อนไหวเร็วมากอย่างที่ผมเขียนแนะนำธรรมชาติของธุรกิจแท่นเจาะเอาไว้แล้ว ไตรมาสหน้าอาจจะหมดสัญญา ลากออกจากอ่าวไปแล้วก็ได้ เอาว่าตอนนี้คร่าวๆก็ในทะเลมี Transocean, Seadrill, Lasen Oil & gas แล้วก็อีก 2-3 บ. ทำให้ oil company ขนาดเล็กๆซึ่มผมไม่ทราบว่าใคร บนบกก็มี Great wall, Dautag แล้วก็ยิบย่อยอีก 2-3 บ.

Service company มีอีกเป็นร้อย เมืองไทยมีเป็นสิบ เอาใหญ่ๆ ก็ Schlumberger, Halliburton, Weatherford, Baker, MISwaco, Scomi, KMC, BJ, DJ ตามไปดูในเว็บนี้ก็ได้ครับ มีคนรวบรวมไว้แล้ว //www.sk-hospital.com/skmessage/viewtopic.php?t=3948&sid=b35b4b6b5a51ca2a73f9069f00a8c9e7 มีที่อยู่เสร็จสรรพ ถ้าติดต่อไป เปลี่ยนที่อยู่เปลี่ยนเบอร์หรือไงก็ค่อยถามผมเป็นรายบ.อีกที เพราะผมไม่มีเวลาไปอัพเดททุกบ.หรอกครับ ปัจจุบันมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ชื่อ internet และ google ไม่ทราบว่าคุณรู้จักไหม ลองๆทำความรู้จักกับมันแล้วจะรู้ว่าคุณเกือบจะสร้างระเบิดนิวเคลียได้เลยทีเดียวนะ :)



พี่ครับ ตกลงผมโทรไปคุยกับอาจารย์ที่ภาคธรณีวิทยาที่เชียงใหม่ แล้วครับ สรุปคือคอร์ส master of science (Petroleum Geoscience) นั่นเค้าจะไม่เปิดสอนแล้ว จะย้ายมาให้จุฬาเปิดแทน แต่มันเป็นคอร์สหลัก สูตร 1 ปีครับพี่ คือเราจะไม่สามารถเทคคอร์สใดๆเพิ่มได้เลย เพราะเขาจะ fix เวลาแต่ละวิชาไว้ แต่ผมได้ถามเกี่ยวกับคอร์สธรณีวิทยา master of science (Geology) ว่าเราจะสามารถลงเรียนตัววิชาของทาง Petroleum Geoscience ได้มั๊ย อาจารย์เค้าก็บอกว่าได้ครับ คือการเลือกลงวิชาเรียนมันเป็นเรื่องของเรา ผมก็มีปัญหาจะถามพี่ก็คือ

1. จากการที่พี่เคยสัมผัสกับฝ่าย HR มา เวลาเค้ารับคน เคาจะดูชื่อวุฒิไหมครับ เค้าจะให้เครดิตเท่ากันรึเปล่า ระหว่าง Geology กับ Petroleum Geoscience

2. พี่เคยบอกว่าพี่จบไฟฟ้ากำลังมา แล้วการที่พี่ได้เป็น Drilling Engineer นั่น ต้องไปเรียนคอร์สอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ หรือว่าอาศัยประสบการณ์เอา แล้วถ้าผมเรียนจบโท Geology ไป ผมสามารถเป็น Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer เหมือนพี่หรือเปล่าครับ (เพราะเวลาสมัครผมคงใช้ master of science ไม่ได้ใช้ Bachelor of Eng. แล้วแบบนี้จะเป็น Engineer ได้หรือไม่ครับ)

3. ผมคงได้เริ่มเรียนตอนเทอม 2 ตรับ ดังนั้นช่วงเทอม 1 ผมคิดว่าจะเรียนภาษาอังกฤษ และหาเรียนภาษาที่ 3 ตามที่พี่แนะนำ ตอนแรกผมอยากเรียนภาษาอาหรับครับ แต่พอคิดอีกที แหล่งน้ำมันที่ตะวันออกกลาง ส่วนมากจะเป็น onshore ซึ่งคงจะถูกสำรวจไปมากแล้ว ผมเลยคิดว่าจะเรียนภาษาสเปน เพราะแถบละตินอเมริกา แถวๆเม็กซิโก หรือ เวเน น่าจะยังมีแหล่ง offshore ที่รอสำรวจอีกมาก ผมอยากให้พี่ช่วยแนะนำตรงส่วนนี้หน่อยครับ (แต่อย่างไรก็ดีผมไม่ทราบว่าทางศูนย์ภาษาที่โน่นจะเปิดสอนภาษาเหล่านี้หรือเปล่า)

สรุปคือ ตอนนี้ผมน่าจะได้ไปเรียน Geology ที่ ม.เชียงใหม่ แน่นอนแล้วครับ เพราะอาจารย์บอกให้ไปคุยเกี่ยวกับเรื่องคอร์สเรียนแล้ว เท่าที่โทรคุยกัน อาจารย์เค้าก็แนะนำดีครับ ซึ่งผมคงขึ้นไปพุธนี้ ยังไงตอนนี้โอกาสมาหาผมแล้วครับ ผมจะไม่ทิ้งมันไปแน่ อย่างที่พี่บอกนั่นแหละครับ no pain no gain คงต้องเหนื่อยกันหน่อยล่ะ

ขอบคุณมากครับพี่สำหรับคำแนะนำดีๆมาโดยตลอด


ก่อนอื่นขอบใจมากสำหรับ กำลังใจที่ให้กันมาทางอีเมล์เรื่องยัยเฟิร์นของผม ที่ผมไม่ได้เอามาโพสต์ไว้ เพราะท่าทางมันจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อนี้ท่าไร ... ขอบคุณครับ

แล้วก็ขอบใจสำหรับข้อมูล update หลักสูตร ของม.เชียงใหม่ กับ จุฬา ผมขออนุญาติเปิดเผยชื่อม.และชื่อหลักสูตรเพื่อเป็นวิทยาทานกับท่านอื่นๆที่อ่านมาเจอด้วย ถือว่าช่วยๆกันตอบ(ทำมาหากิน)นะ อิอิ ถ้าหลายๆท่านอ่านมาจเอคำถามต่างๆจะเห็นได้ว่าแต่ล่ะท่านที่ถามมีแววรุ่ง และ ความานะพยายามที่แตกต่างกันไปหลายๆระดับซึ่งก็จะไปสัมพันธ์กับระดับของการประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานด้วย

เอาล่ะตอบคำถามคุณซะที อารัมภบทมายาวแล้ว ...

1. HR vs. Geology กับ Petroleum Geoscience - คืองี้ครับ HR ในวงการค่อนข้างรู้มากนิดนึง เขาทราบครับว่า ดีกรีอะไรเรียนเน้นมาทางไหน เขาสอบถามไปที่ลูกค้าเขา ซึ่งก็คือแผนกต่างๆว่า ไอ้ดีกรีนี้มันเรียนอะไรมา ผมว่าป่านนี้คุณคงทราบแล้วว่า ไอ้ Geology กับ Petroleum Geoscience มันเรียนต่างกันไง แต่ก็จะขอบอกให้ไว้กับท่านที่ยังไม่ทราบว่า Geology มันกว้างกว่า เหมือนคุณเรียนวิศวไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งจะกว้างกว่า วิศวกรไฟฟ้าสื่อสาร ไฟฟ้ากำลัง เป็นต้น ที่คุณได้เรียน M Geo นั่น ประเสริฐแล้วครับ รุ่นพี่รุ่นน้อง Geo มช.เดินชนกันให้เพียบ ส่วนจะไปเฉพาะทางอะไรนั่นค่อยมาว่ากันตอนทำงานก็ได้ครับ หรือ มาต่อ short course ให้บ. sponsor ทีหลังก็ได้

2. วิศวไฟฟ้ากำลัง vs. drilling engineer ประสบการณ์ล้วนๆครับ ครูพักลักจำ เรียนตามหลักสูตรเสริมที่บ.นายจ้างแต่ล่ะช่วงการทำงานส่งไปเรียน สัปดาห์นึงบ้าง เดือนนึงบ้าง ต่างกรรมต่างวาระ ไม่มีวาสนาได้เรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เรียนรู้ด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ อ่านตำรานอกเวลา ทุกวันนี้ผมปาไปหลักสี่แล้ว ผมยังต้องเอาตำราที่น้องๆปี1 ปี2 ปี3 วิศวปิโตรมาอ่านประกอบการทำงานอยู่บ่อยๆ ไม่งั้นทำงานไม่ได้เหมือนกัน เราต้องไม่หยุดเรียนรู้ครับ

จบโท Geology ไป ผมสามารถเป็น Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer - ได้แน่นอนครับ แต่คุณต้องทำงานในสายงานที่คุณจบไปก่อนสักพัก อาจจะ 2-3 ปีแล้วแต่บ. จากนั้นคุณจะย้ายข้ามไปทำงาน Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer ก็ได้ เพราะป่านนั้นคุณก็รู้แล้วว่างานสองงานนี่มันทำกันอย่างไร ผมกลัวแต่ว่า พอคุณได้เป็น Geologist แล้วคุณจะเมิน Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer น่ะ เพราะว่า งาน Geologist มันก้าวหน้าในบ. E&P ได้ดีกว่า เพราะมันเป็นหัวใจของบ. บ.จะรอดจะเจ๊งก็คนชี้เป้านี่แหละ แต่ไม่ได้แปลว่างานอื่นไม่สำคัญมัน สำคัญหมดเหมือนที่ผมเน้นบ่อยๆ แต่ความนักธรณีเป็นต้นน้ำครับ ถ้าชี้เป้าผิดแล้ว หลุมแห้งแน่นอน (โดนด่าคนแรก) แต่ถ้าชี้เป้าถูก ไอ้กระบวนการที่ตามมามันเฮงซวยกันก็เจ๊งอีก แต่มันมาเจ๊งทีหลังนักธรณี(ที่ถ้าจะเจ๊ง)ไงครับ พอเห็นภาพไหม เป็นนักธรณีในบ. E&P เท่ห์ออก อิอิ อีกอย่างนะ ถ้าคุณเป็นนักธรณีคุณจะมาเป็น Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer นั่นนะ ไม่ถึงกับง่าย แต่เป็นไปได้มากพอควร แต่กลับกันคือ Resevoir Engineer หรือ Drilling Engineer จะไปทำงานนักธรณี หุหุ mission impossible ยกเว้นจะลาออกไปเรียนมาใหม่นั่นแหละ ... เห็นภาพหรือยังว่าที่คุณได้เรียน M Geo น่ะ ดีแค่ไหนแล้ว ผมดีใจด้วยจริงๆ (ถ้าผมย้อนเวลาได้ ผมก็อยากไปเรียนมาใหม่เป็นนักธรณี) ที่เหลือคือความอึด ความพยายามทำเกรดให้ดีๆ อย่าท้อไปก่อนก็แล้วกัน อีก 2 ปีเจอกันในสนาม ... คุณอาจจะมาเป็นหน.ผมก็ได้ ใครจะรู้

3. ภาษา - เอาภาษาอังกฤษให้ โทอิคสัก 800+ ซะก่อน ส่วนภาษาที่ 3 ผมแนะนำแปลกไปนะ สเปนผมก็เห็นด้วย แต่ผมอยากให้คุณเรียนจีนกลางดีกว่า คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ จีนบุกหนักมากๆ ไปทุกที่เลย จีนมีบ. E&P ที่เงินหนาที่สุด พร้อมจะกวาดซื้อบ.ฝรั่งหัวขาวได้หมดทั้งโลก หมายความว่าถ้าไม่ติดเหตุผลทางการเมืองนะ มันซื้อได้เรียบ จีนมีบ.ผลิตแท่นเจาะมากองเป็นสต๊อกไว้ให้เลือกช๊อปแบบโลตัส บิ๊กซี แบบที่ฝรั่งไม่กล้า เหมือนบ้านสร้างเสร็จก่อนขายน่ะ ต้องเงินหนาและชัวร์จริงถึงกล้าทำ ฝรั่วหัวขาวไม่กล้าทำแบบนี้ครับ ส่วนอาหรับ ผมไม่แนะนำ เพราะแคบไปหน่อย พวกอาหรับพูดอังกฤษได้หมดแล้วครับ จีนนี่แหละ อนาคต ผมยังจะให้ลูกผมเรียนภาษาจีนกลางเลย ผมเองก็เคยเรียน 2 คอร์ส (คอร์สกันหลงทางกับกันอดตาย) ตอนต้องไปประจำที่ตอนกลางของประเทศจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องที่เรียนครับ รร.สอนภาษาจีนเปิดทุกสี่แยกในเชียงใหม่ จีบหมวยสักคนซิครับ เป็นเร็ว (นะจะบอกให้ เอิ๊กๆ)

ดีใจด้วยนะครับ ทำให้ดีที่สุดเลยนะ วันหนึ่งข้างหน้าคุณจะได้เป็นอย่างที่คุณฝันไว้ อย่าให้มันหลุดไปอีกรอบสอง ถ้าคุณเห็นคนหลงทางเรื่องนี้ก็ช่วยๆกันชี้แนะเขาด้วย เหมือนที่ผมชี้แนะพวกคุณนั่นแหละ ถือว่าช่วยชาติได้อย่างนึงเลยเชียวล่ะ (ตามอัตภาพน่ะ)

ขออนุญาตินำมาตอบในวงกว้างและยาวนิดนึง เพราะอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดี ถึงความพยายามล่าฝัน ยอมถอยเพื่อที่จะก้าวไปในทางที่ตั้งเป้า การทำการบ้านหาความรู้ และเพื่อจะได้เป็นกำลังใจกับอีกหลายๆคนที่หัวใจไม่เคยแพ้



.... A journey of ten thousand miles begins with one step นะครับ



ช่วงนี้งานรัดพุง เอ๊ย รัดตัวหน่อยนะครับ รับรองว่าตอบแน่ๆครับ ทุกคำถามครับ แต่ แฮ่ๆ ใช้เวลานิดนึง นี้ก็ตอบไป 4 ท่านรวดทางบล๊อก อีก 2 ไปทางอีเมล์เพราะมีข้อมูลส่วนตัวของท่านที่ถามมาเยอะไปหน่อย เปิดเผยไม่ได้ ผมมันประเภทตอบสั้นๆไม่เป็นเสียด้วย ไงก็รอๆใจเย็นๆกันหน่อยนะครับ

... จะตีหนึ่ง วันที่ 5 พ.ค. ... ราตรีสวัสดิ์



ผมที่เคยเป็นเด็กทุน ยูโนแคล นะครับ
คือ ตอนนี้ กำลัง ลังเลว่าจะเรียนต่อด้านไหน นะครับ ระหว่างสาม เมเจอร์นี้
(1) Geoexploration and Petroleum Geoengineering
(2) Offshore Structural Design and Construction
(3) Offshore Operation and Management


(1) Geoexploration and Petroleum Geoengineering - เรียนด้าน subsurface การก่อสร้างหลุม จิปาถะเกี่ยวกับหลุม ไอ้ที่มันอยู่ใต้ดินทั้งหมด เป็นความรู้เฉพาะมากๆ มีความต้องการตลาดเยอะ หาคนที่จบสาขาทดแทนไม่ค่อยได้ ในขระเดียวกันแปลว่า ออกไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้เช่นกัน

(2) Offshore Structural Design and Construction - เรียนเกี่ยวกับสร้างอะไรๆที่มันอยู่กลางทะเล และบนผิวทะเล บนผิวใต้ท้องทะเล แต่จะไม่ลงไปใต้พื้นทะเล สร้างมันหมดทั้งแบบที่มันลอยได้ หรือ ลอยไม่ได้ คือมีขาตั้ง งานเฉพาะเหมือนกัน แต่ก็พอหาคนจบสาขาอื่นมาแทนพอไหว ถ้าไม่มีงานในวงการก็พอออกไปแถๆทำอย่างอื่นก็พอได้

(3) Offshore Operation and Management - อันนี้ออกแนวๆ MBA ครับ ไม่ค่อยเทคนิคเท่าไร มีความรู้เฉพาะทางหน่อยๆแต่ก็ถูๆไถๆเอา MBA ธรรมดาๆมาทำแทนพอได้

ผมฟันธงไม่ได้หรอกครับ ขึ้นกับว่าคุณอยากจะทำงานอะไรส่วนไหน ดีไม่ดีต่างกัน ถ้าอยากเป็นด้านเทคนิคการเจาะสำรวจและผลิตโดยตรงก็ไปอันแรกเลย Geoexploration and Petroleum Geoengineering แต่ถ้าชอบออกแบบก่อนสร้างๆก็มาอันสอง Offshore Structural Design and Construction ถ้าชอบบริหารจัดการก็อันหลังสุด พวก 1 กะ 2 จะลุยๆหน่อย ต้องออกไปหน้างาน แต่อันหลังสุด 3 นี้ออกแนวๆนั่งโต๊ะครับ

หวังว่าคงได้แนวทางมั่งนะครับ



ขอบคุณมากๆแลยคับพี่ ผมสนใจอันแรกสุดคับ แต่มีอีกอันนึงน่าสนใจ ชื่อว่า subsurface engineering พอจะบอกได้ไหมคับว่ามันต่างกับอันแรกอย่างไร เพราะ ผมดูวิชาที่เค้าเรียน มันเหมือนกันเกือบหมด

เดี๋ยวนี้หลักสูตรเลียนแบบมันออกมาเยอะ ตั้งชื่อคล้ายๆกัน subsurface engineering มันก็ประมาณขุดหลุมวางท่อนั่นแหละ แต่มันไม่ได้จำกัดอยู่ในวงการฯอุตสาหกรรมสำรวจผลิอปิโตรฯ มันดันไปรวมพวกสร้างเขื่อน ขุดอุโมงค์ อะไรๆเทือกๆนั้นไปด้วย เพราะมันก็ ก่อสร้างใต้ดินเหมือนกันนี่ อีกทั้ง มันไม่ได้เรียน หรือ เรียนน้อย เกี่ยวกับ GEO กับ Petroleum

มันจึงไม่แปลกที่จะมีเนื้อหาวิชาคล้ายๆกัน เหมือน MBA นั้นแหละ ตอนหลังมีลูกหลานแตกลายออกมา 108 1009 จนพวกเราสับสนกันไปหมด MMA MIS CIS ITS นับไม่ไหว ทาง IT เองก็โดนนักการตลาดทางวิชาการเอาหลักสูตรไปแปลงโฉมซะ แล้วโฆษณากันจนเพี้ยน ว่าเน้นตรงนั้นตรงนี้เป็นพิเศษ จะว่าไปก็ไม่แปลก ขนาด GEO เองก็แตกลายไปเป็นสิบๆสาขาย่อย จะว่าสาขาย่อยไม่ดี มันก็ไม่ถูก แต่มันเฉพาะเจาะจงมากกว่าเท่านั้นเอง

ผมว่าคุณเรียนอันแรกเหอะ ตรงกับที่คุณต้องการที่สุดแล้ว ... โชคดีนะครับ



ผมน้องxxxเองนะครับ คิดว่าพี่นกอาจจะพอจำได้ มาก่อกวนพี่นกบ่อย ๆ อิอิ...วันนี้ผมจะมาบอกว่าค่อนข้างเสียใจมากอยู่ทีเดียวครับ ผลการไปดูงานที่สงขลาของผมไม่ผ่านน่ะครับ ทำเอาผมอึ้งกิมกี่ไปเลยครับพี่ คือเค้าบอกว่าผม first impression ไม่ค่อยดี มี feed back จาก manager ที่สงขลาบอกว่าผมดู nervous น่ะครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมอาจจะตื่นเต้นเล็กน้อยตอนคุยกับ manager ที่สงขลานิดหน่อยครับแต่ก็ไม่คิดว่าจะส่งผลมากขนาดนี้ ผมไปไม่เป็นเลยครับพี่ เพราะจริงแล้วผมก็รู้สึกผ่อนคลายกับการไปทริปนี้มากนะครับ ส่วนใหญ่ก็อยู่กับแต่พี่ ๆ วิศวกร ก็เฮฮากันเรื่อย ๆ นะครับ ตอนเย็น ๆ ยังไปเล่นแบดกันอยู่เลย ไม่ค่อยจะได้ใช้เวลากับ manager เค้าสักเท่าไหร่น่ะครับ ผมก็อธิบายเค้าไปอย่างนี้ครับ แล้วเค้าก็เลยถามว่าผมอยู่กับใครบ้าง ผมก็เอ่ยชื่อไป 2-3 คนน่ะครับ คนพิจารณาผมเค้าก็บอกว่าเค้ารู้จักดีครับ ไว้เค้าจะลองไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แล้วถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จริง ๆ จะติดต่อกลับไปครับ ผมอึ้ง ๆ ครับไปไม่ถูกเลยครับพี่ นี่ผมทำอะไรพลาดรุนแรงรึเปล่าครับเนี่ย เห็นพี่นกบอกว่าโอกาสได้แทบจะ 99 % รู้สึกแย่กับตัวเองพอสมควรครับพี่ เพราะเท่าที่รู้ก็คือเพื่อน ๆ ก็ได้กันหมดเลยครับพี่ พี่นกมองว่ายังไงบ้างครับ มีคำแนะนำยังไงบ้างรึเปล่าครับผม...So sad ครับ

งั้นผมคงเป็นเป็นหมดดูแข่งกับ หมอลักษณ์ หมอกฤษณ์ ไม่ได้แฮะ ... แสดงว่าเขามีตัวเลือกเยอะพอควร แบบรับมาเป็นเข่ง วงการนี้มันสวยเลือกได้ แต่วุฒิและดีกรีคุณก็สวยเลือกได้เหมือนกัน ไม่ต้องเสียใจเสียดายไปหรอกครับ ไม่ได้บอกว่าให้เป็นแบบองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวานแต่จะบอกให้ยอมรับว่ามีบางอย่างที่อยู่เหนือความพยายามของมนุษย์อย่างเราๆ บางอย่างที่ถูกกำหนดไว้บ้างเป็นบางส่วน (ย้ำว่าบ้างเป็นบางส่วน) นะครับ ที่สำคัญเรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้จะเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น คนที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่เคยพลาดหรือผิดหวังเลยนั้นจะอ่อนแอครับ อย่างน้อยคุณก็โดนฉีดวัคซีนไปแล้วเข็มนึง อาจจะไข้ขึ้น ปวดเนื้อปวดตัวบ้าง แต่ก็ไม่ตายนี่นา พักผ่อนสักพักแล้ว ตั้งเข็มกันใหม่ มีอีกหลายบ.ที่รับวิศวกรอย่างคุณ เข้าไปในเว็บที่ผมแนะนำเอาไว้ โทรฯติดต่อดู

//www.sk-hospital.com/skmessage/viewtopic.php?t=3948&sid=b35b4b6b5a51ca2a73f9069f00a8c9e7

ลองสมัครปตท.สผ.หรือยังครับ เห็นว่ารับอยู่หลายตำแหน่งงาน ไม่ทราบว่าปิดไปหรือยัง

ผมไม่ทราบจริงๆว่าเกิดความผิดพลาดอะไร เพราะผมก็ไม่ได้ไปอยู่ร่วมในการพิจารณา แต่บางครั้งก็แค่โชคร้าย คือไม่ขึ้นกับความสามารถ หรือการประเมิน เช่นเขามีงบจ้างไว้แค่ 8 คน แต่เอามาทดสอบ 9 คน ดังนั้น ถึงผ่านการประเมินหมด แต่รับได้ไม่หมด แล้วจะเอาใครออก กรณีคุณอาจจะเป็นจับไม้สั้นไม้ยาวเอาก็ได้ ผมถึงว่าอย่าไปเสียใจเลยครับ พักก่อน แล้วก้าวต่อไปใหม่ ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าหัวใจไม่แพ้ในวันนี้ วันหน้าเราจะชนะ เชื่อผมซิครับ

ขอให้โชคดีนะครับ



สวัสดีครับ พี่ ผมจบจาก xxx ภาค xxx เหมือนกันครับ ตอนนี้ผมได้รับการตอบรับให้เข้าเรียน AIT , Offshore Technology and Management , แล้วอะครับ พี่ครับคือตัวผมสนใจทางด้าน field explorarion มากกว่า . แต่ course ของ AIT มันจะมีแยกย่อยไปอีก 3 ย่อย อะครับ คือ

1. subsurface Eng. (Geo. & Petroleum Eng. )
2. Offshore Structure
3. Oil & Gas Management

คือผมไม่แน่ใจว่าจะเรียนได้รึเปล่าอะคับ ผมไม่ได้จบมาทางด้านนี้เลย สำหรับ Background ของผมนะครับ
xxxx , Bachelor of Engineeing (Second Class Honors ) ,Electrical Eng. GPA = 3.27 ครับ
TOEIC = 780


ถ้ามุ่งไปที่ field exploration ก็ไปทาง subsurface นั่นถูกแล้วครับ ส่วนจะเรียนได้ไหม ผมว่าไม่น่าเป็นปัญหา เรียนได้แน่นอนครับ ไม่ได้ยากเย็นอะไร ผมก็จบ power ครูพักลักจำก็ยังมีวันนี้ได้ คุณมีโอกาสดีกว่าผมเยอะ ตั้งใจเรียนก็แล้วกันครับ โชคดีนะครับ



ก่อนหน้านี้พ่อของแฟนผมเข้ามาแนะนำว่า เขามีคนที่ทำงานที่ บริษัท xxxx อ่ะครับ แล้วเข้าไปทำงานที่นั้นเลยติดต่อจะฝากผมเข้าไป คือต้องเรียนตรง ๆ เลยน่ะครับว่า ผมไม่ได้จบวิศวะ หรือ ช่างกลอะไรเลย ตอนแรกผมมองว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องไกลตัว เพราะผมจบบริหารการจัดการมา เห็นมั้ยครับ ไม่เกี่ยวกันเลย เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยวเพราะตอนที่เขาเข้าไปทำเขาก็ ไม่เป็นอะไรเลยเหมือนกัน. เพราะตอนที่เขาเข้าไปเขามีคนรู้จักในนั้นแล้วเขาฝากเข้าไปได้ ผมถามเขาว่าแล้วเขาไปต้องทำอะไรบ้างเขาบอกว่าตอนแรก ๆ เข้าไปก้เข้าไปทาสีก่อนเหมือน ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้งานไป ตอนนี้เขาทำตำแหน่ง Water Man เกี่ยวกับการดูดน้ำเค็มมาเป็นน้ำจืด อ่ะครับ ทำมาปีกว่า ๆ แล้ว เงินเดือน ประมาณ xxxx ครับ แต่เขาบอกว่าส่วนมากคนข้างในนั้น เขาจะเอาแต่พวกพ้องญาติพี่น้องเข้าไปทำกัน คนนอกที่ walk in เข้ามาสมัครจะมีน้อยครับ อันไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหน เข้าบอกว่าการเข้าไปต้องมีค่าใช้จ่ายให้คนข้างในเดินเรื่องให้อ่ะ ครับ ประมาณ xxxxx ครับ คือเรื่องเงินผมไม่มีปัญหาน่ะครับ แต่อยากทราบว่า คนบนนั้นเข้าทำงาน กันแบบไหนครับ อาจจะเป็นคำถามเดิม ๆ พี่อาจจะเบื่อที่จะตอบหน่อยครับเพราะคงมีคนมาถาม พี่เยอะเหมือนกัน

- เคยมีคนเข้าไปทำงานในลักษณะที่ผมเล่าให้พี่ฟังบ้างมั้ยครับ
- แล้ว บ.xxxx นี้โอมั้ยครับ การผ่านโปรนี้เขาทดสอบกันอย่างไรครับ
- การทำงานแบบนี้เข้ามีโบนัสรายปีให้มั้ยครับแล้วเรื่องภาษีนี้หักยังไง การจ่ายเงินเดือนนี้เขาจ่ายเป็นรายวันหรอครับ
- ภาษาผมก็ได้นิดหน่อย อยู่ในระดับปานกลางคิดว่าน่าจะโอมั้ยครับ และต้องโชว์ผลงานนี้ต้องโชว์ยังไงหรอครับ
- อยากให้ลองยกตัวอย่างถึงอุปสรรคในการทำงานบางอย่างบนนั้นให้ฟังหน่อยครับ ว่ามีอะไรบ้างและควรแแก้ปัญหาอย่างไร


บริษัทที่คุณกล่าวถึงนั่นคือ rig company ตามไปอ่านรายละเอียดของบ.ประเภทนี้ได้ที่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=18-09-2008&group=5&gblog=20 ลักษณะเด่นของบ.กลุ่มนี้คือให้เช่าแท่น จะจ้างพนักงานประจำที่เป็นวิศวกร โดยมากเป็นฝรั่ง ส่วนพนักงานไร้ทักษะ หรือ กึ่งไร้ทักษะจะให้ตัวแทนนายหน้าในท้องที่ประเทศที่ได้งานเป็นคนหาให้ โดยจ่ายให้บ.นายหน้าเป็นรายวันรายคนไป ซึ่งบ.นายหน้าก็จะเอามาจ่ายให้คนงานอีกทอด ซึ่งแน่นอนว่า บ.นายหน้ากินหัวคิวบานตะเกียง แต่บ.พวกนี้ก็ถือว่าคุ้มเพราะไม่ต้องมามีพันธะระยะยาวจ้างคนงานกลุ่มนี้เป็นพนักงานประจำ ซึ่งจะมีผลพวงยุ่งยากตามมา โดยเฉพาะทางกฏหมาย เวลาเลิกจ้าง เพราะบ.พวกนี้ได้งานเป็นปีๆไป หมดงาน อาจจะไม่มีใครมาเช่าแท่นต่อ แล้วคนงานกึ่งไร้ทักษะกับไร้ทักษะล่ะ จะเอาไปไว้ไหน ใช้บ.นายหน้าดีกว่า ส่วนบ.นายหน้า พอบ.แท่นนี้ไม่มีงานต่อ ลากออกนอกประเทศ ก็เอาคนงานในมือไปเสนอขายให้กับบ.แท่นรายใหม่ที่เข้ามาในอ่าว ... พอเห็นภาพหรือยัง

เอาล่ะ ผมค่อนข้างฟันธงไปได้เลยว่างานที่คุณพูดถึง ผ่านนายหน้าแน่นอน คุณไม่ได้เป็นลูกจ้างของบ.แท่น ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะคุณต้องไปเริ่มใหม่จากศูนย์อยู่แล้ว ส่วนค่าน้ำร้อนน้ำชา ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติของอุปสงค์อุปทาน คืองานที่ไม่ต้องการประสบการณ์นักใครๆก็ทำได้ อาศัยขยันอดทนเข้าว่า คนก็แห่มาสมัครกันเยอะ นายหน้าก็เรียกเงินเอา เหมือนกับคุณจะไปทำงานไต้หวัน อิสราเอล อะไรแบบนี้ แต่ถ้างานที่บ.แท่นบอกว่าต้องใช้คนมีประสบการณ์ อย่าง sinior pump man / store man / Assistant driller / junior mechanic/ คนขับเครน อะไรพวกนี้ ก็จะหายากหน่อย ตำแหน่งแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียค่าน้ำชา ตำแหน่งช่างทาสีอยู่ในกลุ่มแรกครับ ใครๆก็ทำได้ เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้ทาสีอย่างเดียวหรอกครับ ทำมันทุกอย่างแหละ ซึ่งผมเห็นว่าอย่าไปดูว่าต่ำต้อย อดทนสู้เข้าไว้ เรียนรู้ให้มากๆแล้วคุณจะมีประสบการณ์เอง สักพักใหญ่ๆ อาจจะ 5-7 ปี ขึ้นกับจังหวะและความใส่ใจของคุณ คุณก็เข้าขั้นสวยเลือกได้ขึ้นมานิดหน่อย

- เคยมีคนเข้าไปทำงานในลักษณะที่ผมเล่าให้พี่ฟังบ้างมั้ยครับ / เยอะแยะครับ เกือบ 100% เลยก็เป็นไดไสำหรับงานกึ่งไร้ทักษะหรือไร้ทักษะ

- แล้ว บ.xxxx นี้โอมั้ยครับ การผ่านโปรนี้เขาทดสอบกันอย่างไรครับ / ตัวบ.แท่นน่ะโอครับ มีงานต่อเนื่องในอ่าวเยอะอยู่ และก็ไม่มีวี่แววว่าจะหมดงานง่ายๆเท่าไร ส่วนบ.นายหน้าที่คุณจะไปสังกัดอยู่ด้วย ผมไม่ทราบครับว่าโอไหม เพราะคุณไม่ได้บอกว่าว่าเป็นบ.อะไร ถ้าเป็น Amarit หรือ OPS ผมก็ว่าโอเคนะครับ เขาอยู่ในค้าขาย(คน)ในวงการมานาน

- การทำงานแบบนี้เข้ามีโบนัสรายปีให้มั้ยครับแล้วเรื่องภาษีนี้หักยังไง การจ่ายเงินเดือนนี้เขาจ่ายเป็นรายวันหรอครับ / ไม่มีโบนัสครับ คุณรับเงินเดือนจากบ.นายหน้า คุณทำสัญญากับเขา ไม่เกี่ยวกับ บ.แท่นเลยครับ รายได้ก็มีเงินเดือนกับเบี้ยออกทะเลมังครับ เท่าที่ทราบ ภาษีก็หักณ.ที่จ่ายตามปกติที่บ.ไทย จ้างคนไทยนี่แหละ ผมไม่อยากให้คุณเอาเรื่องเงินมาพิจารณามาก เพราะคุณจบไม่ตรง ต้องเอาแรงกาย เอาความอึดเข้าแลกประสบการณ์ เหงื่อที่เสียไปคิดว่าแลกอนาคตก็แล้วกัน ผมเห็นคนที่เริ่มแบบคุณนี่แหละ หลายคนด้วย เมื่อ 15-20 ปีก่อน ตอนนี้คุณเชื่อไหม เขามาเป็นลูกจ้างรายวันคุมแท่นให้บ.น้ำมัน ได้วันล่ะ 1000-1500 เหรียญ วันล่ะนะครับ ภาษีไม่ต้องจ่ายด้วย บ.น้ำมันออกให้ เขาคุมแท่นได้แสดงว่าเขาต้องรู้ทุกอย่าง น๊อตทุกตัว ท่อทุกเส้น บนแท่น ไม่งั้นพวกฝรั่งขี้เป็ด(หรือไม่ก็พี่ไทยด้วยกันนี่แหละ)มันแหกตาเอาได้ เขาก็เริ่มจากแบกๆหามๆ ทาสี หยอดจารบี แบบที่คุณจะไปทำนี่แหละ

- ภาษาผมก็ได้นิดหน่อย อยู่ในระดับปานกลางคิดว่าน่าจะโอมั้ยครับ และต้องโชว์ผลงานนี้ต้องโชว์ยังไงหรอครับ / ภาษาก็ไปฝึกเอาหน้างาน หน้าด้านกล้าๆพูดกับฝรั่งเข้าไว้ มีหนังสือหัดพูดติดไปสักเล่มก็ดี ผมรู้สึกดีนะเวลาเห็นคนงานระดับล่างๆถือหนังสือมาอ่านมาหัดพูดกับฝรั่ง อย่างน้อยก็ทำให้คนรอบข้างเห็นว่าเป็นคนใฝ่รู้ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา คือมีเป้าและรักความก้าวหน้า ไม่ใช้แบกๆหามๆไปวันๆ ส่วนการโชว์ผลงานผมหมายถึงความขยันอดทนเรียนรู้ อาสาทำงานที่คนขาด ไม่ใช่ว่าเฮ้ย ไม่ใช่งานกูนี่หว่า กูไปนอน เพราะถ้าคุณได้ทำงานอื่นๆแปลกๆใหม่ๆ ถึงจะแบกๆหามๆ เปิดท่อ ปิดท่อ ล้างเกลียว เพียงแต่เปลี่ยนที่แบกที่หาม เปลี่ยนจุดท่อ เปลี่ยนเกลียวที่ล้าง คุณก็ได้รู้อะไรใหม่ๆแล้ว พอมีโอกาสพักก็ไถ่ถามพี่ๆหรือฝรั่งว่า ไอ้ที่แบกน่ะอะไร แบกไปใช้อะไร ท่อที่ปิดๆเปิดๆน่ะมันท่ออะไร ปิดๆเปิดๆไปทำไม หาสมุดเล็กๆเล่มนึง ปากกาด้ามนึงติดชุดหมีเอาไว้ตลอดเวลา กลัวลืมเวลาพักก็จดๆ วาดรูปลงไป ไอ้นี่เรียกว่าไอ้นั่น ไอ้นั่นต่อกับไอ้โน้นแล้วเอามาใช้กับไอ้นี่ รูปเป็นแบบนี้นะ อะไรแบบนี้ อย่าลืมว่า ไม่มีใครมาประเคนความรู้ให้เรา ผมเองลงไปใหม่ๆก็งงเป็นไก่ตาแตกเหมือนกัน ก็อาศัยถามๆพวกคนงานนี่แหละ บางคนแก่แล้วอยู่มานาน แต่ไม่ใส่ใจ รู้แต่งานตรงหน้า เด็กใหม่หลายคนที่รู้มากกว่าก็เยอะ คุณเองลงไปเรียกว่าเริ่มจากศูนย์เลยแหละ

- อยากให้ลองยกตัวอย่างถึงอุปสรรคในการทำงานบางอย่างบนนั้นให้ฟังหน่อยครับ ว่ามีอะไรบ้างและควรแก้ปัญหาอย่างไร / สำหรับงานที่คุณจะไปทำในช่วง 1-2 ปีนี้โดยเนื้องานแล้วไม่มีปัญหาทางเทคนิคอะไรให้คุณคิดแก้เท่าไร เพราะคุณแค่ทำตามที่เขาสั่ง ทำไม่ได้ก็บอกไปว่าทำไม่ได้เพราะอะไรติดขัดตรงไหน หน.คุณหรือ โฟร์แมนจะเป็นคนคิดแก้ปัญหาให้คุณเอง คุณก็จดๆจำๆเอาไว้ว่าเขาแก้แต่ล่ะปัญหายังไง แต่ปัญหาใหญ่กว่าที่คุณจะเจอคือเรื่องคน เราขยันเราทำดีก็อาจจะโดนเขม่น เล่นพรรคเล่นพวก คือทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย อ่อนน้อมถ่อมตนเอาไว้ให้มาก อ่อนนอกแข็งใน อย่าลืมว่าบนนั้นมันก็งานก่อสร้างดีๆนี่เอง มีกรรมกร 108 - 1009 มาจาก 100 พ่อ 1000 แม่ สารพัดภาค แต่ภาคใต้จะเยอะสุด

ถ้าคุณคิอว่าจะเดินทางนี้แล้วต้องเดินไปให้สุด ถ้าหันกลับกลางทาง อาจจะเสียเวลาฟรี เพราะประสบการณ์ที่คุณได้จากบนนั้นมันเอาไปใช้กับงานอื่นไม่ค่อยได้ คือมันเป็นงานเฉพาะน่ะครับ แต่สิ่งที่คุณได้แน่ๆคือน้ำอดน้ำทน ผมค่อนข้างเน้นเรื่องความขยันและอดทนมากเป็นพิเศษ เพราะถ้างานไร้ทักษะหรือกึ่งไร้ทักษะเนี่ยจะต้องใช้ความขยันและอดทนมากเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้งานอื่นๆไปให้มากที่สุด เพราะจุดประสงค์คุณ คุณไม่ได้คิดจะอยู่ทาสีไปตลอดชีวิตนี่นา



หลังจากคราวที่แล้วพี่ให้ข้อมูลมาอ่านแล้วสนุกดีเลยอยากทราบอีกนิดครับ ว่า...ที่พี่ทำงานนี้มีมุสลิมทำงานในนั้นเยอะมั้ยครับ คือผมเป็นมุสลิมอ่ะครับ แล้วอยากทราบที่บนนั้นเนี้ยเขาประกอบศาสนกิจกันอย่างไรครับ แล้วเวลาเขาซักชุดหมีเขาซักทุกวันรึปล่าวครับผมไม่แจว่าเขาจะให้ชุดหมีเรากี่ตัว ครับ..ตอนนี้ผมอ่านข้อมูลต่างใน Blog พี่เกือบหมดแล้วครับเฉพาะเรื่องที่ทำงานบนแท่นน่ะครับ เรื่องอื่นจะค่อย ๆ อ่านไปครับ รวมทั้งอยากทราบด้วยว่าตอนที่พี่เขียนเรื่องการทดสอบการเอาตัวรอด จาก ฮ. ที่อยู่ในน้ำ ยากมั้ยครับพอดีว่ายน้ำไม่เป็นอ่ะครับ อิอิอิ เขาบังคับมั้ยครับว่าต้องว่ายเป็นกังวลเหมือนกันครับ

มีมุสลิมทำงานในนั้นเยอะมั้ยครับ - เพียบครับ เยอะไปหมด คนท้องที่ท้างน้าน

ประกอบศาสนกิจกันอย่างไรครับ - สบายมากครับ มีห้องหับ จัดสรรให้อย่างสะอาดและเป็นส่วนตัว เรื่องอาหารก็ไม่มีปัญหาครับ มีทำให้ทานทั้งมุสลิมและไม่มุสลิม ผมเองเบื่อๆหมูก็ไปแอบจกอาหารมุสลิมกินบ่อยไป

ซักชุดหมีเขาซักทุกวันรึปล่าวครับ - ให้ 2 ชุดครับ ซักทุกวัน ออกกะแล้วใส่ถุงที่เขาให้ไว้แล้ววางไว้หน้าห้อง ตื่นมาก็ซักใส่ถุงพับเรียบร้อย

การทดสอบการเอาตัวรอด จาก ฮ. ที่อยู่ในน้ำ - ไม่ยากหรอกครับ ตั้งสติให้ดีๆ มีครูฝึกอยู่ใต้น้ำคอยช่วยตลอด (ถ้ามีแววว่าไม่รอด เขาจะลากออกมาเอง ฮ่าๆ) ลองกลั้นหายใจดูซิว่ากลั้นได้กี่นาที ถ้ากลั้นได้ 30 วินาทีขึ้นไป สบายมาก คุณหนีรอดอยู่แล้ว เขาจะมีให้ฝึกเป็นขั้นๆจากง่ายไปยาก ง่ายคือคุณนั่งติดประตูคนเดียว เครื่องจมไม่ลึกและไม่ผลิก ยากขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงแบบที่คุณนั่งอยู่แถวในๆมีคน(หุ่น)ตายหรือ(เพื่อนร่วมฝึก)ไม่ตายกำลังชักแหง๊กๆอยู่ระหว่างคุณกับประตูสัก 2-3 คน แล้วเครื่องจมแบบผลิกคว่ำหัวทิ่ม แบบปลดเข็มขัดนิรภัยออกเมื่อไร หัวทิ่มหลังคาเมื่อนั้น มิหน่ำซ้ำบางหลักสูตรให้เอาผ้าผูกตาอีก แบบว่าสมมุติว่าถ้าน้ำขุ่นมาก มองไม่เห็นหรือมีอะไรเข้าตาทำให้มองไม่เห็น แต่ไม่ต้องกลัว เขาจะค่อยๆทะยอยสอนไปเป็นขั้นๆ กว่าจะไปถึงขั้นยากสุดก็ล่อน้ำเต็มพุงแหละ ฮ่าๆ เอ๊ย ก็มีตั้ง 5-6 ขั้น กระดืบๆไป เดี๋ยวก็ผ่าน อ้อ มีต้องลอยตัวในน้ำโดยไม่ต้องมีชูชีพด้วยนะ ต้องลอยเองให้ได้ 5 นาที จะลอยยังไงท่าไหน จะหงายคว่ำตะแคง ลูกหมาลูกแมวตกน้ำ หรือจะว่ายก็ได้ ขอให้ 5 นาทีไม่จม ถือว่าผ่าน ถ้ายังไม่ได้ ไปหัดซะ ตรงนี้ไม่มีตัวช่วย แล้วก็ต้องโดดลงน้ำเอง (คือไม่ต้องให้ถีบลง) ลงแบบตั้งๆเอาขาลงแบบแท่งดินสอ (เดี๋ยวเขาจะสอนเองว่าลงแบบไหนแล้วไข่ไม่กระจาย ฮ่าๆ) จากความสูงผมจำไม่ได้ว่า 5 หรือ 7 เมตร อันนี้ก็ไม่มีตัวช่วย ว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องลอยตัวให้ได้ 5 นาทีอย่างที่ว่าไว้



ขอบคุณมากครับที่สละเวลาตอบกระทู้ผม ผมได้ข้อมูลขึ้นมาเยอะเลยครับถึงแม้ตอนนี้ผมยังไม่ได้ไปสมัครแต่ผมหวังว่าสักวันข้อมูลที่ผมเก็บเกี่ยวเอาไว้คงจะช่วยผมได้ไม่มากก็น้อย ตอนนี้ไม่ทราบว่าหากผมต้องการฝึกอบรมก่อนจะได้ไม่ครับเพราะผมอยากได้ใบประกาศทำงานบนแท่นขุนเจาะเพื่อเบิกทางในการไปสมัครงาน

"ใบประกาศทำงานบนแท่นขุนเจาะ" - ผมไม่เคยได้ยินว่ามีใบประกาศอะไรแบบนี้ที่ไหนนะครับ มีก็แต่ใบผ่านการอบรมการหนีจากฮ.ตกน้ำ (HUET Helicoptor underwater escape training) กับ การเอาตัวรอดในทะเล (Sea survival) ซึ่งคนที่จะไปทำงานบนแท่นต้องผ่าน มีหน่วยงานจัดอบรมให้ รู้สึกว่าจะมีบอกสถานที่ติดต่อไว้แล้วในคำคามบนๆนั่นแหละ 30000บ/หลักสูตร 3 วัน มังครับ โดยมากแล้วพอได้งานบ.ที่เขาจ้างเราเขาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้เอง แต่ถ้าเป็นตำแหน่งงานที่ไร้ทักษะหรือกึ่งไร้ทักษะที่รับผ่านนายหน้า เขาคงให้เราออกค่าใช้จ่ายเองมัง ขนาดจะได้งานยังจะต้องเสียค่าน้ำชาเลย ให้บ.นายหน้าพวกนี้ แต่จะไปว่าเขาก็ไม่ได้เต็มปาก ก็กฏอุปสงค์อุปทานเราดีๆนี่เอง



มีน้องคนนึงเอา CV กับ transcript มาให้ดู บอกว่าอยากทำงานในสนาม ให้แนะนำว่าควรจะเริ่มยังไงผมเห็นว่าคำตอบและมุมมองของผมน่าจะมีประโยชน์กับท่านอื่นๆ เลยขอเอามาแปะไว้ที่นี่ด้วย

คุณอยู่ในกลุ่มที่ผมเรียกว่าสวยเลือกได้ ใจจริงแล้วผมอยากให้คุณเลือกเรียนต่อไปให้สุดทาง ให้จบ PhD ไปเลยเพราะความสามารถคุณทำได้ ถ้าจบแล้ว ถ้ายังรักงานทางด้านสำรวจและผลิตปิโตรฯ ก็กลับมาเป็นอ.หรือมาทำงานในส่วนอื่นๆในวงการฯที่ยังเป็นที่ต้องการอีกมากมาย เป็นฝ่ายบุ่นว่างั้นเหอะ พวกฝ่ายบู๊น่ะ มีคนทำเยอะแล้ว ในภาษาผมการเอาคนเก่งๆอย่างคุณมาทำงานสนามเรียกว่า "เสียของ" ผมเองก็ first class hon (ไฟฟ้า) เหมือนคุณแหละ ผมเองก็รู้สึกว่าเสียของ เพราะเพื่อนๆผมที่เกียรตินิยมเรียนต่อ PhD กันหมด ตอนนี้ทำงานที่มีประโยชน์กว่าประเทศชาติมากมายกว่าผมเยอะ เน้นว่าประโยชน์ต่อประเทศชาตินะครับ ไม่เกี่ยวกับเงินๆทองๆ คนเราถึงจุดหนึ่งแล้ว ต้องคิดตอบแทนคุณแผ่นดิน แต่ที่ผมมาทำงานโดยที่ไม่เรียนต่อ เพราะว่าผมขาดการแนะแนวทางที่ถูกต้อง คือตอนนั้นโลกทรรศน์แคบ ผมคิดว่าการเรียนต่อต้องมีทุนตัวเอง ไม่ก็ขอทุนให้ได้ พอผมขอทุนไม่ได้ บ้านไม่มีเงินส่งเรียน ผมไม่รู้ว่ามีอีกหลายวิธีที่เรียนต่อโดยใช้ทุนน้อยหรือไม่ใช้เลย สมัย 20 ปีก่อน การแนะแนวหรือข้อมูลพวกนี้น้อยมาก ทุนที่มีให้ก็จำกัด ไม่มีศูนย์ข้อมูล สมัยนี้มี Internet webboard ต่างๆมากมายให้หาความรู้ หาโอกาส สรุป คือผมก็เลยมาทำงาน พอจะกลับตัวไปเรียนต่อ สมองฝ่อซะแล้ว (ฮ่าๆ)

บ่นนอกเรื่องมาเยอะ แต่ถ้าคุณอยากทำงานจริงๆ สวยเลือกได้อย่างคุณ ผมว่าคุณไม่ต้องคิดมากเลย ส่ง CV ไปให้ทั่วทุกบ.ในวงการฯ เน้น บ.น้ำมันจะดีที่สุด เพราะมีโอกาสได้ทุนภายในไปเรียนต่อ คุณแค่ทำ CV ใหม่ (ของเก่าอ่านแล้ว มึนมากๆขอบอก) search web เลือกบ. ส่ง CV แล้วก็นั่งรอ อย่ามองข้ามพวก head hunter (บ.จัดหางาน) พวกนี้ช่วยได้เยอะ โดยเฉพาะ first class hon ขายได้อยู่แล้ว ส่ง CV ไปให้กลุ่มนี้ด้วย แต่คุณจะเจอคำถามเหมือนผมว่า เกรดดีทำไมไม่เรียนต่อ แล้วถ้าเขาจะไม่รับก็อีตรงที่กลัวมาทำกับเขาไม่ยืด คือทำงานรอหาที่เรียน คุณก็เตรียมคำตอบดีๆไว้ก็แล้วกัน

แล้วก็อีกอย่าง เนื่องจากคุณมีความสามารถดีในด้านการคิดคำนวนวิเคราะห์ ผมอยากให้คุณทำงานด้าน engineering (บุ้น) มากกว่า ด้าน operation - field (บู๊) เพราะจะได้ใช้ความสามารถคุณได้เต็มที่กว่า

อ้อ .. ตามไปอ่านเรื่อง CV กับ จม.ปะหน้า ใน FAQ#5 ในบล๊อกผมด้วยก็แล้วกัน จะได้เข้าใจที่ผมแก้ให้ไป ผมไม่มีเวลามาก แก้ให้คร่าวๆเท่านั้น (ขนาดคร่าวๆนะเนี่ย แดงเถือกไปหมด เห็นแล้วอย่าหมดกำลังใจ นั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งก็แล้วกัน ฮ่าๆ) ตามไปอ่านในบล๊อก จะได้เอาไปปรับปรุงเวอร์ชั่นหน้าให้ดีขึ้น กะว่าว่างๆพรุ่งนี้มะรืนนี้ค่อยเขียน (คือเห็น CV + ใบปะหน้าของคุณ + กับของหลายๆคน แล้วมันคันมือ รวบๆเขียนฉะมันซะทีเดียว หุๆ)

ตกลงผมตอบอะไรคุณได้เรื่องได้ราวมังป่ะเนี่ย โชคดีนะครับ



ตอนแรกว่าจะเอามาลงไว้ที่นี่ แต่ผมว่ามันจะยาว และไม่เกี่ยวกับ FAQ เท่าไร เอาว่าผมไปตั้งหน้าใหม่ล่ะกันนะครับ ตามไปอ่านกันได้ที่ -- CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด



สวัสดีคับพี่นก ผม xxx ที่พึ่งจบจากมหาวิทยาลัยอ่ะคับ ผมหายหน้าไปนานเลยตั้งแต่ถามข้อมูลเกี่ยวกับที่เค้าจะส่งไปทดสอบทักษะรอบสุดท้ายที่ workshop ของ xxx ที่สงขลาอ่ะคับ ผลออกมาก็ผ่านแล้วคับ ตอนนี้ได้ Offer Letter จากทางบริษัทแล้วคับ เห็นมีเขียนว่า Job Title : Assosiate field professional L and P (ขอรายละเอียดตำแหน่งนี้หน่อยนะคับพี่) ต่อไปก็เป็นการตรวจสุขภาพ และสุดท้ายก็ Sign Contract แต่เห็นว่าปีก่อนๆมีพวกที่ตรวจสุขภาพไม่ผ่านด้วยเหรอคับ?? เนื่องจากเป็นงานค่อนข้างลุย เค้าจะต้องตรวจอะไรมากเป็นพิเศษรึป่าวคับ (แอบหวั่นใจนิดๆ)?? แต่โดยส่วนตัวผมก็ออกกำลังบ่อยพอควรนะคับ เล่นฟิตเนส ว่ายน้ำ แต่อาจจะมีอาการโรคภูมิแพ้ ปวดหัว ตัวร้อน น้ำมูกไหล บ้างเล็กน้อย เลยอยากขอกำลังใจจากพี่นกหน่อยนะคับ กว่าจะได้ทำที่บริษัทนี้ ต้องลุ้นหลังขดหลังแข็งกันจนนาทีสุดท้ายเลยคับ อดทนรอมาตั้งแต่เดือนตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหวแล้ววว ในเมื่อกระบวนการมาถึงขั้นนี้แล้วจะมีอะไรผิดพลาดได้อีกมั้ยครับพี่??

ตั้งแต่ฟันธงน้องคนก่อน แล้วดันไปฟันผิดเลยไม่กล้าฟันธงแล้วคราวนี้ ฮ่าๆ ... ยังไงก็ดีใจด้วยนะครับที่ฝ่าฟันมาจนได้ บ.นี้เป็นบ.ที่ดีบ.หนึ่งในอุตสาหกรรมเรา ส่วนตำแหน่งนั้นไม่ว่าชื่อมันจะเขียนว่าไงมันก็ตำแหน่งวิศวกรฝึกงานนั่นแหละครับ วิศวกรจบใหม่ทุกคนก็เริ่มที่ตำแหน่งนี้ทั้งนั้น ผมก็เริ่มที่ตำแหน่งนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน กับบ.คู่แข่งของบ.ที่คุณกำลังจะไปทำด้วยนี่แหละ (อิอิ) ... ส่วนไอ้ L&P ผมไม่ทราบว่ามันย่อมาจากอะไร ถ้าเจอคนรู้จักแล้วจะลองถามเผื่อให้เป็นความรู้รอบพุง อย่างว่าแหละจะแปลว่าอะไรก็ช่างเหอะ มันก็วิศวกรฝึกงานนั่นแหละ ส่วนเรื่องตรวจสุขภาพ ถ้าคุณไม่เป็นอะไรมากมายก็น่าจะผ่านไม่มีปัญหา แต่ก็ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนคนนึ่งที่ผ่านเข้ารอบพานิชนาวีด้วยกันจนจบม.เมื่อ 24-25 ปีก่อน ไม่ผ่านตรวจร่างกาย เราเพื่อนๆกันก็งงๆว่า ทำไมว่ะ กูก็เห็นมึงปกติ ผลออกมาว่ากระดูกสันหลังข้อนึงมันผิดรูป ทำให้เวลาเดินจะโยกหน่อยๆและหลังจะเอียงไปนิดนึง พอพวกเรามาสังเกตุมันจริงๆ เออว่ะ จริงๆด้วย ตอนนี้มันจบ food science ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารให้กับบ.ไทยยักษ์เบิ้มเจ้านึงที่ไม่บอกก็รู้ว่าใคร นอกเรื่องมาเยอะ หวังว่าไม่น่ามีอะไรผิดพลาดเรื่องตรวจสุขภาพ เอากำลังใจไปเต็มๆ แต่เอาถุงผ้ามาใส่ไปเองนะ ไม่มีถุงพาสติกให้ ช่วยลดโลกร้อน (ตกลงกำลังใจหรือน้ำเต้าหู้) ผมลืมถามไปว่าส่วนงานไหนของบ.ที่คุณไปทำ บ.นี้มันมีหลายหน่วยงาน wireline, MWD/LWD, cementing หรือ Directional driller เอาเหอะ ส่วนไหนก็ช่าง ทำให้เต็มที่ก็แล้วกัน

ถ้าเหลือตรวจร่างกายอย่างเดียวคงไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแล้วครับ เตรียมตัวอดหลับอดนอนไว้ได้ ทำร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ไว้ โดนแดดโดนฝนอดหลับอดนอนจะได้ไม่ป่วยง่าย ออกทะเลไปก็เตรียมยาประจำตัวไปด้วย อย่างน้อยให้พอ 1 เดือน เพราะอะไรๆก็ไม่แน่ไม่นอน เด็กฝึกงานมันจะโดนให้อยู่ยาว แล้วก็ยาแก้เมาคลื่นก็เตรียมไปด้วย เพราะแท่นบางลำเป็นแบบลอยเท้งเต้ง เนื่องจากตอนนี้ผมไม่ได้ออกไปทะเลประจำแบบปีที่แล้ว คงไม่ได้เจอกัน เอาเป็นว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ขอให้โชคดี แล้วก็ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นวิทยาทานเมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่าก็เอื้อเฝื้อกันต่อๆไปนะครับ ... พี่นก



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:46:54 น.
Counter : 2227 Pageviews.  

FAQ #4

(ต่อมาจาก FAQ #3 นะครับ )

แล้ว career path ของตำแหน่ง Asset Integrity Supervisorเป็นอย่างไรครับ ทางบ.มีการพัฒนา competency ของพนักงานอย่างไรครับ คือผมไม่อยากย่ำอยู่กับที่นะครับ และพิจารณาแล้วJob weight ไม่น่าจะสูงมาก และคิดว่าตัวเองมีcompetencyที่ทำได้มากกว่านี้ อีกอย่างครับผมอาจจะถามอะไรตรงๆไปหน่อย Supervisorกับ Engineer นี่เค้าเปรียบเทียบกันอย่างไรครับ Job Weight ตำแหน่ง และ Chain of command.+

career path - ออกตัวก่อนครับว่า ไม่ทราบจริงๆว่า เส้นทางมันจะไปทางไหน แต่ดูจาก JD ที่ได้มา พอบอกได้อย่างว่า เป็นงานที่จับฉ่าย โดยมากงานจับฉ่ายมักจะไปไม่ได้ไกลในแนวดิ่งขององค์กร แต่จะไปได้กว้างและง่ายในแนวนอน คือ ทำๆไปแล้วหาช่องทางไปลงในจุดที่ชอบและก้าวหน้า เพราะงานแบบนี้ทำให้มีโอกาสได้สัมผัส หลายๆส่วนงานขององค์กร

บ.มีการพัฒนา competency ของพนักงานอย่างไร - ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย บ.นี้มีคู่มือการพัฒนาคนเป็นเล่มๆให้เฉพาะตำแหน่งหน้าที่ มีข้อกำหนดแน่นอนว่าตำแหน่งนี้ ต้องทำอะไรให้ได้ให้เป็นบ้างภายในเท่านั้นเท่านี้ปี แล้วต่อไปคุณจะไปเป็นอะไรทำอะไรที่ไหน ค่อนข้างเห็นอนาคตได้ชัดกว่าบ.อื่นในระนาบเดียวกัน คุณแค่ทำตาม หาทางพัฒนาตัวเองให้ได้ตามที่คู่มือเขากำหนดก็เหนื่อยแล้ว ข้อสำคัญคือถ้าทำไม่ได้เขาก็ถือว่า underperform ปีนั้นก็ชวดโบนัส ติดๆกันหลายปีก็อาจจะอยู่ลำบาก

Supervisor กับ Engineer นี่เค้าเปรียบเทียบกันอย่างไร Job Weight ตำแหน่ง และ Chain of command.+ - เฮ้อ ... พูดไงดีล่ะครับ มันเป็นคนล่ะมิติของงานน่ะครับ มันเทียบกันไม่ได้ คนชอบสับสนครับ คือ Supervisor เป็น หน้าที่ เป็นตำแหน่ง แต่ วิศวกร เป็นคุณสมบัติของคนๆนั้น ตำแหน่งงานที่มีคำสองคำนี้ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นชื่ออะไรก็ตามเป็นไปได้ทั้งสองทางคือ Sup เป็นลูกน้อง วิศวกร หรือ วิศวกร เป็นลูกน้อง Sup เพราะมีเยอะไปที่ Sup ไม่มีวุฒิ เป็น วิศวกร และ วิศวกรที่ไม่ได้ทำงาน Sup ... คือ Sup เป็นคนคุมงานน่ะครับ แล้วเขาก็มีลูกน้องเป็น วิศวกรเกลื่อนไปก็มีครับ ในขณะเดียวกัน Sup ก็ต้องทำตามโปรแกรมงานที่เขียนด้วยวิศกรอีกที ซึ่งวิศวกรคนที่เขียนโปรแกรมงานก็มีหัวหน้าที่มีตำแหน่งเป็น Sup .... มั่วไปหมด ... แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดังนั้นไม่อยากให้ไปยึดติดกับชื่อตำแหน่งครับ วงการอื่นอาจจะมีคำนิยาม จำกัดความที่แยกกันชัดเจนระหว่างชื่อสองชื่อนี้ แต่วงการฯเราไม่มีแน่นอนครับ เน้นกันที่ "ลักษณะงาน" มากกว่าครับ ดังนั้น ถ้ามันมั่วอย่างนี้ เรื่อง Job weight - ตำแหน่ง - Chain of command ก็ไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่มีนิยามที่ชัดเจนลงไปหรอกครับ

ข้อดีของตำแหน่งงานนี้คือ คุณจะได้รู้จักคนและงานอย่างกว้างขวาง เกมาะกับการหาช่องทางเติบโตในอนาคต
ข้อด้อยคือ งานมันจับฉ่าย ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน ต้องขอความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย คุณจะรู้สึกว่าตกลงคุณทำอะไรกันแน่



โบนัสประเมินตาม performance แล้วจะจ่ายเป็นก้อนเงินใน range ที่เท่ากันทุกตำแหน่ง หรือ เป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนครับ เปอร์เซ็นต์ขึ้นเงินเดือนขึ้นจากเงินเดือนเลย หรือขึ้นจากกระบอกครับ การRotation ในบริษัทยากไหมครับ

เท่าที่ผมทราบ บ.นี้จะจ่ายโบนัส และ ขึ้นเงินเดือนเป็น % ของเงินเดือนของคนๆนั้นโดยตรงเลยนะครับ เรื่องการหมุนเวียนของตำแหน่งงาน ขึ้นอยู่กับ จังหวะ โอกาส ความสามารถ นะครับ ตามที่เห็นที่ทราบมา เห็นว่ามีการหมุนเวียนอยู่เป็นประจำนะครับ เพราะเห็นเพื่อนหลายคนเปลี่ยนตำแหน่งในนามบัตร เปลี่ยนแผนกบ่อยเหมือนกันครับ



ผมน้อง xxx ที่เคยถามคำถามเกี่ยวกับไป workshop ที่สงขลานะครับผม ไม่รู้ว่ายังจำได้รึเปล่า ผมได้ลองไป workshop มาแล้วนะครับ ตื่นเต้นมากเลยครับ ตอนนี้ก็พอเห็นภาพคร่าว ๆ แล้วครับผม งานน่าสนใจมากครับ แต่ผมกังวลนิดหน่อยเพราะดูจากงานแล้วค่อนข้างจะ routine เพราะคนรับเค้าก็อยากให้ทำอย่างน้อย 5 ปี กลัวจะเบื่อช่วงปลายได้ครับ พี่นกมีความคิดเห็นตรงนี้ยังไงบ้างครับ มันมีลู่ทางที่น่าสนใจภายหลัง 5 ปียังไงบ้างครับ ตอนแรกผมเคยมีความคิดอยากจะเรียนต่อ แต่พี่วิศวกรของที่นั่นก็บอกว่าถ้ามาสายนี้แล้วการเรียนต่อก็ไม่จำเป็นแล้ว แล้วเท่าที่ผมเข้าใจพี่เค้าบอกว่าหลังจากที่ได้ breakout เป็น field engineer แล้วเงินเดือนก็จะคงที่แล้ว ไม่มีการเพิ่มแล้ว อันนี้พี่นกเห็นว่ายังไงบ้างครับ สุดท้ายครับพี่นกผมได้ลองแนบรายงานภาษาอังกฤษที่ผมจะส่งให้เค้าพิจารณาเพื่อตอบรับงานน่ะครับ รายงานยังไม่ค่อยสมบูรณ์มากนะครับ ขาดพวกรูปต่าง ๆ ที่ต้องใส่เพิ่มแต่ file มันจะใหญ่น่ะครับผมเลยส่งเฉพาะเนื้อหาไปครับ อยากจะขอรบกวนพี่นกช่วย comment รายงานให้หน่อยครับผม

งานแล้วค่อนข้างจะ routine เพราะคนรับเค้าก็อยากให้ทำอย่างน้อย 5 ปี กลัวจะเบื่อช่วงปลายได้ครับ พี่นกมีความคิดเห็นตรงนี้ยังไงบ้างครับ ... เห็นด้วยอย่างยิ่งตรงคำว่า routine แปลว่า ซ้ำซาก ฮ่าๆ ถูกต้อง อย่างน้อย 5 ปีกำลังดี คือรวยกำลังเหมาะและหมดไฟพอดี สถิติคร่าวๆบอกว่า คนที่อยู่ในงานสนามเกิน 5 ปี มักจะอยู่ตลอดไป เพราะ 1 กลัวการเปลี่ยนแปลง (อันนี้ธรรมชาติ) 2 ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว 3 เงินดี หันซ้ายหันขวา ทำอะไรก็เงินไม่ดีเท่า แล้วงานมันเริ่มซ้ำซาก ชิวๆ ว่างั้นเถอะ กลายเป็นเงินดีงานสบายไป แล้วใครมันจะอยากเปลี่ยนงานล่ะ ตรงนี้พี่คิดว่าเป็นเรื่องของนิสัยส่วนตัวคนแล้วล่ะ คนที่ชอบอะไรๆท้าทายใหม่ๆตลอด พอมีเงินถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็มักจะไปดีกว่าหาอะไรใหม่ๆทำ แต่พวกชิวๆ ทำไปเรื่อยๆมีรายดไหลัก แล้วหันไปทำธุรกิจบนฝั่งเสริมก็ถมไป

มันมีลู่ทางที่น่าสนใจภายหลัง 5 ปียังไงบ้างครับ ...

1 จมมันดักดานเป็นดักแด้อยู่ในสนามนั่นแหละ (ชาตินี้ตูจะไม่เป็นผีเสื้อ) รวยแล้วนี่ งานสบายด้วย (เพราะทำมาจนปรุ) เอาเงินเก็บส่งน.ศ.สักคนสองคน เอ๊ย ...ลงทุนในตลาดหุ้น ทองคำ ปลูกอพาร์ทเม้นต์ให้เช่า เปิดบาร์คาราโอเกะ อู้ซ่อมรถ ขายของจตุจักร ฯลฯ เป็นรายได้เสริม ยังไงๆฉานก็ไม่กลับฝั่ง ว่างั้นเหอะ

2 ลาออกไปเรียน MBA ต่อ ที่ไหนสักที่ พร้อมกับมองๆหาว่าที่แม่ให้ลูกไปพลางๆ หรือ ไม่เรียนต่อก็ได้ แล้วกลับมาทำงานกับ Oil company ไม่ก็เปลี่ยนอุตสาหกรรมไปเลย

3 เลื่อนขึ้นไปเป็นที่เขาเรียกว่า coordinator หรือ ผู้จักการภาคสนาม คือเป็น ผจก.ขั้นต้น อยู่บนฝั่ง คอยไปเลียก้น เอ๊ย ตีกบตีกอล์ฟลูกค้า แก้ตัวเวลาลูกน้องทำงานพลาด (Fuck up) บริการจัดการทางเทคนิคของงานในสนาม จัดการวันหยุดวันลาของลูกน้องไม่ให้ซ้อนกัน คอยช่วยพวกมันสับราง กิ๊ก กับ เมียน้อย เมียหลวง คอยเข้ากทม.ประชุมกับหัวหน้างานหญ่ายอีกที เป็นตำแหน่งกระโถนอุจจาระเลยทีเดียว แต่ทุนคนต้องผ่านตำแหน่งนี้ ถ้าจะคิดเลื่อนขึ้นไปเติบโตในบ.เดิม

แต่พี่วิศวกรของที่นั่นก็บอกว่าถ้ามาสายนี้แล้วการเรียนต่อก็ไม่จำเป็นแล้ว ... ไปบอกไอ้พี่วิศวกรที่ว่านั่นให้ไปโดดทะเลให้ฉลามงับปิ๊กกาจู้ซะ

หลังจากที่ได้ breakout เป็น field engineer แล้วเงินเดือนก็จะคงที่แล้ว ไม่มีการเพิ่มแล้ว ... ไม่จริงครับ แต่จะเพิ่มไม่มากเท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยก็ต้อง 5-7% ล่ะ ไม่งั้นสมองไหลซิ(ว่ะ)

ผมได้ลองแนบรายงานภาษาอังกฤษ ... พี่กำลังจะตรวจแก้ให้ แต่คงไม่เอามาลงที่นี จะประจานกันเกินไป (ฮ่าๆ) ส่งไปทางอีเมล์ล่ะกัน



ผมเพิ่งได้เข้าไปอ่าน FAQ4 มาครับ 555 อ่านไปฮาไปครับพี่ แต่เห็นภาพมากขึ้นเลยครับ 555 ส่วนรายงาน(ที่ต้องแก้เพียบ) ผมได้ส่งเค้าไปแล้วน่ะครับ พอดีต้องรีบนิดหน่อยครับผม ตอนนี้ก็เหลือแต่รอลุ้นอย่างเดียวเลยครับ แต่ถ้าพี่นกมีเวลาผมอยากดูรายงานที่พี่นกแก้นะครับจะได้จำไว้ใช้สำหรับโอกาสต่อ ๆ ไปครับผม ยังไงผมต้องขอบคุณพี่นกมาก ๆ สำหรับทุก ๆ อย่าง ทุกคำตอบ และบทความดี ๆ ใน Blog นะครับ

พี่ว่าคงได้งานอยู่แล้วแหละ เขาไม่ซีเรียสมากกับเนื้อหาหรอก เพราะว่ามันเป็นเรื่องใหม่ กว่าพี่จะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรก็ปาไปจะสิบกว่าปี เขาคงแค่อยากดูว่าเราสื่อสารได้เรื่องไหมมากกว่า พี่อ่านรายงานดูแล้วก็เออ (พยายาม)เข้าใจ(มันว่ะ) จริงๆแล้วพี่มาคิดอีกที รายงานเราก็ไม่ได้แย่เท่าไร เมื่อเทียบกับวัยและประสบการณ์ ไม่อยากบอกว่าสมัยพี่โกอินเตอร์ใหม่ๆ(20ปีมาแล้ว)ทุเรศกว่านี้เยอะ อาศัยวาดรูป แล้วก็โยงๆเส้นอธิบายเป็นคำๆไป งั้นเอาเท่าที่แก้ไปแล้วก็แล้วกัน ขี้เกียจแล้ว เดี๋ยวไม่มีเวลาเลี้ยงลูก (ฮ่าๆ)

อีกเทคนิคนึงที่อยากจะถ่ายทอดถ้าได้เข้าไป training school ของ xxx คือไม่ต้องกลัวว่าจะอธิบายตอบข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ คนสอนเข้าเข้าใจดี (สมัยพี่เข้า training school ของบ.คู่แข่ง xxx นั่นแหละ เข้าไป 16 คน 14 ชาติ มีซ้ำอยู่ 2 ชาติที่มันมาชาติล่ะ 2 คน - จบมา 12 คน สอบตกไป 4) ให้วาดรูปประกอบเยอะๆ ถ้าไม่เข้าใจหรือคิดศัพท์ไม่ออก แล้วอย่าทะลึ่งใช้ศัพท์ประโยคยากๆ ประโยคซ้อนๆ อย่าไปใช้ถ้าไม่ชัวร์ มันจะผิด แยกเป็นประโยคสั้นๆ ประธาน + กริยา + กรรม พอ พวก adj adv ก็เอาแค่จำเป็นง่ายๆ big-small fast-slow good-bad อะไรแบบนี้อย่าไปดัดจริตใช้ศัพท์สูง มันจะผิดเอา เรื่อง tense ช่าง(แม็ม)มัน ไม่ต้องแคร์ ล่อ present simple ลูกเดียว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปให้จบจาก school มันไปก่อน พวกสำนวน ประโยคสวยๆหรูๆ ศัพท์เริ่ดๆแบบท่านนายกสุดหล่อเรานั่นก็ค่อยไปครูพักลักจำเอา เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ (ทำไงได้บ้านไม่รวยพอให้ส่งไปนอกตั้งแต่ไม่หย่านมนี่หว่า เนอะๆ)

... หวังว่าเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะช่วยให้ฝ่าด่าน 18 อรหันต์ทองคำ xxx ออกมาเจอกันในสนามหน้างานจริงในเร็ววันนะ

เจอกันบนแท่นหรือตามฐานฮ.ก็ทักทายกันมั่งก็แล้วกัน



ตอนนี้ผมสอบเข้าเรียน ปวส1ได้ที่ วท.หาดใหญ่ แผนก เทคโนโลยีหลุมเจาะปิโตรเลียมอ่ะคับ คือผมอยากจะถามว่า ประมาณอีก2-3ปีผมจบไปความต้องการคนทำงานด้านสาขานี้จะลดน้อยลงไปมั้ยคับ ..แล้วจิงมั้ยอ่ะคับ ที่เค้าว่า 45 ปีปลด(เพราะแก่เกิน)?? แล้วจบปวส.เทคโนโลยีหลุมเจาะปิโตรเลียมแล้วทำงาน กับจบปวส.แล้วต่อจนจบป.ตรีแล้วไปทำงาน มันจะมีข้อแตกต่างด้านการทำงานกับเงินเดือนกันยังงัยอ่ะคับ แล้วเทคโนโลยีหลุมเจาะปิโตรเลียมนี้อ่ะคับ การไปปฏิบัติงานจิงอ่ะเค้าทำอะไรบ้างอยู่ในสายงานไหนอ่ะคับ แล้วเงินเดือนสตาร์ทเท่าไหร่อ่ะคับ แล้วเป็นวิศวกรขุดเจาะนี้มีเปิดเรียนที่ไหนอ่ะคับ ..? ก็.. ผมอยากรู้แค่นี้อ่ะคับ เด๋ว18 พค.นี้ก็เปิดเทอมแล้วคับ

ประมาณอีก2-3ปีผมจบไปความต้องการคนทำ งานด้านสาขานี้จะลดน้อยลงไปมั้ยคับ ... ยังหรอกครับ ยังมีพลังงานฟอสซิลให้เราพลาญเอ๊ยใช้ไปได้อีกนาน อย่างน้อยก็อีก 25-50ปีแหละ

แล้วจิงมั้ยอ่ะคับ ที่เค้าว่า 45 ปีปลด(เพราะแก่เกิน)?? ... เฮ้ย ดูแคลนคนแก่นี่หว่า ผมเห็นแก่ๆแต่ยังแข็งแรงเพียบ กลับไปอ่านคำถามก่อนหน้าคุณที่ว่าทำอะไรต่อหลัง 5 ปี เขาไม่ปลดเพราะแก่เกินหรอก แต่จะปลดเพราะทำงานให้เขาไม่ได้เรื่องมากกว่า 45 ขวบนี่ ฟิตปั๊ง เตะปีบดังนะจะบอกให้ ดูรูปข้างบนซิ ไอ้ตัวสีฟ้าๆน่ะ 60 กว่าแล้วมัง แต่เจ๋งมากๆ

แล้วจบปวส.เทคโนโลยีหลุมเจาะปิโตรเลียมแล้วทำงาน กับจบปวส. แล้วต่อจนจบป.ตรีแล้วไปทำงาน มันจะมีข้อแตกต่างด้านการทำงานกับเงินเดือนกันยังงัยอ่ะคับ ... จบ ป.ตรี งานมันก็จะใช้สมองมากหน่อย ใช้แรงน้อยหน่อย เงินเดือนมากหน่อย (ไม่งั้นเขาจะเรียนต่อกันไปทำไมล่ะ) ผมแนะนำให้เรีนให้จบปวส.ให้ได้เกรดดีๆ สมัครเข้าทำงานในสนามสัก 2-3 ปี แล้วค่อยออกมาเรียนต่อ แล้วค่อยเข้าไปใหม่ จะได้ ทั้งบุ๋นทั้งบู๊

เทคโนโลยีหลุมเจาะปิโตรเลียมนี้อ่ะคับ เค้าทำอะไรบ้างอยู่ในสายงานไหนอ่ะคับ ... คืออย่างนี้ ในงานในสนามแบ่งออกเป็นสองระดับใหญ่ๆ คือวิศวกรกับช่างเทคนิค หรือผู้ช่วยวิศวกรนั่นแหละ โดยมากจะไม่เห็นการเลื่อนขั้นชัดเจนในหลายๆบริษัท ยกเว้นในบางบ.ใหญ่ๆที่เขาให้โอกาสช่างเทคนิคขึ้นเป็นวิศวกร แต่นั่นก็ต้องหมายถึงคุณครบเรื่องจริงๆทั้ง บุ้นบู๊ ภาษา และประสบการณ์ นึกถึงงานสร้างบ้านก็ได้ ในงานก่อนสร้างบ้าน จบปวส. กับจบวิศวกร ทำงานต่างกันอย่างไร บนแท่นฯมันก็ประมาณนั้นแหละครับ

เงินเดือนสตาร์ทเท่าไหร่อ่ะคับ ... ผมจะไปรู้ไหมเนี่ย เดาๆเอาก็น่าจะสัก 15000-25000 + เบี้ย offshore มัง รวมๆแล้วก่อนภาษี เด็กจบใหม่น่าจะได้สัก 20000-30000 ต่อเดือนนะ

วิศวกรขุดเจาะนี้มีเปิดเรียนที่ไหนอ่ะคับ ... เมืองไทยมีที่ จุฬา ม.สุรนารี แล้วก็ AIT

ผมอยากรู้แค่นี้อ่ะคับ เด๋ว18 พค.นี้ก็เปิดเทอมแล้วคับ ... อยากรู้มากกว่านี้ก็ถามมาใหม่ก็ได้ อีกตั้งเดือนจะเปิดเทอม ตั้งใจเรียนๆขยันๆเอาเกรดดีๆหน่อยก็แล้วกัน จะได้ไม่เหนื่อยตอนหางาน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน



มีที่ไหนรับวิศวกรจบใหม่บ้างครับ เเล้วจะสมัครได้ทางไหนครับ เพราะผมลองเข้าไปดูตามเว็บของบริษัทต่างๆเเล้ว ส่วนใหญ่จะให้ทิ้งเรซูเม่ไว้ หรือไม่ก็รับแต่ตำแหน่งที่มีประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศ ไม่มีทำงานในไทยเลยครับ ขอบคุณครับ

มีหลายที่ ที่เขารับวิศวกรจบใหม่นะครับ ส่วนมากเป็นบ.ใหญ่ๆ แต่โดยมากเขาจะรับที่จบตรงกับงาน(ก็แหง๋อยู่แล้ว)ที่จะไปทำ แล้วก็ต้องเกรดดีๆด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ทิ้ง CV ไว้นะถูกแล้ว เพราะตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งว่างนี่ครับ ผมเคยไม่เข้าใจและน้อยใจในเรื่องนี้ แต่ผมมาอยู่อีกฝั่งถึงเข้าใจ จริงๆมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่คิดง่ายๆว่าถ้าเราเป็นหัวหน้างาน จะหาลูกน้องสักคน ไม่ว่าจะเพราะคนเก่าลาออกไป เกษียณไป โดนซื้อตัวไป ฯลฯ หรือเปิดแผนกใหม่ ตำแหน่งใหม่ อย่างแรกเลยก็ต้องอยากได้คนมีประสบการณ์ไม่ตรงก็ใกล้เคียงที่สุด เป็นอันดับแรกๆ ถ้าหามาสักพักไม่มีมาสมัครหรือได้ไม่ตรงก็ถึงมาคิดว่า งั้นเราเอาที่ใกล้เคียงที่สุดมาฝึกใหม่ดีไหม ถ้าไม่มีอีกถึงจะไปเอาเด็กจบใหม่ ซึ่งกว่าจะใช้งานได้ทำงานเป็น บ.ก็แย่คนเก่าๆก็ต้องแบกงานต่อไปอีกพักใหญ่ๆ ยกเว้นแต่ว่าบ.มีนโยบายบริหารงานบุคคลที่เป็นระบบจริงๆ เช่นวางแผนไว้เลยว่าจะรับเด็กใหม่ปีนี้กี่คน โดยที่ยังไม่ได้มีตำแหน่งงานให้ชัดเจน แต่เป็นการจ้างตามสถิติของปีที่แล้ว ว่า 3-5 ปีที่แล้ว ต้องหาคนเข้าบ.เฉลี่ยปีล่ะกี่คน งั้นต้องเตรียมไว้เลยดีกว่าจะได้ไม่ฉุกละหุก เพราะเอาเด็กใหม่มาราคาถูก (แต่เลี้ยงต้อยและหัดงานนานหน่อย) พอคนขาดจะได้เสียบเลย ไม่ต้องไปนั่งต่อรองเงินเดือนกับพวกประสบการณ์ตรงแล้วเขี้ยวลากๆ หรือไม่ก็ต้องไปซื้อตัวแพงๆจากคู่แข่ง บ.ที่จะทำแบบที่ว่าได้ก็ต้องเป็นบ.ใหญ่ๆที่มีโครงสร้างการบริหารงานบุคคลที่ดีและพร้อม ซึ่งก็มีไม่เยอะนั้น ก็พวก เชฟรอน ปตท.สผ. ชลัมฯ อะไรพวกนี้ โดยมากพวกขนาดกลางและเล็ก ก็ค่อยหาเอาตอนคนออกหรือโดนซื้อตัวนั่นแหละ ซึ่งการรับเด็กจบใหม่ของบ.ใหญ่ๆเขาก็จะรับกับเป็นฤดูๆไป ก็เหมือนฤดูเก็บเกี่ยวน่ะ บ้านเราเด็กป.ตรีจบเดือนไหนล่ะ ก่อนหน้านั่นสักเดือนก็จะรับกัน จะมีตกเขียวกันบ้างก็น้อยคณะฯน้อยสาขาฯ เป็นสาขาที่ขาดและต้องการจริงๆ ตกเขียวหมายถึงไปซื้อไปให้ทุนกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ มัดมือมัดขาไว้ทำสัญญาเลยว่าจบแล้วมาทำกับบ.เขานะ เท่าที่รู้ก็ วศบ.ปิโตรฯ หรือพวกนักธรณีวิทยา นี่แหละ บางปีได้ข่าวว่า(โดน)ตกเขียวกันแทบจะยกรุ่น

สรุปคือ ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ก็ต้องมั่นอ่านนสพ.หน้าสมัครงาน หมั่นดูเว็บบ.ที่เราสนใจ แล้วก็ลงทุนเรียนภาษาเพิ่มอีกสักภาษา เดี๋ยวนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาภาคบังคับไปแล้วครับ ไม่นับ ไม่ถือเป็นความสามารถพิเศษ โปรแกรมสำนักงานพวก microsoft excel word powerpoint outlook นี่ก็อย่าไปกรอกในช่องความสามารถพิเศษ อายเขาตายเลยขอบอก บางครั้งบ.เขาต้องการคนที่สื่อสารภาษาที่เขาไปไปทำธุรกิจต่อเนื่องด้วยได้ แบบนี้ เกรด หรือสถาบันที่จบมา ไม่ดีไม่ตรง แต่ถ้าพูดภาษานั้นๆได้ก็อาจจะส้มหล่น (เจอมาแล้ว) ลองสักภาษานึง ผมว่าไม่เสียหลาย เพราะคุณยังเด็ก ไม่ได้ใช้ทำเงินวันนี้ก็มีวันหน้า งานไหนๆก็ต้องใช้ภาษาทั้งนั้น ลองจีนกลางเป็นไง ญี่ปุ่นก็ไม่เลว ไม่ก็ฝรั่งเศษ เยอรมันไปเลย ส่วนตัวผมชอบภาษาสเปน (เพราะสาวๆละตินสวยๆเยอะ ฮ่าๆ)

ตกลงผมตอบตรงคำถามไหมเนี่ย คุณถามมาแค่สองบรรทัดเอง (ฮ่าๆ)




ผมพึ่งเข้ามาครั้งแรกน่ะครับ เลยไม่ได้เตรียมคำถามอะไรมากมายน่ะครับ เริ่มที่

1. ผมกำลังเรียนอยู่ ปี 3 ขึ้น ปี 4 ครับ เรียน Civil Engineering (ผมเรียน Inter ที่มหาลัยรัฐแห่งนึง) ตอนนี้มาฝึกงาน ทางด้าน On Shore ที่ xxx ครับ ที่ ศรีราชา.....เผอิญ แล้ว ในใจผมจิงๆ คือการได้ไปอยู่บนแท่นขุดเจาะครับ พี่ๆ ที่บริษัท เค้าแนะนำผมว่า ถ้าอยากทำด้านนั้น ก้อไปพวก CUEL ไม่ก้อ CHEVRON ประมาณนั้นน่ะครับ เพราะที่ xxx นั้นส่วนใหญ่งานจะเป็นกระดาษ เพราะเป็นงาน Design ผมกะว่า จะต่อที่ AIT ขอทุนเรียนสาย Offshore อ่ะครับ ทางด้าน Construction&Design ผมอยากรู้ว่า บริษัท พวกนี้เค้าจะรับมั้ยครับ เพราะผมกะว่าจะเรียนต่อเลย ประสบการณ์ ก้อเลยไม่มีน่ะครับ ส่วนเรื่องเงินเดือน เนี่ย จิงๆ ผมก้อไม่ค่อยซีเรียสหรอกครับ แต่แค่อยากจะทราบคร่าวๆ ไว้เป็นการตัดสินใจน่ะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

2. ขออนุญาติเพิ่มเติม คือ ผมกำลังเรียนอยู่ที่ xxx(สังกัด xxxx น่ะครับ) น่ะครับ xxxx ไม่ทราบว่าพี่พอจะทราบมั้ยน่ะครับ คือพวกภาษา ฟัง พูด อ่าน เขียน ผมไม่กลัวน่ะครับ เพราะพื้นฐานที่ได้จากการเรียนก้อพอมี แต่อาจจะต้องเสริมอะไรเพิ่มเติมน่ะครับ อยากให้พี่ช่วยพิจรณาด้วยครับ เกรดตอนนี้ 2.96 น่ะครับ ยังไม่นับของตอน ปี 4 นะครับ พี่พอจะช่วยแนะนำแนวทางเพิ่มเติม อิงจากข้อมูลที่ผมเพิ่มมาให้ด้วยน่ะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

Ps.1 ผมล่ะกลัวจิงๆ เรื่อง พรรคพวก ตอนเข้าไปสมัครงานที่บริษัท น่ะครับ ไม่ว่าจะที่ไหนก้อตาม เพราะ สถาบันที่ผมเรียนอยู่นั้น พึ่งก่อตั้งมาได้ xx ปีเองครับ พวกพี่ๆ บางคนอาจจะไม่รู้จักก้อเป็นได้

Ps.2 เรียน Civil จะมีโอกาสได้เข้าไปบนแท่น มั้ยน่ะครับ แล้วก้อ ถ้าให้เลือกระหว่างต่อโท ที่ AIT ด้าน Offshore Structure กับ Geo-tech ด้านไหนจะเหมาะกว่ากันน่ะครับ สำหรับการ ทำงานสายนี้

Ps.3 ตอนแรกผมไป Post Reply เพราะผมก้อเล่นไม่ค่อยเปนน่ะครับ เลยผิดๆ ถูกๆ ขอโทษด้วยครับ ถ้าพี่มีอะไร ผมจะทิ้ง mail ไว้นะครับ เผื่อผมจะได้มีโอกาสปรึกษา พี่ในอนาคต


จะต่อที่ AIT ขอทุนเรียนสาย Offshore อ่ะครับ ทางด้าน Construction & Design ผมอยากรู้ว่า บริษัท พวกนี้เค้าจะรับมั้ยครับ - ถ้าเกรดคุณดี แล้วที่เรียนมาตรงกับที่เขาต้องการก็น่าจะรับ แต่ที่ AIT มักจะเน้นไปทาง ก่อสร้าง ตัวแท่นมากกว่านะครับ สายที่เป็นที่ต้องการจริงๆคือพวกขุดหลุมมากกว่า (well construction) ส่วนเรื่องเงินเดือนผมไม่ทราบจริงๆเพราะ ไม่ได้อยู่ฝ่ายบุคคล เด็กจบใหม่ๆ วิศวกรสาขาทั่วไป น่าจะสัก 35000 บาทต่อเดือนขึ้นไปนะครับ

xxxx ไม่ทราบว่าพี่พอจะทราบมั้ยน่ะครับ - พอเคยได้ยินนะครับ เป็นปกติน่ะครับ สถาบันที่เพิ่งก่อนตั้ง รุ่นแรกๆก็ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย เพื่อที่จะแสดงฝีมือให้ได้เป็นที่รู้จัก เหมือนยี่ห้อสินค้าใหม่น่ะครับ ต้องใช้เวลาสักพักพิสูจน์ตัวเอง สถาบันที่ตั้งมานานแล้ว เขาก็ได้เปรียบ เด็กๆก็อาศัยกินบุญเก่า แต่ถ้าไม่รู้จักสร้างหรือรักษาสักวันบุญเก่ามันก็หมดได้เหมือนกัน ผมกำลังจะบอกว่า ที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเองต่างหาก ทำเกรดดีๆค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา ขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้ บริษัทที่จ้างเขาก็เห็นเองนั่นแหละ

Ps.1 - เรื่องแบบนี้อยู่ที่ไหนก็ทำใจครับ เมืองนอกเมืองนาก็มีปัญหาทำนองนี้ จาบ ฮาร์วาด MIT Standford ยูดังๆเก่าแก่ๆ ก็หางานดีๆได้ง่ายๆ เรามาจากที่ๆไม่มีใครรู้จักมากนัก ก็ต้องแสดงฝีไม้ลายมือให้เข้าตากรรมการเป็นทางเดียวที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ตรงข้ามผมก็เห็นเด็กบางคนจบจากสถาบันดีมีชื่อเสียงแล้วมาทำเสียให้เห็นก็เยอะ แต่ผมก็เคยเจอเด็กจบมาเกรดสวยๆถามคำถามวิศวกรรมง่ายๆ เอ๋อไปเลยก็มี อาจจะเกร็งไปหน่อย ฮ่าๆ

Ps.2 - ยากครับ งาน civil ไม่ค่อยมีบนแท่นหรอกครับ ถ้าให้เลือกระหว่าง AIT กับ Geo Tech โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ได้ไปทำงานบนแท่น ผมเลือก Geo Tech ครับ ไม่ใช่ AIT ไม่ดี แต่มันไม่ตรงกับธงที่เราปักไว้ครับ พูดง่ายๆว่า AIT จะสอนเรื่องการ ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างกลางทะเล offshore ออกแนวๆ วิศวกรรมโยธา + วิศวกรรมการบริหารจัดการ เฉพาะทางน่ะครับ แต่ Geo tech จะสอนเรื่องที่มันอยู่ใต้ดิน ชั้นดินชั้นหิน วิศวกรรมเกี่ยวกับชั้นหินต่างๆ ออกๆแนวผสมๆรวมๆกันระหว่าง ธรณีวิทยา + ฟิสิกส์ + วิศวกรรม ของชั้นดินชั้นหิน เรื่องบนดินน่ะ คนเรียนกันเยอะแล้ว แต่เรื่องใต้ดินคนเรียนกันไม่เยอะนัก เป็นที่ต้องการมากกว่า

Ps.3 - มีอะไรก็อีเมล์มาถามได้ nnookk@hotmail.com



1. อย่างที่พี่ได้บอกมาน่ะครับ คือใจผมจริงๆ เนี่ยอยากลงไปที่แท่นน่ะครับ เผอิญ ตอนนี้ผมฝึกงานอยู่ที่ xxxx น่ะครับ แล้วเผอิญรู้จักพี่คนนึง จบ xxx ซึ่งเขาได้มีโอกาสไปทำงานที่ xxx มาซักระยะน่ะครับ เค้าแนะนำผมว่า ผมสามารถ ลงแท่นได้ ถึงแม้ว่าผมจะเลือกเรียนต่อ สาขา Offshore น่ะครับ คือถ้าผมได้ร่วมทำงานด้าน construct หรือ design เนี่ย ผมจะได้มีโอกาสไป fab งานที่แท่นมั้ยครับ คือ เป็นงานพวก Installation น่ะครับ แต่ตอนนี้ พอผมได้รับคำแนะนำจากพี่เนี่ย ผมก็เริ่มมีข้อสงสัย น่ะครับ

คืออย่างนี้ครับ ที่พี่คนนั้นแนะนำมาก็ถูกต้องครับ เพราะงาน offshore มันมีหลายด้านครับ อย่างที่ผมว่าไว้ คือเราจะไปสร้างอะไร สร้างแท่น ติดตั้งแท่น วางท่อใต้ทะเล บำรุงรักษาแท่นฯ หรือคุณจะไปสร้างหลุม ขุดหลุม คุณก็ได้ออกไปลอยเท้งเต้งที่นั้นทั้งนั้นแหละครับ ผมว่าที่สุดแล้วคุณอยากไปทำอะไรมากกว่าน่ะครับ มันมีงานหลักๆอยู่สองส่วนใหญ่ๆ คืองานเกี่ยวหลุม กับงานเกี่ยวกับตัวแท่นเอง (ไม่นับงาน marine นะครับ ไอ้งานนั้นมันแหง๋ๆอยู่แล้วว่ามันต้องมี)

2. แล้วสาย Geo-technical เนี่ยที่ AIT ก้อมีน่ะครับ มันก้อเป็น choice นึงที่น่าสนใจน่ะครับ สำหรับถ้าผมอยากจะลงแท่นขุดเจาะน่ะครับ ผมควรจะลงเรียนสายนี้ใช่ไหมครับ .... แล้วพี่ช่วยแนะนำผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่า ผมควรจะเรียนต่อเลย หรือ ทำงานก่อนน่ะครับ (ถ้าผมเรียนต่อเลย ไม่ว่าจะสาย Offshore หรือ Geo-tech เนี่ย บริษัท เค้าจะรับผมเข้าทำงานเลยรึป่าวครับ ถ้าผมไม่มีประสบการ์ณน่ะครับ) เพราะผมเห็น suggestion ของพี่ในหลายๆ FAQ น่ะครับ ว่า ไม่จำเป็นต้องจบตรงสาขา ก้อสามารถทำงานด้านนี้ ได้ ฉะนั้นผมก้อยังมีความหวังใช่มั้ยครับ ถ้าผมอยากจะลงแท่นน่ะครับ

คำว่าแท่นนั่นผมเรียกรวมๆไปสำหรับภาษาปะกิดที่ว่า offshore installation ถ้าคุณอยากลงแท่นขุด คุณก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องสร้าง ติดตั้ง ทะนุบำรุงตัวแท่น คุณต้องไปใช้มัน(แท่น) เป็นเครื่องมือในการสร้างหลุมต่างหาก ดังนั้นศาสตร์ที่คุณต้องเรียนคือ การสร้างหลุม คุณต้องเรียนด้าน Geo Tech ครับ เนื่องจากว่าคุณไม่ได้จบมาตรงสาขาที่เขาต้องการ ผมแนะนำให้คุณเรียนต่อไปเลยครับ เพราะคุณออกมาใช้วุฒิที่คุณมีทำงาน มันจะยากและนานกว่าจะหางานในวงการฯได้ ไปชุบตัวเลยดีกว่าครับ ไม่ต้องเสียเวลา ส่วนที่ว่าจบ Geo tech มาแต่ไม่มีประสบการณ์เขาจะรับหรือ อ้าว ... จริงอยู่บ.เขาก็ต้องการ plug n play แต่บางทีก็หาไม่ได้ หรือ เขาไม่มีปัญญาจ้าง ไม่ก็เขาต้องการพัฒนาคนใหม่ๆ มันก็มีโอกาศทั้งนั้นแหละครับ ไม่งั้นเด็กจบใหม่ จะไปทำงานที่ไหน แล้วๆไอ้ที่ทำอยู่ มันไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เบื่อ ไม่ลาออกไปขายเต้าทึงกันบ้างหรือครับ แล้วที่ผมบอกว่าไม่ต้องจบตรงสาขาก็ทำได้นั้นนะ มันก็จริงแต่มันจะยากหน่อย แล้วมันต้องไปเริ่มต้นจากที่ค่อนข้างจะศูนย์ หรือจบไม่ตรงสาขาแต่เขาเกรดดี หรือ ค่อนข้างดี จบจากที่พอมีรุ่นพี่สร้างชื่อเสียงเอาไว้ ผมลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า ผมตัดเอาข้อมูลส่วนตัว พวกเกรด สถาบัน พื้นฐานประสบการณ์ คะแนน TOEFL ฯลฯ ออกไปก่อนที่จะเอามาโพสต์ ดังนั้นคำแนะนำของผมค่อนข้างจะเจาะจงกับคนๆนั้นน่ะครับ ซึ่งถ้าคนๆนั้นมาอ่านจะรู้เอง ส่วนตัวคุณผมแนะนำอย่างที่แนะนำไว้นะครับ ชุบตัวก่อนดีกว่าครับ ถ้ายังพอมีตังค์มีเวลา มีไม่กี่กรณีที่ผมแนะนำให้ทำงานไปก่อน เช่น ต่อ MBA หรือ ต่อเฉพาะทางทางเทคนิคจริงๆที่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในด้านนั้นๆก่อน ผมถึงจะแนะนำให้ทำงานก่อนเรียนต่อ อะไรประมาณนั้นน่ะครับ ซึ่งผมจะดูข้อมูลส่วนตัวเฉพาะที่พวกเราให้มาเป็นกรณีๆไป

3. คือ ผมพอจะทราบว่า บริษัทพวก Schlumberger, Halliburton หรือ แม้กระทั่ง Chevron เอง รวมถึงที่อื่นๆ น่ะครับ ทำการมอบทุนการศึกษาให้สำหรับ นักศึกษา ที่จะมาเรียนที่ AIT ในสาขา Offshore น่ะครับ ผมเห็นใน website ที่ AIT ได้แจงรายละเอียดไว้น่ะครับ แต่ผมไม่มั่นใจว่า ตอนนี้ ในปัจจุบันนี้ ทางบริษัทเหล่านั้นยังมีนโยบาย มอบทุนการศึกษาให้ รึเปล่าน่ะครับ

อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้น่ะครับ คุณต้องโทรฯถาม หรือดูในเว็บของบ. หรือ ถาม ที่คณะฯนั้นๆครับ บางปีก็มีบางปีก็ไม่มี

4. ถ้าผมจบมาเกรด 3+ สอบ TOEIC ได้ 700+ เนี่ย รวมถึง จบ โทจาก AIT สาขาไม่ Offshore ก้อ Geo-tech น่ะครับ ผมจะสามารถเข้าไปทำงานที่ Chevron หรือ CUEL หรือ Schlumberger, Halliburton ได้รึเปล่าน่ะครับ คือ ไม่นับถึงเรื่อง Interview อะไรแบบนี้นะครับ ผมหมายถึง แค่วุฒิการศึกษาน่ะครับ กับคุณสมบัติ จะพอไหมน่ะครับ โดยที่ผมยังไม่มีประสบการ์ณ การทำงานทางด้านนั้นๆ เลย

หมอนกฟันธงแข่งกับหมอลักษณ์ได้เลยว่า ได้แน่ๆครับ มันตรงแหง๋ๆ ขนาดเขาให้ทุนคุณ แสดงว่าเขาต้องดูแล้วซิว่าเนื้อหาที่เด็กเรียนมาจะเอาไปทำงานให้เขาได้ จบโทฯไม่ 3+ คุณก็ไม่จบอยู่แล้วครับ เกรด 3 ของโท เท่ากับเกรด 2.5 ของตรีเท่านั้นนะครับ ส่วน TOEIC ถ้าคุณได้ไม่ถึง 700 คุณก็ไม่น่าจะโทออกมาได้หรอกครับ อีกประเด็นคือ ถ้าจบ offshore tech งานคุณจะแคบอยู่แต่ Oil company หรือ offshore construction company อย่าง Cheveron, Cuel และอื่นๆ เพราะเขามีแท่นให้ยุ่งวุ่นวายด้วย แต่พวก service companies อย่าง SLB Hall นั้น ไม่ต้องทำอะไรกับแท่น จึงไม่รับสาขานี้เท่าไร แต่ถ้าคุณจบ Geo tech จะไปทำได้ค่อนข้างกว้างกว่าครับ

สุดท้ายผมต้องขอชื่นชมคุณที่เป็นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจอนาคต มีการวางแผน ทำการบ้านมาดีพอควร ไม่ใช่ ให้ข้อมูลนิดเดียว ถามสั้นๆแต่ให้ตอบครอบจักวาล คุณรู้เหนือใต้ซ้ายขวาพอสมควร ผมเชื่ออย่างว่าคนแบบนี้ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จทางด้านที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จทางด้านอื่นๆที่คุณทำแน่นอนครับ ... โชคดีนะครับ



ผมขอรบกวนถามเกี่ยวกับ xxx ครับ เนื่องจากผมสนใจงานของ xxx อยู่ครับ แต่ยังมีความรู้ ไม่เพียงพอ จึงอยากจะขอข้อมูลบ้างอย่างเพื่อจะเอาไปศึกษาอ่านเองต่อไป ในรายละเอียดงาน xxx มีเขียนว่า "Experience in offshore and onshore construction QA/QC standard E&P codes" ผมพยายามค้นหา code นี้แล้ว แต่ไม่พบอะไรที่พอจะอ่านให้เข้าใจได้ว่า มันคืออะไร รบกวนช่วยกรุณาอธิบายว่าผม จะหาอ่านได้ที่ไหนบ้างครับ นอกจากนี้ความรู้เรื่อง Standard E&P code นี้และ Piping แล้วผมควรจะมีความรู้อะไรอีกบ้างครับ ผมจบ Mechanical Engineering เพื่อจะให้ทำงานบนแท่นขุดเจาะได้ครับ

ตำแหน่ง Mechanical engineer/Senior mechanical engieer รายละเอียดจาก xxx กะว่ายังไม่สมัครก่อนครับ จะลองหาความรู้ดูก่อน เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งไปเรียน Short course เกี่ยวกับ ปิโตรเลียมที่จุฬา ได้ความรู้เกี่ยวกับปิโตร แต่ไม่มีเกี่ยวกะแท่นขุดเจาะเลย เลยอยากทราบว่าถ้าต้องการทำงานกับแท่นควรมีความรู้อะไรบ้าง ตอนนี้เท่าที่รู้มาบ้างก็มี Piping, Corrosion, Construction ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า ตอนนี้ก็อ่านเรื่อง Piping อยู่ครับ

Responsibilities :-

Handle conceptual designs, basic & detailed engineering, procurement, fabrication, installation, and commissioning duties for modification work at xxx Assets such as flowline and mechanical equipment installation, & local dehydration system. Ensure that work is executed in accordance with requirements.

Qualifications :-
Bachelor’s or Master’s Degree in Mechanical Engineering
5-10 years experience in engineering and design of stationary mechanical systems and equipment, including piping and structural components
Experience in all aspects of construction and modification projects
Knowledge of standard offshore and onshore E&P construction codes
Good communication, interpersonal and presentation skills


นี่ก็เป็นอีกคนนึงที่ผมฟันธงได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะไปทำอะไร คุณประสบความสำเร็จแน่นอนครับ เพราะรู้จักหาข้อมูล วางแผน ไม่หยุดเรียนรู้ ถึงกับลงทุนควักกระเป๋าเรียนเอง เนื่องจากคุณไม่ได้ให้พื้นฐานประสบการณ์ว่าทำมาหากินอะไรมา ผมเดาว่าคุณน่าจะกำลังทำงานเกี่ยวกับ โครงการก่อสร้างอะไรสักอย่าง เอาล่ะ เรื่อง codes เนี่ย ผมว่าเขาพูดรวมๆถึง มาตราฐานที่ใช้ในงานของเขา เช่น DIN ISO IEEE JIS มอก. อะไรพวกนี้ ซึ่งแต่ล่ะวงการฯเขาจะอิงมาตราฐานต่างๆกัน ในวงการเราใช้มาตราฐาน API (American Petroleum Institue) กับ IADC (International Association of Drilling Contractor) เป็นหลัก ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ถ้าจะออกแบบท่อฝังลงไปในดินที่มีความดันนอกท่อ กับในท่อต่างกัน 4000 PSI (differial pressure) โดยที่นอกท่อเป็นของเหลว ในท่อเป็นก๊าซ ในกรณีที่ข้างนอกมากกว่าข้างใน ท่อจะต้องมี Collapse rating เท่าไร ถ้าในท่อมากกว่านอกท่อ ท่อต้องมี Burst rating เท่าไรเป็นต้น ขนาดท่อมาตราฐาน ขนาดอะไรมั่ง ขนาดไหนไม่มาตราฐาน ไม่มีใครผลิต (อย่าเจือกไปออกแบบใช้งาน เพราะจะหาซื้อไม่ได้ ฮ่าๆ) เหมือนจะสร้างบ้าน ต้องผสมปูน หิน น้ำ ทราย อัตราส่วนเท่าไร สร้างออกมาแล้วบ้านไม่พัง เสาเข็มเจาะขนาดที่ขายๆกันยาวเท่าไร ถ้าจะเอายาวกว่านี้ต้องสั่งทำ อะไรทำนองนี้ มันต้องมีมาตราฐานของวงการใครวงการมัน codes พวกนี้หนาเป็นเล่ม มีไม่รู้กี่ volume คุณไปเรียนไม่หมดหรอกครับ ผมทำงานมา 20 ปียังรู้ไม่หมดเลยครับ มันกว้างและเยอะมากๆ เหมือนบอกให้คุณไปรู้ DIN standard (ของเยอรมันไง) ถ้าอยากรู้คร่าวๆจริงๆ ผมว่า Google / wikipedia ก็คงพอให้คำตอบคร่าวๆได้

คุณไม่ต้องงรู้อะไรไปมากกว่านี้หรอกครับ ถ้าคุณจบ B Mech มาแล้ว ลงมือส่งใบสมัครงานเลยดีกว่า ถ้าคุณเคยทำงาน project คุมงาน project มา หรือที่ทั่วๆไปเขาเรียก project engineer น่ะ ก็โอเคแล้วครับ ส่วนประสบการณ์ ก็อย่างที่บอกไว้บ่อยๆว่า ใครๆก็อยากได้แบบทำงานให้ได้เลย อย่างนั้นมันก็ต้องซื้อตัวกันเท่านั้นแหละครับ ใกล้เคียงๆกัน เอาไปขัดๆถูๆหน่อยก็ใช้งานได้ครับ ถ้าไอ้ที่เอามาขัดเอามาถูไม่ซื่อบื้อเกินไปนัก อีกอย่าง งานที่คุณตัดประกาศมาน่ะ เขาให้ไปทำบนบก ที่ลานกระบือ นะครับ ไม่ใช่ offshore แต่ทำไปก่อน พอคุณคุ้นเคยกับ codes ที่ว่า เขาก็มีสับเปลี่ยนกันได้ตลอดแหละครับ

ถึงแม้ว่างานทางด้านสายนี้ไม่ว่าจะเป็นด้าน well construction หรือ Drilling Engineer เนี่ย หรืองาน installation ต่างๆ น่ะครับ จะมีผู้คนทำงานในสายงานด้านนี้น้อยกว่าด้าน อื่นๆ ถ้าเทียบกับงาน civil , mech , elec น่ะครับ ทำให้โอกาสที่คนที่สนใจจะสมัครงาน หรือ เรียนต่อด้านนี้ มีโอกาสแข่งขันกับผู้คนอื่นๆ น้อย กว่า ถ้าเทียบกับสายงานที่กล่าวไป แต่อัตรา การรับคนเพิ่ม เนี่ย รุ้สึกจะน้อยตามไปด้วยใช่ไหมครับ คือ ผู้คนที่ทำงานอยุ่แล้ว ก้อจะไม่ค่อยเปลี่ยนสายงานกัน หรือ project นั้นๆ งาน ไม่ใหญ่พอ เพียงพอสำหรับ manpower ที่มีอยุ่ ก้อจะไม่ได้รับคนเพิ่ม ผมอยากถามว่า ในกรณีแบบนี้ ถ้าคนที่เพิ่งจบมาใหม่น่ะครับ จะสามารถทำอะไรได้บ้างครับ

อืม ... ถามมาก็น่าคิด ... ตอบไงดีล่ะ งานของพวกเรามันเป็น Nich ภาษาการตลาดแปลว่า กลุ่มที่มีลักษณะเฉพาะ ศาสตร์ต่างๆมันก็มีตั้งแต่กว้างไปถึงแคบ อาจจะเริ่มตั้งแต่ ปรัชญา ซึ่งเป็นศาสตร์ที่กว้างและเป็นฐานปิระมิด แตกกิ่งไปหลายแขนง ถ้าทางวิทย์ ถัดมาก็วิทยาศาสตร์ แยกไปอีก เป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และวิทยาสตร์ประยุกต์ หนึ่งในนั้นก็คือวิศวกรรมศาสตร์ มันก็แยกไปอีกล้านแปดสาขา ตั้งแต่กว้างอ้าซ่าอย่าง กลศาสตร์ ไฟฟ้า โยธา สำรวจ ไปยันแคบกระจิดริดอย่าง นาโน พันธุศาสตร์ ปิโตรเลียม ฯลฯ ดังนั้น สังเกตุไหมว่าปริญญาเอกของทุกศาสตร์จะใช้ชื่อเหมือนกันหมดว่าเป็น Ph.D. คือ Doctor of Philosophy คือ ในที่สุดแล้วมันคือ wisdom of mankind อยู่ดี (โทษทีแปลให้ได้ใจความไมได้จริงๆ แบบว่าคลังศัพท์จำกัดน่ะครับ)

เกริ่นมาเยอะ จะบอกว่า งานของพวกเรามันก็มีตลาดแรงงานเข้าออกของมันเอง การปิดกั้น(entry barrier) ค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น งานนักบินสายการบินพานิชย์ หรือ ทหารตำรวจ เขาก็มีตลาดแรงงานไหลเวียนของเขาเอง ของเราก็เช่นกัน ต้องการการฝึกอบรมหรือจบมาเฉพาะสาขานั้นๆ เข้ามาแล้ว ทำอยู่หลายๆปี จะออกไปทำมาหารับทานอย่างอื่นก็ยาก (เหมือนผมนี่ไง ฮ่า) เช่นเป็นนักบินขับเครื่องบิน (+ขับแอร์โฮสเตส)มาจน(แอร์)แก่ จะออกไปทำอะไรได้ มันก็ต้องอยู่ในวงการเครื่องบินต่อไป แต่สัจจะธรรมอย่างหนึ่งคือ high risk high return อุตสาหกรรมยิ่งแคบ ยิ่งเล็ก ผลตอบแทนแรงงานยิ่งสูง (เหมือนงานไอทีในสมัยนึงไง จำได้ป่ะ)

แล้วคนที่จบใหม่จะทำอะไรได้บ้าง มันขึ้นกับว่าคุณจบตรงไหม บ.สายการบินต้องรับนักบินฝึกหัดฉันใดเราก็ต้องการแรงงานหนุ่มใหม่เอาะๆฉันนั้น แต่ถ้าจบไม่ตรง ก็ต้องไปเรียนต่อชุบตัวให้มันตรง หรือ อย่างคุณจบ B Mech ค่อนข้างได้เปรียบเพราะมันเป็ด ถูๆไถๆได้หลายวงการ พวกเราเป็น Mech ก็เยอะ เผลอๆเยอะกว่าพวกจบปิโตร จบธรณี อีก แต่บทบาทพระเอกนางเอกก็ต้องยกให้พวกนั้นเขาไป อะไรแบบนี้ แต่เป็นตัวประกอบ ตัวอิจฉาก็ไม่เลวร้ายอะไรนี่นา แสดงดีๆ เรทติ้งดีจะตาย ฮ่าๆ หรือแบบจบป.ตรีกฏหมาย ก็เป็นตำรวจเป็นทหารได้ แต่พระเอกต้องนายร้อยสามพรานหรือนายร้อยเขาชะโงก เป็นต้น เข้าใจป่ะ

ตกลงผมตอบคำถามคุณไหมเนี่ย ...



ถ้าผมเรียนสาย วิศวะคอมหละคับ แต่อยากทำงานเรือน้ำมันที่จะต้องไปทำบนแท่น และบน rig หนะคับใม่ทราบว่าพอจะมีโอกาส หรือตำเเหน่งใดบ้างคับที่รับพวกจบสายนี้คับ

ตอบตามประสบการณ์นะครับ งานบนนั้นไม่มีที่ใช้วุฒิวิศวคอมโดยตรงเลยครับ แต่วิศวคอมที่ไปทำบนนั้นมักจะแถๆมาทำ เช่นไปเป็นพนักงานวิทยุประจำแท่น หรือวิศวกรติดตั้ง บำรุงรักษา ระบบสื่อสาร เถือกๆนั้น ไม่ก็ไปสมัครเป็นวิศวกรของ service company (ถ้าไม่คุ้น แนะให้ย้อนกลับไปอ่าน FAQ เก่าๆ) ที่ทำงานเกี่ยวกับให้บริการ หรือ ขาย อุปกรณ์อิเลคโทรนิค โทรคมนาคม อุปกรณ์นำร่องเถือกๆนั้นไป



ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อxxxครับพี่ จบปริญญาตรีวิศวะ สาขาปิโตรเคมีน่ะครับ เพิ่งจบมา กำลังมองหางานด้านนี้อยู่ 555+ เพราะผมสนใจงานด้าน E&P มากเลยครับ มันฝังใจมาตั้งแต่ไปดูงานที่แหล่ง s-1 ลานกระบือเมื่อตอน ม.1 (ขอย้อนอดีตหน่อยนะพี่ มันฝังใจจริงๆ อิอิ) พอจบ ม.6 ผมก็ได้โควตาไปเรียนที่ xxx ครับ ผมเลือกเรียนธรณีวิทยา ก็เพราะคิดว่าตรงกับสิ่งที่อยากทำ แต่แล้วปีต่อมาผมก็ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตครับพี่

คือผมย้ายสาขาที่เรียน (ซิ่ว) มาเรียนวิศวะปิโตรเคมี ที่xxx (ความคิดในตอนนั้นคือวิศวปิโตรเคมีน่าจะตรงกว่า น่ะครับ คิดแค่นั้นจริงๆ) แต่พอเรียนแล้ว มันไม่ใช่เลยอ่ะพี่ (มันเป็นเรื่องของอุตสาหกรรม Down stream ไปเลยน่ะครับ) แล้วอีกอย่างผมก็เกลียดเคมี อิอิ ผมเลยไม่เคยตั้งใจเรียนเลย (สารภาพกันตรงนี้แหละ) แต่มันก็ยังดีน่ะครับ ที่ยังมีคอร์ส Petroleum technology วิชานี้ผมเลยตั้งใจเรียนที่สุดแล้ว เข้าเรียนทุกคาบ ผมคิดว่าผมถนัดด้านนี้ ผมรู้ตัวว่าผมชอบด้านนี้ ผมหาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่าน ทั้งที่อาจารย์ให้มา (อาจารย์ที่มาสอนคอร์ส Petroleum technology เป็นอาจารย์พิเศษที่มาจาก xxx น่ะครับ พี่อาจรู้จักก็ได้ ชื่อ อ. xxx, อ. xxx และคณะ) และก็หาอ่านเอง บางทีก็อ่าน Text ครับ ผมพอมีความรู้คร่าวๆ ในเรื่องปิโตรเลียม และเรื่องของ E&P น่ะครับ เช่นพวก - explore and drilling implementation, พวกวิธีการ และขั้นตอนการสำรวจ และผลิต (E&P) น่ะครับ และก็ได้เรียนรู้ในเรี่อง Resevoir Appraisal and Field Development Planning และการทำ Resevoir Development เป็นต้นน่ะครับ ส่วนเรื่องปฏิบัตินั้นไม่เคยเลย รู้แต่เรื่องทฤษฎี ตอนฝึกงานก็ไปฝึกที่โรงกลั่นน้ำมัน น่ะครับ ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันหรือเปล่า ^_^

แต่ประเด็นสำคัญก็คือเรื่องเกรดครับ T_T อย่างที่ผมบอกไปว่าผมไม่เคยตั้งใจเรียนเลย เกรดผมเลยออกมาไม่ดีครับ (ไม่ถึง 2.5 ด้วยซ้ำ) พี่ว่าผมพอมีโอกาสได้ทำงานในสายงานนี้หรือเปล่าครับพี่ เรื่องภาษาผมก็พอได้นะครับ ตอนนี้โทอิคอยู่ที่ 600 ว่าจะไปสอบใหม่ อยากได้ซัก 700 น่ะครับ เรื่องคุย กับฝรั่งไม่มีปัญหาครับ เพราะตอนที่ไปฝึกงานที่โรงกลั่น ผมเคยพูดต้อนรับแขกที่มาดูงานน่ะครับ ผมเป็นคนเรียนรู้อะไรได้ไวมากครับพี่ (โดยเฉพาะสิ่งที่สนใจ) หนักเอาเบาสู้ เข้ากับคนได้ง่ายน่ะครับ ถ้าพี่มีงานอะไรจะแนะนำผมก็ส่งเมลล์มาได้ เลยนะครับ อิอิ ขอบคุณล่วงหน้าครับ งานอะไรก็ได้นะพี่ เริ่มจากศูนย์ก็ได้ ขอให้ สุดท้ายได้ออกทะเลเหอะ ขอบคุณมากนะครับ


น้องคนนี้เขียนมายาวมาก อำนวยอวยพร สรรเสริญเยินยอซะลอยละลิ่ว ขอบคุณมากๆครับ (ตัดออกหมดก่อนโพสต์ เดี๋ยวโดนหมั่นไส้)

อยากจะยกกรณีนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ครับ สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตการงาน ว่าจะไปทำอะไร ชอบอะไร จะมาพึ่งระบบการแนะแนวในชั้นม.ปลาย มันก็ลมๆแล้งๆหดหู่ชอบกล ดังนั้น น้องๆเอ๋ย เอาอย่างพี่ๆคนข้างบนที่พวกเขาดิ้นรนขนขวาย หาลู่ทางที่ชอบที่อยากทำให้รู้ชัด แล้วมุ่งมั่นไปให้ถึง ถึงแม้จะไม่ถึงอาจจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็มาได้ไกลกว่าจุดที่เขาเริ่มก็แล้วกันล่ะน่า

ส่วนน้องคนนี้ก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แม้จะสายไปหน่อยแต่ก็ไม่สายไป งานที่เริ่มจากศูนย์ มันก็มีครับ ไปเป็นกรรมกร เป็น junior pump man อะไรไปโน้น OPS หรือ amarit ก็รับอยู่เยอะแยะ แต่ผมว่า ถ้าคุณจบอย่างที่คุณจบ เกรดน่ากลัว(จะตกงาน)แบบนี้ ไปชุบตัวเรียนต่อเหอะ ถ้าอยากจริงๆผมว่าคุณไปต่อโทธรณีโดยยอมไปตามเก็บวิชาธรณีชั้นป.ตรีที่ที่คุณทิ้งมันมา จะตรงที่สุด 3-4 ปีน่าจะจบ เรียกว่า ยอมถอยเพื่อจะก้าวกระโดดไปข้างหน้าให้ได้ไกลกว่า ตัวเลือกนี้น่าจะดีที่สุด อาจจะดูงี่เง่าในสายตาเพื่อนร่วมรุ่น แต่ 3-4 ปี ไม่สายไปเลยที่จะเริ่มกันใหม่ จบธรณีมาได้นะ เหมือนใบเบิกทางชั้นดีเลยล่ะ

"The journey of ten thousand mile begins with one step" - คาถาของผมเวลาต้องทำอะไรที่ดูเหมือนว่าจะไกลจากจุดที่เรียกว่า "สำเร็จ"

ขอให้โชคดีเช่นกันนะครับ



ขอบคุณมากนะครับพี่ สำหรับคำแนะนำ ผมก็คิดว่าจะเรียนต่อแหละครับ ผมเคยสอบถามไปที่ xxx สำหรับปริญญาโท สาขา Petruleum geoscience แล้วทางอาจารย์เค้าบอกว่าผู้เรียนควรมีพื้นฐานความรู้ทางด้านธรณีวิทยา (ผมเคย inquire ไปตั้งแต่ตอนเรียน ป.ตรี อยู่) ตอนนั้นพอ(เหมือนกับ)โดนปฎิเสธ ผมก็เก็บเรื่องเรียนต่อลงลิ้นชักไปเลยครับ พอได้อ่านสิ่งที่พี่บอก ผมคิดว่าจะโทรไปคุย(อ้อนวอน) กับอาจารย์ทางโน้นอีกครั้ง เพราะผมเองก็พอมีความรู้ทางด้านนี้อยู่นิดหน่อย ยอมจบช้าหน่อย (ต้องเทคคอร์สแน่เลยครับ) แต่ประเด็นก็คือ ถ้าหากผมจบช้าจริงๆ(สมมติว่าได้เรียน) สัก 3-4 ปี ตอนนั้นอายุผมก็ปาไป 27-28 แล้วนะครับ ยังมีโอกาสที่จะรุ่งในสายงานนี้อยู่เหรอครับพี่ แล้วพี่ว่าสาขา petroleum geoscience ถ้าจบไปแล้วโอกาสได้งานนี่มันยังเปิดกว้างอยู่ไหมครับ ที่ผมต้องถามเพราะต้องไปเสนอแผนต่อผู้สนับสนุน(บิดร-มารดา) ว่ามันจะคุ้มค่าต่อการลงทุนไหมน่ะครับ เพราะค่าเรียนมันแพงพอสมควร (มันเป็น international program ครับ)

อืม ... นึกแล้วว่าต้องมีอุปสรรคเรื่องกฏเกณฑ์ของบัณทิตวิทยาลัย เอางี้ ตอนนที่เราไปขอสมัครหนที่แล้ว เข้าใจว่าคงถามไปเฉยๆเขาก็เปิดคู่มือนักศึกษาตอบ ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นชัดเจน ผมเสนอว่าให้คุณทำการบ้านไปอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมว่า คุณต้องการเรียนทางด้านธรณีไปเพราะอะไร ถ้าไปพบอ.ด้วยตัวเองเลยจะดีมากๆ และ ยินดี take cause เพิ่มเติม หรือ assignment/ รายงาน/ ค้นคว้า วิจัย ฯลฯ พิเศษ แล้วแต่ทางคณะมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงอยู่ในขั้นตอนการสมัคร หรือ เทคคอร์สพิเศษของป.ตรี + รายงานพิเศษ คู่ขนานกันไปขณะเรียน แล้วก็พิจารณาหลักสูตรเดียวกันที่ม.อื่นด้วย เช่นที่จุฬา หรือ ขอนแก่น อะไรแบบนี้

ส่วนเรื่องจุดคุ้มทุนนั่นน่ะ รับรองได้ คุ้มทุนแน่ๆ เพราะพลังงานฟอสซิลยิ่งจะหายากๆขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายการค้นหาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มันจะยังไม่หมดไปง่ายๆในเร็ววัน อย่างน้อยก็เท่ากับอายุงานที่เหลือของคุณก็แล้วกัน ต่อให้คุณเรียนตรีใหม่หมดเลยก็แค่ 4 ปี ก็ยังคุ้ม คิดแบบธุรกิจนะ ง่ายๆเลย ถ้าคุณทำงานด้วยป.ตรีที่คุณมีวันนี้ไป 3 ปี (เทคคอร์สป.ตรี 1 ปี + เรียนโทรจริงๆ 2 ปี) คุณจะได้เงินเก็บกี่บาท สมมุติว่าไม่กินไม่ใช้เลย เอาเงินเดือนเดือนแรก x 1.5 x 36 เดือน ส่วน 1.5 นะคูณไปเผื่อเงินเดือนขึ้น+โบนัสระหว่าง 3 ปี ได้ผลคูณเท่าไรเก็บไว้ นั่นคือต้นทุนค่าเสียโอกาสคุณคร่าวๆที่เป็นตัวเงิน สมมุติเป็น X

ต่อมาเอาค่าเรียนโท 3 ปี มาราวมกัน (โดยไม่ต้องคิดค่ากินอยู่ เพราะเดี๋ยวตอนเราคิดอีกด้านเราก็ไม่คิดส่วนนี้เหมือนกัน เพราะถือว่าไงๆคุณก็ต้องกินต้องใช้) สมมุติว่าเป็น Y

X+Y ก็จะเป็นต้นทุนจริงๆของคุณ

คราวนี้สมมุติว่า 3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก คุณออกมาทำงานด้วยวุฒิใหม่ถอดด้าม ถึงตอนนั้น เชื่อว่าถ้าทำงานเมืองไทยนะค่าตัวน่าจะเริ่มกันที่เดือนล่ะ 55000 บาท ขึ้นไป (ถ้าได้ทำกับบ. E&P ต่างชาติ ก็ไม่ต้องมาคิดเลขให้เมื่อยนิ้ว คุ้มอยู่แล้ว ปีล่ะราวๆ 65000 USD) เอาแบบไทยๆก็แล้วกัน เอา 55000 x 12 ก็เป็นต่อปีใช่ป่ะ คราวนี้ก็เอา (X+Y)/(15000x12) ก็เป็น จำนวนปีที่คุ้มค่าลงทุน จริงๆแล้วทางบ/ชเขาไม่คิดค่าเสียโอกาสกัน ก็เอาแค่ Y เป็นต้นทุน เพราะเขาถือว่า X กับ Y ไม่มีทางเกิดพร้อมๆกันเป็นตัวเงิน เอาเถอะ เราอย่าไปเถียงกับพวกนั้นเลย คิดแบบอนุรักษ์ๆไว้ก่อน เอา X+Y น่ะดีแล้ว ถ้าผลหารออกมาได้น้อยกว่า 3 ปี ผมว่าน่าลงทุนนะครับ นั่นคือคุณทำงานได้เงินจริงๆตอนคุณอายุ 31 เป็นต้นไป เพราะเงินเดือนใหม่ตอนอายุ 29-30-31 เป็นค่า X+Y ไงครับ นี่คิดแบบคร่าวๆมากๆ คิดแบบอรุรักษ์ และ ไม่คิดเรื่องดอกเบี้ยดอกหอย (time value of money)

เรื่องอายุ หุๆ อายุเป็นเพียงตัวเลข เอ้า ให้คุณเริ่มที่ 28 ขวบ เลยก็ได้ ผมก็ว่าไม่เห็นมันจะช้าตรงไหน ข้อสำคัญคุณต้องตั้งใจเรียนให้รู้จริงๆ เกรดดีๆ พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ได้ภาษาที่สามด้วย รับรองรุ่งแน่ๆครับ คุณอาจจะว่าโคตรยากเลย เงื่อนไขที่จะรุ่งเยอะจัง ความจริงก็คือ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกครับ อย่างที่ฝรั่งว่า no pain no gain .... โชคดีนะครับ



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 10 เมษายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:48:15 น.
Counter : 2587 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.