==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 
บริโภคอย่างไรถึงไม่ตกเป็นเหยื่อนักการตลาด

ขึ้นต้นอย่างนี้เหมือนกับพะยี่ห้อนักการตลาดเป็นผู้ร้าย แต่ขอออกตัวแทนนักการตลาดก่อนว่า เขาก็ทำหน้าที่ของเขา ที่จะนำเสนอสิ่งที่คุ้มค่าคุ้มราคาแก่พวกเรา แต่บังเอิญที่เจ้าของสินค้าที่ว่าคุ้มค่าคุ้มราคานั่นจ่ายเงินเดือนให้เขาเท่านั้นเอง และอย่าลืมว่าอีกด้านหนึ่งของเหรียญเขาเองก็เป็นผู้บริโภคเหมือนเราๆท่านๆเหมือนกัน และ ตัวกระพ้มเองด้านหนึ่งก็มีดีกรีการตลาดพ่วงท้ายติดปลายนวมมาเป็นน้ำจิ้มสมองเหมือนกัน และเคยได้ใช้วิทยายุทธด้านนี้ทำมาหารัปทานอยู่ช่วงหนึ่ง จึงพอจะเข้าอกเข้าใจหัวอกนักการตลาดอยู่พอสมควร

เข้าเรื่องกันดีกว่า ... จริงๆแล้วหัวข้อทำนองนี้มีคนเขียนเยอะแยะแล้ว ไล่ไปตั้งแต่ เลือกที่จะซื้อ หรือไม่ซื้อ ถ้าจะซื้อ ซื้อเมื่อไร ซื้ออย่างไร ซื้อที่ไหน ฯลฯ แต่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนเขียนถึงในแง่มุมที่ผมรอคอย ดังนั้น กระพ้มเลยขอร่ายเสียเอง ...

ในหลายๆหน้าที่ของนักการตลาดนั้น มีหน้าที่หนึ่งที่จะเล่นกับความรู้สึกของคนในการที่จะซื้อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (หลังจากรู้ว่า หรือ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องมีสิ่งนั้นไว้ครอบครอง) มากกว่าเหตุผลล้วนๆ ในการเลือกว่า จะเอายี่ห้อ ก ยี่ห้อ ข ค ง จ ฯลฯ ดังนั้น หลุมพรางที่ง่ายที่สุดคือทำให้สินค้า ก (ที่จะขาย) ดูเหมือนจะมีคุณภาพดีที่สุด ในบรรดาคู่แข่ง และทำให้มันกำกวมวัดคุณภาพยากเข้าไว้ อะ อะ มีคนชูจั๊กแร้เถียงแล้วว่า แหม บางยี่ห้อเขามีไม้บรรทัดสี (color scale) มาถามให้เห็นออกทีวีเลยนา จะขาวนวล ขามผ่องเป็นยองใย จะอมส้ม อมชมพู อมสัปะรด อมแตงโม (อมยากหน่อย) ก็เห็นจะจะ อันนั้นผมไม่เถียงหรอกครับ แต่ช่วยๆอ่านเงื่อนไขตัวที่เป็นดอกจันทร์เล็กที่ต้องเอาแว่นขยายที่มุมจอ หรือมุมโปสเตอร์โฆษณาหน่อยว่าเขาเขียนว่าอะไร เขาทดลองภายใต้เงื่อนไขอะไร ที่ไหน เอาใครมาทดสอบ อ่านไปอ่านมา ตามประสาคนเคยสอนวิชาสถิติ หมดความเชื่อถือไปเยอะ แต่แหม นางแบบเขาขาวสวยจริงๆนี่นา (อึ๋มอีกต่างหาก) เอาเหอะ ผมยังอดซื้อสักกระปุกไปฝากแม่อีหนูที่บ้านไม่ได้ (หวังว่าเธอใช้แล้วจะขาวนวลยองใยเหมือนนางแบบ) ... นี่ไงครับ กลไกการซื้อมันจะออกมารูปนี้ ...

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมก็ขอขอบคุณนักการตลาดกลุ่มนี้ที่พยายามทำนามธรรมให้เป็นรูปธรรม โดยการวัดออกมา ไม่ว่าใช้ไม้บรรทัดสี (แทนที่จะบอกว่าขาวนะเฟ้ย) ใช้กันกัดเซาะหินปูนเทียบกับกรดและเปลือกหอย (แทนที่จะบอกว่า กันกรดนะเฟ้ย) หรือ เอาเส้นผมไปยกน้ำหนัก เอาไปตัดไข่ต้ม (แทนที่จะบอกว่าเส้นผมแข็งแรงขึ้นเฉยๆ) มีพรรคเทพแล้วก็ต้องมีพรรคมาร พวกนี้จะทำไม่ทำนามธรรมให้เป็นรูปธรรม แต่ทำนามธรรมเป็นความฝันไปเลย กลุ่มนี้แหละ โดนใจผู้บริโภคเต็มๆ ประเภทใช้แล้วเพศตรงข้ามหลงหัวปักหัวปำ ใช้แล้วขึ้นสวรรค์เห็นๆ ใช้แล้วสอบเข้าฮาร์วาดได้ ดูแล้วกลุ่มนี้น่าจะได้ใจผู้บริโภคได้มากกว่า เพราะเขารวบยอดไปเลยว่าถ้าเส้นผมยาว แข็งแรง และ สวยแล้ว นี่ไงผลที่จะได้ตามมา หรือ นี่ไงถ้าฟันไม่ผุปากไม่เหม็นแล้วผลที่ได้คืออะไร กินแล้วเซลสมองเพิ่มขึ้นกี่เซลส์ข้าไม่สนใจ ข้ามไปบอกเลยว่าสอบเข้าฮาร์วาดได้ อะไรแบบนี้ มันโดนกว่าไง แต่มันพิสูจน์ได้ยากไงว่าจะได้ผลตามนั้นไหม ... เลยทำให้มองผู้บริโภคออกได้เป็นสองกลุ่มไปด้วย ตามลักษณะการตลาดของสินค้า

ผมเสนอว่า ให้ใจแข็งเข้าไว้ก่อน พยายามเปรียบเทียบอย่างวิทยาศาสตร์ระหว่างของที่กำลังตัดสินใจซื้อ คนที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์อาจจะบอกว่า ผมทำไม่เป็นผมไม่ได้เรียนมา ก็กำลังจะเสนอเวอร์ชั่นแบบบ้านๆเข้าใจง่ายๆนี่แหละครับ

แรกเลยเราต้องมีการติ้งต่างผลลัพท์มันเสียก่อนว่าผลที่ได้มันน่าจะออกมาเป็นอย่างไร เช่น แอบใช้น้ำยาซักผ้านุ่มตัวใหม่ ซักผ้าปูที่นอน 2 ครั้ง แล้วถามคนในบ้านดู ถ้าเสียงข้างมากบอกว่านุ่มขึ้น แสดงว่ามันนุ่มขึ้นจริง หรือ กลับกัน ใช้น้ำยาตัวเดิม แต่แกล้งบอกว่า เนี่ยใช้ยี่ห้อใหม่นะ ยี่ห้อนี้โฆษณาว่านุ่มมั๊กๆเลย ถ้าเสียงข้างมากออกมาว่านุ่มขึ้นจริงแสดงว่า ตัววัดไม่ได้เรื่อง ฮ่าๆ ... หรือไม่ก็โฆษณานั่นได้ผลอย่างแรง (อย่างนี้ภาษาวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่าตั้งสมมุติฐาน)

อย่างต่อมาคือลองใช้ครับ แล้วต้องพยายามคุมสิ่งที่มีผลต่างๆให้เท่าๆกัน หรือ ใกล้เคียงกันที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ดังนั้นไม่ต้องถึงกับเอาเครื่องชั่งตวงวัดมาหรอกครับ มันมากไป หรือที่วัยรุ่นเรียกว่าเว่อร์ ถ้าวัดได้สะดวกก็วัด ถ้าไม่สะดวกก็เอาแค่สามัญสำนึกก็พอ ใช้เท่าๆกัน ในเวลาพอๆกัน ความถี่เท่าๆกัน อะไรแบบนี้ (ภาษาวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่า การควบคุมตัวแปร แล้ว ทดลอง) ไม่ใช่ว่าไม่ชอบครีมกันแดดยี่ห้อนี้ ทาน้อยๆตากแดดนานๆแล้วบอกว่ามันไม่ดี อย่างนี้อย่าทดลองดีกว่า นั่งเฉยๆให้ลมโกรกสบายกว่ากันเยอะ

อย่างที่สาม บันทึกผล ในกรณีที่ผลของการใช้เป็นความกว้าง ยาว สูง หนัก อันนี้ง่าย เอาอะไรวัดเก็บไว้ก็ได้ แบบรอบเอวก่อนใช้ vs. หลังใช้ อะไรแบบนี้ ถ้าผลของการใช้เป็น สี อันนี้ยากขึ้นนิดนึง แต่ก็ใช้กล้องถ่ายไว้ได้ เทียบเอาก่อนกับหลัง เวลาถ่ายก็คุมแสง สีและค่าต่างๆของ กล้องให้ดีๆก็แล้วกัน ถ้าผลของการใช้เป็นอะไรที่มันเป็นเรื่องที่ขึ้นกับความรู้สึก (อันนี้นักการตลาดชอบมาก เพราะวัดยาก ดังนั้นจึงจูงใจง่าย) เช่น นุ่มขึ้น (ผิว หรือ ผ้า) สบายขึ้น (ตัว) สะอาดขึ้น หอมขึ้น เหล่านี้คงต้องใช้ตัวคุณเองกับเพื่อนรอบข้างช่วยๆกันแล้วล่ะ ใช้หลักสถิติเข้าว่า เช่น ผ้านุ่มขึ้น ก็ลองแอบเปลี่ยนยี่ห้อโดยไม่บอกให้คนในครอบครัวรู้ แล้วลองถามความเห็นดู คุณอาจจะได้คำตอบที่ประหลาดใจก็ได้ ว่าไม่เห็นแตกต่างเลย เป็นต้น ดังนั้นเสียเงินแพงขึ้นทำไม แต่บางอย่างมันก็ต้องส่วนตั๊วส่วนตัวเหมือนกัน ถามใครก็ไม่ได้เช่น เครื่องใช้ส่วนตัวเป็นต้น (โดนเฉพาะในที่หรือจุดซ่อนเร้น) อันนี้ก็ตัวใครตัวมันล่ะกัน

แต่ก็ยอมรับอยู่ว่ามีสินค้าหลายอย่างที่วัดคุณภาพได้ยาก เพราะ beauty is in the eye of beholder หรือ ความสวยอยู่ที่คนมอง เช่น สินค้าแฟชั่น สินค้าความงาม สินค้าที่ขายยี่ห้อ สินค้าที่ขายรสชาติ เป็นต้น แต่ถ้าท่านมีศักยภาพเป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเหล่านั้น ท่านก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเรื่องที่ผมกำลังเขียนอยู่แล้วแหละ

นั่นๆ ผมเห็นคนยกมือค้าน "งั้นเดี๊ยนไม่ต้องเสียเงินลองมันไปหมดทุกยี่ห้อก่อนซื้อหรือเคอะ" ผมว่ามันไม่ต้องอะไรปานนั้นหรอกครับ ของราคาไม่กี่สิบบาท อย่าไปยุ่งยากกับมันเลย ชอบนางแบบ นายแบบโฆษณาคนไหนก็ซื้อยี่ห้อนั้นก็แล้วกัน ผมกำลังจะบอกว่าถ้าต้นทุนในการประเมินทดสอบมันมากกว่ามูลค่าสินค้า ก็ไม่ต้องไปทดสอบมัน แต่ถ้าราคาต่อหน่วยมันไม่เท่าไร แต่ใช้ทุกอาทิตย์ทุกเดือน ใช้ประจำ อย่างนี้ก็น่าจะลองซื้อยี่ห้อที่ถูกกว่า มาลองใช้เทียบเคียงแล้ววัดผลดูก็ได้นี่ครับ เผื่อว่าผลออกมาไม่แตกต่าง เราจะได้ลดลงมาใช้ของยี่ห้อที่ถูกกว่าแต่ผลได้เท่าเดิม เท่ากับของราคาแพงที่เคยใช้ (อย่าไปติดยี่ห้อเลยครับ) ของอุปโภคบริโภคสมัยนี้โดนค่าการตลาด ค่าโฆษณาไปตั้งเยอะ แค่จะวางสินค้าระดับสายตาในชั้นตามซุเปอร์ฯต่างๆก็ต้องจ่ายเพิ่มพิเศษเลยครับ ผมมักจะยอมก้มๆลงมองชั้นล่างๆ บางครั้งนั่งยองๆกับพื้นเลือกเอาเลย เพื่อหาของที่ดีพอกับรสนิยม(ที่ไม่สูง)ของผม ที่ราคาต่ำๆเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องไปจ่ายค่าชั้นวางในระดับสายตา

ถ้าลองทดลองเล่นๆกับของที่ใช้อยู่จริงๆ อาจจะพบผลการทดลองที่อาจจะอึ้งก็ได้ แล้วก็มานั่งคิดว่า นี่ตูจ่ายแพงกว่าไปตั้งหลายเดือน หรืออาจจะหลายปี หรือ ถ้าผลมันออกมาดีจริงว่าสินค้าที่ใช้มันเหนือกว่าคุ้มราคาที่แพงกว่า ก็จะได้มั่นใจว่าอย่างน้อยสำหรับสินค้าชิ้นนั้น ตูก็ไม่ใช่เหยื่อนักการตลาดก็แล้วกัน เพราะของมันดีจริงๆ

ซึ่งมันจะมีผลต่อการแผนลดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องรัดเข็มขัด อาจจะเถียงได้ว่า รัดเข็มขัดใครๆก็ทำได้แค่ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ใครทำแล้วจะกระทบกระเทือนคุณภาพชีวิตน้อยกว่า ฉลาดเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่า และเป็นระบบมากกว่ากัน ถ้าไม่รู้ว่าของที่ใช้อยู่มีคุณภาพ น้อยกว่า มากกว่า หรือ เท่ากับ เงินที่จ่ายไป จะตัดหรือลดคุณภาพของที่ใช้อย่างไร หรือ ทำได้ ก็ทำได้ด้วยการใช้ความรู้สึก ซึ่งก็ไปเหมือนกับที่ตอนเลือกบริโภคโดยความรู้สึกนั่นแหละ อีกครั้งหนึ่งที่ผมขอย้ำว่า ให้ดูความคุ้มในทางปฏิบัติด้วย ไม่ใช่ว่าต้องมาพิสูจน์อะไรตะพรึดตะพรือไป บางอย่างๆไม่ก็ไม่คุ้ม ปริมาณการใช้น้อยๆ นานๆใช้ครั้ง ต้นทุนการพิสูจน์สูงกว่าราคาของ ก็อย่าไปขี่ช้างจับตั๊กแตนเลยครับ จะขี่ช้างมันก็ต้องจับช้างซิครับ มุ่งไปที่ของที่เราใช้ประจำใช้บ่อยใช้มากๆ

ส่วนของที่มูลค่าสูงแล้วไม่สามารถทดลองใช้ได้ เช่น รถยนต์ โรงเรียนลูก หรือ (ว่าที่)ภรรยา ก็ต้องวิธีอื่นแล้วล่ะครับ ข้อแนะนำแนวๆนี้มีคนเขียนแนะนำไว้เยอะแล้ว ผมจะไม่เขียนซ้ำอีก

ที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับเราๆท่านๆแหละครับ ว่าจะนิยามคำว่า "คุ้มค่าเงิน" กันแค่ไหน คุ้มค่าของผม อาจจะเป็นความสิ้นเปลืองของอีกคนก็ได้ ...


Create Date : 17 กรกฎาคม 2551
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 11:08:05 น. 1 comments
Counter : 778 Pageviews.

 
สุดยอดความละเอียด


โดย: หมูหวาน ^@^ IP: 202.57.136.205 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:9:22:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.