ตั้งชื่อลูก..ยากกว่าที่คิด
อยู่กันมาจะสี่ปีกล้าพูดว่า เราสองคนไม่เคยทะเลาะกัน นั่นเพราะพ่อของเจ้าตัวเล็กใจเย็นมากกกกก ประดุจพ่อพระมาเกิด และแม่ของตัวเล็กก็ไม่ใช่ผู้หญิงหยุมหยิม ออกจะแมนซะด้วยซ้ำ ชีวิตคู่ของเราจึงราบรื่นเรื่อยมา จนกระทั่ง...และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่นำมาซึ่งความร้าวฉานของครอบครัว วันที่เรามีปากเสียงกันเป็นครั้งแรก (จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ออกเว่อร์ไปหน่อย แต่เรารู้สึกว่า เฮ้ย..เถียงกันเรื่องนี้อ่ะนะ) เรื่อง...แต่น แตน แต๊น ชื่อของลูกจนถึงวันนี้ 11 พ.ค.เจ้าตัวเล็กในท้องจะเจ๊ดเดีอนแล้ว เราก็ยังเรียกเค้าว่าเจ้าตัวเล็ก ส่วนพ่อเค้าเรียกตัวเล็กว่า Rudi เป็นชื่อเรียกเล่นๆตั้งแต่ตัวเล็กอายุได้ 11 สัปดาห์เพราะยังหาชื่อที่ชอบไม่ได้ พ่ออยากให้ลูกใช้ชื่อฝรั่งเพราะคงโตและเข้าโรงเรียนที่นี่ ส่วนแม่อยากให้ลูกมีชื่อไทย ก็มันเป็นคนไทยครึ่งนึงนิ สรุปว่าจะให้ใช้ double-name เยอรมัน-ไทย โดยใช้ชื่อเยอรมันตามด้วยชื่อไทย โอเค โนพรอม..แต่ปัญหามันอยู่ที่ แล้วจะใช้ชื่ออะไรล่ะ เราให้พ่อตัวเล็กไปหาชื่อเยอรมันมาก่อน แล้วเราค่อยตั้งชื่อไทยให้ลูก เสียงจะได้พ้องกัน คุณเชายก้ไปคัดมาได้ประมาณ 20 ชื่อ (น่าจะไปลอกมาจากในเน็ต พวกเว๊บตั้งชื่อลูก ไรเงี๊ย) แต่อุแม่เจ้า..ทำไมแต่ละชื่อมันเชยยยย อย่างนี้ บางชื่อก็ซ้ำกับเด็กอีกเป็นล้านเลยมั๊ง คุณชายเลยเกิดอาการงอน บอกว่า งั้นเธอลองเสนอมาบ้างซิ ไอ้เราก็มีอยู่ 4-5 ชื่อในใจที่ชอบ ถ้ามีลูกชายก็อยากให้ชื่อแบบนี้(ไม่ยกตัวอย่างนะ กลัวโดนใช้สิทธิพาดพิงน่ะ) พอบอกไปด้วยความมั่นใจ คุณชายตอบกลับมาว่า โห...แต่ละชื่อ มัน exotic เกินไป มีหวังโดนเพื่อนล้อตายตอนเข้าโรงเรียน แถมแขวะเราว่าชื่อฝรั่งตั้งแบบคนไทยไม่ได้หรอก เห็นอะไรก็ตั้งเป็นชื่อได้ น้อยหน่า (ชื่อเรา) ทุเรียน (ชื่อจริงแม่เรา) และอื่นๆ (ไม่ขอพาดพิงอ่ะ) อ้าววว....อีนี่เป็นอย่างนี้ตลอดเมื่อคุยกันเรื่องชื่อลูก เธอชอบ ชั้นไม่ชอบ ชั้นชอบ เธอว่ามันไม่ใช่ จนครั้งสุดท้ายโมโหก็เลยบอกไปว่า ถ้ามันยากนักก็ไม่ต้องตั้งมันแล้วชื่อเนี่ย เรียกมัน เฮ้ยๆ เฮ้ยลูก ก็แล้วกัน..ว่าแล้วก็สงสารตัวเล็กจริงๆ จะมีชื่อกับเค้ามั๊ยเนี่ย..รอไปก่อนนะลูกนะ
พาเจ้าตัวเล็ก 4 เดือนในท้องตะลุยอินโดไชน่า
จริงๆแล้วแพลนกันไว้ตั้งแต่ก่อนจะรู้ตัวว่าท้อง ว่าจะต้องกลับเมืองไทยช่วงนั้นเพราะบังเอิญนังคุณแม่มีธุระที่ต้องสะสาง แอนด์คุณพ่อก็ได้วันพักร้อนช่วงนั้นพอดี ก็เลยวางแผนกลับไปเมืองไทยก่อนและต่อด้วย กัมพูชา ลาว เวียดนาม ไม่มีใครห้ามใครเลยทริปนี้ ห้าวจัดกันทั้งตัวพ่อตัวแม่ จากนั้นก็ลงมือจองทุกอย่างทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศด้วยความบ้าปนห้าวก็ตั้งใจจะไปแบบลุยๆแบกเป้ไปกับรถโดยสาร หรือบางคืนก็คงนอนบนรถไฟเพื่อประหยัดค่าที่พัก ตามแผนก็ชิลๆข้อมูลแน่น กลัวที่ไหน อย่าได้แคร์ กะว่าได้มันกันล่ะคราวนี้ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ปจด.ขาด ใจแป้วนิดๆ ไปหาซื้อที่ตรวจครรภ์มาสองอัน (กะให้ชัวร์..อย่างงั้นเลย) โอ้ว..ตรวจสองครั้งผลเหมือนกันทั้งสองครั้ง ..ท้อง..ตกใจ++ วันรุ่งขึ้นรีบโทรนัดหมอ หมอนัดอีกหนึ่งอาทิตย์ (ไม่ทันใจวัยรุ่นเลยยย)..วันตรวจ แม่เจ้า..หมอบอกอิชั้นท้อง 7 weeks บวกรวมเวลาที่จะเดินทางอีกสองเดือนก็เป็นสามเดือนกว่าเกือบสี่เดือน แล้ว(กรู)จะกลับเมืองไทยยังไงล่ะเนี่ย(ตอนนั้นวิญญาณแม่ยังไม่สิงร่าง ลีมไปไม่ได้ห่วงเลยว่าถ้าเดินทางช่วงนั้นลูกจะเป็นไงมั่ง จะอันตรายมั๊ย คิดได้แต่ว่า(กรู)จ่ายตังค์ไปตั้งหลายแล้ว ถ้าเกิดไปไม่ได้ทำไงล่ะวะเนี่ยย..กลุ้มมาก เสียดายตังค์ ดู ดู๊ ดูดู มันทำ... พอชัดว่าท้องเท่านั้นล่ะ มาเลยครับอาการแพ้ท้องเหมือนมีปุ่มแพ้ท้องเปิด-ปิดอัตโนมัติยังไงยังงั้น งงกับตัวเองมาก หลังจากนั้นก็แพ้มากๆมาตลอดจนเข้าเดือนที่สาม ถอดใจกะว่าจะล้มโครงการแล้ว ทำใจตังก็คงขอคืนไม่ได้หรอก (แนะ..ยังไม่วาย) แต่..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เเพอผ่านเดือนที่สามไปแล้วอาการแพ้หายไปเยอะ ไม่อาเจียนบ่อย มีวิงเวียนคลื่นไส้บ้าง มึนหัวอยูบ้าง แต่ก็เป็นช่วงๆไม่หลินฮุ้ย เอาแล้ว she ก็เริ่มกลับมาคิดว่าน่าจะเดินทางได้นะ หมอนัดซาวน์อีกทีตอนได้สามเดือน หมอก็ว่าผ่านช่วงอันตรายไปแล้วเดินทางได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่อย่าโลดโผนมากนัก จริงดิ นังแม่ก็เกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนนั้นอยากกลับเมืองไทยมากจริงๆแพ้ท้อง อยากกินโน่น นี่ นั่น ไปหมด หากินแถวนี้ก็ไม่มี) หลังจากปรึกษากันเสร็จก็สรุปว่า..ไปปปปปปปปปปพะย่ะค่ะ แต่คงต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางนิดหน่อย เช่น การเดินทางไกลๆด้วยรถโดยสารหรือรถไฟซึ่งใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันในการไปแต่ละที่ ให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องบินทั้งหมด จ่ายเพิ่มเยอะเลยอ่ะ นี่ขนาดเป็นสายการบินโลว์คอสทั้งหมดน่ะ (มีประสบการณ์ฮาเกี่ยวกับการนั่งเครื่องบินเล็ก รุ่นใบพัดของการบินลาวจะเล่าให้ฟังด้วย แบบว่าฮามากปนระทีก เอาไว้เขียนแยกเป็นบล็อคใหม่ให้อ่านนะจ๊ะ) เครียดนะเรื่องเสียเงินเพิ่มเนี่ย แต่คิดตูแล้วก็สบายดี ไม่ทรมาน ไม่เหนื่อยมาก ทำให้ไม่เครียด ถึงแม้ว่าอาการแพ้ท้องจะยังมีอยู่เป็นระยะทำให้หงุดหงิดบ้างเป็นช่วงๆ สรุปว่าทริปนี้ตั้งแต่ออกเดินทางจากบ้านที่ซูริค ตัวแม่ พ่อและตัวเล็กในท้องแม่บินกันทั้งหมด 10 flightsเห็นจะได้ ทั้ง domestic & inter เริ่มจากซูริค-ดุสเซลดอร์ฟ-กรุงเทพ,เสียมเรียบ-เวียงจันทร์-หลวงพระบาง-ฮานอย-ดานัง-โฮจิมินท็ ซิตี้-กรุงเทพ-มิวนิด-ซูริค แต่ละที่ๆไปก็เดินกันจนขาลาก ต้องพักกันทุกๆ 300 m.เพราะไม่งั้นตัวอิแม่จะหงุดหงิดมาก และก็เป็นห่วงตัวเล็กในท้องด้วย ผลก็คือเกือบตายค่ะ เหนื่อยคอดๆ จะไปกันทำไมมมม.. ทุกวันนี้ก็ยังนั่งด่าและถามตัวเองอยู่ว่า เมื่อไหร่(มึง)จะเลิกติสท์ ห๊าาาาา แต่สุดท้ายเราสามคนก็ลากสังขารกลับมาจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย ปล. ถึงตัวเล็ก แม่รักตัวเล็กกับพ่อมากๆนะ เพราะทริปนี้ทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่แค่ไหน และตัวเล็กของแม่ก็อดทนมากๆ อึดจริงอะไรจริง เป็นบุญของแม่นะ แต่จะเป็นกรรมของหนูรึเปล่า แม่ก็ไม่แน่ใจ ฮ่ะ ฮ่ะ LOVE YOU จ้ะ