All Blog
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่12
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน”           ตอนที่12



กองกำลังผสมของซามูไรจากญี่ปุ่นและนักฆ่าจากต้าชิงบุกเข้าวังหลวงอย่างเปิดเผย ไม่มีทหารหรือองครักษ์มาต่อต้าน เพราะต่างยังถูกพิษยาสลบอยู่ เป้าหมายที่มุ่งไปคือตำหนักใหญ่ที่ประทับของพระเจ้าจองโจ

“นอกจากพวกองครักษ์สามคนนั่นแล้ว พระเจ้าจองโจก็ไม่มีใครอารักขาอีก สงสัยข้าคงจะไม่ต้องลงมือแล้วมั้ง เสียเวลาจริงๆ เพลงดาบของข้า ต้องมาใช้กับพวกกระจอกอย่างนั้นหรือ” เฉาต้าเหยบ่น

“พวกมันสามคนเคยพ่ายให้ท่านคเยนโจมาก่อนขอรับ นายน้อย ท่านคนเดียว คงรับมือได้ไม่ยาก” ชองฮึงมุน บอกกับมัตสึโมโต้ เซจิ ที่ครั่นเนื้อครั่นตัว อยากฆ่าคนเสียเหลือเกิน

“ว้า..... เซ็งชะมัด ข้าเคยสู้กับยออุนมาแล้ว ในโชซอนนี่ มีใครฝีมือใกล้เคียงกับเจ้านั่นรึเปล่า” เซจิถามฮึงมุน

“นอกจากยออุนแล้ว ก็มีแต่จอมดาบอันดับหนึ่ง เพ็กทงซู ที่คู่ควรให้นายน้อยสู้ด้วยขอรับ”

“เสียดายว่ามัน ตายไปแล้ว......... เจ้ายออุนนั่น.... ก็บ้าไปแล้วด้วย” เซจิบ่น

“แต่พวกข้ายังอยู่......” เสียงของซาโมและฮวางจินกิดังอยู่ข้างหน้า ขวางทางไปตำหนักใหญ่

“เจ้านั่น........... ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนนึงขอรับ มันเคยเอาชนะข้าน้อยมาแล้ว” ชองฮึงมุนบอกกับเซจิ

“ดี.............. งั้นเจ้าสองคนนี้ พวกข้าจัดการเอง ท่านสามคนพี่น้อง ไปตัดหัวพระราชา กำนัลให้ฮงซังบอมเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าจะไปสนุกของข้าล่ะ” แล้วพวกซามูไรญี่ปุ่น ก็วิ่งไล่ตามพวกของซาโม ที่ล่อพวกนักฆ่าไปอีกทาง คงเหลือแต่พวกสามมัจจุราช และนักฆ่าจากต้าชิงกลุ่มนึงเท่านั้น

“เจ้าพวกญี่ปุ่นนั่น ถูกหลอกให้ตามไปยังไม่รู้ตัวอีก ช่างเถอะ รีบไปตำหนักใหญ่เร็วเข้า...” เฉาต้าเหย สั่งน้องๆ

...

..

มัตสึโมโต้ เซจิ เร็วอย่างเกินความคาดหมาย เพียงแค่ชั่วครู่ ก็ไล่ตามซาโมกับจินกิได้ทัน ซามูไรหนุ่ม กระโดดลอยตัวมายืนขวางหน้าผู้เฒ่าทั้งสองอย่างรวดเร็ว

“ท่านสองคน ถือว่าเป็นยอดฝีมือของโชซอนที่เหลืออยู่ในตอนนี้สินะ งั้น...... ก็เข้ามาพร้อมกันเลย....”

“นายน้อย.... ไม่ให้พวกข้าน้อยจัดการหรือขอรับ” ชองฮึงมุนถาม

“พวกเจ้ารออยู่เฉยๆ สองคนนี้ ข้าจะจัดการเองคนเดียว เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง................ ข้าจะไม่ใช้ดาวกระจาย จะประลองด้วยเพลงดาบอย่างเดียว อยากรู้จัง ว่าดาบของอดีตนักฆ่าชั้นสูงของสำนักโคมดำ กับ มีดเฉือนเนื้อของน้องร่วมสาบานดาบเทพยดา จะร้ายกาจซักแค่ไหน.... ท่านผู้เฒ่า.........เชิญลงมือ” เซจิบอกให้เฒ่าทั้งสองลงมือ ในขณะที่ตนเองก็เหวี่ยงดาบด้วยความรวดเร็วยิ่งนัก ดาบซามูไรกวัดแกว่งไปมา คมต่อคมปะทะอย่างดุเดือด หนึ่งดาบซามูไรสู้กับดาบนักฆ่าและมีดเฉือนเนื้ออย่างออกรสชาติ ดูเหมือนว่า มัตสึโมโต้ เซจิ จะสนุกกับการไล่ต้อนเหยื่อช้าๆ

เพลงดาบซามูไรที่ไวและแข็งแรงกว่า ย่อมได้เปรียบสองผู้เฒ่าที่เชื่องช้าลง ซ้ำกำลังก็เริ่มถดถอยไปตามวัย บางขณะที่ฮวางจินกิพุ่งดาบช้าไปหนึ่งจังหวะ เซจิสามารถถือโอกาสสังหารได้ทันที แต่ซามูไรหนุ่มที่สนุกกับการล่ากลับยั้งมือและแค่กรีดไหล่ของอดีตนักฆ่าเฒ่าให้เป็นแผลบางๆเท่านั้น ซาโมที่ใช้มีดคู่ฟาดลงมาที่ซามูไรหนุ่ม แต่ก็ถูกดาบยาวนั้น รับคมมีดทั้งสองไว้ได้ และใช้เท้าถีบซาโมกระเด็นออกมา

เขลากดาบยาวไปตามพื้นให้เกิดประกายไฟและเสียงดัง จ้องมองผู้เฒ่าทั้งสอง เหมือนหมูป่าแก่ๆสองตัว ที่กำลังจะถูกเสือดาวขย้ำก็ไม่ปาน ทั้งซาโมและจินกิรู้ดีว่า การเสี่ยงตายครั้งนี้ อาจร้ายมากกว่าดี แต่ในใจก็นึกว่าดีแล้ว ที่เซจิค่อยๆฆ่าพวกตนช้าๆ ถ่วงเวลาให้พวกองครักษ์ฟื้นจากการสลบ และรอให้ยออุนมาช่วยโดยไว ทั้งคู่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันว่า ต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด ทั้งสองคนเปลี่ยนจากบุกจู่โจม เป็นเดินรอบตัวซามูไรหรุ่มแทน ค่อยๆหยั่งเชิงไปเรื่อยๆ เซจิเองที่แปลกใจกับท่าทีของทั้งคู่ ก็ยังไม่กล้าลงมือ เพราะกลัวพลาดพลั้งเสียทีง่ายๆ

...

..

กลุ่มนักฆ่าจากต้าชิงที่นำโดยสามมัจจุราชแห่งซานตง เดินถึงหน้าประตูตำหนักใหญ่ เฉาต้าเหย สั่งให้ลูกน้องคนอื่นๆ รออยู่ที่ด้านนอก ส่วนตนเองกับน้องสองคน จะบุกเข้าไปด้านในเพื่อตัดศีรษะพระเจ้าจองโจให้ได้

เมื่อเข้ามาในประตูชั้นในแล้ว สามมัจจุราชก็เห็นพระเจ้าจองโจถือดาบยืนรออยู่พร้อมกับองครักษ์ทั้งสาม ที่ด้านหลังพระราชาและพวกมีประตูเปิดเข้าไปอีกห้องนึง พวกพระเจ้าจองโจ หลบเข้าไปด้านใน ฝ่ายของสามมัจจุราชคิดว่าพระราชาจะทรงหนี เลยวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะพลาดผลงานใหญ่ จึงลืมสังเกตว่าห้องที่พวกตนผ่านเข้าไปนั้นเป็นประตูกล ซึ่งฮงกุกยงทำเอาไว้นั่นเอง เมื่อเข้าไปแล้ว ประตูก็ปิดลง

สามมัจจุราชติดอยู่ในห้องๆหนึ่ง ด้านหน้าคือทางออกที่กลุ่มของพระราชาเพิ่งจะผ่านไป เมื่อวิ่งข้ามห้องไปได้ไม่ทันไร ลูกศรจำนวนมากก็พุ่งใส่คนทั้งสาม แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะนักฆ่าทั้งสามอาศัยความรวดเร็วหลบพ้นลูกศรได้ทั้งหมด รูเล็กๆรูหนึ่งพ่นควันออกมา แต่ทั้งสามก็เอาตัวรอดหลบไปได้อีก เฉาต้าเหยและหลูเอ้อเหย อาศัยจังหวะที่กลไกยังไม่ทำงานรีบผ่านห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่หวีซันเหยที่ยังติดอยู่ในห้อง เพราะตามออกไปไม่ทันเนื่องจากทางเดินแคบมาก

เมื่อสองพี่น้องพ้นออกไปได้แล้ว ก็เหลือแต่น้องสาม ที่ต้องรับมือกลไกและอาวุธลับต่างๆในห้องนั้นตามลำพัง นักฆ่าเจ้าของฉายายูไลแปดกรไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย เพราะตนก็ได้ชื่อวาเชี่ยวชาญเรื่องอาวุธลับดีที่สุดไม่ด้อยกว่าใครอยู่แล้ว ทั้งสามารถหลบได้อย่างว่องไว และปล่อยอาวุธลับของตนทำลายกลไกได้ด้วย

เฉาต้าเหย และหลูเอ้อเหย ที่รอดพ้นจากห้องกับดักไปสองคนนั้น พบองครักษ์ทั้งสามยืนขวางทางเข้าห้องประทับชั้นในอยู่ ซังกัก ยงกอล และแทยง พร้อมตุอสู้ด้วยค่ายดาบสามสหาย ที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่แค่สามคน จะสู้นักฆ่าระดับพระกาฬได้กระนั้นหรือ อย่างไรเสีย ทั้งสามคนก็มีทีท่ามั่นใจมาก

“เจ้าสามคนจะสู้กับข้าสองพี่น้องงั้นเหรอ อยากตายนักใช่มั้ย” หลูเอ้อเหยถามพวกซังกัก พลางชักทวนคู่ขึ้นมา

“อย่างน้อยก็ช่วยให้ฝ่าบาทหนีพวกเจ้าไปได้ก็แล้วกัน.............. พวกองครักษ์จะตามมาช่วยอย่างแน่นอน” ซังกักพูด

“งั้นหรอ...... น้องรอง เจ้าพวกสามคนนี้เคยแพ้เจ้าแทอุงอินจูมาก่อน คงไม่เกินกำลังเจ้า ที่เคยชนะแทอุงมาแล้วใช่มั้ย......... ฆ่ามันซะ ข้าจะไปตามล่าพระราชาเอง ก่อนที่มันจะหนีรอด”

“ขอรับ ............. ท่านพี่” หลูเอ้อเหยรับคำพี่ใหญ่แล้วกระโจนเข้าจู่โจมสามสหายองครักษ์ทันที ซึ่งทั้งสามคนก็พร้อมตั้งรับอย่างเต็มที่สุดกำลัง ยอมพลีชีพเพื่อพระราชาอยู่แล้ว ทวนคู่แทงขึ้นแทงลงอย่างรวดเร็ว ดาบสามสหายก็รับมืออย่างทุลักทุเล แต่ก็ผลัดกันจู่โจมและตั้งรับเป็นระยะๆ ซังกักกระโดดลอยตัวสูงหมายจะฟันดาบใส่เอ้อเหย แต่นักฆ่าจากต้าชิงก็ไวกว่า แทงหอกขึ้นฟ้าสกัดดาบของซังกักและกรีดสีข้างขององครักษ์หนุ่มที่ลอยตัวอยู่ให้เป็นแผลบางๆและหล่นลงพื้น

ยงกอลได้จังหวะแทงดาบใส่เอ้อเหยทันที แต่ทวนอีกเล่มเหมือนมีชีวิต ควงเป็นวงกลมรับสภาวะดาบของยงกอลไว้ได้ นักฆ่าหมุนตัวและใช้ศอกกระแทกยงกอลล้มลง ขณะที่แทยงฟาดดาบจู่โจมช่วงล่าง แต่เอ้อเหยกระโดดหลบและอาศัยจังหวะเตะแทยงกระเด็นออกไป

...

..

เฉาต้าเหยวิ่งไล่ตามไป... จนพบพระเจ้าจองโจอยู่ในด้านในพระตำหนัก...................กระบี่ปลิดวิญญาณถูกชักออกมา เพื่อสังหารพระราชาแห่งโชซอน ปลายกระบี่ชี้ไปที่พระอุระของพระเจ้าจองโจ

“วันนี้ คือวันตายของพระองค์...................ศีรษะบนคอน่ะ................ขอให้ข้าเถอะ............ไม่มีใครช่วยชีวิตพระองค์ได้อีกแล้ว...............เตรียมทำใจตายได้” เฉาต้าเหยเตรียมท่าจะจู่โจมใส่ พลันสัมผัสไอสังหารได้จากด้านหลังพระราชา ........................................ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมไอสังหาร เตรียมลงมือต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อปกป้องชีวิตของพระราชา ในมือถือดาบยาวพร้อมปะทะกับกระบี่ที่รวดเร็วของศัตรู

“เจ้าอาจจะทำไม่ได้ก็ได้มั้ง.....................เฉาต้าเหย” จอมดาบหนุ่มพูดกับนักฆ่าด้วยทีท่ากระหยิ่ม

“เพ็ก– ทง – ซู” กระบี่ปลิดวิญญาณอุทานชื่อของผู้ที่ปรากฏตัวด้วยความตกใจ

“เจ้า.........................ทำไม..............ถึงยังไม่ตาย”

“จะบอกเจ้าให้ก็ได้............... ข้า......................มีสิ่งที่กลัวอยู่สองอย่าง.............หนึ่งคือกลัวตาย........ข้าถึงไม่ยอมตายยังไงล่ะ...............และสอง..........................คือกลัวไม่ได้ฆ่าเจ้า.......”

“คิดไม่ถึงจริงๆ........................ก็เจ้า.....................ไหนพวกนั้นบอกว่าตายไปแล้ว.................เจ้าถูกพิษของถังชุนตายไปแล้วตั้งแต่เจ็ดวันก่อน.........................แล้วนี่............เจ้ากลับมาโผล่ที่นี่.................ได้ยังไง................. ก็ดี...................วันนี้................. ข้าจะได้สู้กับเจ้าให้สนุก...............เพ็ก – ทง – ซู”

“ทำไมข้าถึงยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ.....................อา..............นั่นสินะ” เพ็กทงซูอมยิ้ม ในใจหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีความสุขอิ่มเอมเป็นพิเศษ จนเฉาต้าเหยประหลาดใจ

“บอกได้มั้ย...........ว่าเจ้าถอนพิษได้ยังไง เพ็กทงซู”

“เพราะข้ามีหมออันดับหนึ่ง...........หมอที่ดีที่สุดในโชซอน ช่วยข้าไว้น่ะสิ” พลางอมยิ้มต่อไป

...

..

ที่ลานกว้างปะรำพิธี.............

“เจ้า.................... ไม่เสียใจ ที่เพ็กทงซูตายอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ก็เจ้านั่น เป็นคนที่เจ้ารักและห่วงใยที่สุด เจ้าอยากปกป้องมันด้วยชีวิต แล้วทำไม เจ้าถึงไม่เสียใจจนเป็นบ้าล่ะ...................อุน” ถังชุนเอ่ยถามยออุน เพราะสงสัยในสีหน้าแววตาที่สงบนิ่งของยออุน

“เพ็กทงซูเป็นคนที่รักและห่วงใยที่สุด..... ก็จริง............... ข้าพร้อมจะปกป้องเค้าด้วยชีวิต.....ก็ใช่................. แต่ทำไม ข้าจะต้องเสียใจจนเป็นบ้าด้วยล่ะ............... ชุน...................... ข้าน่ะ.............. ไม่ยอมให้เค้าตายเพราะฝีมือเจ้าหรอก”

“หรือว่า...............เจ้านั่น......มัน.......... ยังไม่..................... เพ็ก - ทง – ซู” ถังชุนอุทานชื่อของคนที่ควรจะตายไปแล้ว

“อา........... ข้าว่าเจ้าน่าจะเดาได้นี่.......ชุน” ยออุนเปิดผมที่บังแก้ม ให้ถังชุนเห็นรอยแผลทั้งสามรอยชัดๆ

“แผลเป็นนั่น.................. เจ้าได้มายังไง แผลที่ใบหน้า หรือว่า เจ้าถูกพิษจันทราอาดูรด้วยงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ พิษของข้า ถ้าข้าไม่ต้องการแพร่พิษ เจ้าจะถูกพิษได้ยังไง นอกเสียจากว่า................. ไม่จริงหรอกน่า......................เจ้าใช้วิธีการขับพิษแบบเหมันต์รัญจวนอย่างนั้นหรือ........................ แต่ว่า.....อุน............เจ้า...........กับเจ้านั่น.........เพ็กทงซู....................... ก็ในเมื่อ.............แล้ว................. ถอนพิษสำเร็จอย่างนั้นหรอ................. พิษจันทราอาดูรมีคนถอนพิษสำเร็จ.......................อุน.................เจ้า.............ถอนพิษของข้าได้................ แผลที่ใบหน้า..............แสดงว่าพิษแล่นเข้าใบหน้า................... เจ้าสกัดพิษไว้ แล้วกรีดหน้าเพื่อไล่พิษออกทางบาดแผลสินะ.................ฮ่าฮ่าฮ่า....................... นึกไม่ถึงจริงๆ............. ฮ่าฮ่าฮ่า.................” ถังชุนหัวเราะราวกับคนบ้า

...

..

คืนพระจันทร์เต็มดวง เจ็ดคืนก่อนหน้านี้

“สวยจัง..............แสงจันทร์เต็มดวงนี่ช่างงดงามจริงๆ คล้ายกับใบหน้าของเจ้าเลย..........................อุน” เพ็กทงซูค่อยๆหลับตาลง เอียงศีรษะไปซบบ่าขวาของยออุน พระจันทร์ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว จันทร์เต็มดวง แผ่รัศมีเย็นเยือกหัวใจออกมา ร่างของบุรุษหนุ่มผู้เป็นจอมดาบอันดับหนึ่งของโชซอนสงบนิ่ง ร่างกายเย็นเยียบ ผิวซีดขาว

“ทงซู..................ทงซู............................ทงซู.........” ยออุนนั่งนิ่ง พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่พูดอะไร ไม่ร้องลั่นเสียงดัง แต่น้ำตาก็ยังไหลทะลักออกมา เสียงร้องครวญครางเครื่ออยู่ในลำคอด้วยความเจ็บปวด แม้ร่างนั้นจะเย็นเฉียบ แต่เขาก็กอดร่างนั้นไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย พยายามเขย่า ราวกับหวังว่าร่างนั้นจะฟื้น แต่ก็ไม่เป็นผล

“ไม่....... ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตาย.....................วิธีนั้น...... อาจได้ผลก็ได้..........” ภายใต้แสงจันทร์ ยออุนถอดเสื้อผ้าของเพ็กทงซูออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำบึกบึนเปลือยเปล่า ที่เคยผิวขาว บัดนี้ คล้ำไปบ้างเพราะผ่านการต่อสู้มาโชกโชน บนแขนของจอมดาบหนุ่ม มีรอยแผลเป็นอยู่หลายที่ แผลเหล่านั้น เกิดจากการต่อสู้กับเพื่อนรัก เพื่อกระตุ้นให้ตนยอมลงมือฆ่าอีกฝ่าย หมอหนุ่มจำได้ดี เพราะแผลบนแขนของทงซูนั้น ตนเป็นคนสร้างเอง เพื่ออยากให้ทงซูสังหารตน แต่ตอนนั้น ยออุนไม่ได้สังเกตว่า ถึงเพ็กทงซูจะถูกฟันที่แขนหลายแผล แต่ที่เจ็บที่สุดคือหัวใจ เจ็บที่ต้องเข่นฆ่ากับคนที่รักและผูกพันที่สุดนั่นเอง

หมอหนุ่มหยิบเข็มทองของตนออกมา และใช้วิชาฝังเข็มเคลื่อนย้ายชีพจรอีกครั้ง เป้าหมายไม่ใช่เพื่อสกัดพิษ แต่เพื่อกระตุ้นให้พิษกำเริบขึ้น พิษจันทราอาดูร ที่กำเริบแล้ว จะกระตุ้นกำหนัดของพลังธาตุหยินให้รุนแรงขึ้น และต้องใช้พลังธาตุหยางของบุรุษผู้ทักษะยุทธไปสร้างความสมดุล ยออุนเริ่มต้นฝังเข็มทั้งสิบแปดเล่มด้วยความรวดเร็ว แต่ละจุดแม่นยำและหนักหน่วงจนครบทุกเล่ม กระตุ้นให้เพ็กทงซูคืนสติขึ้นมาพร้อมอาการพิษกำเริบอย่างรุนแรง

“อุน................ข้า................ร้อนเหลือเกิน .................. ข้า...............ไม่ไหวแล้ว...................” เพ็กทงซูคว้าร่างที่อยู่ใกล้ตนที่สุดไปสวมกอดทันที ปากว่าร้อน แต่สักพัก ร่างกายก็เริ่มหนาวสั่นขึ้นมาอีก แล้วยิ่งกอดยออุนแน่นขึ้น

“ทงซู........................” หมอหนุ่มเรียกชื่อ แล้วไม่รอช้า อุ้มร่างของเพ็กทงซูไปที่บ่อน้ำร้อนบนเขาทันที เมื่อถึงที่หมายแล้ว ก็โยนร่างของคนถูกพิษลงไปในน้ำอย่างแรง อาศัยพลังของน้ำ ช่วยปรับสภาพพลังธาตุในร่างของทงซูเสียก่อน น้ำที่ร้อนบวกกับกระแสไหลเวียนต่อเนื่องช่วยปรับพลังธาตุหยินให้เบาลงได้ จากนั้น ตนเองก็ถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเปล่าไม่ต่างจากคนที่ถูกโยนลงไปก่อน หยิบเข็มทองมาฝังให้ตนเอง เพื่อกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างให้ขยายตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกระโจนตัวลงไปในบ่อน้ำร้อนเช่นกัน

ร่างเปลือยเปล่าแนบชิดภายใต้สายธารแห่งบ่อน้ำร้อน ราวกับมังกรขาวสองตัวกำลังกอดรัดพัวพันกันใต้มหาสมุทรก็ไม่ปาน บ่อน้ำร้อนเป็นราวกับบ่อน้ำวน กระแสน้ำหมุนเชี่ยว แผ่พลังคลื่นความร้อนออกมาภายนอกบ่อราวทะเลเดือด คลื่นน้ำในบ่อถาโถมทะลักล้นจนภายนอกบ่อมีน้ำสาดกระจายเปียกไปหมด

เพราะจะต้องมอบพลังธาตุหยางของตนให้กับเพ็กทงซู ยออุนจึงจำต้องเป็นฝ่ายรุก มังกรขาวเคลื่อนตัวไปยังถ้ำใหญ่ที่เข้าไปได้ หลังจากเบียดร่างเข้าไปได้แล้ว พญามังกรขาวก็พ่นเปลวอัคคีออกมาในถ้ำนั้น อดีตชอนจูสำนักโคมดำส่งเสียงครางออกมาก่อนหลังจากที่ปลดปล่อยพลังธาตุหยางออกไป จากนั้นจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอนก็ร้องครางออกมาเช่นกัน ถ้ำที่เย็นเยือก ก็พลันอุ่นขึ้นมาในทันใด ความหนาวภายในถ้ำค่อยๆลดลง ลดลงเรื่อยๆ กลายเป็นความอบอุ่น และสบายกว่าก่อน พญามังกรขาวมีความรู้สึกสบายตัวและมีความสุขในแบบที่ไม่เคยสัมผัสเกิดขึ้นมา ...... ทว่า............ เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ พญามังกรขาวกลับตัวเย็น สั่นเทิ้ม และเริ่มซีด มังกรที่สูญเสียพลังธาตุหยางไปนั้นค่อยๆหดตัวและเคลื่อนออกจากถ้ำ ร่างกายเริ่มจับตัวแข็งเพราะรับเอาพิษเย็นจากในถ้ำออกมาด้วย ปากเริ่มซีด และไม่มีเสียง

เพ็กทงซูได้สติกลับคืนอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติ แต่เขายังจดจำความรู้สึกเมื่อครู่นี้ได้ดี เป็นความรู้สึกที่สุขอย่างประหลาด สุข แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ช่างปลอดโปร่งและโล่งเบาอย่างที่ไม่เคยมาก่อนจริงๆ จอมดาบหนุ่มรู้เหตุผลดี และระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ได้ แม้จะไม่เชื่อตัวเอง ว่าเมื่อครู่นี้จะมีบางอย่างพิเศษที่ยออุนทำให้กับตน บางอย่างพิเศษ ที่ผิดวิถีธรรมชาติของบุรุษทั่วไป แต่ก็เป็นสิ่งพิเศษที่มีความสุขมากๆจริงๆ และเป็นความสุขที่มีเฉพาะพวกเขาสองคนเท่านั้นจะรับรู้และสัมผัสได้ ชายหนุ่มรีบหันไปมองร่างของคนข้างๆอย่างรวดเร็ว

ร่างของยออุนนอนนิ่งในกระแสน้ำไม่สั่นไหว ตัวเย็นเฉียบและซีดขาว เพ็กทงซูรู้โดยทันใดว่า ยออุนดูดซับพิษจันทราอาดูรจากร่างของเขาไปสู่ร่างของตนเอง ไม่รอช้า ทงซูดำน้ำลงไปกอดร่างของอุนเอาไว้............... ร่างสองร่างผนึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มังกรขาวสองตัวรวมร่างเพื่อถ่ายทอดพลังธาตุหยางสู่กันและกันอีกครั้ง เพ็กทงซูถ่ายทอดพลังธาตุหยางของตนเข้าสู่ร่างโปร่งของยออุน เป็นอีกความรู้สึกนึงที่แตกต่างจากเมื่อครู่ ความรู้สึกของการรุก เป็นอะไรที่เร้าใจกว่า ไม่นานนัก เพ็กทงซูก็ครวญเสียงดังด้วยความสุขแห่งการปลดปล่อย จากนั้น ผู้ที่เปลี่ยนสถานะจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับ ก็เริ่มครางเบาๆออกมาเช่นกัน พลังธาตุหยางที่ปกป้องและคุ้มครองธาตุในกายของกันและกัน ช่วยสลายพิษเย็นของจันทราอาดูรไปจนเกือบจะหมดสิ้น

ยออุนได้สติที่แจ่มชัดกลับคืนมาแล้ว และจำความรู้สึกสุขพิสดารนั้นได้แม่นยำ แต่พิษจันทราอาดูรกลับมีผลต่อสรีระของอุนแทน พิษเย็นค่อยๆแทรกซึมไปตามกระแสเลือดและผ่านขึ้นสู่ใบหน้าของหมอหนุ่ม จากใบหน้าที่เคยขาวใส กลายเป็นหน้าเขียวหน้าแดงเพราะอำนาจของพิษร้าย แม้จะอยู่ในร่างที่เปลือยเปล่าแต่ยออุนก็พาเพ็กทงซู กระโดดขึ้นฝั่งทันที ใช้เข็มทองสกัดจุดตนเองที่ตำแหน่งคอ และใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้พิษไปอยู่รวมกันที่แก้มขวาของตนเอง

“หยีบมีดในห่อผ้าออกมา.............เร็วเข้า.....” ยออุนสั่งเพ็กทงซู

“เจ้าจะให้ข้าทำอะไร..........อุน................เจ้าจะเอามีดไปทำอะไร” เพ็กทงซูถาม

“กรีดใบหน้าข้าที เริ่มจากรอยแผลเป็นเดิมที่เจ้าทำเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน จนกว่าจะครบสามแผล” เพ็กทงซูทำตามที่ยออุนบอก กรีดใบหน้าของยออุนให้ได้สามแผลเป็นทางเดียวกัน เลือดพิษไหลออกมาทางบาดแผลทั้งสามแผลอย่างช้าๆอย่างช้าๆ

“แล้วไงต่อล่ะอุน”

“ฝังเข็มอีกเล่มให้ข้าที เอาที่จุดกลางกระหม่อมนะ”

“แต่ข้าไม่เคยฝังเข็มแบบนี้ให้ใครมาก่อน อุน............ แล้วจะ.......”

“เจ้าต้องฝังเข็มขับไอเย็นให้ข้า............ ไม่งั้นข้าจะถูกพิษไอเย็น แทรกเข้าหัวใจจนตาย ..... ทงซู.... เร็วเข้า”

เพ็กทงซูฝังเข็มตามตำแหน่งที่ยออุนชี้บอก ควันเย็นๆลอยออกมาจากกลางกระหม่อมของยออุน หมอหนุ่มสะลึมสะลือและหมดแรงสลบลงไปในอ้อมแขนของเพ็กทงซูทั้งๆที่ยังเปลือยกายกันอยู่ทั้งคู่ เพ็กทงซูสังเกตใบหน้าของยออุนที่เต็มไปด้วยเลือดพิษซึ่งออกมาจากแผลที่ตนเองกรีด สีหน้าที่มีสีเขียวแดงเมื่อครู่ ค่อยๆจางลงเป็นสีขาวปกติแบบเดิม จอมดาบหนุ่มใช้มือของตน ค่อยๆเช็ดรอยเลือดออกจากใบหน้าของหมอหนุ่มที่หลับใหลอยู่ และมองใบหน้าที่งดงามนั้นด้วยความซาบซึ้งใจและขอบคุณ ไม่ใช่เพียงขอบคุณที่ช่วยชีวิตของตนไว้ แต่ขอบคุณที่มอบความสุขในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับตน เป็นประสบการณ์รักที่ตราตรึงใจของเพ็กทงซูจริงๆ

...

..




Create Date : 27 มกราคม 2556
Last Update : 27 มกราคม 2556 15:08:39 น.
Counter : 1690 Pageviews.

10 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่11
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน”         ตอนที่11


“แผลที่ใบหน้าของท่าน    เปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ไม่ใช่แผลเป็นที่ติดตัวนายท่านมาห้าปี แต่กลายเป็นรอยแผลใหม่ขึ้นมา ราวกับว่านายท่านกรีดใบหน้าของตนเองอีกครั้งนึงอย่างนั้นแหละ แถมเพิ่มเป็นสามรอยด้วย เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าคะ” กูฮยางถามยออุน หลังจากที่หญิงสาวเข้ามารายงานสถานการณ์ที่บ้านซาโม

“อา....... ไม่รอดพ้นสายตาเหยี่ยวของเจ้าจริงๆด้วย ข้าถูกคนอื่นกรีดใบหน้ามาน่ะ”

“ใครกันเจ้าคะ ใครที่มีฝีมือสูงส่งถึงกับทำร้ายนายท่านได้”

“เค้าไม่ได้ทำร้ายข้า แต่ข้าเต็มใจให้เค้ากรีดเอง”

“ผู้ที่บังอาจกรีดใบหน้าท่าน ไม่สิ ผู้ที่นายท่านให้เค้ากรีดแผลที่ใบหน้า ใช่.... ท่านผู้นั้นรึเปล่าเจ้าคะ”

“อา.......คนๆนั้นนั่นแหละ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ ข้าคงจะถูกพิษตาย หรือใบหน้าเสียโฉมยิ่งกว่านี้ไปแล้ว” ยออุนพูดไปด้วยรอยยิ้ม แต่แก้มเริ่มแดงเรื่อๆด้วยความเขินเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

“แต่ว่า..............ทำไมนายท่านถึงได้ถูกพิษ หรือว่า จะเป็น พิษจันทราอาดูณหรือเจ้าคะ....เป็นไปไม่ได้....ก็......”

“แต่มันเป็นไปแล้วกูฮยาง.......... ข้าไม่อยากโกหกเจ้า แต่ก็จะไม่เล่าให้เจ้าฟัง เจ้ารู้เรื่องพิษจันทราอาดูรเป็นอย่างดี คงจะเดาออกว่า คืนนั้น เกิดอะไรขึ้น แต่เจ้าต้องจำไว้ นี่เป็นความลับของข้า ห้ามเจ้าเปิดเผยอย่างเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ.......... นายท่าน” กูฮยางรับปาก ด้วยสีหน้าไม่เชื่อหูตนเอง ว่าเรื่องบางอย่างจะเป็นไปได้

“พวกนั้น เป็นยังไงบ้าง ผ่านไปสองคืนแล้ว ยังเศร้ากันอยู่มั้ย”

“เจ้าค่ะ แล้วจากนี้ไป นายท่านจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”

“เอาจดหมายนี่ไปให้โชริบ เจ้านั่นจะเข้าใจทุกอย่างเอง แล้วเจ้าช่วยปล่อยข่าวให้ด้วย ว่ามีหมอคนนึง เอาแต่นั่งดื่มเหล้าราวกะคนบ้า ข้าต้องการให้เป็นที่สนใจมากๆ พวกฮงซังบอมจะได้หลงเชื่อสนิทใจ ว่าข้าไม่ได้แหกตาพวกมัน”

“แล้วเรื่ององค์ชายอึนจอนล่ะเจ้าคะ จะจัดการยังไง”

“ข้า จะให้องค์ชายน้อยมาเป็นพยานเรื่องลอบปลงพระชนม์ให้เอง ไม่ต้องห่วง สองวันนี้ ข้าแอบดูเจ้าหนุ่มนั่นอยู่ ท่าทางไม่ได้อยากเป็นพระราชานักหรอก ข้าดูออก ว่าเค้าถูกบีบจากพระสนมปาร์คและฮงซังบอมให้ร่วมมือ ไว้ข้าจะเกลี้ยกล่อมเค้าเอง ถ้าเบี้ยสำคัญตัวนี้อยู่ในมือเรา พวกเราจะเล่นงานฮงซังบอมได้แน่นอน”

“เจ้าค่ะ...........”

...

..

“มันตายแล้ว มันตายแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุด มันก็ตายซะได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮงพงอันหัวเราะสะใจ

“มีคนเห็น..... เจ้าหมอลีพยองอันคนนั้น .... ไม่สิ.... ข้าสืบมาแน่ชัดแล้ว มันคืออดีตชอนจู ชื่อยออุน แต่ถึงยังไง มันก็ไร้พิษสงไปแล้วขอรับ” ฮงซังบอมบอกกับฮงพงอัน

“เพราะอะไร” ฮงพงอัน ถามฮงซังบอม

“ตอนนี้.... มันกลายเป็นคนเสียสติไปแล้วขอรับ มีคนเห็นมัน เอาแต่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นอกเมืองหลวง แล้วมันก็เอาแต่ หัวเราะไปที ร้องไห้ไปที พูดง่ายๆ เป็นบ้าไปแล้วขอรับ หนามยอกอกเรา เป็นบ้าไปแล้ว”

“มันคงจะเสียใจ ที่มันช่วยเพื่อนของมันไม่ได้ หมดเพ็กทงซูกับยออุนไปแล้ว ข้าอยากรู้นัก ว่าเจ้าฮงกุกยงนั่น จะช่วยชีวิตฝ่าบาทได้ยังไง ฮ่าฮ่า ฮ่า แต่อย่าชะล่าใจไป ต้องคอยตามดูมันให้ดี เจ้านี่เคยลับลวงพราง เล่นงานฮงแทจูสำเร็จมาแล้ว เจ้าอย่าประมาทมันอย่างที่เจ้านั่นเคยล่ะ เข้าใจมั้ย ซังบอม แล้วงานนี้ เพื่อรักษาฐานะของพระพันปี ข้าจะไม่ออกหน้าเอง หากมีอะไรผิดพลาด เจ้า.............ตายสถานเดียว”

“ขอรับ......ท่านลุง”

...

..

ชายหนุ่มผมยาว ใบหน้ามีแผลเป็นสามแผล นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านเล็กๆนอกเมือง ดื่มตั้งแต่เช้า.....จนถึงค่ำ ก็ไม่ยอมเลิกดื่ม เขาเติมเหล้าลงไปในถ้วยใบเล็กๆ แล้วก็กระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว นั่งร้องไห้มองถ้วยเหล้าสักพัก แล้วก็เติมเหล้าลงไปในถ้วยอีก มองเหล้าที่อยู่ในถ้วย แล้วก็กระดกลงคอไปพลาง หัวเราะไปพลาง เป็นอย่างนี้มาสามวันแล้ว แม้เจ้าของร้านจะอึดอัดกับลูกค้ารายนี้อยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็จ่ายเงินอย่างมือเติบ แถมเลี้ยงเหล้าแขกในร้านทุกวัน จนชาวบ้านแถวนั้นชินตาอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าอะไร ตราบเท่าที่ได้กินเหล้าฟรีๆ

“สามวันแล้วนะขอรับ......... ท่านหมอลี........ ท่านจะทำร้ายตนเองไปอีกนานเท่าไหร่” คิมกงดูถามชายหนุ่มคนนั้น

“ข้า.... ดื่ม เพราะข้าคิดถึงเจ้านั่น...... ข้าคิดถึงเค้าเมื่อไหร่ ข้าก็เติมเหล้าลงไปในถ้วย แล้วดื่มมันลงคอไป ถ้าข้ายังคิดถึงเค้าต่อ ข้าก็เทเหล้าลงไปอีก แล้วดื่มมันเพิ่มเข้าไปอีก”

“แต่มันเสียสุขภาพนะขอรับท่านหมอ.... ท่านก็รู้ว่า.....”

“ให้ข้าเมาจนตายไปเลยสิดี จะได้ไม่ต้องทนทรมานเพราะคิดถึงเค้าอีก......... ข้าเป็นหมอ แต่รักษาคนไข้ไม่ได้ ข้าปล่อยให้เค้าตายต่อหน้าข้า แล้วข้าจะเป็นหมอไปทำไม ขนาดเพื่อนรัก ข้ายังช่วยชีวิตเค้าไม่ได้ เพื่อนที่ไม่เอาไหนอย่างข้า ตายไปซะยังดีกว่า” ชายที่ถูกเรียกว่าท่านหมอ ยังคงเทเหล้าดื่มต่อไป

“ท่านหมอลี..........ท่านหมอ” จิตรกรหนุ่มถึงจะเป็นห่วง แต่ก็เลิกห้าม และเริ่มวาดรูปสภาพการณ์ตามที่เห็นออกมา และแอบชำเลืองผู้ชายท่าทางแปลกๆสองคนที่ทำลับๆล่อๆเฝ้าสังเกตยออุนมาตลอดสามวัน พลางแอบอมยิ้ม

...

..

กลางดึก ในคืนก่อนวันประกอบพิธีราชาภิเษก

ฮงกุกยงแอบเตรียมการอย่างลับๆ ตามราชโองการลับของพระเจ้าจองโจ ธูปเทียนที่เอามาใช้ในพิธีฉลองราชาภิเษก ที่เตรียมไว้โดยขุนนางฝ่ายพิธีการ ซึ่งฮงกุกยงสืบได้ว่าเป็นคนของฮงซังบอม ถูกพวกของเขาเปลี่ยนเสียใหม่ เป็นชนิดที่เหมือนกัน แล้วแอบนำไปทดสอบยาพิษ และพบพิษยาสลบจริงๆด้วย ดอกไม้ที่ประดับในงาน ถูกพวกซังกักลอบเข้ามาฉีดน้ำปรุงชนิดพิเศษ ที่กูฮยางช่วยปรุงให้ ทำให้ดอกไม้นั้น ไม่สามารถปล่อยกลิ่นที่มีพิษได้

จางมี ปลอมตัวเป็นซังกุงห้องเครื่อง เพื่อควบคุมเรื่องอาหาร เจ้าหล่อนและมิโซ ตรวจสอบเครื่องเสวยและน้ำดื่มทุกชนิดอย่างระมัดระวัง แล้วแอบเปลี่ยนเป็นยาสลบอย่างอ่อน ให้สามารถฟื้นได้รวดเร็ว ไว้ตบตาฝ่ายศัตรู ส่วนพวกฮวางจินกิ อาศัยความเป็นนายช่างมาดูแลเครื่องเรือน และเช็ดคราบน้ำมันทาไม้ที่คนของฮงซังบอมแอบมาทาไว้จนหมด

“เท่านี้.............โอกาสที่คนพวกนั้นจะวางยาพิษ ก็ลดลงแล้ว” ซาโมที่ปลอมตัวเป็นทหารบอกโชริบ ระหว่างที่โชริบ ฮวางจินกิ และซาโมเดินปรึกษากัน

“อย่าเพิ่งวางใจครับ ฝ่ายโน้นมีเจ้าแห่งพิษน้อยอยู่ด้วย ถ้าแผนแรกพลาด พวกมันอาจจะใช้แผนอื่นๆอีก”

“แล้วในบริเวณพระตำหนักล่ะ เจ้าเตรียมการไว้รึยัง”

“ขอรับ.................. ข้ากับจินกิ ช่วยกันวางค่ายกลและซ่อนอาวุธลับไว้มากมาย นึกไม่ถึง ว่าความรู้ด้านงานช่างและอาวุธของข้า จะได้เอามาใช้อีกครั้งนึง”

“ช่ายยยย..... พูดแล้ว นึกถึงเจ้าเมื่อตอนเป็นไอ้เด็กแว่นเลย เครื่องมือโลหะที่เจ้าทำ ดีๆทั้งนั้น”

“ข้าปรับปรุงเกราะอ่อนให้เบาและทนทานขึ้นด้วยขอรับ ฝ่าบาทกำลังทรงลองอยู่ด้านใน”

“ต่อให้เป็นอาวุธลับของหวีซันเหย หรือเข็มของถังชุน ก็คงไม่ทะลุเสื้อเกราะของเจ้าใช่มั้ย” จินกิถาม

“ถ้าเป็นของยูไลแปดกรหรือพวกซามูไร ข้าไม่ห่วงขอรับ แต่เข็มเงินจากปืนยิงเข็มอันนั้น ความแรงของมัน สูสีกับวิชาของอุน แล้วอุนเคยซัดเข็มทะลุดาบมาแล้ว ข้าก็เลยเกรงว่า.....”

“อย่างน้อยก็คงไม่เข้าถึงเนื้อเต็มๆหรอกน่า ถ้าเข้าไม่ลึก กินยาของอุนแล้วก็หายได้ วางใจเถอะ”

“พวกฮงซังบอมยังสืบไม่รู้แผนของอุนใช่มั้ยขอรับ” โชริบถามฮวางจินกิ

“อา..... พวกนั้นสะกดรอยอุนอยู่ทุกวัน แต่เจ้านั่นก็เล่นละครได้แนบเนียนมาก ไม่ต้องห่วงนะ พรุ่งนี้ อุนจะแอบเข้าวังมาอารักขาฝ่าบาทแน่นอน พวกสามมัจจุราชที่จะลอบปลงพระชนม์ในพระตำหนัก เป็นหน้าที่ของพวกเจ้า และก็จินจู ส่วนพวกซามูไร ข้ากับซาโมจะจัดการเอง ถึงเจ้าละอ่อนมัตสึโมโต้จะร้ายกาจมาก แต่ถ้าแค่ถ่วงเวลาล่ะก็ พอไหว รออุนจัดการถังชุนได้ก่อน แล้วเค้าจะมาช่วยพวกเราเอง”

“หลายวันมานี้ ทั้งเจ้าคิมกงดูกับอุน ต้องคอยเล่นละครแหกตาพวกนั้น กินเหล้าร่ำสุราทุกวัน ไม่เมาบ้างเลยรึยังไง ขนาดผีขี้เมาอย่างข้ากับจินกิ ยังทำไม่ได้เลย”

“วิชาแพทย์ของเจ้านั่น สามารถปรุงยาล้างเมาได้ซะด้วย อีกหน่อย โชซอนคงไม่มีผีขี้เมาแล้วล่ะ มัตสึโมโต้นั่น ฝีมือล้ำเลิศ และอำมหิตนัก ยังมีชองฮึงมุนอีก ถึงพวกท่านจะเก๋าประสบการณ์กว่า แต่มันลงมือรวดเร็ว ข้าเกรงว่าพวกท่านอาจจะเสียทีพวกมันซะก่อนสิขอรับ”

“เหหห........ ไม่ต้องกังวลน่า พวกเราน่ะ จะล่อมันไปให้ห่างจากตำหนักใหญ่ จะได้ไปรวมกับพวกสามมัจจุราชไม่ได้ แล้วถ้าสู้ไม่ได้.... อย่างมากก็หนี... ห่วงก็แต่พวกเจ้าสี่คนนั่นแหละ อารักขาใกล้ชิด ถึงเสียทีก็หนีไม่ได้ ดาบสามสหายของพวกซังกัก แทยง และยงกอล แม้จะร้ายกาจกว่าตอนที่แพ้คเยนโจเมื่อสองปีก่อนมาก แต่ดาบปลิดวิญญาณรวดเร็วเหลือเกิน ถ้ากักน้องมันสองคนไว้ในห้องพิเศษที่เจ้าออกแบบนั่นไม่ได้ พวกเจ้า อาจจะตายกันหมด” ซาโมห่วงใยพวกหลานๆ

“ไม่ต้องห่วงขอรับ พวกนั้นยังไม่รู้ ว่าเรายังมีอาวุธลับที่ร้ายกาจซ่อนอยู่อีกหนึ่ง”

“นั่นสินะ.......... พักผ่อนเอาแรงเถอะ พรุ่งนี้คงต้องเหนื่อยแต่เช้า” ซาโมพาจินกิไปนอนในห้องพักองครักษ์คนสนิทของพวกซังกัก ขณะที่ฮงกุกยงกลับห้องของตน

...

..

พิธีฉลองราชาภิเษก

พระเจ้าจองโจทำพิธีสักการะฟ้าดิน พิธีบูชาบรรพชน ทรงเคารพป้ายพระนามพระบิดาโดยไม่ใส่ใจสายพระเนตรของพระหมื่นปีจองชุนที่มองมาอย่างขุ่นเคืองใจ ขณะที่พระพันปีเฮคยองดูจะปลาบปลื้มพระโอรสยิ่งนัก พระสนมปาร์คที่นั่งข้างๆมองพระเจ้าจองโจอย่างกับจะกินเลือดเนื้อ และมองตำแหน่งที่นั่งของพระพันปีอย่างอิจฉาริษยา ก่อนจะเหลียวมองอึนจอนกุน ลูกชายของตนอนุชาต่างพระมารดาของพระราชา พลางคิดในใจว่า วันนี้แหละ ที่ลูกชายนางจะได้ครองบัลลังก์ และนางจะแทนที่ตำแหน่งพระพันปีซะเอง ส่วนองค์ชายอึนจอนนั้น ออกจะประหม่าเล็กน้อย และเป็นกังวลทุกครั้งที่เห็นพระเชษฐาเสวยพระกระยาหาร เพราะรู้ดีว่า จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ขณะที่พระเจ้าจองโจ ก็ทรงมองมาที่พระอนุชาองค์นี้อย่างเมตตา

พิธีการดำเนินไปอย่างปกติดี ฮงกุกยงแอบสังเกตเห็นพวกขุนนางฝ่ายใต้เท้าฮงพงอันจำนวนหนึ่ง ลนลานผิดปกติ ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มมูยองเก ลูกน้องของยออุน ตอนนี้ เขามีรายชื่อผู้ร่วมก่อการอยู่ในมือแล้ว และชื่อต้นของบัญชีก็คือ ฮงซังบอมนั่นเอง

หลังเวลาเที่ยงไม่นาน เหล่าขุนนางมหาดเล็ก นางกำนัล ตลอดจนพวกองครักษ์บางส่วน เริ่มล้มพับลงไปทีละคน คงเหลือแต่พระเจ้าจองโจและองครักษ์ใกล้ชิด รวมถึงพรรคพวกองครักษ์จำนวนหนึ่ง ที่เป็นคนของฮงซังบอมเอง

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมทุกคนถึง..........”

“อาหารมีพิษ มีคนลอบวางยาพิษ อารักขาฝ่าบาทเร็วเข้า”

“ตามหมอหลวงเร็ว เป็นไรกันไปหมด ทำไมเหลือกันอยู่แค่นี้เนี่ย”

เสียงเอะอะโวยวายโกลาหลดังระงมไปทั่วบริเวณพิธี

“ฝ่าบาท เชิญเสด็จกลับตำหนักก่อนพะย่ะค่ะ” ซังกักทูลเชิญเสด็จ

“เสด็จแม่ข้าล่ะ..............ทรงปลอดภัยดีมั้ย”

“ไม่ต้องหาวงพะย่ะค่ะ ใต้เท้าฮงกุกยง จะดูแลพระนางเองพะย่ะค่ะ........... รีบเสด็จกลับตำหนักก่อนเถอะพะย่ะค่ะ” พระเจ้าจองโจทำตาม เสด็จกลับตำหนักพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสาม มีฮงกุกยงคอยตรวจดูความเรียบร้อยในพิธี

“เสด็จกลับตำหนักแล้ว พวกเจ้ารีบส่งคนตามไปเร็วๆเข้า” ฮงซังบอมสั่งลูกน้อง แล้วรีบออกไปจากปรำพิธี ทิ้งให้พระหมื่นปี พระพันปี สนมปาร์ค รวมทั้งอึนจอนกุน สลบไปก่อน ขณะที่พวกจางมีกับมิโซ ก็มาพาพระพันปีเฮคยองหลบไปในที่ที่ปลอดภัย

“พวกท่านพาพระนางกลับตำหนักก่อน แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าออกมาหรือให้ใครเข้าไปเด็ดขาด แม้แต่พวกซังกุงปกครองหรือคนสนิทพระนางก็ตาม เสร็จเรื่องแล้ว ฝ่าบาทจะเสด็จไปเฝ้าด้วยองค์เอง ข้าจะไปดูที่ตำหนักใหญ่ก่อน” โชริบสั่งความแล้ว ก็รีบวิ่งไปตำหนักใหญ่ทันที ระหว่างทาง สังเกตเห็นว่า ไม่มีองครักษ์อยู่ประจำการณ์เลยแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนต่างสลบด้วยอาหารของจางมีกันหมด แต่ว่า นี่เป็นแค่ระยะสั้นๆ ตามแผน ทุกคนจะฟื้นอย่างรวดเร็วและไปช่วยขับไล่พวกกบฎได้ทันการ เพราะพิษที่จางมีใส่ไป มีอานุภาพน้อยกว่าพิษสลบของถังชุนหลายเท่า

หลังจากที่ฮงกุกยงไปที่ตำหนักใหญ่แล้ว ชายหนุ่มใบหน้าหมดจดงดงามคนหนึ่ง ก็เดินเข้ามาในพิธี เพื่อจะชื่นชมผลงานการวางยาพิษของตนเอง เจ้าแห่งพิษน้อยจากต้าชิง เดินถือกระบอกสีเงินร่อนไปทั่ว เพื่อสูดดมกลิ่นอายแห่งพิษสลบ สูตรลับเฉพาะของตระกูลถัง ทว่า...............................................

“กลิ่นนี้ นี่มันไม่ใช่ยาของข้านี่ อะไรกัน เป็นไปได้ยังไง ก็ทุกคนสลบหมดแล้ว แล้วทำไม ยาของข้าไปไหนแล้ว เกิดอะไรขึ้น ทุกคนไม่ได้ถูกพิษสลบของข้าหรอกเหรอ.............” สีหน้าแปลกใจยิ่งนัก

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ทุกคนไม่ได้ถูกพิษของเจ้า แต่เป็นยาสลบที่ข้าวางเอาไว้ เพราะถ้าทุกคนไม่สลบลงไปจริงๆ พวกเจ้าก็จะจับได้ ว่าเป็นแผนของพวกเรา และล้มเลิกแผนปลงพระชนม์ไปซะกลางคัน ถ้าเป็นอย่างนั้น ฝ่าบาท ก็จะเสียโอกาสเล่นงานพวกคิดไม่ซื่ออย่างฮงซังบอมน่ะสิ” ร่างโปร่งในชุดโปรดสีดำลายดอกไม้เล็กๆสีแดงเดินออกมาจากซอกอาคารของวังหลวง ผมยาวสลวยแต่มีแผลเป็นบนใบหน้าสามรอยด้วยกัน

“อุน...... นี่เจ้า........... ไม่ได้เป็นไอ้ขี้เมากินเหล้าอยู่ที่นอกเมืองเหรอ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ถังชุนถามอย่างประหลาดใจยิ่งนัก

“บางครั้ง เล่นงานพวกเจ้า ก็ต้องใช้แผนแหกตากันบ้าง ข้าแกล้งหมดอาลัยตายอยาก แกล้งทำตัวเป็นขี้เมาเสียสติ ก็เพื่อให้พวกเจ้าชะล่าใจ ทำตามแผนของพวกเจ้า แต่.... ส่งคนเข้าวังมาน้อยลงเพราะคิดว่าข้าไร้พิษสงไปแล้ว แล้วทีนี้.................พวกข้าจะได้เล่นงานพวกกบฎให้สนุกเลย”

“เจ้าคิดว่า องครักษ์สามคนนั่น จะรับมือเจ้าเฒ่าเฉาต้าเหย กระบี่ปลิดวิญญาณได้อย่างนั้นหรอ ไม่เจียมตัวซะเลย แล้วยังจะมีน้องร่วมสาบานของมันอีกสองคน ฝีมือล้ำเลิศทั้งคู่ ดูซิ พวกเจ้าจะทำยังไง”

“คิดว่าหลายวันมานี่ ข้าไม่เตรียมการหรือ...................ชุน วันนี้.... พวกเจ้าไม่มีทางลอบปลงพระชนม์สำเร็จแน่นอน”

“นั่นไม่ใช่ปัญหาของข้า... ข้ามาที่โชซอน ไม่ได้จะมาโค่นบัลลังก์ใคร แต่ข้ามา เพราะข้าอยากพบเจ้า.................อุน.......... ข้าอยากแก้แค้นเจ้า เพราะเจ้าทำให้ร่างกายที่ไร้ตำหนิของข้า ต้องมีแผลเป็น ถ้าข้าแก้แค้นเจ้าไม่ได้ ข้าจะตายตาไม่หลับ...................... แต่ว่า.................ทำไม..ถึง................ ข้าคิดว่า ถ้าเจ้าเพ็กทงซูนั่น ตายด้วยพิษของข้าแล้ว..... เจ้า............. เจ้าจะต้องเสียใจที่สุด ต้องเจ็บปวดที่สุด ไม่ใช่หรอ...........................แล้วทำไม..........................”

“ทำไม.................ข้าต้องเจ็บปวดหรือเสียใจด้วยล่ะ”

“อุน.......................เจ้าหมายความว่ายังไง” ยออุนไม่ตอบคำถามของถังชุน แต่มีรอยยิ้มปรากฏออกมา

...

..




Create Date : 25 มกราคม 2556
Last Update : 25 มกราคม 2556 10:51:20 น.
Counter : 1190 Pageviews.

11 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่10
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน”         ตอนที่10



“เจ้านั่น....... ไว้ชีวิตเจ้างั้นเหรอ..............แถมยังรักษาให้เจ้าด้วย” ถังชุนถามมัตสึโมโต้ เซจิ

“อือ...... ตอนที่ไอ้เจ้ายออุนบ้าคลั่งขึ้นมานะ ปีศาจชัดๆ เพลงดาบว่องไวและรุนแรงมาก ไม่มีใครต้านอยู่จริงๆ”

“เพลงดาบสูงส่งอย่างเจ้า ยังเสียท่าอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ เซจิคุง เจ้าแค่ไม่กล้าสู้ตายกับเจ้านั่นมากกว่าล่ะมั้ง”

“ก็คงใช่......... ยออุนนั่น.... สู้แบบไม่กลัวตาย ไม่กลัวบาดเจ็บ ขนาดโดนดาวกระจายของข้าเข้าไป ยังไม่มีอาการบาดเจ็บให้เห็นเลย สู้ไป ร้องไห้ไป ยังกะคนเสียสติ สภาวะจิตใจของหมอนั่น เหนือธรรมดามากจริงๆ”

“สมกับที่เป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าเฝ้ารอมาสิบสามปี.................. ยออุน................ ความเจ็บปวดที่เพ็กทงซูถูกพิษ เจ้าใช้มันในเพลงดาบสินะ ไร้เทียมทานอย่างที่ข้าคาดหวังจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” พูดจบ ก็เลียแผลที่หลังมือของตน

“เจ้าจะทำยังไงต่อไป เพ็กทงซูถูกพิษที่ไม่มียาแก้ของเจ้า คงจะขัดขวางแผนปลงพระชนม์ไม่ได้แน่ และก็เท่ากับว่า ข้าได้แก้แค้นให้ศิษย์พี่แล้วด้วย”

“ทำตามแผนเดิม ข้าจะวางยาบรรดาเชื้อพระวงศ์ พวกขุนนาง เหล่าขันทีนางกำนัลทั้งหมดในวันฉลองราชาภิเษก ส่วนจะจัดการพระราชายังไง ให้เป็นเรื่องของพวกสามมัจจุราชนั่น แต่ถ้ายออุนขัดขวางแผนการของเราล่ะก็ ข้าจะจัดการกับมันเอง เข็มพิรุณโปรยของข้า ไม่ได้ใช้กับยอดฝีมือที่คู่ควรมานานแล้ว จริงสิ... ชองฮึงมุน หายไปไหน”

“ข้าใช้ให้กลับไปที่หมู่บ้านญี่ปุ่น.... เกณฑ์พลมาอีกกลุ่มใหญ่ ไว้จัดการเจ้าเพ็กทงซูกับเพื่อนๆ แต่ดูเหมือน คงไม่ต้องแล้วมั้ง”

“อือ.... ยังไง เพ็กทงซูก็ต้องตายในเจ็ดวันแน่นอน วิธีปรุงยารักษาน่ะ ไม่มีหรอก มีแต่จะเร่งให้ตายเร็วขึ้นเท่านั้น”

...

..

“นี่จะครบเจ็ดวันแล้วนะ... แต่อาการของทงซูยังไม่............” ซังกักพร่ำให้เพื่อนๆฟัง

“ฝ่าบาทก็ทรงกังวลมาก ยิ่งใกล้วันฉลองราชาภิเษก ยิ่งมีราชกิจมากมาย ขนาดว่าทรงอยากไปเยี่ยมทงซู.......... ยังหาโอกาสไม่ได้เลย” ยงกอลก็บ่นเช่นกัน

“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ออกเวรแล้ว ไปบ้านซาโมกัน” แทยงบอกเพื่อนๆ

“โชริบล่ะ..... จะพาไปด้วยมั้ย” ยงกอลถาม

“เจ้านั่นทำงานตัวเป็นเกลียวเลย คงจะไม่อยากคิดมากเรื่องทงซู เลยพยายามทำงานหนักให้ลืมเรื่องนี้ ข้าแอบเห็นมันพลิกตำราตั้งหลายเล่ม แต่สงสัยจะจนปัญญาเช่นกัน” ซังกักบอก

“วิชาแพทย์ของอุน เหนือกว่าพวกหมอหลวงซะอีก ถ้าอุนยังขับพิษให้ทงซูไม่ได้ ข้าเกรงว่า....คืนนี้...”

“ไม่แน่หรอก แทยง คืนนี้...... อาจจะมีปาฏิหาริย์ก็ได้” ยงกอลปลอบใจเพื่อน

เจ็ดวันผ่านไป ยออุนปรุงยาเพิ่มพลังธาตุหยางและระงับพลังธาตุหยินให้เพ็กทงซูได้กินทุกวัน แต่อาการของจอมดาบหนุ่ม ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย ยาที่ออกฤทธิ์ต้านกับสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ กลับยิ่งทำให้เพ็กทงซูทรมานยิ่งขึ้น ความร้อนความเย็นที่แปรปรวนอยู่ในร่างกาย ทำให้หลายครั้ง เพ็กทงซูต้องกระอักเลือดออกมา อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวยิ่งทรมานยิ่งนัก ชายหนุ่มทรมานเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับว่าอวัยวะภายในมันจะระเบิดออกมา แต่ถ้ายออุนอยู่ใกล้ จอมดาบจะอดทนต่ออาการเจ็บ และฝืนความทรมานนั้นไว้ เพื่อไม่ให้ยออุนเสียกำลังใจ

แอบเขียนจดหมายลาเพื่อนๆทุกคนเอาไว้หมดแล้ว ในจดหมาย คนแรกที่เพ็กทงซูพูดถึง คือซาโม น้องร่วมสาบานของพ่อ ที่เลี้ยงตนมาตั้งแต่เล็ก จนทงซูรักเสมือนพ่อของตน คนต่อมาคือยางโชริบ เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน เพื่อน ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันหลายครั้ง เป็นเพื่อนรัก ที่เพ็กทงซูสนิทที่สุดรองจากยออุนเลยทีเดียว คนต่อมาที่ทงซูเอ่ยถึงในจดหมาย คือเพื่อนรักอีกสามคนที่โตมาด้วยกัน เกือบสองปีที่ผ่านมาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แล้วยังร่วมกันฝึกยุทธ จนได้วิชาดาบสามสหาย เป็นวิชาที่ทั้งซังกัก ยงกอล และแทยง ประสานการจู่โจมอย่างยอดเยี่ยม ชนาดทงซูเอง ยังเกือบเสียทีมาแล้ว ต่อด้วยจางมีกับมิโซ ที่เอ็นดูทงซูมากกว่าใครๆเสมอมา ฮวางจินจู เพื่อนหญิงคนแรกที่แอบรักทงซู และมีส่วนช่วยให้ทงซูหายจากอาการซึมเศร้าตายทั้งเป็นเมื่อห้าปีก่อน และสุดท้าย ฮวางจินกิ ที่พาตนไปหาซาโมตั้งแต่เป็นทารก แต่ในจดหมายฉบับนั้น เพ็กทงซูไม่กล่าวถึงยออุนแต่อย่างใด

“คืนนี้.......พระจันทร์เต็มดวงแล้วใช่มั้ย.................อุน”

“อา................... คืนนี้แล้ว” น้ำเสียงเยือกเย็นและนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ออกมานัก

“อุน............ เจ้าช่วยพาข้าไปที่แห่งนึงได้มั้ย” เพ็กทงซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ที่ไหนหรอ..................” ยออุนสงสัย

“บนเขา............. ที่ที่เจ้าเคยสอนเพลงดาบให้ข้าไง”

“แต่อาการของเจ้ายัง...................”

“ขอร้องนะ..............อุน...................ข้าอยากไปดูพระจันทร์บนหน้าผานั้น อีกซักครั้ง ก่อนที่ข้าจะ....”

“ตกลง....” ไม่รู้ว่ายออุนคิดอะไร แต่ก็แบกเพ็กทงซูไว้กลางหลัง หยิบถุงผ้าสัมภาระของเพ็กทงซูติดมาด้วย แล้วเดินออกไป       โดยไม่ให้ใครตามไปด้วย ทิ้งไว้แต่จดหมายที่เพ็กทงซูเขียนไว้นั่นเอง

เดินออกมาจากบ้านไกลพอสมควร ยออุนกำลังแบกเพ็กทงซูเดินขึ้นเขา เพ็กทงซูก็เกิดอาการหนาวๆร้อนๆขึ้นมา แต่ก็อดทนข่มอาการพิษกำเริบเอาไว้ และเริ่มคุยกับเพื่อนรัก เพื่อให้ลืมอาการเจ็บของตน

“หนักมั้ย................”

“หนักสิ...........ก็เจ้าตัวสูงใหญ่กว่าข้าซะอีก”

“นั่นสินะ ใครจะคิดว่าหนุ่มร่างบอบบาง ตัวเล็กยังกะผู้หญิงอย่างเจ้า จะแบกร่างข้าไว้ แถมสู้กับพวกซามูไรได้อย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ทำไมตอนนั้น เจ้าไม่วางข้าลงล่ะ”

“ก็ข้ากลัวว่า..... ถ้าข้าวางเจ้าลง เจ้าพวกนั้น จะทำร้ายเจ้า หรือชิงตัวเจ้าไป สู้ข้าแบกเจ้าไว้เองดีกว่า”

“เจ้ายอมปกป้องข้า ด้วยชีวิตของเจ้าหรอ.......อุน”

“ข้าไม่รู้.........ข้าทำไปตามสัญชาตญาณ รู้แต่ข้าเสียเจ้าไปไม่ได้” คำตอบของอุน ทำให้ทงซูยิ้มออกมา

“ขอบใจนะ......อุน......... ชีวิตของข้า เพ็กทงซู นอกจากจะมีท่านลุงเคยเสียสละปกป้องข้า ด้วยแขนซ้ายของท่าน และมีซาโม ที่เคยรับอาวุลับของแทอุงแทนข้าแล้ว ก็มีแต่เจ้าอีกคน ที่เสี่ยงปกป้องข้า ด้วยชีวิตของเจ้าเอง เจ้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อข้าตั้งหลายครั้ง เจ้าเสี่ยงตายเพื่อข้า ปกป้องข้า ด้วยชีวิตของเจ้าเอง............. ข้า.........ข้าไม่รู้ว่า.......ความรู้สึกผูกพันกันด้วยชีวิตแบบนี้ มันคืออะไร..... แต่ว่า..... แอะ...แอะ...” เพ็กทงซูไอออกมาเสียงดัง และมีเลือดไหลที่มุมปาก

“ทงซู.......... หยุดพักก่อนเถอะนะ...... ให้ข้าดูอาการของเจ้าก่อน” ยออุนกระวนกระวายเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไรหรอก เห็นมั้ย ว่าตอนนี้ข้าไม่เจ็บแล้ว..............อีกเดี๋ยว... ข้าก็หาย” เพ็กทงซูบอกกับยออุน ขณะที่อยู่ตามลำพัง ถึงหน้าผาที่เคยฝึกดาบด้วยกันพอดี ตอนอาทิตย์กำลังจะตกดินของวันที่เจ็ด ก่อนพระจันทร์ขึ้นไม่นาน

“อย่าหลอกข้าเลย...... ทงซู ข้าเป็นหมอนะ มีหรือ จะดูไม่ออก ว่าคนเจ็บดีขึ้น หรือว่าทรุดลง อาการของเจ้าตอนนี้ ข้า...................... ข้า.........”

“อุน.................. ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามทำดีที่สุดแล้ว พิษจันทราอาดูร เป็นพิษร้ายแรงที่สุด อย่างน้อย........ ข้า....... เพ็กทงซู ก็ตายด้วยวิชาที่พิสดารที่สุดวิชานึงของโลกนี้ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ”

“แต่ที่เจ้าต้องถูกพิษ ก็เพราะว่าข้า ................... หมอนั่น ชุน........ เลือกวางยาพิษเจ้า ก็เพราะว่าข้า ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า ................ ถึงข้าจะพยายามหาวิธีรักษาเจ้า แต่กลายเป็นว่า ข้ากลับทำให้เจ้าทรมานมากกว่าเดิม ไม่เพียงรักษาไม่ได้ แต่กลับเร่งให้เจ้า............ ข้า............. ข้าขอโทษ.............ทงซู”

“อย่าโง่น่า........................... ข้ารู้มาจากกูฮยางแล้ว............ ถ้าไม่ใช่เพราะการรักษาของเจ้า ข้าอาจตายเพราะพิษกำหนัดกำเริบก็ได้ ข้ายังมีสติอยู่ถึงตอนนี้ เพราะวิชาแพทย์ของเจ้านะ..............อุน”

“แต่ถึงยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะข้า.............. ถังชุนคงไม่เคียดแค้น ขนาดใช้วิธีนี้ วิธีที่จะทำให้ข้าเจ็บปวดที่สุด”

“อุน.....................จริงรึเปล่า ที่ถังชุนทำร้ายข้า ที่เจ้านั่นเลือกข้า เพราะจะทำให้เจ้าเจ็บปวดที่สุด”

“ทงซู............................”

“ตอบข้ามาก่อนสิ............... จริงรึเปล่า เจ้าจะหลั่งน้ำตาเพื่อข้าจริงๆเหรอ การปกป้องข้าไม่ได้ จะทำให้เจ้าเจ็บปวดและเสียใจที่สุด จริงอย่างที่ถังชุนพูดรึเปล่า”

“อา........................ ทงซู ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้จะอยู่บนโลกที่โดดเดี่ยวใบนี้ยังไง ฉะนั้นแล้ว....... อย่าตายนะ.... เพื่อข้า..... เพื่อทุกๆคน..... อย่าตายนะ”

“การตายไม่น่ากลัวไม่ใช่หรอ อย่างน้อย ข้าก็รู้ว่า เจ้าจะเสียใจที่สุด ถ้าข้าตาย.............. อุน..............ข้ารู้สึกดีใจมากนะ ที่เจ้ามีความรู้สึกนั้นกับข้า ตั้งแต่ห้าปีก่อน ที่เจ้าหักหลังรัชทายาท จนถึงตอนนี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับข้าแล้ว ........... ถ้าข้าไปโลกโน้น จะบอกท่านลุงใหญ่ ว่าเจ้ากลับมาแล้ว กลับมาเป็นอุนคนเดิม อย่างที่ท่านลุงหวังไว้ บอก พ่อของเจ้า ว่าดาวเพชรฆาต ไม่มีอีกต่อไป”

“แล้วจะทิ้งให้ข้านั่งดื่มเหล้าทุกๆวันงั้นหรอ ยิ่งคิดถึงเจ้า ข้าก็ต้องยิ่งดื่ม และคอยเติมเหล้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายคิดถึงงั้นหรอ................ทงซู............. ความรู้สึกแบบนั้นข้าไม่ต้องการหรอกนะ”

“เจ้าทำดีที่สุดแล้ว............ อุน...........ข้ารู้ดี เจ้าทดลองยาทุกตำรับที่เจ้าคิดค้นได้ เจ้าฝังเข็มเคลื่อนย้ายชีพจรให้ข้า ทั้งๆที่เสี่ยงและยากมาก ถ้าไม่ได้เจ้า.................ข้าอาจทรมานเพราะพิษกำเริบมากกว่านี้ก็ได้ ข้าดีใจ........... และวางใจ ที่ได้ฝากชีวิตไว้กับเจ้า........ ขอบใจนะ....................อุน”

“แต่ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป ไม่อยากเสียเจ้าไปอีก ข้าอยากมีชีวิตสงบสุขก็จริง แต่ไม่อยากโดดเดี่ยวอีกแล้ว ถ้าข้าจะต้องตายพร้อมใครซักคนนึง ข้าอยากตายพร้อมกับเจ้า....................... ทงซู”

“ข้าก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น...................... แต่เสียดาย ข้าคงต้องไปก่อนเจ้าจริงๆแล้วแหละ...................... อุน............ ข้ารู้...................เจ้าจะต้องเสียใจ.................. แต่เพื่อข้าแล้ว........................... จงมีชีวิตต่อไป..................เพื่อข้าแล้ว.................อย่าเศร้าโศกเลยนะ.......................... สำหรับ ความรู้สึกดีๆ ที่เจ้ามีให้ข้า.............. ขอบคุณนะ..........อุน”

“ทงซู...................เจ้า.......” ยออุนปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม น้ำตาหยดผ่านรอยแผลเป็นบนแก้มเป็นทางอย่างเศร้าสร้อย

“เจ้าช่วยประคองข้านั่งริมหน้าผาหน่อยได้มั้ย................... ข้าอยากเห็นพระจันทร์ชัดๆ” ยออุนประคองร่างเพ็กทงซูให้นั่งลง ให้ไหล่ซ้ายของจอมดาบหนุ่ม พิงไหล่ขวาของตน และนั่งมองพระจันทร์ที่กำลังขึ้นด้วยกัน

“สวยจัง..............แสงจันทร์เต็มดวงนี่ช่างงดงามจริงๆ คล้ายกับใบหน้าของเจ้าเลย..........................อุน” เพ็กทงซูค่อยๆหลับตาลง เอียงศีรษะไปซบบ่าขวาของยออุน พระจันทร์ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว จันทร์เต็มดวง แผ่รัศมีเย็นเยือกหัวใจออกมา ร่างของบุรุษหนุ่มผู้เป็นจอมดาบอันดับหนึ่งของโชซอนสงบนิ่ง ร่างกายเย็นเยียบ ผิวซีดขาว

“ทงซู..................ทงซู............................ทงซู.........” ยออุนนั่งนิ่ง พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่พูดอะไร ไม่ร้องลั่นเสียงดัง แต่น้ำตาก็ยังไหลทะลักออกมา เสียงร้องครวญครางเครื่ออยู่ในลำคอด้วยความเจ็บปวด แม้ร่างนั้นจะเย็นเฉียบ แต่เขาก็กอดร่างนั้นไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย พยายามเขย่า ราวกับหวังว่าร่างนั้นจะฟื้น แต่ก็ไม่เป็นผล

...

..

ใกล้สว่างแล้ว ทุกคนยังคงรอคอยด้วยความหวัง ว่ายออุนอาจจะกลับมาพร้อมกับเพ็กทงซูที่ขับพิษได้สำเร็จ แต่การรอมาเกือบทั้งคืน ก็ไม่เห็นผล ซาโมจึงหยิบจดหมายของทงซูมาให้ทุกคนดู

หลังจากที่ทุกคนอ่านจดหมายของเพ็กทงซูจบลง ไม่มีแม้คนเดียวที่ไม่ร้องไห้ แม้แต่ฮวางจินกิที่ใจแข็งที่สุด ก็ยังต้องเสียน้ำตาให้กับหลานชายคนนี้

“เค้าไม่อยากให้พวกเราเห็นศพของเค้างั้นหรอ..........คงน่ากลัวมากใช่มั้ย........หรือกลัวพวกเราจะถูกพิษไปด้วย อุนเคยเล่าว่า ศพของคนที่ถูกพิษจันทราอาดูร จะปล่อยไอพิษออกมาด้วย” จินจูถามความเห็นคนอื่นๆ

“พวกเราจะอยู่รออุนเผาศพทงซู แล้วนำกลับมาแค่เถ้ากระดูกจริงๆน่ะเหรอ” มิโซบ่นเสียงดัง

“แต่นี่คือคำขอสุดท้ายของเค้านะครับ........... ข้าว่า พวกท่านควรจะทำตาม” คิมกงดูให้ความเห็น

“ทำไม........ในจดหมาย ทงซู ถึงไม่เขียนถึงอุนล่ะ............. คู่นี้ซี้กันที่สุดแล้ว หรือว่าไง โชริบ เจ้าสนิทกับสองคนนั้นมากกว่าใครๆนะ” ซังกักหันไปถามเพื่อน

“เพราะอุนไปกับทงซูน่ะสิ คงได้ร่ำลากันแล้ว แต่ทงซูเป็นห่วงความรู้สึกพวกเรา กลัวจะทนเห็นสภาพตอนเค้าตายไม่ได้ ก็เลยลาด้วยวิธีนี้ เอาเถอะ...............ทำตามที่ทงซูขอร้อง มีอะไร..... ไว้รออุนกลับมา ค่อยถามแล้วกัน”

“แล้วเรื่องอารักขาจะทำยังไงล่ะ ลำพังพวกเราสามคนกับพวกเจ้า และองครักษ์ในวังจะพอเหรอ พิธีฉลองราชาภิเษก จะมีคนแปลกหน้าเข้าวังเต็มไปหมด ถ้าพวกนั้นมีสายในวังล่ะก็ อาจสับเปลี่ยนกำลังพล หรือลอบเข้าวังได้ไม่ยาก ถ้าทงซูอยู่ จะได้ช่วยวางแผน” ซังกักเป็นกังวลเรื่องอารักขาพระราชา

“แถมยังพวกซามูไรกับสามมัจจุราชและเหล่านักฆ่าอีก พวกเราคงรับมือไม่ไหวแน่ ถ้าทงซูอยู่ อาจจะพอมีหวัง” ยงกอลออกความเห็น ที่ทำเอาทุกคนพะวงตาม

“ถ้าจะลอบสังหารใคร อุนมีประสบการณ์ที่สุด แถมเป็นจอมวางแผนด้วย ถ้ามันยอมช่วยเจ้านะโชริบ ด้วยสติปัญญาและฝีมือของมัน รวมถึงความรอบคอบและละเอียดอ่อนของเจ้า อาจจะพอเอาอยู่ก็ได้” แทยงบอก

“แต่กว่าอุนจะกลับมา.............. เมื่อไหร่ก็ไม่รู้............ แล้วถ้าอุนไม่ยอมกลับมาล่ะ ข้าแอบสังเกตเห็นนะ ตอนที่ทงซูพิษกำเริบน่ะ อุนแอบไปร้องไห้ยังกะคนบ้าแน่ะ เหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ แต่ไม่ยอมให้ใครรู้” มิโซบอก

“กลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน คอยเช็ดตัวและฝังเข็มให้ทงซูตลอดเลย คงเพราะไม่อยากให้ทงซูทรมานเพราะพิษกำเริบแน่ๆ แต่ร่างกายอุนน่ะสิ จะป่วยแทนรึเปล่าก็ไม่รู้” จางมีก็พูดเช่นกัน

“ข้าเกรงว่า................ อุนอาจจะนำกระดูกของทงซูไป แล้วไม่กลับมาอีก ไม่รู้ข้าคิดไปเองรึเปล่า แต่สองคนนั่น มีอะไรแปลกๆ อาการของอุนเวลาเห็นทงซูเจ็บนะ เหมือนกับอาการที่ข้าเคยเป็นสมัยหลงรักทงซูเลย ดูจะหนักกว่าข้าด้วยซ้ำ ถึงจะเพื่อนสนิทซี้ปึ้กก็เถอะ ถ้าคู่รักกันก็ว่าไปอย่าง” จินจูออกความเห็น

“ใช่ๆ..... ข้าก็ว่าแปลก ทงซูนะ ถ้าเห็นสีหน้ากังวลของอุน ก็จะแกล้งทำเป็นแข็งแรง เหมือนคราวที่เจ้าเจ็บหนักตอนนั้นไง โชริบ ที่เจ้ากลัวข้าจะร้องไห้เพราะเจ้าเจ็บหนักน่ะ เจ้าก็เลย ทำทีว่าไม่เป็นไรไง” มิโซพูด

“พวกเจ้าอย่าคิดไปไหนไกลเลยน่า ดูสิ ฟ้าสว่างแล้ว เดี๋ยวทงซูกับอุน...ก็จะกลับมาพร้อมกันแล้ว” ซาโมพูดแบบฝืนยิ้ม ฝืนร้องไห้ ทั้งๆที่แอบทำใจมาสองวันแล้ว แต่ก็ยังรอปาฏิหาริย์อยู่

“ซาโม....................” ฮวางจินกิพยายามปลอบใจ พอดีกับที่หน้าบ้าน มีหญิงสาวนางหนึ่งมาถึงพอดี

“เจ้าเองหรอ” ฮงกุกยงเอ่ยทักกูฮยาง

“นางคือ..........................” มิโซกำลังจะถาม แต่สายตาพลันมองเห็นโถสีขาวในมือนางเสียก่อน

“แม่นางกูฮยาง คนสนิทของอุนไง ที่เจ้าถือมาด้วย คงจะไม่ใช่............” กุกยงปากสั่นมือสั่นถาม

“เจ้าค่ะ อัฐิของท่านเพ็กทงซู.............. เผาเมื่อตอนเที่ยงคืน นายท่านให้ข้านำมาให้เจ้าค่ะ”

“แล้วนายของเจ้าล่ะ...............” กุกยงถามต่อ เพราะมองไม่เห้นอุน

“ไปแล้วเจ้าค่ะ............... นายท่านฝากจดหมายมาให้กับใต้เท้าฮงด้วยเจ้าค่ะ” ฮงกุกยง เปิดจดหมายอ่านทันที

“เพ็กทงซูถูกวางยาพิษเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ข้าไม่อาจที่จะรักษาเค้าได้ รู้สึกละอายใจต่อพวกเจ้ายิ่งนัก จนไม่กล้าที่จะมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงต่อไป โชริบ..... ข้าเสียใจ ที่การกลับมาของข้า กลับนำมาแต่ความสูญเสีย ถ้าข้าไม่กลับมาซะ พวกเจ้าคงจะยังมีชีวิตที่ปลอดภัยกันอยู่ แต่เพราะข้า.............ทงซู...ถึงได้................

ก่อนตาย ทงซูขอให้ข้าช่วยเจ้าปกป้องชีวิตฝ่าบาท แต่ขอเวลาข้าทำใจสักพัก แล้วจะกลับมาช่วยพระราชาของเจ้า...........................ถ้าข้าไม่ถูกถังชุนสังหารซะก่อน...........................จาก เพื่อนที่ทำให้เจ้าผิดหวัง..............อุน”

ปล. เรื่องการลอบปลงพระชนม์ เจ้าต้องระวังให้มาก ถ้าถังชุนจะวางยาพิษ นอกจากอาหารแล้ว เจ้าต้องตรวจสอบทุกอย่างที่สัมผัสได้ เก้าอี้ทุกตัว ดอกไม้ที่ปลูก แม้แต่ธูปเทียนที่ใช้ อย่าให้ผิดพลาด ข้าเตือนได้แค่นี้

ข้าฝากยาระงับพิษมากับกูฮยางแล้ว ขอเพียงไม่ใช่พิษจากเข็มของถังชุนและพิษที่วางยาซ้ำซ้อน เมื่อทานยานี้แล้ว ถ้าถูกพิษอะไรก็ตาม จะถอนได้ในเวลาไม่นาน ใช้ให้ดี”

“ไม่จริงใช่มั้ย........... ไม่จริงใช่มั้ย โชริบ....... ทงซู..... ทงซู.... เจ้าคนบ้านั่น จะตายง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง ไม่.....ข้าไม่เชื่อ...ข้าไม่เชื่ออออออ....” ฮวางจินจูสลบลงไปข้างๆคิมกงดู พวกเพื่อนๆต่างยืนนิ่ง ไม่มีใครทำอะไรต่อไปได้ ข่าวการจากไปของเพ็กทงซู มีผลต่อสภาพจิตใจของพวกเขายิ่งนัก

...

..





Create Date : 23 มกราคม 2556
Last Update : 23 มกราคม 2556 20:35:03 น.
Counter : 1223 Pageviews.

4 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่9
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน”          ตอนที่9



กระบอกสีเงินของถังชุนที่มีอาวุธปลายแหลมโผล่ออกมานั้น   จู่ๆก็ยาวขึ้นเป็นสองเท่า กลายเป็นอาวุธที่มีความยาวใกล้เคียงกับดาบสั้นขึ้นมา แม้จะไม่มีความแบนเหมือนดาบ แต่อาวุธยาวนั้นก็มีความคมซ่อนอยู่ แถมอาบยาพิษซะด้วย ยออุนต้องรับมืออย่างระมัดระวัง โชคดีที่อดีตชอนจูคนนี้มีความเร็วเป็นเลิศผนวกกับอาวุธพิสดาร ไม่นาน ก็เริ่มได้เปรียบเล็กน้อย

ยออุนเลือกที่จะจู่โจมถังชุนที่หลังมือซ้าย บริเวณตำแหน่งที่เคยถูกดาบกรีดมีแผลเป็นมาก่อน การจู่โจมแผลเป็นภายนอก แม้จะยังไม่ได้ผลเพราะอีกฝ่ายป้องกันอย่างดี แต่แผลเป็นภายในใจของถังชุนนั่นเอง ที่ทำให้เจ้าแห่งพิษน้อยเสียท่า เพราะจู่ๆ ยออุนก็เปลี่ยนตำแหน่งจู่โจมเป็นท้องน้อยที่เปิดช่องให้พอดี ป้ายชื่อโลหะกระแทกเข้าท้องน้อยของถังชุน แม้จะไม่เต็มแรงเพราะเจ้าพิษน้อยไหวตัวทัน แต่ก็สร้างอาการบาดเจ็บให้เกิดขึ้นได้ไม่น้อยทีเดียว

“เจ้าพ่ายให้ข้าอีกแล้ว........ชุน” ยออุนพูดกับถังชุนที่จุกจนพูดไม่ออก

“ยออุน.... นึกไม่ถึง ว่ายุทธของเจ้า จะล้ำเลิศปานนี้ ข้าคาดว่า เพลงดาบของเจ้า ต้องไวกว่ากระบี่ปลิดวิญญาณแน่นอน แต่เจ้าก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ ว่าที่ข้าชำนาญที่สุด ไม่ใช่วรยุทธ แต่เป็นการวางยาพิษต่างหาก” รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังชุน

“แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถวางยาพิษข้าได้...........ไม่ใช่หรอ”

“ยออุน........แล้วใครบอกล่ะ ว่าข้าจะวางยาพิษเจ้า อดีตนักฆ่าอย่างเจ้า ระมัดระวังภัยเป็นที่สุด การลอบวางยาพิษเจ้า ถึงเป็นข้า.........ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะไม่แน่ ถ้าเป็นใครซักคน ที่เจ้ารัก และต้องการปกป้อง และถ้าเจ้ากลับปกป้องคนๆนั้นไม่ได้ ถ้าคนๆนั้นต้องตายด้วยยาพิษของข้า........เพราะเจ้า ความเจ็บปวดของเจ้า จะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ชุน............นี่เจ้า...............เจ้าหมายความว่าอะไร............. ถึงเจ้าจะใช้พิษผีเสื้อดำที่ร้ายกาจของเจ้า คิดหรอ ว่าข้าจะหาทางรักษาไม่ได้”

“ข้ารู้ ว่าเจ้าสนใจตำราแพทย์และตำราพิษมาตั้งแต่เด็ก เจ้าหลบไปเป็นหมออยู่พักใหญ่ คงมีวิชาแพทย์สูงส่ง บวกกับบันทึกพิษตระกูลถังที่กูฮยางแอบขโมยมา เจ้าน่าจะหาวิธีถอนพิษผีเสื้อดำได้แล้ว ในเมื่อเคยมียายนั่นเป็นตัวอย่างไปคนนึงแล้วนี่.... แม่นางยูจีซอน ที่ทั้งเจ้าและเพ็กทงซูหลงรักน่ะ”

“เรื่องของแม่นาง เจ้าก็รู้ด้วยเหรอ ข้าคาดไว้ไม่ผิด เจ้าก็แอบมีสายในสำนักโคมดำเช่นกัน ใช่มั้ย”

“เสียดาย.... ที่เจ้านั่นถูกกูฮยางจับได้ เลยชิงฆ่าตัวตายไปซะก่อน ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าจะปิดสำนักอีก นางหมอหญิงนั่น ก็คงหลงรักเจ้าด้วยล่ะสิ ไม่ต้องห่วงหรอก คนที่ข้าจะวางยาน่ะ ต้องเป็นคนที่สำคัญกับเจ้าที่สุดจริงๆ”

“สำคัญกับข้าที่สุด...............ไม่นะ........................ทงซู.............ธนูดอกนั้น เจ้าวางยาพิษที่ธนูงั้นหรอ” สีหน้ายออุนตกใจมาก เหงื่อตก

“เพ็กทงซู..... หมอนั่นติดนิสัย ชอบคว้าจับธนูที่กำลังแล่นกลางอากาศ ข้าใช้นิสัยข้อนี้ของมัน ก็สามารถวางยาพิษมันได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่ต้องห่วงนะ....... อุน พิษที่มันโดน ไม่กระจอกเหมือนผีเสื้อดำหรอก” คำพูดสุดท้าย ยิ่งทำให้ยออุนวิตกกังวลมากขึ้น เพราะลำพังพิษผีเสื้อดำ ก็ร้ายแรงมากแล้ว แต่เจ้าแห่งพิษน้อยกลับบอกว่า พิษผีเสื้อดำกระจอกไปเลย แสดงว่า ต้องร้ายแรงมากแน่ๆ

“เจ้าใช้พิษอะไร บอกมาซะดีๆนะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“ถ้าเจ้าไม่ใช้ดาบ เจ้าจะฆ่าข้าได้หรอ........... แต่เอาเหอะ ข้าจะบอกให้เอาบุญ พิษที่เพ็กทงซูถูกวางยา มีอยู่ในบันทึกเล่มนั้นแหละ มันจะออกฤทธิ์เต็มที่ในคืนพระจันทร์เต็มดวงอีกเจ็ดวันข้างหน้า และถึงเจ้าจะรู้ เจ้าก็ไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้หรอก ฮ่าฮ่าฮ่า อีกเจ็ดวัน รอฝังศพ เพ็กทงซูได้เลย อุน............... เจ้าจะช่วยชีวิตมันไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ทงซู...................” ยออุนอุทานชื่อด้วยความเป็นห่วง แล้วรีบกลับไปทันที

...

..

“ใครเอาดอกไม้พวกนี้มาปลูกที่หลุมศพของแม่นางกันนะ หอมดีจัง” เพ็กทงซูที่กำลังเคารพหลุมศพของยูจีซอนกำลังดมกลิ่นดอกไม้สีสันประหลาดที่มีใครบางคนมาแอบปลูกเอาไว้ จากนั้นก็หยิบเทียนและธูปที่ตนแวะซื้อออกมาเพื่อจุดเคารพศพของนาง กลิ่นควันธูป ควันเทียนผสมกับกลิ่นดอกไม้ประหลาดนั่น ทำให้เพ็กทงซูรู้สึกมึนศีรษะอย่างบอกไม่ถูก และเริ่มเจ็บที่ฝ่ามือขึ้นมาอีกแล้ว อีกทั้งจุดที่มือก็เริ่มกลายเป็นสีม่วงเข้มขึ้น เข้มขึ้นเรื่อยๆจนเกือบดำ และเริ่มขยายตัวขึ้นเป็นวงคล้ายๆเงาของพระจันทร์ เพ็กทงซูเริ่มกุมที่ศีรษะของตน สายตาพร่ามัว มองอะไรไม่เห็น หยิบน้ำในถุงพกขึ้นมาดื่ม แต่อาการไม่ดีขึ้น

เหรียญเงินสองเหรียญวิ่งตัดอากาศมาอย่างรวดเร็วและตัดเอาเทียนกับธูปดับลง กลิ่นควันหายไป สายตาของเพ็กทงซูมองคนที่เข้ามาช่วยตน แม้เพียงเลือนลาง แต่ก็จำได้แม่นยำ

“อุน................” พยายามจะยืนขึ้นด้วยตนเอง แต่เพ็กทงซูก็ทำไม่ได้ และล้มลงสลบไปในที่สุด ยออุนรีบเข้ามาประคองร่างที่ไม่ได้สตินั้น และแบกขึ้นหลังของตน รีบเดินทางไปยังที่ที่ปลอดภัยโดยด่วน แต่แบกจอมดาบขึ้นหลังได้เพียงชั่วครู่ คนกลุ่มหนึ่งประมาณยี่สิบคน ในเครื่องแบบนักฆ่าสำนักโคมดำก็ปรากฏกายขึ้นมา

“คารวะชอนจู” คนกลุ่มนั้นประสานเสียงพร้อมกัน

“พวกเจ้า หลีกไป อย่าขวางทางข้า ข้าไม่มีเวลาคุยกับพวกเจ้านานนัก”

“นายท่าน ตอนนี้ พวกเรารับคำสั่งจากคุณชายถังขอรับ ไม่ว่ายังไง ท่านก็พาคนๆนั้นไปไหนไม่ได้...........ขอรับ”

“พวกเจ้าไม่กลัวตายหรอ”

“ถ้านายท่านจะเมตตาสังหารคนบาปอย่างพวกข้า ก็เชิญลงมือเถิดขอรับ”

“พวกเจ้าจะทรยศชอนจูของตัวเองจริงๆงั้นหรอ”

“พวกเราทั้งหมด ถูกคุณชายถังวางยาพิษขอรับ พวกเราไม่มีทางเลือก ขอเพียงห้ามไม่ให้นายท่านพาเพ็กทงซูไปได้ พวกเราทั้งหมด จะได้รับการถอนพิษขอรับ”

“แต่ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายพวกเจ้าเลยนะ .......... ขอโทษด้วย” ขาดคำ ยออุนก็ซัดเข็มทองออกไปอย่างรวดเร็ว เข็มทองทั้งหมดที่เขามี ล้วนถูกซัดใส่ตำแหน่งไหล่ขวาของนักฆ่าทุกคนอย่างรวดเร็วแม่นยำ ทำให้นักฆ่าเหล่านั้น ทำดาบหล่นจากมือ และเป็นอัมพาตที่แขนชั่วคราว

“คิดแล้วเชียว ว่านักฆ่าของสำนักโคมดำ คงจะไร้ฝีมือ ฆ่าพวกมันให้หมด” มัตสึโมโต้ เซจิ ที่เพิ่งปรากฏกายขึ้น สั่งลูกน้องซามูไรกลุ่มใหญ่ของตน ลงมือสังหารนักฆ่าของสำนักโคมดำที่ไม่สามารถใช้ดาบได้ในตอนนี้ทั้งยี่สิบคน

“หยุดนะ..........หยุด” ยออุนพยายามจะสั่งให้พวกซามูไรหยุดมือ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ นักฆ่าของสำนักโคมดำที่จับดาบไม่ได้ ล้วนถูกซามูไรฆ่าตายทีละคนอย่างๆไร้ทางต่อสู้ เพราะถูกยออุนใช้เข็มทำให้เป็นอัมพาตไปซะก่อน การเห็นภาพลูกน้องเก่าถูกฆ่าตายต่อหน้า เพราะตนเป็นต้นเหตุ สร้างความเจ็บปวดและเจ็บแค้นแก่อดีตชอนจูยิ่งนัก เลือดของนักฆ่าเหล่านั้น กระเด็นเปื้อนใบหน้าและเสื้อผ้าของยออุนจนแดงไปหมด น้ำตาแห่งความเสียใจและสงสารลูกน้องของตนพรั่งออกมาจากนัยน์ตาคู่งามนั้น แววตา ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสัแดงเรื่อเพราะความโกรธจัด

“เพราะอะไร......... ทำไม ................. เพื่อเล่นงานข้าคนเดียว พวกเจ้าต้องฆ่าพวกเค้าด้วย พวกเค้าทำผิดอะไรใต่อพวกเจ้า ถ้าอยากเล่นงานข้า ก็มาดวลกับข้าสิ ฆ่าพวกเค้าทำไม...........”

“เพราะเสี่ยวชุนต้องการให้เจ้าเจ็บปวดที่สุดไง....... ลีพยองอัน...................ไม่สิ............ยออุน ใช่....ข้ารู้แล้ว ว่าเจ้าไม่ใชลี่พยองอัน แต่เป็นยออุน.......... ไม่ต้องห่วงนะ ข้าไม่ได้บอกเจ้าเฒ่าฮงซังบอมหรอกน่า”

“ข้าเคยสาบาน.............ว่าจะไม่ใช้ดาบอีก แต่พวกเจ้า ทำไมถึงได้บีบบังคับข้า ตอนนี้ทงซูถูกพิษ ข้าต้องพาไปรักษา พวกเจ้า จะขวางข้าให้ได้ใช่มั้ย”

“แน่นอน.............. ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ารักษาเพ็กทงซูได้อย่างเด็ดขาด ข้า.....จะล้างแค้นให้คเยนโจศิษย์พี่ของข้า”

“เจ้าอยากตายนักใช่มั้ย.......... เจ้า........ พวกเจ้าทุกคน ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยเพื่อน พวกเจ้า ลงมือสังหารคนของข้าอย่างเหี้ยมโหด ทั้งๆที่พวกนั้นไร้ทางสู้ วันนี้ ข้าจะใช้ดาบของเพ็กทงซู สังหารเจ้าทุกคน” รัศมีเข่นฆ่าแผ่ออกมาจากยออุนอย่างรุนแรง ทำเอาซามูไรเหล่านั้นขนลุกซู่ และเริ่มหวาดกลัว

ยออุนดึงดาบยาวของเพ็กทงซูออกมา จับให้มั่นด้วยสองมือ แม้จะแบกร่างของเพ็กทงซูไว้บนหลัง แต่ก็เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งกระโดด ทั้งเหวี่ยงตัวฟาดดาบ ล้วนเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน ยออุนหมุนตัวแต่ละครั้ง ก็มีศพเกิดขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งศพ เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น สร้างความพรั่นพรึงแก่กลุ่มซามูไรเป็นอย่างยิ่ง

มัตสึโมโต้เซจิ พยายามขว้างอาวุธลับดาวกระจายใส่ แต่ยออุนก็หลบได้ทุกครั้ง ราวกับบ้าคลั่ง หมอหนุ่มลงมือสังหารเหล่าซามูไรทั้งหมดอย่างไม่ปราณี เป็นการฆ่าคนที่เกิดขึ้นพร้อมกับการร้องไห้ ในเวลานั้น ดาวเพชรฆาตเป็นราวกับอสูรร้ายที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากคมดาบของซามูไรบางคนที่ลอบโจมตี แม้แต่ดาวกระจายที่ซัดถูกตนที่สร้างบาดแผลให้นั้น ก็ไม่สามารถหยุดความโกรธนั้นไปได้

ระยะเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ซามูไรยอดฝีมือของมัตสึโมโต้ทั้งยี่สิบคน ก็สิ้นชีพไปจนหมด เหลือรอดเพียงคนสนิทของซามูไรหนุ่มแค่คนเดียวเท่านั้น เซจิที่เคยเชื่อมั่นฝีมือของตนมาตลอด กลับประหวั่นและกลัวเกรงเพลงดาบสังหารที่สุดอำมหิตนี้ขึ้นมา เขาเดินก้าวถอยหลังช้าๆ เหงื่อแตกพลั่ก ขณะที่ยออุน ร่างกายเปรอะไปด้วยเลือดและรอยแผล ทั้งเลือดจากบาดแผลของตนเอง และเลือดของศัตรูที่กระเด็นใส่ตัว ค่อยๆก้าวไปหาซามูไรหนุ่มช้าๆเช่นกัน มือถือดาบอย่างมั่นคงพร้อมฆ่าทุกเมื่อ

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว......เซจิ แต่เจ้าบีบให้ข้าตบะแตก วันนี้........... ข้าจะไม่ให้ทายาทยอดซามูไรอย่างเจ้า รอดกลับไปจากที่นี่เด็ดขาด” อย่างรวดเร็ว ยออุนใช้แม่เหล็กที่พกติดตัวบวกกับการเคลื่อนไหวอย่างพิสดาร เก็บเข็มทองที่ร่างของนักฆ่าออกมาได้ทั้งหมด ที่หัวเข็มมีโลหะชนิดพิเศษอยู่ ทำให้ถูกแม่เหล็กของยออุนดูดติดอย่างง่ายดาย ยออุนกระโดดลอยตัวขึ้นฟ้า ทั้งๆที่แบกร่างของเพ็กทงซูอยู่ แต่ก็สามารถลอยตัวได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาซัดเข็มทองทั้งยี่สิบเล่มออกไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงยิ่งนัก อาศัยความเร็ว เซจิใช้ร่างคนสนิทมาบังตนรับเข็มแทน และกระโดดหลบไปพร้อมๆกัน แต่ก็ไม่วาย ถูกเข็มเล่มหนึ่งทิ่มทะลุรองเท้าแล้วฝังเข้าไปในเท้าของเขา ทำให้เขาไม่สามรถใช้เท้าข้างนั้นเดินได้ และล้มกลิ้งอยู่บนพื้นนั่นเอง

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก................” ซามูไรหนุ่มส่งเสียงร้องด้วยความทรมานยิ่งนัก พยายามคลานหนียออุน แต่ก็ไปไม่ได้ไกล อดีตนักฆ่าอันดับหนึ่ง กระชับดาบในมือ และเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“มัตสึโมโต้เซจิ ........................ ถ้าเจ้าตายลงไป ชุน...... คงจะต้องเจ็บปวดมากสินะ..... งั้นเจ้า ก็ไปรอหมอนั่น ในนรกก่อนเถอะ......” เงื้อดาบกำลังจะแทง

“อุน............... อย่า.................” เสียงเพ็กทงซูตะโกนเรียกกลางหลัง หมอหนุ่มที่กำลังบ้าคลั่งกลับได้สติขึ้นมา

“อุน.................หยุดเถอะ..........” เสียงที่ทำให้แววตาสีแดงเรื่อกลับกระจ่างใสอีกครั้ง ยออุนที่เรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว รีบวางร่างของเพ็กทงซูลงนอนกับพื้นเสียก่อน

“ข้าไม่เป็นไร.....อุน......... หยุดฆ่าคนเถอะนะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว” แม้จะพูดแบบนั้น แต่เสียงของเพ็กทงซูก็ไร้เรี่ยวแรง แหบพร่า หน้าซีด ตัวเย็น และชีพจรสับสนไปหมด

“ทงซู....... ทงซู............” ยออุนเรียกชื่อเพื่อนรักอย่างห่วงใย

“เจ้าไปได้แล้ว............ ข้าไม่อยากฆ่าคนอีก............. รีบไป........ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ” ยออุนสั่งให้เซจิรีบเผ่นไปไกลๆ ซามูไรหนุ่มไม่รอช้า รีบคลานหนีไปโดยไวเช่นกัน

“เดี๋ยววววว.... หยุดก่อน....” ยออุนเดินเข้าไปหาเซจิ ถอดรองเท้าของหมอนั่นออก ใช้นิ้วชี้ กดที่ฝ่าเท้า แล้วดึงเอาเข็มออกมาจากด้านใน จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้ง กดบริเวณที่ห่างไปหนึ่งนิ้ว นวดช้าๆ

“เจ้าไปได้แล้ว แต่สองวันนี้ห้ามวิ่งหรือกระโดดสูง ไม่งั้น เจ้าอาจจะพิการชั่วชีวิตก็ได้” พูดจบก็หันกลับไปแบกร่างของเพ็กทงซูแล้วเดินจากไปที่นั่นเช่นกัน ทิ้งให้เซจิ มองตามอย่างประหลาดใจ

...

..

“ถูกพิษ...... แล้วพิษอะไร เจ้ารู้มั้ยอุน” ซาโมถามยออุนหลังฟังอุนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

“กำลังศึกษาอยู่ขอรับ แต่น่าจะยังพอมีเวลา ถังชุนบอกว่า พิษนี้จะกำเริบรุนแรงในคืนพระจันทร์เต็มดวง อีกเจ็ดวันข้างหน้า ระหว่างเจ็ดวันนี้ ข้าจะหาวิธีรักษาทงซูให้ได้”

“นอกจากเจ้า ก็คงไม่มีใครช่วยทงซูได้อีกแหละ...อุน... พยายามเข้านะ” จินจูให้กำลังใจเพื่อน

“แล้วเราบุกไปชิงเอายาถอนพิษมาเลยไม่ดีเหรอ” ซังกักให้ความเห็น

“ถังชุนบอกว่า... ถึงข้ารู้ว่าพิษอะไร ก็จะไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้ และคนอย่างเจ้านั่น ก็คงไม่ปรุงยาถอนพิษแน่ๆ”

“แล้วทงซูถูกพิษได้ยังไงวะ” แทยงถาม

“วิธีวางยาพิษสามวิถี ทั้งสัมผัสถูกของมีคมที่อาบพิษ สูดดมเข้าไป และกินเข้าไปโดยตรง พิษตัวนี้ เป็นพิษสามประสาน เพราะฉะนั้น จะรุนแรงกว่าพิษอื่นๆหลายเท่า ตอนนี้ข้ากำลังให้กูฮยางตรวจสอบธนูดอกนั้น น้ำดื่มของทงซูกับธูปเทียนและดอกไม้พวกนั้นอยู่ ว่าเป็นพิษอะไรกันแน่ เราน่าจะได้คำตอบในไม่ช้า”

“โชริบ รายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว ทรงเรียกฮงซังบอมไปสอบถาม แต่เฒ่าเจ้าเล่ห์ปฏิเสธ บอกแต่ว่าเป็นความแค้นส่วนตัว ของพวกญี่ปุ่นกับทงซู ถ้าเราก้าวก่าย ญี่ปุ่นอาจหาเรื่องทำสงคราม ฝ่าบาทจึงทรงไม่มีทางเลือก นอกจากนิ่งเฉยไว้ก่อน” ยงกอลบอกคนอื่นๆ

“ถ้าเกิดว่า..... ถ้าหากว่า.... เจ้าไม่มีวิธีถอนพิษ แล้วเราจะทำยังไงล่ะ......อุน” มิโซถาม

“ไม่หรอก..........ข้าไม่มีวันให้ทงซูตายอย่างนี้แน่ๆ......... ถึงต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ต้องช่วยชีวิตทงซูให้ได้”

“อุน................” เพื่อนคนอื่นๆขานชื่อหมอหนุ่มพร้อมๆกัน

“ข้าว่า..........เจ้าเองก็บาดเจ็บไม่น้อยนะ...อุน ไปทำแผลก่อนดีมั้ย เห็นสภาพเจ้าแบบนี้แล้ว ข้าใจคอไม่ดีเลย” จางมีถามถีงอาการบาดเจ็บของยออุน เพราะเห็นเลือดเต็มตัว ทุกๆคนมองสภาพยออุนแล้วต่างคิดในใจ กว่าที่ยออุนจะพาเพ็กทงซูกลับมาถึงที่นี่ได้ จะต้องผ่านการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและหนักหนาสาหัสเอาการเป็นแน่

“ไม่เป็นไรขอรับ.............” ยออุนห่วงใยทงซูมากกว่าการบาดเจ็บของตนเอง แต่เพราะเห็นในน้ำใจเป็นห่วงของทุกๆคน จึงรับปากไปอาบน้ำทำแผล ร่างโปร่งขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก ตอนนี้ ในใจของเขากลัดกลุ้มและเจ็บปวดมาก ที่ที่เขาสามารถมีชีวิตอย่างสบายใจภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือการได้อยู่กับทงซู แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีทงซูขึ้นมา แล้วตนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร หวนนึกถึงความรู้สึกของเพ็กทงซู ความรู้สึกที่เคยคิดว่าตนตายไปแล้ว มันทรมานเพราะความคิดถึงยิ่งนัก ท่านหมอหันไปมองทางห้องที่ทงซูพักผ่อนอยู่

“เจ้าบ้า............. ทงซู ............... อย่าตายไปแบบนี้นะเว้ย ข้าไม่อยากทรมานกับความคิดถึงอีก ไม่อยากรู้สึกทุกข์แบบที่เจ้าเคยเป็น ขอร้องล่ะ ห้ามตายนะ ....... ทงซู”

“นายท่านห่วงเค้าคนนั้นมากขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ” เสียงของกูฮยางดังขึ้นจากด้านหลัง

“เจ้า.............. ได้ความว่ายังไงบ้าง”

“นายท่านดูบันทึกส่วนนี้สิเจ้าคะ” กูฮยางให้ยออุนดูบันทึกตระกูลถังด้วยกัน

“พิษเหมันต์รัญจวน........ ใช้กับหญิงสาว ผู้ถูกพิษจะมีพลังธาตุหยินในกายพุ่งขึ้นผิดปกติ ร่างกายจะซีด หนาวเย็น พิษจะรุนแรงที่สุด ในคืนพระจันทร์เพ็ญ จะมีความต้องการทางเพศตลอดเวลา หนาวสั่น ตัวแข็งจนตายพร้อมเลือดที่เย็นแข็งภายในเส้นเลือดของตน ไม่มียาถอนพิษ รักษาโดยการได้รับพลังธาตุหยางจากบุรุษเพศที่มีวรยุทธสูงเท่านั้น หากเป็นชายปกติ ไม่เพียงรักษาไม่หาย อาจตายทั้งคู่ หากเป็นบุรุษผู้มีวรยุทธ หลังจากถ่ายทอดพลังธาตุหยางเข้าสู่ร่างผู้ถูกพิษผ่านการเสพสังวาสแล้ว จะได้รับพิษของหญิงนั้นมาแทน พิษจะไหลผ่านเส้นเลือดเข้าสู่บริเวณใบหน้า ถ้าโชคดี อาจแค่เสียโฉม แต่ถ้าโชคร้าย เลือดออกเจ็ดทวาร ตายสถานเดียว” ยออุนอ่านด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พิษจันทราอาดูร.......... พัฒนามาจากพิษเหมันต์รัญจวน แต่น่ากลัวกว่าสิบเท่า เพราะเป็นการเพิ่มพลังธาตุหยินในบุรุษเพศ เบื้องต้นจะมีอาการเฉกเช่นเดียวกับพิษเหมันต์รัญจวนในผู้หญิง แต่ถอนพิษไม่ได้ ผู้ถูกพิษจะขาดใจตายในคืนพระจันทร์เต็มดวง เพราะพระจันทร์จะกระตุ้นธาตุหยินที่เป็นพิษให้ทำลายชีพจรจนหมดสิ้น” เมื่อ่านจบ ยออุนตัวสั่นเทาด้วยความกลัว และลงไปคุกเข่ากับพื้นเพราะความสิ้นหวัง

“นายท่านจะทำยังไงต่อไปเจ้าคะ”

“มิน่า....... ชุนถึงได้มั่นใจนัก ว่าข้าจะไม่สามารถรักษาเค้าได้ พิษจันทราอาดูรนี่เอง ทงซูถูกยาพิษสามชั้น เจ้าได้ตัวพิษของมันมารึเปล่า กูฮยาง”

“เจ้าค่ะ เป็นพิษเย็นที่รุนแรงที่สุด มีผลกระตุ้นพลังหยินให้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว มักใช้กับสตรีที่บุตรยาก แต่ใช้แค่ปริมาณน้อยๆเท่านั้น เพราะมันมีพิษอยู่ แต่พิษสี่ชนิดนี้ ไม่หักล้างกัน แถมช่วยกระตุ้นพิษของตัวอื่นให้ทวีอานุภาพยิ่งขึ้นด้วย ข้าคิดว่า เพ็กทงซูคงจะ......”

“ข้าจะไม่ยอมหมดหวัง ถ้าไม่มียาถอนพิษ งั้นก็ต้องใช้พิษ เจ้ารวบรวมยาที่ส่งผลกระตุ้นธาตุหยางและระงับธาตุหยินมาให้ข้าเยอะๆ ข้าจะลองใช้วิธีพิษล้างพิษดู บวกกับการฝังเข็มเคลื่อนย้ายชีพจร อาจจะพอมีทางรักษา”

“วิชาฝังเข็มเคลื่อนย้ายชีพจร...... นายท่านฝึกสำเร็จแล้วหรือเจ้าคะ มันซับซ้อนและยากมาก ข้าเคยได้ยินว่า ขนาดผู้เฒ่าดาวตก เจ้าของฉายาหมอฆาตกร อดีตชอนจูคนแรกของสำนักโคมดำ ยังไม่กล้าใช้เลย”

“ข้าจะลองเสี่ยงดู หวังว่าวิธีพวกนี้จะใช้ได้ผล”

“แล้วร่างกายของท่านผู้นั้น.....”

“ทงซูต้องทนได้ ข้าเชื่อว่าเค้าต้องรอด ข้า ในฐานะหมอ และทงซูในฐานะคนไข้ของข้า จะสู้เคียงข้างกัน และเอาชนะพิษจันทราอาดูรไปให้ได้”

...

..




Create Date : 21 มกราคม 2556
Last Update : 21 มกราคม 2556 22:13:32 น.
Counter : 1241 Pageviews.

4 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่8

“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน”       ตอนที่8




“พวกนั้น   จะลงมือในวันฉลองราชาภิเษกครบหนึ่งปีพะย่ะค่ะพระหมื่นปี พวกเราควรจะเอาไงดีพะย่ะค่ะ” คิมฮันกูปรึกษากับพระหมื่นปีจองชุน

“ได้ข่าวว่ามียอดฝีมือทั้งจากญี่ปุ่นและต้าชิงมาร่วมมือด้วยใช่มั้ยท่านพ่อ”

“พะย่ะค่ะ ข้าแอบเห็นฝีมือแล้ว ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ที่สำคัญ พวกนั้น จ้องจะจัดการกับพวกของเพ็กทงซูก่อน จะได้ไม่มาคอยเป็นเสี้ยนหนามตำใจอย่างคราวที่แล้วอีก”

“ก็ดี กำจัดเจ้านั่นไปซะให้พ้นทาง ถ้าจะให้ดี หาทางกำจัดฮงกุกยงไปด้วยเลยจะดีที่สุด”

“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว พะย่ะค่ะ แต่สำหรับช่วงนี้ พวกเราควรที่จะ.........”

“ฝ่าบาทจับจ้องข้าอยู่ ทางที่ดี ให้นิ่งไว้ รอจนงานสำเร็จ พวกเราค่อยเก็บผลประโยชน์ จริงสิท่านพ่อ ท่านไปสืบเรื่องหมอที่ชื่อลี-พยองอันมาให้ข้ารึยัง”

“อา...พะย่ะค่ะ ข้าไปสืบมาแล้ว แต่หมอนี่เป็นคนลึกลับ ไม่มีประวัติอะไรเลย อายุ น่าจะราวๆกับเพ็กทงซู แต่สำหรับหน้าตา เห็นว่ามันมีรอยแผลเป็นไฟไหม้ที่แก้มสองข้าง ทำให้ไม่มีใครกล้ามองหน้าตรงๆ แต่มียุทธสูงมาก ไม่ด้อยไปกว่าเจ้า เพ็ก-ทงซูเลย”

“เทียบกับอดีตชอนจูของสำนักโคมดำล่ะ”

“พระองค์ยังไม่ลิมเจ้านั่นหรือพะย่ะค่ะ”

“อา.... ข้ารู้สึกถูกชะตาเจ้าเด็กนั่นจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเป็นภัยในภายหลังล่ะก็... ข้าจะรับมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวเลยล่ะ เพราะว่าเค้า... ทำให้ข้านึกถึงคนๆนั้นขึ้นมา”

“เจ้านั่นแค่หน้าคล้ายอดีตคนรักของพระองค์เท่านั้น อีกอย่าง .....มันก็ตายไปแล้ว ลืมมันซะ ห่วงเรื่องงานของพวกเราดีกว่าพะย่ะค่ะ”

“ท่านพ่อ.. อย่าเพิ่งโมโห ยังไงซะเจ้านั่นก็เป็นเพื่อนของศัตรูของเรา ข้าไม่ใส่ใจมากนักหรอก ท่านพ่อให้คนไปบอกพวกฮงซังบอม ว่าถ้ากำจัดเพ็กทงซูได้ก่อนวันฉลอง ข้าจะร่วมมือในแผนปลงพระชนม์เต็มที่ ... เพ็กทงซู ข้าอยากเห็นเจ้าตายนัก หึหึ”

...

..

“ชอนจู.... เพ็ก ทง ซู เจ้าบอกข้าว่า ชอนจูคนนั้น ยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ ก็ไหนพวกยงกอลบอกข้าว่า เค้า... ชอนจูคนนั้น กระโดดเข้าหาดาบของเจ้า แล้วมันก็แทงทะลุหัวใจ ... เจ้า.... เจ้าฝังศพเค้าไปแล้ว... แล้วทำไม....”

“อุนมีหัวใจอยู่ที่อกด้านขวาพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท จึงรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์”

“แล้วเค้า กลับมาแก้แค้นข้างั้นหรือ ไม่สิ... ข้าเคยปล่อยเค้าไปแล้ว เค้าก็ไม่น่าจะแค้นข้า อีกอย่าง ครั้งนั้น เค้าเลือกจะตายเอง และถ้าเค้าเกิดรอดตายมาจริงๆ เค้า..... ยออุน ใช่มั้ย หายไปเกือบสองปี ไปอยู่ไหน ไปทำอะไร แล้วเค้ากลับมาหาเจ้างั้นเหรอ เพื่ออะไรล่ะ”

“ให้อุนทูลเองดีมั้ยพะย่ะค่ะ”

“เจ้านั่นยังแอบเข้าวังของข้าอีกหรอ เอาเถอะ..... ถ้าเค้าไม่คิดร้ายข้า.... ข้าก็จะไม่ว่าอะไร เจ้าตามเค้าเข้ามาเฝ้าข้าตามลำพังสิ” สิ้นเสียงของพระเจ้าจองโจ ร่างโปร่งก็เข้ามาในตำหนัก ชายหนุ่มถวายคำนับตามระเบียบประเพณี แล้วมานั่งคุกเข่าหน้ากษัตริย์แห่งโชซอน ขณะที่องครักษ์เอกขอตัวออกไปก่อน

“ลี-พยองอัน งั้นเหรอ เปลี่ยนชื่อแล้วไปมีชีวิตใหม่ที่สงบสุข ก็น่าจะดีสำหรับเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงกลับมาที่นี่อีก”

“คงเพราะกระหม่อมคิดถึงพวกเค้าพะย่ะค่ะ”

“เข้าเรื่องเถอะ กุกยงรายงานข้าเรื่องลอบปลงพระชนม์แล้ว เจ้า..... เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าได้หรอ ในเมื่อ.... เจ้าคือนักฆ่าที่เคยลงมือปองร้ายข้ามาก่อน และอีกฝ่าย คือญาติแท้ๆของข้านะ”

“กระหม่อมไม่มีอะไรจะพิสูจน์ แต่คงจะทรงทราบแล้ว เรื่องพฤติกรรมน่าสงสัยของคนพวกนั้น ศัตรูใหม่มากมายและฝีมือสูงส่ง กระหม่อมคงไม่กลับมาถ้าไม่เพราะ เป็นห่วงพวกเค้า พวกห้าคนข้างนอกนั่น ถวายชีวิตให้ฝ่าบาท แม้ตายก็จะไม่เสียใจ กับฝ่าบาท โปรดทรงอภัย ถึงกระหม่อมไม่คิดภักดีใคร แม้แต่พระองค์ก็ตาม ................ แต่กับคนพวกนั้น เพื่อนที่เติบโตและร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน กระหม่อมรักและอยากปกป้องพวกเค้าพะย่ะค่ะ”

“น้ำเสียงและแววตาของเจ้า....... จริงใจดี ข้าเชื่อ..... ลี-พยองอัน ไม่สิ...... ถ้าผ่านพระราชพิธีและจับกบฎ ที่คิดฆ่าข้าได้อย่างเจ้าว่า..... เจ้าก็กลับไปเป็นยออุนเถอะนะ พวกนั้น... โดยเฉพาะหมอนั่น คิดถึงอุนมาตลอด ข้าดูออก ........พวกเจ้าโชคดีนะ ที่มีเพื่อนรักที่จริงใจ และพร้อมจะปกป้องกันและกัน เพื่อเจ้า...... เค้ากล้าขัดรับสั่งข้า ส่วนเจ้า เมื่อสองปีก่อน เพื่อเพื่อนของเจ้า เจ้ายอมสละชีวิตตัวเองได้ แค่ข้อนี้ ข้าก็นับถือน้ำใจเจ้าแล้ว ดังนั้น เพื่อพวกนั้น ข้าจึงเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางปองร้ายข้าอีก อยู่ช่วยข้า..... ไม่ใช่ อยู่ช่วยเพื่อนของเจ้าปกป้องข้าด้วยนะ อุน.... จงกลับไปเป็นยออุน หนึ่งในองครักษ์ที่พระบิดาข้าเคยไว้ใจและเชื่อถือเถอะนะ ไปเป็นนักสู้ไร้เทียมทาน เคียงข้างจอมดาบอันดับหนึ่ง เพื่อนรักของเจ้าเถอะ”

...

..

“ยิ้มดีใจอะไรของเจ้านักหนาวะ...ทงซู เดินยิ้มยังกะคนบ้าแน่ะ” ยออุนที่สวมหมวกอำพรางใบหน้ากำลังพูดกับเพ็กทงซูขณะเดินกลับจากวังหลวง ผ่านริมน้ำสายหนึ่ง เพื่อกลับบ้าน

“เปล่า....... วันนี้.... ข้าแค่รู้สึก.......ดีใจ.......เท่านั้นเอง......” ตอบไปยิ้มไป

“เรื่องไรวะ”

“ฝ่าบาททรงไว้ใจเจ้า ทั้งๆที่เคยทรงคิดที่จะ................. .. ช่างเหอะ แถมยังทรงเรียกชื่อเจ้าด้วย...... อุน..... ทรงเรียก

.....อุน....”

“เออ..... ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าก็ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง อย่าลืมสิ เรื่องสำคัญรอพวกเราอยู่นะ”

“ข้ารู้..... แต่ข้าดีใจจริงๆนะอุน... ข้าคิดไว้เสมอ.... ว่าจะมีโอกาสได้สู้เคียงข้างเจ้าอีก ได้มีคนที่เราไว้ใจอยู่ข้างๆเวลาต่อสู้เนี่ย มันอบอุ่นดีนะ เกือบสองปี ที่ข้าถวายงานฝ่าบาท ต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลเก่ามากมาย แม้ข้าจะเป็นจอมดาบอันดับหนึ่ง แต่ก็เป็นจอมดาบที่โดดเดี่ยว ยิ่งสู้ ข้าก็ยิ่งเหงา เจ้าจำได้มั้ย ที่ข้าเคยพูดกับเจ้าไว้นานแล้ว ว่า ว่าข้าเคยฝัน ว่า เราสองคน จะเป็นนักดาบมือหนึ่งของโชซอนด้วยกันทั้งคู่น่ะ เราสองคน ต่อสู้เคียงข้างกันเพื่อกำจัดพวกอธรรม ผดุงความยุติธรรม และมีโชริบเป็นฝ่ายบุ๋นคอยสนับสนุนพวกเรา จำได้มั้ย และนั่น... ก็ยังคงเป็นชะตา ที่ข้าคิดจะเลือก.............”

“แต่ถ้าข้าเลือกได้..... ข้าอยากเป็นคนธรรมดาที่สามารถอยู่เคียงข้าคนที่ข้าเชื่อใจ โดยไม่ต้องต่อสู้กับใครอีก เพ็กทงซู เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เหรอ ว่าการต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวน่ะ มันทรมานใจแค่ไหน ข้าทนอยู่กับมันมาหลายปี อยู่กับความอ้างว้างนั้นมาตลอด ข้าไม่ได้สู้เพื่อปกป้องใคร อย่างที่นักดาบควรจะทำ เหมือนอย่างเจ้า เหมือนอย่างท่านลุง แต่ข้ากลับต้องสู้ เพื่อปกป้องตัวเอง จากหลังเสือที่ลงไม่ได้ มือของข้าเปื้อนเลือดผู้คนมากมาย มือสังหาร .... ที่มีบาปติดตัวไปตลอดชีวิต”

“อุน....... ข้า...... ข้า......” เพ็กทงซูสะดุดคำพูดของยออุน จนพูดไม่ออก

“ทงซู................เจ้าว่า..... ถ้าแม่นางยังอยู่ จะเลือกอยู่กับใคร กับคนที่ต้องต่อสู้ชั่วชีวิต หรือขออยู่อย่างสงบสุขโดยไม่ต้องห่วงว่าคนที่เรารักจะมีอันตรายกลับมารึเปล่า ..... เจ้าคิดว่า... อะไร ที่จะทำให้นางมีความสุขกว่ากัน”

“จริงของเจ้า..... อุน ถ้าอยู่อย่างสงบสุขได้ คงจะดีกว่า ถ้าเลือกได้ แม่นางจีซอน คงจะเลือกแบบเดียวกับเจ้า หึ............. แปลกดีนะ..... ข้าใกล้ชิดนางมานาน แต่ไม่เคยพยายามจะรู้เลย ว่านางคิดยังไง อยากมีชีวิตยังไง ได้แต่ให้นางอยู่เคียงข้างข้า ในฐานะนักดาบ ข้าอยากปกป้องนาง ด้วยเพลงดาบของข้า แต่ข้าไม่เคยรู้ความรู้สึกจริงๆของนางเลย ว่านางมีความสุขกับชีวิตบนความเสี่ยงแบบนั้นรึเปล่า”

“นางอยู่เคียงข้างเจ้า เพราะนางรักเจ้า มากกว่าคิดจะหาความสุขให้ตัวเอง นางคงชินกับการมีชีวิตเพื่อผู้อื่น เพื่อพ่อของนาง เพื่ออดีตรัชทายาท เพื่อแผนที่นั่น เพื่อ... .... เพื่อเจ้า ..... ทงซู”

“ดูเหมือนว่าเจ้า จะเข้าใจนางดีกว่าข้าเสียอีกนะ...... อุน”

“เพราะนางคล้ายกับข้าไง อยู่บนหลังเสือที่ลงไม่ได้ นางเคยมีชะตาที่แบกไว้กลางหลัง ต้องอยู่เพื่อคนอื่น โชคดี ที่เจ้าทำลายมันลงไป ส่วนข้า ต้องใช้ชีวิตเพื่อสังหารผู้คน แม้แต่จะต้องทำร้ายเพื่อนๆของข้าเอง ตอนที่ข้าได้รับคำสั่งให้ฆ่าพวกซังกักสามคนนั่น ดาบที่ข้าแทงลงไปบนร่างเพื่อน มันไม่ได้แค่แทงพวกนั้น แต่มันกรีดใจของข้าด้วย ข้าร้องไห้เพราะความรู้สึกผิดร้องเพราะเจ็บลึกอยู่ข้างใน

ถึงแม้ว่าข้า จะกลับมาช่วยชีวิตพวกนั้นไว้ ได้ทัน ข้าก็ยังต้องแอบกลั้นน้ำตาไว้ ใจนึงก็รู้สึกดีใจ ที่เพื่อนๆไม่เป็นไร แต่อีกใจนึง ข้าก็นึกกลัว กลัวมาก กลัวชอนจูจะรู้ ว่าข้าขัดคำสั่ง กลัวความผิด กลัวความล้มเหลว มันสับสนไปหมด และนึกรังเกียจตัวเองที่ต้องเป็นแบบนั้น ตอนที่ต้องเลือกเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ข้าเหมือนอยู่บนเส้นทางที่ไปทางไหนก็ไม่ได้ จะหยุดและหนีไปก็ไม่ได้ ถ้ายังไม่อยากหนีตายอย่างคนทรยศแบบท่านอาจินกิ จนกว่าจะได้เป็นชอนจู ข้าต้องแบกรับความเศร้า ความโดดเดี่ยว และซ่อนมันเอาไว้ ไม่ให้มันแสดงความอ่อนแอออกมา” น้ำตาแห่งความเศร้าและเงียบเหงาคลอบางๆอยู่ที่ขอบตาคู่งามของหมอหนุ่ม ยิ้มเยาะๆแบบสะใจโลกเล็กๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากให้ทงซูเห็นน้ำตาของตน

“ดูเหมือนการปลดปล่อยความดีใจด้วยการยิ้มราวกะคนบ้าของข้า จะเทียบไม่ได้กับการได้ปลดปล่อยของเจ้าในวันนี้เลยนะ ....อุน....... แสดงออกมาเถอะ ความอ่อนแอที่อยู่ในใจเจ้า ความอ้างว้างที่เจ้าทนซ่อนมันมาตลอด แสดงออกมาเถอะ ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เจ้าเคยบอกไง สถานที่ ที่สบายใจเพียงแห่งเดียวของเจ้า ............. คือที่ที่อยู่กับข้า................ อุน....... ตอนนี้ ข้าก็อยู่กับเจ้าแล้ว ปล่อยมันออกมาเถอะ ข้าจะเคียงข้างเจ้าเอง และจะไม่ให้เจ้าต้องโดดเดี่ยวอีก” เพ็กทงซูมองหน้าเพื่อนรักคนนี้อย่างห่วงใย นึกถึงวันเก่าๆที่ตนเคยได้รับการปกป้องจากเพื่อนคนนี้ ครั้งนึง เด็กชายหน้าสวยคนนึง มายืนขวางดาบของชอนจูแห่งสำนักโคมดำอย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อน ..... ครั้งนึง หนุ่มหน้าสวยคนนึง เคยเสี่ยงตายดูดพิษงูออกจากร่างของหนุ่มหน้าหล่ออีกคนหนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อน ..... ครั้งนึง นักฆ่าหน้าสวยคนหนึ่ง เคยยอมถูกคู่ต่อสู้ทำร้ายจนเกิดรอยแผลที่ใบหน้า แต่พอมีโอกาส ก็ไม่ยอมลงมือสังหารศัตรูคนนั้น เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อน ........ ครั้งนึง หัวหน้านักฆ่าหน้าสวย เคยยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย สู้กับศัตรูหลายสิบคน เคียงข้าง คนๆนึง เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อน...................... และครั้งนึง คนเดียวกันนั้น ก็ยอมถูกเพื่อนรัก ใช้ดาบแทงทะลุหัวใจ............ เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อน ................... ความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเพื่อนรักคนนี้ สะท้อนออกมาทางแววตาคู่งามของจอมดาบหนุ่มให้หมอหนุ่มหน้าสวยผู้นี้ได้เห็น

“ขอบใจนะ...... ทงซู” ยออุนปาดน้ำตา และยิ้มอย่างมีความสุข เป็นรอยยิ้มที่เพ็กทงซูไม่ได้เห็นมานานแล้วจริงๆ ความสุข ของคนๆนึง ที่ได้ปลดปล่อยจุดอ่อนหรือปมในใจตนเอง ให้กับคนที่เราไว้ใจ คนที่เชื่อใจเรา และเข้าใจเราได้ฟัง

“อา.....” ทงซูตอบสั้นๆ แต่ในใจรู้สึกประหลาดพิกล จอมดาบนึกถึงตอนที่ตนอยู่กับยูจีซอน แม่นางนั้นเข้มแข็ง ไม่เคยแสดงด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็น แม้แต่เพ็กทงซู คนที่นางฝากชีวิตให้ แต่กลับไม่เคยมอบความรู้สึกเชื่อใจแบบนี้มาก่อนเลย แต่กับยออุน นี่เป็นครั้งแรก ที่เพ็กทงซูได้เห็นด้านที่อ่อนไหวของเพื่อนรัก ใจนึงก็สงสารเพื่อนรักคนนี้มาก แต่อีกใจกลับรู้สึกภูมิใจลึกๆ ที่เพื่อนรักศรัทธาและให้ความไว้วางใจตน การที่ใครคนนึง โดยเฉพาะอดีตนักฆ่าที่มีฝีมือไร้ต้านอย่างคนข้างหน้าตนนี้ จะปลดปล่อยความรู้สึกอ่อนแอออกมา เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ การแสดงความอ่อนแอ สำหรับนักฆ่าแล้ว ก็เหมือนการฆ่าตัวตาย นี่เป็นครั้งแรก ที่เมื่อยืนอยู่ใกล้ๆกันขนาดนี้ แต่เพ็กทงซู ไม่สามารถสัมผัสรัศมีเข่นฆ่าจากยออุนได้เลย เบื้องหน้าจอมดาบตอนนี้ เป็นเพียงชายหนุ่มที่หวั่นไหวกับโลกแห่งการต่อสู้ และอยากมีชีวิตสงบสุขเท่านั้น หัวใจของเพ็กทงซูบอกเจ้าของว่า ตนต้องปกป้องคนตรงหน้านี้ให้รอดพ้นจากความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวให้ได้ จะไม่ให้อุน ต้องกลับไปเผชิญชะตาที่น่าหดหู่แบบนั้นอีก

ลูกธนูพุ่งมาจากด้านหลังเพ็กทงซูอย่างรวดเร็ว นักดาบหนุ่มมีปฏิกิริยาว่องไว สามารถคว้าจับธนูดอกนั้นได้ทัน หัวธนูมีจดหมายผูกติดอยู่ด้วย ไม่รอช้า เพ็กทงซูเปิดอ่านทันที

“อุน....... ไม่ได้พบกันนาน อยากเจอเจ้าซักครั้ง พบกันที่ศาลาลืมทาง ข้ารักษาคำพูดของข้าเสมอ..............................เพื่อนเก่าของเจ้า........ชุน”

“ชุน................... ใครกันหรอ.... อุน ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน” ความรู้สึกหวงเพื่อนเกิดขึ้นมาเล็กน้อย

“อา.... เจ้าไม่เคยพบเค้าหรอก ข้ารู้จักเจ้านั่น ก่อนจะเจอเจ้าซะอีก” คำพูดของยออุน ทำเอาเพ็กทงซูเคว้งเล็กๆ

“ศาลาลืมทาง ใกล้กับที่ฝังศพท่านอาโชซังนี่นา ดีเลย ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า จะได้แวะคารวะหลุมศะของท่านอาด้วย” เพ็กทงซูทำท่าจะเดินไปเป็นเพื่อนยออุน

“แต่วันนี้ ครบเจ็ดวันแม่นางจีซอน เจ้าไปเคารพหลุมฝังศพนางก่อนเถอะ ข้าไปคนเดียวได้ อีกอย่าง เพื่อนเก่าของข้าคนนี้....... ไม่น่าคบนักหรอก”

“อดีตนักฆ่างั้นหรอ......อุน”

“น่ากลัวกว่านั้นอีก เจ้านี่ อาจจะเป็น คนๆเดียวกับที่พวกโชริบ เห็นเดินอยู่กับฮงซังบอมก็ได้”

“ที่บอกว่า.... หน้าสวยๆ แต่รัศมีเข่นฆ่ารุนแรงเนี่ยนะ งั้นให้เจ้าไปคนเดียว คงไม่ดีแน่ ข้าไปด้วยดีกว่า”

“ไม่ได้ ถ้าเจ้าไปด้วย อาจจะมีคนอื่นๆรู้ ว่าข้ายังไม่ตาย”

“แต่เจ้าชุนอะไรเนี่ย มันรู้ได้ยังไง”

“ข้าถึงได้บอกว่า มันน่ากลัวมากยังไงล่ะ จมูกของเจ้านั่น รับรู้และจดจำกลิ่นได้เป็นเลิศ มันอาจสัมผัสอาวุธที่ข้าเคยใช้มาก่อน แล้วจำกลิ่นเหงื่อได้ หรือถึงจะแค่สงสัย แค่รู้ลักษณะภายนอกล่ะก็ มันก็เดาได้แปดในสิบส่วนแล้ว เจ้านั่นน่ะ ทั้งฉลาดและร้ายกาจมาก แต่มันมีแค้นส่วนตัวกับข้า ข้าเชื่อว่า มันจะยังไม่บอกใคร เรื่องของข้าแน่ๆ”

“แล้วเจ้าคนเดียว จะรับมือมันได้เหรอ....อุน”

“ลืมไปแล้วเหรอทงซู ว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร ข้าคือ ยออุนนะ... ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน ข้าไม่เป็นไรหรอก” พูดจบ ร่างโปร่งก็พลิ้วตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้จอมดาบหนุ่มมองตามด้วยความเป็นห่วง

“โอ๊ยยยยยยย..... รอยอะไรเนี่ย” เพ็กทงซูกำลังจ้องมองรอยจุดเล็กๆบนฝ่ามือที่ใช้จับก้านธนูเมื่อครู่นี้ จุดเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างประหลาด

...

..

ศาลาลืมทาง เป็นชื่อของร้านเหล้าเล็กๆข้างทางแห่งหนึ่ง ว่ากันว่า ใครกินเหล้าที่นี่จนเมาแล้ว จะไม่รู้เลยว่า ตนจะไปที่ไหน แล้วลืมทางกลับบ้านได้นั่นเอง

นั่งอยู่อย่างเหงาๆคนเดียว ชายหนุ่มหน้าสวยที่ใบหน้าคล้ายไปทางชาวฮั่นกำลังดื่มเหล้าอย่างสนุกปาก เขาเหมาร้านนี้ไว้ทั้งหมด แม้แต่เถ้าแก่ร้าน ก็ถูกเหมาไปด้วย เพราะนอนตายอยู่ข้างๆทางเข้าครัวนั่นเอง

“ทำไมเจ้าต้องลงมือกับผู้บริสุทธิ์ด้วย ชุน เพื่อที่จะพบข้า เจ้าฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย เพื่ออะไรกัน”

“ข้าก็แค่อยากจะดื่มเหล้าให้สะใจ แต่เหล้าที่นี่ไม่ค่อยถูกปาก ข้าก็เลยเติมยาบางอย่างลงไปเท่านั้นเอง”

“ยาพิษอีกล่ะสิ สมกับที่เป็น เจ้าแห่งพิษน้อยจริงๆ แล้วคู่ขาเจ้าล่ะ มัตสึโมโต้ เซจิน่ะ ไม่มาด้วยหรอ”

“ช่างรู้ไม่เบาเลยนะ อดีตชอนจูแห่งสำนักโคมดำ ปกปิดชื่อเสียงเป็นลีพยองอัน แล้วคิดว่าเจ้า จะตบตาข้าได้งั้นเหรอ”

“ธนูและเข็มทองที่มีกลิ่นเหงื่อของข้า บวกกับรูปพรรณสัณฐาน ถ้าเป็นจ้า ย่อมเดาออกอยู่แล้ว แต่เจ้าก็ไม่บอกใครเรื่องที่ข้ายังไม่ตาย คิดจะแก้แค้นส่วนตัวรึไง ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญลงมือได้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าก็รู้ ว่าข้าไม่สู้กับเจ้าด้วยอาวุธให้เจ้าหัวเราะเยาะข้าหรอก ได้ยินว่า วิชาซัดเข็มทองของเจ้าสุดยอดมาก ก็เลยอยากจะพิสูจน์หน่อย ว่าจะไวกว่าเข็มเงินหิมะจากปืนยิงเข็มของข้ารึเปล่าเท่านั้นเอง ... รับมือ” ขาดคำ ถังชุนก็ยิงเข็มเงินใส่ร่างของอุนทันที ยออุนหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วซัดเข็มทองออกไป ถังชุนก็สามารถพลิ้วตัวหลบได้รวดเร็วเช่นกัน แล้วใช้ปืนยิงเข็มเงินซ้ำไปอีกรอบ สองเข็มติดต่อกัน

ยออุนตีลังกาหลบเข็มสองเล่ม พร้อมกับซัดเข็มทองไปหนึ่งเล่ม ถังชุนเอียงตัวหลบ และเตรียมยิงเข็มเงินเล่มถัดไป ยออุนใช้จังหวะนั้น ซัดเข็มทองอีกเล่ม เป้าหมายคือช่องปล่อยเข็มเงินของปืนยิงเข็มในมือถังชุนนั่นเอง

แม่นดังจับวาง เข็มทองเข้าไปในช่องพอดี ทำให้ปืนยิงเข็มเงินติดขัด ถังชุนจึงเปลี่ยนมาบุกโจมดีแบบประชิดตัว โดยใช้ปืนยิงเข็มเงิน แทนอาวุธสั้น เข้าต่อสู้กับยออุนแทน ฝ่ายหมอหนุ่มก็ไม่รอช้า งัดป้ายชื่อออกมา แล้วใช้วิชาป้ายชื่อรับมือกับถังชุนอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมตกเป็นรอง ปืนยิงเข็มเป็นกระบอกสีเงิน ยาวประมาณครึ่งศอก แต่ซ่อนลูกเล่นมากมาย ทั้งหมุนควงอย่างรวดเร็วและมีอาวุธปลายแหลมโผล่ออกมา ขณะที่ป้ายชื่ออันใหม่ของยออุน ในชื่อลีพยองอัน นั้น เป็นป้ายที่ทำมาใหม่แทนอันที่ใช้ในวันที่ปะทะกับมัตสึโมโต้เซจิ ซึ่งฝังไปในหลุมศพของยูจีซอนแล้ว เพราะยออุนต้องการให้ป้ายชื่อนี้ มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อใช้รับมือกับกระบี่ปลิดวิญญาณและดาบซามูไรของมัตสึโมโต้ เขาจึงไปนำกระบี่เก่าของอดีตชอนจูมาหลอมใหม่เป็นป้ายชื่อโลหะที่เบาแต่แข็งแกร่งมาก เชือกคล้องป้ายเป็นใยไหมชนิดพิเศษที่มีอยู่ในคลังอาวุธของสำนักโคมดำ ทั้งเหนียวและทนทานมากกว่าเชือกปกติหลายเท่า

“ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้วิชาดาบล่ะ............ อุน”

“ข้าสาบานไว้แล้ว ว่าจะไม่ใช้มันอีก”

“ถ้าเจ้าไม่ใช้ดาบ มั่นใจหรอ ว่าจะเอาชนะข้าได้”

“ก็ต้องลองดู”

...

..

 




Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2556 20:44:07 น.
Counter : 1123 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  6  

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments