ช่วงที่เหลียวหลังมองธงชาติตรงจุดแบ่งเขตแดนแบบตาละห้อย น้องเช้งก็เล่าที่มาของการรวมธงประจำชาติทั้ง 4 ประเทศของสหราชอาณาจักร (The United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) หรือที่เรียกว่า Union Jack ให้ฟัง
บนซ้าย - ประตูทางเข้า บนขวา - "ดอกทิวลิป 5 ดาว" = การรันตีความยิ่งใหญ่อลังการโดยการท่องเที่ยวแห่งสกอตแลนด์ ล่างขวา - รูปปั้นของ Robert I, the Bruce ตรงซ้ายมือของประตูทางเข้า ส่วนด้านขวาที่ไม่ได้ถ่ายติดมาคือ William Wallace
ปืนบ่ายโมง (The One oclock Gun) ปืนใหญ่จะยิงไปยังทะเลเหนือ (North Sea) ตอนบ่ายโมงของทุกวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1861 เพื่อเป็นการบอกเวลาแก่ชาวเรือ รวมทั้งข่มขวัญข้าศึกไปพร้อมกัน ปัจจุบันก็ยังคงสืบทอดการยิงปืนอยู่เช่นเดิมทุกวันทำการ (ยกเว้นวันอาทิตย์)
St Margarets Chapel โบสถ์หินแบบโรมันหลังน้อย ๆ สร้างขึ้นโดย King David I (1083-1153) ในปี ค.ศ. 1130 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระมารดา Queen Margaret of Scotland (1045-1093) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปราสาทแห่งนี้ หลังจากล้มป่วยลงเมื่อทรงทราบข่าวพระสวามี (King Malcolm III) และโอรสองค์โต (Edward) สิ้นพระชนม์ในสงครามแห่งแอล์นนิค (Battle of Alnwick) ได้ 3 วัน
ซ้ายล่าง - ครอบครัวตัวป่วน ขวา - ภายใน St Margarets Chapel อาคารที่เก่าแก่ที่สุดในเอดินเบอระ
Scottish National War Memorial เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1927 เพื่อรำลึกถึงบรรพชนผู้เสียสละชีพในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง โดยชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้ในสมุดที่ชื่อว่า "The Rolls of Honour"
Royal Palace สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1617 เพื่อถวายพระเกียรติแด่ King James VI (1567-1625) ผู้เป็นกษัตริย์แห่งสกอตเมื่ออายุเพียง 13 เดือน และเป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งเกาะบริเตนใหญ่
ขณะอายุเพียง 22 พรรษา (1st King of Great Britain : 1603-1625) โดยปกครองดินแดนอันประกอบด้วยอังกฤษ (England) สกอตแลนด์ (Scotland) และไอร์แลนด์ (Ireland) ในนามของ King James I ภายในอาคารมีห้องประทับของกษัตริย์และราชินี เครื่องราช กุธภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้ของราชวงศ์ต่าง ๆ หุ่นจำลอง มงกุฏ คฑา ดาบ..และน่าเสียดายที่ไม่เจอหินแห่งโชคชะตา (Stone of Destiny) ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวสกอต
หลังออกจากปราสาทมา นั่งรถผ่านพวกรูปปั้นบุคคลสำคัญอีกแล้ว ซ้าย - David Hume นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์คนสำคัญ..ผู้ปลุกยุโรปให้ตื่นจาก "การหลับใหลอยู่กับหลักความเชื่อ" (ราว ค.ศ. 1770) ขวา - The Black Watch หรือกองทหารผู้ควบคุมความสงบของชนเผ่าต่าง ๆ ในสกอตแลนด์
เราใช้เส้นทาง รอยัลไมล์ (The Royal Mile) หรือถนนราชดำเนินแห่งสกอตแลนด์ ซึ่งสร้างตามแนวสันเขาเชื่อมโยงพื้นที่ประวัติศาสตร์ระหว่างปราสาทเอดินเบอระ (Edinburgh Castle) และพระราชวังโฮลี่รู้ด (Palace of Holyroodhouse) ทิวทัศน์ระหว่างทางงามเริศราวกับอยู่ในเทพนิยาย
ซ้าย - The Balmoral Hotel ด้านหลังนั่นคือ Calton Hill กลาง - Robert Burns Monument บน Calton Hill ขวา - St Giles' Cathedral
โดยในปี 2011 รอยัลไมล์ (The Royal Mile) ครองอันดับ 3 ถนนสุดโรแมนติกในสหราชอาณาจักร ของ "Google Street View Awards" จากผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอังกฤษกว่า 20,000 คน
ภาพแผนที่จาก www.aboutscotland.com 1. ปราสาทเอดินเบอระ (Edinburgh Castle) 2. ถนนรอยัลไมล์ (The Royal Mile) 3. พระราชวังโฮลี่รู้ด (Palace of Holyroodhouse) 4. ถนนปริ้นเซส (Princes Street)
พระราชวังโฮลี่รู้ด (Palace of Holyroodhouse) ที่ประทับอย่างเป็นทางการแห่งราชวงศ์สกอตแลนด์ โดย Queen Elizabeth II แห่งสหราชอาณาจักรจะมาประทับที่นี่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ในต้นฤดูร้อนของทุกปี คำว่า Holyrood แปลงมาจาก Haly Ruid ในภาษาสกอต แปลว่า กางเขนศักดิ์สิทธิ์ (Holy Cross) ส่วนด้านหลังพระราชวังเป็นที่ตั้งของ ซากโบสถ์ Holyrood Abbey ซึ่งค้นพบโดย King David I แห่งสกอตแลนด์ ในปี ค.ศ. 1128
Princes Street ถนนที่แบ่งระหว่างเมืองเก่า (Old Town) กับเมืองใหม่ (New Town) ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้ง ตรงบริเวณนี้มีสวนสาธารณะสวยมาก ๆ (Princes Street Gardens) แต่เวลามีน้อยมากเลยไม่ได้แวะ
บน - Princes Mall หรือ Waverley Shopping Centre ล่างซ้าย - รูปปั้นของ David Livingstone มิชชันนารีผู้ศรัทธาในคริสต์ศาสนาและนักสำรวจกาฬทวีป ล่างขวา - Melville Monument ตรงจตุรัส St Andrew Square ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระบบขนส่ง
The Scott Monument อนุสาวรีย์ที่มีความสูง 61.1 เมตร บริเวณ Princes Street มีขั้นบันไดทั้งหมด 287 ขั้น และระเบียง 4 ชั้น ซึ่งสามารถชมวิวได้ 360 องศา สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นักเขียนนิยายประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนแรก เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต (Sir Walter Scott : 1771-1832)
บ้านของ Sir Lawrence Dundas ซึ่งกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของ Royal Bank of Scotland
วินาทีที่บังเอิญเห็นนกเกาะอยู่บนศีรษะของ Duke of Wellington พอดี
หลังจากเดินเล่นย่านช้อปปิ้งบริเวณ Princes Street จนตกเย็น คืนนี้เราพักกันที่เอดินเบอระ และจะอำลาดินแดนแห่งวิสกี้ ปี่ และกระโปรงลายสกอตเพื่อกลับสู่อังกฤษกันในตอนเช้าของอีกวัน
บน - Calton Hill เมื่อมองจากสะพานเหนือ (North Bridge) ล่าง - War Memorial Statue บนสะพานเหนือ (North Bridge)