Blog เล็กๆแห่งหนึ่ง รวมเกร็ดข่าวสาระประจำวัน กับ เรื่องที่อาจจะไร้สาระ ของ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในมหานครใหญ่แห่งหนึ่ง ในที่โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
Group Blog
 
All Blogs
 
นักลงทุนสหรัฐถือหุ้นไทย3.2หมื่นล.รอลุ้นJanuary Effect

ที่มา //www.bangkokbiznews.com


:หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เป็นสถาบันการเงินในสหรัฐ ซึ่งประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จากผลกระทบของพิษซับไพร์มครั้งนี้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ประกอบด้วย โกลด์แมน แซคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล, เจ.พี.มอร์แกน ไอร์แลนด์ (นอมินีส์) ลิมมิเทด 14, เจ.พี.มอร์แกน แบงก์ ลักเซมเบิร์ก เอส.เอ.20, เมอร์ริล ลินช์ อินเตอร์เนชั่นแนล-จีอีเอฟ แอคเคาท์ ไคล์แอนท์ เจเนอรัล ทีเอชบี, เมอร์ริล ลินช์, เพียร์ซ, เฟนเนอร์ แอนด์ สมิธ อิงค์


อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวแรนซ์ คอมปานี, ลิมมิเทด-เอเพกส์, อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวแรนซ์ คอมปานี, ลิมมิเทด-ไทเกอร์, อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวแรนซ์ คอมปานี, ลิมมิเทด-ดีไอ-ไลฟ์, ฟอร์ติส โกลบอล คัสโตดี้ เซอร์วิส เอ็น.วี และ มอร์แกน สแตนเลย์ แอนด์ โค. อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี

จากข้อมูลพบว่า กลุ่มสถาบันการการเงินดังกล่าว มีการถือลงทุนในตลาดหุ้นไทย มูลค่ารวมล่าสุด 3.2 หมื่นล้านบาท โดยมีการลงทุนในหุ้น 82 บริษัท ซึ่งสถาบันการเงินที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด คือ มอร์แกน สแตนเลย์ แอนด์ โค อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี มีมูลค่าเงินลงทุน 9.66 พันล้านบาท รองลงมาเป็นโกลด์แมน แซคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีมูลค่าเงินลงทุน 7.34 พันล้านบาท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสซัวแรนซ์ คอมปานี

ลิมมิเทด-ดีไอ-ไลฟ์ มีมูลค่าเงินลงทุน 5.81 พันล้านบาท , อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวแรนซ์ คอมปานี, ลิมมิเทด-เอเพกซ์ มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 3.12 พันล้านบาท เมอร์ริล ลินช์, เพียรซ์, เฟนเนอร์ แอนด์ สมิธ อิงค์ มูลค่าเงินลงทุน 1.88 พันล้านบาท ฟอร์ติส โกลบอล คัสโตดี้ เซอร์วิส เอ็น.วี.มีเงินลงทุน 1.65 พันล้านบาท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวแรนซ์ คอมปานี, ลิมมิเทด-ไทเกอร์ มีเงินลงทุนรวม 1.47 พันล้านบาท

เมอร์ริล ลินช์ อินเตอร์เนชั่นแนล-จีอีเอฟ แอคเคาท์ ไคล์แอนท์ เจเนอรัล ทีเอชบี มีเงินลงทุนรวม 535 ล้านบาท เจ.พี. มอร์แกน ไอร์แลนด์ (นอมินีส์) ลิมมิเทด 14 มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 502.64 ล้านบาท และเจ.พี. มอร์แกน แบงก์ ลักเซมเบิร์ก เอส.เอ.20 มูลค่าเงินลงทุนรวม 55.11 ล้านบาท

1 ปีมูลค่าเงินลงทุนในไทยลดลง

เมื่อนำมาเปรียบเทียบมูลเงินลงทุน รอบ 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับลดลงทั้งหมด ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวลดลงแรง โดยสถาบันที่มีมูลค่าเงินลงทุนลดลงมากสุด ได้แก่

เจ.พี.มอร์แกน ไอร์แลนด์ (นอมินีส์) ลิมมิเทด 14 โดยมูลค่าเงินลงทุนลดลง 69.90% จาก 1.66 พันล้านบาทเหลือ 502.64 ล้านบาท รองลงมาเมอร์ริล ลินช์, เพียร์ซ, เฟเนอร์ แอนด์ สมิธ อิงค์. มูลค่าเงินลงทุนลดลง 60.91% จาก 4.81 พันล้านบาท เหลือ 1.88 พันล้านบาท เมอร์ริล ลินช์ อินเตอร์เนชั่นแนล-จีอีเอฟ แอคเคาท์ ไคล์แอนท์ เจเนอรัล ทีเอชบี มูลค่าเงินลงทุนลดลง 53.85% จาก 1.15 พันล้านบาทเหลือ 535 ล้านบาท

เตรียมเงินสดใช้ยามฉุกเฉิน

การลงทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐกับตลาดหุ้นไทย มีหลายๆ คนประเมินว่า จะมีการทยอยลดสัดส่วนการลงทุนลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงสิ้นปี เนื่องจากสถาบันการเงินที่มีปัญหาจะต้องสำรองกระแสเงินสดไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มจะเห็นการทยอยขายของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวไปบ้างแล้ว และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หุ้นหลายๆ ตัวทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบหลายๆ ปี

ส่วนตัวเลขของการลงทุนนักลงทุนต่างชาติในรอบปี 2551 ณ วันที่ 24 ธันวาคม ยังมียอดขายสุทธิรวมกัน 1.59 แสนล้านบาท และจากการสอบถามแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติของคนในวงการตลาดทุนความเห็นว่า ยังหวังมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ ที่จะใช้เป็นแม่เหล็กดึงความสนใจกลับมาได้หรือไม่ ซึ่งหนี้ไม่พ้นเรื่องของปัจจัยทางการเมือง

ชี้การเมืองเครื่องวัดปริมาณทุนนอก

ม.ล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวให้ความเห็นว่า โอกาสที่จะเกิดการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นสำคัญ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ อยู่ระหว่างการจับตามองนโยบายการบริหารประเทศจะเป็นอย่างไรสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้หรือไม่ และจะมีปัญหาอะไรอีก

เบื้องต้นเท่าที่ติดตามคณะรัฐมนตรีแม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่นักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสำคัญที่การดำเนินนโยบายมากกว่า ถ้านโยบายบริหารประเทศออกมาในทิศทางที่ดี มีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้จริงก็จะเป็นตัวเรียกแรงซื้อกลับเข้ามาได้

"ตอนนี้นักลงทุนต่างชาติจับตาเรื่องของนโยบายการบริหารประเทศ จะออกมาในรูปแบบใดและสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ เช่นหากมีการกระตุ้นการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจค ขั้นตอนกระบวนการลดภาษีทำได้จริง ใช้เวลาไม่นานก็เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาได้ โดยส่วนตัวยังมั่นใจว่าภาพการกลับมาซื้อลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมกราคมน่าจะมีโอกาสได้เห็นได้บ้าง"

ชี้แจนยัวรี่เอฟเฟคท์ยุคนี้เกิดน้อย

ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง บอกว่า ถ้าจะให้ประเมินคาดว่าเหตุการณ์แจนยัวรี่เอฟเฟคท์ในยุคนี้คงจะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก หากเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าเกิดดีซัมเบอร์แอฟแฟคแล้วก็จะไม่มีแจนยัวรี่เอฟเฟคท์ แต่รอบนี้ไม่เหมือนกับประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่าครั้งนี้คาดการณ์ได้ยาก เพราะมีความไม่แน่นอนของปัจจัยที่จะมีผลกระทบสูง แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่เกิดขึ้น

"เหตุผลเพราะปี 2551 เดือนธันวาคมมีเงินในส่วนของกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนหุ้นทุนระยะยาวเข้ามาในตลาดแล้ว รวมทั้งหุ้นขนาดใหญ่ในเดือนมกราคม ไม่น่าจะปรับตัวขึ้นได้แรง เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมามาก แต่หุ้นขนาดกลางถึงเล็ก น่าจะปรับตัวขึ้นมาคึกคัก เพราะแรงซื้อต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาได้ง่าย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวได้ง่าย"

ดัชนีสูงสุดไตรมาสแรกอยู่ที่ 470 จุด

กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี ประเมินว่าดัชนีสูงสุดในรอบไตรมาสแรกปี 2552 น่าจะอยู่ที่ 470 จุด โดยคาดว่าปัจจัยพื้นฐานอย่างอัตราการเติบโตกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนน่าจะติดลบ 10% การเมืองนิ่งไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงกันข้าม หากเศรษฐกิจไม่ดีการเมืองวุ่นวาย แผนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ผล หรือมีปัจจัยเลวร้ายด้านอื่นๆ เข้ามากระทบ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นติดลบได้มากสุด 33% ดัชนีหุ้นไทยก็จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 350 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำสุดแล้ว

"กรณีที่ทุกอย่างดีหมด คาดว่าอัตราเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 5% ทุกอย่างฟื้นตัวภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นดัชนีหุ้นก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้มากกว่าที่เคยประเมินไว้ "

ต่างชาติรอมาตรการกระตุ้น ศก.

นางสาวมยุรี โชติกรานต์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างประเทศในเดือนมกราคมมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้

แต่คงต้องรอจับตาช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ 2552 เพราะนักลงทุนต่างชาติจะรอติดตามการแถลงนโยบายบริหารประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากออกมาในทิศทางที่ดีเชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์บ้าง และน่าจะกลับมาทำให้ตลาดหุ้นคึกคักอีกครั้ง แต่ประเมินเป็นแค่ช่วงสั้น เพราะต้องรอดูอีกว่าปัจจัยทางการเมืองของไทยจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นอีกหรือไม่

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เคยตั้งความหวังไว้ว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ทางการเมืองน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้คงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และการมีรัฐบาลชุดใหม่นี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้การเมืองเดินหน้าไปได้

ส่วนเรื่องแรกที่ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแล คือ เรื่องเศรษฐกิจ หากมีทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง คงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเหมือนที่ผ่านมา

"การตั้งทีมเศรษฐกิจ หากมีเอกภาพมีการทำงานที่ชัดเจน และเชื่อมโยงทั้ง 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และอุตสาหกรรม คงช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมา และคงเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และหวังว่าต่างชาติน่าจะมองไทยในแง่ที่ดี เพราะอย่างน้อยรัฐบาลชุดใหม่มาจากขบวนการของรัฐสภา หากการเมืองมีความชัดเจน นักลงทุนต่างชาติน่าจะพิจารณากลับเข้ามาลงทุนในไทย" นางภัทรียา กล่าว

ขณะที่รายงานบทวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีส ระบุว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ต่างชาติขาดทุนย่อยยับ สถาบันการเงินทั่วโลกย่ำแย่ อุตสาหกรรมแท้จริงมีปัญหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีกระแสทุน ไหลเข้าตลาดทุน

นอกจากนี้ บ้านเรามีความเสี่ยงการเมือง และตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจที่ติดลบ หากมองข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงก็จะรู้ว่าตลาดหุ้นขึ้นได้อย่างไร และคุณคิดว่าแจนยัวรี่เอฟเฟคท์ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ!อย่าฟังแต่ข่าวดีแค่ช่วงสั้น แต่ต้องมองให้ยาวถึงเข้าใจ จึงไม่อยากให้คาดหวังว่าจะเงินต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาได้ง่าย

แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาหรือไม่ ยังไม่มีใครกล้าฟันธง เพียงแต่มีการประเมินไว้คร่าวๆ โอกาสที่จะกลับมาพอมีหวัง แต่ต้องรอลุ้นให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีแกนนำอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 วางนโยบายฟื้นฟูประเทศให้เรียบร้อย และมีความชัดเจนมากขึ้น

หากนโยบายที่ออกมาได้รับการยอมรับ เรายังพอมีหวังที่จะได้เห็นต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นได้บ้าง หรืออาจจะมีโอกาสได้เห็นเทศกาล แจนยัวรี่เอฟเฟคท์กันอีกสักครั้ง




Create Date : 01 มกราคม 2552
Last Update : 1 มกราคม 2552 8:20:24 น. 3 comments
Counter : 597 Pageviews.

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



โดย: หอมกร วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:16:40:54 น.  

 
มีความสุขในทุก ๆวันนะคะ



โดย: อ้อมกอด (Aom_Love_U ) วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:23:25:17 น.  

 


มาขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ


โดย: Aom_Love_U วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:1:36:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Rushing Dandy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ Bloggang ผมนะครับ
อยาก Comment อะไรเชิญได้เต็มที่ครับ
แล้วก็ยังไง ช่วยกรุณาสนับสนุน Sponsor link ด้านล่างนี้ ด้วยนะครับ




มีผู้เข้าชม Blog แห่งนี้นับตั้งแต่ 14 ธ.ค 51 แล้ว free counters
free counter

Friends' blogs
[Add Rushing Dandy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.