ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

New Honda Eco Car Sedan ทดลองขับซีดาน 1.2 ลิตร ใหม่ ในแบบ Spy Shot

Honda Eco Car Sedan
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : ฮอนด้า ประเทศไทย Wednesday, 31 October, 2012 0:12 AM
800x
New Honda Eco Car Sedan
ทดลองขับซีดาน 1.2 ลิตร ใหม่ ในแบบ Spy Shot
baหลังสร้างกระแสในโลกอินเตอร์เนตได้พักใหญ่ ฮอนด้า ก็เชิญสื่อมวลชนกลุ่มเล็กประมาณ 25 คน เพื่อทดลองขับรถซีดานรุ่นใหม่ ซึ่งยังไม่มีชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นซีดานของ บริโอ้ โดยเตรียมเปิดตัวเป็นทางการเร็วๆ นี้ งานนี้ ฮอนด้า มาแปลกด้วยการติดสติ๊กเกอร์ลายพรางบนรถที่ใช้ในการทดลองขับซึ่งมีเพียงคันเดียว โดยเน้นพรางหนาแน่นบนตัวถังด้านหน้าและหลัง นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการงดถ่ายภาพด้วยกล้องและโทรศัพท์มือถือ โดยจะมีช่างภาพส่วนกลางถ่ายภาพให้

baการทดลองขับมีขึ้นที่ แก่งกระจาน เซอร์กิต ความยาวสนามประมาณ 3.1 กิโลเมตร มีทีมวิศวกรจากญี่ปุ่นมาร่วมสังเกตการณ์ และเป็นผู้ดูแลรถคันนี้ตลอดการทดสอบ ตั้งแต่การเปลี่ยนยางเมื่อขับครบ 7 คน การตรวจสอบแรงดันลมยางและสภาพของผ้าเบรก ก่อนขับมีการบรรยายสรุปสั้นๆ ซึ่งก็ห้ามบันทึกภาพเช่นกัน จับใจความได้ว่าเป็นรถซีดานที่เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยการเพิ่มความยาวฐานล้อ 60 มิลลิเมตร หนักขึ้น 26 กิโลกรัม และห้องเก็บสัมภาระมีพื้นที่มากขึ้น ระบุว่าใส่ถุงกอล์ฟได้ 2 ใบ ส่วนเครื่องยนต์คงเดิมเบนซิน 4 สูบ 1,198ซีซี 90 แรงม้า คันที่ทดลองขับเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT

baผมไปถึงสนามค่อนข้างเร็ว จึงมีโอกาสได้ทดลองขับ บริโอ้ แฮทช์แบ็ค 5 ประตูเกียร์ธรรมดา แม้จะใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก เพราะกำลังมีการวางไพลอนเพื่อลดความเร็วในบางโค้ง มีช่างภาพกำลังถ่ายรูปอยู่ในสนาม และที่สำคัญ มีคนนั่งข้างๆ คือ คุณศศิวรรณ ทองดีเลิศ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่แม้จะบอกให้ผมขับได้เต็มที่แต่ก็ยังเกรงใจอยู่ดี ขับดูไลน์ 2 รอบสนามแล้วจึงเข้าพิท และรอเรียกชื่อตามลำดับ
Honda Eco Car Sedan
baในรอบที่ผมขับ ใช้ความเร็วไม่สูงนักในรอบแรก เพื่อสังเกตทั้งอาการของรถและอุปกรณ์ชิ้นส่วนภายใน ที่ครึ่งคันด้านหน้าใช้ร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ค ตั้งแต่แผงคอนโซลทั้งชุดและเบาะนั่ง โดยมีการปรับโทนสีเล็กน้อย ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าเมื่อเป็นคันจริงจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ บางชิ้นส่วนก็ยังไม่เหมือนกับคันจริง จึงน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ขอความร่วมมือในการไม่บันทึกภาพ

baรอบต่อไปผมเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิด พบว่าช่วงล่างมีการยึดเกาะถนนที่ดี ในโค้งมีการโคลงตัวไม่มากนัก และรู้สึกว่าด้านท้ายจะนิ่ง และเกาะกว่ารุ่นแฮทช์แบ็คอยู่พอสมควร ทั้งที่ใช้ความเร็วสูงกว่าตอนขับรุ่นแฮทช์แบ็คด้วยซ้ำ

baในช่วงโค้งยู-เทิร์นกว้าง ถ้าเข้าเร็วจะมีอาการหน้าไถออกนอกโค้งให้สัมผัสอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของรถประเภทนี้ รวมทั้งใช้ยางประหยัดน้ำมันหน้าแคบ เติมลมยางไว้ตามมาตรฐานปกติ ไม่ได้เผื่อไว้สำหรับขับในสนามแข่ง แต่อาการก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร (ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะไม่มีรถคันอื่น) แก้ไขไม่ยาก แค่ถอนคันเร่งเล็กน้อยและคลายพวงมาลัยหน่อย อาการหน้าไถก็หมดไป ส่วนในช่วงโค้งต่อเนื่องซ้าย-ขวา เมื่อใช้ความเร็วสูงก็จะเจอกับอาการโยนของตัวรถอยู่บ้าง

baการขับในรอบที่ 2 ผมใช้ความเร็วเกินการใช้งานปกติ และเกินประเภทของรถไปพอสมควร จึงมีอาการอย่างที่เล่าไป ซึ่งในการใช้งานทั่วไปไม่น่าจะเกิดขึ้น รอบสุดท้ายผมลดความเร็วลงอีกเล็กน้อย อาการน่าหวาดเสียวต่างๆ ก็หมดไป ลองกดคันเร่งสุดๆ เมื่อออกจากโค้งเข้าสู่ทางตรง พบว่าเมื่อเจอกับทางตรงโล่งๆ ที่รออยู่ข้างหน้า ทำให้รู้สึกว่าอัตราเร่งจะอืดไปนิด ถ้าอยากให้เร่งทันใจต้องกดคันเร่งลึกๆ รักษารอบเครื่องยนต์ให้สูงไว้

baห้องโดยสารครึ่งคันด้านหน้าแทบไม่แตกต่างกับรุ่นแฮทช์แบ็ค ทั้งในด้านการตกแต่งและพื้นที่ใช้สอย โดยจุดเด่นของรถรุ่นนี้ซึ่งก็น่าจะเป็นจุดเดียวกับที่ผู้ออกแบบต้องการ นั่นคือ ความกว้างขวางของห้องโดยสารด้านหลัง ด้วยการเพิ่มความยาวฐานล้อ 60 มิลลิเมตร จาก บริโอ้ แฮทช์แบ็ค ที่มีฐานล้อ 2,345 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างล้อหน้า/หลัง คงเดิม เช่นเดียวกับระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม ที่ไม่ได้ปรับเซตใหม่แต่อย่างใด
Honda Eco Car Sedan
baเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างด้านหลังด้วยการติดตั้งคานรูปกากบาทบริเวณหลังเบาะหลัง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 26 กิโลกรัม แทบไม่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองและสมรรถนะ โดยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช้าลงไปเพียง 0.1 วินาทีเท่านั้น และค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศก็ใกล้เคียงกับรุ่นแฮทช์แบ็คด้วยเช่นกัน

baผมลองปรับเบาะผู้ขับให้พอเหมาะ (เกียร์อัตโนมัติจะเลื่อนเบาะถอยหลังได้ไกลกว่าเกียร์ธรรมดาอีกนิด) จากนั้นให้เพื่อนที่มีความสูงประมาณ 170 เซนติเมตรเข้าไปนั่งบนเบาะหลังฝั่งผู้ขับ พบว่าหัวเข่าห่างจากด้านหลังของพนักพิงเบาะหน้าประมาณ 1 คืบ ส่วนศีรษะเฉี่ยวเพดานทั้งด้านบนและด้านข้างขวา

baในรอบที่สื่อมวลชนท่านอื่นขับ ผมขออนุญาตนั่งบนเบาะหลังฝั่งผู้ขับ หลังจากปรับเบาะผู้ขับแล้วพบว่ามีพื้นที่ระหว่างหัวเข่ากับหลังเบาะหน้าประมาณ 1 คืบจริงๆ (ผู้ขับสูงประมาณ 170 เซนติเมตร) เมื่อนั่งแบบหลังแนบกับพนักพิงและคาดเข็มขัดนิรภัย ศีรษะจะเฉี่ยวเพดาน โดยพื้นที่ด้านหลังศีรษะซึ่งประกอบด้วยแผงลำโพงและกระจกบานหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังไม่รู้สึกโล่งๆ เหมือนเวลานั่งบนเบาะหลังของรุ่นแฮทช์แบ็ค พนักพิงปรับความเอนมาพอเหมาะ หมอนรองศีรษะแบบตายตัว รองรับช่วงต้นคอได้ดีพอสมควร

baนอกจากการเพิ่มความยาวฐานล้อที่ช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาแล้ว การออกแบบเบาะหลังใหม่ให้มีความหนานุ่ม ก็มีส่วนช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้เช่นกัน ตินิดตรงที่ตัวเบาะสั้นไปหน่อย ทำให้รองรับช่วงต้นขาด้านหลังได้ไม่เต็มที่นัก

baหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ เพื่อนสื่อมวลชนก็ล้อเล่นกับทีมงาน ฮอนด้า ว่า ในเมื่อ บริโอ้ รุ่นแฮทช์แบ็กไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้ ก็ชดเชยด้วยการติดตั้งในรุ่นซีดานก็แล้วกัน ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ฮอนด้า คงได้ชื่อว่าเป็นบริษัทรถที่กวนประสาทมิใช่น้อย

baก่อนทานอาหารค่ำ ทีมงาน ฮอนด้า เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม และเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับรถรุ่นใหม่ได้อย่างเต็มที่ คำถามแรกที่ทุกคนสงสัยเหมือนกัน คือ 'รถรุ่นนี้ใช้ชื่อรุ่นว่าอะไร' คำตอบที่พอจะรู้อยู่แล้ว คือ 'ยังบอกไม่ได้ในตอนนี้' เช่นเดียวกับราคาขายที่แง้มมาเพียงว่า 'จะแพงว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ค เล็กน้อย'

baหลังจากทดลองขับ สื่อมวลชนส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า รถรุ่นนี้มีการปรับเซตช่วงล่างที่ดี จึงเกิดความสงสัยว่า ดีเฉพาะคันที่ทดสอบนี้หรือเปล่า ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันจากหัวหน้าทีมวิศวกรว่า คันที่ขายจริงช่วงล่างก็ดีแบบนี้เหมือนกัน โดยในรุ่นซีดานมีการปรับช๊อคแอ็บซอร์เบอร์ด้านหน้าให้มีความหนืดมากขึ้น และปรับสปริงด้านหลังให้มีความแข็งเพิ่มขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งช๊อคฯ และสปริงสามารถนำไปใส่กับรุ่นแฮทช์แบ็คได้ แต่ฟิลลิ่งในการขับจะแตกต่างกันไป เพราะน้ำหนักตัวรถที่ไม่เท่ากันนั่นเอง

baในส่วนของการล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ประมาณ 140-145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังคงมีอยู่ในรถรุ่นใหม่นี้ โดยทีมวิศวกรให้คำตอบว่า เพื่อให้ผู้ขับได้ใช้เครื่องยนต์ในช่วงรอบที่มีประสิทธิภาพ และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด ความปลอดภัยผ่านมาตรฐานของ UN/ECE หรือ United Nations Economic Commission for Europe จากการทดสอบชนด้านท้ายพบว่าผู้โดยสารมีความปลอดภัยพอๆ กันทั้งในรุ่นแฮทช์แบ็คและซีดาน

//www.motortrivia.com/



Create Date : 31 ตุลาคม 2555
Last Update : 31 ตุลาคม 2555 9:49:29 น. 0 comments
Counter : 5477 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]